“มามี้ขา...มามี้ขา” อีวี่ร้องเรียกขณะวิ่งกลับมาหาแม่ อิสลินที่นั่งใจลอยราวกับภวังค์กระตุกวูบ เธออ้าแขนรับแม่หนูน้อยที่โผเข้าซบอกและจูบเรือนผมสีน้ำตาลทองที่อวลไอด้วยกลิ่นหอมแบบเด็ก ๆ“อะไรจ๊ะลูก...ไม่อยู่คุยกับแด๊ดดี้แล้วหรือจ๊ะ” / “อีวี่อยากนอนค่ะ มามี้”“หืม...” อิสลินเงยหน้ามองท้องฟ้า อาจถึงเวลาที่อีวี่จะนอนแล้วจริง ๆ / “มามี้ร้องเพลงให้อีวี่ฟังหน่อยซีคะ”อีวี่ออดอ้อนและอิสลินก็ไม่คิดปฏิเสธ หญิงสาวจับร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักและโอบกอดด้วยอ้อมแขนอุ่นราวอุ้มเด็กทารก แสงนวลของจันทราสาดส่องลงมากระทบนัยน์ตาสีฟาสดใส สำหรับเธอแล้วอีวี่เป็นของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่งดงามมากกว่าสิ่งใดในโลก เจ้าของร่างแน่งน้อยเริ่มขยับเรียวปากขับลำนำเสียงเพลงเห่กล่อมคลอเสียงคลื่นและสายลมอ่อนShule, shule, shule-a-roo, Shule-a-rak-shak, shule-a-ba-ba-coo. When I saw my sally babby beal, Come bibble in the boo shy lorey. บทเพลงนุ่มนวลอ่อนหวานถูกขับกล่อมเบา ๆ อยู่เช่นนั้นกระทั่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด“อีวี่จ๊ะ...อีวี่จ๋า” อิสลินหยุดร้องและก้มลงมองนางฟ้าในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม“อะไรกัน...หลับไปเสียแล้ว” อิสลิน
“ถึงหรือยังคะ ไคลน์...อย่าทำแบบนี้สิคะ ฉันกลัวความมืด” เสียงหวานของร่างบอบบางที่ดวงตาถูกปิดไว้ด้วยผ้าลอดออกมาจากเรียวปากสีชมพูหวานที่สั่นระริกด้วยความตื่นเต้นระคนหวั่นกลัว มือเรียวถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือหนาใหญ่ที่ประคองร่างเล็กอย่างทะนุถนอมก่อนจะรู้สึกว่าไหล่ถูกตรึงให้หยุดก้าวเดิน อิสลินค่อย ๆ ลืมตาคู่สวยเมื่อผ้าไหมผืนบางที่ปิดไว้ถูกดึงออก หญิงสาวตะลึงพรึงเพริดเมื่อภาพเบื้องหน้าเป็นเตียงกว้างโรยกลีบกุหลาบในห้องพักหรูของบ้านริมชายหาดมอนติคาร์โล“โอ!...ไคลน์ คุณทำอะไรคะ...มันช่าง...สวยเหลือเกินค่ะ” ร่างอรชรหันไปทางร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองที่นัยน์ตาสีฟ้าเข้มบนใบหน้าคมคายส่องประกายระยิบระยับยามจับจ้องมายังดวงหน้างามของอิสลิน เบอร์กแทรนช์ เธอเป็นลูกครึ่งไทยเชื้อสายอังกฤษ ลูกสาวคนสวยของนักธุรกิจชื่อดัง อาร์โนล เบอร์กแทรนช์“คุณชอบมันไม่ใช่หรือ อีฟ...ปรินเซส เดอ โมนาโก กุหลาบที่สวยที่สุดในโลก” เซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์ หนุ่มอเมริกันวัยยี่สิบแปดเจ้าของความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรและผู้เป็นเจ้าของหัวใจหญิงสาวที่ชอบเรียกเขาด้วยชื่อนามสกุลกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะไล้ปลายนิ้วไปบนเรือนผมสีวอลนัทเงางามยาวเคลียไห
“ไคลน์คะ” เธอส่ายหน้าไปมาทั้งแววตาไม่ประสาฉายความไม่แน่ใจ “ฉันไม่เคยค่ะ”“กอดผม...ที่รัก...ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คุณคิด” อิสลินทำตามที่เขาบอก เธอเคยเห็นเซอร์เรนัล์ฟในเวลาที่เขาเป็นหนุ่มแสนดี เยือกเย็นและเป็นสุภาพบุรุษ เวลานี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นแต่เขากำลังปลุกความร้อนในกายเธอให้เริ่มเผาไหม้รุนแรงขึ้นทุกขณะด้วยปลายลิ้นอุ่นที่ลากไล้ไปบนผิวเรียบเนียนบนคอและไหล่ หญิงสาวบอกตัวเองว่าไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้มาก่อน วูบวาบในช่องท้องและปั่นป่วนไปหมดแทบทนไม่ไหว เธออยากให้เขาแค่จูบ เคลียแก้มของเธอด้วยคางสากระคาย ทว่าน่าแปลกที่ร่างกายนุ่มนิ่มกลับปรารถนาการรุกเร้าจากกายแข็งแกร่ง“อีฟ...ผมอยากกอดคุณแบบนี้มานานแล้ว” / “ไคลน์” ผิวแก้มเปล่งปลั่งเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเมื่อชุดเกาะอกผ้าชีฟองถูกรั้งไปกองไว้ที่ปลายเท้า เซอร์เรนัล์ฟทำอย่างที่พูด เขากอดร่างนุ่มเกือบเปลือยเปล่าซึ่งมีเพียงแพนตี้ตัวน้อยปกปิดไว้เท่านั้น“ผมเป็นคนแรกหรือเปล่าที่กอดคุณไว้แบบนี้” ชายหนุ่มตั้งคำถามขณะจ้องมองดวงหน้าแสนสวยของสาวลูกครึ่งไทยเชื้อสายอังกฤษใต้กรอบเรือนผมแผ่สยายบนผ้าปูสีงาช้าง ตาคู่งามช่างน่าหลงใหล เรียวปากเล็กนั้นแสนเย้
“คุณคงไม่รู้หรอกที่รัก ว่าผมตื่นเต้นมากแค่ไหนที่จะสอนบทเรียนต่อไปให้คุณ” เซอร์เรนัล์ฟคงรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ เมื่อมือใหญ่เลื่อนมากอบกุมเนินเนื้ออวบนุ่มทั้งสองข้างไว้ด้วยอาการสั่นเล็ก ๆ หญิงสาวอยากบอกว่ามันเป็นบทเรียนอันน่าอัศจรรย์เมื่อเขาเริ่มเชยชมความงามนั้นด้วยการเสียดถูคางระคายไปมาก่อนครอบครองปลายสุดของโนมเนื้อเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนอมชมพูด้วยเรียวปากและปลายลิ้นสลับกันทั้งขบเม้มและดูดดุนจนร่างอรชรอ่อนเปลี้ยไปหมด“ไคลน์...พอเถอะค่ะ...พอเถอะ” ปากเล็กนั้นเว้าวอนอยากให้เขาหยุดแต่มือทั้งสองกลับขยุ้มเรือนผมสีน้ำตาลและแอ่นกายเข้าหา อิสลินรับรู้ถึงความรู้สึกแปลกใหม่ทั้งกำซาบซ่านและกำลังจะทำให้เธอระเบิดออกเป็นเสี่ยง หญิงสาวคล้ายคนหลงละเมออยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ที่ปรนเปรอความสุขทะลักทลายผ่านเรือนกายที่กำลังบดเบียดเสียดสี เสียงครางที่ลอดผ่านเรียวปากจิ้มลิ้มดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวจะแข่งกับเกลียวคลื่นที่ซัดสาดอยู่เบื้องนอก อิสลินเผลอหยิบกลีบกุหลาบที่กระจัดกระจายอยู่ใต้แผ่นหลังไล้บนเรียวปากฉ่ำและลิ้มเลียรสอันหอมหวานล้ำจากกุหลาบแห่งโมนาโก เซอร์เรนัล์ฟยังไม่ยอมละใบหน้าหล่อเหลาจากเต้ากลมอวบอิ่ม เขายังคงเฟ้น
“ไคลน์คะ...ฉัน...” ร่างเล็กทำทีจะผลักไสแต่กลับถูกอ้อมแขนใหญ่กอดเกี่ยวกระหวัดแน่น เซอร์เรนัล์ฟประกบจูบจนกลีบปากนุ่มบวมแดงกระทั่งเขาพาตัวตนลึกเข้าไปเรื่อย ๆ และชายหนุ่มก็ได้ค้นพบสิ่งที่เขารอคอย ค้นพบว่าเขาคือผู้ชายคนแรกของอิสลิน“อีฟ...คุณเป็นของผมแล้วนะ คุณเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น” ร่างแน่งน้อยจิกปลายเล็บลงบนหัวไหล่ของร่างสูงจนเป็นรอยลึกเมื่อความเจ็บปวดที่แกนกายเพิ่มมากทวีคูณ ทว่าอิสลินก็ค้นพบว่าในเปลวเพลิงพิศวาสที่เผาไหม้กลับมีความอบอุ่นสว่างไสวอยู่ตรงใจกลางนั้น หญิงสาวเริ่มคลายความอึดอัดเมื่อการหลอมรวมสนิทแน่นและสิ่งที่ดีที่สุดในห้วงเวลานี้คือกอดเขาไว้เพื่อซึมซับเอาลมหายใจร้อนก่อนกระซิบตอบกลับไปแผ่วเบา“ไคลน์คะ...ฉันรักคุณนะคะ ฉันเป็นของคุณแล้ว อย่าทิ้งฉันไปไหนนะคะ” เสียงนั้นสั่นพร่าพร้อมกับหยาดน้ำซึมที่หางตาเมื่อชายหนุ่มกระชับอ้อมกอด ราตรีนั้นเงียบสงัดยินเพียงเสียงคลื่นขับกล่อมเป็นลำนำแสนหวาน อิสลินรู้สึกสุขใจมากกว่าสิ่งใดเมื่อได้มอบสิ่งที่หวงแหนไว้แก่ชายที่รัก และเซอร์เรนัล์ฟก็รู้สึกเช่นเดียวกันคือเขาได้ครอบครองสิ่งมีค่าและจะถนอมไว้ชั่วชีวิต“ผมจะทิ้งคุณไปได้อย่างไร...อีฟ” ชายห
“เรื่องนั้นฉันไม่กังวลหรอกค่ะ แต่สิ่งที่ฉันเป็นกังวลคือเมื่อไหร่ฉันกับคุณจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก”“แต่การหนีไปด้วยกันคงไม่ใช่คำตอบ” ร่างสูงหยุดลงและหมุนร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันมาสบตาเขา เซอร์เรนัล์ฟเกลี่ยปอยผมที่ลมพัดจนตกลงมาปรกผิวแก้มใสราวกำลังสัมผัสตุ๊กตาแสนสวยด้วยความรัก“อีฟ คุณอาจต้องรออีกหน่อย ผมจะสร้างตัวให้พ่อของคุณยอมรับในสักวัน” / “ฉันไม่เคยไปไหนนะคะ ไคลน์”อิสลินโอบผิวแก้มที่มีขนเคราบาง ๆ ไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสอง ความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นต์ทำให้ร่างอรชรเล็กไปถนัดใจเมื่อยืนเทียบกับคนตัวโต“ต่อให้ฉันต้องรอคุณไปอีกกี่ปีฉันก็จะรอ ก็ฉันรักคุณนี่คะ และที่สำคัญฉันเป็นของคุณ...ไคลน์คะ ฉันจะรักผู้ชายคนใหม่ได้ก็ต่อเมื่อฉันตายไปแล้วเท่านั้น”“อีฟ...” เซอร์เรนัล์ฟยิ้มอ่อนหวานก่อนโน้มใบหน้าหล่อเหลาเพื่อประทับจุมพิตอ่อนเบาบนเรียวปากที่ยังมีรอยบวมน้อย ๆ แขนแข็งแรงกระหวัดรั้งเอวบางเข้าหาตัวและเบียดอกกว้างกับอกอิ่มนุ่มของร่างอรชรท่ามกลางสายลมพลิ้วและแสงนวลยามโคมรัตติกาลอยู่ใจกลางฟากฟ้าสีกระจ่างกระทั่งชายหนุ่มค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกและสบตาคู่สวยที่เจ้าของอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขน“กลับบ้านพักกั
“ทำไมทำกันถึงขนาดนี้! เลียม...ไคลน์ไม่ผิดอะไร พวกคุณฆ่าเขา พวกฆาตกร!”“คุณหนูครับ” เลียมกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าและแววตาเยือกเย็น“ต้องขอโทษด้วย นี่เป็นคำสั่งของคุณอาร์โนล ผมต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอย่างเคร่งครัด”“แต่คุณพ่อสั่งให้พวกคุณฆ่าคน...โอ! ไม่...ปล่อยฉัน ฉันจะไปช่วยไคลน์!” อิสลินร้องไห้อย่างสิ้นหวังเมื่อการดิ้นรนไม่สัมฤทธิ์ผล เธอได้แต่มองร่างที่ถูกคลื่นพัดห่างจากชายฝั่งค่อย ๆ หายไปในความมืด หญิงสาวคาดไม่ถึงว่าคืนแห่งรักจะกลับกลายเป็นคืนวิปโยคและเป็นค่ำคืนสุดท้ายที่เธอได้เห็นหน้าเซอร์เรนัล์ฟ “ปล่อยฉัน!...พวกฆาตกร...พวกฆาตกร!”เสียงกรีดร้องนั้นค่อย ๆ ห่างออกไปจากชายหาดเปลี่ยวที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวผ่านมาเมื่อร่างบางออกแรงดิ้นถูกลากกลับไปยังรถลีมูซีนที่จอดรออยู่ไม่ไกล ทิ้งไว้แต่ภาพความทรงจำเศร้าสลดแก่หญิงสาวที่ร่ำร้องด้วยความรวดร้าวแทบขาดใจบทที่ 3 “แกกล้ามาก อีฟ ที่แอบหนีไปอยู่กับไอ้หนุ่มอเมริกันกระจอกนั่นไกลถึงโมนาโก แกช่างไม่รักษาหน้าของพ่อแกบ้างเลย!”เสียงดุดันดังขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์เบอร์กแทรนช์ซึ่งชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่เดินเอามือไพล่หลังไปมาต่อหน้าร่
อาร์โนลหันกลับมามองบุตรสาวดวงตาแดงก่ำ อิสลินก็ถึงกับผงะและยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นเมื่อบิดาจับไหล่บางทั้งสองไว้“ฟังพ่อนะอีฟ...สิ่งที่ลูกกำลังจะได้ยินต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับความอยู่รอดของเบอร์กแทรนช์ ไฟแนลเชี่ยล กรุ๊ป...เรา...กำลังจะล้มละลาย!” เรียวปากเล็กอ้าค้างและดวงตาคู่งามเบิกโพลงทันทีที่ได้ยิน โดลกทั้งโลกราวกับเอียงะเท่เร่ไปอยู่อีกฝั่ง เธออาจล้มพับไปแล้วหากอาร์โนลไม่ยึดไหล่บาง ๆ นั่นก่อนดึงเธอเข้าไปไว้ในอ้อมแขน“คุณพ่อคงล้อหนูเล่น เบอร์กแทรนช์ ไฟแนนเชี่ยลจะล้มละลายได้อย่างไรกันคะ”“เราเป็นบรรษัทเงินทุนที่มีความมั่นคงและถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุด แต่เมื่อสองสามปีมานี้ลูกก็รู้ว่าภาวะเศรษฐกิจของยุโรปถดถอยมากแค่ไหน เราประสปกับปัญหาหนี้เสียมากเกินกว่าจะจัดการได้และมันก็ลุกลามใหญ่โตจนลูกค้าขาดความเชื่อมั่นและขอถอนเงินลงทุนคืน”“ทำไมคุณพ่อไม่ติดต่อให้รัฐบาลช่วยเหลือล่ะคะ?”“เราเป็นหนี้มากเกินกว่าที่เขาจะช่วยเหลือได้ ตอนนี้เราต้องเลย์ ออฟพนักงานและต้องสะสางหนี้หลายร้อยล้านปอนด์ แต่พ่อกำลังจะหาทางออก”“คะ...ทางออกหรือคะ?” อิสลินเกือบลืมเรื่องความเป็นความตายของชายคนรักไป