@ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
"คุณแน่ใจนะว่าจะไม่ลงไปกับหนู" เสียงของคนตัวเล็กเอ่ยถาม ยามรถยนต์คันหรูจอดในสถานที่ผู้คนพลุกพล่าน แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มกับไม่ชอบความวุ่นวายเสียเลย ยังนั่งแผ่นหลังตรงไม่ขยับสักนิดเดียว
ผิดจากดวงตากลมเบิกขยายโต พอเห็นป้ายสินค้าแบรนด์เนมติดป้ายลดราคาผ่านตัวอักษรสีแดงโด่ดเด่น ผลิตความต้องการอยากได้
"อืม" ฝ่ามือหนาคว้าเอาเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำบังคับให้โมอาสวมทับชุดเดรสอีกชั้นนึง ซึ่งทำตามไม่ขัดเจตนาคนสั่ง พร้อมยื่นบัตรเครดิตใบใหม่ให้เพราะเธออยากซื้อของไว้ใช้ยามไปฝึกงานแถวเขตชายแดน เหลือเวลาอีกไม่กี่วันนี้
"ถ้าหนูใช้เงินหมดล่ะ" เมื่อบานกระจกยังปิดกั้นระหว่างผู้โดยสาร ปล่อยลำตัวอรชรพิงแผงอกกว้าง ยกปลายนิ้วชี้เรียวจิ้มแก้มสากอย่างออดอ้อน เหมือนเขาเป็นมุมอบอุ่นในบางเวลา เว้นเสียดุดันยามค่ำคืน
"ค่อยมาเอาเพิ่ม" แต่ดูคนตัวเล็กยังไม่ระมัดระวัง ช่วงหน้าอกอวบแนบกล้ามอกชิดสนิท อวดเบ่งผิวขาวโกยขึ้นเกือบล้นบรา พาลกระตุ้นอารมณ์ชายพลั่งพลู จนริมฝีปากหยักประทับจูบหน้าผากมนตอบ ส่งฝ่ามือนวดตรงบั้นท้ายงามงอน
"งั้นตอนเย็นรอกินข้าวกันที่บ้านนะคะ" โมอาเขยิบเพียงนิดเอื้อมเกาะบ่ากว้าง ถือโอกาสเงยหน้าหอมแก้มสากทั้งสองข้าง ยามได้กลิ่นน้ำบนตัวเขาแล้วชอบรู้สึกสดชื่น จนเริ่มเกิดเป็นความคุ้นชินหลายอย่าง
ใบหน้าสากไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง เอียงมองยามร่างอรชรเอี้ยวตัวสวมกระเป๋าสะพาย กดเปิดประตูรถยามเดโม่ลงนำไปก่อน ปล่อยคนที่เหลือบนรถไปทำงานต่อ
"คุณโมอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมครับ" ขณะเดินตามหลังร่างอรชรเข้าโซนประตูห้าง อุณหภูมิเย็นเฉียบเหมาะสำหรับช่วงฤดูร้อนได้ดี จนถึงทางขึ้นลงบรรไดเลื่อนเลยหยุดชะงักรอฟังคำตอบก่อน เขาจะได้ช่วยหาป้ายร้ายถูก เพื่อไม่ให้เสียเวลาไหนโมอาจะต้องเตรียมงานอย่างอื่นด้วย
"โมอยากได้ซื้อพวกอุปกรณ์การเรียนไปบริจาคด้วย พี่เดย์พาไปเลือกหน่อย" นับว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในการสอนหนังสือ ฐานะคุณครูฝึกหัดก็อยากเตรียมสิ่งของให้พร้อม
"ผมว่าเราไปซื้อที่ร้านชั้นบนดีกว่าครับ ดูสงบกว่าโซนแฟชั่น..." เดโม่เดินนำขึ้นบรรไดก่อน ไม่ลืมหันมองหญิงสาวข้างหลังเป็นระยะ
"...คะคุ้นๆ" ยังไม่ทันที่เดโม่จะพูดจบประโยค เธอดันสะดุดเห็นชายนิรนามราวกับเคยเจอดวงตาแบบนี้ที่ไหน เพราะใบหน้าปกปิดด้วยแมสและหมวกดำเลยเดาได้ยาก กำลังขึ้นบรรไดเลื่อนตามติด แกล้งถือโทรศัพท์พูดคุยแม้ยังจ้องทางเธออยู่ตลอด
"คุณโมเคยมาที่นี่แล้วหรอครับ" เดโม่เอ่ยถาม เลี่ยงแสดงการให้คนสงสัยว่าเขารู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ
"ตอนมาเรียนที่นี่ปีแรกๆไง คิดถึงท่านแม่เนอะ ตอนนั้นเปย์ลูกไม่อั้นเลย" พอปลายเท้าเรียวสวยเหยียบถึงชั้นเป้าหมาย ชายนิรนามคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว ใบหน้าสวยหันไปหาองครักษ์ส่ายซ้ายขวาราวว่าเข้าใจผิดเอง
"ผมว่าเรารีบซื้อของรีบกลับกับเถอะครับ"
"คิดมากน่าพี่เดย์ในห้างคนออกจะเยอะนะ" เธอไม่สนกระทั่งคำเตือน มองหาป้ายร้านเครื่องเขียนแล้วรีบเดินนำ ปล่อยให้เดโม่เข็นรถลากขนาดกลางเลือกหยิบของใส่สนุกมือ
@ บ้านซีคิว
บ้านหลังใหญ่โตบนพื้นที่แถบเมืองหลัก ไม่สามารถประเมินราคาได้โดยเจ้าของคือบิดาของซิลค์ หลังมาเฟียหนุ่มชอบความสงบปิดกั้นอารมณ์คนรอบข้าง เลยแยกไปอยู่อย่างเป็นส่วนตัวคนเดียว
ยามรถยนต์เคลื่อนจอดตรงโรงเก็บ เจ้าของขายาวดุจนายแบบเร่งก้าวยาลงเหยียบบ้านบุพการี ถอดเสื้อสูทส่งให้ลูกน้องดูแลต่อ
"กว่าจะมาหาแม่ได้นะตาซิลค์" เป็นเสียงของฟารินมารดายังดูสาวกว่าวัย รีบเข้ามาต้อนรับยามลูกชายคนโตย่างกรายเข้าบ้าน โบกมือเรียกพวกแม่นำเครื่องดื่มมาเสริ์ฟ
"ครับ" เขาตอบกลับสั้นๆเหมือนเมื่อก่อน ระดับความสูงกว่ามารดายืนแน่นิ่งปล่อยให้ผู้เป็นแม่สวมกอดแทน พอได้ที่จึงผละอ้อมแขนออกเดินตามไปนั่งตรงมุมรับแขก
"พ่อเรามัวแต่ทำงาน รออีกแป๊บนึงนะเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว" ผู้เป็นแม่รีบนำแก้วน้ำที่แม่เสิร์ฟส่งต่อให้ลูกชายอีกที เธอทราบดีทุกอย่างว่าเขารักสะอาดแม้กระทั่งแก้วใบใสต้องไม่มีคราบสีขุ่นเลย
"ผมรอได้" น้ำเสียงเข้มเอ่ยบอกอ่อนลงยามอยู่กับครอบครัว เขาเหลือบเห็นของเล่นเด็กกระจายอยู่มุมนึงตรงโซนห้องโถง คงเป็นของหลานสาววัยซนน่าจะลืมไว้
"วันนี้จะอยู่รอทานข้าวกับแม่ไหม คิดถึงฝีมือแม่อีกหรือเปล่าน่ะ" ดวงตาเฉี่ยวคมตวัดมองใบหน้าลูกชาย หลังทราบเรื่องส่วนตัวของเขาจากลูกน้องสามี ตอนนำเอกสารงานไปส่งช่วงซิลค์ไม่อยู่บ้าน เลยเจอบุคคลอื่นพักอาศัย
ช่างน่าแปลกใจนักหากลูกชายจะมีหญิงสาวพัวพัน เพราะที่ผ่านเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่สนสตรีคนไหน หรือครั้งหนึ่งวางคู่หมายให้ ออกเสียงประกาศปฏิเสธชัดเจน
"ผมมีงานต่อ"
"ต่อที่ว่า...ใช่แม่สาวน้อยในบ้านไหมเฮีย" เสียงน้องชายตัวดีพูดขึ้น ดึงจุดสนใจจากทางหน้าบ้าน ทำให้มุกคนต้องหันตาม หลังเขาพาลูกสาวไปส่งบ้านแม่ภรรยา ซายน์รีบเดินจ้ำอ้าวก้มๆเงยๆหาสิ่งของบางอย่างใต้โต๊ะ ราวกับว่ามันสำคัญหนักหนา
"ใครบอก?" น้ำเสียงเข้มเริ่มเย็นเฉียบ พาลคนถามเลิกลักหันมองทางพี่ชาย เขาพึ่งบอกไปแค่รุ่นน้องสองคนที่หลงทาบ้านตอนยังไม่พร้อมต้อนรับเท่านั้นเอง แล้วทำไมซายน์ถึงรู้ได้
"เอ่อ...เดาไงเฮีย ดุๆแบบนี้มีจริงแน่เลย" ชายหนุ่มผู้เจ้าเล่ห์ต้องมาเสียฟอร์มตอนโดนพี่ชายจับผิด เขารีบก้มหาสิ่งของบริเวณใต้โต๊ะนี้ต่อ
"อยากได้ของหลานคืนไหม" หารู้ไม่ว่านัยน์ตาคมเจอกับของเล่นลูกสาวเขาแล้ว หากบิดายังเจ้าเล่ห์ไม่เลิก สงสัยเขาเองต้องหาทางกำราบนิสัยนี้
"แต่แม่อยากรู้นะ ว่าใครอยู่ในบ้านซิลค์"
...............................................................
@ บ้านซิลค์"รถใครมาเยอะแยะเลยพี่เดย์ แล้วเราจะเข้าไปดีเหรอ" โมอาพูดเอ่ย เธอเห็นรถยนต์ราคาแพงเกินกว่าปกติจอดตรงลานกว้าง เคียงคู่ด้วยมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ ทั้งที่ช่วงเช้าสามีหนุ่มไม่ได้บอกอะไร แถมยังไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเขา แม้ว่าเริ่มสนิทสนมกันบ้างแล้วสองเท้าเรียวสวยหยุดชะงักอยู่ข้างรถยนต์ ครั้นจะเดินเข้าไปตอนนี้ก็ไม่รู้สถานการณ์ข้างในเป็นเช่นไร ขืนบุ่มบ่ามเยื้องกรายผ่านคงได้เสียมารยาทอายแทนเจ้าของบ้าน"งั้นเดี๋ยวผมวิ่งไปถามคนอื่นให้ก่อนดีกว้่าครับ" เดโม่บอก แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดินไปไหน เตโชที่ยืนหน้าประตูบ้านดันควักมือเรียกส่งสัญญาณให้ทั้งเขาและหญิงสาวรีบเข้าหา"ต้องมีอะไรแน่เลย" น้ำเสียงหวานบอกเบาๆ"เอาไงดีครับ ถ้าคุณโมไม่อยากเข้าไป เดี๋ยวเราไปขับรถเล่นก่อนดีไหม" เขาก็ไม่รู้ข้างในบ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น น่าจะมีคนจำนวนนึงอยู่ในนั้น"โมอา" แล้วเป็นเสียงเข้มตะโกนบอก เขาเดินดุ่มจากข้างบ้านมุ่งมาตรงจุดที่ร่างอรชรยืนอยู่ เธอรีบกระชับชายเสื้อแจ็คเก็ตข่มความรู้สึกประหม่า"หนูไม่กล้าเข้าไป" เธอเอ่ยบอกไปตามความรู้สึกจริง แม้ยังไม่ได้ฟังอีกฝ่ายอธิบายก่อน"พ่อแม่ฉันเอง" อุ้งมือหนาวางทาบ
หลายวันต่อมา_@ เชียงราย"นั่งเครื่องมาก็เมื่อยแล้ว ยังจะนั่งรถต่ออีกไปเหรอยัยโม" เพื่อนสาวเอ่ยบอกอย่างอ่อนล้า ขณะพึ่งลงเหยียบสนามบินยามถึงปลายทาง เบลล์นั่งกอดคอกับโมอาตรงที่พักผู้โดยสาร เตรียมหาคนขับรถอาสาหลังอาจารย์ประจำภาคติดต่อให้"เอาน่าไม่มีอะไรสบายไปทุกอย่างหรอกน่า" เธอรีบให้กำลังใจเพื่อนรักกลับ แม้ก้อนใจดวงน้อยรู้สึกว้าเหว่เป็นครั้งแรก ยามต้องห่างไกลบ้านหลังนั้น เริ่มผูกพันธ์แม้อยู่ได้ไม่กี่เดือนเศษ แล้วสามีช่างแสนเย็นชา ไม่มีแม้แต่จะเอ่ยอำลาอะไร ปล่อยให้เดโม่มาส่งที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น ซึ่งองครักษ์คนสนิทอยู่จัดส่งเอกสารเปลี่ยนชื่อคอนโดให้เจ้าของใหม่ กว่าจะตามมาหาเธอคงเป็นช่วงค่ำ"เราจะไหวแน่หน่ะ" เพื่อนสาวพูดขึ้นเรียกสติ ตามสไตล์ลูกคุณหนูเวลาจะเจอความลำบากย่อยท้อถอยก่อนเป็นอันดับแรก"พลังเราเยอะจะตายยัยเบลล์อย่าเวอร์!" ลำตัวอรชรหยุดยืนขึ้นคว้าเอาแขนเบลลลุกตาม จับสายกระเป๋าเป้กระชับ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เตรียมให้กำลังใจตัวเอง"เออ..สู้ๆดิว่ะ!!!"@ บนดอยเขตชายแดน เมื่อรถกระบะคันเก่าของเหล่าอาสาตามพื้นที่จอดตรงเชิงเขา ปล่อยสองนักศึกษาฝึกหัดเดินลัดเลาะตามทางที่บอก โดยมี
@ ช่วงค่ำ"จะไปไหนของแกยัยโม?" เพื่อนสาวรีบเอ่ยเรียก ตอนที่โมอากำลังจะเยื้องกรายออกจากแคมป์ เพราะผู้ใหญ่ในแถบนี้เตือนว่าห้ามออกตอนกลางคืนมันอันตราย แม้ว่ามีบอดี้การ์ดของทีมแพทย์คอยตรวจเวรยาม"สงสัยลืมหยิบชุดชั้นในมาตอนอาบน้ำ แกรออยู่ที่นี่แหละห้ามออกมาเพ่นพล่านนะ" นิ้วชี้สวยยกออกคำสั่ง เธอกลัวว่าเพื่อนสาวจะจับได้ว่ามีสามีแล้ว เพียงเพราะผูกมัดพันธะแค่ชั่วคราวพอเห็นอีกฝ่ายพยักตอบกลับ ได้ทีรีบทำตามถ้อยคำโกหก สองเท้าเรียวยกก้าวลัดเลาะตามริมลำธาร ดั่งบอดี้การ์ดรู้ยืนคุมเข้มไม่ได้ห้ามปราม"คุณ" น้ำเสียงหวานเอ่ยเรียก ตอนเห็นคนตัวสูงนั่งตรงโขดหินใหญ่ไร้เสื้อท่อนบนโชว์กล้ามมัด สูบบุหรี่ปล่อยควันสีเทาลอยฟุ้ง ท่ามกลางธรรมชาติผ่อนคลาย"อยากเหรอ?" ซิลค์กลับเอ่ยคำถามกำกวม เอียงโครงหน้าคมคายหันมอง ลดฝ่ามือข้างที่จับบุหรี่ลง กระตุกแขนเรียวนั่งทับขาแกร่งมองลำธารแบบเดียวกันคางสากเชยไหล่มนถูไถ ถือโอกาสซุกจมูกดมดอมซอกคอระหง ขบเม้มกระตุ้นอารมณ์เสียวซ่าน รับรู้ได้ว่าคนถูกกระทำขนไรอ่อนลุกสยิว"ดะเดี๋ยวคนเห็นค่ะ" ท้ายทอยเล็กโดนควบคุมหันสบตาระยะใกล้ ได้กลิ่นสารนิโคตินลอยแตะเนินริมฝีปาก สูดดมผิวแก้มชายพาลเสี
@ เช้าวันต่อมา"เมื่อคืนแกกลับมาตอนไหน ฉันจำได้ว่ารอเป็นชั่วโมงเลย" หลังจากทั้งสองเสร็จภารกิจส่วนตัวรีบออกมาพบชาวบ้านเตรียมการสอนให้เด็กๆ ซึ่งทุกคนร่วมมือกันอย่างดี เบลล์ใช้ช่วงตอนนั่งพักใต้ต้นไม้ถาม ราวว่าค้างคาอยู่ในหัวสมอง"พอดีเจอคนรู้จักหน่ะเลยคุยเพลินไปหน่อย" คนรู้จักที่ว่าก็คือสามีในนานนั่นแหละ ย้อนนึกถึงช่วงเมื่อคืนเขาไม่ได้ตอบคำถามที่เธออยากรู้เลย ปล่อยเป็นความเงียบตามบรรยากาศ พาลแสงดาวส่องมองจนเพลิน กระทั่งถึงกลางดึกเลยรีบกลับพักผ่อน~ความหวั่นไหวในใจดวงน้อย คงไม่มีความหมายถ้าเกิดเพียงฝั่งเดียว~"เจอคนรู้จักที่นี่อะนะแก?" คนบอกถึงกับตกตะลึง โลกช่างกลมยิ่งกว่าพรมลิขิตอีก เธอมากันแค่สองคนครั้งแรกด้วยซ้ำ อีกฝ่ายจะรู้ใครเยอะแยะขนาดนั้น"เอ่อ..." โมอาเริ่มเลิกลัก จะหยิบยกเอาใครอ้างต่อดี หากเอาองครักษ์มาอ้าง อาจโดนถามต่อไม่จบสิ้น"อ้าว!น้องโมตัวเป็นๆเลย อาสามาสอนเด็กๆที่นี่ด้วย" แล้วเป็นเสียงของอิฐรุ่นพี่หนุ่ม นักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายมากับกลุ่มโรงพยาบาล เขาแค่แวะนำยาที่ขาดเหลือส่งให้ชาวบ้าน พอเห็นหน้าคุ้นๆเลยรีบทักทายดู ใบหน้าขาวตี๋แสดงความดีใจเปี่ยมล้ม ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรีย
เวลาต่อมา_"เป็นไงการสอนวันแรกของเรา" ร่างอรชรรุดทิ้งกายหมดเรี่ยวแรงกับเพื่อนรัก นั่งบนเสื่อผืนเก่าแทนที่นักเรียนตัวน้อย หลังเปิดสอนผ่านไปเกือบสามชั่วโมง เรียกว่าพวกเธอจัดเต็มทุกวิชาฝ่ามือเรียวล้วงหยิบผ้าเช็ดสีหวานส่งให้เบลล์ แม้แดดยามเย็นไม่ส่องเท่าไหร่หนัก แต่คนเคยอยู่ให้ห้องแอร์อุณหภูมิเย็นตลอด ย่อมได้รับผลกระทบต่อผิวบ้าง"เหนื่อยแต่สนุก" เบลล์ยิ้มอ่อน รีบคืนผ้าเช็ดหน้าแก่เพื่อนรัก เพราะใบหน้าสวยมีเหงื่อผุดเต็มขมับ อาการ ไม่ต่างไปกว่ากัน พอเห็นข้าวนึ่งหัวหน้าห้องเรียนรวบรวมถือสมุดทุกคนมาส่ง เธอรีบตบมือชื่นชมก่อนรับของจากเด็กชาย"วันนี้สนุกสุดๆเลยครับ แต่ผมไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย" เด็กชายรีบนั่งลงข้างคุณครูอาสา เปิดสมุดของตัวเองกางโชว์ให้ดู ลายมือขยึกขยักเป็นตัวชี้บอก เขาไม่เข้าใจวิธีการเขียนเริ่มจุดไหนก่อน"เราเก่งมากนะ แค่ไม่ถนัดเรื่องลายละเอียดใช่ไหมล่ะ" โมอารีบชะโงกดูตาม ถือว่าเขาเป็นนักเรียนภายใต้การสั่งสอน ย่อมควรช่วยเหลือให้เด็กชายเข้าใจถูกวิธี"ครับ""เอางี้นะข้าวนึ่ง ช่วงที่คุณครูมาสอนเราแวะมาได้ตลอดเลยนะ ต้องใช้โอกาสนี้เก็บเกี่ยวความรู้ให้มากๆเชียว" เบลล์บอก พลางจับมือนักเ
"ฉันรีบ" น้ำเสียงเข้มราบเรียบรอบ คนตัวสูงสวมทบบาทแพทย์ชั่วคราว ถือเข็มฉีดยาเตรียมจิ้มใส่สะโพกมน ใช้นัยน์ตาคมบังคับให้หญิงสาวถลกกางเกงลง เผยบั้นท้ายขาวโพลนน่าขย้ำ"คุณเบามือนิดนึงนะ พอดีเมื่อกี้ล้มแรงไปหน่อย" หญิงสาวหลับตาปี๋ กักเก็บอาการกลัวจนลืมตัวดึงแขนเสื้อเชิ้ตแพทย์หนุ่มจิกไว้แน่น ท่าทางเหมือนกำลังต่อสู้ความเจ็บ แต่กลัวอีกฝ่ายหัวเราะเยาะแสร้งอดทน"....." ฝ่ามือหนาล็อคท้ายทอยเล็กซุกใส่แผงอกกว้าง รับรู้แรงหายใจของคนตัวเล็กได้ดี ช่างน่าขำที่เธอแสร้งชินชาทว่าแสดงอาการออกชัดเจน"อึก!" โมอากัดฟันแน่น ยามปลายแหลมเข็มจิ้มใส่เนื้อบาง เจ็บแปลบแทบมีน้ำตาเอ่อ ซุกใส่แผงกว้างซ้ำกว่าเดิมสูดดมกลิ่นกายชายหอมสดชื่น ลืมกระทั่งความเจ็บหลังฉีดยาเมื่อกี้"กลับไหวไหมล่ะ" ซิลค์ถามกลับ พร้อมเอื้อมหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดรอยเลือดซิบ ยิ่งทำร่างอรชรเกร็งเจ็บเท่าตัว โอบกอดแผ่นหลังกว้างราวเหลือสิ่งเดียวยึดเหนี่ยว"คุณ!!หนูเจ็บนะ" โมอายอมปล่อยอ้อมแขนออก เหมือนเสี้ยวนาทีนึงเห็นรอยยิ้มบนปากหยัก พอจะเงยหน้าขึ้นมองระยะใกล้ ร่างกำยำกลับหมุนหันหลังหนี"ทีหลังก็อย่าซน""แล้วคืนนี้คุณจะรอหนูอีกไหม" ร่างอรชรรีบดึงกางเกงข
"คุณหนวดมันจิ้ม!!" คนตัวเล็กร้องบอก พร้อมฝ่ามือว่องไวตีเข้าต้นแขนใหญ่ทันที ผิวหน้าแสนบอบบางถูกปลายหนวดจิ้มไม่ต่างจากโดนเข็มแทง กระตุ้นความรู้สึกเจ็บจี๊ดตอบสนอง"กล้าตีฉันเลยเหรอ?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นสูง อะไรดลจิตดลใจให้เหยื่อตัวน้อยไม่กลัวราชสีห์ จากอารมณ์ดีๆใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมเหมือนเดิม เหลือบคนทำเขาเจ็บมีสีหน้าสลดลง หากเป็นเมื่อก่อนคงจัดการเหลือไว้แค่ชื่อแล้ว"คุณอย่าเงียบสิ"".........""หนูขอโทษ..." แล้วที่น่าตกใจกว่าคืออารมณ์ของโมอา เพียงนาทีเดียใสับเปลี่ยนได้หลายบทบาท ดวงตากลมกระพริบวิงวอน ใช้แก้มเนียนถูหลังมือหนาอ้อน"......." หัวใจแกร่งเต้นสะเทือน ยามสบตากลมคู่นั้นมีความหมายสื่อมา ชายหนุ่มมาดแมนย่อมอ่านเข้าใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่โมอารู้ กลิ่นน้ำหอมบนกายสาวหอมละมุน เปลี่ยนบรรยากาศสบายใจแทนนาทีกดดันก่อนหน้านี้"โกรธกันหรอคะ แต่หนูโกรธอยู่นะอย่าลืมสิ" นิ้วชี้ยาวสวยยกจิ้มแก้มสากสองสามที ก่อนเปลี่ยนมาปิดปากเรียวหาววอด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคมทั้งหมด"แล้ว""ก็ถือว่าเป็นโมฆะวินวินทั้งคู่ไงคะ""อืม..นอนพักเถอะ" น้ำเสียงเข้มบอก เขาใช้ความอบอุ่นของฝ่ามือหนาลูบผมสลวยกล่อม เพราะฤท
"พี่ลืมบอกโมไปว่า น้องนักเรียนที่ชื่อว่าข้าวนึ่งอะ ช่วงนี้เค้าป่วยนะ" หมอหนุ่มทำท่าทีล่ะล่ำละลักบอก เกรงคนฟังอาจไม่เชื่อหรือเกิดความรู้สึกสงสารจนเกินเหตุ ทั้งที่เลือกบอกยามเหลือกันสองคนตรงด้านหน้าห้อง ปล่อยให้เบลล์ไปตามเก็บสมุดเรียนไว้ที่โต๊ะข้างในก่อน"พี่อิฐรู้ได้ไงคะ แค่เขาพึ่งขาดเรียนวันเดียวเองนะ" ตอนแรกเธอไม่ได้สงสัยหรอก หากรุ่นพี่หนุ่มไม่บอก ช่างบังเอิญตรงกับเด็กชายไม่มาเรียนวันนี้พอดี ใจดวงน้อยเต้นตุ่มๆ พึ่งเริ่มสอนครั้งแรกดันเกิดเรื่องแล้ว ร่างอรชรมือไม้สั่นระริก แทบตัวอ่อนแรงครุ่นคิดถึงใบหน้าเด็กชายขึ้นมา"พี่พึ่งตรวจเขากับพ่อเมื่อเช้านี้อะ คงจะป่วยเยอะ" อิฐบอกผ่านใบหน้าจริงจัง พลางเหลือบมองหญิงสาวในห้องเรียน ช่วงเวลาบ่ายคล้อยผู้คนแถวนี้สงบเงียบ ต่างแยกย้ายกลับเข้าบ้าน"แล้วบ้านข้าวนึ่งอยู่ไกลไหมคะ โมควรจะแวะไปดูเขาสักหน่อย" แถวนี้คงไม่ต้องนึกถึงรถ หากเด็กชายเดินมาเรียนได้ เธอเป็นครูก็ต้องไปหาได้เช่นกัน เกิดความรู้สึกวิตกนึกถึงใบหน้านักเรียน ชายแสนเก่ง"จากประวัติที่พี่ซักเมื่อเช้า เห็นบอกว่าอยู่แถวเชิงเขา เราไปตอนนี้ก็ทันนะ" เขารีบแนะนำยังไงก็คงกลับมาทันก่อนช่วงค่ำ ต่อให้
@ แคมป์พยาบาล ระหว่างรอนายแพทย์หนุ่มจัดการแผลโดนยิงด้วยตัวเอง โดยให้เตโชเข้าช่วยด้านในได้เท่านั้น ร่างอรชรนั่งรอกับพี่ชายอยู่เบื้องหน้าห้อง จิกกุมเสื้อโค้ทแน่นหลังผ่านเรื่องร้ายๆ"ยัยโม...เป็นยังไงบ้างแก" เบลล์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาว พอทราบข่าวว่าโมอากลับมาอย่างปลอดภัยแม้ว่าเดโม่ไม่ยอมบอกอะไรให้เธอรู้เลย"ไม่เป็นอะไรแล้ว..นี่คือพี่ชายเราเอง" ถึงเวลาที่เธอต้องยอมบอกความจริงแก่เพื่อนรัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเก็บความลับได้ เผื่อมีเหตุคราวจำเป็นเบลล์จะได้ระวังตัวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มาร์แชลล์นั่งนิ่งตีหน้าตาย เบื่อนหันหนีมองทางป่าทึบ เขาไม่ได้อยากรู้จักใครอีกแล้ว แค่ติดตามน้องสาวมาเพื่อรับกลับบ้านเท่านั้น"สวัสดีค่ะ แต่แกต้องเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมดนะ" คนบอกพนมมือไหว้เคารพถึงอีกฝ่ายไม่สนใจจะรับก็ตาม ก่อนดึงแขนเพื่อนสาวเพราะอยากรู้ความจริง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ได้ จู่จู่มีองค์หญิงแฝงตัวจนสนิทกัน"พูดไม่เพราะ!" มาร์แชลล์ปรามน้ำเสียงเข้ม แม้จะยังโกรธน้องสาวแต่ก็ต้องนึกถึงเกียรติของเธออันดับแรก"เอ่อ....""เดี๋ยวโมมานะคะ" เธอรีบดึงข้อมือเพื่อนสาวหนีจากพี่ชายใจร้าย หลังเขาเล่า
"พี่มาร์..." น้ำเสียงหวานร้องอย่างหมดหวัง ถูกพี่ชายดึงเรียวแขนห้ามไว้ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทั้งเพื่อนทั้งสามีบอบช้ำน่าถึงจุดสิ้นสุดสักที ทว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันเลย ร่างอรชรสะอื้นจนตัวโยน มองดูสองคนเบื้องหน้าใช้ความรุนแรง ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีด้านมืดในจิตใจ เห็นอาการทรมานคือเรื่องชินชา"คุณ!!!" คนตัวเล็กยิ่งร้องตกใจ เมื่อซิลค์พลาดท่าโดนหมัดกระแทกใส่โครงหน้า ทั้งเตโชกับลูกน้องนับสิบเตรียมเข้าช่วย แต่เจ้านายดันยกมือห้ามเพราะคิดว่าเป็นศึกลูกผู้ชาย"มึงต้องตาย!" อองตวนแทบจะทรุดอยู่ตรงสังเวียนนั้น ยังส่งเสียงไม่มียอมแพ้ให้อีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้หญิงสาวเคียงคู่คนอื่นก็ไม่ควรสุขสมหวัง"หึ..." ร่างกำยำกระตุกเม็ดกระดุมตรงแผงอกกว้าง ให้เปิดคล่องตัวโชยไอร้อนจากภายใน เขาไม่ได้รู้สึกว่าอองตวนสมควรเป็นผู้ต่อสู้สักนิดเดียว แต่ถึงอย่างไรนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบโมอาต้องลำบากแน่"พี่มาร์....โมขอร้องนะ" น้องสาวเร่งกระตุกข้อมือผู้เป็นพี่ซ้ำๆ มันปวดใจเหลือเกินที่ตัวเองทำได้แค่ยืนดู ในระหว่างนั้นชายสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้ใหม่ตุ๊บ!!! ผลั๊วะ!!!!"คุณ!!อองตวน!!!" ร่างอรชรรวบรวมแรงครั้งสุดท้าย สะบัดพันธการพี่ชายทิ
อีกด้านนึง"ผมว่าต้องเป็นสัญญาลักษณ์ที่คุณโมทิ้งไว้แน่เลยครับ" เดโม่ออกความคิดเห็น เขาหยิบดินสอทุกแท่งที่ล่วงอยู่กลางป่า ไม่น่าใช่ความบังเอิญในสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายช่วยกันตามหาโมอาในป่าทึบ แม้เตโชคุ้นชินสถานที่นี้ดีเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะสามารถหาได้ง่ายดาย เพราะเส้นทางคดเคี้ยวเต็มไปด้วยกิ่งไม้มีต้นหญ้าขึ้นสูง อาจเป็นที่หลบพลางของสัตว์ร้าย"แต่มันสิ้นสุดตรงนี้นะเว้ย แล้วคุณโมจะหายไปได้ไง?" เตโชพูดขึ้น ถ้าค้นหาตามสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้เมื่อหยิบชิ้นสุดท้ายได้ ก็ควรเจอเธอได้แล้ว ท้องยามค้ำคืนมืดมิดจนไม่เห็นดาว พวกเขาต้องหรี่ไฟฉายเกรงศัตรูสังเกตุเจอ"ตามมา" ซิลค์เอ่ยบอก เมื่อเขาคิดอะไรได้ สองขายาวดุจนายแบบเร่งก้าวไปตรงข้างริมลำธาร ซึ่งช่วงนี้เป็นปลายทางสายน้ำคาดว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เจอถนนหลัก แต่พวกคนนิรนามอาจหลบซ่อนในแถบนี้ก่อน กันสายสืบของเขาจับได้"......" แล้วทุกอย่างก็เป็นดั่งที่มาเฟียหนุ่มคาดคิด แสงไฟสลัวตรงเชิงเขาดูมีพิรุธ ทันใดนั้นยันต์ตาคมกริบเล็งเห็นร่างบอบบาง ถูกมัดใส่ต้นไม้ใหญ่สภาพสะบักสะบอม สองฝ่ามือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด อารมณ์เดือดดาลทำงานหนักริอาจทรมานภรรยาสาว"เอ
_ เวลาค่ำ"เมื่อไหร่เราจะถึงบ้านข้าวนึ่งคะ" โมอาเอ่ยถาม จากความรู้สึกเป็นห่วงเด็กชาย เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นทันที แถมโยนแท่งดินสอในมือจนหมดแล้วยังไม่ถึงที่หมายเลย ท้องฟ้าในป่ามืดครึ้มไว ไฟฉายสักกระบอกก็ไม่มี"โมคิดว่าพี่จะพามาหาเด็กนั่นจริงเหรอ" จู่จู่น้ำเสียงสุภาพเปลี่ยนจากเมื่อกี้ ร่างสูงเอี้ยวตัวมองคนด้านหลังยามถึงจุดนัดพบกับเจ้านายเขาเอง อิฐล้วงเอาไฟฉายส่องกดแสงกระพริบส่งสัญญาณให้คนซุ่มอยู่รีบออกมาต้อนรับ"จะทำอะไร??" ร่างอรชรหันซ้ายขวาดวงใจน้อยแทบช่วงหล่น มีชายนิรนามจำนวนมากเดินวนรอบตัวเธอ แต่สัญญาลักษณ์บางอย่างทำให้นึกถึงคนเคยสนิทขึ้นมา"จริงๆถ้าวันนั้นโมไม่ปฏิเสธพี่ พี่คงไม่พาเรามาส่งให้คนอื่นหรอก""มาส่ง??ส่งอะไร??" แม้เกิดความกลัวแต่นิสัยกล้าหาญกลับส่งเสียงตะเบ่งกลับ ทำกำปั้นเล็กชูขึ้นขู่ทั้งสองข้าง ร่างอรชรยังค่อยๆหมุนคอยระวังรอบตัว เกรงว่าคนร้ายจะใช้ช่วงทีเผลอประชิดกาย"เราไงโมอา ลืมเพื่อนรักคนนี้ไปแล้วหรือยัง?" อองตวนปรากฏตัวขึ้น ดึงสายตากลมหันมอง ใบหน้าหล่อเหลือร้ายจนหญิงสาวเกิดความรู้สึกต่อต้านอย่างไม่เคยเป็น ชายนิรนามคนอื่นยอมหยุดฝีเท้า ถอยหลังเล็กน้อยให้เจ้านายยืนเ
"พี่ลืมบอกโมไปว่า น้องนักเรียนที่ชื่อว่าข้าวนึ่งอะ ช่วงนี้เค้าป่วยนะ" หมอหนุ่มทำท่าทีล่ะล่ำละลักบอก เกรงคนฟังอาจไม่เชื่อหรือเกิดความรู้สึกสงสารจนเกินเหตุ ทั้งที่เลือกบอกยามเหลือกันสองคนตรงด้านหน้าห้อง ปล่อยให้เบลล์ไปตามเก็บสมุดเรียนไว้ที่โต๊ะข้างในก่อน"พี่อิฐรู้ได้ไงคะ แค่เขาพึ่งขาดเรียนวันเดียวเองนะ" ตอนแรกเธอไม่ได้สงสัยหรอก หากรุ่นพี่หนุ่มไม่บอก ช่างบังเอิญตรงกับเด็กชายไม่มาเรียนวันนี้พอดี ใจดวงน้อยเต้นตุ่มๆ พึ่งเริ่มสอนครั้งแรกดันเกิดเรื่องแล้ว ร่างอรชรมือไม้สั่นระริก แทบตัวอ่อนแรงครุ่นคิดถึงใบหน้าเด็กชายขึ้นมา"พี่พึ่งตรวจเขากับพ่อเมื่อเช้านี้อะ คงจะป่วยเยอะ" อิฐบอกผ่านใบหน้าจริงจัง พลางเหลือบมองหญิงสาวในห้องเรียน ช่วงเวลาบ่ายคล้อยผู้คนแถวนี้สงบเงียบ ต่างแยกย้ายกลับเข้าบ้าน"แล้วบ้านข้าวนึ่งอยู่ไกลไหมคะ โมควรจะแวะไปดูเขาสักหน่อย" แถวนี้คงไม่ต้องนึกถึงรถ หากเด็กชายเดินมาเรียนได้ เธอเป็นครูก็ต้องไปหาได้เช่นกัน เกิดความรู้สึกวิตกนึกถึงใบหน้านักเรียน ชายแสนเก่ง"จากประวัติที่พี่ซักเมื่อเช้า เห็นบอกว่าอยู่แถวเชิงเขา เราไปตอนนี้ก็ทันนะ" เขารีบแนะนำยังไงก็คงกลับมาทันก่อนช่วงค่ำ ต่อให้
"คุณหนวดมันจิ้ม!!" คนตัวเล็กร้องบอก พร้อมฝ่ามือว่องไวตีเข้าต้นแขนใหญ่ทันที ผิวหน้าแสนบอบบางถูกปลายหนวดจิ้มไม่ต่างจากโดนเข็มแทง กระตุ้นความรู้สึกเจ็บจี๊ดตอบสนอง"กล้าตีฉันเลยเหรอ?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นสูง อะไรดลจิตดลใจให้เหยื่อตัวน้อยไม่กลัวราชสีห์ จากอารมณ์ดีๆใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมเหมือนเดิม เหลือบคนทำเขาเจ็บมีสีหน้าสลดลง หากเป็นเมื่อก่อนคงจัดการเหลือไว้แค่ชื่อแล้ว"คุณอย่าเงียบสิ"".........""หนูขอโทษ..." แล้วที่น่าตกใจกว่าคืออารมณ์ของโมอา เพียงนาทีเดียใสับเปลี่ยนได้หลายบทบาท ดวงตากลมกระพริบวิงวอน ใช้แก้มเนียนถูหลังมือหนาอ้อน"......." หัวใจแกร่งเต้นสะเทือน ยามสบตากลมคู่นั้นมีความหมายสื่อมา ชายหนุ่มมาดแมนย่อมอ่านเข้าใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่โมอารู้ กลิ่นน้ำหอมบนกายสาวหอมละมุน เปลี่ยนบรรยากาศสบายใจแทนนาทีกดดันก่อนหน้านี้"โกรธกันหรอคะ แต่หนูโกรธอยู่นะอย่าลืมสิ" นิ้วชี้ยาวสวยยกจิ้มแก้มสากสองสามที ก่อนเปลี่ยนมาปิดปากเรียวหาววอด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคมทั้งหมด"แล้ว""ก็ถือว่าเป็นโมฆะวินวินทั้งคู่ไงคะ""อืม..นอนพักเถอะ" น้ำเสียงเข้มบอก เขาใช้ความอบอุ่นของฝ่ามือหนาลูบผมสลวยกล่อม เพราะฤท
"ฉันรีบ" น้ำเสียงเข้มราบเรียบรอบ คนตัวสูงสวมทบบาทแพทย์ชั่วคราว ถือเข็มฉีดยาเตรียมจิ้มใส่สะโพกมน ใช้นัยน์ตาคมบังคับให้หญิงสาวถลกกางเกงลง เผยบั้นท้ายขาวโพลนน่าขย้ำ"คุณเบามือนิดนึงนะ พอดีเมื่อกี้ล้มแรงไปหน่อย" หญิงสาวหลับตาปี๋ กักเก็บอาการกลัวจนลืมตัวดึงแขนเสื้อเชิ้ตแพทย์หนุ่มจิกไว้แน่น ท่าทางเหมือนกำลังต่อสู้ความเจ็บ แต่กลัวอีกฝ่ายหัวเราะเยาะแสร้งอดทน"....." ฝ่ามือหนาล็อคท้ายทอยเล็กซุกใส่แผงอกกว้าง รับรู้แรงหายใจของคนตัวเล็กได้ดี ช่างน่าขำที่เธอแสร้งชินชาทว่าแสดงอาการออกชัดเจน"อึก!" โมอากัดฟันแน่น ยามปลายแหลมเข็มจิ้มใส่เนื้อบาง เจ็บแปลบแทบมีน้ำตาเอ่อ ซุกใส่แผงกว้างซ้ำกว่าเดิมสูดดมกลิ่นกายชายหอมสดชื่น ลืมกระทั่งความเจ็บหลังฉีดยาเมื่อกี้"กลับไหวไหมล่ะ" ซิลค์ถามกลับ พร้อมเอื้อมหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดรอยเลือดซิบ ยิ่งทำร่างอรชรเกร็งเจ็บเท่าตัว โอบกอดแผ่นหลังกว้างราวเหลือสิ่งเดียวยึดเหนี่ยว"คุณ!!หนูเจ็บนะ" โมอายอมปล่อยอ้อมแขนออก เหมือนเสี้ยวนาทีนึงเห็นรอยยิ้มบนปากหยัก พอจะเงยหน้าขึ้นมองระยะใกล้ ร่างกำยำกลับหมุนหันหลังหนี"ทีหลังก็อย่าซน""แล้วคืนนี้คุณจะรอหนูอีกไหม" ร่างอรชรรีบดึงกางเกงข
เวลาต่อมา_"เป็นไงการสอนวันแรกของเรา" ร่างอรชรรุดทิ้งกายหมดเรี่ยวแรงกับเพื่อนรัก นั่งบนเสื่อผืนเก่าแทนที่นักเรียนตัวน้อย หลังเปิดสอนผ่านไปเกือบสามชั่วโมง เรียกว่าพวกเธอจัดเต็มทุกวิชาฝ่ามือเรียวล้วงหยิบผ้าเช็ดสีหวานส่งให้เบลล์ แม้แดดยามเย็นไม่ส่องเท่าไหร่หนัก แต่คนเคยอยู่ให้ห้องแอร์อุณหภูมิเย็นตลอด ย่อมได้รับผลกระทบต่อผิวบ้าง"เหนื่อยแต่สนุก" เบลล์ยิ้มอ่อน รีบคืนผ้าเช็ดหน้าแก่เพื่อนรัก เพราะใบหน้าสวยมีเหงื่อผุดเต็มขมับ อาการ ไม่ต่างไปกว่ากัน พอเห็นข้าวนึ่งหัวหน้าห้องเรียนรวบรวมถือสมุดทุกคนมาส่ง เธอรีบตบมือชื่นชมก่อนรับของจากเด็กชาย"วันนี้สนุกสุดๆเลยครับ แต่ผมไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย" เด็กชายรีบนั่งลงข้างคุณครูอาสา เปิดสมุดของตัวเองกางโชว์ให้ดู ลายมือขยึกขยักเป็นตัวชี้บอก เขาไม่เข้าใจวิธีการเขียนเริ่มจุดไหนก่อน"เราเก่งมากนะ แค่ไม่ถนัดเรื่องลายละเอียดใช่ไหมล่ะ" โมอารีบชะโงกดูตาม ถือว่าเขาเป็นนักเรียนภายใต้การสั่งสอน ย่อมควรช่วยเหลือให้เด็กชายเข้าใจถูกวิธี"ครับ""เอางี้นะข้าวนึ่ง ช่วงที่คุณครูมาสอนเราแวะมาได้ตลอดเลยนะ ต้องใช้โอกาสนี้เก็บเกี่ยวความรู้ให้มากๆเชียว" เบลล์บอก พลางจับมือนักเ
@ เช้าวันต่อมา"เมื่อคืนแกกลับมาตอนไหน ฉันจำได้ว่ารอเป็นชั่วโมงเลย" หลังจากทั้งสองเสร็จภารกิจส่วนตัวรีบออกมาพบชาวบ้านเตรียมการสอนให้เด็กๆ ซึ่งทุกคนร่วมมือกันอย่างดี เบลล์ใช้ช่วงตอนนั่งพักใต้ต้นไม้ถาม ราวว่าค้างคาอยู่ในหัวสมอง"พอดีเจอคนรู้จักหน่ะเลยคุยเพลินไปหน่อย" คนรู้จักที่ว่าก็คือสามีในนานนั่นแหละ ย้อนนึกถึงช่วงเมื่อคืนเขาไม่ได้ตอบคำถามที่เธออยากรู้เลย ปล่อยเป็นความเงียบตามบรรยากาศ พาลแสงดาวส่องมองจนเพลิน กระทั่งถึงกลางดึกเลยรีบกลับพักผ่อน~ความหวั่นไหวในใจดวงน้อย คงไม่มีความหมายถ้าเกิดเพียงฝั่งเดียว~"เจอคนรู้จักที่นี่อะนะแก?" คนบอกถึงกับตกตะลึง โลกช่างกลมยิ่งกว่าพรมลิขิตอีก เธอมากันแค่สองคนครั้งแรกด้วยซ้ำ อีกฝ่ายจะรู้ใครเยอะแยะขนาดนั้น"เอ่อ..." โมอาเริ่มเลิกลัก จะหยิบยกเอาใครอ้างต่อดี หากเอาองครักษ์มาอ้าง อาจโดนถามต่อไม่จบสิ้น"อ้าว!น้องโมตัวเป็นๆเลย อาสามาสอนเด็กๆที่นี่ด้วย" แล้วเป็นเสียงของอิฐรุ่นพี่หนุ่ม นักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายมากับกลุ่มโรงพยาบาล เขาแค่แวะนำยาที่ขาดเหลือส่งให้ชาวบ้าน พอเห็นหน้าคุ้นๆเลยรีบทักทายดู ใบหน้าขาวตี๋แสดงความดีใจเปี่ยมล้ม ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรีย