กุหลาบรักซาตาน

กุหลาบรักซาตาน

By:  อักษรามณี  Updated just now
Language: Thai
goodnovel16goodnovel
Not enough ratings
82Chapters
15views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
Leave your review on App

เซอเรนัล์ฟ ไคลน์ กลับมาในฐานะเจ้าของดีฮันเตอร์ บริษัทผลิตอากาศยานไร้คนขับยักษ์ใหญ่ของอเมริกา สลัดคราบผู้ชายที่เคยอ่อนหวานและแสนสุภาพ กลายเป็นบุรุษผู้หยิ่งทะนง ทั้งเลือดเย็นและโหดร้ายยิ่งกว่าราชสีห์ เขาไม่เพียงตราหน้าว่า อิสลิน เบอร์กแทรนช์เป็นหญิงแพศยา ชั่วช้า เป็นนางกากี ที่แต่งงานไปกับผู้ชายคนใหม่ สุดท้ายต้องเป็นหม้ายเพราะผัวหย่า ซึ่งก็ถึงเวลาที่ซาตานอย่างเขา...ต้องเอาคืน!!

View More

Latest chapter

Interesting books of the same period

Comments

No Comments
82 Chapters

บทที่ 1

“ถึงหรือยังคะ ไคลน์...อย่าทำแบบนี้สิคะ ฉันกลัวความมืด” เสียงหวานของร่างบอบบางที่ดวงตาถูกปิดไว้ด้วยผ้าลอดออกมาจากเรียวปากสีชมพูหวานที่สั่นระริกด้วยความตื่นเต้นระคนหวั่นกลัว มือเรียวถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือหนาใหญ่ที่ประคองร่างเล็กอย่างทะนุถนอมก่อนจะรู้สึกว่าไหล่ถูกตรึงให้หยุดก้าวเดิน อิสลินค่อย ๆ ลืมตาคู่สวยเมื่อผ้าไหมผืนบางที่ปิดไว้ถูกดึงออก หญิงสาวตะลึงพรึงเพริดเมื่อภาพเบื้องหน้าเป็นเตียงกว้างโรยกลีบกุหลาบในห้องพักหรูของบ้านริมชายหาดมอนติคาร์โล“โอ!...ไคลน์ คุณทำอะไรคะ...มันช่าง...สวยเหลือเกินค่ะ” ร่างอรชรหันไปทางร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองที่นัยน์ตาสีฟ้าเข้มบนใบหน้าคมคายส่องประกายระยิบระยับยามจับจ้องมายังดวงหน้างามของอิสลิน เบอร์กแทรนช์ เธอเป็นลูกครึ่งไทยเชื้อสายอังกฤษ ลูกสาวคนสวยของนักธุรกิจชื่อดัง อาร์โนล เบอร์กแทรนช์“คุณชอบมันไม่ใช่หรือ อีฟ...ปรินเซส เดอ โมนาโก กุหลาบที่สวยที่สุดในโลก” เซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์ หนุ่มอเมริกันวัยยี่สิบแปดเจ้าของความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรและผู้เป็นเจ้าของหัวใจหญิงสาวที่ชอบเรียกเขาด้วยชื่อนามสกุลกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะไล้ปลายนิ้วไปบนเรือนผมสีวอลนัทเงางามยาวเคลียไห
Read more

บทที่ 2

“ไคลน์คะ” เธอส่ายหน้าไปมาทั้งแววตาไม่ประสาฉายความไม่แน่ใจ “ฉันไม่เคยค่ะ”“กอดผม...ที่รัก...ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คุณคิด” อิสลินทำตามที่เขาบอก เธอเคยเห็นเซอร์เรนัล์ฟในเวลาที่เขาเป็นหนุ่มแสนดี เยือกเย็นและเป็นสุภาพบุรุษ เวลานี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นแต่เขากำลังปลุกความร้อนในกายเธอให้เริ่มเผาไหม้รุนแรงขึ้นทุกขณะด้วยปลายลิ้นอุ่นที่ลากไล้ไปบนผิวเรียบเนียนบนคอและไหล่ หญิงสาวบอกตัวเองว่าไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้มาก่อน วูบวาบในช่องท้องและปั่นป่วนไปหมดแทบทนไม่ไหว เธออยากให้เขาแค่จูบ เคลียแก้มของเธอด้วยคางสากระคาย ทว่าน่าแปลกที่ร่างกายนุ่มนิ่มกลับปรารถนาการรุกเร้าจากกายแข็งแกร่ง“อีฟ...ผมอยากกอดคุณแบบนี้มานานแล้ว” / “ไคลน์” ผิวแก้มเปล่งปลั่งเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเมื่อชุดเกาะอกผ้าชีฟองถูกรั้งไปกองไว้ที่ปลายเท้า เซอร์เรนัล์ฟทำอย่างที่พูด เขากอดร่างนุ่มเกือบเปลือยเปล่าซึ่งมีเพียงแพนตี้ตัวน้อยปกปิดไว้เท่านั้น“ผมเป็นคนแรกหรือเปล่าที่กอดคุณไว้แบบนี้” ชายหนุ่มตั้งคำถามขณะจ้องมองดวงหน้าแสนสวยของสาวลูกครึ่งไทยเชื้อสายอังกฤษใต้กรอบเรือนผมแผ่สยายบนผ้าปูสีงาช้าง ตาคู่งามช่างน่าหลงใหล เรียวปากเล็กนั้นแสนเย้
Read more

บทที่ 3

“คุณคงไม่รู้หรอกที่รัก ว่าผมตื่นเต้นมากแค่ไหนที่จะสอนบทเรียนต่อไปให้คุณ” เซอร์เรนัล์ฟคงรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ เมื่อมือใหญ่เลื่อนมากอบกุมเนินเนื้ออวบนุ่มทั้งสองข้างไว้ด้วยอาการสั่นเล็ก ๆ หญิงสาวอยากบอกว่ามันเป็นบทเรียนอันน่าอัศจรรย์เมื่อเขาเริ่มเชยชมความงามนั้นด้วยการเสียดถูคางระคายไปมาก่อนครอบครองปลายสุดของโนมเนื้อเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนอมชมพูด้วยเรียวปากและปลายลิ้นสลับกันทั้งขบเม้มและดูดดุนจนร่างอรชรอ่อนเปลี้ยไปหมด“ไคลน์...พอเถอะค่ะ...พอเถอะ” ปากเล็กนั้นเว้าวอนอยากให้เขาหยุดแต่มือทั้งสองกลับขยุ้มเรือนผมสีน้ำตาลและแอ่นกายเข้าหา อิสลินรับรู้ถึงความรู้สึกแปลกใหม่ทั้งกำซาบซ่านและกำลังจะทำให้เธอระเบิดออกเป็นเสี่ยง หญิงสาวคล้ายคนหลงละเมออยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ที่ปรนเปรอความสุขทะลักทลายผ่านเรือนกายที่กำลังบดเบียดเสียดสี เสียงครางที่ลอดผ่านเรียวปากจิ้มลิ้มดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวจะแข่งกับเกลียวคลื่นที่ซัดสาดอยู่เบื้องนอก อิสลินเผลอหยิบกลีบกุหลาบที่กระจัดกระจายอยู่ใต้แผ่นหลังไล้บนเรียวปากฉ่ำและลิ้มเลียรสอันหอมหวานล้ำจากกุหลาบแห่งโมนาโก เซอร์เรนัล์ฟยังไม่ยอมละใบหน้าหล่อเหลาจากเต้ากลมอวบอิ่ม เขายังคงเฟ้น
Read more

บทที่ 4

“ไคลน์คะ...ฉัน...” ร่างเล็กทำทีจะผลักไสแต่กลับถูกอ้อมแขนใหญ่กอดเกี่ยวกระหวัดแน่น เซอร์เรนัล์ฟประกบจูบจนกลีบปากนุ่มบวมแดงกระทั่งเขาพาตัวตนลึกเข้าไปเรื่อย ๆ และชายหนุ่มก็ได้ค้นพบสิ่งที่เขารอคอย ค้นพบว่าเขาคือผู้ชายคนแรกของอิสลิน“อีฟ...คุณเป็นของผมแล้วนะ คุณเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น” ร่างแน่งน้อยจิกปลายเล็บลงบนหัวไหล่ของร่างสูงจนเป็นรอยลึกเมื่อความเจ็บปวดที่แกนกายเพิ่มมากทวีคูณ ทว่าอิสลินก็ค้นพบว่าในเปลวเพลิงพิศวาสที่เผาไหม้กลับมีความอบอุ่นสว่างไสวอยู่ตรงใจกลางนั้น หญิงสาวเริ่มคลายความอึดอัดเมื่อการหลอมรวมสนิทแน่นและสิ่งที่ดีที่สุดในห้วงเวลานี้คือกอดเขาไว้เพื่อซึมซับเอาลมหายใจร้อนก่อนกระซิบตอบกลับไปแผ่วเบา“ไคลน์คะ...ฉันรักคุณนะคะ ฉันเป็นของคุณแล้ว อย่าทิ้งฉันไปไหนนะคะ” เสียงนั้นสั่นพร่าพร้อมกับหยาดน้ำซึมที่หางตาเมื่อชายหนุ่มกระชับอ้อมกอด ราตรีนั้นเงียบสงัดยินเพียงเสียงคลื่นขับกล่อมเป็นลำนำแสนหวาน อิสลินรู้สึกสุขใจมากกว่าสิ่งใดเมื่อได้มอบสิ่งที่หวงแหนไว้แก่ชายที่รัก และเซอร์เรนัล์ฟก็รู้สึกเช่นเดียวกันคือเขาได้ครอบครองสิ่งมีค่าและจะถนอมไว้ชั่วชีวิต“ผมจะทิ้งคุณไปได้อย่างไร...อีฟ” ชายห
Read more

บทที่ 5

“เรื่องนั้นฉันไม่กังวลหรอกค่ะ แต่สิ่งที่ฉันเป็นกังวลคือเมื่อไหร่ฉันกับคุณจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก”“แต่การหนีไปด้วยกันคงไม่ใช่คำตอบ” ร่างสูงหยุดลงและหมุนร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันมาสบตาเขา เซอร์เรนัล์ฟเกลี่ยปอยผมที่ลมพัดจนตกลงมาปรกผิวแก้มใสราวกำลังสัมผัสตุ๊กตาแสนสวยด้วยความรัก“อีฟ คุณอาจต้องรออีกหน่อย ผมจะสร้างตัวให้พ่อของคุณยอมรับในสักวัน” / “ฉันไม่เคยไปไหนนะคะ ไคลน์”อิสลินโอบผิวแก้มที่มีขนเคราบาง ๆ ไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสอง ความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นต์ทำให้ร่างอรชรเล็กไปถนัดใจเมื่อยืนเทียบกับคนตัวโต“ต่อให้ฉันต้องรอคุณไปอีกกี่ปีฉันก็จะรอ ก็ฉันรักคุณนี่คะ และที่สำคัญฉันเป็นของคุณ...ไคลน์คะ ฉันจะรักผู้ชายคนใหม่ได้ก็ต่อเมื่อฉันตายไปแล้วเท่านั้น”“อีฟ...” เซอร์เรนัล์ฟยิ้มอ่อนหวานก่อนโน้มใบหน้าหล่อเหลาเพื่อประทับจุมพิตอ่อนเบาบนเรียวปากที่ยังมีรอยบวมน้อย ๆ แขนแข็งแรงกระหวัดรั้งเอวบางเข้าหาตัวและเบียดอกกว้างกับอกอิ่มนุ่มของร่างอรชรท่ามกลางสายลมพลิ้วและแสงนวลยามโคมรัตติกาลอยู่ใจกลางฟากฟ้าสีกระจ่างกระทั่งชายหนุ่มค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกและสบตาคู่สวยที่เจ้าของอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขน“กลับบ้านพักกั
Read more

บทที่ 6

“ทำไมทำกันถึงขนาดนี้! เลียม...ไคลน์ไม่ผิดอะไร พวกคุณฆ่าเขา พวกฆาตกร!”“คุณหนูครับ” เลียมกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าและแววตาเยือกเย็น“ต้องขอโทษด้วย นี่เป็นคำสั่งของคุณอาร์โนล ผมต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอย่างเคร่งครัด”“แต่คุณพ่อสั่งให้พวกคุณฆ่าคน...โอ! ไม่...ปล่อยฉัน ฉันจะไปช่วยไคลน์!” อิสลินร้องไห้อย่างสิ้นหวังเมื่อการดิ้นรนไม่สัมฤทธิ์ผล เธอได้แต่มองร่างที่ถูกคลื่นพัดห่างจากชายฝั่งค่อย ๆ หายไปในความมืด หญิงสาวคาดไม่ถึงว่าคืนแห่งรักจะกลับกลายเป็นคืนวิปโยคและเป็นค่ำคืนสุดท้ายที่เธอได้เห็นหน้าเซอร์เรนัล์ฟ “ปล่อยฉัน!...พวกฆาตกร...พวกฆาตกร!”เสียงกรีดร้องนั้นค่อย ๆ ห่างออกไปจากชายหาดเปลี่ยวที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวผ่านมาเมื่อร่างบางออกแรงดิ้นถูกลากกลับไปยังรถลีมูซีนที่จอดรออยู่ไม่ไกล ทิ้งไว้แต่ภาพความทรงจำเศร้าสลดแก่หญิงสาวที่ร่ำร้องด้วยความรวดร้าวแทบขาดใจบทที่ 3 “แกกล้ามาก อีฟ ที่แอบหนีไปอยู่กับไอ้หนุ่มอเมริกันกระจอกนั่นไกลถึงโมนาโก แกช่างไม่รักษาหน้าของพ่อแกบ้างเลย!”เสียงดุดันดังขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์เบอร์กแทรนช์ซึ่งชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่เดินเอามือไพล่หลังไปมาต่อหน้าร่
Read more

บทที่ 7

อาร์โนลหันกลับมามองบุตรสาวดวงตาแดงก่ำ อิสลินก็ถึงกับผงะและยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นเมื่อบิดาจับไหล่บางทั้งสองไว้“ฟังพ่อนะอีฟ...สิ่งที่ลูกกำลังจะได้ยินต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับความอยู่รอดของเบอร์กแทรนช์ ไฟแนลเชี่ยล กรุ๊ป...เรา...กำลังจะล้มละลาย!” เรียวปากเล็กอ้าค้างและดวงตาคู่งามเบิกโพลงทันทีที่ได้ยิน โดลกทั้งโลกราวกับเอียงะเท่เร่ไปอยู่อีกฝั่ง เธออาจล้มพับไปแล้วหากอาร์โนลไม่ยึดไหล่บาง ๆ นั่นก่อนดึงเธอเข้าไปไว้ในอ้อมแขน“คุณพ่อคงล้อหนูเล่น เบอร์กแทรนช์ ไฟแนนเชี่ยลจะล้มละลายได้อย่างไรกันคะ”“เราเป็นบรรษัทเงินทุนที่มีความมั่นคงและถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุด แต่เมื่อสองสามปีมานี้ลูกก็รู้ว่าภาวะเศรษฐกิจของยุโรปถดถอยมากแค่ไหน เราประสปกับปัญหาหนี้เสียมากเกินกว่าจะจัดการได้และมันก็ลุกลามใหญ่โตจนลูกค้าขาดความเชื่อมั่นและขอถอนเงินลงทุนคืน”“ทำไมคุณพ่อไม่ติดต่อให้รัฐบาลช่วยเหลือล่ะคะ?”“เราเป็นหนี้มากเกินกว่าที่เขาจะช่วยเหลือได้ ตอนนี้เราต้องเลย์ ออฟพนักงานและต้องสะสางหนี้หลายร้อยล้านปอนด์ แต่พ่อกำลังจะหาทางออก”“คะ...ทางออกหรือคะ?” อิสลินเกือบลืมเรื่องความเป็นความตายของชายคนรักไป
Read more

บทที่ 8

“อีฟ” ใครคนหนึ่งเดินมาจากเบื้องหลังและแตะไหล่เจ้าของร่างบอบบางในชุดกระโปรงลูกไม้สีดำเบา ๆ“คุณควรจะพักผ่อนบ้างนะ ถึงอย่างไรคุณพ่อก็ไปดีแล้ว” อิสลินหันมาทางเดเรก หนุ่มอเมริกันรูปร่างสูงโปร่งนัยน์ตาสีเขียวมรกตและใบหน้าสะอาดสะอ้านภายใต้เรือนผมสีบลอนด์เงินซึ่งบัดนี้เป็นสามีตามกฎหมายของเธอ เขาอยู่ในชุดสูทสีนิลขณะกำลังมองมาด้วยสายตาห่วงใย“ขอบคุณมากค่ะเดเรก หวังว่าคุณพ่อคงอยู่อย่างเป็นสุขในอ้อมกอดของพระเจ้า ฉันก็อยากกลับไปพักผ่อน แต่ก็อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่ออีกสักพัก”เดเรกเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ประกายแดดจ้าเริ่มยอแสง“นี่ก็เย็นมากแล้วนะอีฟ แต่ถ้าคุณยังไม่อยากกลับผมก็จะอยู่เป็นเพื่อน”“เดเรกคะ ใจจริงฉันไม่อยากรบกวนคุณเลยค่ะ แค่งานที่บริษัทของคุณก็ยุ่งมากพอแล้ว”“ผมบอกคุณหลายหนแล้วไง อีฟ” ชายหนุ่มจับไหล่ทั้งสองนั้นไว้และจ้องลึกลงไปในดวงตางดงามคู่นั้น“ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ”อิสลินยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ทว่าไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกันอีกเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น“ครับ...คุณแอนดรูว์ ว่าไงครับ?...หืม” หญิงสาวมองร่างสูงที่กำลังรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแปลกเปลี่ยน เธอไม่รู
Read more

บทที่ 9

“อีวี่อาจวิ่งเล่นแถวนี้ ผมจะเดินไปดูทางโน้นก็แล้วกัน”ชายหนุ่มยิ้มแกน ๆ ก่อนจะเดินไปอีก้านของสุสานในขณะที่อิสลินเดินตรงไปทางกอดอกไม้เล็ก ๆ ที่อีวี่ชี้ให้ดูเมื่อครู่“อีวี่...ลูกจ๋า” หญิงสาวเดินพลางเรียกด้วยความรู้สึกที่เริ่มเป็นกังวล อีวี่แม้เป็นเด็กผู้หญิงแต่ก็ซุกซนเข้าขั้นจนบางครั้งเธอก็ถึงกับหอบ แต่อิสลินไม่เคยอยู่ห่างจากนางฟ้าของเธอเลยตั้งแต่แม่หนูลืมตาดูโลก นัยน์ตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความรักนิรันดร์ที่จะอยู่กับเธอตลอดไป“อีวี่...ลูกอยู่ไหน?...อีวี่” ร่างบางรู้สึกว่าตัวเองเดินออกมาไกลและก้าวผ่านกอไม้รกเรื้อกระทั่งถึงบริเวณน้ำพุเล็ก ๆ ซึ่งห่างออกมาจากสุสานพอประมาณ“อีวี่!” อิสลินปรี่เข้าไปกอดบุตรสาวที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าใกล้กับน้ำพุเพียงโดดเดี่ยว“อีวี่...แม่บอกหนูแล้วไงจ๊ะว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว แม่ตกใจหมดรู้มั้ย”เสียงเอ็ดเบา ๆ ของหญิงสาวทำเอาหนูน้อยหน้าหงิกตาแดงก่ำ อีวี่ไม่พูดอะไรแต่ค่อย ๆ ยื่นของสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้มารดาถึงกับผงะ“อีวี่...ลูกไปเอาดอกไม้นี่มาจากไหน?” หญิงสาวถามขณะรับดอกกุหลาบสีชมพูหวานจากร่างเล็ก“มีคนชวนหนูมาที่นี่...เขาบอกว่ามีดอกไม้สวย ๆ เยอ
Read more

บทที่ 10

“ข่าวที่ประธานแอร์โรว์ไวรอนต์หย่ากับภรรยาน่ะหรือ?” เดเรกเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ร่างแน่งน้อยเงียบไป เธอเพิ่งไปเซ็นต์ใบหย่ากับเดเรกเมื่อวานนี้และมันก็กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งอีกระลอกถัดจากข่าวความเสียหายที่เกิดกับบริษัท“อีฟ...คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่จู่ ๆ ผมก็ทิ้งคุณไปในช่วงเวลาแบบนี้”เดเรกดึงมือเรียวบางนั้นมาไว้บนตักและบีบมันเบา ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ“มันน่าจะถึงเวลาที่ผมต้องยุติการทำหน้าที่การเป็นประธานแอร์โรว์ไวรอนต์ซึ่งมันเป็นความหวังของพ่อกับแม่เสียที หลังจากท่านทั้งสองเสียชีวิตผมก็คิดมาตลอดว่าอยากถอดหัวโขนนี้ออกไปในสักวัน ที่ผ่านมาผมมอบหน้าที่ให้แอนดรูว์หัวหน้าฝ่ายวิจัยดูแลการผลิตมาตลอด เพราะที่จริงผมไม่ได้อยากสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อมากสักเท่าไหร่ ผมอยากไปอยู่ในที่สงบและใช้ชีวิตในแบบที่ผมเป็น”“แต่ตอนนี้คุณก็กำลังจะได้ไปตามทางที่คุณมุ่งหวัง เราต่างเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอมาไม่ใช่หรือคะ”“อีฟ...หลังจากที่ผมเดินทางไปปารีสแล้ว ผมอยากให้คุณได้รับรู้เจตนารมณ์ของผมอีกอย่าง นั่นคือการขายหุ้นทั้งหมดของแอร์โรว์ไวรอนต์ คอร์ป”“ฉันจะจัดการทุกอย่างได้อย่างไรล่ะคะ ถึงตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทจะเปลี่
Read more
DMCA.com Protection Status