คเชนทร์ หนุ่มหล่อ มาดดิบเถื่อน ผู้ใช้ชีวิตจากจุดต่ำสุด สู่จุดสูงสุดของชีวิต ในฐานะผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมห้าดาว แม้ชีวิตจะรวยล้น มีทุกสิ่งราวเนรมิตร ทว่าอดีตอันเลวร้ายมันตามหลอกหลอน ไม่อาจทำให้เขาหลุดพ้นไปจากความกลัวได้ ทำให้คนเก่งอย่างเขากลัวที่สุด คือการไม่คู่ควรต่อสิ่งใด แม้กระทั่งความรัก บทเรียนรักสอนให้เขาเจียมตัวเจียมใจ และตอกย้ำกับตัวเองเสมอว่าเป็นเพียง ไอ้เชนทร์ เด็กกำพร้าไร้อนาคต เฝ้ารอแต่เพียงใครสักคนมาปลดล็อกความกลัวนั้น... หากคนนั้นจะเป็นเธอที่ฟ้าส่งมา เจ้าขา ทายาทเจ้าสัวหมื่นล้าน คุณหนูไฮโซที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง กับชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อเธอหนีขึ้นรถชายแปลกหน้าโดยไม่ให้เขารู้ และไม่รู้ว่าเขาคือใคร เพียงแต่เธออยากหนีไปให้สุดหล้าและทิ้งความเจ็บปวดเอาไว้เบื้องหลัง แต่หารู้ไม่ ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา... ทว่าเป็นคนที่พาเธอไปพบกับโลกใบใหม่ จนเธออยากจะทิ้งทุกอย่าง เพราะเขา
View Moreช่วงเวลาเดียวกัน แม้งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสจะล้มเหลว แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว คเชนทร์กับแสนลักษณ์ ยังสามารถปกป้องคนที่ตัวเองรักได้เป็นอย่างดี แม้จะพลาดบ้างก็ตาม แต่มันเป็นสิ่งที่การันตีได้แล้วว่าเขาสามารถปกป้องทุกคนในครอบครัวได้ แม้แต่เจ้าสัวเองก็ยังเป็นหนี้ชีวิตคเชนทร์ มิเช่นนั้นท่านคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ งานเลี้ยงฉลองคงได้กลายเป็นงานศพ และเอาเป็นว่างานฉลอง ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป หาเวลาทำอาหารอร่อยให้พ่อตาแม่ยายรับประทานจะดีกว่า แต่ต้องหลังจากที่ซิ่งกันจนเหนื่อยแล้วนะเสียงรถ ATV ในพื้นที่ไร่ผลไม้อันกว้างขวาง เป็นพื้นที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวปั่นจักรยาน หรือขับ ATV เช่นคราวนี้ไม่ใช่นักเที่ยว หากแต่เป็นบรรดาแม่บ้านทั้งหลายที่อยากจะแว้นต่างหาก ฉะนั้นแล้วหนุ่มๆ ก็ได้แต่ยืนรอแบบหน้าบึ้งๆ เพื่อสาวๆ จะมารวมตัวกันขับรถเล่น บอกหนุ่มๆ ไม่ต้องยุ่งทว่าเสียงแว้นรถ ATV ก็ดังบึ้นๆ จนหนุ่มๆ หันไปมอง“วู้วววว หนุ่มๆ คุยกันไปนะคะ” เสียงของมนัสวีดังขึ้นก่อนเป็นคนแรก พร้อมกับบิดนำไปเลย ทำเอาแสนลักษณ์อ้าปากค้างกำลังทักท้วง เท่านั้นแหละทุกคนก็หันไปตามอง ตามด้วยจันทรภา“เ
“มาทำไมอ่ะตุลย์ มาหาที่ตายเหรอ” แสนลักษณ์แทรกขึ้น“ใช่ หนีไปก็ถือว่าฉลาดแล้วนะ ไม่น่าโง่กลับมาเลย” คเชนทร์เอ่ยขึ้น “ฉันจะมาแก้แค้นให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันสูญเสีย ฉันจะไม่ให้พวกแกได้มีความสุข” เขาบอกอย่างเจ็บแค้น“ตัวเองแทบจะไม่เหลืออะไรแล้วนะตุลย์” คเชนทร์ว่า“ฉันก็จะไม่ให้แกเหลืออะไร” “หึๆ เรารู้จักกันน้อยเกินไป เพราะถ้ารู้จักดีกว่านี้ แกจะไม่โผล่มาที่นี่คนเดียว มึงดูถูกฝีมือกูเกินไป” “จะทำยังไงกับเจ้านี่ดีครับ” แสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้น“เอามันไปนอนในคุก ก็ถือว่าฉันปราณีไม่เอาเรื่องที่ลักพาตัวลูกสาวฉัน ทำร้ายครอบครัวลูกสาวฉันแล้ว ฉันจะทำให้แกไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน สำนึกอยู่ในนั้น แม่แกคงดีใจนะ เฝ้าผัวที่หลับไม่ตื่น ลูกชายก็เข้าคุก อยู่ในนั้นหลายปี คิดให้ได้ถ้าคิดไม่ได้ ออกมาเมื่อไหร่ เราเจอกัน” เจ้าสัวบอกอย่างหนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหาบุตรสาว อยู่กับนักเลงท่านก็นักเลง แต่ทุกคนก็หวั่นใจในคำตัดสินของท่าน และแม้จะได้รับการยกโทษ ที่ไม่ให้ถึงตายแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ตลุยเทพรู้สึกเป็นบุญคุณเขากลับโกรธเกลียดเคียดแค้นยิ่งกว่าเดิม ความดำมืดมันเบียดบังความสว่างแห่งจิตใจไม่รู้ดีร
“ครับ/ค่ะ” สองฝาแฝดก็จูงมือเจ้าสาวเสียเลย ส่วนมืออีกข้างก็ถือช่อดอกไม้เอาไว้ด้วย จากนั้นจึงได้เดินเข้ามาช้าๆ ฝ่ายแม่พ่อเจ้าสาวก็มองด้วยความสุขและปริ่มเปรม เพราะเห็นสีหน้าแววตาของลูก บ่งบอกว่ามีความสุขมากเพียงใด แขกเหรื่อในงานหันมามองพร้อมกับถ่ายรูป ตามด้วยเสียงบรรเลงเพลงรักช้าๆ สองฝาแฝดเดินเตาะแตะอย่างน่าเอ็นดู ในชุดเพื่อนเจ้าสาวน้อยๆ และหนุ่มน้อยคาวบอย มนัสวีก็เดินตามพร้อมกับจูงมือเกตุวดีให้เดินไปด้วยสีหน้าแววตาปลื้มปริ่มพอๆ กัน และเมื่อมาถึงด้านหน้าพิธี ก็มีบิดามารดาของจันทรภายืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว ท่านทั้งสองจึงกอดสองฝาแฝดเอาไว้ และหอมซ้ายหอมขวาด้วยความเอ็นดู จากนั้นมนัสวีจึงเดินมาจูงเด็กๆ ไปนั่งเก้าอี้แถวหน้า ขณะที่จันทรภาก็โน้มตัวไปสวมกอดพ่อกับแม่แนบแน่น “แม่รักหนูนะลูก มีความสุขมากๆ นะ” มารดาเอ่ยขึ้นก่อน“มีความสุขมากๆ กับผู้ชายที่ลูกเลือกนะ” บิดาเอ่ยเช่นกัน“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ คุณแม่” จันทรภาตอบเสียงสั่น ก่อนจะดันตัวออกจากอ้อมกอดของท่านทั้งสอง“แม่รู้นะว่าหนูกำลังหวั่นใจ” มารดาดูสีหน้าออกอีกแน่ะ นั่นก็เพราะจันทรภานึกถึงแต่เรื่องราวที่ผ่านมา ส่วนเรื่องราววันนี้มันเหมือนกัน ตรงที
“เพราะความรักดีที่ทำให้แกมีวันนี้ต่างหาก เพราะตัวแกเอง ฉันก็แค่เป็นผู้นำพาออกมา หากไม่รักดีซะอย่าง มันก็จะเหมือนเดิม รู้ใช่ไหม ต่อจากนี้ไปต้องเติบโตกว่าที่เป็นอยู่” แสนลักษณ์กล่าวพลางเอามือลูบๆ ปัดหัวไหล่ให้คเชนทร์ราวกับห่วง คเชนทร์สังเกตได้คนอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต “ห่วงผมเหรอครับพ่อเลี้ยง” “ห่วง ไปเป็นนายคนที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ ไปอยู่บริหารงานช่วยเจ้าสัวอย่าห่ามให้มันมากนัก ฝึกใจเย็นให้มากๆ ดูแลครอบครัวใหม่ให้ดี แกจะไม่ใช่แค่หัวหน้าครอบครัวของเจ้าขาเพียงคนเดียว แต่จะเป็นผู้นำไปพร้อมๆ กับเจ้าสัวด้วย” “ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ดีไหม ผมกลัวทำให้ท่านผิดหวัง” “ฉันสอนแกมาทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเห็น นำไปใช้ซะ องค์กรธุรกิจที่นั่นใหญ่กว่าที่นี่มากนัก” “ใจหนึ่งผมก็ไม่อยากไป” “เราต้องเติบโต แกจะตัดช่องน้อย เอาลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของท่านแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แล้วให้พ่อแม่เขาดูแลกันเองไม่ได้ เจ้าขาเป็นทายาทแกเป็นสามี ถูกต้องแล้วที่จะต้องไปกุมบังเหียน สักวันท่านก็ปล่อยมือ ช่วยเจ้าขาดูแลทุกอย่างให้ดีๆ” “พ่อจะไม่คิดถึงผมใช่ไหม” “หึๆ ไปกรุงเทพ ไม่ได้ไปเมืองนอกซะหน่อย คิดถึงก็มาหา เดือนละค
“หนุ่มๆ เขามั่นใจว่าเขาหล่อมากค่ะ แต่งนิดเดียวก็หล่อ แต่ดูเอาเถอะ เราเสร็จก่อนซะอีก” มนัสวีเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวให้เขาตามไปทีหลังก็ได้ลูก ไม่ซีเรียส กันเองทั้งนั้นสบายๆ อย่าพิธีเยอะแล้วจะไม่สนุก” เจ้าสัวกล่าวอย่างยิ้มแย้ม เพราะท่านผ่านความเครียดและซีเรียสมาแล้ว ทั้งสองงานเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ความสุขและความเรียบง่าย และวันนี้ท่านมีความสุขมาก มองไปทางไหนก็อบอวลไปด้วยรอยยิ้มของคนกันเอง ไม่มีใครอื่น ในงานก็สวยงามด้วยดอกไม้ในสวน และริมลำธารตามที่คเชนทร์และจันทรภาต้องการ“ดูแล้วสบายตาจังเลยเนอะพ่อ ไม่เหมือน...” จันทร์จิรากล่าวแต่ก็อดนึกถึงงานคราวก่อนไม่ได้“เอาน่า อย่าไปนึกถึงมันเลย” “มันก็คล้ายๆ กันนะคะ เพราะเจ้าขามารอเจ้าบ่าวอีกแล้ว” “พ่อเชื่อมั่นในตัวลูกเขยคนนี้ คนที่ลูกเลือกเอง” “แม่อดนึกถึงวันนั้นไม่ได้น่ะ”“ทำใจให้สบาย วันนี้เป็นวันที่ลูกมีความสุขที่สุด”“ค่ะ” จันทร์จิรารับคำและยิ้มก่อนจะมองเข้าไปในงาน ท่านทั้งสองไม่รู้จักใครเพราะไม่ได้เชิญแขกที่อื่น แต่ทุกคนรู้แล้วว่าท่านคือบิดาและมารดาของจันทรภา หรือเจ้าสัวหมื่นล้านพ่อตาของคเชนทร์ ทุกคนจึงได้ให้ความเป็นกันเองกับท่
“หึๆ คนนั้นต้องยอม แต่วันนี้ก็ต้องยกให้เจ้าบ่าวหนึ่งวันนะครับ” “พี่ว่าเราเข้าไปในงานดีกว่า ไปรับแขกแทนพวกเขาไปก่อน เพราะว่าคนกันเองทั้งนั้น” “ครับพี่” สิ้นคำเกตุวดีก็กับเปรมณัฐก็พากันเดินเข้างาน เพื่อทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ในขณะเดียวกัน เป็นอีกครั้งที่จันทรภาต้องมานั่งแต่งหน้า แต่งตัวในฐานะเจ้าสาวอีกครั้ง และครั้งนี้แอบคิดถึงคราวก่อน อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคลิปนั้นที่เธอถ่ายเองกับมือ สิ่งต่างๆ มันหวนให้นึกถึง จนรอยยิ้มของเธอหายไปจากใบหน้า ยิ้มอยู่ดีๆ ก็หม่นลงเสียอย่างนั้น “เป็นอะไรไปคะพี่เจ้า หืม” มนัสวีเอ่ยขึ้นเมื่อกำลังดัดผมเป็นเกลียวๆ ให้จันทรภา ซึ่งเธอนั่งอยู่หน้ากระจก ห้องรับพักรับรองบ้านแสนลักษณ์“วี พี่ อยู่ๆ ก็นึกถึงวันนั้น มันนึกกลัวยังไงก็ไม่รู้”“พี่เจ้ากลัวพี่เชนทร์เทงานแต่งเหรอคะ” “มันหลอนๆ น่ะ แต่พี่เชื่อมั่นในตัวพี่เชนทร์น่า”“หึๆ เอาชีวิตแลกขนาดนี้ต้องได้เมียแล้วล่ะค่ะ วีเองก็เชื่อมั่นในตัวพี่เชนทร์เหมือนกัน อย่าคิดมากเลยนะคะ ลืมมันไปเถอะ” “พี่คิด พี่ตุลย์มันหนีกบกาน ถ้ามันยังไม่ตาย มันแว้งกันเราได้เสมอเลย” “อืม ไม่เอาสิคะ วันนี้งานเลี้ยงมงคลนะคะ ไม่คิดถึงเรื่อ
ดังคำที่เจ้าสัวภากร กับภรรยาได้ให้ไว้กับคเชนทร์ คนเป็นพ่อแม่จะต้องการอะไรนอกจากเห็นความสุขของลูก ต่อให้ความสุขนั้นมันแสนจะเรียบง่าย แต่ท่านก็เห็นแล้วมันคือสวรรค์ และท่านฝืนทนที่จะไม่ยิ้มรับความสุขนั้นไม่ได้ ท่านเห็นและสัมผัสจนต้องยิ้มทั้งน้ำตาท่านยอมแพ้หัวใจของผู้ชายธรรมดาอย่างคเชนทร์ ไม่ใช่เพราะทำสิ่งที่เอาชนะใจ หากแต่ทำให้ลูกสาวท่านเปลี่ยนไปต่างหาก นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ท่านยินยอมที่จะยกบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ และยอมยกให้นานแล้วเพียงแต่รอเวลาอันเหมาะสมแต่การเป็นลูกเขยเจ้าสัวไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่ไม่มีเงินค่าสินสอด แต่กลัวท่านจะเสียหน้า กลัวคนเอาไปติฉินนินทาว่ามีลูกสาวเพียงคนเดียวแต่ไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้ค่าสินสอด อาจจะทำให้อับอาย เช่นนั้นแล้วมันก็ต้องมีทั้งค่าน้ำนมและพิธีตามที่เห็นสมควร “พ่อไม่ได้ขายลูกกิน พ่อกับแม่รวยล้นฟ้าขนาดนี้ จะยังอยากได้ค่าสินสอดอีกเหรอ หืม ไอ้ลูกเขย” เจ้าสัวกล่าวอีกครั้งเมื่อมานั่งคุยกันอย่างเป็นทางการในห้องนั่งเล่นบ้านแสนลักษณ์“ผมเรียกว่าค่าน้ำนมครับ” คเชนทร์กล่าวเสียงเรียบ“เชนทร์ ถ้ากลัวพ่อแม่จะเสียหน้า เสียชื่อ จำได้ใช่ไหม ว่าสิ่งเหล่านี้เจอมาแล
ขณะที่คเชนทร์ก้มกราบแทบเท้าท่าน เห็นเช่นนี้แล้วอยู่ๆ ท่านกลับจุกอยู่ในอก พูดอะไรไม่ออก น้ำตาเจ้ากรรมดันปริ่มตรงขอบตาเสียอย่างนั้น จันทร์ จิรายิ้มอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เจ้าสัวอึ้งมือสั่นกระทั่งคเชนทร์เงยหน้าขึ้น“ผมกราบขอขมาครับ ในการกระทำที่ได้ล่วงเกินไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือว่าทางใจ รวมถึงเรื่องที่ผมกับเจ้าขาอยู่ด้วยกัน กราบขอโทษที่อาจทำให้ผิดหวัง ที่ผมอาจจะทำให้เจ้าขา มีความสุขหรือสุขสบายน้อยกว่าที่ผ่านมา” คเชนทร์ตัดใจกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและหม่นเล็กน้อย เงยหน้ามองสบตาเจ้าสัวภากรเป็นหลัก ซึ่งท่านฟังดังนั้นแล้วได้สูดหายใจเข้าลึกๆ เบือนสายตาไปทางอื่นนิดหน่อย ขณะที่ภรรยาท่านต้องกุมมือเอาไว้“เธอกล้ามาก” ท่านกล่าวสั้นๆ หยุดเอาไว้เพียงชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยต่อ“กล้าหาญทำในสิ่งที่ผู้ชายหลายคนไม่กล้าทำ คือนั่งอยู่ตรงนี้ คิดว่ามันไม่ง่ายใช่ไหม” “ครับ ไม่ง่าย แต่ผม... คนไม่มีอะไร ไม่เคยมีใครให้ก้มกราบแบบนี้ คิดอะไรผมก็ทำ พิธีรีตองมากว่านี้ก็ไม่เป็น ทื่อๆ แข็งๆ อาจไม่ประทับใจ แต่มันออกจากหัวใจของผม”“ไม่ได้ต้องการประทับใจ ไม่คิดว่าจะเห็นเธอมานั่งคุกเข่าตรงนี้พ่อนักเลง” เจ้าสัวหันมากล
“ไม่ต้องมาอวยผมเลย ผมอาจจะไม่ดีสำหรับท่านก็ได้” “ท่านไม่ได้ใช้ชีวิตกับเรา แกกับเจ้าขาต่างหาก ต้องดีสำหรับเจ้าขา” แสนลักษณ์บอกก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่คเชนทร์เบาๆ“ทุกวันนี้มีความสุขกันหรือเปล่าล่ะ”“ครับ มีความสุขมาก แต่พอท่านมาผมก็หวั่นใจ” “แม่ยายเอ็นดูนี่ ความจริงแล้วพ่อตาเราน่ะ เขาแค่หวงลูกสาวกลัวจะลำบาก เพราะเคยเลี้ยงลูกให้สุขสบายจนเคยตัว แต่เจ้าขาน่ะรักการเรียนรู้ เธอน่ารักตรงนี้ และสิ่งที่เธอเรียนรู้จากแก นั่นคือสิ่งที่ชนะใจพ่อกับแม่ แกไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองแต่เจ้าขาน่ะพิสูจน์แทน” “พ่อรู้ได้ไง”“ฉันก็คิดว่าแกรู้ เชื่อมั่นในตัวเองเชนทร์ เขายกลูกสาวให้อยู่แล้วล่ะ” “ผมกลัวไม่มีค่าสินสอดให้เขา” “คิดอะไรเยอะแยะ ฉันยังไม่มีค่าสินสอดน้องวี ยังไม่ได้แต่งตัวด้วยซ้ำ แค่จดทะเบียนก็สมบูรณ์แล้ว” “แต่นี่เจ้าสัวเลยนะครับ” “อย่าคิดแทนท่าน ได้เวลาที่ต้องคุย” “โอเคครับ คุยก็คุย ไปดีกว่า แวะมาเอากำลังใจเท่านี้แหละ ผมอาจจะกลับก่อนนะครับ”“อืม อะไรจัดการก็ไปเถอะ” สิ้นคำของแสนลักษณ์ คเชนทร์ก็ลุกจากไป แต่ก่อนจะเปิดประตูเขาก็หันมาหาแสนลักษณ์เสียก่อน“พ่อครับ” “อะไร” “ยืมเงินสัก 50 ล้านนะ” ประโยคนี้
โรงแรมเหมราชมนตรา เวลาสี่โมงเย็น ตอนนี้กำลังจัดแต่งงานของแขกระดับเศรษฐีคนหนึ่ง ตามเวลาที่งานจะเริ่มคืนหนึ่งทุ่มตรง ฉะนั้นเวลานี้คือการตรวจตราความเรียบร้อย ของผู้ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ ต่อให้ไม่ใช่เวลาทำงานแต่ก็ต้องทำงานอีเว้นท์ให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด คเชนทร์ รองประธานกรรมการหนุ่มหล่อไฟแรง จอดรถที่หน้าประตูทางเข้าโรงแรม และยังไม่ทันที่เขาจะได้เปิดประตูรถ พนักงานเปิดประตูก็วิ่งมาเปิดให้กับเขาอย่างรู้หน้าที่ “สวัสดีครับท่าน” พนักงานกล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ ขณะที่คเชนทร์ก็ก้าวลงรถไปด้วย“สวัสดีครับ” คเชนทร์ทักทายกลับเสียงเรียบ พลางถอนหายใจเบาๆ เหมือนมีความเครียดและหงุดหงิดเล็กๆ “วันนี้มีงานเย็นเหรอครับ” “อืม นี่ไง งานแต่ง ถูกตามด้วยให้มาเช็กความเรียบร้อย” “เหนื่อยหน่อยนะครับ” “อืม ฝากเอารถไปไว้ที่ลานจอดทีนะ” คเชนทร์บอกพร้อมกับยื่นกุญแจรถให้“ได้ครับ” พนักงานหนุ่มรับคำก่อน จากนั้นคเชนทร์จึงได้เดินเข้าโรงแรมโดยมีพนักงานอีกคนรอเปิดประตูให้ ทว่าจังหวะเดียวกันนั้นก็มีเจ้าหน้าหน้าที่สาววัยสามสิบปี วิ่งกระหืดกระหอบมาทางเขาเลย“มาพอดีเลยค่ะนาย!” “มีอะไร แล้วนี่ทำท่าตื่นตกใจทำไมเนี่...
Comments