แชร์

บทที่ 5

“ลงมา” คเชนทร์บอกเสียงเรียบ พลางมองไปรอบๆ ตัวว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่า

“ผมบอกให้ลงมา!” เขาตะคอกเมื่อเห็นเธอเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมลงจากรถ กระทั่งเขาเอื้อมมือไปกระชากเธอลงมาเสียเอง

“มาจากงานแต่งงานที่ไหนเนี่ย” เขาถามเพราะคิดว่าน่าจะมาจากงานเดียวกับเขาหรือเปล่า ทว่าเธอเอาแต่ร้องไห้ ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา 

“นี่คุณ จะเอาแต่ร้องไห้ไม่ได้นะ คุยกันให้รู้เรื่อง” พอเขาเอ่ยเช่นนี้เธอก็หันซ้ายหันขวา เหมือนไม่กล้าพูด เขาจึงดึงเข้าบ้านเสียเลย แต่พอเปิดไฟในบ้านเห็นหน้ากันชัดๆ สวยชะมัดเลย นี่นางฟ้าตกสวรรค์หรือวะเนี่ย คเชนทร์คิด

“นั่งซิ แล้วบอกมาให้หมด ขึ้นรถผมมาได้ยังไงเนี่ย” 

“คุณเป็นใคร” หญิงสาวถามกลับพร้อมกับสะอื้น 

“อ้าว! แล้วคุณล่ะเป็นใคร ขึ้นมาบนรถผมทำไมเนี่ย ผมก็กลับบ้านสิ”

“ขอโทษค่ะ ฉัน... ฉันเสียสติมาก หมดหนทาง ฉันไม่รู้จะหนีไปทางไหน ฉันกลัวคนเห็น” เธออธิบายไปพลางก็ร้องไห้ไปพลาง

“ตั้งสติแล้วค่อยๆ พูด ผมฟังไม่รู้เรื่อง เอาแต่ร้องไห้” 

“ฮือๆๆๆ” ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งร้องไห้ เขาอยากจะบ้า นี่เขาหาเหาใส่หัวหรือเนี่ย 

“โอ๊ย! ไม่เอาน่าคุณ ตั้งสติก่อนสิ” เขาทำท่าหงุดหงิดและแทบจะเอามือกุมขมับเลยทีเดียว 

“ขอโทษที” เธอเอ่ย และเมื่อสิ้นคำก็เอาแต่ร้องไห้อีกเขาจึงถามต่อ

“คุณกำลังจะแต่งงานใช่ไหม อย่าบอกนะว่าหนีงานแต่งงานมา งานที่เหมราชมนตราน่ะ” สิ้นคำเธอก็พยักหน้าร้องไห้อีก

“โอ๊ย! จะบ้าตาย คุณกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะ คิดว่ามันเป็นงานเล่นๆ หรือ อยู่ๆ ก็หนีมาเนี่ย”

“ไม่! ฉันไม่กลับ ฉันจะไม่กลับไปเป็นอันขาด ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ไปอย่าเพิ่งบังคับฉันเลยนะ ให้ฉันอยู่ก่อน ขอตั้งหลักก่อน” 

“คุณรู้ได้ยังไง ว่าคนที่คุณกำลังขอความช่วยเหลืออยู่ ไม่น่ากลัว” เขาเอ่ยเสียงเรียบ เท่านั้นแหละเธอได้สติ แล้วเงยหน้ามองเขาทันที เอ่อ หน้าตาของเขาก็น่ากลัวแหละมั้ง เหมือนคนดุชักสีหน้าเคร่งอย่างกับจะฆ่าเธอ ทว่าหล่อแบบไทยๆ หล่อจริงๆ ด้วย 

“ถ้าคุณน่ากลัว คุณจะเป็นห่วงฉันทำไม ที่ฉันหนีมาน่ะ” 

“โอ๊ย! คุณ ใครเขาห่วงคุณ จะทำให้ผมเดือดร้อนน่ะสิไม่ว่า เดี๋ยวเจ้าบ่าวคุณก็จะตามหา ไม่กลับใช่ไหม เดี๋ยวผมให้คนไปส่งก็ได้” ว่าแล้วเขาก็กระชากแขนเธอแรงๆ ให้ลุก 

  “ไม่! ไม่! ไม่! ได้โปรด ขอร้องล่ะ ฉันอยากหายไปจากโลกนี้เลย ไม่อยากกลับไปแล้ว อย่าเพิ่งให้ฉันต้องไปเผชิญอะไรตอนนี้เลย” เธอร้องไห้และห้ามปรามตัวสั่น ฟังดูเหมือนชีวิตเธอพังทลายลง เขาคิด 

“คุณทำแบบนี้ผมก็เดือดร้อน ไหนจะเจ้าบ่าว”

“ฉันจะไม่ให้คุณเดือดร้อนฉันสัญญา ขอแค่ ให้ฉันได้ตั้งสติ อย่าให้ทั้งโลกรู้เลยว่าฉันอยู่ที่นี่ไหน” 

“เฮ้อ มันเจ็บปวดขนาดนั้นเลยเหรอคุณ” เจอคำถามของเขาก็ทำให้เธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด สุดท้ายแล้วเขาก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ ปล่อยให้เธอร้องไห้เสียให้พอ และคิดว่าคงจะไม่ได้ไปกินข้าวกับพ่อเจ้าประคุณแล้วล่ะ จึงได้รีบโทรศัพท์ไปบอก

กริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! 

“อืม” เสียงปลายสายเพียงแต่อืมในลำคอเท่านั้น

“เอ่อ พ่อ... เลี้ยง... ครับ ผม เพลียมากเลย ไม่มีแรงลุก เพิ่งมาถึงบ้านน่ะ” 

“แล้วไงครับ” 

“อาจจะไม่ได้ไปกินข้าวด้วย” 

“ถ้าไม่มา บอกไว้ก่อน พ่อไม่โกรธ แต่น้องวีน่ะ...”

“เอ่อ ไปก็ได้ครับ แต่อยู่ไม่นานนะ ได้หรือเปล่า” พอเอ่ยชื่ออีกคนเท่านั้นแหละคเชนทร์ก็ต้องยอมเลยเชียว

“ให้ไวเลยนะ” สิ้นคำของปลายสาย คเชนทร์ก็วางสายทันที 

“เอาเป็นว่า คุณพักใจให้เย็นลง แล้วเตรียมความจริงเอาไว้บอกผมด้วยก็แล้วกัน อีกหนึ่งชั่วโมงผมกลับมา ไม่ต้องออกไปไหน ล้างหน้าล้างตาซะ ตาแดงบวมหมดแล้ว หน้าเละดูไม่ได้เลย ห้องน้ำก็เดินหาเองก็แล้วกัน” คเชนทร์บอกเสียงเรียบก่อนจะถอนหายใจทิ้งหนักๆ เหมือนกำลังแบกอะไรเอาไว้ก็ไม่รู้

“ขอบคุณนะคะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ผมขอตัว มีธุระอยู่ที่บ้านอีกหลัง เดี๋ยวมาครับ อย่าออกมาให้ใครเห็นล่ะ” จากนั้นเขาก็รีบออกไปจากบ้านทันที พร้อมกับปิดประตูเอาไว้ให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินดุ่มๆ ตรงไปยังบ้านของพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ พ่อคุณทูนหัวที่เขารักประหนึ่งพ่อผู้มอบชีวิตใหม่ให้

และทันทีที่ไปถึงคเชนทร์ก็ถอดเสื้อสูทออก แล้ววางพาดเอาไว้ที่โซฟารับแขกเสียก่อน จากนั้นจึงเดินตรงไปยังห้องอาหาร ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว เพราะวันนี้เป็นการเลี้ยงอาหารฉลองเมียรักของพ่อเลี้ยงเรียนจบปริญญานั่นเอง 

“ขอโทษที่มาช้าครับ” คเชนทร์บอกเสียงเพลียๆ พยายามอย่างที่สุดจะที่เก็บความพิรุธไม่ให้พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ได้เห็น

“ถ้าไม่โทรจี้ก็คงจะไม่มาแล้วใช่ไหมเนี่ย” พ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่เอ่ยถามเสียงเรียบ พลางมองหน้าคเชนทร์

“คือวันนี้งานเยอะแล้วก็วุ่นๆ น่ะครับพ่อ” 

“งั้นก็กินเลยค่ะ จะได้หายเหนื่อย” มนัสวีแทรกขึ้นพร้อมกับยิ้มหวาน

“ครับ แล้วสองแฝดล่ะ” 

“พี่เกตุพาเข้านอนแล้วค่ะ” มนัสวีตอบ

“บอกว่าจะรอพ่อเชนทร์ พ่อเชนทร์บอกจะเอาเครื่องบินมาฝาก แกไปรับปากสองแฝดตอนไหน ตะล่อมยังไงก็ไม่ยอมเข้านอน จนพี่เกตุต้องโกหกไปก่อน” 

“เอ่อ ก่อนออกจากมหาลัย ผมลืมน่ะมัวทำแต่งาน” 

“รับปากแล้วทำให้ได้ล่ะ อย่าโกหกเขา”

“ครับ ไม่มีลูกแต่เหมือนมีเลยนะครับเนี่ย” 

“เอ่อ ฝึกเอาไว้เผื่อมีของตัวเอง กินได้แล้ว เสร็จแล้วจะได้ไปพัก” พ่อเลี้ยงหนุ่มบอก พลางสังเกตสีหน้าของคเชนทร์ ซึ่งส่อพิรุธเสียจริง สายตาดู วอกแวกเก็บอาการไม่อยู่ เหมือนทำอะไรผิดมา ทว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรปล่อยให้รับประทานไปก่อน

 

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status