อาร์โนลหันกลับมามองบุตรสาวดวงตาแดงก่ำ อิสลินก็ถึงกับผงะและยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นเมื่อบิดาจับไหล่บางทั้งสองไว้
“ฟังพ่อนะอีฟ...สิ่งที่ลูกกำลังจะได้ยินต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับความอยู่รอดของเบอร์กแทรนช์ ไฟแนลเชี่ยล กรุ๊ป...เรา...กำลังจะล้มละลาย!” เรียวปากเล็กอ้าค้างและดวงตาคู่งามเบิกโพลงทันทีที่ได้ยิน โดลกทั้งโลกราวกับเอียงะเท่เร่ไปอยู่อีกฝั่ง เธออาจล้มพับไปแล้วหากอาร์โนลไม่ยึดไหล่บาง ๆ นั่นก่อนดึงเธอเข้าไปไว้ในอ้อมแขน
“คุณพ่อคงล้อหนูเล่น เบอร์กแทรนช์ ไฟแนนเชี่ยลจะล้มละลายได้อย่างไรกันคะ”
“เราเป็นบรรษัทเงินทุนที่มีความมั่นคงและถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุด แต่เมื่อสองสามปีมานี้ลูกก็รู้ว่าภาวะเศรษฐกิจของยุโรปถดถอยมากแค่ไหน เราประสปกับปัญหาหนี้เสียมากเกินกว่าจะจัดการได้และมันก็ลุกลามใหญ่โตจนลูกค้าขาดความเชื่อมั่นและขอถอนเงินลงทุนคืน”
“ทำไมคุณพ่อไม่ติดต่อให้รัฐบาลช่วยเหลือล่ะคะ?”
“เราเป็นหนี้มากเกินกว่าที่เขาจะช่วยเหลือได้ ตอนนี้เราต้องเลย์ ออฟพนักงานและต้องสะสางหนี้หลายร้อยล้านปอนด์ แต่พ่อกำลังจะหาทางออก”
“คะ...ทางออกหรือคะ?” อิสลินเกือบลืมเรื่องความเป็นความตายของชายคนรักไปชั่วขณะ นัยน์ตาทั้งคู่สะท้อนแต่ภาพของบิดาที่จับจ้องดวงหน้าของเธออย่างมีความหวัง
“ลูกคงจำเดวิด เพียซ เจ้าของ แอร์โรไวรอนต์ คอร์ป ได้” หญิงสาวไม่ตอบว่ากระไร เธอได้แต่มองบิดาที่พูดต่อไปด้วยแววตาสดใสกว่าเมื่อครู่
“แอร์โรว์ไวรอนต์ คอร์ป เป็นบริษัทผลิตอากาศยานไร้คนขับของอเมริกา ตอนนี้ผู้บริหารสูงสุดคือเดเรก เพียซ ลูกชายคนเดียวของเดวิด...เดเรกเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เขาถือหุ้นใหญ่อยู่ในแอร์โรว์ไวรอนต์และกำลังจะได้เป็นคู่สัญญากับกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ที่สำคัญเขาเคยพบกับลูกแล้ว” ร่างบางค่อย ๆ ถอยห่างจากบิดา
“แล้วยังไงคะ?” / “เขาจะขอลูกแต่งงาน และพ่อ...ก็รับปากไปแล้ว”
“คุณพ่อ!” อิสลินอุทานพร้อมทั้งร้องไห้ เธอเพิ่งจะสูญเสียคนรักไปกลับต้องมาฟังข่าวร้ายซ้ำสอง ทำไมเธอจะจำเดเรก เพียซ ไม่ได้ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ลูกชายเพื่อนนักธุรกิจของบิดาทว่าหนุ่มหน้าใสดูสะอาดสะอ้านคนนั้นไม่เคยอยู่ในใจเธอเลย
“ไม่ค่ะ!...หนูไม่แต่ง...ไม่” / “ถ้าลูกปฏิเสธ เบอร์กแทรนช์ กรุ๊ปต้องล้ม และพ่อ...”
อาร์โนลเข้าไปรั้งร่างแน่งน้อยที่กำลังจะถอยหนี เขาดึงเธอมากอดเอาไว้แน่นยิ่งกว่าครั้งแรก
“ก็คงจะอยู่กับลูกได้อีกไม่นาน โอ!...พระเจ้า พ่อเพิ่งไปโรงพยาบาลมาเมื่อวานนี้และหมอวินิจฉัยว่าพ่อเป็นมะเร็งกระดูกชนิดร้ายแรง ถ้าลูกไม่เชื่อพ่อจะให้นายแพทย์ที่รักษามายืนยันด้วยตัวเอง” หญิงสาวถึงกับหมดแรงลงกะทันหัน แขนเรียวลู่ลงข้างลำตัวและนิ่งงันในอ้อมกอดที่พยายามเหนี่ยวรั้งเธอไว้ อาร์โนลถอนใจในความเงียบที่โอบล้อมด้วยปัญหาหนักอึ้ง
“อาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่พ่อก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ตอนนี้ไม่เฉพาะต้องแบกรับภาระหนี้สินมหาศาลแต่ยังมีข่าวร้ายเรื่องอาการป่วยที่พ่อไม่เคยบอกให้ใครได้รู้เลย บริษัทกำลังจะล้มแต่เดเรกเต็มใจจะช่วย เขาต้องการแต่งงานกับลูกและพ่อก็คิดว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด...แอร์โรว์ไวรอนต์กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูงในสหรัฐ เดเรกเต็มใจจะช่วยพยุงเราไว้และลูกคงเข้าใจและคงไม่เป็นไรใช่มั้ย ถ้าจะช่วยพ่อ...สักครั้ง” อาร์โนลไม่ได้เห็นหยาดน้ำตาที่อาบลงบนใบหน้าของหญิงสาว และไม่มีวันได้ยินว่าจังหวะของหัวใจดวงนั้นเต้นด้วยความปวดร้าวเพียงไหน อิสลินเก็บเสียงสะอื้นไว้ข้างในก่อนยอมจำนนต่อโชคชะตาที่กำลังตกตะกอนใต้ชั้นความฝันขาดวิ่น
“ค่ะ...คุณพ่อ หนูจะแต่งงานกับเดเรก ตามความต้องการของคุณพ่อค่ะ”
“ดังนั้นพวกเราจึงมอบร่างของเขาสู่พื้นดิน,จากดินสู่ดิน, จากเถ้าสู่เถ้า, จากธุลีสู่ธุลี, ในความแน่แท้และความหวังอันไว้วางใจได้ของการคืนชีพสู่ชีวิตอันชั่วนิรันดร์"
เสียงของบาทหลวงกล่าวบทสวดจากพระคัมภีร์ดังขึ้นขณะหีบไม้สีน้ำตาลแดงเคลือบเงาขนาดใหญ่ค่อย ๆ ถูกหย่อนลงไปในหลุมลึกประมาณหกฟุตภายในพื้นที่อันเงียบสงบท่ามกลางบุคคลในชุดดำในบริเวณสุสานเมืองนอร์ทแธมตันไชร์ ประเทศอังกฤษ ดวงตาคู่งามทว่าหม่นหมองมองลอดผ้าคลุมลูกไม้สีดำตลอดพิธีกรรมอันน่าเศร้าจวบจนพีธีการทุกอย่างเสร็จสิ้น อิสลินยังคงยืนอยู่ต่อหน้าหลุมฝังศพที่กำลังได้รับการฝังกลบของบิดาหลังการต้อนรับและรับฟังคำแสดงความเสียใจจากเพื่อนฝูงนักธุรกิจที่มาร่วมไว้อาลัยซึ่งค่อย ๆ ทยอยกลับไปจนเกือบหมด หลังจากวันนั้นที่เธอต้องสูญเสียคนรักไปตลอดกาลและเข้าพิธีแต่งงานกับผู้ชายอีกคน หญิงสาวกลับต้องอยู่เฝ้าคอยเป็นกำลังใจให้อาร์โนลต่อสู้กับมะเร็งร้ายเป็นระยะเวลานานถึงห้าปี นักธุรกิจวัยกลางคนชื่อดังเจ้าของเบอร์กแทรนช์ ไฟแนลเชียล จากไปด้วยอาการสงบท่ามกลางความเศร้าเสียใจของหมู่ญาติและมิตรสหายซึ่งหนึ่งในนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นบุตรสาวคนเดียวที่ต้องเฝ้าดูเขาทุกข์ทรมานกระทั่งมัจจุราชร้ายคร่าชีวิตบิดาไป
“อีฟ” ใครคนหนึ่งเดินมาจากเบื้องหลังและแตะไหล่เจ้าของร่างบอบบางในชุดกระโปรงลูกไม้สีดำเบา ๆ“คุณควรจะพักผ่อนบ้างนะ ถึงอย่างไรคุณพ่อก็ไปดีแล้ว” อิสลินหันมาทางเดเรก หนุ่มอเมริกันรูปร่างสูงโปร่งนัยน์ตาสีเขียวมรกตและใบหน้าสะอาดสะอ้านภายใต้เรือนผมสีบลอนด์เงินซึ่งบัดนี้เป็นสามีตามกฎหมายของเธอ เขาอยู่ในชุดสูทสีนิลขณะกำลังมองมาด้วยสายตาห่วงใย“ขอบคุณมากค่ะเดเรก หวังว่าคุณพ่อคงอยู่อย่างเป็นสุขในอ้อมกอดของพระเจ้า ฉันก็อยากกลับไปพักผ่อน แต่ก็อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่ออีกสักพัก”เดเรกเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ประกายแดดจ้าเริ่มยอแสง“นี่ก็เย็นมากแล้วนะอีฟ แต่ถ้าคุณยังไม่อยากกลับผมก็จะอยู่เป็นเพื่อน”“เดเรกคะ ใจจริงฉันไม่อยากรบกวนคุณเลยค่ะ แค่งานที่บริษัทของคุณก็ยุ่งมากพอแล้ว”“ผมบอกคุณหลายหนแล้วไง อีฟ” ชายหนุ่มจับไหล่ทั้งสองนั้นไว้และจ้องลึกลงไปในดวงตางดงามคู่นั้น“ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ”อิสลินยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ทว่าไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกันอีกเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น“ครับ...คุณแอนดรูว์ ว่าไงครับ?...หืม” หญิงสาวมองร่างสูงที่กำลังรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแปลกเปลี่ยน เธอไม่รู
“อีวี่อาจวิ่งเล่นแถวนี้ ผมจะเดินไปดูทางโน้นก็แล้วกัน”ชายหนุ่มยิ้มแกน ๆ ก่อนจะเดินไปอีก้านของสุสานในขณะที่อิสลินเดินตรงไปทางกอดอกไม้เล็ก ๆ ที่อีวี่ชี้ให้ดูเมื่อครู่“อีวี่...ลูกจ๋า” หญิงสาวเดินพลางเรียกด้วยความรู้สึกที่เริ่มเป็นกังวล อีวี่แม้เป็นเด็กผู้หญิงแต่ก็ซุกซนเข้าขั้นจนบางครั้งเธอก็ถึงกับหอบ แต่อิสลินไม่เคยอยู่ห่างจากนางฟ้าของเธอเลยตั้งแต่แม่หนูลืมตาดูโลก นัยน์ตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความรักนิรันดร์ที่จะอยู่กับเธอตลอดไป“อีวี่...ลูกอยู่ไหน?...อีวี่” ร่างบางรู้สึกว่าตัวเองเดินออกมาไกลและก้าวผ่านกอไม้รกเรื้อกระทั่งถึงบริเวณน้ำพุเล็ก ๆ ซึ่งห่างออกมาจากสุสานพอประมาณ“อีวี่!” อิสลินปรี่เข้าไปกอดบุตรสาวที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าใกล้กับน้ำพุเพียงโดดเดี่ยว“อีวี่...แม่บอกหนูแล้วไงจ๊ะว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว แม่ตกใจหมดรู้มั้ย”เสียงเอ็ดเบา ๆ ของหญิงสาวทำเอาหนูน้อยหน้าหงิกตาแดงก่ำ อีวี่ไม่พูดอะไรแต่ค่อย ๆ ยื่นของสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้มารดาถึงกับผงะ“อีวี่...ลูกไปเอาดอกไม้นี่มาจากไหน?” หญิงสาวถามขณะรับดอกกุหลาบสีชมพูหวานจากร่างเล็ก“มีคนชวนหนูมาที่นี่...เขาบอกว่ามีดอกไม้สวย ๆ เยอ
“ข่าวที่ประธานแอร์โรว์ไวรอนต์หย่ากับภรรยาน่ะหรือ?” เดเรกเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ร่างแน่งน้อยเงียบไป เธอเพิ่งไปเซ็นต์ใบหย่ากับเดเรกเมื่อวานนี้และมันก็กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งอีกระลอกถัดจากข่าวความเสียหายที่เกิดกับบริษัท“อีฟ...คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่จู่ ๆ ผมก็ทิ้งคุณไปในช่วงเวลาแบบนี้”เดเรกดึงมือเรียวบางนั้นมาไว้บนตักและบีบมันเบา ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ“มันน่าจะถึงเวลาที่ผมต้องยุติการทำหน้าที่การเป็นประธานแอร์โรว์ไวรอนต์ซึ่งมันเป็นความหวังของพ่อกับแม่เสียที หลังจากท่านทั้งสองเสียชีวิตผมก็คิดมาตลอดว่าอยากถอดหัวโขนนี้ออกไปในสักวัน ที่ผ่านมาผมมอบหน้าที่ให้แอนดรูว์หัวหน้าฝ่ายวิจัยดูแลการผลิตมาตลอด เพราะที่จริงผมไม่ได้อยากสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อมากสักเท่าไหร่ ผมอยากไปอยู่ในที่สงบและใช้ชีวิตในแบบที่ผมเป็น”“แต่ตอนนี้คุณก็กำลังจะได้ไปตามทางที่คุณมุ่งหวัง เราต่างเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอมาไม่ใช่หรือคะ”“อีฟ...หลังจากที่ผมเดินทางไปปารีสแล้ว ผมอยากให้คุณได้รับรู้เจตนารมณ์ของผมอีกอย่าง นั่นคือการขายหุ้นทั้งหมดของแอร์โรว์ไวรอนต์ คอร์ป”“ฉันจะจัดการทุกอย่างได้อย่างไรล่ะคะ ถึงตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทจะเปลี่
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณอีฟ...ผมมีหน้าที่เพียงทำตามความต้องการของคุณเดเรกก็เท่านั้น ถึงไม่มีแอร์โรว์ไวรอนต์แล้วแต่ผมก็จะยังคงสานต่องานด้านวิศวกรรมการบินของบริษัทซึ่งต่อไปก็จะอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของดี ฮันเตอร์ และประธานของบริษัทที่กำลังจะพาคุณไปทำความรู้จักตอนนี้อย่างไรล่ะครับ” แอนดรูว์กล่าวด้วยน้ำเสียงอันสุขุมตามแบบฉบับของคนพูดน้อย เขาเป็นคนคอยจัดการทุกอย่างให้เดเรกรวมทั้งวันนี้ที่พาเธอกับอีวี่ออกจากคฤหาสน์หลังงามชานเมืองเพื่อไปส่งอดีตสามีตามกฎหมายขึ้นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเดินทางไปปารีส หลังจากนั้นจึงพาแม่หนูน้อยไปส่งที่เนอร์สเซอรี่ก่อนจะมาที่นี่เพื่อให้อิสลินได้ทำความรู้จักและมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของบริษัทผลิตยูเอวีซึ่งเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามหรือเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อน“คุณรู้จักเขาหรือเปล่าคะ แอนดรูว์?”“ถ้าบอกไปคุณอีฟอาจต้องประหลาดใจก็ได้ ผมไม่เคยเห็นหน้าประธานของบริษัทนี้มาก่อนเลยครับ ผมเพียงติดต่อผ่านตัวแทนที่ทำให้เราแน่ใจว่าเขามีตัวตนอยู่ในแวดวงนี้จริง ๆ ”“แปลกจังนะคะ เดเรกก็ไม่รู้จักเขา...อืม...เขาคงเป็นพวกนักประดิษฐ์ที่ชอบเก็บตัวและทำให้มีคนอยากรู้เรื่องของเขาเป็นแ
“ไคลน์...มีอะไรที่ฉันยังไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือคะ?”“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงคิดว่าคุณน่ะไร้เดียงสา แต่เวลาก็ทำให้ผมค้นพบว่าไม่ควรไว้ใจคนที่ชอบเสแสร้งว่าตัวเองอ่อนต่อโลก โดยเฉพาะผู้หญิงแพศยาอย่างคุณ!”“ไคลน์! หยุดนะคะ คุณจะว่าฉันมากเกินไปแล้ว!”“มิสซิสเพียซ...อ้อ...ลืมไปว่าคุณน่ะเป็นหม้ายเพราะผัวทิ้งไปตอนกิจการกำลังมีปัญหา เดเรกมันฉลาดเอาตัวรอด เมียของมันก็เลยต้องมารับกรรมที่มันก่อไว้กับคนอื่นหนักหนาสาหัส!”“ปล่อยฉัน!” อิสลินสะบัดไหล่จากมือหนาและผละห่างเพื่อมองหน้าเขาชัด ๆ หญิงสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตาเพราะไม่คิดว่าจะพบเจอซาตานสิงสู่สุภาพบุรุษที่เธอเคยรู้จัก ความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เมื่อครู่จางหายกลับกลายเป็นความระทมทุกข์เหมือนตายทั้งเป็นอีกครั้ง“ขอโทษนะคะ...ฉันคงเข้าใจอะไรผิดไป เพราะคุณไม่ใช่เซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์ที่ฉันเคยรู้จัก”“ผมคือเซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์!” น้ำเสียงกร้าวกว่าเดิมทำให้ร่างบางที่กำลังจะหันหลังกลับหยุดชะงัก หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นลอดออกมาเมื่อรู้สึกถึงมือหนาใหญ่ที่จับไหล่เธอไว้จากด้านหลัง ทว่าคาวนี้เขากดมันไว้แน่นจนความปวดร้าวแล่นลงไปถึงฝ่ามือบางเย็นเฉ
อิสลินพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะของเซอร์เรนัล์ฟ เขาหัวเราะเหมือนคนบ้าและมองเธอด้วยแววตาเยาะหยัน“คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อีฟ...นี่คุณคงคิดว่าอยากจะขายหุ้นพวกนั้นไปให้ใครก็ได้ล่ะสิท่า เดเรกมันไม่เคยบอกคุณหรือว่าบริษัทของมันกำลังจะพินาศ!”“นี่...หยุดหัวเราะนะคะ ไคลน์! คุณพูดเรื่องอะไรกัน ในเมื่อฉันมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้กับหุ้นพวกนี้””ผมไม่เถียงคุณหรอก อีฟ...” ร่างสูงตระหง่านก้าวเข้ามาประชิดตัวเธออีกครั้ง อิสลินต้องแข็งใจทั้งที่ข้างในไหวยวบทุกคราที่เขาเข้ามาอยู่ใกล้“มันอาจเป็นสิ่งมีค่าสำหรับผู้หญิงหน้าเงินอย่างคุณ แต่คุณจะขายมันให้ใครไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”“ฉันจะขายมัน แต่ขายให้ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ ฉันจะไม่มีวันขายหุ้นของแอร์โรไวรอนต์ให้กับดี ฮันเตอร์...โอ๊ย!”หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อเซอร์เรนัล์ฟดึงข้อมือของเธอไว้และบิดอย่างไม่คิดปราณี“ฟังผม! เมื่อไหร่ที่คุณขายหุ้นให้คนอื่นก็เตรียมตัวถูกฟ้องข้อหาบริษัทลักลอบส่งยูเอวีให้พวกนายหน้าค้าอาวุธสงครามได้เลย!”“คุณบังคับฉันไม่ได้หรอกค่ะ! ฉันขอยืนยันว่าจะไม่ขายมันให้คุณ”“สายเกินไปกระมัง อีฟ...หุ้นที่คุณเคยครอบครองมันตอนนี้ต
“ก็เอาซี อีฟ...ถ้าคิดว่าจะฆ่าผมได้ แต่ถ้าผมไม่ตาย คุณก็ต้องเจอแบบนี้!” อิสลินสะดุ้งสุดตัวเมื่อจอมซาตานสาดความกักขฬะเข้าใส่ด้วยการฉกเรียวลิ้นเข้าไปในปากเล็กและขบกัดบนริมฝีปากอ่อนจนเลือดซึม ข้อมือบางถูกบีบแทบหักทุกครั้งที่เขายัดเยียดสัมผัสอันปวดร้าวแก่หญิงสาวที่พยายามดิ้นหนี เซอร์เรนัล์ฟกลับกลายเป็นคนที่มีแค่เลือดเนื้อไร้หัวใจ ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อสนองอารมณ์ดิบเถื่อนก็เท่านั้นหญิงสาวสะอื้นฮักขณะกลีบปากถูกบดจนเป็นรอยช้ำ จุมพิตในความทรงจำของอิสลินสูญสิ้นไม่มีเหลือ ใบหน้าคร้ามเข้มจูบดุดันเนิ่นนานกระทั่งเขาถอนริมฝีปากออกก็ถึงกับผงะเมื่อเห็นการกระทำรุนแรงต่ออิสลิน ดวงหน้างามนั้นซีดเผือดและเรียวปากบางบวมช้ำจนเห็นได้ชัด ไม่! เขาจะไม่เห็นใจและสงสาร เซอร์เรนัล์ฟเตือนตัวเองก่อนสำแดงอาการขึ้งเคียด“ผมรู้มาว่าที่คฤหาสน์ชานเมืองมีสวนไคกัตที่จำลองมาจากสวนของตระกูลร็อคกี้เฟลเล่อร์ ผมจะให้คุณกับลูกอยู่ที่นั่น...และจะไม่แตะต้องลูกของคุณ ถ้าคุณ...ยินยอมอยู่ในอาณัติของผม” ร่างแน่งน้อยกัดฟันแน่นขณะเอียงหน้าไปอีกทาง ผมเผ้านั้นยุ่งสยายไปหมดจากการขัดขืน เธอกำหมัดไว้แน่น ทั้งตา จมูก และปากเป็นรอยแดงทว่าเพียร
“ผมให้แอนดรูว์ไปรับแล้ว ส่วนคุณต้องกลับไปพร้อมกับผม” / “ฉันกลับเองได้”“ลืมไปแล้วหรือยังไงว่ารับปากอะไรผมไว้! ไอ้อาการลืมง่ายแบบนี้นี่ไง เลยทำให้คุณใจง่ายมีผู้ชายคนใหม่โดยไม่ต้องคิด!”“ไคลน์!” อิสลินกำหมัดและกัดริมฝีปากซ้ำลงไปที่รอยแผลแตก ทว่าความเจ็บยังไม่ถึงครึ่งของคำพูดที่เขาใช้ทิ่มแทงเธอไม่วายเว้น หญิงสาวตัดสินใจเดินกลับออกไปแต่ไม่ทันแขนใหญ่ที่ตวัดโอบไหล่เธอไว้อีกหน ร่างแน่งน้อยทำทีว่าจะไม่ยอมหากเขาไม่ขู่เสียงกร้าว“อย่าขัดใจผม! เป็นเด็กดีและเชื่อฟัง...อย่าทำให้อะไร ๆ มันยุ่งยากไปกว่านี้!” เซอร์เรนัล์ฟเค้นเสียงจากในลำคอก่อนจะเดินโอบไหล่ร่างเล็กออกจากห้องทำงานเพื่อตรงไปยังลิฟท์ มีพนักงานหลายคนเดินผ่านมาและมองตามด้วยความสงสัย แต่ใครกันจะกล้าถามว่าประธานของดี ฮันเตอร์ หอบหิ้วผู้หญิงคนนี้มาจากไหน อิสลินจำต้องเดินตามเจ้าของวงแขนแข็งกระด้างด้วยความกระดากอายกระทั่งเข้าไปในลิฟท์ที่มีเพียงเขาและเธอสองคน“ผมอยากเห็นเด็กคนนั้น...อีกครั้ง” ร่างสูงใหญ่พูดขึ้นก่อนกดปุ่มลิฟท์ลงไปชั้นล่าง หญิงสาวไม่พูดอะไรแต่หวาดหวั่นในใจโดยไม่มีเหตุผล และก็เป็นจริงดังคาด ความเงียบของเธอบันดาลให้เขาเกิดโทสะขึ้นม
“มามี้ขา...มามี้ขา” อีวี่ร้องเรียกขณะวิ่งกลับมาหาแม่ อิสลินที่นั่งใจลอยราวกับภวังค์กระตุกวูบ เธออ้าแขนรับแม่หนูน้อยที่โผเข้าซบอกและจูบเรือนผมสีน้ำตาลทองที่อวลไอด้วยกลิ่นหอมแบบเด็ก ๆ“อะไรจ๊ะลูก...ไม่อยู่คุยกับแด๊ดดี้แล้วหรือจ๊ะ” / “อีวี่อยากนอนค่ะ มามี้”“หืม...” อิสลินเงยหน้ามองท้องฟ้า อาจถึงเวลาที่อีวี่จะนอนแล้วจริง ๆ / “มามี้ร้องเพลงให้อีวี่ฟังหน่อยซีคะ”อีวี่ออดอ้อนและอิสลินก็ไม่คิดปฏิเสธ หญิงสาวจับร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักและโอบกอดด้วยอ้อมแขนอุ่นราวอุ้มเด็กทารก แสงนวลของจันทราสาดส่องลงมากระทบนัยน์ตาสีฟาสดใส สำหรับเธอแล้วอีวี่เป็นของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่งดงามมากกว่าสิ่งใดในโลก เจ้าของร่างแน่งน้อยเริ่มขยับเรียวปากขับลำนำเสียงเพลงเห่กล่อมคลอเสียงคลื่นและสายลมอ่อนShule, shule, shule-a-roo, Shule-a-rak-shak, shule-a-ba-ba-coo. When I saw my sally babby beal, Come bibble in the boo shy lorey. บทเพลงนุ่มนวลอ่อนหวานถูกขับกล่อมเบา ๆ อยู่เช่นนั้นกระทั่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด“อีวี่จ๊ะ...อีวี่จ๋า” อิสลินหยุดร้องและก้มลงมองนางฟ้าในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม“อะไรกัน...หลับไปเสียแล้ว” อิสลิน
“บอกมาเถอะที่รักว่าจะให้ผมทำอะไร ผมยอมคุณหมดแล้วนะทูนหัว”หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนหันไปมองร่างเล็กที่กำลังก่อปราสาททรายอย่างขะมักเขม้น“คุณไม่ต้องทำอะไรให้ฉันหรอกค่ะ ขอแค่ทำให้ลูกของเรามีความสุขที่สุดในวันเกิดของแก...เป็นพอ”เซอร์เรนัล์ฟยิ้มพลางเกลี่ยปอยผมบนขมับของอิสลินทว่าก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนวงหน้างามของผู้อยู่ในอ้อมแขน“อีฟ...ผมว่าหน้าคุณดูซีดไปนะ คุณไม่สบายหรือเปล่า”“ไม่นี่คะ ฉันสบายดีค่ะ ฉันคงตื่นเต้นมากไปที่ได้เห็นหน้าลูก”หญิงสาวหรุบสายตาลงต่ำเพื่อเก็บซ่อนอะไรบางอย่างที่ยังติดค้างในใจก่อนเปลี่ยนเรื่องพูด“นี่ก็เย็นมากแล้วนะคะ ฉันยังไม่ได้บอกป้าซิลวี่เลยว่าจะกลับบ้านผิดเวลาแบบนี้ ท่านคงเป็นห่วงฉันแย่แล้ว””ป้าซิลวี่รู้แล้วว่าคืนนี้คุณจะไม่กลับบ้าน”“คะ...คุณว่ายังไงนะคะ?” อิสลินขมวดคิ้วมุ่น เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขาอีกครั้งก็เห็นประกายวิบวับในดวงตาสีฟ้าคมเข้ม เซอร์เรนัล์ฟดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางแนบชิดอกกว้างอีกครั้ง“นับจากวันนี้ป้าซิลวี่คงต้องหาลูกมือคนใหม่ช่วยงานที่ร้านแล้วล่ะ เพราะผมบอกเรื่องของเรากับท่านหมดแล้วตอนเดินทางมาถึงโมนาโก”“ไคลน์...นี่คุณ” อิสลินเริ่มหน้าง
“คุณจะแน่ใจได้อย่างไรคะว่าอีวี่เป็นสายเลือดของคุณ แกอาจเป็นลูกของใครก็ได้ที่ผู้หญิงร่านอย่างฉันเคยมีความสัมพันธ์ด้วย!”“คุณไม่เคยมีใคร” เซอร์เรนัล์ฟแย้งเบา ๆ ก่อนจับไหล่บางทั้งสองและรั้งเข้าหาตัว“ผมเชื่อว่าอีวี่เป็นลูกของผมโดยไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำ! ทำไมน่ะหรือ...มองตาผมสิ อีฟ ผมรู้ว่าคุณเห็นผมตลอดเวลาที่อยู่กับอีวี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นลูกก็คือผม ในตัวของแกมีหัวใจของผู้ชายที่คุณรักมากที่สุดซึ่งคุณเคยคิดว่าเขาตายไปแล้ว”อิสลินเม้มเรียวปากบางไว้แน่นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปเฉกเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่เลื่อนมือหนาขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนเพื่อเกลี่ยหยดน้ำใสที่ร่วงหล่นลงมา“ไคลน์คะ...ฉัน...” หญิงสาวตีบตันทบเท่าทวีคูณเมื่อเห็นหยดน้ำถั่งออกมาจากดวงตาที่เคยแข็งกร้าวของจอมซาตาน เธอได้แต่นิ่งงันและรอบตัวได้ยินเพียงเสียงคลื่นซัดผสานสายลมอ่อนไหวและเสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัวเราะหัวใคร่กับลูกสุนัขแสนซน“หยุดร้องไห้เถอะนะ ที่รัก...ผมขอโทษที่ทำให้คุณทุกข์ใจในเวลาที่ผ่านมา ตอนคุณหนีไปจากผมกับลูก อีวี่บอกว่ามักจะเห็นคุณร้องไห้เสมอ”“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้ลูกเห
อิสลินส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตาก็ไหลไม่หยุด เธอกอดลูกสาวไว้อีกครั้งก่อนจะได้ยินเสียงลูกสุนัขตัวเดิมมายืนเห่าข้าง ๆ“โยกี้...นี่มามี้ของฉันนะ มามี้กลับมาหาฉันแล้ว” อีวี่ยิ้มออกมาซึ่งมันทำให้อิสลินแปลกใจ“โยกี้หรือคะ?”“ช่ายค่ะ มันชื่อโยกี้ แด๊ดดี้ซื้อมาให้อีวี่ แด๊ดดี้กลัวอีวี่จะเหงา”ร่างเล็กหันไปยกมือส่งสัญญาณกับหมาตัวน้อยในขณะที่คนเป็นแม่นิ่งไป อิสลินรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เมื่อเห็นหน้าอีวี่ แต่แล้วหญิงสาวกลับนึกขึ้นมาได้ว่าเธอพบหน้าลูกแล้ว เธอได้อีวี่กลับคืนมาและยังไม่ลืมแผนการที่คิดไว้ในใจ ร่างบางหันไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเงาของใคร เซอร์เรนัล์ฟคงดีได้ประเดี๋ยวประด๋าวเพราะหลังจากนี้ไปเขาจะเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดา“อีวี่จ๊ะ เราไปกันเถอะ” อิสลินยืดตัวขึ้นยืนและจับมือเล็กให้เดินตามแต่หนูน้อยกลับเป็นฝ่ายยื้อเธอไว้“มามี้ขา มามี้จะไปไหนคะ?”“ไปจากที่นี่อย่างไรล่ะคะ ตามมามี้มาเถอะค่ะ”“อย่าเพิ่งไปค่ะ มามี้” หนูน้อยเข้าไปเกาะขามารดาไว้แน่นและเงยหน้ามองคล้ายจะอ้อนวอนอะไรสักอย่าง“ทำไมล่ะคะ อีวี่...เราต้องรีบไปนะคะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้”“แต่อีวี่ไม่อยากไป มามี้อยู่ก่อนนะคะ แด๊ดดี้บอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้
“ไคลน์คะ อ๊ะ” “พระเจ้า...อีฟ”ต่างฝ่ายต่างครวญครางดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อความสุขสมสอดประสานไปกับสายลมแสนหวานและเสียงคลื่นขับกล่อม ระยับแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องกว้างทาบทาลงบนร่างทั้งสองที่กอดก่ายและดื่มด่ำกับเรือนร่างของกันและกันด้วยเพลิงปรารถนาอันน่ากระหายใคร่เป็นเวลาเนิ่นนาน บางครั้งร่างอรชรเป็นฝ่ายควบคุมเขาและหลายคราวกลับเป็นฝ่ายปลดปล่อยให้เซอร์เรนัล์ฟเป็นผู้ควบขับและดูเหมือนร่างงามยินดีเป็นฝ่ายตั้งรับพลังอันล้นเหลือจากชายหนุ่มซึ่งไม่มีทีท่าเหนื่อยอ่อนแม้แต่นิดเดียว“ที่รัก...”“ไคลน์คะ” อิสลินจิกปลายเล็บลงบนผ้าคลุมเตียงที่ยับยู่ยี่และขมวดมันไว้ในมือแน่นขณะบิดร่างชื้นเหงื่อใต้ร่างสูงใหญ่ เซอร์เรนัล์ฟยังคงแข็งแกร่งและขยับสะโพกโดยไม่หยุดพักซึ่งหญิงสาวก็ปราศจากทีท่าจะหยุดตัวเองด้วยเช่นกัน ใบหน้าคร้ามเข้มก้มลงจูบหนักเมื่อรับรู้เวลาว่าใกล้ถึงฝั่งฝัน“บอกผมหน่อยได้ไหมที่รัก...ว่าคุณมีความสุขหรือเปล่า?” คนถามหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกถึงหยาดหยดแห่งรักเริ่มซึมซาบออกมา อิสลินแก้มแดงซ่านแม้คำถามนั้นก่อเกิดความประหลาดใจหากก็ตอบออกไปหาใช่ด้วยอารมณ์ที่กำลังทะยานใกล้ถึงขีดสุด“ค่ะ...ไคลน์ วันนี้ฉัน
“อา...อีฟ” เซอร์เรนัล์ฟคำรามเสียงหนักอยู่ในลำคอก่อนพลิกตัวให้ร่างเล็กขึ้นมาทาบทับอยู่เบื้องบน เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพวงเนื้ออิ่มงามทั้งสองข้างที่กำลังไหวกระเพื่อมเลื่อนมาอยู่ตรงกับริมฝีปากหนาได้รูป“ไคลน์...บอกฉันสิคะว่าเมื่อไหร่คุณจะให้ฉันพบอีวี่” ร่างเปลือยเย้ายวนบิดไปมาอยู่เหนือร่างกำยำกระซิบถามพลางไล้ปลายนิ้วไปบนกรามแกร่งสากระคายคล้ายจะเอาใจ“คุณจะได้พบลูกแน่ ผมรับประกัน” / “แล้วหลังจากนี้คุณจะปล่อยพวกเราไปใช่ไหมคะ”พอหญิงสาวถามต่อชายหนุ่มก็ขยับลูกขึ้นนั่งโดยใช้แขนแข็งแรงดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางที่ยังคร่อมบนตัวแนบกับอกกว้าง เซอร์เรนัล์ฟซุกใบหน้าเพื่อสูดดมกลิ่นหอมอวลจากหลือบร่องของสองเต้าที่ถูกเบียดชิดเข้าหากัน“ผมยังไม่มีแผนอะไรตอนนี้ แต่คิดว่าจะพาคุณกับลูกกลับอเมริกา”“เพื่อเป็นสักขีพยานในงานแต่งของคุณกับเรเน่ต์อย่างนั้นหรือคะ...ฉันขอปฏิเสธค่ะ ไคลน์” / “คุณหึงผมหรือ อีฟ”“ไม่ค่ะ...อ๊ะ! ไคลน์” อิสลินสะดุ้งเมื่อกายแกร่งเริ่มแทรกความเป็นเขาเข้าไปในกลีบอ่อนนุ่มโดยหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ใจหนึ่งเธอก็อยากขยับหนีแต่ท่าที่นั่งอยู่บนหน้าตักของเขาไม่อำนวยให้ทำอย่างที่คิด“อุ๊ย! ไคลน์
“ไม่มีอะไรน่ากลัว ที่รัก” รอยยิ้มอันน่าเสน่หาจุดขึ้นบนมุมปากหยักพร้อมกันกับที่มือสากระคายลากไล้จากหัวไหล่กลมมนลงมาหยุดที่ยอดปทุมงามปริ่มบนผิวน้ำ ชายหนุ่มก้มลงจูบเม็ดโกเมนสีแดงเรื่อและขบด้วยฟันเบา ๆ จนร่างสาวสยิวซ่านก่อนผงกศีรษะขึ้นและจับจ้องดวงหน้าหวานสีชมพูเข้มที่มองทีไรก็ยังเย้ายวนใจราวกับเทพีกลางสายน้ำปลดปล่อยผมเปียกสยายลู่ลงมาเคลียบนสองเต้า“ที่รัก ผมคงต้องสอนคุณใหม่เสียแล้วกระมัง” น้ำเสียงเบาราวกระซิบทว่าเสียงหอบหายใจหนักจากใบหน้าคร้ามเข้มนั้นก็ยังชัดเจนกว่าเสียงคลื่นด้านนอก อิสลินขอบตาร้อนผ่าวเมื่อนึกถึง เขา ในคืนนั้น ราตรีแห่งฝันของนักเรียนสาวและอาจารย์หนุ่ม ร่างเล็กไล้นิ้วเรียวไปมาบนริมฝีปากล่างของเซอร์เรนัล์ฟเบา ๆ แลกกับจูบที่เขาบรรจงประทับลงบนปลายนิ้วสีเรื่อ“ไคลน์คะ คุณเคยสอนฉันแล้วนะคะ” “มันคงนานเกินไปจนคุณจำไม่ได้แล้วกระมัง”“ฉันจำมันได้เสมอค่ะ แต่คุณ...คงจะลืมนักเรียนคนนี้ไปแล้ว”“ไม่...” เซอร์เรนัล์ฟดูดนิ้วกลางของหญิงสาวก่อนตอบเสียงพร่า “ผมไม่เคยสอนบทเรียนนี้ให้ใคร...นอกจากคุณ”“ไคลน์...อืม” อิสลินหลับตาลงและรับรู้ถึงความอบอุ่นที่ฉายวาบขึ้นมาจากก้นบึ้ง หญิงสาวลืมเรื่อง
“ไคลน์...อย่าค่ะ...ได้โปรด” หญิงสาวได้แต่ร้องขอทั้งที่ต้านทานร่างแกร่งกำยำนั้นไม่ไหว เขาทำให้เธอร้อนรน เขาปลุกเร้าผ่านเนื้อผ้าบางเบาเปียกชุ่มที่หลุดร่นลงไปกองใต้ฟองลื่น ลิ้นหนายังทำงานไม่หยุดหย่อน ทั้งโลมเล้าดูดกลืนและตวัดชิมความหวานจากปากเล็ก กระทั่งใบหน้าคร้ามคมเลื่อนออกไปร่างอรชรจึงยกแขนขึ้นปิดป้องเต้าอิ่มกลมแสนสวยเมื่อกายสาวถูกเปิดเปลือยจนหมดด้วยเช่นกัน“อีฟ...คุณจะปกปิดไปทำไมกัน ในเมื่อผมก็เห็นจนหมดแล้ว” เสียงทุ้มทว่านุ่มนวลนั้นวอนเว้าพร้อมกับที่มือแกร่งดันแขนเรียวทั้งสองให้พ้นจากเนินเนื้ออวบใหญ่จนมันดีดเด้งออกมาอวดสายตา เขามองอยู่นานจนอิสลินเขินอายตัวเอง“พอใจหรือยังคะ ไคลน์...ฉันไม่ให้คุณทำอะไรมากไปกว่านี้นะคะ และที่สำคัญคุณต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันด้วย”“ผมไม่บิดพลิ้วคุณหรอก อีฟ แต่...” เซอร์เรนัล์ฟยังเบียดความใหญ่โตเข้าหาจนทุกสัดส่วนบนกายแข็งแกร่งแนบชิดกับร่างอ่อนนุ่มในอ่างน้ำที่ฟองสบู่เริ่มบางเบาลง“แต่อะไรคะ?” “คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหนถ้าจะให้แค่กอดคุณไว้แบบนี้”“ไคลน์...อย่าสิคะ...ฉันไม่....” อิสลินร้องปฏิเสธแต่ไม่ทันเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนวลแ
“แต่ผมอยากดูแบบสูทตอนนี้เลย” ชายหนุ่มออกคำสั่งขณะที่หญิงสาวกำลังจะหันหลังให้ อิสลินหันมาถอนใจหากก็จำต้องเข้าไปหาเขาอีกตามเคย ภาพของร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าอวดกล้ามเนื้อบนอกและลอนหน้าท้องตลอดจนแขนหนาในอ่างอาบน้ำที่ฟูฟ่องไปด้วยฟองสบู่ทำหัวใจของร่างแน่งน้อยเต้นระส่ำ เซอร์เรนัล์ฟมีพลังดึงดูดเสมอไม่ว่ายามอยู่ในชุดสูทภูมิฐานอย่างนักธุรกิจหรือยามปราศจากอาภรณ์ใด ๆ บนเรือนกายสมส่วนความเป็นชายนั้น อิสลินนึกในใจว่าทำไมเขาถึงไม่อาบน้ำให้เสร็จเสียก่อนแล้วรีบดูแบบสูทเพื่อที่เธอจะได้รีบกลับไปที่ร้านป้าซิลวี่ไว ๆ เพราะเวลาที่อยู่กันลำพังในสถานที่แบบนี้หญิงสาวก็ให้หวั่นเกรงต่อทีท่าของจอมซาตาน“อืม...ข้างนอกอากาศร้อนมากจริง ๆ “ เจ้าของใบหน้าคร้ามเข้มกล่าวพลางหันออกไปด้านนอกที่แสงแดดส่องผ่านบานกระจกหน้าต่างเข้ามา รอยยิ้มทรงเสน่ห์ระบายบนโครงหน้าหล่อเหลา เขาทำเหมือนไม่มีอะไรรีบเร่งเลยกระนั้น“ไหนล่ะ แบบสูทที่คุณเอามาให้ผมดู” เขาถามร่างบอบบางที่ยืนห่าง ๆ และกำลังยื่นเอกสารมาให้“ถ้าคุณชอบแบบไหนค่อยบอกฉันก็ได้ค่ะ ฉันจะไปรอข้างนอก”“เข้ามาใกล้หน่อยซี ผมเอื้อมไม่ถึง” อิสลินหันมองเซอร์เรนัล์ฟที่วางแขนบนขอบอ่าง น