@ชั่วโมงต่อมา
เมื่อถึงช่วงเวลาพลบค่ำ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านรีบลงมานั่งคอยบนโซฟา ตรงข้างๆมุมรับประทานอาหาร ปล่อยหญิงสาวคลุกกับมารดาในครัว บรรยากาศเริ่มครึกครื้นเพราะเสียงหัวเราะทั้งสองฝ่ายดังเล็ดรอดออกมา
ฝ่ามือหนาเลือกวางแฟ้มเอกสารลง ทำอย่างว่ามันไร้ความหมาย พอเหลือบเห็นเดโม่และลูกน้องคนสนิท ลอบสังเกตุทางหลังบ้านเป็นระยะ นัยน์ตาคมเลยหรี่เพ่งจนทั้งคู่ละไปทำหน้าที่ตัวเอง
"อาหารเสร็จแล้วค่ะคุณ" น้ำเสียงใสพยามอ่อนหวานกว่าเดิม ยามมีมารดาอยู่ในบริเวณนั้น เธอรีบเรียกสามีชั่วคราวเพื่อให้ไปช่วยท่านยกจานจัดเรียงขึ้นโต๊ะรอ
"อืม" คนตัวสูงพยักหน้ารับเล็กน้อย ให้ร่างอรชรเดินข้างหน้าประหนึ่งว่าสามารถนำเขาได้ คงเก็บกดจากเมื่อคืนได้ทีเอาใหญ่สั่งอย่างเดียว
ร่างสูงเริ่มมีท่าทางเงอะงะ ตั้งแต่มีบ้านส่วนตัวพึ่งเข้ามาในห้องนี้ไม่กี่ครั้ง ยิ่งดูแม่ครัวทำอาหารกำลังวุ่นวาย จะขยับนิดหน่อยยังเกรงว่าเป็นส่วนเกิน
"รบกวนคุณช่วยยัยโมถือจานนี้ที ระวังร้อนหน่อยนะ" น้ำเสียงอ่อนโยนบอก ระหว่างดันถ้วยมีไอร้อนโชยซึ่งใช้จานรองอีกชั้นนึงแล้ว ท่านไม่ได้วางท่าทางรังเกียจ แค่เห็นความเป็นอยู่ลูกสาวดีก็เพียงพอ
"ครับ" ซิลค์รีบถือถ้วยอาหารยกออกมา ปล่อยสองแม่ลูกยุ่งกับของหวานอีกหน่อย ขืนเขายังยืนอยู่คงได้เห็นหญิงสาวแอบกลั้นขำแน่นอน
"ทานกันเถอะ เราไม่เรื่องมากหรอก รีบกินซะลูกพรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ" ผู้เป็นแม่นั่งข้างบุตรสาว ปล่อยให้เจ้าของบ้านนั่งตำแหน่งเดิม ฝ่ามือเหี่ยวย่นค่อยๆจับช้อนกลาง เลือกตักอาหารทะเลใส่จานโมอาอย่างเอาใจ แถมยังรู้สึกผิดลึกๆที่ไม่สามารถช่วยพูดให้บิดาเข้าใจเธอได้
"แต่พี่มาร์จะมารับแม่ไปเที่ยวนะ" ลูกสาวรีบส่งเสียงแย้งกลับ ทว่าตักข้าวรับประทานไม่หยุด พอเห็นท่าทีเรียบนิ่งของชายหนุ่ม เธอเลยเลือกตัดผักใบเขียวใส่จานให้
"ไว้รอเราเลิกเรียนก็ได้ ว่าแต่เราเลือกฝึกงานที่ไหน ไปที่ประเทศเราได้หรือป่าว" อย่างน้อยช่วงฝึกงานก็ยังสามารถดูแลบุตรสาวได้ช่วงนึง
"โมเลือกไปแล้วว่าจะไปฝึกบนดอย แต่รอทางนั้นตอบกลับก่อนค่ะแม่" สุดท้ายแล้วเธอจะเลือกทำตามความฝัน เพราะโอกาสเช่นนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆอีกแน่
"คุณอย่าปล่อยยัยโมไปคนเดียวนะ จะลำบากยังไงก็ควรไปด้วยกัน ถึงจะสร้างครอบครัวที่ดีได้" ยามผู้ใหญ่สั่งสอน ในฐานะชายบุรุษย่อมรับฟัง มารดารีบจับฝ่ามือลูกสาว เพื่อให้เธอรู้ว่าไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว
"ครับ"
ชั่วโมงต่อมา_
ณ ห้องส่วนตัวมีร่างสูงกำลังยืนอยู่นอกระเบียง รับเอาสารนิโคตินสูบปล่อยควันฟุ้ง แลกสายลมเย็นโกรกพัดใบหน้าคมคาย เรียกอาการสดชื่นเมื่อเหน็ดเหนื่อยตลอดวัน
หลังจบมื้อค่ำไปเกือบชั่วโมง ปล่อยให้แขกผู้มาเยือนได้อยู่คุยกับลูกสาว ไม่แน่ว่าโมอาอาจจะอ้อนขอนอนด้วย ตามประสาคนอยู่ห่างไกลนานครั้งเจอ
~เหมียว ~เหมียว แต่แล้วเสียงของสิ่งมีชีวิตที่เขารังเกียจ กลับส่งเสียงร้องอยู่ระยะใกล้ ร่างกำยำรีบชะโงกก้มผ่านระเบียง เจอลูกแมวตัวเดิมกำลังคลอเคลียขาโมอา
"หึ..." น้ำเสียงเข้มสบถในลำคอหนา แค่ไว้ชีวิตมันไปใช่ว่าให้กลับมาขออาหารอีก แล้วดูท่าทางหญิงสาวหลงใหล รีบกลับเข้าทางหลังครัวหยิบเศษอาหารมานั่งลงป้อน ประหนึ่งมีลูกเล็กคอยประคบประหงม
พอร่างอรชรสัมผัสได้ว่ามีคนมองทุกการกระทำ เธอรีบแหงนหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ ทั้งตกใจแต่ยังกอดลูกแมวไว้พร้อมยอมรับความผิดนั้นเอง ฝืนยิ้มแห้งๆก่อนรีบอุ้มมันไปส่งไว้ตรงรั้วตามเดิม
คนเพ่งมองชักสีหน้าไม่สบอารมณ์โยนก้นบุหรี่บดทิ้งริมระเบียง หันหลังกลับเข้าห้องกระแทกปิดประตูเสียงดัง
ก็อก! ก็อก!
"เข้ามา" เพียงไม่กี่นาทีถัดมาเสียงเคาะประตูเริ่มดังขึ้น เจ้าของห้องรีบเอ่ยอนุญาต เขารับรู้ได้จากฝีเท้าว่าใครยืนอยู่เบื้องหน้าประตูนั้น ใบหน้าสากเคร่งขึมนั่งพิงโซฟาพาดแขนสองข้างท่าทางสบายใจ
"คุณ..เอ่อ..แม่บอกให้มานอนด้วย ท่านบอกไม่อยากให้พวกเราลำบากใจหน่ะ" ร่างอรชรค่อยๆย่างกรายเมื่อเปิดประตูกว้าง ท่าทางเหมือนกล้าๆกลัวๆ ยืนประสานมือไว้ระดับหน้าท้องราบ หลังเธอจัดอาบน้ำแล้วเรียบร้อยอยู่ในชุดนอนแขนขายาวลายการ์ตูนสีชมพู
ทว่าโดนมารดาดับฝัน ท่านอยากนั่งสมาธิยามพักอยู่ต่างถิ่น เพราะคงนอนไม่หลับแล้วยังระแวงว่าบุตรสาวอาจก่อกวน ทั้งยังต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนหนังสือ
"แต่ดูเหมือนเธอลำบากใจ?" น้ำเสียงเข้มถามเรียบนิ่ง เอียงโครงสากเล็กน้อยชำเรืองมองผู้มาใหม่ ช่างน่าขบขันลูกกวางน้อยตัวสั่นระริก แค่เพียงย่างกรายในอนาเขตสงวน
"มะไม่เลย ว่าแต่หนูง่วงแล้ว คุณจะนอนตรงไหนดี" ครั้นจะก้าวขายังจับจุดหมายไปถูก ยืนรอคำอนุญาตซ้ำซะเอง พอดวงตากลมแอบลอบมองบนเตียงกว้าง พบว่าผ้าปูผืนเดิมถูกเปลี่ยนแล้ว
"บนเตียง" ร่างสูงลุกขึ้นยืนทำท่าทีจะหันแต่เอี้ยวตัวมองร่างอรชร ดีดนิ้วส่งสัญญาณนิดเดียว ดวงไฟตรงโซฟาเริ่มสลัวคล้ายกำลังลดแสงลง
"คะ? หนูนอนบนโซฟาก็ได้" น้ำเสียงหวานถวนถามอีกคราว เธอนอนที่ไหนก็ได้ไม่เรื่องมากเลย
"ใครว่าจะนอนคนเดียว" แต่ร่างสูงดันก้าวขายาวมุ่งตรงมาหยุดข้างหน้าหญิงสาว เหลือบนัยน์ตาคมสำรวจเรือนร่าง ให้อีกฝ่ายรู้ว่าประกายความปรารถนาเป็นเช่นไร
"มะหมายความว่าไง?' ยิ่งเขาประชิดตัวมากเท่าไหร่ ฝ่ามือบางรีบดันบ่าออกห่าง ค่ำคืนนี้มีมารดาพักอาศัยอยู่ชั้นบนด้วย เธอจะกล้าทำเรื่องอย่างว่าลงได้ยังไง
"ไปนอนอ้าขาบนเตียงสิ ตอบแทนสามีหน่อย" คนตัวสูงก้มลงกระซิบข้างกกหูบาง ด้วยน้ำเสียงแหบพล่าแสดงความกระสัน ขบเม้มหยอกติ่งหูเบาๆ เพียงเท่านี้ร่างอรชรก็สั่นระริก ไรขนอ่อนลุกชันเกือบทั่วตัว
_________________________________________
"ตะแต่ว่า...." หญิงสาวกลับรู้สึกกระด้างอาย ยังยืนตัวแข็งทื่อสองมือบางยึดบ่ากว้างทรงตัว เอียงใบหน้าสวยหลบยามถูกมองด้วยสายตาหื่นกระหาย ความสูงระดับใต้คางสากทำให้จมูกใหญ่คลอเคลียผมสลวย แค่ลมหายใจร้อนวาบหวิวกระทบหน้าผากมน ทำร่างอรชรสยิวขนไรอ่อนลุกชันทั่วกาย เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ทุกครั้งยามใกล้ชิดกัน"เลือกเอาจะนอนครางอย่างเดียว หรือขึ้นขย่มเอง" เขาค่อยๆเชยคางมนขึ้นสบตาระยะใกล้ ปลายจมูกชนถูไถกันและกัน เมื่อความต้องการพลั่งพลู ฝ่ามือหนาเริ่มล้วงเข้าใต้เสื้อนอนลูบแผ่นหลังบาง"คุณ..อื้มมม" คนตัวสูงเลื่อนใบหน้าแนบปากประกบจูบ พยามเนิบนาบหว่านล้อมหญิงสาว แค่เพียงลิ้นสากตวัดทักทายในโพรงนุ่ม ร่างอรชรอ่อนระทวยแทบเสียการทรงตัวเรียวแขนเล็กตวัดคล้องคอหนา เมื่อปล่อยความรู้สึกนำพามากกว่าอาการกระด้างอายสาว จูบตอบแบบเงอะงะไม่ชำนาญ ยิ่งทำให้ผู้คุมเกมส์พอใจ"......." ซิลค์ยอมถอนจูบออกราวเสียดาย ตวัดปลายลิ้นเลียรอบปากหยักเก็บคราบน้ำหวาน ดวงตาสองคู่ยังจ้องมองอย่างเห่อร้อน ท่อนแขนแกร่งช้อนร่างอรชรอุ้มขึ้นมาวางบนเตียง"แล้วผ้าที่เปื้อนไปอยู่ไหนคะ" เกิดความสงสัยรีบแสร้งถามกักเก็บอาการเขิน หากเขาใช้พวกบอดี้
วันรุ่งขึ้น__"ยังไงก็ฝากคุณไปส่งยัยโมด้วยนะ" น้ำเสียงโทนอ่อนโยนเอ่ยบอก ตอนกำลังส่งบุตรสาวขึ้นรถยนต์คันหรูพร้อมออกจากบ้านไปกับสามีในนาม ร่างชุดนักศึกษาสาวพุ่งสวมกอดมารดาจนอิ่มเอม ก้มใบหน้าสวยพรมจูบแก้มเหี่ยวย่นสองข้างเมื่อเข้าสู่วัยชรา"ครับ" ซิลค์ตอบกลับผ่านน้ำเสียงสุภาพ หากเป็นลูกน้องคนสนิทคงได้รู้ว่าเขาจะประพฤติเช่นนี้สำหรับบุพการีเท่านั้น ร่างสูงสวมเสื้อเชิ๊ตขาวกับกางเกงสแลคดำเรียบกริบทุกมุมตามนิสัยเจ้าระเบียบ ผายมือเล็กน้อยให้เกียรติภรรยาในนาม เนื่องจากวันนี้ดันมีบุคคลคอยจ้องจับพิรุธทั้งคู่"เดี๋ยวโมจะรีบกลับมาให้ทันพี่มาร์นะคะ" หญิงสาวยังส่งเสียงใสบอก แม้ว่าก้าวขาขึ้นไปนั่งในรถยนต์เรียบร้อยแล้ว นั่นยิ่งทำให้คนตัวสูงด้านข้าง ต้องพิงหลังปล่อยพื้นที่เบื้องหน้าให้โมอาแทรกแซง พอมารดาของเธอเห็นว่าสมควรแก่เวลา จึงพยักให้เตโชปิดประตูพร้อมไปส่งเจ้านายได้ เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นสู่ถนนหลัก หญิงสาวข้างกายดันชะโงกหน้ามองกระจกหลัง วางฝ่ามือเรียวเกาะบ่า ยิ่งทำให้คนถูกกระทำเริ่มไปสบอารมณ์"หยุดได้หรือยัง" โครงหน้าคมคายเอียงมองฝ่ามือบนบ่า ราวกับส่งนัยนะว่าเธอล่วงล้ำจนเกินงาม ไม่รู้ว่าครั้ง
@ บ้านซิลค์"ว๊ายยยย" คนตัวเล็กถึงกลับหลุดร้องเสียงตกใจ ไม่คิดว่าซิลค์จะกลับมาก่อนเวลา พุ่งเข้ามาในห้องส่วนตัวแถมยืนแทรกตรงกลางตู้เสื้อผ้า ขณะร่างอรชรสวมเพียงบาร์เซียและเพนตี้ตัวบาง โชว์สัดส่วนโค้งเว้าล่อแหลม เธออุตส่าห์เลือกช่วงที่มารดาเผลอหวังเปลี่ยนชุดสวยๆใส่ ไปล่องเรือดื่มดำบรรยากาศกลางแม่น้ำ"คน!" น้ำเสียงเข้มจริงจังบอก วางฝ่ามือประคองแผ่นหลังบางดันประชิดลำตัวกำยำ โดยเขาหันเลือกเครื่องแต่งกายเอง"แล้วคุณจะเข้ามาทำไมเล่า" พอจะพยามคว้าเอาชุดคลุมใส่ปกปิด ก็โดนคนตัวสูงแกล้งยืนบัง ปล่อยสองเต้าอวบถูไถแผงอกกว้าง ทำโมอาลอบสูดดมกลิ่นน้ำหอมชายสู้กับอาการวาบหวิบตรงยอดประทุมถัน"ไม่บอกก่อนล่ะว่ามีผู้ชายคนอื่นไปด้วย" ซิลค์ยังค้างมือจับราวแขวนเสื้อผ้า ใช้ร่างกายดันคนตัวเล็กชิดด้านใน ก้มลงประทับรอยจูบบนไหล่มน"อื้อ...นะหนูรีบ" ชายหนุ่มกลับกลั่นแกล้งด้วยการไล่ขยับปลายจมูกใหญ่คลอเคลียซอกคอระหง แล้วเหมือนมีช่วงจังหวะนึง ขบเม้มปากใส่ผิวขาวละเอียด พอได้ร่องรอยพอใจ ถึงยอมขยับออกอย่างเสียดาย เธอไม่เข้าใจความหมายของคนตัวสูงบอกสักเท่าไหร่ คนอื่นที่ว่าคงเป็นกลุ่มองครักษ์เองหรือเปล่า ไม่แปลกหากเขาไม่เค
@ บนเรือท่ามกลางบรรยากาศบนเรือลำใหญ่กำลังแล่นบนแม่น้ำยามค่ำคืน มีแสงไฟสีเหลืองนวลสอดส่องสองข้างทาง เปิดเพลงบรรเลงคลอเบาๆ ชวนผู้คนรื่นรมย์ผ่อนคลาย"เอากุ้งไปยัยโม" มาร์แชลล์ใช้ช้อนกับส้อมตักกุ้งตัวใหญ่ใส่จานให้น้องสาวที่กำลังนั่งฝั่งตรงข้ามกับอองตวน ปล่อยมารดานั่งข้างบุตรสาว เพราะทั้งสองชอบสนใจแต่เรื่องกิน บนโต๊ะมีอาหารมากมายโดยเน้นฝีมือของเชฟโรงแรมดัง"แล้วก็ว่าน้องอ้วน" น้ำเสียงหวานตอบ แกล้งยู้หน้าสวยให้มารดาหมั่นเขี้ยว แม้ว่ามือจับช้อนส้อมจิ้มชิ้นเนื้อกุ้งใส่ปากรับประทาน ฉีกยิ้มหวานกว้างบามลิ้มรสอาหารสดถูกปาก"แต่เราว่าโมอ้วนขึ้นจริงๆนะ" อองตวนเอ่ยแซวเสริม ขณะหั่นสเต็กเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ ตามด้วยถือถ้วยซอสราดเติมนิดหน่อย"ตามวัยดีกว่าอองตวน คนมันกำลังโต" หญิงสาวแกล้งตามหลักวิชา ที่สรีระร่างกายย่อมเปลี่ยนตามวัย พอชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามจิ้มชิ้นเนื้อเตรียมป้อนแบบเมื่อก่อน เธอย่อมไม่ขัดให้เสียน้ำใจ ค่อยๆโน้มลำตัวบอบบางไปเตรียมอ้าปากกว้างฟิ้ว~~"เอ้ย..เปลื้อนเลย มาเราเช็ดให้" ก่อนที่โมอาจะได้ชิมดันมีสายลมพัดทำผมสลวยปลิวฟลุ้ง แถมเปลื้อนน้ำซอสราดสเต็ก อองตวนรีบหยิบทิชชู่เอื้อมไปหมายจะทำความสะ
@ เช้าวันใหม่บ้านซิลค์_"มึงจะรีบมาหาเฮียทำไมแต่เช้าว่ะ" ฮาเกนบ่นพึมพำให้เอเดนตามประสาคนตื่นสายโดนปลุกก่อนเวลา เพราะเมื่อคืนลูกตัวน้อยก่อกวน แต่ผู้ถูกนัดกลับไปรับเขาจากบ้านไม่บอกกล่าวล่วงหน้า พอลงรถสปอร์ตคันหรูลูกน้องเจ้าของบ้านรีบวิ่งมารับกุญแจ อาสาขับไปจอดตรงลานกว้างอย่างคุ้นเคย"ก็ตอนบ่ายกูมีประชุม แค่เลื่อนมาเช้าหน่อยทำทีจะตาย" จริงๆคนนัดก่อนคือฮาเกน ด้วยความรักษาคำพูดเขาเลยอุตส่าห์ชิ่งรถไปรับตัดหน้า จนลืมโทรแจ้งตัวรุ่นพี่หนุ่มเป้าหมายก่อนมาถึง"รีบๆนำไปเลยมึง" เขาไม่ลืมถือกระเป๋าสีดำขนาดเล็กแต่สร้างจากเหล็กชั้นดีแสดงความคงทน ข้างในคืออาวุธชนิดคุณภาพร้ายแรง"เออ.....""......." พอทั้งสองชายหนุ่มจะมุ่งเดินเข้าบ้าน ดันสะดุดกับหญิงสาวใบหน้าสวย ร่างอรชรในชุดเดรสสีแดงใส่สายเดี่ยวเผยผิวขาว ยิ่งแสงแดดอ่อนกระทบยิ่งเพิ่มออร่าความสวยงาม กำลังก้มๆเงยๆเก็บดอกไม้ตรงสวน ด้วยนิสัยคาสโนว่าจึงอมยิ้มหยุดมอง"มึงเห็นแบบกูไหมว่ะ" ฮาเกนใช้ปลายรองเท้าหนังสะกิดเพื่อนรัก ไม่เชื่อว่าสถานที่หวงห้ามมีสตรีใบหน้าสวย แถมเธอยังดูอ่อนกว่าเขาอีกหลายปี"ไอเชี้ย!นางฟ้าชัดๆ" เอเดนยกมือลูบคางสากดั่งราชสีห์เห็นเ
@ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ"คุณแน่ใจนะว่าจะไม่ลงไปกับหนู" เสียงของคนตัวเล็กเอ่ยถาม ยามรถยนต์คันหรูจอดในสถานที่ผู้คนพลุกพล่าน แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มกับไม่ชอบความวุ่นวายเสียเลย ยังนั่งแผ่นหลังตรงไม่ขยับสักนิดเดียว ผิดจากดวงตากลมเบิกขยายโต พอเห็นป้ายสินค้าแบรนด์เนมติดป้ายลดราคาผ่านตัวอักษรสีแดงโด่ดเด่น ผลิตความต้องการอยากได้"อืม" ฝ่ามือหนาคว้าเอาเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำบังคับให้โมอาสวมทับชุดเดรสอีกชั้นนึง ซึ่งทำตามไม่ขัดเจตนาคนสั่ง พร้อมยื่นบัตรเครดิตใบใหม่ให้เพราะเธออยากซื้อของไว้ใช้ยามไปฝึกงานแถวเขตชายแดน เหลือเวลาอีกไม่กี่วันนี้"ถ้าหนูใช้เงินหมดล่ะ" เมื่อบานกระจกยังปิดกั้นระหว่างผู้โดยสาร ปล่อยลำตัวอรชรพิงแผงอกกว้าง ยกปลายนิ้วชี้เรียวจิ้มแก้มสากอย่างออดอ้อน เหมือนเขาเป็นมุมอบอุ่นในบางเวลา เว้นเสียดุดันยามค่ำคืน"ค่อยมาเอาเพิ่ม" แต่ดูคนตัวเล็กยังไม่ระมัดระวัง ช่วงหน้าอกอวบแนบกล้ามอกชิดสนิท อวดเบ่งผิวขาวโกยขึ้นเกือบล้นบรา พาลกระตุ้นอารมณ์ชายพลั่งพลู จนริมฝีปากหยักประทับจูบหน้าผากมนตอบ ส่งฝ่ามือนวดตรงบั้นท้ายงามงอน"งั้นตอนเย็นรอกินข้าวกันที่บ้านนะคะ" โมอาเขยิบเพียงนิดเอื้อมเกาะบ่ากว้าง ถื
@ บ้านซิลค์"รถใครมาเยอะแยะเลยพี่เดย์ แล้วเราจะเข้าไปดีเหรอ" โมอาพูดเอ่ย เธอเห็นรถยนต์ราคาแพงเกินกว่าปกติจอดตรงลานกว้าง เคียงคู่ด้วยมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ ทั้งที่ช่วงเช้าสามีหนุ่มไม่ได้บอกอะไร แถมยังไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเขา แม้ว่าเริ่มสนิทสนมกันบ้างแล้วสองเท้าเรียวสวยหยุดชะงักอยู่ข้างรถยนต์ ครั้นจะเดินเข้าไปตอนนี้ก็ไม่รู้สถานการณ์ข้างในเป็นเช่นไร ขืนบุ่มบ่ามเยื้องกรายผ่านคงได้เสียมารยาทอายแทนเจ้าของบ้าน"งั้นเดี๋ยวผมวิ่งไปถามคนอื่นให้ก่อนดีกว้่าครับ" เดโม่บอก แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดินไปไหน เตโชที่ยืนหน้าประตูบ้านดันควักมือเรียกส่งสัญญาณให้ทั้งเขาและหญิงสาวรีบเข้าหา"ต้องมีอะไรแน่เลย" น้ำเสียงหวานบอกเบาๆ"เอาไงดีครับ ถ้าคุณโมไม่อยากเข้าไป เดี๋ยวเราไปขับรถเล่นก่อนดีไหม" เขาก็ไม่รู้ข้างในบ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น น่าจะมีคนจำนวนนึงอยู่ในนั้น"โมอา" แล้วเป็นเสียงเข้มตะโกนบอก เขาเดินดุ่มจากข้างบ้านมุ่งมาตรงจุดที่ร่างอรชรยืนอยู่ เธอรีบกระชับชายเสื้อแจ็คเก็ตข่มความรู้สึกประหม่า"หนูไม่กล้าเข้าไป" เธอเอ่ยบอกไปตามความรู้สึกจริง แม้ยังไม่ได้ฟังอีกฝ่ายอธิบายก่อน"พ่อแม่ฉันเอง" อุ้งมือหนาวางทาบ
หลายวันต่อมา_@ เชียงราย"นั่งเครื่องมาก็เมื่อยแล้ว ยังจะนั่งรถต่ออีกไปเหรอยัยโม" เพื่อนสาวเอ่ยบอกอย่างอ่อนล้า ขณะพึ่งลงเหยียบสนามบินยามถึงปลายทาง เบลล์นั่งกอดคอกับโมอาตรงที่พักผู้โดยสาร เตรียมหาคนขับรถอาสาหลังอาจารย์ประจำภาคติดต่อให้"เอาน่าไม่มีอะไรสบายไปทุกอย่างหรอกน่า" เธอรีบให้กำลังใจเพื่อนรักกลับ แม้ก้อนใจดวงน้อยรู้สึกว้าเหว่เป็นครั้งแรก ยามต้องห่างไกลบ้านหลังนั้น เริ่มผูกพันธ์แม้อยู่ได้ไม่กี่เดือนเศษ แล้วสามีช่างแสนเย็นชา ไม่มีแม้แต่จะเอ่ยอำลาอะไร ปล่อยให้เดโม่มาส่งที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น ซึ่งองครักษ์คนสนิทอยู่จัดส่งเอกสารเปลี่ยนชื่อคอนโดให้เจ้าของใหม่ กว่าจะตามมาหาเธอคงเป็นช่วงค่ำ"เราจะไหวแน่หน่ะ" เพื่อนสาวพูดขึ้นเรียกสติ ตามสไตล์ลูกคุณหนูเวลาจะเจอความลำบากย่อยท้อถอยก่อนเป็นอันดับแรก"พลังเราเยอะจะตายยัยเบลล์อย่าเวอร์!" ลำตัวอรชรหยุดยืนขึ้นคว้าเอาแขนเบลลลุกตาม จับสายกระเป๋าเป้กระชับ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เตรียมให้กำลังใจตัวเอง"เออ..สู้ๆดิว่ะ!!!"@ บนดอยเขตชายแดน เมื่อรถกระบะคันเก่าของเหล่าอาสาตามพื้นที่จอดตรงเชิงเขา ปล่อยสองนักศึกษาฝึกหัดเดินลัดเลาะตามทางที่บอก โดยมี
@ แคมป์พยาบาล ระหว่างรอนายแพทย์หนุ่มจัดการแผลโดนยิงด้วยตัวเอง โดยให้เตโชเข้าช่วยด้านในได้เท่านั้น ร่างอรชรนั่งรอกับพี่ชายอยู่เบื้องหน้าห้อง จิกกุมเสื้อโค้ทแน่นหลังผ่านเรื่องร้ายๆ"ยัยโม...เป็นยังไงบ้างแก" เบลล์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาว พอทราบข่าวว่าโมอากลับมาอย่างปลอดภัยแม้ว่าเดโม่ไม่ยอมบอกอะไรให้เธอรู้เลย"ไม่เป็นอะไรแล้ว..นี่คือพี่ชายเราเอง" ถึงเวลาที่เธอต้องยอมบอกความจริงแก่เพื่อนรัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเก็บความลับได้ เผื่อมีเหตุคราวจำเป็นเบลล์จะได้ระวังตัวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มาร์แชลล์นั่งนิ่งตีหน้าตาย เบื่อนหันหนีมองทางป่าทึบ เขาไม่ได้อยากรู้จักใครอีกแล้ว แค่ติดตามน้องสาวมาเพื่อรับกลับบ้านเท่านั้น"สวัสดีค่ะ แต่แกต้องเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมดนะ" คนบอกพนมมือไหว้เคารพถึงอีกฝ่ายไม่สนใจจะรับก็ตาม ก่อนดึงแขนเพื่อนสาวเพราะอยากรู้ความจริง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ได้ จู่จู่มีองค์หญิงแฝงตัวจนสนิทกัน"พูดไม่เพราะ!" มาร์แชลล์ปรามน้ำเสียงเข้ม แม้จะยังโกรธน้องสาวแต่ก็ต้องนึกถึงเกียรติของเธออันดับแรก"เอ่อ....""เดี๋ยวโมมานะคะ" เธอรีบดึงข้อมือเพื่อนสาวหนีจากพี่ชายใจร้าย หลังเขาเล่า
"พี่มาร์..." น้ำเสียงหวานร้องอย่างหมดหวัง ถูกพี่ชายดึงเรียวแขนห้ามไว้ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทั้งเพื่อนทั้งสามีบอบช้ำน่าถึงจุดสิ้นสุดสักที ทว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันเลย ร่างอรชรสะอื้นจนตัวโยน มองดูสองคนเบื้องหน้าใช้ความรุนแรง ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีด้านมืดในจิตใจ เห็นอาการทรมานคือเรื่องชินชา"คุณ!!!" คนตัวเล็กยิ่งร้องตกใจ เมื่อซิลค์พลาดท่าโดนหมัดกระแทกใส่โครงหน้า ทั้งเตโชกับลูกน้องนับสิบเตรียมเข้าช่วย แต่เจ้านายดันยกมือห้ามเพราะคิดว่าเป็นศึกลูกผู้ชาย"มึงต้องตาย!" อองตวนแทบจะทรุดอยู่ตรงสังเวียนนั้น ยังส่งเสียงไม่มียอมแพ้ให้อีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้หญิงสาวเคียงคู่คนอื่นก็ไม่ควรสุขสมหวัง"หึ..." ร่างกำยำกระตุกเม็ดกระดุมตรงแผงอกกว้าง ให้เปิดคล่องตัวโชยไอร้อนจากภายใน เขาไม่ได้รู้สึกว่าอองตวนสมควรเป็นผู้ต่อสู้สักนิดเดียว แต่ถึงอย่างไรนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบโมอาต้องลำบากแน่"พี่มาร์....โมขอร้องนะ" น้องสาวเร่งกระตุกข้อมือผู้เป็นพี่ซ้ำๆ มันปวดใจเหลือเกินที่ตัวเองทำได้แค่ยืนดู ในระหว่างนั้นชายสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้ใหม่ตุ๊บ!!! ผลั๊วะ!!!!"คุณ!!อองตวน!!!" ร่างอรชรรวบรวมแรงครั้งสุดท้าย สะบัดพันธการพี่ชายทิ
อีกด้านนึง"ผมว่าต้องเป็นสัญญาลักษณ์ที่คุณโมทิ้งไว้แน่เลยครับ" เดโม่ออกความคิดเห็น เขาหยิบดินสอทุกแท่งที่ล่วงอยู่กลางป่า ไม่น่าใช่ความบังเอิญในสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายช่วยกันตามหาโมอาในป่าทึบ แม้เตโชคุ้นชินสถานที่นี้ดีเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะสามารถหาได้ง่ายดาย เพราะเส้นทางคดเคี้ยวเต็มไปด้วยกิ่งไม้มีต้นหญ้าขึ้นสูง อาจเป็นที่หลบพลางของสัตว์ร้าย"แต่มันสิ้นสุดตรงนี้นะเว้ย แล้วคุณโมจะหายไปได้ไง?" เตโชพูดขึ้น ถ้าค้นหาตามสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้เมื่อหยิบชิ้นสุดท้ายได้ ก็ควรเจอเธอได้แล้ว ท้องยามค้ำคืนมืดมิดจนไม่เห็นดาว พวกเขาต้องหรี่ไฟฉายเกรงศัตรูสังเกตุเจอ"ตามมา" ซิลค์เอ่ยบอก เมื่อเขาคิดอะไรได้ สองขายาวดุจนายแบบเร่งก้าวไปตรงข้างริมลำธาร ซึ่งช่วงนี้เป็นปลายทางสายน้ำคาดว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เจอถนนหลัก แต่พวกคนนิรนามอาจหลบซ่อนในแถบนี้ก่อน กันสายสืบของเขาจับได้"......" แล้วทุกอย่างก็เป็นดั่งที่มาเฟียหนุ่มคาดคิด แสงไฟสลัวตรงเชิงเขาดูมีพิรุธ ทันใดนั้นยันต์ตาคมกริบเล็งเห็นร่างบอบบาง ถูกมัดใส่ต้นไม้ใหญ่สภาพสะบักสะบอม สองฝ่ามือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด อารมณ์เดือดดาลทำงานหนักริอาจทรมานภรรยาสาว"เอ
_ เวลาค่ำ"เมื่อไหร่เราจะถึงบ้านข้าวนึ่งคะ" โมอาเอ่ยถาม จากความรู้สึกเป็นห่วงเด็กชาย เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นทันที แถมโยนแท่งดินสอในมือจนหมดแล้วยังไม่ถึงที่หมายเลย ท้องฟ้าในป่ามืดครึ้มไว ไฟฉายสักกระบอกก็ไม่มี"โมคิดว่าพี่จะพามาหาเด็กนั่นจริงเหรอ" จู่จู่น้ำเสียงสุภาพเปลี่ยนจากเมื่อกี้ ร่างสูงเอี้ยวตัวมองคนด้านหลังยามถึงจุดนัดพบกับเจ้านายเขาเอง อิฐล้วงเอาไฟฉายส่องกดแสงกระพริบส่งสัญญาณให้คนซุ่มอยู่รีบออกมาต้อนรับ"จะทำอะไร??" ร่างอรชรหันซ้ายขวาดวงใจน้อยแทบช่วงหล่น มีชายนิรนามจำนวนมากเดินวนรอบตัวเธอ แต่สัญญาลักษณ์บางอย่างทำให้นึกถึงคนเคยสนิทขึ้นมา"จริงๆถ้าวันนั้นโมไม่ปฏิเสธพี่ พี่คงไม่พาเรามาส่งให้คนอื่นหรอก""มาส่ง??ส่งอะไร??" แม้เกิดความกลัวแต่นิสัยกล้าหาญกลับส่งเสียงตะเบ่งกลับ ทำกำปั้นเล็กชูขึ้นขู่ทั้งสองข้าง ร่างอรชรยังค่อยๆหมุนคอยระวังรอบตัว เกรงว่าคนร้ายจะใช้ช่วงทีเผลอประชิดกาย"เราไงโมอา ลืมเพื่อนรักคนนี้ไปแล้วหรือยัง?" อองตวนปรากฏตัวขึ้น ดึงสายตากลมหันมอง ใบหน้าหล่อเหลือร้ายจนหญิงสาวเกิดความรู้สึกต่อต้านอย่างไม่เคยเป็น ชายนิรนามคนอื่นยอมหยุดฝีเท้า ถอยหลังเล็กน้อยให้เจ้านายยืนเ
"พี่ลืมบอกโมไปว่า น้องนักเรียนที่ชื่อว่าข้าวนึ่งอะ ช่วงนี้เค้าป่วยนะ" หมอหนุ่มทำท่าทีล่ะล่ำละลักบอก เกรงคนฟังอาจไม่เชื่อหรือเกิดความรู้สึกสงสารจนเกินเหตุ ทั้งที่เลือกบอกยามเหลือกันสองคนตรงด้านหน้าห้อง ปล่อยให้เบลล์ไปตามเก็บสมุดเรียนไว้ที่โต๊ะข้างในก่อน"พี่อิฐรู้ได้ไงคะ แค่เขาพึ่งขาดเรียนวันเดียวเองนะ" ตอนแรกเธอไม่ได้สงสัยหรอก หากรุ่นพี่หนุ่มไม่บอก ช่างบังเอิญตรงกับเด็กชายไม่มาเรียนวันนี้พอดี ใจดวงน้อยเต้นตุ่มๆ พึ่งเริ่มสอนครั้งแรกดันเกิดเรื่องแล้ว ร่างอรชรมือไม้สั่นระริก แทบตัวอ่อนแรงครุ่นคิดถึงใบหน้าเด็กชายขึ้นมา"พี่พึ่งตรวจเขากับพ่อเมื่อเช้านี้อะ คงจะป่วยเยอะ" อิฐบอกผ่านใบหน้าจริงจัง พลางเหลือบมองหญิงสาวในห้องเรียน ช่วงเวลาบ่ายคล้อยผู้คนแถวนี้สงบเงียบ ต่างแยกย้ายกลับเข้าบ้าน"แล้วบ้านข้าวนึ่งอยู่ไกลไหมคะ โมควรจะแวะไปดูเขาสักหน่อย" แถวนี้คงไม่ต้องนึกถึงรถ หากเด็กชายเดินมาเรียนได้ เธอเป็นครูก็ต้องไปหาได้เช่นกัน เกิดความรู้สึกวิตกนึกถึงใบหน้านักเรียน ชายแสนเก่ง"จากประวัติที่พี่ซักเมื่อเช้า เห็นบอกว่าอยู่แถวเชิงเขา เราไปตอนนี้ก็ทันนะ" เขารีบแนะนำยังไงก็คงกลับมาทันก่อนช่วงค่ำ ต่อให้
"คุณหนวดมันจิ้ม!!" คนตัวเล็กร้องบอก พร้อมฝ่ามือว่องไวตีเข้าต้นแขนใหญ่ทันที ผิวหน้าแสนบอบบางถูกปลายหนวดจิ้มไม่ต่างจากโดนเข็มแทง กระตุ้นความรู้สึกเจ็บจี๊ดตอบสนอง"กล้าตีฉันเลยเหรอ?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นสูง อะไรดลจิตดลใจให้เหยื่อตัวน้อยไม่กลัวราชสีห์ จากอารมณ์ดีๆใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมเหมือนเดิม เหลือบคนทำเขาเจ็บมีสีหน้าสลดลง หากเป็นเมื่อก่อนคงจัดการเหลือไว้แค่ชื่อแล้ว"คุณอย่าเงียบสิ"".........""หนูขอโทษ..." แล้วที่น่าตกใจกว่าคืออารมณ์ของโมอา เพียงนาทีเดียใสับเปลี่ยนได้หลายบทบาท ดวงตากลมกระพริบวิงวอน ใช้แก้มเนียนถูหลังมือหนาอ้อน"......." หัวใจแกร่งเต้นสะเทือน ยามสบตากลมคู่นั้นมีความหมายสื่อมา ชายหนุ่มมาดแมนย่อมอ่านเข้าใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่โมอารู้ กลิ่นน้ำหอมบนกายสาวหอมละมุน เปลี่ยนบรรยากาศสบายใจแทนนาทีกดดันก่อนหน้านี้"โกรธกันหรอคะ แต่หนูโกรธอยู่นะอย่าลืมสิ" นิ้วชี้ยาวสวยยกจิ้มแก้มสากสองสามที ก่อนเปลี่ยนมาปิดปากเรียวหาววอด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคมทั้งหมด"แล้ว""ก็ถือว่าเป็นโมฆะวินวินทั้งคู่ไงคะ""อืม..นอนพักเถอะ" น้ำเสียงเข้มบอก เขาใช้ความอบอุ่นของฝ่ามือหนาลูบผมสลวยกล่อม เพราะฤท
"ฉันรีบ" น้ำเสียงเข้มราบเรียบรอบ คนตัวสูงสวมทบบาทแพทย์ชั่วคราว ถือเข็มฉีดยาเตรียมจิ้มใส่สะโพกมน ใช้นัยน์ตาคมบังคับให้หญิงสาวถลกกางเกงลง เผยบั้นท้ายขาวโพลนน่าขย้ำ"คุณเบามือนิดนึงนะ พอดีเมื่อกี้ล้มแรงไปหน่อย" หญิงสาวหลับตาปี๋ กักเก็บอาการกลัวจนลืมตัวดึงแขนเสื้อเชิ้ตแพทย์หนุ่มจิกไว้แน่น ท่าทางเหมือนกำลังต่อสู้ความเจ็บ แต่กลัวอีกฝ่ายหัวเราะเยาะแสร้งอดทน"....." ฝ่ามือหนาล็อคท้ายทอยเล็กซุกใส่แผงอกกว้าง รับรู้แรงหายใจของคนตัวเล็กได้ดี ช่างน่าขำที่เธอแสร้งชินชาทว่าแสดงอาการออกชัดเจน"อึก!" โมอากัดฟันแน่น ยามปลายแหลมเข็มจิ้มใส่เนื้อบาง เจ็บแปลบแทบมีน้ำตาเอ่อ ซุกใส่แผงกว้างซ้ำกว่าเดิมสูดดมกลิ่นกายชายหอมสดชื่น ลืมกระทั่งความเจ็บหลังฉีดยาเมื่อกี้"กลับไหวไหมล่ะ" ซิลค์ถามกลับ พร้อมเอื้อมหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดรอยเลือดซิบ ยิ่งทำร่างอรชรเกร็งเจ็บเท่าตัว โอบกอดแผ่นหลังกว้างราวเหลือสิ่งเดียวยึดเหนี่ยว"คุณ!!หนูเจ็บนะ" โมอายอมปล่อยอ้อมแขนออก เหมือนเสี้ยวนาทีนึงเห็นรอยยิ้มบนปากหยัก พอจะเงยหน้าขึ้นมองระยะใกล้ ร่างกำยำกลับหมุนหันหลังหนี"ทีหลังก็อย่าซน""แล้วคืนนี้คุณจะรอหนูอีกไหม" ร่างอรชรรีบดึงกางเกงข
เวลาต่อมา_"เป็นไงการสอนวันแรกของเรา" ร่างอรชรรุดทิ้งกายหมดเรี่ยวแรงกับเพื่อนรัก นั่งบนเสื่อผืนเก่าแทนที่นักเรียนตัวน้อย หลังเปิดสอนผ่านไปเกือบสามชั่วโมง เรียกว่าพวกเธอจัดเต็มทุกวิชาฝ่ามือเรียวล้วงหยิบผ้าเช็ดสีหวานส่งให้เบลล์ แม้แดดยามเย็นไม่ส่องเท่าไหร่หนัก แต่คนเคยอยู่ให้ห้องแอร์อุณหภูมิเย็นตลอด ย่อมได้รับผลกระทบต่อผิวบ้าง"เหนื่อยแต่สนุก" เบลล์ยิ้มอ่อน รีบคืนผ้าเช็ดหน้าแก่เพื่อนรัก เพราะใบหน้าสวยมีเหงื่อผุดเต็มขมับ อาการ ไม่ต่างไปกว่ากัน พอเห็นข้าวนึ่งหัวหน้าห้องเรียนรวบรวมถือสมุดทุกคนมาส่ง เธอรีบตบมือชื่นชมก่อนรับของจากเด็กชาย"วันนี้สนุกสุดๆเลยครับ แต่ผมไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย" เด็กชายรีบนั่งลงข้างคุณครูอาสา เปิดสมุดของตัวเองกางโชว์ให้ดู ลายมือขยึกขยักเป็นตัวชี้บอก เขาไม่เข้าใจวิธีการเขียนเริ่มจุดไหนก่อน"เราเก่งมากนะ แค่ไม่ถนัดเรื่องลายละเอียดใช่ไหมล่ะ" โมอารีบชะโงกดูตาม ถือว่าเขาเป็นนักเรียนภายใต้การสั่งสอน ย่อมควรช่วยเหลือให้เด็กชายเข้าใจถูกวิธี"ครับ""เอางี้นะข้าวนึ่ง ช่วงที่คุณครูมาสอนเราแวะมาได้ตลอดเลยนะ ต้องใช้โอกาสนี้เก็บเกี่ยวความรู้ให้มากๆเชียว" เบลล์บอก พลางจับมือนักเ
@ เช้าวันต่อมา"เมื่อคืนแกกลับมาตอนไหน ฉันจำได้ว่ารอเป็นชั่วโมงเลย" หลังจากทั้งสองเสร็จภารกิจส่วนตัวรีบออกมาพบชาวบ้านเตรียมการสอนให้เด็กๆ ซึ่งทุกคนร่วมมือกันอย่างดี เบลล์ใช้ช่วงตอนนั่งพักใต้ต้นไม้ถาม ราวว่าค้างคาอยู่ในหัวสมอง"พอดีเจอคนรู้จักหน่ะเลยคุยเพลินไปหน่อย" คนรู้จักที่ว่าก็คือสามีในนานนั่นแหละ ย้อนนึกถึงช่วงเมื่อคืนเขาไม่ได้ตอบคำถามที่เธออยากรู้เลย ปล่อยเป็นความเงียบตามบรรยากาศ พาลแสงดาวส่องมองจนเพลิน กระทั่งถึงกลางดึกเลยรีบกลับพักผ่อน~ความหวั่นไหวในใจดวงน้อย คงไม่มีความหมายถ้าเกิดเพียงฝั่งเดียว~"เจอคนรู้จักที่นี่อะนะแก?" คนบอกถึงกับตกตะลึง โลกช่างกลมยิ่งกว่าพรมลิขิตอีก เธอมากันแค่สองคนครั้งแรกด้วยซ้ำ อีกฝ่ายจะรู้ใครเยอะแยะขนาดนั้น"เอ่อ..." โมอาเริ่มเลิกลัก จะหยิบยกเอาใครอ้างต่อดี หากเอาองครักษ์มาอ้าง อาจโดนถามต่อไม่จบสิ้น"อ้าว!น้องโมตัวเป็นๆเลย อาสามาสอนเด็กๆที่นี่ด้วย" แล้วเป็นเสียงของอิฐรุ่นพี่หนุ่ม นักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายมากับกลุ่มโรงพยาบาล เขาแค่แวะนำยาที่ขาดเหลือส่งให้ชาวบ้าน พอเห็นหน้าคุ้นๆเลยรีบทักทายดู ใบหน้าขาวตี๋แสดงความดีใจเปี่ยมล้ม ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรีย