คเชนทร์ หนุ่มหล่อ มาดดิบเถื่อน ผู้ใช้ชีวิตจากจุดต่ำสุด สู่จุดสูงสุดของชีวิต ในฐานะผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมห้าดาว แม้ชีวิตจะรวยล้น มีทุกสิ่งราวเนรมิตร ทว่าอดีตอันเลวร้ายมันตามหลอกหลอน ไม่อาจทำให้เขาหลุดพ้นไปจากความกลัวได้ ทำให้คนเก่งอย่างเขากลัวที่สุด คือการไม่คู่ควรต่อสิ่งใด แม้กระทั่งความรัก บทเรียนรักสอนให้เขาเจียมตัวเจียมใจ และตอกย้ำกับตัวเองเสมอว่าเป็นเพียง ไอ้เชนทร์ เด็กกำพร้าไร้อนาคต เฝ้ารอแต่เพียงใครสักคนมาปลดล็อกความกลัวนั้น... หากคนนั้นจะเป็นเธอที่ฟ้าส่งมา เจ้าขา ทายาทเจ้าสัวหมื่นล้าน คุณหนูไฮโซที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง กับชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อเธอหนีขึ้นรถชายแปลกหน้าโดยไม่ให้เขารู้ และไม่รู้ว่าเขาคือใคร เพียงแต่เธออยากหนีไปให้สุดหล้าและทิ้งความเจ็บปวดเอาไว้เบื้องหลัง แต่หารู้ไม่ ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา... ทว่าเป็นคนที่พาเธอไปพบกับโลกใบใหม่ จนเธออยากจะทิ้งทุกอย่าง เพราะเขา
View More“งานแต่งใคร ต้องรับผิดชอบเหรอ ไม่ใช่หน้าที่เรา” พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้น ทำเอาคเชนทร์ชะงักมือที่กำลังตักอาหารทันที“เอ่อ ลูกค้า ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวครับ เป็นนักธุรกิจน่ะ แต่ทีมออแกไนซ์อยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อน เห็นว่าเจ้าบ่าวเรื่องเยอะ” คเชนทร์อธิบายเสียงหม่นพลางตักอาหารใส่ปาก และสังเกตว่าเขาถอนหายใจแบบเครียดๆ “คุณเชนทร์ เป็นอะไรคะ ดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ” มนัสวีเอ่ยถามขึ้นเพราะสังเกตเก่ง “สองคนจับพิรุธผู้ต้องหาอยู่เหรอครับเนี่ย” คเชนทร์แซว“แปลว่าน้องวีพูดถูก” พ่อเลี้ยงเอ่ยขึ้นและหรี่ตามองคเชนทร์“คือ เอ่อ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เรื่องงานเท่านั้นเอง” ปิดบังวันนี้แล้วพรุ่งนี้จะปิดบังยังไงวะเนี่ย คเชนทร์คิด“รู้ใช่ไหม ว่าพ่อมึงคนนี้ดูคนเก่ง” “ครับเก่ง เก่งมาก ยอมแพ้ ผมแค่เครียดกับงานน่า” “งั้นก็กินเสร็จไปพักผ่อน พรุ่งนี้คงได้มีอะไรคุยกันก่อนไปทำงานซะหน่อย” “เอ่อ ครับ” คเชนทร์รู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่ตัวเองรับมา และประหม่ากับสายตาพ่อที่มองอย่างเอาเรื่อง ใช่พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์เป็นคนเก่ง อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีก็ย่อมมองออกเสมอ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคเชนทร์ จะสุข จะทุกข์คเชนทร์แสดงออ
“ลงมา” คเชนทร์บอกเสียงเรียบ พลางมองไปรอบๆ ตัวว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่า“ผมบอกให้ลงมา!” เขาตะคอกเมื่อเห็นเธอเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมลงจากรถ กระทั่งเขาเอื้อมมือไปกระชากเธอลงมาเสียเอง“มาจากงานแต่งงานที่ไหนเนี่ย” เขาถามเพราะคิดว่าน่าจะมาจากงานเดียวกับเขาหรือเปล่า ทว่าเธอเอาแต่ร้องไห้ ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา “นี่คุณ จะเอาแต่ร้องไห้ไม่ได้นะ คุยกันให้รู้เรื่อง” พอเขาเอ่ยเช่นนี้เธอก็หันซ้ายหันขวา เหมือนไม่กล้าพูด เขาจึงดึงเข้าบ้านเสียเลย แต่พอเปิดไฟในบ้านเห็นหน้ากันชัดๆ สวยชะมัดเลย นี่นางฟ้าตกสวรรค์หรือวะเนี่ย คเชนทร์คิด“นั่งซิ แล้วบอกมาให้หมด ขึ้นรถผมมาได้ยังไงเนี่ย” “คุณเป็นใคร” หญิงสาวถามกลับพร้อมกับสะอื้น “อ้าว! แล้วคุณล่ะเป็นใคร ขึ้นมาบนรถผมทำไมเนี่ย ผมก็กลับบ้านสิ”“ขอโทษค่ะ ฉัน... ฉันเสียสติมาก หมดหนทาง ฉันไม่รู้จะหนีไปทางไหน ฉันกลัวคนเห็น” เธออธิบายไปพลางก็ร้องไห้ไปพลาง“ตั้งสติแล้วค่อยๆ พูด ผมฟังไม่รู้เรื่อง เอาแต่ร้องไห้” “ฮือๆๆๆ” ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งร้องไห้ เขาอยากจะบ้า นี่เขาหาเหาใส่หัวหรือเนี่ย “โอ๊ย! ไม่เอาน่าคุณ ตั้งสติก่อนสิ” เขาทำท่าหงุดหงิดและแทบจะเอามือกุมขมับเลยทีเดียว “ขอโท
“พี่ตุลย์ พี่ตุลย์มาต่อก่อนนะ” น้ำอิงอ้อนวอน ขณะที่ยังไม่ได้ดึงกระโปรงลงจากสะโพก“ต่อไม่ได้ ต้องไปจัดการกับเจ้าขาก่อน ไม่งั้นเราแย่แน่” สิ้นคำเขาก็รีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วออกไปจากห้องอย่างทุลักทุเล เดินไปพลางก็ใส่ซิบกางเกงไปพลาง พอออกจากห้องแรกได้ และออกมาสู่ห้องรับแขก ก็ไม่เห็นใครแล้ว “เจ้าขา จบเห่กัน” เขาสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะออกจากห้องแล้ววิ่ง ตามหาจันทรภาทันที แน่นอนว่าจันทราภาขึ้นลิฟต์ลงมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน เธอพยายามตั้งสติแม้จะใจเต้นแรง และจะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะเข้าพิธีแต่งต่อ หรือจะหนีไปจากเหตุการณ์อันแสนทุเรศเช่นนี้ เมื่อคิดทบทวนแล้วว่าไม่ควรตกนรก เธอก็กดเปิดลิฟต์ เพราะมันกำลังถึงชั้นสอง เธอต้องไม่ลงไปถึงชั้น 1 เพราะไม่เช่นนั้นต้องมีคนเห็นอย่างแน่นอน เมื่อออกจากลิฟต์ชั้น 2 ได้เธอก็วิ่งไปทางบันไดหนีไฟทันที พร้อมทั้งหอบหิ้วชายกระโปรงและดึงผ้าคลุมศีรษะออก ในมือยังคงกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นและเมื่อมาถึงชั้นล่าง ทางหนีไฟไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เธอค่อยๆ ย่อง มองซ้ายขวา ไม่รู้จะไปทางไหน ทว่าเหมาะเจาะให้หลบซ่อน เพราะอ้อมออกมาเป็นลานจอดรถพอดี“คุณพระคุณเจ้า ช่วยให้
เธอว่าและแสร้งดันเขาออกเบาๆ ขณะที่มือแกร่งลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง ลามลงไปจนถึงบั้นท้ายแล้วบีบเคล้นหนักๆ “ถ้าหิวน้ำอิงขนาดนี้ พี่ตุลย์จะแต่งงานกับยัยเจ้าขาทำไม” สิ้นคำพูดของเธอเท่านั้นแหละ เขาก็ผงกศีรษะขึ้น “อย่ามาพูดกับพี่แบบนี้ เธอเป็นความสุขของพี่ใช่ไหม เราเป็นความสุขของกันและกัน”“แล้วพี่ก็เอายัยเจ้าขาขึ้นหิ้งเหรอคะ” “อืม แบบนี้มันก็แซ่บจะตาย” สิ้นคำเขาก็ก้มลงบดขยี้จูบที่ปากอิ่มอีกครั้ง คราวนี้ดูดดื่มร้อนแรง ก่อนจะผละเรียวปากออกพรมจูบพวงแก้ม ซอกคอ ดูดแล้วแรงๆ มือหนาก็แหวกชุดเดรสที่สวมใส่ออกไปจากหัวไหล่ จนกระทั่งเนินอกโผล่เผย เขาจับเสื้อชั้นในรั้งลงพร้อมกับก้มหน้าซุกไซ้เนินอก และอ้าปากดูดเลียเม็ดถัน“ซี๊ด! อ่า! พี่ตุลย์ เราอ้อยอิ่งไม่ได้” เธอบอกด้วยน้ำเสียงกระเส่า“พี่จะทำให้เร็วที่สุด รับรอง เสร็จทันสามสิบนาทีแน่นอน” เขาตอบก่อนจะลากลิ้นเลียต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ แต่ไม่ได้รั้งชุดเดรสของเธอลง ทว่าเขากลับคุกเข่ากับพื้นแล้วถลกชายกระโปรงเธอขึ้นไปไว้ที่เอว “ซี๊ด! อ่า พี่ตุลย์ เร็วนะคะน้ำอิงกลัวใครจะมาเห็นเข้า” “อื้อ เจอพี่ลงลิ้นรับรองน้ำอิงน้ำแตกภายในสองนาทีแน่นอน” สิ้นคำอันหิวกระหา
เมื่อมาเป็นเจ้านาย เขาก็ยังเป็นคนเดิม เป็นตัวแทนพ่อเลี้ยง และน่าเข้าใกล้สำหรับลูกน้อง ผิดก็แต่บุคลิกที่ภูมิฐานขึ้นตามตำแหน่งนั่นแหละ ฉะนั้นเวลามีงานสำคัญ เขามักถูกขอให้มาอยู่เป็นกำลังใจให้น้องลูกเสมอ แม้แต่เหล่าพันธมิตรอย่างทีมงานออแกไนซ์ประจำจังหวัดอีเว้นท์คืนนี้เป็นงานแต่งงานของเศรษฐีหนุ่มคนหนึ่ง เป็นคนเชียงใหม่ แต่ได้เจ้าสาวเป็นคนกรุงเทพฯ นั่นก็เพราะว่าทำธุรกิจที่กรุงเทพสลับกับเชียงใหม่ แต่งแบบสากล แต่อยากได้สถานที่แบบล้านนานเสียหน่อย จึงเลือกที่จะมาแต่งที่โรงแรมเหมราชมนตรา คเชนทร์ไม่ได้รู้จักหรอก เพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร เขาทำตัวเหมือนพ่อเลี้ยงของเขานั่นแหละ ติดจะหนักกว่าด้วยซ้ำ คือไม่ชอบยุ่งกับนักธุรกิจคนไหนช่วงเวลานี้เจ้าบ่าว เจ้าสาวกำลังแต่งตัว ถูกจัดเอาไว้คนละห้อง แต่งใครแต่งมัน จะนานหน่อยก็เจ้าสาวนี่แหละ เพราะต้องละเอียดละออมากกว่าเจ้าบ่าว แต่ถึงกระนั้นก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง เพื่อความพิถีพิถันในความงดงาม จวบจนกระทั่งใกล้จะถึงเวลาหนึ่งทุ่มที่งานจะเริ่ม ญาติๆ เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างลงไปรอต้อนรับแขกในงานเสียก่อน ส่วนเจ้าสาวนั้นยังแต่งตัวไม่เสร็จดีนัก เพราะเพิ่งจะแต่งหน้าทำผม และ
โรงแรมเหมราชมนตรา เวลาสี่โมงเย็น ตอนนี้กำลังจัดแต่งงานของแขกระดับเศรษฐีคนหนึ่ง ตามเวลาที่งานจะเริ่มคืนหนึ่งทุ่มตรง ฉะนั้นเวลานี้คือการตรวจตราความเรียบร้อย ของผู้ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ ต่อให้ไม่ใช่เวลาทำงานแต่ก็ต้องทำงานอีเว้นท์ให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด คเชนทร์ รองประธานกรรมการหนุ่มหล่อไฟแรง จอดรถที่หน้าประตูทางเข้าโรงแรม และยังไม่ทันที่เขาจะได้เปิดประตูรถ พนักงานเปิดประตูก็วิ่งมาเปิดให้กับเขาอย่างรู้หน้าที่ “สวัสดีครับท่าน” พนักงานกล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ ขณะที่คเชนทร์ก็ก้าวลงรถไปด้วย“สวัสดีครับ” คเชนทร์ทักทายกลับเสียงเรียบ พลางถอนหายใจเบาๆ เหมือนมีความเครียดและหงุดหงิดเล็กๆ “วันนี้มีงานเย็นเหรอครับ” “อืม นี่ไง งานแต่ง ถูกตามด้วยให้มาเช็กความเรียบร้อย” “เหนื่อยหน่อยนะครับ” “อืม ฝากเอารถไปไว้ที่ลานจอดทีนะ” คเชนทร์บอกพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้“ได้ครับ” พนักงานหนุ่มรับคำก่อน จากนั้นคเชนทร์จึงได้เดินเข้าโรงแรมโดยมีพนักงานอีกคนรอเปิดประตูให้ ทว่าจังหวะเดียวกันนั้นก็มีเจ้าหน้าหน้าที่สาววัยสามสิบปี วิ่งกระหืดกระหอบมาทางเขาเลย“มาพอดีเลยค่ะนาย!” “มีอะไร แล้วนี่ทำท่าตื่นตกใจทำไมเนี่
Comments