“เรื่องนั้นฉันไม่กังวลหรอกค่ะ แต่สิ่งที่ฉันเป็นกังวลคือเมื่อไหร่ฉันกับคุณจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก”
“แต่การหนีไปด้วยกันคงไม่ใช่คำตอบ” ร่างสูงหยุดลงและหมุนร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันมาสบตาเขา เซอร์เรนัล์ฟเกลี่ยปอยผมที่ลมพัดจนตกลงมาปรกผิวแก้มใสราวกำลังสัมผัสตุ๊กตาแสนสวยด้วยความรัก
“อีฟ คุณอาจต้องรออีกหน่อย ผมจะสร้างตัวให้พ่อของคุณยอมรับในสักวัน” / “ฉันไม่เคยไปไหนนะคะ ไคลน์”
อิสลินโอบผิวแก้มที่มีขนเคราบาง ๆ ไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสอง ความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นต์ทำให้ร่างอรชรเล็กไปถนัดใจเมื่อยืนเทียบกับคนตัวโต
“ต่อให้ฉันต้องรอคุณไปอีกกี่ปีฉันก็จะรอ ก็ฉันรักคุณนี่คะ และที่สำคัญฉันเป็นของคุณ...ไคลน์คะ ฉันจะรักผู้ชายคนใหม่ได้ก็ต่อเมื่อฉันตายไปแล้วเท่านั้น”
“อีฟ...” เซอร์เรนัล์ฟยิ้มอ่อนหวานก่อนโน้มใบหน้าหล่อเหลาเพื่อประทับจุมพิตอ่อนเบาบนเรียวปากที่ยังมีรอยบวมน้อย ๆ แขนแข็งแรงกระหวัดรั้งเอวบางเข้าหาตัวและเบียดอกกว้างกับอกอิ่มนุ่มของร่างอรชรท่ามกลางสายลมพลิ้วและแสงนวลยามโคมรัตติกาลอยู่ใจกลางฟากฟ้าสีกระจ่างกระทั่งชายหนุ่มค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกและสบตาคู่สวยที่เจ้าของอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขน
“กลับบ้านพักกันเถอะ เราออกมาไกลมากแล้ว” ร่างสูงใหญ่กระซิบชิดริมฝีปากอุ่นและได้รับคำตอบจากหญิงสาวเป็นการพยักหน้ารับ แต่ก่อนที่ทั้งสองจะบ่ายหน้ากลับที่พักก็มีอันต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นผู้ชายในชุดสูทสีดำสี่คนเดินตรงมาจากบนชายหาด
“เลียม!” อิสลินออกอาการตระหนกและกอดเซอร์เรนัล์ฟที่ก็ตกใจไม่แพ้กันไว้แน่น หญิงสาวไม่นึกว่าบอดี้การ์ดของบิดาจะตามมาถึงที่นี่
“คุณหนูครับ คุณอาร์โนลให้มารับคุณหนูกลับบ้านครับ” หนึ่งในนั้นซึ่งเป็นชายร่างสูงใหญ่ก้าวออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแกมบังคับ แต่อิสลินส่ายหน้าไปมาขณะรัดแขนรอบเอวเซอร์เรนัล์ฟไม่ยอมปล่อย
“ไม่!...คนที่ต้องกลับไปคือพวกคุณนั่นแหละ...เลียม...ฉันจะอยู่ที่นี่ และจะอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ฉันอยากจะอยู่”
“ผมเกรงว่าจะปล่อยคุณหนูไว้ที่นี่ไม่ได้ครับ เพราะนี่เป็นคำสั่งของคุณอาร์โนลให้พาคุณหนูกลับบ้านตอนนี้”
“ไม่!” / “อีฟ!” เซอร์เรนัล์ฟพยายามกอดร่างบางที่ถูกชายอีกคนเข้ามารั้งตัวออกไปแต่เขาเพียงคนเดียวสู้แรงของชายตัวใหญ่อีกสองคนที่ล็อคแขนทั้งสองข้างไว้ไม่ได้ ชายหนุ่มฝืนกำลังสุดแรงเมื่อเห็นอิสลินที่ร่ำร้องไห้ถูกลากไปอยู่หลังหัวหน้าบอดี้การ์ดที่ยืนมองด้วยสายตาเยียบเย็น
“ปล่อยเธอ! ปล่อยอีฟ!” / “ไคลน์!”
หญิงสาวร้องไห้และพยายามดิ้รนแต่ก็ไม่พ้นชายร่างยักษ์ที่ดึงข้อมือและกักร่างของเธอไว้แน่น
“ฉันจะกลับไปพร้อมคุณ...เลียม! แต่อย่าทำอะไรเขา อย่าทำอะไรเขา ได้โปรด!” อิสลินร้องบอกบอดี้การ์ดเพื่อขอต่อรองเมื่อเห็นว่าทุกอย่างกำลังจะเลวร้ายมากกว่าเก่า เธอไม่นึกห่วงตัวเองสักนิดแต่คนที่เธอห่วงใยมากที่สุดคือชายหนุ่มที่ถูกล็อคแขนเอามือไพล่หลังเหมือนเชลย เลียมหันกลับมายังร่างเล็กด้วยสีหน้าและแววตาราวกับหุ่นยนต์
“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ คุณหนู...นอกจากคุณอาร์โนลจะสั่งให้ผมพาคุณหนูกลับบ้าน ยังมีอีกอย่างที่ต้องทำ”
“อะไร...เลียม...คุณจะทำอะไร...ไม่!” หญิงสาวกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อคนที่เธอพูดด้วยหันกลับไปและเริ่มประเคนหมัดลงตรงช่องท้องของเซอร์เรนัล์ฟจนตัวคู้ ไม่มีเสียงร้องจากชายหนุ่มนอกจากใบหน้าบิดเบี้ยวและแววตาที่ยังมีร่องรอยของความห่วงหามองมาที่หญิงคนรัก
“อย่าทำอะไรเขา!...ไคลน์...ไม่!...ไม่!” อิสลินได้แต่ตะโกนเสียงแหบแห้งเมื่อเลียมพุ่งหมัดลงไปบนใบหน้าของคนหมดทางตอบโต้อีกหลายครั้ง หญิงสาวหัวใจแทบขาดออกจากกันเมื่อเห็นเซอร์เรนัล์ฟถูกทั้งหมัดและเข่าจากบอดี้การ์ดของบิดาจนอ่อนยวบ
“ไคลน์!” เจ้าของเสียงร้องดังได้ก็แค่ต้องมองภาพของชายที่รักถูกทำร้ายโดยเธอไม่อาจช่วยเหลืออะไรเขาได้เลย ร่างสูงต้องบอบช้ำอย่างหนัก เบ้าตาและโหนกแก้มแตกเป็นแผลยับจนเลือดอาบใบหน้า ริมฝีปากถูกหมัดพุ่งใส่จนโลหิตกบและหยดลงบนเสื้อจนแดงไปหมด เซอร์เรนัล์ฟหอบหายใจแผ่วขณะร่างกายนั้นอ่อนเปลี้ย เขาหมดแรงลงทีละน้อยจนทรุดลงบนฟองคลื่น
“อีฟ” ชายหนุ่มขานชื่อหญิงสาวเสียงแห้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะคว่ำหน้าลงในน้ำ ดวงตาคู่งามเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าพวกบอดี้การ์ดหิ้วปีกร่างไร้สติออกไปในทะเลก่อนจะโยนเซอร์เรนัล์ฟให้ลอยไปตามแรงคลื่น
“ทำไมทำกันถึงขนาดนี้! เลียม...ไคลน์ไม่ผิดอะไร พวกคุณฆ่าเขา พวกฆาตกร!”“คุณหนูครับ” เลียมกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าและแววตาเยือกเย็น“ต้องขอโทษด้วย นี่เป็นคำสั่งของคุณอาร์โนล ผมต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอย่างเคร่งครัด”“แต่คุณพ่อสั่งให้พวกคุณฆ่าคน...โอ! ไม่...ปล่อยฉัน ฉันจะไปช่วยไคลน์!” อิสลินร้องไห้อย่างสิ้นหวังเมื่อการดิ้นรนไม่สัมฤทธิ์ผล เธอได้แต่มองร่างที่ถูกคลื่นพัดห่างจากชายฝั่งค่อย ๆ หายไปในความมืด หญิงสาวคาดไม่ถึงว่าคืนแห่งรักจะกลับกลายเป็นคืนวิปโยคและเป็นค่ำคืนสุดท้ายที่เธอได้เห็นหน้าเซอร์เรนัล์ฟ “ปล่อยฉัน!...พวกฆาตกร...พวกฆาตกร!”เสียงกรีดร้องนั้นค่อย ๆ ห่างออกไปจากชายหาดเปลี่ยวที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวผ่านมาเมื่อร่างบางออกแรงดิ้นถูกลากกลับไปยังรถลีมูซีนที่จอดรออยู่ไม่ไกล ทิ้งไว้แต่ภาพความทรงจำเศร้าสลดแก่หญิงสาวที่ร่ำร้องด้วยความรวดร้าวแทบขาดใจบทที่ 3 “แกกล้ามาก อีฟ ที่แอบหนีไปอยู่กับไอ้หนุ่มอเมริกันกระจอกนั่นไกลถึงโมนาโก แกช่างไม่รักษาหน้าของพ่อแกบ้างเลย!”เสียงดุดันดังขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์เบอร์กแทรนช์ซึ่งชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่เดินเอามือไพล่หลังไปมาต่อหน้าร่
อาร์โนลหันกลับมามองบุตรสาวดวงตาแดงก่ำ อิสลินก็ถึงกับผงะและยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นเมื่อบิดาจับไหล่บางทั้งสองไว้“ฟังพ่อนะอีฟ...สิ่งที่ลูกกำลังจะได้ยินต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับความอยู่รอดของเบอร์กแทรนช์ ไฟแนลเชี่ยล กรุ๊ป...เรา...กำลังจะล้มละลาย!” เรียวปากเล็กอ้าค้างและดวงตาคู่งามเบิกโพลงทันทีที่ได้ยิน โดลกทั้งโลกราวกับเอียงะเท่เร่ไปอยู่อีกฝั่ง เธออาจล้มพับไปแล้วหากอาร์โนลไม่ยึดไหล่บาง ๆ นั่นก่อนดึงเธอเข้าไปไว้ในอ้อมแขน“คุณพ่อคงล้อหนูเล่น เบอร์กแทรนช์ ไฟแนนเชี่ยลจะล้มละลายได้อย่างไรกันคะ”“เราเป็นบรรษัทเงินทุนที่มีความมั่นคงและถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุด แต่เมื่อสองสามปีมานี้ลูกก็รู้ว่าภาวะเศรษฐกิจของยุโรปถดถอยมากแค่ไหน เราประสปกับปัญหาหนี้เสียมากเกินกว่าจะจัดการได้และมันก็ลุกลามใหญ่โตจนลูกค้าขาดความเชื่อมั่นและขอถอนเงินลงทุนคืน”“ทำไมคุณพ่อไม่ติดต่อให้รัฐบาลช่วยเหลือล่ะคะ?”“เราเป็นหนี้มากเกินกว่าที่เขาจะช่วยเหลือได้ ตอนนี้เราต้องเลย์ ออฟพนักงานและต้องสะสางหนี้หลายร้อยล้านปอนด์ แต่พ่อกำลังจะหาทางออก”“คะ...ทางออกหรือคะ?” อิสลินเกือบลืมเรื่องความเป็นความตายของชายคนรักไป
“อีฟ” ใครคนหนึ่งเดินมาจากเบื้องหลังและแตะไหล่เจ้าของร่างบอบบางในชุดกระโปรงลูกไม้สีดำเบา ๆ“คุณควรจะพักผ่อนบ้างนะ ถึงอย่างไรคุณพ่อก็ไปดีแล้ว” อิสลินหันมาทางเดเรก หนุ่มอเมริกันรูปร่างสูงโปร่งนัยน์ตาสีเขียวมรกตและใบหน้าสะอาดสะอ้านภายใต้เรือนผมสีบลอนด์เงินซึ่งบัดนี้เป็นสามีตามกฎหมายของเธอ เขาอยู่ในชุดสูทสีนิลขณะกำลังมองมาด้วยสายตาห่วงใย“ขอบคุณมากค่ะเดเรก หวังว่าคุณพ่อคงอยู่อย่างเป็นสุขในอ้อมกอดของพระเจ้า ฉันก็อยากกลับไปพักผ่อน แต่ก็อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่ออีกสักพัก”เดเรกเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ประกายแดดจ้าเริ่มยอแสง“นี่ก็เย็นมากแล้วนะอีฟ แต่ถ้าคุณยังไม่อยากกลับผมก็จะอยู่เป็นเพื่อน”“เดเรกคะ ใจจริงฉันไม่อยากรบกวนคุณเลยค่ะ แค่งานที่บริษัทของคุณก็ยุ่งมากพอแล้ว”“ผมบอกคุณหลายหนแล้วไง อีฟ” ชายหนุ่มจับไหล่ทั้งสองนั้นไว้และจ้องลึกลงไปในดวงตางดงามคู่นั้น“ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ”อิสลินยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ทว่าไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกันอีกเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น“ครับ...คุณแอนดรูว์ ว่าไงครับ?...หืม” หญิงสาวมองร่างสูงที่กำลังรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแปลกเปลี่ยน เธอไม่รู
“อีวี่อาจวิ่งเล่นแถวนี้ ผมจะเดินไปดูทางโน้นก็แล้วกัน”ชายหนุ่มยิ้มแกน ๆ ก่อนจะเดินไปอีก้านของสุสานในขณะที่อิสลินเดินตรงไปทางกอดอกไม้เล็ก ๆ ที่อีวี่ชี้ให้ดูเมื่อครู่“อีวี่...ลูกจ๋า” หญิงสาวเดินพลางเรียกด้วยความรู้สึกที่เริ่มเป็นกังวล อีวี่แม้เป็นเด็กผู้หญิงแต่ก็ซุกซนเข้าขั้นจนบางครั้งเธอก็ถึงกับหอบ แต่อิสลินไม่เคยอยู่ห่างจากนางฟ้าของเธอเลยตั้งแต่แม่หนูลืมตาดูโลก นัยน์ตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความรักนิรันดร์ที่จะอยู่กับเธอตลอดไป“อีวี่...ลูกอยู่ไหน?...อีวี่” ร่างบางรู้สึกว่าตัวเองเดินออกมาไกลและก้าวผ่านกอไม้รกเรื้อกระทั่งถึงบริเวณน้ำพุเล็ก ๆ ซึ่งห่างออกมาจากสุสานพอประมาณ“อีวี่!” อิสลินปรี่เข้าไปกอดบุตรสาวที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าใกล้กับน้ำพุเพียงโดดเดี่ยว“อีวี่...แม่บอกหนูแล้วไงจ๊ะว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว แม่ตกใจหมดรู้มั้ย”เสียงเอ็ดเบา ๆ ของหญิงสาวทำเอาหนูน้อยหน้าหงิกตาแดงก่ำ อีวี่ไม่พูดอะไรแต่ค่อย ๆ ยื่นของสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้มารดาถึงกับผงะ“อีวี่...ลูกไปเอาดอกไม้นี่มาจากไหน?” หญิงสาวถามขณะรับดอกกุหลาบสีชมพูหวานจากร่างเล็ก“มีคนชวนหนูมาที่นี่...เขาบอกว่ามีดอกไม้สวย ๆ เยอ
“ข่าวที่ประธานแอร์โรว์ไวรอนต์หย่ากับภรรยาน่ะหรือ?” เดเรกเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ร่างแน่งน้อยเงียบไป เธอเพิ่งไปเซ็นต์ใบหย่ากับเดเรกเมื่อวานนี้และมันก็กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งอีกระลอกถัดจากข่าวความเสียหายที่เกิดกับบริษัท“อีฟ...คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่จู่ ๆ ผมก็ทิ้งคุณไปในช่วงเวลาแบบนี้”เดเรกดึงมือเรียวบางนั้นมาไว้บนตักและบีบมันเบา ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ“มันน่าจะถึงเวลาที่ผมต้องยุติการทำหน้าที่การเป็นประธานแอร์โรว์ไวรอนต์ซึ่งมันเป็นความหวังของพ่อกับแม่เสียที หลังจากท่านทั้งสองเสียชีวิตผมก็คิดมาตลอดว่าอยากถอดหัวโขนนี้ออกไปในสักวัน ที่ผ่านมาผมมอบหน้าที่ให้แอนดรูว์หัวหน้าฝ่ายวิจัยดูแลการผลิตมาตลอด เพราะที่จริงผมไม่ได้อยากสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อมากสักเท่าไหร่ ผมอยากไปอยู่ในที่สงบและใช้ชีวิตในแบบที่ผมเป็น”“แต่ตอนนี้คุณก็กำลังจะได้ไปตามทางที่คุณมุ่งหวัง เราต่างเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอมาไม่ใช่หรือคะ”“อีฟ...หลังจากที่ผมเดินทางไปปารีสแล้ว ผมอยากให้คุณได้รับรู้เจตนารมณ์ของผมอีกอย่าง นั่นคือการขายหุ้นทั้งหมดของแอร์โรว์ไวรอนต์ คอร์ป”“ฉันจะจัดการทุกอย่างได้อย่างไรล่ะคะ ถึงตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทจะเปลี่
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณอีฟ...ผมมีหน้าที่เพียงทำตามความต้องการของคุณเดเรกก็เท่านั้น ถึงไม่มีแอร์โรว์ไวรอนต์แล้วแต่ผมก็จะยังคงสานต่องานด้านวิศวกรรมการบินของบริษัทซึ่งต่อไปก็จะอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของดี ฮันเตอร์ และประธานของบริษัทที่กำลังจะพาคุณไปทำความรู้จักตอนนี้อย่างไรล่ะครับ” แอนดรูว์กล่าวด้วยน้ำเสียงอันสุขุมตามแบบฉบับของคนพูดน้อย เขาเป็นคนคอยจัดการทุกอย่างให้เดเรกรวมทั้งวันนี้ที่พาเธอกับอีวี่ออกจากคฤหาสน์หลังงามชานเมืองเพื่อไปส่งอดีตสามีตามกฎหมายขึ้นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเดินทางไปปารีส หลังจากนั้นจึงพาแม่หนูน้อยไปส่งที่เนอร์สเซอรี่ก่อนจะมาที่นี่เพื่อให้อิสลินได้ทำความรู้จักและมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของบริษัทผลิตยูเอวีซึ่งเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามหรือเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อน“คุณรู้จักเขาหรือเปล่าคะ แอนดรูว์?”“ถ้าบอกไปคุณอีฟอาจต้องประหลาดใจก็ได้ ผมไม่เคยเห็นหน้าประธานของบริษัทนี้มาก่อนเลยครับ ผมเพียงติดต่อผ่านตัวแทนที่ทำให้เราแน่ใจว่าเขามีตัวตนอยู่ในแวดวงนี้จริง ๆ ”“แปลกจังนะคะ เดเรกก็ไม่รู้จักเขา...อืม...เขาคงเป็นพวกนักประดิษฐ์ที่ชอบเก็บตัวและทำให้มีคนอยากรู้เรื่องของเขาเป็นแ
“ไคลน์...มีอะไรที่ฉันยังไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือคะ?”“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงคิดว่าคุณน่ะไร้เดียงสา แต่เวลาก็ทำให้ผมค้นพบว่าไม่ควรไว้ใจคนที่ชอบเสแสร้งว่าตัวเองอ่อนต่อโลก โดยเฉพาะผู้หญิงแพศยาอย่างคุณ!”“ไคลน์! หยุดนะคะ คุณจะว่าฉันมากเกินไปแล้ว!”“มิสซิสเพียซ...อ้อ...ลืมไปว่าคุณน่ะเป็นหม้ายเพราะผัวทิ้งไปตอนกิจการกำลังมีปัญหา เดเรกมันฉลาดเอาตัวรอด เมียของมันก็เลยต้องมารับกรรมที่มันก่อไว้กับคนอื่นหนักหนาสาหัส!”“ปล่อยฉัน!” อิสลินสะบัดไหล่จากมือหนาและผละห่างเพื่อมองหน้าเขาชัด ๆ หญิงสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตาเพราะไม่คิดว่าจะพบเจอซาตานสิงสู่สุภาพบุรุษที่เธอเคยรู้จัก ความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เมื่อครู่จางหายกลับกลายเป็นความระทมทุกข์เหมือนตายทั้งเป็นอีกครั้ง“ขอโทษนะคะ...ฉันคงเข้าใจอะไรผิดไป เพราะคุณไม่ใช่เซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์ที่ฉันเคยรู้จัก”“ผมคือเซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์!” น้ำเสียงกร้าวกว่าเดิมทำให้ร่างบางที่กำลังจะหันหลังกลับหยุดชะงัก หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นลอดออกมาเมื่อรู้สึกถึงมือหนาใหญ่ที่จับไหล่เธอไว้จากด้านหลัง ทว่าคาวนี้เขากดมันไว้แน่นจนความปวดร้าวแล่นลงไปถึงฝ่ามือบางเย็นเฉ
อิสลินพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะของเซอร์เรนัล์ฟ เขาหัวเราะเหมือนคนบ้าและมองเธอด้วยแววตาเยาะหยัน“คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อีฟ...นี่คุณคงคิดว่าอยากจะขายหุ้นพวกนั้นไปให้ใครก็ได้ล่ะสิท่า เดเรกมันไม่เคยบอกคุณหรือว่าบริษัทของมันกำลังจะพินาศ!”“นี่...หยุดหัวเราะนะคะ ไคลน์! คุณพูดเรื่องอะไรกัน ในเมื่อฉันมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้กับหุ้นพวกนี้””ผมไม่เถียงคุณหรอก อีฟ...” ร่างสูงตระหง่านก้าวเข้ามาประชิดตัวเธออีกครั้ง อิสลินต้องแข็งใจทั้งที่ข้างในไหวยวบทุกคราที่เขาเข้ามาอยู่ใกล้“มันอาจเป็นสิ่งมีค่าสำหรับผู้หญิงหน้าเงินอย่างคุณ แต่คุณจะขายมันให้ใครไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”“ฉันจะขายมัน แต่ขายให้ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ ฉันจะไม่มีวันขายหุ้นของแอร์โรไวรอนต์ให้กับดี ฮันเตอร์...โอ๊ย!”หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อเซอร์เรนัล์ฟดึงข้อมือของเธอไว้และบิดอย่างไม่คิดปราณี“ฟังผม! เมื่อไหร่ที่คุณขายหุ้นให้คนอื่นก็เตรียมตัวถูกฟ้องข้อหาบริษัทลักลอบส่งยูเอวีให้พวกนายหน้าค้าอาวุธสงครามได้เลย!”“คุณบังคับฉันไม่ได้หรอกค่ะ! ฉันขอยืนยันว่าจะไม่ขายมันให้คุณ”“สายเกินไปกระมัง อีฟ...หุ้นที่คุณเคยครอบครองมันตอนนี้ต