“ไคลน์คะ” เธอส่ายหน้าไปมาทั้งแววตาไม่ประสาฉายความไม่แน่ใจ “ฉันไม่เคยค่ะ”
“กอดผม...ที่รัก...ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คุณคิด” อิสลินทำตามที่เขาบอก เธอเคยเห็นเซอร์เรนัล์ฟในเวลาที่เขาเป็นหนุ่มแสนดี เยือกเย็นและเป็นสุภาพบุรุษ เวลานี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นแต่เขากำลังปลุกความร้อนในกายเธอให้เริ่มเผาไหม้รุนแรงขึ้นทุกขณะด้วยปลายลิ้นอุ่นที่ลากไล้ไปบนผิวเรียบเนียนบนคอและไหล่ หญิงสาวบอกตัวเองว่าไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้มาก่อน วูบวาบในช่องท้องและปั่นป่วนไปหมดแทบทนไม่ไหว เธออยากให้เขาแค่จูบ เคลียแก้มของเธอด้วยคางสากระคาย ทว่าน่าแปลกที่ร่างกายนุ่มนิ่มกลับปรารถนาการรุกเร้าจากกายแข็งแกร่ง
“อีฟ...ผมอยากกอดคุณแบบนี้มานานแล้ว” / “ไคลน์” ผิวแก้มเปล่งปลั่งเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเมื่อชุดเกาะอกผ้าชีฟองถูกรั้งไปกองไว้ที่ปลายเท้า เซอร์เรนัล์ฟทำอย่างที่พูด เขากอดร่างนุ่มเกือบเปลือยเปล่าซึ่งมีเพียงแพนตี้ตัวน้อยปกปิดไว้เท่านั้น
“ผมเป็นคนแรกหรือเปล่าที่กอดคุณไว้แบบนี้” ชายหนุ่มตั้งคำถามขณะจ้องมองดวงหน้าแสนสวยของสาวลูกครึ่งไทยเชื้อสายอังกฤษใต้กรอบเรือนผมแผ่สยายบนผ้าปูสีงาช้าง ตาคู่งามช่างน่าหลงใหล เรียวปากเล็กนั้นแสนเย้ายวนราวกลีบกุหลาบอ่อนบาง อิสลินเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน แต่ทรงพลังในตัวเอง ร่างอรชรที่บิดไปมายิ่งทำให้เขาคลั่งไคล้จนต้องเบียดความแข็งแรงบนกายแกร่งเข้าหา
“ฉันไม่เคยถูกใครกอดแบบนี้นะคะ คุณเอาเปรียบฉันรู้มั้ย” แก้มเนียนยิ่งเป็นสีเข้มจัดเมื่อชายหนุ่มสลัดเสื้อและกางเกงของตัวเองทิ้งไปบ้างอย่างไม่ใยดี
“คราวนี้ก็ไม่มีใครเอาเปรียบใครแล้วสินะ...อีฟ” เซอร์เรนัล์ฟกดจูบหญิงสาวเบา ๆ และค่อย ๆ ละเลียดปลายลิ้นอุ่นอ้อยอิ่งบนเรียวปากชุ่มชื้นแสนเย้ายวนเนิ่นนาน อิสลินรู้สึกหวั่นหวามทุกครั้งที่ชายหนุ่มเบียดกล้ามเนื้ออกกำยำบนเนินผิวกลมกลึงอย่างจะบอกให้รู้ว่าร่างอรชรนั้นน่าปรารถนาแค่ไหน
“ที่รักคะ...ฉันกลัวค่ะ” เจ้าของเรือนร่างโค้งเว้าแนบฝ่ามือลงบนกรามแกร่งที่ยิ่งทำให้เธอตื่นเต้นด้วยการถูไถขนเคราสากระคายบนข้อมือบางแผ่วเบา
“อย่ากลัว ผมจะสอนคุณเอง” รอยยิ้มอันน่าหลงใหลจุดประกายบนใบหน้าหล่อเหลาที่แนบการเปลือยเปล่าสนิทแนบกับร่างนุ่มนิ่ม อิสลินหอบหายใจไม่ใช่เพราะเหนื่อยแต่อย่างใดทว่าเธอกำลังจะขาดใจเพราะไฟพิศวาสร้อนที่แผดเผา
“คุณคงไม่ได้กลัวจนคิดอยากกลับบ้านตอนนี้หรอกนะ ที่รัก”
“ไคลน์คะ...ฉันเป็นนักเรียนที่ดีนะคะ ถึงจะเรียนรู้ช้าไปบ้าง แต่ฉันจะอดทนค่ะ”
“ดีมาก...อืม...ดีเหลือเกิน...นักเรียนที่น่ารักของผม” เซอร์เรนัล์ฟยิ้มอ่อนหวานอีกครั้งและทำราวกับเขาเป็นอาจารย์หนุ่มที่ตั้งใจมอบบทเรียนรักที่นักเรียนสาวของเขาจะไม่มีวันลืมได้ลง ในเวลาเดียวกันอิสลินก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายตัวเองจากอาการบิดเกร็งที่เกิดขึ้นโดยเธอไม่ตั้งใจ หญิงสาวรอคอยสัมผัสอันซาบซ่านรัญจวนซึ่งเขาบรรจงมอบให้ผ่านปลายนิ้วแกร่งที่ลูบไล้ไปบนเนียนผิวผุดผาดของสาวสะพรั่งและไม่ลืมจุมพิตเร่าร้อนราวจะช่วยดูดซับความกังวลจากเนื้ออุ่นที่กระตุกเต้นในทุกวินาที แสงไฟละมุนภายในห้องอาบไล้ลงบนร่างอ้อนแอ้นที่อ่อนปวกเปียกอยู่ใต้ร่างแข็งแกร่งกำยำซึ่งบ่อยครั้งอิสลินก็อดไม่ได้ที่จะมองเซอร์เรนัล์ฟกลับไปด้วยแววตาอาบเอิบด้วยความปรารถนาจนแทบหลอมละลายเขาได้ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอและเลียริมฝีปากอิ่มแห้งผากเมื่อมองดูกล้ามเนื้อเป็นลอนบนหน้าท้องกระเพื่อมไหวไปตามลมหายใจที่ดังไม่แพ้กัน เขาเป็นผู้ชายที่น่าหลงใหลตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ ความหล่อเหลาบาดจิตและความเป็นสุภาพบุรุษผิ่งขรึมดึงดูดให้เธออยากเข้าไปค้นหา ซึ่งหญิงสาวก็ได้ค้นพบแล้วว่า เซอร์เรนัล์ฟ เป็นผู้ชายที่น่าปรารถนามากเพียงใด
“บทเรียนแรกที่ผมจะสอนคุณก็คือ...มองผม อีฟ...มองผมเหมือนคุณไม่เคยรู้จักผมมาก่อน และหลังจากนั้น...”
ชายหนุ่มหรุบนัยน์ตาสีฟ้าเข้มลงไปยังเรียวปากชุ่มชื้นที่เผยอออกอย่างลืมตัว “ผมก็จะจูบคุณ” อิสลินอ้าริมฝีปากออกเพื่อรับเรียวลิ้นอุ่นร้อนซึ่งเป็นบทเรียนแรกที่นักเรียนสาวได้รับจากอาจารย์หนุ่ม เซอร์เรนัล์ฟคล้ายอดใจไว้ไม่ไหวต้องลูบโลมฝ่ามือหนาลงไปตามส่วนคอดเว้า เขาเคยจูบเธอมาหลายคราทว่าก็ไม่มีครั้งใดปลุกปั่นความปรารถนาจากก้นบึ้งได้มากเท่านี้ ปลายลิ้นหนาซอกซอนไปหมดทุกที่ พลิกพลิ้วไปตามกระพุ้งแก้มและกระหวัดเกี่ยวลิ้นเล็กอย่างมีชั้นเชิง
“ไคลน์” ร่างเล็กที่ซ่อนความอวบอัดกอดรัดแผ่นหลังกว้างและเริ่มครวญครางเบา ๆ เมื่อเขาแกล้งยั่วเย้าเธอด้วยการหยุดทุกอย่างลงชั่วครู่
“อีฟ...คุณมีอะไรอยากบอกผมอย่างนั้นหรือ?”
แม้กายหนาจะหยุดการบดเบียดทว่านัยน์ตาคู่นั้นยังจับจ้องดวงตาคู่งามด้วยความฉ่ำหวาน อิสลินไล้ปลายนิ้วไปบนแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่นสมชายชาตรีก่อบอกด้วยเสียงสั่นพร่า
“ไคลน์คะ...แล้วบทเรียนต่อไปล่ะคะ” หญิงสาวหน้าแดงเพราะเขินอายแต่ร่างกายกลับไม่รีรอที่จะตอบสนองเขาในทุกสัมผัส คงน่ากระดากเกินไปที่จะร้องขอว่าอย่าได้หยุดทุกอย่างลงแค่นี้
“คุณคงไม่รู้หรอกที่รัก ว่าผมตื่นเต้นมากแค่ไหนที่จะสอนบทเรียนต่อไปให้คุณ” เซอร์เรนัล์ฟคงรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ เมื่อมือใหญ่เลื่อนมากอบกุมเนินเนื้ออวบนุ่มทั้งสองข้างไว้ด้วยอาการสั่นเล็ก ๆ หญิงสาวอยากบอกว่ามันเป็นบทเรียนอันน่าอัศจรรย์เมื่อเขาเริ่มเชยชมความงามนั้นด้วยการเสียดถูคางระคายไปมาก่อนครอบครองปลายสุดของโนมเนื้อเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนอมชมพูด้วยเรียวปากและปลายลิ้นสลับกันทั้งขบเม้มและดูดดุนจนร่างอรชรอ่อนเปลี้ยไปหมด“ไคลน์...พอเถอะค่ะ...พอเถอะ” ปากเล็กนั้นเว้าวอนอยากให้เขาหยุดแต่มือทั้งสองกลับขยุ้มเรือนผมสีน้ำตาลและแอ่นกายเข้าหา อิสลินรับรู้ถึงความรู้สึกแปลกใหม่ทั้งกำซาบซ่านและกำลังจะทำให้เธอระเบิดออกเป็นเสี่ยง หญิงสาวคล้ายคนหลงละเมออยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ที่ปรนเปรอความสุขทะลักทลายผ่านเรือนกายที่กำลังบดเบียดเสียดสี เสียงครางที่ลอดผ่านเรียวปากจิ้มลิ้มดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวจะแข่งกับเกลียวคลื่นที่ซัดสาดอยู่เบื้องนอก อิสลินเผลอหยิบกลีบกุหลาบที่กระจัดกระจายอยู่ใต้แผ่นหลังไล้บนเรียวปากฉ่ำและลิ้มเลียรสอันหอมหวานล้ำจากกุหลาบแห่งโมนาโก เซอร์เรนัล์ฟยังไม่ยอมละใบหน้าหล่อเหลาจากเต้ากลมอวบอิ่ม เขายังคงเฟ้น
“ไคลน์คะ...ฉัน...” ร่างเล็กทำทีจะผลักไสแต่กลับถูกอ้อมแขนใหญ่กอดเกี่ยวกระหวัดแน่น เซอร์เรนัล์ฟประกบจูบจนกลีบปากนุ่มบวมแดงกระทั่งเขาพาตัวตนลึกเข้าไปเรื่อย ๆ และชายหนุ่มก็ได้ค้นพบสิ่งที่เขารอคอย ค้นพบว่าเขาคือผู้ชายคนแรกของอิสลิน“อีฟ...คุณเป็นของผมแล้วนะ คุณเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น” ร่างแน่งน้อยจิกปลายเล็บลงบนหัวไหล่ของร่างสูงจนเป็นรอยลึกเมื่อความเจ็บปวดที่แกนกายเพิ่มมากทวีคูณ ทว่าอิสลินก็ค้นพบว่าในเปลวเพลิงพิศวาสที่เผาไหม้กลับมีความอบอุ่นสว่างไสวอยู่ตรงใจกลางนั้น หญิงสาวเริ่มคลายความอึดอัดเมื่อการหลอมรวมสนิทแน่นและสิ่งที่ดีที่สุดในห้วงเวลานี้คือกอดเขาไว้เพื่อซึมซับเอาลมหายใจร้อนก่อนกระซิบตอบกลับไปแผ่วเบา“ไคลน์คะ...ฉันรักคุณนะคะ ฉันเป็นของคุณแล้ว อย่าทิ้งฉันไปไหนนะคะ” เสียงนั้นสั่นพร่าพร้อมกับหยาดน้ำซึมที่หางตาเมื่อชายหนุ่มกระชับอ้อมกอด ราตรีนั้นเงียบสงัดยินเพียงเสียงคลื่นขับกล่อมเป็นลำนำแสนหวาน อิสลินรู้สึกสุขใจมากกว่าสิ่งใดเมื่อได้มอบสิ่งที่หวงแหนไว้แก่ชายที่รัก และเซอร์เรนัล์ฟก็รู้สึกเช่นเดียวกันคือเขาได้ครอบครองสิ่งมีค่าและจะถนอมไว้ชั่วชีวิต“ผมจะทิ้งคุณไปได้อย่างไร...อีฟ” ชายห
“เรื่องนั้นฉันไม่กังวลหรอกค่ะ แต่สิ่งที่ฉันเป็นกังวลคือเมื่อไหร่ฉันกับคุณจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก”“แต่การหนีไปด้วยกันคงไม่ใช่คำตอบ” ร่างสูงหยุดลงและหมุนร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันมาสบตาเขา เซอร์เรนัล์ฟเกลี่ยปอยผมที่ลมพัดจนตกลงมาปรกผิวแก้มใสราวกำลังสัมผัสตุ๊กตาแสนสวยด้วยความรัก“อีฟ คุณอาจต้องรออีกหน่อย ผมจะสร้างตัวให้พ่อของคุณยอมรับในสักวัน” / “ฉันไม่เคยไปไหนนะคะ ไคลน์”อิสลินโอบผิวแก้มที่มีขนเคราบาง ๆ ไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสอง ความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นต์ทำให้ร่างอรชรเล็กไปถนัดใจเมื่อยืนเทียบกับคนตัวโต“ต่อให้ฉันต้องรอคุณไปอีกกี่ปีฉันก็จะรอ ก็ฉันรักคุณนี่คะ และที่สำคัญฉันเป็นของคุณ...ไคลน์คะ ฉันจะรักผู้ชายคนใหม่ได้ก็ต่อเมื่อฉันตายไปแล้วเท่านั้น”“อีฟ...” เซอร์เรนัล์ฟยิ้มอ่อนหวานก่อนโน้มใบหน้าหล่อเหลาเพื่อประทับจุมพิตอ่อนเบาบนเรียวปากที่ยังมีรอยบวมน้อย ๆ แขนแข็งแรงกระหวัดรั้งเอวบางเข้าหาตัวและเบียดอกกว้างกับอกอิ่มนุ่มของร่างอรชรท่ามกลางสายลมพลิ้วและแสงนวลยามโคมรัตติกาลอยู่ใจกลางฟากฟ้าสีกระจ่างกระทั่งชายหนุ่มค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกและสบตาคู่สวยที่เจ้าของอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขน“กลับบ้านพักกั
“ทำไมทำกันถึงขนาดนี้! เลียม...ไคลน์ไม่ผิดอะไร พวกคุณฆ่าเขา พวกฆาตกร!”“คุณหนูครับ” เลียมกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าและแววตาเยือกเย็น“ต้องขอโทษด้วย นี่เป็นคำสั่งของคุณอาร์โนล ผมต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอย่างเคร่งครัด”“แต่คุณพ่อสั่งให้พวกคุณฆ่าคน...โอ! ไม่...ปล่อยฉัน ฉันจะไปช่วยไคลน์!” อิสลินร้องไห้อย่างสิ้นหวังเมื่อการดิ้นรนไม่สัมฤทธิ์ผล เธอได้แต่มองร่างที่ถูกคลื่นพัดห่างจากชายฝั่งค่อย ๆ หายไปในความมืด หญิงสาวคาดไม่ถึงว่าคืนแห่งรักจะกลับกลายเป็นคืนวิปโยคและเป็นค่ำคืนสุดท้ายที่เธอได้เห็นหน้าเซอร์เรนัล์ฟ “ปล่อยฉัน!...พวกฆาตกร...พวกฆาตกร!”เสียงกรีดร้องนั้นค่อย ๆ ห่างออกไปจากชายหาดเปลี่ยวที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวผ่านมาเมื่อร่างบางออกแรงดิ้นถูกลากกลับไปยังรถลีมูซีนที่จอดรออยู่ไม่ไกล ทิ้งไว้แต่ภาพความทรงจำเศร้าสลดแก่หญิงสาวที่ร่ำร้องด้วยความรวดร้าวแทบขาดใจบทที่ 3 “แกกล้ามาก อีฟ ที่แอบหนีไปอยู่กับไอ้หนุ่มอเมริกันกระจอกนั่นไกลถึงโมนาโก แกช่างไม่รักษาหน้าของพ่อแกบ้างเลย!”เสียงดุดันดังขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์เบอร์กแทรนช์ซึ่งชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่เดินเอามือไพล่หลังไปมาต่อหน้าร่
อาร์โนลหันกลับมามองบุตรสาวดวงตาแดงก่ำ อิสลินก็ถึงกับผงะและยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นเมื่อบิดาจับไหล่บางทั้งสองไว้“ฟังพ่อนะอีฟ...สิ่งที่ลูกกำลังจะได้ยินต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับความอยู่รอดของเบอร์กแทรนช์ ไฟแนลเชี่ยล กรุ๊ป...เรา...กำลังจะล้มละลาย!” เรียวปากเล็กอ้าค้างและดวงตาคู่งามเบิกโพลงทันทีที่ได้ยิน โดลกทั้งโลกราวกับเอียงะเท่เร่ไปอยู่อีกฝั่ง เธออาจล้มพับไปแล้วหากอาร์โนลไม่ยึดไหล่บาง ๆ นั่นก่อนดึงเธอเข้าไปไว้ในอ้อมแขน“คุณพ่อคงล้อหนูเล่น เบอร์กแทรนช์ ไฟแนนเชี่ยลจะล้มละลายได้อย่างไรกันคะ”“เราเป็นบรรษัทเงินทุนที่มีความมั่นคงและถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุด แต่เมื่อสองสามปีมานี้ลูกก็รู้ว่าภาวะเศรษฐกิจของยุโรปถดถอยมากแค่ไหน เราประสปกับปัญหาหนี้เสียมากเกินกว่าจะจัดการได้และมันก็ลุกลามใหญ่โตจนลูกค้าขาดความเชื่อมั่นและขอถอนเงินลงทุนคืน”“ทำไมคุณพ่อไม่ติดต่อให้รัฐบาลช่วยเหลือล่ะคะ?”“เราเป็นหนี้มากเกินกว่าที่เขาจะช่วยเหลือได้ ตอนนี้เราต้องเลย์ ออฟพนักงานและต้องสะสางหนี้หลายร้อยล้านปอนด์ แต่พ่อกำลังจะหาทางออก”“คะ...ทางออกหรือคะ?” อิสลินเกือบลืมเรื่องความเป็นความตายของชายคนรักไป
“อีฟ” ใครคนหนึ่งเดินมาจากเบื้องหลังและแตะไหล่เจ้าของร่างบอบบางในชุดกระโปรงลูกไม้สีดำเบา ๆ“คุณควรจะพักผ่อนบ้างนะ ถึงอย่างไรคุณพ่อก็ไปดีแล้ว” อิสลินหันมาทางเดเรก หนุ่มอเมริกันรูปร่างสูงโปร่งนัยน์ตาสีเขียวมรกตและใบหน้าสะอาดสะอ้านภายใต้เรือนผมสีบลอนด์เงินซึ่งบัดนี้เป็นสามีตามกฎหมายของเธอ เขาอยู่ในชุดสูทสีนิลขณะกำลังมองมาด้วยสายตาห่วงใย“ขอบคุณมากค่ะเดเรก หวังว่าคุณพ่อคงอยู่อย่างเป็นสุขในอ้อมกอดของพระเจ้า ฉันก็อยากกลับไปพักผ่อน แต่ก็อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่ออีกสักพัก”เดเรกเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ประกายแดดจ้าเริ่มยอแสง“นี่ก็เย็นมากแล้วนะอีฟ แต่ถ้าคุณยังไม่อยากกลับผมก็จะอยู่เป็นเพื่อน”“เดเรกคะ ใจจริงฉันไม่อยากรบกวนคุณเลยค่ะ แค่งานที่บริษัทของคุณก็ยุ่งมากพอแล้ว”“ผมบอกคุณหลายหนแล้วไง อีฟ” ชายหนุ่มจับไหล่ทั้งสองนั้นไว้และจ้องลึกลงไปในดวงตางดงามคู่นั้น“ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ”อิสลินยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ทว่าไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกันอีกเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น“ครับ...คุณแอนดรูว์ ว่าไงครับ?...หืม” หญิงสาวมองร่างสูงที่กำลังรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแปลกเปลี่ยน เธอไม่รู
“อีวี่อาจวิ่งเล่นแถวนี้ ผมจะเดินไปดูทางโน้นก็แล้วกัน”ชายหนุ่มยิ้มแกน ๆ ก่อนจะเดินไปอีก้านของสุสานในขณะที่อิสลินเดินตรงไปทางกอดอกไม้เล็ก ๆ ที่อีวี่ชี้ให้ดูเมื่อครู่“อีวี่...ลูกจ๋า” หญิงสาวเดินพลางเรียกด้วยความรู้สึกที่เริ่มเป็นกังวล อีวี่แม้เป็นเด็กผู้หญิงแต่ก็ซุกซนเข้าขั้นจนบางครั้งเธอก็ถึงกับหอบ แต่อิสลินไม่เคยอยู่ห่างจากนางฟ้าของเธอเลยตั้งแต่แม่หนูลืมตาดูโลก นัยน์ตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความรักนิรันดร์ที่จะอยู่กับเธอตลอดไป“อีวี่...ลูกอยู่ไหน?...อีวี่” ร่างบางรู้สึกว่าตัวเองเดินออกมาไกลและก้าวผ่านกอไม้รกเรื้อกระทั่งถึงบริเวณน้ำพุเล็ก ๆ ซึ่งห่างออกมาจากสุสานพอประมาณ“อีวี่!” อิสลินปรี่เข้าไปกอดบุตรสาวที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าใกล้กับน้ำพุเพียงโดดเดี่ยว“อีวี่...แม่บอกหนูแล้วไงจ๊ะว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว แม่ตกใจหมดรู้มั้ย”เสียงเอ็ดเบา ๆ ของหญิงสาวทำเอาหนูน้อยหน้าหงิกตาแดงก่ำ อีวี่ไม่พูดอะไรแต่ค่อย ๆ ยื่นของสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้มารดาถึงกับผงะ“อีวี่...ลูกไปเอาดอกไม้นี่มาจากไหน?” หญิงสาวถามขณะรับดอกกุหลาบสีชมพูหวานจากร่างเล็ก“มีคนชวนหนูมาที่นี่...เขาบอกว่ามีดอกไม้สวย ๆ เยอ
“ข่าวที่ประธานแอร์โรว์ไวรอนต์หย่ากับภรรยาน่ะหรือ?” เดเรกเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ร่างแน่งน้อยเงียบไป เธอเพิ่งไปเซ็นต์ใบหย่ากับเดเรกเมื่อวานนี้และมันก็กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งอีกระลอกถัดจากข่าวความเสียหายที่เกิดกับบริษัท“อีฟ...คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่จู่ ๆ ผมก็ทิ้งคุณไปในช่วงเวลาแบบนี้”เดเรกดึงมือเรียวบางนั้นมาไว้บนตักและบีบมันเบา ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ“มันน่าจะถึงเวลาที่ผมต้องยุติการทำหน้าที่การเป็นประธานแอร์โรว์ไวรอนต์ซึ่งมันเป็นความหวังของพ่อกับแม่เสียที หลังจากท่านทั้งสองเสียชีวิตผมก็คิดมาตลอดว่าอยากถอดหัวโขนนี้ออกไปในสักวัน ที่ผ่านมาผมมอบหน้าที่ให้แอนดรูว์หัวหน้าฝ่ายวิจัยดูแลการผลิตมาตลอด เพราะที่จริงผมไม่ได้อยากสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อมากสักเท่าไหร่ ผมอยากไปอยู่ในที่สงบและใช้ชีวิตในแบบที่ผมเป็น”“แต่ตอนนี้คุณก็กำลังจะได้ไปตามทางที่คุณมุ่งหวัง เราต่างเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอมาไม่ใช่หรือคะ”“อีฟ...หลังจากที่ผมเดินทางไปปารีสแล้ว ผมอยากให้คุณได้รับรู้เจตนารมณ์ของผมอีกอย่าง นั่นคือการขายหุ้นทั้งหมดของแอร์โรว์ไวรอนต์ คอร์ป”“ฉันจะจัดการทุกอย่างได้อย่างไรล่ะคะ ถึงตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทจะเปลี่