“คุณจะแน่ใจได้อย่างไรคะว่าอีวี่เป็นสายเลือดของคุณ แกอาจเป็นลูกของใครก็ได้ที่ผู้หญิงร่านอย่างฉันเคยมีความสัมพันธ์ด้วย!”“คุณไม่เคยมีใคร” เซอร์เรนัล์ฟแย้งเบา ๆ ก่อนจับไหล่บางทั้งสองและรั้งเข้าหาตัว“ผมเชื่อว่าอีวี่เป็นลูกของผมโดยไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำ! ทำไมน่ะหรือ...มองตาผมสิ อีฟ ผมรู้ว่าคุณเห็นผมตลอดเวลาที่อยู่กับอีวี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นลูกก็คือผม ในตัวของแกมีหัวใจของผู้ชายที่คุณรักมากที่สุดซึ่งคุณเคยคิดว่าเขาตายไปแล้ว”อิสลินเม้มเรียวปากบางไว้แน่นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปเฉกเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่เลื่อนมือหนาขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนเพื่อเกลี่ยหยดน้ำใสที่ร่วงหล่นลงมา“ไคลน์คะ...ฉัน...” หญิงสาวตีบตันทบเท่าทวีคูณเมื่อเห็นหยดน้ำถั่งออกมาจากดวงตาที่เคยแข็งกร้าวของจอมซาตาน เธอได้แต่นิ่งงันและรอบตัวได้ยินเพียงเสียงคลื่นซัดผสานสายลมอ่อนไหวและเสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัวเราะหัวใคร่กับลูกสุนัขแสนซน“หยุดร้องไห้เถอะนะ ที่รัก...ผมขอโทษที่ทำให้คุณทุกข์ใจในเวลาที่ผ่านมา ตอนคุณหนีไปจากผมกับลูก อีวี่บอกว่ามักจะเห็นคุณร้องไห้เสมอ”“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้ลูกเห
“บอกมาเถอะที่รักว่าจะให้ผมทำอะไร ผมยอมคุณหมดแล้วนะทูนหัว”หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนหันไปมองร่างเล็กที่กำลังก่อปราสาททรายอย่างขะมักเขม้น“คุณไม่ต้องทำอะไรให้ฉันหรอกค่ะ ขอแค่ทำให้ลูกของเรามีความสุขที่สุดในวันเกิดของแก...เป็นพอ”เซอร์เรนัล์ฟยิ้มพลางเกลี่ยปอยผมบนขมับของอิสลินทว่าก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนวงหน้างามของผู้อยู่ในอ้อมแขน“อีฟ...ผมว่าหน้าคุณดูซีดไปนะ คุณไม่สบายหรือเปล่า”“ไม่นี่คะ ฉันสบายดีค่ะ ฉันคงตื่นเต้นมากไปที่ได้เห็นหน้าลูก”หญิงสาวหรุบสายตาลงต่ำเพื่อเก็บซ่อนอะไรบางอย่างที่ยังติดค้างในใจก่อนเปลี่ยนเรื่องพูด“นี่ก็เย็นมากแล้วนะคะ ฉันยังไม่ได้บอกป้าซิลวี่เลยว่าจะกลับบ้านผิดเวลาแบบนี้ ท่านคงเป็นห่วงฉันแย่แล้ว””ป้าซิลวี่รู้แล้วว่าคืนนี้คุณจะไม่กลับบ้าน”“คะ...คุณว่ายังไงนะคะ?” อิสลินขมวดคิ้วมุ่น เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขาอีกครั้งก็เห็นประกายวิบวับในดวงตาสีฟ้าคมเข้ม เซอร์เรนัล์ฟดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางแนบชิดอกกว้างอีกครั้ง“นับจากวันนี้ป้าซิลวี่คงต้องหาลูกมือคนใหม่ช่วยงานที่ร้านแล้วล่ะ เพราะผมบอกเรื่องของเรากับท่านหมดแล้วตอนเดินทางมาถึงโมนาโก”“ไคลน์...นี่คุณ” อิสลินเริ่มหน้าง
“มามี้ขา...มามี้ขา” อีวี่ร้องเรียกขณะวิ่งกลับมาหาแม่ อิสลินที่นั่งใจลอยราวกับภวังค์กระตุกวูบ เธออ้าแขนรับแม่หนูน้อยที่โผเข้าซบอกและจูบเรือนผมสีน้ำตาลทองที่อวลไอด้วยกลิ่นหอมแบบเด็ก ๆ“อะไรจ๊ะลูก...ไม่อยู่คุยกับแด๊ดดี้แล้วหรือจ๊ะ” / “อีวี่อยากนอนค่ะ มามี้”“หืม...” อิสลินเงยหน้ามองท้องฟ้า อาจถึงเวลาที่อีวี่จะนอนแล้วจริง ๆ / “มามี้ร้องเพลงให้อีวี่ฟังหน่อยซีคะ”อีวี่ออดอ้อนและอิสลินก็ไม่คิดปฏิเสธ หญิงสาวจับร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักและโอบกอดด้วยอ้อมแขนอุ่นราวอุ้มเด็กทารก แสงนวลของจันทราสาดส่องลงมากระทบนัยน์ตาสีฟาสดใส สำหรับเธอแล้วอีวี่เป็นของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่งดงามมากกว่าสิ่งใดในโลก เจ้าของร่างแน่งน้อยเริ่มขยับเรียวปากขับลำนำเสียงเพลงเห่กล่อมคลอเสียงคลื่นและสายลมอ่อนShule, shule, shule-a-roo, Shule-a-rak-shak, shule-a-ba-ba-coo. When I saw my sally babby beal, Come bibble in the boo shy lorey. บทเพลงนุ่มนวลอ่อนหวานถูกขับกล่อมเบา ๆ อยู่เช่นนั้นกระทั่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด“อีวี่จ๊ะ...อีวี่จ๋า” อิสลินหยุดร้องและก้มลงมองนางฟ้าในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม“อะไรกัน...หลับไปเสียแล้ว” อิสลิน
“ถึงหรือยังคะ ไคลน์...อย่าทำแบบนี้สิคะ ฉันกลัวความมืด” เสียงหวานของร่างบอบบางที่ดวงตาถูกปิดไว้ด้วยผ้าลอดออกมาจากเรียวปากสีชมพูหวานที่สั่นระริกด้วยความตื่นเต้นระคนหวั่นกลัว มือเรียวถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือหนาใหญ่ที่ประคองร่างเล็กอย่างทะนุถนอมก่อนจะรู้สึกว่าไหล่ถูกตรึงให้หยุดก้าวเดิน อิสลินค่อย ๆ ลืมตาคู่สวยเมื่อผ้าไหมผืนบางที่ปิดไว้ถูกดึงออก หญิงสาวตะลึงพรึงเพริดเมื่อภาพเบื้องหน้าเป็นเตียงกว้างโรยกลีบกุหลาบในห้องพักหรูของบ้านริมชายหาดมอนติคาร์โล“โอ!...ไคลน์ คุณทำอะไรคะ...มันช่าง...สวยเหลือเกินค่ะ” ร่างอรชรหันไปทางร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองที่นัยน์ตาสีฟ้าเข้มบนใบหน้าคมคายส่องประกายระยิบระยับยามจับจ้องมายังดวงหน้างามของอิสลิน เบอร์กแทรนช์ เธอเป็นลูกครึ่งไทยเชื้อสายอังกฤษ ลูกสาวคนสวยของนักธุรกิจชื่อดัง อาร์โนล เบอร์กแทรนช์“คุณชอบมันไม่ใช่หรือ อีฟ...ปรินเซส เดอ โมนาโก กุหลาบที่สวยที่สุดในโลก” เซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์ หนุ่มอเมริกันวัยยี่สิบแปดเจ้าของความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรและผู้เป็นเจ้าของหัวใจหญิงสาวที่ชอบเรียกเขาด้วยชื่อนามสกุลกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะไล้ปลายนิ้วไปบนเรือนผมสีวอลนัทเงางามยาวเคลียไห
“ไคลน์คะ” เธอส่ายหน้าไปมาทั้งแววตาไม่ประสาฉายความไม่แน่ใจ “ฉันไม่เคยค่ะ”“กอดผม...ที่รัก...ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คุณคิด” อิสลินทำตามที่เขาบอก เธอเคยเห็นเซอร์เรนัล์ฟในเวลาที่เขาเป็นหนุ่มแสนดี เยือกเย็นและเป็นสุภาพบุรุษ เวลานี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นแต่เขากำลังปลุกความร้อนในกายเธอให้เริ่มเผาไหม้รุนแรงขึ้นทุกขณะด้วยปลายลิ้นอุ่นที่ลากไล้ไปบนผิวเรียบเนียนบนคอและไหล่ หญิงสาวบอกตัวเองว่าไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้มาก่อน วูบวาบในช่องท้องและปั่นป่วนไปหมดแทบทนไม่ไหว เธออยากให้เขาแค่จูบ เคลียแก้มของเธอด้วยคางสากระคาย ทว่าน่าแปลกที่ร่างกายนุ่มนิ่มกลับปรารถนาการรุกเร้าจากกายแข็งแกร่ง“อีฟ...ผมอยากกอดคุณแบบนี้มานานแล้ว” / “ไคลน์” ผิวแก้มเปล่งปลั่งเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเมื่อชุดเกาะอกผ้าชีฟองถูกรั้งไปกองไว้ที่ปลายเท้า เซอร์เรนัล์ฟทำอย่างที่พูด เขากอดร่างนุ่มเกือบเปลือยเปล่าซึ่งมีเพียงแพนตี้ตัวน้อยปกปิดไว้เท่านั้น“ผมเป็นคนแรกหรือเปล่าที่กอดคุณไว้แบบนี้” ชายหนุ่มตั้งคำถามขณะจ้องมองดวงหน้าแสนสวยของสาวลูกครึ่งไทยเชื้อสายอังกฤษใต้กรอบเรือนผมแผ่สยายบนผ้าปูสีงาช้าง ตาคู่งามช่างน่าหลงใหล เรียวปากเล็กนั้นแสนเย้
“คุณคงไม่รู้หรอกที่รัก ว่าผมตื่นเต้นมากแค่ไหนที่จะสอนบทเรียนต่อไปให้คุณ” เซอร์เรนัล์ฟคงรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ เมื่อมือใหญ่เลื่อนมากอบกุมเนินเนื้ออวบนุ่มทั้งสองข้างไว้ด้วยอาการสั่นเล็ก ๆ หญิงสาวอยากบอกว่ามันเป็นบทเรียนอันน่าอัศจรรย์เมื่อเขาเริ่มเชยชมความงามนั้นด้วยการเสียดถูคางระคายไปมาก่อนครอบครองปลายสุดของโนมเนื้อเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนอมชมพูด้วยเรียวปากและปลายลิ้นสลับกันทั้งขบเม้มและดูดดุนจนร่างอรชรอ่อนเปลี้ยไปหมด“ไคลน์...พอเถอะค่ะ...พอเถอะ” ปากเล็กนั้นเว้าวอนอยากให้เขาหยุดแต่มือทั้งสองกลับขยุ้มเรือนผมสีน้ำตาลและแอ่นกายเข้าหา อิสลินรับรู้ถึงความรู้สึกแปลกใหม่ทั้งกำซาบซ่านและกำลังจะทำให้เธอระเบิดออกเป็นเสี่ยง หญิงสาวคล้ายคนหลงละเมออยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ที่ปรนเปรอความสุขทะลักทลายผ่านเรือนกายที่กำลังบดเบียดเสียดสี เสียงครางที่ลอดผ่านเรียวปากจิ้มลิ้มดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวจะแข่งกับเกลียวคลื่นที่ซัดสาดอยู่เบื้องนอก อิสลินเผลอหยิบกลีบกุหลาบที่กระจัดกระจายอยู่ใต้แผ่นหลังไล้บนเรียวปากฉ่ำและลิ้มเลียรสอันหอมหวานล้ำจากกุหลาบแห่งโมนาโก เซอร์เรนัล์ฟยังไม่ยอมละใบหน้าหล่อเหลาจากเต้ากลมอวบอิ่ม เขายังคงเฟ้น
“ไคลน์คะ...ฉัน...” ร่างเล็กทำทีจะผลักไสแต่กลับถูกอ้อมแขนใหญ่กอดเกี่ยวกระหวัดแน่น เซอร์เรนัล์ฟประกบจูบจนกลีบปากนุ่มบวมแดงกระทั่งเขาพาตัวตนลึกเข้าไปเรื่อย ๆ และชายหนุ่มก็ได้ค้นพบสิ่งที่เขารอคอย ค้นพบว่าเขาคือผู้ชายคนแรกของอิสลิน“อีฟ...คุณเป็นของผมแล้วนะ คุณเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น” ร่างแน่งน้อยจิกปลายเล็บลงบนหัวไหล่ของร่างสูงจนเป็นรอยลึกเมื่อความเจ็บปวดที่แกนกายเพิ่มมากทวีคูณ ทว่าอิสลินก็ค้นพบว่าในเปลวเพลิงพิศวาสที่เผาไหม้กลับมีความอบอุ่นสว่างไสวอยู่ตรงใจกลางนั้น หญิงสาวเริ่มคลายความอึดอัดเมื่อการหลอมรวมสนิทแน่นและสิ่งที่ดีที่สุดในห้วงเวลานี้คือกอดเขาไว้เพื่อซึมซับเอาลมหายใจร้อนก่อนกระซิบตอบกลับไปแผ่วเบา“ไคลน์คะ...ฉันรักคุณนะคะ ฉันเป็นของคุณแล้ว อย่าทิ้งฉันไปไหนนะคะ” เสียงนั้นสั่นพร่าพร้อมกับหยาดน้ำซึมที่หางตาเมื่อชายหนุ่มกระชับอ้อมกอด ราตรีนั้นเงียบสงัดยินเพียงเสียงคลื่นขับกล่อมเป็นลำนำแสนหวาน อิสลินรู้สึกสุขใจมากกว่าสิ่งใดเมื่อได้มอบสิ่งที่หวงแหนไว้แก่ชายที่รัก และเซอร์เรนัล์ฟก็รู้สึกเช่นเดียวกันคือเขาได้ครอบครองสิ่งมีค่าและจะถนอมไว้ชั่วชีวิต“ผมจะทิ้งคุณไปได้อย่างไร...อีฟ” ชายห
“เรื่องนั้นฉันไม่กังวลหรอกค่ะ แต่สิ่งที่ฉันเป็นกังวลคือเมื่อไหร่ฉันกับคุณจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก”“แต่การหนีไปด้วยกันคงไม่ใช่คำตอบ” ร่างสูงหยุดลงและหมุนร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันมาสบตาเขา เซอร์เรนัล์ฟเกลี่ยปอยผมที่ลมพัดจนตกลงมาปรกผิวแก้มใสราวกำลังสัมผัสตุ๊กตาแสนสวยด้วยความรัก“อีฟ คุณอาจต้องรออีกหน่อย ผมจะสร้างตัวให้พ่อของคุณยอมรับในสักวัน” / “ฉันไม่เคยไปไหนนะคะ ไคลน์”อิสลินโอบผิวแก้มที่มีขนเคราบาง ๆ ไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสอง ความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นต์ทำให้ร่างอรชรเล็กไปถนัดใจเมื่อยืนเทียบกับคนตัวโต“ต่อให้ฉันต้องรอคุณไปอีกกี่ปีฉันก็จะรอ ก็ฉันรักคุณนี่คะ และที่สำคัญฉันเป็นของคุณ...ไคลน์คะ ฉันจะรักผู้ชายคนใหม่ได้ก็ต่อเมื่อฉันตายไปแล้วเท่านั้น”“อีฟ...” เซอร์เรนัล์ฟยิ้มอ่อนหวานก่อนโน้มใบหน้าหล่อเหลาเพื่อประทับจุมพิตอ่อนเบาบนเรียวปากที่ยังมีรอยบวมน้อย ๆ แขนแข็งแรงกระหวัดรั้งเอวบางเข้าหาตัวและเบียดอกกว้างกับอกอิ่มนุ่มของร่างอรชรท่ามกลางสายลมพลิ้วและแสงนวลยามโคมรัตติกาลอยู่ใจกลางฟากฟ้าสีกระจ่างกระทั่งชายหนุ่มค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกและสบตาคู่สวยที่เจ้าของอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขน“กลับบ้านพักกั