คนที่รับความผิดไปเต็มๆ พร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บปวด และชิงชังรังเกียจได้เกิดขึ้น ทว่าเมื่อจันทรภาหนีปัญหามาแล้ว กลับไม่รู้ว่ากำลังสร้างปัญหาใหม่ให้กับผู้ที่ไม่รู้เรื่องนี่สิ“เอาล่ะ เหลือเราสองคนแมนๆ คุยกันซิ เกิดอะไรขึ้น” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยถามเมื่ออยู่กันตามลำพังที่หน้าบ้าน หลังจากที่เสร็จสิ้นดินเนอร์ “ผมก็นึกว่าพ่อเดินออกมาส่งผมเฉยๆ” “มึงก็รู้ไอ้เชนทร์” “ผมปิดพ่อไม่ได้สินะ”“เอ่อ จะปิดวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ก็รู้อยู่ดี บอกมาดีกว่า ว่าแบกอะไรไว้บนบ่า งาน เงิน หรือว่าสาว” คำสุดท้ายเนี่ยทำเอาคเชนทร์ถึงกับสะอึกแล้วหันกลับมามองหน้าพ่อเลี้ยงเลยทีเดียว“งาน เงิน คงไม่ใช่” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทัน ก็จะไม่ให้รู้ได้อย่างไร หากเป็นงานคเชนทร์ทำได้ดีอยู่แล้ว เรื่องเงินก็มีให้ใช้จนชาติหน้าได้เลยมั้ง แล้วจะเรื่องอะไรซะอีกล่ะนอกจากสาวๆ “ผมเกลียดพ่อก็ตรงเนี่ย รู้ไปหมด” “ไม่งั้นจะเป็นนายแกได้ยังไงไอ้เชนทร์ นี่อย่าบอกนะว่า มีคนมากวาดหยากไย่ให้แกแล้ว” “โธ่พ่อ อย่าหยามกันแบบนี้สิ” “ก็ดูสีหน้าแกสิ เลิ่กลั่ก วอกแวก มีพิรุธตั้งแต่กินข้าวแล้ว พูดมาได้หรือยังไง ไปอึดอัดอะไรมา”“คือ ถ้ามีผู้หญิง
“ก็ด่าอยู่แล้วป่าววะ” “อ้าว! ไม่คุยด้วยแล้ว ผมกลับบ้านดีกว่า” “อย่ายุ่งอะไรกับเค้านะไอ้เชนทร์”“เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย”“มึงเป็นตัวผู้ ที่ธรรมชาติสร้างให้คู่กับตัวเมีย ต่อให้ใจแข็งไอ้จู๋มึงก็แข็ง ฉะนั้นอย่าใกล้เค้า” “ไม่ได้ชอบจะแข็งได้ไงครับ” “ลองไหมล่ะ” “แหมผู้มีประสบการณ์ ฝันดีครับ” “กูต้องระแวงว่าลูกรักกูจะจู๋แข็งไหมเนี่ย” “โอ๊ยพ่อ! มันก็ไม่ได้แข็งง่ายขนาดนั้น” สิ้นคำคเชนทร์ก็เดินดุ่มๆ กลับบ้านทันที ทิ้งให้พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ยืนถอนหายใจ แล้วมองตามคเชนทร์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลับตาไปโน่นแหละ เขาจึงกลับบ้านเข้าเพื่อขึ้นไปพักผ่อนเช่นกัน ส่วนคเชนทร์ก็กลับมายังบ้านไม้สักหลังงามชั้นเดียวทรงรีสอร์ตของตัวเอง ซึ่งอยู่ติดริมลำธารมากที่สุด ได้ยินแต่เพียงเสียงน้ำไหลท่ามกลางความเงียบ คนงานทุกคนกลับเข้าที่พักหมดแล้ว ทว่ายังคงมีไฟเปิดอยู่ และบ้านของเขาก็เช่นกัน ไฟยังเปิด เขาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปช้าๆ พลางมองไปโซฟารับแขก ซึ่งยังคงมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั่งอยู่แต่ท่านั่งเปลี่ยนไป คือเธอนั่งชันเข่าแล้วซบหน้าไปกับหัวเข่า ร้องไห้เบาๆ แต่ตัวโยนและสั่น ตั้งแ
“เข้มแข็งก่อนนะเจ้าขา” เธอบอกกับตัวเอง แต่น้ำเสียงยังสั่นเครือ และภาพที่เห็นมันทำให้เธอสั่นไม่หายเลย คิดแล้วก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูพร้อมกับกำมันเอาไว้แน่น แต่ไม่กล้าเปิดดูคลิปที่ถ่ายเอาไว้“แกมันโง่” เธอว่าให้ตัวเอง ก่อนจะรวบรวมความเข้มแข็ง แล้วออกจากห้องน้ำ ย่องเบาๆ เมื่อรู้สติแล้ว ว่าอยู่ในบ้านของคนแปลกหน้า แต่ดันเป็นจังหวะที่เขาเปิดประตูห้องออกมาประจันหน้ากับเธอพอดี ทั้งสองมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ เขาอึ้งและจังงังไปกับใบหน้าสวยสดงดงาม แบบไร้เครื่องสำอางของเธออีกรอบ ส่วนเธอก็อึ้งเพราะเพิ่งสังเกตหน้าเขาชัดๆ และต้องรีบหลบสายตาจากกันอย่างรวดเร็ว“เอ่อ หิวหรือเปล่า” คเชนทร์เป็นฝ่ายถามก่อน“ไม่เป็นไรค่ะ ฉัน กินอะไรไม่ลง” สิ้นคำ เสียงท้องก็พยศและร้องซะเสียงดังเชียว “อุ้ย! เอ่อ” “ไปนั่งรอนะตรงโต๊ะญี่ปุ่นห้องนั่งเล่นน่ะ เดี๋ยวผมหาอะไรมารองท้องให้” ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าครัว แต่ไม่มีข้าวในหม้อ เพราะเพิ่งไปรับประทานกับพ่อเลี้ยงมา จึงมีแต่อาหารแห้งและอาหารสดในตู้เย็น“หน้าตาคุณหนู กินมาม่าได้ไหมเนี่ย” เขาบ่นลอยๆ ก่อนจะหยิบมาม่าออกมาหนึ่งซองต้มน้ำ พร้อมกับนำผักมาหั่น และใส่ไข่ลงไปหนึ่งฟอง จะได้มี
“ยังไม่หรอกค่ะ แต่จะพยายาม” “ผมเข้าใจ มันต้องใช้เวลา เอาเป็นว่าคุณอยู่ให้สบายใจก็แล้วกัน และผมอยากให้คุณไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้จะได้พร้อมลุกขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์”“ถึงคุณจะไม่อยากฟัง แต่ฉันก็อยากจะพูด ว่าขอบคุณอีกครั้งค่ะ” “รู้ใช่ไหม ว่าการที่ผมช่วยคุณ ผมต้องเดือดร้อน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” “ฉันจะไม่ให้คุณเดือดร้อน จริงๆ นะ”“โอเค ถ้างั้นคุณไปนอนนะ เดี๋ยวผมปิดบ้านแล้วก็จะเก็บถ้วยเอง” สิ้นคำคเชนทร์ก็ไม่รอให้เธอคัดค้าน รีบหยิบชามมาม่าไว้กับตัว ก่อนจะลุกขึ้นแล้วผายมือ บอกทางให้เธอเข้าห้องนอน ส่วนเขาก็นำถ้วยไปล้างและเก็บ ก่อนจะออกมาสำรวจประตูหน้าต่าง แล้วจึงปิดไฟ แต่ก็อดมองไปที่ประตูห้องนอนของตัวเองไม่ได้ มันรู้สึกสงสารจับใจ ไม่คิดว่าเธอจะเจอเรื่องเหี้ยๆ มา อยากเห็นหน้าหญิงชั่วชายโฉดคู่นั้นจริงๆ เลย เขาคิดพลางถอนใจ แล้วดึงโซฟาออกมาให้เป็นเตียงเพื่อจะได้นอนพักผ่อน ส่วนจันทรภานั้น นั่งอยู่ที่ปลายเตียงนอนของคเชนทร์ มองไปรอบๆ ห้องสูดหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความหวั่นใจ นี่มันห้องนอนผู้ชายก็จะดูรกๆ สักหน่อยสินะ เธอคิด แต่ก็นึกขอบคุณที่เขาอุตส่าห์ยกห้องให้เธอนอนไปพลางๆ แล้วตัวเองออกไปนอนที่ห้องนั่งเล
“อ๊าย! อีคุณเชนทร์” เขาก็พูดตรงซะจนเธอกรี้ด แล้วเอากำปั้นทุบตามแขนของเขาเสียเลย ใครมองอยู่ก็เดาไปแล้วคเชนทร์ลูกรักพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์มีแฟนเสียแล้ว“หันหลังเลย ฉันจะขึ้นจากน้ำ” “ตอนนี้ล่ะมาทำเป็นอาย” เขาว่าแต่ก็ยอมหันหลังแต่โดยดี จากนั้นจันทรภาก็รีบพาตัวเองขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วก็โน่นแหละวิ่งขึ้นบ้าน เข้าห้องน้ำ ส่วนเขาก็ตามขึ้นไป เล่นเอาเปียกแต่เช้าเชียว“หนาวโว๊ย! เล่นบ้าอะไรแต่เช้า” เขาตะโกนคำว่าหนาวโว้ยออกมา พร้อมกับบ่นๆ งึมงำด้วยความหงุดหงิดกริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ขณะที่เขาเพิ่งเข้ามาในบ้าน จึงรีบวิ่งไปหยิบขึ้นมารับสาย“ครับ” “มีอาหารเผื่อสองที่”“แหม อยากรู้จนตัวสั่นล่ะสิ ใช้ลูกบังคับเลย สองที่เชียว” คเชนทร์แซว ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์“ลงไปเล่นน้ำทำไมแต่เช้า” เมื่อปลายสายถามเช่นนี้ เขาก็มองซ้ายมองขวาทันที แต่ก็ไม่แปลกหรอกถ้าพ่อจะรู้จะเห็น “เอ่อ แบบ” “แก้ตัวให้ดีๆ นะไอ้เชนทร์” “มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ ผมเปลี่ยนเสื้อผู้สักครู่เดี๋ยวไปหาครับ” “จะรอครับ” เวลาที่พ่อเลี้ยงพูดครับกับคเชนทร์เนี่ย เสียวสันหลังชอบกล ปกติไม่พูดเพราะกับลูกน้องหรอ
“เสื้ออยู่บ้าน ยุ่งอะไรกับเสื้อผมอีกคนแล้ว จะไปทำงานเหรอครับ” “แล้วแกไม่ไปหรือไง” “ผมขอเคลียร์” เขาพูดเพียงเท่านี้ก่อนจะทำตาเลิ่กลั่กไปทางจันทรภา“เอ่อ คุณเจ้าขา ผมขอแนะนำ นี่พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ครับ เป็นนาย เป็นผู้มีพระคุณ เป็นคนที่ผมเรียกพ่อได้อย่างเต็มปาก ผู้ให้ที่ชีวิตใหม่ผม” เขาแนะนำอย่างเป็นทางการ นั่นแหละเธอจึงรู้ว่าที่เรียกว่า พ่อ น่าจะเป็นคนนี้ “สวัสดีค่ะ” จันทรภารีบยกมือไหว้พลางก้มหน้าลง“สวัสดีครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มตอบกลับเสียงกดต่ำ เหมือนเตรียมดุ พร้อมกับหรี่ตามอง“เอ่อ รู้จักคุณวีแล้วนะ คุณวีเป็นภรรยาของพ่อเลี้ยงน่ะ” คเชนทร์แนะนำอีกครั้ง เท่านั้นแหละ จันทรภาก็เงยหน้ามองทันที หญิงสาวดูเด็กอยู่เลยได้สามีเป็นหนุ่มใหญ่ แม้ว่าจะต่างกันแต่ก็สวยหล่อสมกันเสียจริง“ค่ะ รู้จักแล้ว” จันทรภาตอบแบบประหม่า แทบจะไม่กล้าเงยหน้ามองพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์เลย คือหน้าตึงเชียว “อืม กินอะไรก่อนก็แล้วกัน เสร็จแล้วก็อย่าเพิ่งไปไหน มีเรื่องจะคุยด้วย” พ่อเลี้ยงบอกและมองหน้าทั้งสองสลับกัน ราวกับว่าทั้งคู่ไปทำผิดกันมาอย่างนั้นแหละจากนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ทำเอาจันทรภาอึดอัดไม่น้อยเพราะเป็นคนแปลกหน้าอย่
“ไม่เกินกำลังความสามารถ ของคนเราจะแก้ไขหรอก บางทีการมาของเธอ อาจจะทำให้แกได้ช่วยแก้ไขก็ได้ ทุกอย่างไม่มีอะไรบังเอิญ มันมีเหตุผลเสมอ ขึ้นอยู่จะช้าหรือเร็ว” พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์สอนในฐานะที่มีประสบการณ์มากกว่า เป็นผู้ใหญ่กว่า สุขุมกว่า ส่วนคเชนทร์ยังลั้นลาแบบคนหนุ่มทั่วๆ ไปโดยไม่คิดอะไรอยู่เลย ทำตัวเป็นลูกชายคนโตของพ่อเลี้ยงนั่นแหละ“แปลว่าพ่อจะให้เธออยู่ ลี้ภัย” “อยู่บ้านแกน่ะ” “รีสอร์ตหลังอื่นก็มี” “นั่นให้ลูกค้า เขามาขอความช่วยเหลือแกนี่หว่า” “พ่ออ่ะ ผมกลัวอยู่นะ” “กลัวอะไร หืม สวยน่ารักเกินจะอยู่ใกล้เหรอ”“กลัวทุกอย่างนั่นแหละ ลูกคุณหนูหรือเปล่าก็ไม่รู้” “ถ้าเป็นลูกคุณหนู เป็นโอกาสอันดี ที่แกจะได้ทำกับข้าว หุงหาอาหารให้เขาไง” มองในแง่ดีเก่งเหลือเกินนะพ่อเลี้ยงเนี่ย คเชนทร์คิด “อ้าว ทำไมสปอยล่ะ ทำไมไม่สอนล่ะครับ สอนให้ทำดีกว่านะ” “แกก็สอนเอาสิ คนของแกนี่” “ทำไมพ่อพูดแบบเนี่ย ยิ่งปวดหัวอยู่ด้วย สอนยากหรือเปล่าก็ไม่รู้ ลูกคุณหนูเอาแต่ใจหรือเปล่าก็ไม่รู้อีก เอ่อ ฝากคุณวีเป็นเพื่อนได้ไหมครับ” “น่าจะอายุมากกว่าน้องวี แต่ก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ สาวๆ คุยกันจะได้ไม่เครียด เผื่อน้องวีช
จากนั้นรถก็แล่นออกไป คเชนทร์ก็ได้แต่มองตามจนลับตาและยิ้มเช่นกัน พ่อเลี้ยงอาจจะลืมไปแล้ว ว่าได้ให้อะไรกับคเชนทร์ไว้บ้าง เพราะหน้าที่การงานและสิ่งที่ต้องทำมีเยอะ ทำความดีอะไรเอาไว้มากมาย แทบจะจำไม่ได้ แต่คเชนทร์ไม่เคยลืมเลย ทุกอย่างที่พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ให้มีค่าทางใจเสมอ“คุณเชนทร์” เสียงของเจ้านายสาว หรือมนัสวีเอ่ยเรียกขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้คเชนทร์หันกลับไปมองทันที“ครับคุณวี” คเชนทร์ขานรับทันที“คือวีได้เสื้อผ้าสัก 7-8 ชุด น่าจะใช้ได้นะคะช่วงนี้ ไม่แน่ใจว่าจะใส่ด้วยกันได้ไหม” “เท่านี้ก็ขอบคุณมากแล้วครับ” คเชนทร์ตอบ ก่อนจะเหลือบมองจันทรภาที่เอาแต่ก้มหน้า“วันนี้วีว่าง อาแสนให้อยู่ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะคะคุณเชนทร์” มนัสวีเอ่ยปากแล้วก็เหลือบมองจันทรภาเป็นเชิงเช่นกัน“ครับ ช่วงนี้อาจจะให้คุณวีหรือพี่เกตุเป็นเพื่อน ผมว่าผมขอตัวดีกว่า” “ค่ะ มีอะไรก็โทรหาวีได้” “ครับ” เมื่อคุยกันจบ คเชนทร์ก็ยิ้มแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนจะปลีกตัวไปพร้อมกับจันทรภา พอเขาเดินไปก็ไม่วายหันมาส่งสายตาแบบหนักใจให้มนัสวีรับรู้ “ปัญหาใหญ่แน่ๆ เลยคุณเชนทร์” มนัสวีเอ่ยลอยๆ ด้วยความเป็นห่วง ส่วนคเชนทร์ก็เดินกลับบ้าน เว
ช่วงเวลาเดียวกัน แม้งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสจะล้มเหลว แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว คเชนทร์กับแสนลักษณ์ ยังสามารถปกป้องคนที่ตัวเองรักได้เป็นอย่างดี แม้จะพลาดบ้างก็ตาม แต่มันเป็นสิ่งที่การันตีได้แล้วว่าเขาสามารถปกป้องทุกคนในครอบครัวได้ แม้แต่เจ้าสัวเองก็ยังเป็นหนี้ชีวิตคเชนทร์ มิเช่นนั้นท่านคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ งานเลี้ยงฉลองคงได้กลายเป็นงานศพ และเอาเป็นว่างานฉลอง ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป หาเวลาทำอาหารอร่อยให้พ่อตาแม่ยายรับประทานจะดีกว่า แต่ต้องหลังจากที่ซิ่งกันจนเหนื่อยแล้วนะเสียงรถ ATV ในพื้นที่ไร่ผลไม้อันกว้างขวาง เป็นพื้นที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวปั่นจักรยาน หรือขับ ATV เช่นคราวนี้ไม่ใช่นักเที่ยว หากแต่เป็นบรรดาแม่บ้านทั้งหลายที่อยากจะแว้นต่างหาก ฉะนั้นแล้วหนุ่มๆ ก็ได้แต่ยืนรอแบบหน้าบึ้งๆ เพื่อสาวๆ จะมารวมตัวกันขับรถเล่น บอกหนุ่มๆ ไม่ต้องยุ่งทว่าเสียงแว้นรถ ATV ก็ดังบึ้นๆ จนหนุ่มๆ หันไปมอง“วู้วววว หนุ่มๆ คุยกันไปนะคะ” เสียงของมนัสวีดังขึ้นก่อนเป็นคนแรก พร้อมกับบิดนำไปเลย ทำเอาแสนลักษณ์อ้าปากค้างกำลังทักท้วง เท่านั้นแหละทุกคนก็หันไปตามอง ตามด้วยจันทรภา“เ
“มาทำไมอ่ะตุลย์ มาหาที่ตายเหรอ” แสนลักษณ์แทรกขึ้น“ใช่ หนีไปก็ถือว่าฉลาดแล้วนะ ไม่น่าโง่กลับมาเลย” คเชนทร์เอ่ยขึ้น “ฉันจะมาแก้แค้นให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันสูญเสีย ฉันจะไม่ให้พวกแกได้มีความสุข” เขาบอกอย่างเจ็บแค้น“ตัวเองแทบจะไม่เหลืออะไรแล้วนะตุลย์” คเชนทร์ว่า“ฉันก็จะไม่ให้แกเหลืออะไร” “หึๆ เรารู้จักกันน้อยเกินไป เพราะถ้ารู้จักดีกว่านี้ แกจะไม่โผล่มาที่นี่คนเดียว มึงดูถูกฝีมือกูเกินไป” “จะทำยังไงกับเจ้านี่ดีครับ” แสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้น“เอามันไปนอนในคุก ก็ถือว่าฉันปราณีไม่เอาเรื่องที่ลักพาตัวลูกสาวฉัน ทำร้ายครอบครัวลูกสาวฉันแล้ว ฉันจะทำให้แกไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน สำนึกอยู่ในนั้น แม่แกคงดีใจนะ เฝ้าผัวที่หลับไม่ตื่น ลูกชายก็เข้าคุก อยู่ในนั้นหลายปี คิดให้ได้ถ้าคิดไม่ได้ ออกมาเมื่อไหร่ เราเจอกัน” เจ้าสัวบอกอย่างหนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหาบุตรสาว อยู่กับนักเลงท่านก็นักเลง แต่ทุกคนก็หวั่นใจในคำตัดสินของท่าน และแม้จะได้รับการยกโทษ ที่ไม่ให้ถึงตายแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ตลุยเทพรู้สึกเป็นบุญคุณเขากลับโกรธเกลียดเคียดแค้นยิ่งกว่าเดิม ความดำมืดมันเบียดบังความสว่างแห่งจิตใจไม่รู้ดีร
“ครับ/ค่ะ” สองฝาแฝดก็จูงมือเจ้าสาวเสียเลย ส่วนมืออีกข้างก็ถือช่อดอกไม้เอาไว้ด้วย จากนั้นจึงได้เดินเข้ามาช้าๆ ฝ่ายแม่พ่อเจ้าสาวก็มองด้วยความสุขและปริ่มเปรม เพราะเห็นสีหน้าแววตาของลูก บ่งบอกว่ามีความสุขมากเพียงใด แขกเหรื่อในงานหันมามองพร้อมกับถ่ายรูป ตามด้วยเสียงบรรเลงเพลงรักช้าๆ สองฝาแฝดเดินเตาะแตะอย่างน่าเอ็นดู ในชุดเพื่อนเจ้าสาวน้อยๆ และหนุ่มน้อยคาวบอย มนัสวีก็เดินตามพร้อมกับจูงมือเกตุวดีให้เดินไปด้วยสีหน้าแววตาปลื้มปริ่มพอๆ กัน และเมื่อมาถึงด้านหน้าพิธี ก็มีบิดามารดาของจันทรภายืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว ท่านทั้งสองจึงกอดสองฝาแฝดเอาไว้ และหอมซ้ายหอมขวาด้วยความเอ็นดู จากนั้นมนัสวีจึงเดินมาจูงเด็กๆ ไปนั่งเก้าอี้แถวหน้า ขณะที่จันทรภาก็โน้มตัวไปสวมกอดพ่อกับแม่แนบแน่น “แม่รักหนูนะลูก มีความสุขมากๆ นะ” มารดาเอ่ยขึ้นก่อน“มีความสุขมากๆ กับผู้ชายที่ลูกเลือกนะ” บิดาเอ่ยเช่นกัน“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ คุณแม่” จันทรภาตอบเสียงสั่น ก่อนจะดันตัวออกจากอ้อมกอดของท่านทั้งสอง“แม่รู้นะว่าหนูกำลังหวั่นใจ” มารดาดูสีหน้าออกอีกแน่ะ นั่นก็เพราะจันทรภานึกถึงแต่เรื่องราวที่ผ่านมา ส่วนเรื่องราววันนี้มันเหมือนกัน ตรงที
“เพราะความรักดีที่ทำให้แกมีวันนี้ต่างหาก เพราะตัวแกเอง ฉันก็แค่เป็นผู้นำพาออกมา หากไม่รักดีซะอย่าง มันก็จะเหมือนเดิม รู้ใช่ไหม ต่อจากนี้ไปต้องเติบโตกว่าที่เป็นอยู่” แสนลักษณ์กล่าวพลางเอามือลูบๆ ปัดหัวไหล่ให้คเชนทร์ราวกับห่วง คเชนทร์สังเกตได้คนอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต “ห่วงผมเหรอครับพ่อเลี้ยง” “ห่วง ไปเป็นนายคนที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ ไปอยู่บริหารงานช่วยเจ้าสัวอย่าห่ามให้มันมากนัก ฝึกใจเย็นให้มากๆ ดูแลครอบครัวใหม่ให้ดี แกจะไม่ใช่แค่หัวหน้าครอบครัวของเจ้าขาเพียงคนเดียว แต่จะเป็นผู้นำไปพร้อมๆ กับเจ้าสัวด้วย” “ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ดีไหม ผมกลัวทำให้ท่านผิดหวัง” “ฉันสอนแกมาทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเห็น นำไปใช้ซะ องค์กรธุรกิจที่นั่นใหญ่กว่าที่นี่มากนัก” “ใจหนึ่งผมก็ไม่อยากไป” “เราต้องเติบโต แกจะตัดช่องน้อย เอาลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของท่านแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แล้วให้พ่อแม่เขาดูแลกันเองไม่ได้ เจ้าขาเป็นทายาทแกเป็นสามี ถูกต้องแล้วที่จะต้องไปกุมบังเหียน สักวันท่านก็ปล่อยมือ ช่วยเจ้าขาดูแลทุกอย่างให้ดีๆ” “พ่อจะไม่คิดถึงผมใช่ไหม” “หึๆ ไปกรุงเทพ ไม่ได้ไปเมืองนอกซะหน่อย คิดถึงก็มาหา เดือนละค
“หนุ่มๆ เขามั่นใจว่าเขาหล่อมากค่ะ แต่งนิดเดียวก็หล่อ แต่ดูเอาเถอะ เราเสร็จก่อนซะอีก” มนัสวีเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวให้เขาตามไปทีหลังก็ได้ลูก ไม่ซีเรียส กันเองทั้งนั้นสบายๆ อย่าพิธีเยอะแล้วจะไม่สนุก” เจ้าสัวกล่าวอย่างยิ้มแย้ม เพราะท่านผ่านความเครียดและซีเรียสมาแล้ว ทั้งสองงานเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ความสุขและความเรียบง่าย และวันนี้ท่านมีความสุขมาก มองไปทางไหนก็อบอวลไปด้วยรอยยิ้มของคนกันเอง ไม่มีใครอื่น ในงานก็สวยงามด้วยดอกไม้ในสวน และริมลำธารตามที่คเชนทร์และจันทรภาต้องการ“ดูแล้วสบายตาจังเลยเนอะพ่อ ไม่เหมือน...” จันทร์จิรากล่าวแต่ก็อดนึกถึงงานคราวก่อนไม่ได้“เอาน่า อย่าไปนึกถึงมันเลย” “มันก็คล้ายๆ กันนะคะ เพราะเจ้าขามารอเจ้าบ่าวอีกแล้ว” “พ่อเชื่อมั่นในตัวลูกเขยคนนี้ คนที่ลูกเลือกเอง” “แม่อดนึกถึงวันนั้นไม่ได้น่ะ”“ทำใจให้สบาย วันนี้เป็นวันที่ลูกมีความสุขที่สุด”“ค่ะ” จันทร์จิรารับคำและยิ้มก่อนจะมองเข้าไปในงาน ท่านทั้งสองไม่รู้จักใครเพราะไม่ได้เชิญแขกที่อื่น แต่ทุกคนรู้แล้วว่าท่านคือบิดาและมารดาของจันทรภา หรือเจ้าสัวหมื่นล้านพ่อตาของคเชนทร์ ทุกคนจึงได้ให้ความเป็นกันเองกับท่
“หึๆ คนนั้นต้องยอม แต่วันนี้ก็ต้องยกให้เจ้าบ่าวหนึ่งวันนะครับ” “พี่ว่าเราเข้าไปในงานดีกว่า ไปรับแขกแทนพวกเขาไปก่อน เพราะว่าคนกันเองทั้งนั้น” “ครับพี่” สิ้นคำเกตุวดีก็กับเปรมณัฐก็พากันเดินเข้างาน เพื่อทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ในขณะเดียวกัน เป็นอีกครั้งที่จันทรภาต้องมานั่งแต่งหน้า แต่งตัวในฐานะเจ้าสาวอีกครั้ง และครั้งนี้แอบคิดถึงคราวก่อน อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคลิปนั้นที่เธอถ่ายเองกับมือ สิ่งต่างๆ มันหวนให้นึกถึง จนรอยยิ้มของเธอหายไปจากใบหน้า ยิ้มอยู่ดีๆ ก็หม่นลงเสียอย่างนั้น “เป็นอะไรไปคะพี่เจ้า หืม” มนัสวีเอ่ยขึ้นเมื่อกำลังดัดผมเป็นเกลียวๆ ให้จันทรภา ซึ่งเธอนั่งอยู่หน้ากระจก ห้องรับพักรับรองบ้านแสนลักษณ์“วี พี่ อยู่ๆ ก็นึกถึงวันนั้น มันนึกกลัวยังไงก็ไม่รู้”“พี่เจ้ากลัวพี่เชนทร์เทงานแต่งเหรอคะ” “มันหลอนๆ น่ะ แต่พี่เชื่อมั่นในตัวพี่เชนทร์น่า”“หึๆ เอาชีวิตแลกขนาดนี้ต้องได้เมียแล้วล่ะค่ะ วีเองก็เชื่อมั่นในตัวพี่เชนทร์เหมือนกัน อย่าคิดมากเลยนะคะ ลืมมันไปเถอะ” “พี่คิด พี่ตุลย์มันหนีกบกาน ถ้ามันยังไม่ตาย มันแว้งกันเราได้เสมอเลย” “อืม ไม่เอาสิคะ วันนี้งานเลี้ยงมงคลนะคะ ไม่คิดถึงเรื่อ
ดังคำที่เจ้าสัวภากร กับภรรยาได้ให้ไว้กับคเชนทร์ คนเป็นพ่อแม่จะต้องการอะไรนอกจากเห็นความสุขของลูก ต่อให้ความสุขนั้นมันแสนจะเรียบง่าย แต่ท่านก็เห็นแล้วมันคือสวรรค์ และท่านฝืนทนที่จะไม่ยิ้มรับความสุขนั้นไม่ได้ ท่านเห็นและสัมผัสจนต้องยิ้มทั้งน้ำตาท่านยอมแพ้หัวใจของผู้ชายธรรมดาอย่างคเชนทร์ ไม่ใช่เพราะทำสิ่งที่เอาชนะใจ หากแต่ทำให้ลูกสาวท่านเปลี่ยนไปต่างหาก นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ท่านยินยอมที่จะยกบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ และยอมยกให้นานแล้วเพียงแต่รอเวลาอันเหมาะสมแต่การเป็นลูกเขยเจ้าสัวไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่ไม่มีเงินค่าสินสอด แต่กลัวท่านจะเสียหน้า กลัวคนเอาไปติฉินนินทาว่ามีลูกสาวเพียงคนเดียวแต่ไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้ค่าสินสอด อาจจะทำให้อับอาย เช่นนั้นแล้วมันก็ต้องมีทั้งค่าน้ำนมและพิธีตามที่เห็นสมควร “พ่อไม่ได้ขายลูกกิน พ่อกับแม่รวยล้นฟ้าขนาดนี้ จะยังอยากได้ค่าสินสอดอีกเหรอ หืม ไอ้ลูกเขย” เจ้าสัวกล่าวอีกครั้งเมื่อมานั่งคุยกันอย่างเป็นทางการในห้องนั่งเล่นบ้านแสนลักษณ์“ผมเรียกว่าค่าน้ำนมครับ” คเชนทร์กล่าวเสียงเรียบ“เชนทร์ ถ้ากลัวพ่อแม่จะเสียหน้า เสียชื่อ จำได้ใช่ไหม ว่าสิ่งเหล่านี้เจอมาแล
ขณะที่คเชนทร์ก้มกราบแทบเท้าท่าน เห็นเช่นนี้แล้วอยู่ๆ ท่านกลับจุกอยู่ในอก พูดอะไรไม่ออก น้ำตาเจ้ากรรมดันปริ่มตรงขอบตาเสียอย่างนั้น จันทร์ จิรายิ้มอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เจ้าสัวอึ้งมือสั่นกระทั่งคเชนทร์เงยหน้าขึ้น“ผมกราบขอขมาครับ ในการกระทำที่ได้ล่วงเกินไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือว่าทางใจ รวมถึงเรื่องที่ผมกับเจ้าขาอยู่ด้วยกัน กราบขอโทษที่อาจทำให้ผิดหวัง ที่ผมอาจจะทำให้เจ้าขา มีความสุขหรือสุขสบายน้อยกว่าที่ผ่านมา” คเชนทร์ตัดใจกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและหม่นเล็กน้อย เงยหน้ามองสบตาเจ้าสัวภากรเป็นหลัก ซึ่งท่านฟังดังนั้นแล้วได้สูดหายใจเข้าลึกๆ เบือนสายตาไปทางอื่นนิดหน่อย ขณะที่ภรรยาท่านต้องกุมมือเอาไว้“เธอกล้ามาก” ท่านกล่าวสั้นๆ หยุดเอาไว้เพียงชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยต่อ“กล้าหาญทำในสิ่งที่ผู้ชายหลายคนไม่กล้าทำ คือนั่งอยู่ตรงนี้ คิดว่ามันไม่ง่ายใช่ไหม” “ครับ ไม่ง่าย แต่ผม... คนไม่มีอะไร ไม่เคยมีใครให้ก้มกราบแบบนี้ คิดอะไรผมก็ทำ พิธีรีตองมากว่านี้ก็ไม่เป็น ทื่อๆ แข็งๆ อาจไม่ประทับใจ แต่มันออกจากหัวใจของผม”“ไม่ได้ต้องการประทับใจ ไม่คิดว่าจะเห็นเธอมานั่งคุกเข่าตรงนี้พ่อนักเลง” เจ้าสัวหันมากล
“ไม่ต้องมาอวยผมเลย ผมอาจจะไม่ดีสำหรับท่านก็ได้” “ท่านไม่ได้ใช้ชีวิตกับเรา แกกับเจ้าขาต่างหาก ต้องดีสำหรับเจ้าขา” แสนลักษณ์บอกก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่คเชนทร์เบาๆ“ทุกวันนี้มีความสุขกันหรือเปล่าล่ะ”“ครับ มีความสุขมาก แต่พอท่านมาผมก็หวั่นใจ” “แม่ยายเอ็นดูนี่ ความจริงแล้วพ่อตาเราน่ะ เขาแค่หวงลูกสาวกลัวจะลำบาก เพราะเคยเลี้ยงลูกให้สุขสบายจนเคยตัว แต่เจ้าขาน่ะรักการเรียนรู้ เธอน่ารักตรงนี้ และสิ่งที่เธอเรียนรู้จากแก นั่นคือสิ่งที่ชนะใจพ่อกับแม่ แกไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองแต่เจ้าขาน่ะพิสูจน์แทน” “พ่อรู้ได้ไง”“ฉันก็คิดว่าแกรู้ เชื่อมั่นในตัวเองเชนทร์ เขายกลูกสาวให้อยู่แล้วล่ะ” “ผมกลัวไม่มีค่าสินสอดให้เขา” “คิดอะไรเยอะแยะ ฉันยังไม่มีค่าสินสอดน้องวี ยังไม่ได้แต่งตัวด้วยซ้ำ แค่จดทะเบียนก็สมบูรณ์แล้ว” “แต่นี่เจ้าสัวเลยนะครับ” “อย่าคิดแทนท่าน ได้เวลาที่ต้องคุย” “โอเคครับ คุยก็คุย ไปดีกว่า แวะมาเอากำลังใจเท่านี้แหละ ผมอาจจะกลับก่อนนะครับ”“อืม อะไรจัดการก็ไปเถอะ” สิ้นคำของแสนลักษณ์ คเชนทร์ก็ลุกจากไป แต่ก่อนจะเปิดประตูเขาก็หันมาหาแสนลักษณ์เสียก่อน“พ่อครับ” “อะไร” “ยืมเงินสัก 50 ล้านนะ” ประโยคนี้