“พี่ตุลย์ พี่ตุลย์มาต่อก่อนนะ” น้ำอิงอ้อนวอน ขณะที่ยังไม่ได้ดึงกระโปรงลงจากสะโพก
“ต่อไม่ได้ ต้องไปจัดการกับเจ้าขาก่อน ไม่งั้นเราแย่แน่” สิ้นคำเขาก็รีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วออกไปจากห้องอย่างทุลักทุเล เดินไปพลางก็ใส่ซิบกางเกงไปพลาง พอออกจากห้องแรกได้ และออกมาสู่ห้องรับแขก ก็ไม่เห็นใครแล้ว “เจ้าขา จบเห่กัน” เขาสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะออกจากห้องแล้ววิ่ง ตามหาจันทรภาทันที แน่นอนว่าจันทราภาขึ้นลิฟต์ลงมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน เธอพยายามตั้งสติแม้จะใจเต้นแรง และจะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะเข้าพิธีแต่งต่อ หรือจะหนีไปจากเหตุการณ์อันแสนทุเรศเช่นนี้ เมื่อคิดทบทวนแล้วว่าไม่ควรตกนรก เธอก็กดเปิดลิฟต์ เพราะมันกำลังถึงชั้นสอง เธอต้องไม่ลงไปถึงชั้น 1 เพราะไม่เช่นนั้นต้องมีคนเห็นอย่างแน่นอนเมื่อออกจากลิฟต์ชั้น 2 ได้เธอก็วิ่งไปทางบันไดหนีไฟทันที พร้อมทั้งหอบหิ้วชายกระโปรงและดึงผ้าคลุมศีรษะออก ในมือยังคงกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นและเมื่อมาถึงชั้นล่าง ทางหนีไฟไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เธอค่อยๆ ย่อง มองซ้ายขวา ไม่รู้จะไปทางไหน ทว่าเหมาะเจาะให้หลบซ่อน เพราะอ้อมออกมาเป็นลานจอดรถพอดี
“คุณพระคุณเจ้า ช่วยให้เจ้าขาไปให้พ้นจากที่นี่ที” เธอเอ่ยอธิษฐานเสียงสั่นเครือ มือก็ปาดน้ำตาไป แต่แล้วจังหวะเดียวกันนั้น เธอก็พลันเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้พอดี ทำให้เธอรีบหลบ พร้อมกับได้ยินและเห็นเขากำลังปลดล็อกรถพอดี กริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้น ทำให้เขาหยุดชะงักและล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมารับสาย “ครับพ่อ” ผู้บริหารหนุ่มคเชนทร์รับสายอย่างรีบร้อน “จะนอนโรงแรมหรือว่าจะกลับ” เสียงปลายสายคล้ายจะดุ “จะกลับครับ มีอะไรหรือเปล่า” “พ่อมึงรอกินข้าวครับ นี่จะสองทุ่มแล้ว นึกว่าจะไปแปบเดียว” “ติดลมอ่ะฮะ มีงานแต่งลูกค้าด้วย เลยตรวจตราความเรียบร้อย อีกสิบห้านาทีนะครับเดี๋ยวขับรถแปบ” “เร็วนะ ไม่งั้นไม่เหลือไก่งวงไว้ให้นะจะบอกให้” “โอ๊ย! ครับ แค่นี้ๆ ขับรถก่อน” ว่าแล้วคเชนทร์ก็รีบกดวางสาย แล้วเดินไปเปิดประตูขึ้นรถ พร้อมกับสตาร์ทแล้วขับออกไปอย่างเร่งรีบเช่นกัน เพราะความที่โดนโทรตาม จนกระทั่งขับรถแล่นออกไปจากโรงแรม ตรงดิ่งกลับบ้านเหมือนเช่นทุกวัน ด้วยความที่ถนนต่างจังหวัดก็โล่งพอสมควร ทำให้คเชนทร์เหยียบคันเร่งจนมิด แต่ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเจ้าบ่าว หรือนายตุลยเทพก็วิ่งตามหาจันทรภาให้วุ่นและต้องยกมือกุมขมับ “ตามหาเจ้าขาให้เจอ” เขาบอกลูกน้องอย่างร้อนใจระคนโมโห “ครับ” ลูกน้องรับคำ ก่อนจะพากันเดินตามหา ส่วนตุลยเทพก็เดินเข้ามาในงานแบบคอตก เขาจะบอกและแก้ตัวอย่างไรดี ว่าเจ้าสาวหนีไปแล้ว แก้ตัวอย่างไรไม่ให้ความชั่วมัดตัวเองกับน้ำอิง “คุณตุลย์เจ้าขาล่ะคะ” จันทร์จิรามารดาของจันทรภาเอ่ยถาม ขณะที่เห็นเขามีสีหน้าหม่น “เอ่อ คือ เดี๋ยวลงมาครับ บอกให้ผมลงมาก่อน” เขาแสร้งแก้ตัว “อ้าว มาคนละครั้ง แล้วจะถ่ายรูปยังไงล่ะเนี่ย” ตุลาผู้เป็นบิดาของเขาเอ่ย จังหวะเดียวกันนั้นน้ำอิงก็ลงมาพอดี และมานั่งประจำโต๊ะรับซอง ตุลยเทพเหลือบมองสายตายั่วยวนของเธอ “เอ่อ ถ่ายรูปกับผมก่อนก็ได้ครับ” ตุลยเทพบอก จากนั้นแขกเหรื่อที่เข้ามาในงานก็เริ่มเข้ามาถ่ายรูปกับเจ้าบ่าว ซึ่งเขาทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าภายในใจมีแผนการรองรับอยู่แล้วว่า ทำอย่างไรไม่ให้ตัวเองมีความผิด และคนที่ผิดคือคนที่หนีไปต่างหากขณะที่อีกฝ่าย เวลาผ่านไปประมาณสิบห้านาที คเชนทร์เลี้ยวรถเข้ามาในรีสอร์ต และขับเลียบๆ เคียงๆ ไปตามเส้นทางยาวไปจนถึงด้านหลังของรีสอร์ต ซึ่งเป็นบ้านของเจ้านายใหญ่ และของตัวเอง รวมถึงคนงานระดับหัวหน้าด้วย ทว่าบ้านของเขาอยู่ห่างจากคนอื่นพอสมควร อยู่ติดริมลำธาร และเมื่อรถจอดสนิท ดับเครื่องเรียบร้อย ถึงบ้านอย่างปลอดภัย
แต่อยู่ๆ คเชนทร์กลับได้ยินเสียงสะอื้อเบาๆ ทำเอาตาลุกด้วยความตกใจ เหมือนหูแว่ว จึงกลั้นใจและเงี่ยหูฟังอีกที ด้วยความที่เป็นคนช่างระแวงสงสัย พอตั้งใจฟัง เขาก็ยิ่งได้ยินเสียงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จึงหันกลับไปดูที่เบาะหลัง เห็นผ้าสีขาวเคลื่อนไหวได้ “ผีเหรอวะ กูไม่ได้ซื้อรถมือสองนี่หว่า” คเชนทร์ถามตัวเองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงรถช้าๆ แล้วดึงปืนที่เหน็บอยู่เอวออกมา เพื่อกันเอาไว้ก่อน จากนั้นเขาก็เดินอ้อมมาที่ประตูหลัง มือข้างหนึ่งยกปืน มืออีกข้างเปิดประตูรถออก แล้วจ่อปืนไปที่ร่างนั้นทันที แต่สิ่งที่เขาเห็นคือผู้หญิงในชุดแต่งงาน เธอร้องไห้พร้อมกับมองหน้าเขาด้วยดวงตาแดงบวม เครื่องสำอางเปรอะเปื้อนไปหมด ไม่มีแม้แรงจะยกมือขึ้นมาห้ามปรามไม่ให้เขาทำร้าย “คุณ! ผะ! ผะ! ผีหรือคนเนี่ย” เขาถามเสียงสั่น ทว่าสิ้นคำของเขา เธอก็เบ้ปากร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ร้องจนตัวโยนเลยทีเดียว เขาจำต้องเก็บปืนแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ สัมผัสได้ถึงความแย่ และความเดือดร้อนมันกำลังมาถึงแน่ๆ ดูทรงแล้ว “ขอโทษที่ติดรถคุณมา” หญิงสาวบอกเสียงสั่นเครือ“ลงมา” คเชนทร์บอกเสียงเรียบ พลางมองไปรอบๆ ตัวว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่า“ผมบอกให้ลงมา!” เขาตะคอกเมื่อเห็นเธอเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมลงจากรถ กระทั่งเขาเอื้อมมือไปกระชากเธอลงมาเสียเอง“มาจากงานแต่งงานที่ไหนเนี่ย” เขาถามเพราะคิดว่าน่าจะมาจากงานเดียวกับเขาหรือเปล่า ทว่าเธอเอาแต่ร้องไห้ ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา “นี่คุณ จะเอาแต่ร้องไห้ไม่ได้นะ คุยกันให้รู้เรื่อง” พอเขาเอ่ยเช่นนี้เธอก็หันซ้ายหันขวา เหมือนไม่กล้าพูด เขาจึงดึงเข้าบ้านเสียเลย แต่พอเปิดไฟในบ้านเห็นหน้ากันชัดๆ สวยชะมัดเลย นี่นางฟ้าตกสวรรค์หรือวะเนี่ย คเชนทร์คิด“นั่งซิ แล้วบอกมาให้หมด ขึ้นรถผมมาได้ยังไงเนี่ย” “คุณเป็นใคร” หญิงสาวถามกลับพร้อมกับสะอื้น “อ้าว! แล้วคุณล่ะเป็นใคร ขึ้นมาบนรถผมทำไมเนี่ย ผมก็กลับบ้านสิ”“ขอโทษค่ะ ฉัน... ฉันเสียสติมาก หมดหนทาง ฉันไม่รู้จะหนีไปทางไหน ฉันกลัวคนเห็น” เธออธิบายไปพลางก็ร้องไห้ไปพลาง“ตั้งสติแล้วค่อยๆ พูด ผมฟังไม่รู้เรื่อง เอาแต่ร้องไห้” “ฮือๆๆๆ” ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งร้องไห้ เขาอยากจะบ้า นี่เขาหาเหาใส่หัวหรือเนี่ย “โอ๊ย! ไม่เอาน่าคุณ ตั้งสติก่อนสิ” เขาทำท่าหงุดหงิดและแทบจะเอามือกุมขมับเลยทีเดียว “ขอโท
“งานแต่งใคร ต้องรับผิดชอบเหรอ ไม่ใช่หน้าที่เรา” พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์เอ่ยถามขึ้น ทำเอาคเชนทร์ชะงักมือที่กำลังตักอาหารทันที“เอ่อ ลูกค้า ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวครับ เป็นนักธุรกิจน่ะ แต่ทีมออแกไนซ์อยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อน เห็นว่าเจ้าบ่าวเรื่องเยอะ” คเชนทร์อธิบายเสียงหม่นพลางตักอาหารใส่ปาก และสังเกตว่าเขาถอนหายใจแบบเครียดๆ “คุณเชนทร์ เป็นอะไรคะ ดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ” มนัสวีเอ่ยถามขึ้นเพราะสังเกตเก่ง “สองคนจับพิรุธผู้ต้องหาอยู่เหรอครับเนี่ย” คเชนทร์แซว“แปลว่าน้องวีพูดถูก” พ่อเลี้ยงเอ่ยขึ้นและหรี่ตามองคเชนทร์“คือ เอ่อ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เรื่องงานเท่านั้นเอง” ปิดบังวันนี้แล้วพรุ่งนี้จะปิดบังยังไงวะเนี่ย คเชนทร์คิด“รู้ใช่ไหม ว่าพ่อมึงคนนี้ดูคนเก่ง” “ครับเก่ง เก่งมาก ยอมแพ้ ผมแค่เครียดกับงานน่า” “งั้นก็กินเสร็จไปพักผ่อน พรุ่งนี้คงได้มีอะไรคุยกันก่อนไปทำงานซะหน่อย” “เอ่อ ครับ” คเชนทร์รู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่ตัวเองรับมา และประหม่ากับสายตาพ่อที่มองอย่างเอาเรื่อง ใช่พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์เป็นคนเก่ง อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีก็ย่อมมองออกเสมอ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคเชนทร์ จะสุข จะทุกข์คเชนทร์แสดงออ
คนที่รับความผิดไปเต็มๆ พร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บปวด และชิงชังรังเกียจได้เกิดขึ้น ทว่าเมื่อจันทรภาหนีปัญหามาแล้ว กลับไม่รู้ว่ากำลังสร้างปัญหาใหม่ให้กับผู้ที่ไม่รู้เรื่องนี่สิ“เอาล่ะ เหลือเราสองคนแมนๆ คุยกันซิ เกิดอะไรขึ้น” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยถามเมื่ออยู่กันตามลำพังที่หน้าบ้าน หลังจากที่เสร็จสิ้นดินเนอร์ “ผมก็นึกว่าพ่อเดินออกมาส่งผมเฉยๆ” “มึงก็รู้ไอ้เชนทร์” “ผมปิดพ่อไม่ได้สินะ”“เอ่อ จะปิดวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ก็รู้อยู่ดี บอกมาดีกว่า ว่าแบกอะไรไว้บนบ่า งาน เงิน หรือว่าสาว” คำสุดท้ายเนี่ยทำเอาคเชนทร์ถึงกับสะอึกแล้วหันกลับมามองหน้าพ่อเลี้ยงเลยทีเดียว“งาน เงิน คงไม่ใช่” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทัน ก็จะไม่ให้รู้ได้อย่างไร หากเป็นงานคเชนทร์ทำได้ดีอยู่แล้ว เรื่องเงินก็มีให้ใช้จนชาติหน้าได้เลยมั้ง แล้วจะเรื่องอะไรซะอีกล่ะนอกจากสาวๆ “ผมเกลียดพ่อก็ตรงเนี่ย รู้ไปหมด” “ไม่งั้นจะเป็นนายแกได้ยังไงไอ้เชนทร์ นี่อย่าบอกนะว่า มีคนมากวาดหยากไย่ให้แกแล้ว” “โธ่พ่อ อย่าหยามกันแบบนี้สิ” “ก็ดูสีหน้าแกสิ เลิ่กลั่ก วอกแวก มีพิรุธตั้งแต่กินข้าวแล้ว พูดมาได้หรือยังไง ไปอึดอัดอะไรมา”“คือ ถ้ามีผู้หญิง
“ก็ด่าอยู่แล้วป่าววะ” “อ้าว! ไม่คุยด้วยแล้ว ผมกลับบ้านดีกว่า” “อย่ายุ่งอะไรกับเค้านะไอ้เชนทร์”“เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย”“มึงเป็นตัวผู้ ที่ธรรมชาติสร้างให้คู่กับตัวเมีย ต่อให้ใจแข็งไอ้จู๋มึงก็แข็ง ฉะนั้นอย่าใกล้เค้า” “ไม่ได้ชอบจะแข็งได้ไงครับ” “ลองไหมล่ะ” “แหมผู้มีประสบการณ์ ฝันดีครับ” “กูต้องระแวงว่าลูกรักกูจะจู๋แข็งไหมเนี่ย” “โอ๊ยพ่อ! มันก็ไม่ได้แข็งง่ายขนาดนั้น” สิ้นคำคเชนทร์ก็เดินดุ่มๆ กลับบ้านทันที ทิ้งให้พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ยืนถอนหายใจ แล้วมองตามคเชนทร์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลับตาไปโน่นแหละ เขาจึงกลับบ้านเข้าเพื่อขึ้นไปพักผ่อนเช่นกัน ส่วนคเชนทร์ก็กลับมายังบ้านไม้สักหลังงามชั้นเดียวทรงรีสอร์ตของตัวเอง ซึ่งอยู่ติดริมลำธารมากที่สุด ได้ยินแต่เพียงเสียงน้ำไหลท่ามกลางความเงียบ คนงานทุกคนกลับเข้าที่พักหมดแล้ว ทว่ายังคงมีไฟเปิดอยู่ และบ้านของเขาก็เช่นกัน ไฟยังเปิด เขาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปช้าๆ พลางมองไปโซฟารับแขก ซึ่งยังคงมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั่งอยู่แต่ท่านั่งเปลี่ยนไป คือเธอนั่งชันเข่าแล้วซบหน้าไปกับหัวเข่า ร้องไห้เบาๆ แต่ตัวโยนและสั่น ตั้งแ
“เข้มแข็งก่อนนะเจ้าขา” เธอบอกกับตัวเอง แต่น้ำเสียงยังสั่นเครือ และภาพที่เห็นมันทำให้เธอสั่นไม่หายเลย คิดแล้วก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูพร้อมกับกำมันเอาไว้แน่น แต่ไม่กล้าเปิดดูคลิปที่ถ่ายเอาไว้“แกมันโง่” เธอว่าให้ตัวเอง ก่อนจะรวบรวมความเข้มแข็ง แล้วออกจากห้องน้ำ ย่องเบาๆ เมื่อรู้สติแล้ว ว่าอยู่ในบ้านของคนแปลกหน้า แต่ดันเป็นจังหวะที่เขาเปิดประตูห้องออกมาประจันหน้ากับเธอพอดี ทั้งสองมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ เขาอึ้งและจังงังไปกับใบหน้าสวยสดงดงาม แบบไร้เครื่องสำอางของเธออีกรอบ ส่วนเธอก็อึ้งเพราะเพิ่งสังเกตหน้าเขาชัดๆ และต้องรีบหลบสายตาจากกันอย่างรวดเร็ว“เอ่อ หิวหรือเปล่า” คเชนทร์เป็นฝ่ายถามก่อน“ไม่เป็นไรค่ะ ฉัน กินอะไรไม่ลง” สิ้นคำ เสียงท้องก็พยศและร้องซะเสียงดังเชียว “อุ้ย! เอ่อ” “ไปนั่งรอนะตรงโต๊ะญี่ปุ่นห้องนั่งเล่นน่ะ เดี๋ยวผมหาอะไรมารองท้องให้” ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าครัว แต่ไม่มีข้าวในหม้อ เพราะเพิ่งไปรับประทานกับพ่อเลี้ยงมา จึงมีแต่อาหารแห้งและอาหารสดในตู้เย็น“หน้าตาคุณหนู กินมาม่าได้ไหมเนี่ย” เขาบ่นลอยๆ ก่อนจะหยิบมาม่าออกมาหนึ่งซองต้มน้ำ พร้อมกับนำผักมาหั่น และใส่ไข่ลงไปหนึ่งฟอง จะได้มี
“ยังไม่หรอกค่ะ แต่จะพยายาม” “ผมเข้าใจ มันต้องใช้เวลา เอาเป็นว่าคุณอยู่ให้สบายใจก็แล้วกัน และผมอยากให้คุณไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้จะได้พร้อมลุกขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์”“ถึงคุณจะไม่อยากฟัง แต่ฉันก็อยากจะพูด ว่าขอบคุณอีกครั้งค่ะ” “รู้ใช่ไหม ว่าการที่ผมช่วยคุณ ผมต้องเดือดร้อน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” “ฉันจะไม่ให้คุณเดือดร้อน จริงๆ นะ”“โอเค ถ้างั้นคุณไปนอนนะ เดี๋ยวผมปิดบ้านแล้วก็จะเก็บถ้วยเอง” สิ้นคำคเชนทร์ก็ไม่รอให้เธอคัดค้าน รีบหยิบชามมาม่าไว้กับตัว ก่อนจะลุกขึ้นแล้วผายมือ บอกทางให้เธอเข้าห้องนอน ส่วนเขาก็นำถ้วยไปล้างและเก็บ ก่อนจะออกมาสำรวจประตูหน้าต่าง แล้วจึงปิดไฟ แต่ก็อดมองไปที่ประตูห้องนอนของตัวเองไม่ได้ มันรู้สึกสงสารจับใจ ไม่คิดว่าเธอจะเจอเรื่องเหี้ยๆ มา อยากเห็นหน้าหญิงชั่วชายโฉดคู่นั้นจริงๆ เลย เขาคิดพลางถอนใจ แล้วดึงโซฟาออกมาให้เป็นเตียงเพื่อจะได้นอนพักผ่อน ส่วนจันทรภานั้น นั่งอยู่ที่ปลายเตียงนอนของคเชนทร์ มองไปรอบๆ ห้องสูดหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความหวั่นใจ นี่มันห้องนอนผู้ชายก็จะดูรกๆ สักหน่อยสินะ เธอคิด แต่ก็นึกขอบคุณที่เขาอุตส่าห์ยกห้องให้เธอนอนไปพลางๆ แล้วตัวเองออกไปนอนที่ห้องนั่งเล
“อ๊าย! อีคุณเชนทร์” เขาก็พูดตรงซะจนเธอกรี้ด แล้วเอากำปั้นทุบตามแขนของเขาเสียเลย ใครมองอยู่ก็เดาไปแล้วคเชนทร์ลูกรักพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์มีแฟนเสียแล้ว“หันหลังเลย ฉันจะขึ้นจากน้ำ” “ตอนนี้ล่ะมาทำเป็นอาย” เขาว่าแต่ก็ยอมหันหลังแต่โดยดี จากนั้นจันทรภาก็รีบพาตัวเองขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วก็โน่นแหละวิ่งขึ้นบ้าน เข้าห้องน้ำ ส่วนเขาก็ตามขึ้นไป เล่นเอาเปียกแต่เช้าเชียว“หนาวโว๊ย! เล่นบ้าอะไรแต่เช้า” เขาตะโกนคำว่าหนาวโว้ยออกมา พร้อมกับบ่นๆ งึมงำด้วยความหงุดหงิดกริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ขณะที่เขาเพิ่งเข้ามาในบ้าน จึงรีบวิ่งไปหยิบขึ้นมารับสาย“ครับ” “มีอาหารเผื่อสองที่”“แหม อยากรู้จนตัวสั่นล่ะสิ ใช้ลูกบังคับเลย สองที่เชียว” คเชนทร์แซว ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์“ลงไปเล่นน้ำทำไมแต่เช้า” เมื่อปลายสายถามเช่นนี้ เขาก็มองซ้ายมองขวาทันที แต่ก็ไม่แปลกหรอกถ้าพ่อจะรู้จะเห็น “เอ่อ แบบ” “แก้ตัวให้ดีๆ นะไอ้เชนทร์” “มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ ผมเปลี่ยนเสื้อผู้สักครู่เดี๋ยวไปหาครับ” “จะรอครับ” เวลาที่พ่อเลี้ยงพูดครับกับคเชนทร์เนี่ย เสียวสันหลังชอบกล ปกติไม่พูดเพราะกับลูกน้องหรอ
“เสื้ออยู่บ้าน ยุ่งอะไรกับเสื้อผมอีกคนแล้ว จะไปทำงานเหรอครับ” “แล้วแกไม่ไปหรือไง” “ผมขอเคลียร์” เขาพูดเพียงเท่านี้ก่อนจะทำตาเลิ่กลั่กไปทางจันทรภา“เอ่อ คุณเจ้าขา ผมขอแนะนำ นี่พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ครับ เป็นนาย เป็นผู้มีพระคุณ เป็นคนที่ผมเรียกพ่อได้อย่างเต็มปาก ผู้ให้ที่ชีวิตใหม่ผม” เขาแนะนำอย่างเป็นทางการ นั่นแหละเธอจึงรู้ว่าที่เรียกว่า พ่อ น่าจะเป็นคนนี้ “สวัสดีค่ะ” จันทรภารีบยกมือไหว้พลางก้มหน้าลง“สวัสดีครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มตอบกลับเสียงกดต่ำ เหมือนเตรียมดุ พร้อมกับหรี่ตามอง“เอ่อ รู้จักคุณวีแล้วนะ คุณวีเป็นภรรยาของพ่อเลี้ยงน่ะ” คเชนทร์แนะนำอีกครั้ง เท่านั้นแหละ จันทรภาก็เงยหน้ามองทันที หญิงสาวดูเด็กอยู่เลยได้สามีเป็นหนุ่มใหญ่ แม้ว่าจะต่างกันแต่ก็สวยหล่อสมกันเสียจริง“ค่ะ รู้จักแล้ว” จันทรภาตอบแบบประหม่า แทบจะไม่กล้าเงยหน้ามองพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์เลย คือหน้าตึงเชียว “อืม กินอะไรก่อนก็แล้วกัน เสร็จแล้วก็อย่าเพิ่งไปไหน มีเรื่องจะคุยด้วย” พ่อเลี้ยงบอกและมองหน้าทั้งสองสลับกัน ราวกับว่าทั้งคู่ไปทำผิดกันมาอย่างนั้นแหละจากนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ทำเอาจันทรภาอึดอัดไม่น้อยเพราะเป็นคนแปลกหน้าอย่
“โอเคค่ะ หัวใจจะวาย” เธอว่าก่อนจะมองไปที่ประตูเป็นระยะทว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้น รถเก๋งสีดำหลายคัน แล่นเข้ามาจอดบริเวณใกล้ๆ กับโกดัง พร้อมกับปิดไฟมาแต่ไกลๆ เพื่อไม่ให้เห็นและได้ยินเสียงรถ เมื่อจอดสนิทก็ต้องเดินไปอีกร้อยเมตร ดีหน่อยที่มีหญ้าขึ้นรก ทำให้อำพรางได้“นี่มันด้านข้างของโกดัง คุณวีอยู่ใกล้ผม พี่เกตุคุมหนุ่มๆ อ้อมด้านหน้า ผมจะอ้อมไปด้านหลัง” “โอเค” เกตุวดีรับคำ“เก็บเสียงด้วยนะครับ ทุกคนระวังให้พี่เกตุด้วยเผื่อป้าเค้าสายตาไม่ดี”“ไอ้เชนทร์ จะมากวนประสาทอะไรตอนนี้”“อย่าเพิ่งบ่นไปได้แล้ว” คเชนทร์แซวและก็แยกย้าย แน่นอนว่าเขาให้ทุกคนใช้อุปกรณ์สำหรับเก็บเสียง และทำให้เงียบที่สุด จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ย่องมาทางด้านหลัง ตามด้วยมนัสวี“ไอ้พวกหางแถว เป็นขยะสังคม เด็ดไปให้หมดแผ่นดินน่าจะสูงขึ้นนะ” คเชนทร์เอ่ยเสียงเหี้ยมแต่เบา“ได้ครับนาย” ลูกน้องคนหนึ่งรับคำ ภายในโกดังมืดแทบจะไม่มีไฟ อาศัยแสงจากดวงจันทร์เท่านั้นนำทาง
“เฮียเป็นพี่จะกลัวอะไรกับพ่อเลี้ยงล่ะครับ” คเชนทร์แซว“มันด่าเก่ง ไอ้นี่ปากร้ายจะตายขี้เกียจเถียงกับมัน” ที่แท้ก็กลัวปากพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์นี่ ก็แหงละเวลาอยู่ด้วยกันฟาดฟันกันตลอด“ว่าแต่ ไม่ให้อั้วะช่วยใช่ไหมเชนทร์”“ไม่ต้องครับ ผมจัดการเองได้เรื่องนี้จิ๊บๆ เด็กๆ ทางนี้มีเยอะ”“เฮ้อ! ไม่ช่วยก็ไม่ช่วย ขอให้ปลอดภัยก็แล้วกันทั้งแฟนลื้อแล้วก็ไอ้แสน เป็นอะไรขึ้นมาไม่รู้จะทะเลาะกับใครแล้วเนี่ย”“หึๆ ครับเฮียต้น”“อั้วะจะส่งเด็กไปเก็บกวาดให้ไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับเฮีย แค่นี้ก่อนนะครับผมจะส่งข่าว”“อืม อั้วะจะรอ ดูแลตัวเองก็แล้วกันอย่าเป็นอะไร ไอ้แสนเองมันก็รักลื้อที่สุด” ยิ่งได้ยินอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้คเชนทร์หวาดหวั่นเหลือเกิน ต่างคนต่างไม่อยากให้ใครเจ็บ แต่แสนลักษณ์ก็เสียสละตัวเอง เพื่อเข้าไปอยู่ใกล้จันทรภาเกินไป“ครับเฮีย” สิ้นคำคเชนทร์ก็วางสายก่อน พลางสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น หลังจากที่คเชนทร์วางสายจากนายตุลยเทพแล้วนั้น เขาก็ยืนนิ่งมองหน้าทุกคนที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ“ใครก็ได้ไปเรียกคุณวีมาที” คเชนทร์สั่งเสียงเรียบ ลูกน้องคนหนึ่งจึงพยักหน้าและกำลังจะไปขึ้นเรียกบนชั้นสองแต่มนัสวีก็ลงมาพอดี“คุณวีครับ คุณเชนทร์เชิญที่ห้องนั่งเล่น”“อาแสนกลับมาแล้วเหรอคะ”“ยังครับ เชิญครับ” ลูกน้องผายมือเชิญ จากนั้นมนัสวีจึงได้เดินตาม เห็นคเชนทร์ยืนนิ่ง ทว่าหางตาของเขาเห็นแล้วว่าเธอมาจากทางขวามือ เขาจึงหันไปมองด้วยสีหน้าหม่น ก่อนจะเดินไปหาเธอช้าๆ พร้อมกับประคองให้เธอเดินมาใกล้ๆ“คุณเชนทร์ มีอะไรคะ” มนัสวีถามเสียงเครียด“พ่อเลี้ยงอยู่กับเจ้าขา” สิ้นคำของคเชนทร์เท่านั้นแหละ มนัสวีก็อึ้งไปและมองหน้าทุกคน เธอต้องตกใจมากน้อยแค่ไหนล่ะ ในเมื่อรู้ว่าสามีเก่ง แต่ก็กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น“อา... อาแสนถูก...” เธออึกอักพูดไม่ออก“ครับ พ่อเลี้ยงตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ถ้าพ่อไม่ตั้งใจใครเลยจะเอาตัวพ่อไปได้ เพราะอยากรู้
“ไง ไอ้ขี้ข้า มีคนอยากคุยด้วยแน่ะ คิดว่าคงจะอยากได้ยินใช่ไหม” สิ้นคำตุลยเทพก็ให้น้ำอิงเอาโทรศัพท์ไปให้แสนลักษณ์คุย ด้วยการแนบหูกับหัวไหล่เพื่อหนีบโทรศัพท์ จากนั้นเธอก็ถอยออกมาให้ห่าง เพราะกลัวโดนเท้ายาวๆ ของแสนลักษณ์เช่นกัน“เชนทร์” แสนลักษณ์เรียกด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มขึ้น ต่างกับตอนคุยกับ ตลุยเทพโดยสิ้นเชิง เท่านั้นแหละคเชนทร์ตกใจยิ่งกว่าจันทรภาถูกพาตัวไปเสียอีก“พ่อ! พ่อ! อยู่นั่นได้ไง มันเอาตัวพ่อไปได้ยังไง” คำพูดของคเชนทร์ทำให้ทุกคนที่ฟังอยู่ตกใจเช่นกัน“อย่าทำเป็นกระต่ายตูมน่า”“ได้ไง ไอ้สี่คนนั้นปล่อยให้พ่อพาตัวไปได้ยังไง ไอ้ไก่อ่อนนั่นทำอะไรพ่อ”“ฉัน... จะไปสู้ใครได้ เอาปืนมาจี้ก็กลัวตายแล้ว ก็เลยต้องยอมเนี่ย” น้ำเสียงของแสนลักษณ์นุ่มหู แต่กวนประสาทจริงๆ เชียว“พ่ออย่ามาพูดแบบนี้นะ ตรงที่พ่ออยู่คือที่ไหนผมจะรีบไป”“ฟังนะ ฉันปลอดภัย เจ้าขาปลอดภัย ถ้าไม่อยากให้เราสองคนตายก็เตรียมเงินมาแลกก็แล้วกัน บอกเมียพ่อด้วยให้เตรียมพร้อม”
“ก็... มันปากพล่อยแล้วฉันว่าลุง ไอ้แก่ ก็เลยเอ่อ สั่งสอนนิดหน่อยให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่” แสนลักษณ์ตอบเสียงเรียบ และยิ้มมุมปากนิดๆ ลูกน้องคนหนึ่งจึงวิ่งเข้าไปดู และสัมผัสไปตามเนื้อตัวเพื่อดูว่าสลบหรือไม่“ลูกพี่... ไม่หายใจครับนาย ลูกพี่ตายแล้ว” ลูกน้องเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ“แกเป็นใครเนี่ย” ตุลยเทพถามด้วยความตกใจกลัว พลางมองไปที่ลูกน้อง“เป็นพ่อมึงไง” แสนลักษณ์ตอบเสียงเข้ม เท่านั้นตุลยเทพก็บันดาลโทสะด้วยการต่อยแสนลักษณ์ไปสองทีผัวะ! ผัวะ! แสนลักษณ์หน้าสะบัดก่อนจะหันกลับมาพร้อมกับแววตานิ่ง“อาแสน” จันทรภาเรียก เมื่อเห็นเลือดไหลออกจากปากแสนลักษณ์ ทว่าเขากลับส่ายหน้าให้เธอ แต่ในวินาทีเดียวกันตุลยเทพก็กระชากคอเสื้อแสนลักษณ์แรงๆ“ฉันถามว่าแกเป็นใคร” ตุลยเทพถามอย่างเดือดดาล“เป็นพ่อ... พ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ รู้จักหรือยังไอ้หนู” แสนลักษณ์กล่าวและยิ้ม“มันคือพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ นาย เขาเป็น... เจ้าพ่อ” ลูกน้องคนหนึ่งแทรกขึ้น เมื่อจำได้แล้วและต้องตกใ
“ฉันไม่จำเป็นต้องรู้ว่าแกเป็นใคร เพราะถ้าไอ้เชนทร์มันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่มันจะวิ่งแจ้นมาทันที” “หึๆ รู้จักกันสักนิดน่า ว่าแต่นายตุลาเป็นยังไง ฟื้นหรือยัง หืม” แสนลักษณ์ถามเสียงเรียบและยิ้มนิด ให้ตายสิ รู้เรื่องพ่ออีก“แสดงว่าพวกแกรวมหัวกับนังนั่น” สิ้นคำตุลยเทพก็หันไปมองจันทรภาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอ“ใครหนุนหลังเธอ รวมหัวกันกี่คนว่ามา ใครที่มันกล้าเปิดทางให้ขึ้นคอนโดขนาดนั้นถ้าไม่ใช่ระดับบิ๊ก ต้องมีตัวใหญ่ มันเป็นใคร” ตุลยเทพถามพลางเอื้อมมือจิกผมจันทรภา แสนลักษณ์เห็นก็ได้แต่กัดฟัน สบตาจันทรภาซึ่งเธอก็สบตากลับและไม่ตอบ“แกมันอ่อนหัดจริงๆ ด้วยไอ้พี่ตุลย์ ไม่รู้จักคนที่ตัวเองลักพาตัวมา นับประสาอะไรจะรู้จักตัวพ่อของที่นี่”“ฉันถามว่าใคร”“ก็ลองไปจับกลุ่มนั่งคิดกันอีกสักรอบ เผื่อจะคิดออกว่าฉันชื่ออะไร ทำไมเจ้าเชนทร์ถึงได้วางหัวใจเอาไว้ที่นี่ วางชีวิตเอาไว้ตรงนี้” แสนลักษณ์บอกเสียงเรียบ“ก็ดีเหมือนกัน ให้เวลาพักผ่อนมองหน้ากันไปก่อนนะ แกตัวใ
ใช้เวลาประมาณสิบนาที แสนลักษณ์ก็เดินกลับออกมา สายตาก็เหลือบมองไปที่ต้นทางนิดหน่อย ก่อนจะเดินมาที่รถทว่ากลับยืนหันหลังให้รถ พร้อมกับล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบเสียก่อน ราวกับว่ากำลังเครียดหรือรออะไรบางอย่าง ลูกน้องทั้งหมดก็อารักขาเจ้านายเป็นอย่างดี ไม่ถามสักนิดว่าพ่อเป็นอะไรหากพ่อไม่เป็นคนเอ่ยออกมาเองแสนลักษณ์ก็พ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างสบายใจ พลางหลับตา ทว่าจังหวะเดียวกันนั้นเขาเอี้ยวตัวหันกลับไปจะขึ้นรถ ก็ต้องชะงักและหนุ่มๆ ก็มีอาการเช่นเดียวกัน ตกใจเล็กน้อยแต่ก็ต้องนิ่งเข้าไว้ จะไม่ให้ชะงักได้อย่างไรในเมื่อเอาปืนเล็งมาขนาดนี้แถมยังมากันหลายคนอีก แต่แสนลักษณ์ยืนนิ่ง มือข้างหนึ่งแนบบุหรี่เข้าปาก อีกข้างยกขึ้นเพื่อให้รู้ว่าไม่สู้ ขณะที่สายตาไม่ได้มองชายหนุ่มที่เอาปืนจ่อเลย“สูบบุหรี่แปบ” แสนลักษณ์เอ่ยอย่างยียวน“ให้ไว อย่าลีลา” ชายแปลกหน้าสวมโม่งกล่าว“เอ่อ รีบสูบรีบเสร็จมันจะฟินอะไรวะ” แสนลักษณ์ตอบกลับ เท่านั้นแหละชายหนุ่มที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกพี่ ก็เดินเข้ามาใกล้ๆ เล็งปลายกระบอกปืนแทบจะจ่อหน้าผาก ลูกๆ ของแสนลักษณ์ทำได้แค่กัดฟั
“ผมไม่ให้ แต่ผมจะทำให้จำชื่อผมและพ่อเลี้ยงเอาไว้ให้แม่น”“มันนัดอีกเมื่อไหร่” เกตุวดีถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเมื่อปรับอารมณ์ได้แล้ว“ก็คงจะพรุ่งนี้ครับ รอรับสาย”“พี่จะไม่ยอมอยู่เฉย แกต้องให้พี่ไปด้วย พี่เป็นสาเหตุให้เจ้าขาถูกพาตัวไป พี่ไม่ดูแล”“ไม่หรอกครับ พี่ไม่ใช่คนรับใช้ซะหน่อย จะให้ตามติดกันตลอดเวลาก็ไม่ใช่ เลิกรู้สึกผิดนะครับ ทำใจให้สบายรอฟังสัญญาณจากผม”“โอเค” แม้ปากจะพูดว่าโอเค แต่ภายในใจยังรู้สึกผิดที่ทำให้จันทรภาถูกพาตัวไป เพราะไม่เฝ้าระวัง ทว่าอย่างที่คเชนทร์บอก จะตามติดตลอดเวลาราวกับนักโทษก็ไม่ใช่“เซ็นงานกองนี้ให้เสร็จนะ ผมมาบอกเท่านี้ แล้วเดี๋ยวออกไปเจอกันที่บ้านพ่อ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมจะไปรอที่นั่น หารือกันอีกทีรอพ่อมา”“จ้ะ” เกตวดีรับคำน้ำเสียงหวั่นๆ ความรู้สึกแย่มันยังคงมีอยู่ คำพูดของคเชนทร์ไม่สามารถปลอบใจได้ ถ้าออกไปดูจันทรภาสักนิดก็คงจะไม่เป็นแบบนี้“ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้น อย่าให้ฉันเจอนะ ท
“แน่ใจนะครับว่าเป็นจุดอ่อน คนนี้ผมคุ้นๆ หน้าเป็นคนมีชื่อเสียงด้วยนะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า”“ทำไม คนเดียวกันยังไง”“ไอ้พวกผมน่ะ มันทำงานรอบนอก รับจ้างรับจ๊อบ ไม่ค่อยได้เห็นคนมีชื่อเสียงบ่อยนัก แค่คุ้นๆ ว่าคนนี้หรือเปล่า เป็นคนมีชื่อเสียง หน้าคุ้นน่ะครับ”“เราเห็นเขาอยู่โรงแรม เป็นผู้บริหารที่โรงแรมนั้นหรือเปล่าคะ”“คิดว่าใช่ สนุกล่ะทีนี้ ไอ้เชนทร์ หึๆ ดูซิว่ามันจะมีปัญญาช่วยเมียนางฟ้ามันได้ไหมนะ ค่าหัวเจ้าขาไม่ยอมให้ แต่ถ้าบวกกับคนนี้ไม่แน่ ฉันอยากได้หัวใจดวงนี้ของมัน พวกแกทำได้ไหม”“เอ่อ ไม่มั่นใจครับ”“ทำไมวะ ทำไมไม่มั่นใจ นี่ฉันจะจ้างพวกแกไว้ทำไมเนี่ย”“ที่บอกว่าไม่มั่นใจเพราะกลัวจะเข้าถึงตัวยาก ถ้าเขาเป็นคนมีชื่อเสียง”“ก็แค่อาจจะเป็นนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง” น้ำอิงแทรกขึ้น“ใช่ กลัวอะไร”“ผมไม่ได้กลัว”“งั้นจัดการ ฉันอยากเห็นหน้า ทำ