Share

บทที่ 9

“อีวี่อาจวิ่งเล่นแถวนี้ ผมจะเดินไปดูทางโน้นก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มยิ้มแกน ๆ ก่อนจะเดินไปอีก้านของสุสานในขณะที่อิสลินเดินตรงไปทางกอดอกไม้เล็ก ๆ ที่อีวี่ชี้ให้ดูเมื่อครู่

“อีวี่...ลูกจ๋า”  หญิงสาวเดินพลางเรียกด้วยความรู้สึกที่เริ่มเป็นกังวล อีวี่แม้เป็นเด็กผู้หญิงแต่ก็ซุกซนเข้าขั้นจนบางครั้งเธอก็ถึงกับหอบ แต่อิสลินไม่เคยอยู่ห่างจากนางฟ้าของเธอเลยตั้งแต่แม่หนูลืมตาดูโลก นัยน์ตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความรักนิรันดร์ที่จะอยู่กับเธอตลอดไป

“อีวี่...ลูกอยู่ไหน?...อีวี่”  ร่างบางรู้สึกว่าตัวเองเดินออกมาไกลและก้าวผ่านกอไม้รกเรื้อกระทั่งถึงบริเวณน้ำพุเล็ก ๆ ซึ่งห่างออกมาจากสุสานพอประมาณ

“อีวี่!” อิสลินปรี่เข้าไปกอดบุตรสาวที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าใกล้กับน้ำพุเพียงโดดเดี่ยว

“อีวี่...แม่บอกหนูแล้วไงจ๊ะว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว แม่ตกใจหมดรู้มั้ย”

เสียงเอ็ดเบา ๆ ของหญิงสาวทำเอาหนูน้อยหน้าหงิกตาแดงก่ำ อีวี่ไม่พูดอะไรแต่ค่อย ๆ ยื่นของสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้มารดาถึงกับผงะ

“อีวี่...ลูกไปเอาดอกไม้นี่มาจากไหน?” หญิงสาวถามขณะรับดอกกุหลาบสีชมพูหวานจากร่างเล็ก

“มีคนชวนหนูมาที่นี่...เขาบอกว่ามีดอกไม้สวย ๆ เยอะแยะ แล้วเขาก็ให้ดอกไม้นี่กับหนู”

อิสลินจ้องปากเล็กบางที่พรั่งพรูคำพูดไม่ค่อยชัดถ้อยตามประสาเด็ก เธอก้มลงมองดอกไม้แสนสวยในมือ มันคือกุหลาบปรินเซส เดอ โมนาโก

“ไคลน์...” ร่างบางพูดกับตัวเองเบาจนเป็นกระซิบ ดวงตาคู่นั้นเริ่มมีน้ำรื้น ไม่ว่ายามหลับหรือตื่นภาพความทรงจำครั้งวันคืนเก่า ๆ ก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในมโนนึก แต่แล้วหญิงสาวต้องปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมารับความเป็นจริงที่ว่า เซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์ ได้ตายไปจากโลกนี้แล้ว

“มามี้ขา...เขาบอกหนูว่ามันเป็นดอกกุหลาบ...ที่สวยที่สุดในโลก เป็นความจริงหรือคะ?” / “เขา?”

“ก็คุณน้าคนนั้น...ไงคะ” เด็กหญิงหันไปรอบ ๆ ก่อนทำสีหน้าผิดหวังเมื่อพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครอื่นอยู่ในที่นั้นนอกจากตัวเองกับมารดา

“มามี้...อีวี่ไม่ได้โกหกนะคะ”

“มามี้ไม่ได้ว่าหนูโกหกนี่จ๊ะ” อิสลินดอบกอดแม่หนูน้อยไว้เมื่อความพลุ่งพล่านในใจเริ่มลดน้อยลง “อาจเป็นคนแถวนี้กระมัง แต่ทีหลังอย่าแอบตามใครมาแบบนี้อีกนะจ๊ะ สัญญาแบมามี้สิจ๊ะ”

“แต่เขาก็ใจดีมากนะคะ มามี้ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ”

“อีวี่...ลูกเป็นแก้วตาของมามี้ จะไม่ให้ห่วงหนูได้อย่างไร หนูตัวแค่นี้ถ้าเกิดหนูหายไป มามี้คงจะ...”

“มามี้ร้องไห้อีกแล้ว...อย่าร้องนะคะ” มือน้อยที่ค่อย ๆ บรรจงเช็ดรอยน้ำใต้ดวงตาของมารดาด้วยความไร้เดียงสาราวแสงอบอุ่นอาบลงบนหัวใจของหญิงสาว อิสลินก้มลงจูบบนเปลือกตาบอบบางและริมฝีปากนุ่มนิ่มของอีวี่ด้วยความรักสุดหัวใจ ภาพที่สองแม่ลูกนั่งตระกองกอดบนลานหินใกล้น้ำพุกำลังถูกจับตามองผ่านแว่นสีชาของบุรุษร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งสงบนิ่งบนเบาะด้านหลังภายในรถเลคซัสสีดำสนิทซึ่งจอดอยู่ห่างไปไม่ไกล

“จะกลับเลยไหมครับ?” คนขับซึ่งเป็นชายหนุ่มถามขึ้นขณะมองคนที่นั่งด้านหลังผ่านกระจกหน้า เจ้าของใบหน้าคร้ามคมถอดแว่นออกเผยให้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าเข้มสาดประกายเยียบเย็นดุดัน

“ออกรถเถอะ แล้วโทรบอกคนของฉันให้เตรียมเครื่องบินไว้ด้วย ฉันจะกลับนิวยอร์คคืนนี้”

“ครับ...คุณไคลน์”

เป็นเวลานับเดือนอิสลินได้แต่มองเดเรกนั่งอยู่เพียงลำพังในศาลารูปทรงกรีกโบราณซึ่งแวดล้อมด้วยต้นไม้ภายในบริเวณของสวนบนเนินหลังคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ชานเมืองของกรุงนิวยอร์คซิตี้ เธอรู้สึกถึงท่าทีของผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีดูผ่อนคลายลงหลังอยู่ในอาการเครียดและมีความปริวิตกเกี่ยวกับข่าวที่ทำให้แอร์โรว์ไวรอนต์สูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าถูกเผยแพร่ออกไปจนทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเกิดความเสียหายและเหนืออื่นใดยังถูกเพิกถอนการเป็นคู่สัญญากับกระทรวงกลาโหม เขาควรต้องไม่สบายใจแต่กลับกลายเป็นว่าได้จุดประกายอะไรบางอย่างจากเหตุการณ์นั้น หลังส่งอีวี่เข้านอนและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เลี้ยงคอยดูแลอิสลินจึงปลีกตัวลงไปที่สวนหลังคฤหาสน์ตอนอาทิตย์ลับฟ้าไปนานแล้ว โดยปกติหญิงสาวจะมาที่นี่บ่อยครั้งเพื่อดูแลสวนดอกไม้ที่เธอใช้เวลาว่างปลูกมันด้วยตัวเอง กลิ่นอวลไอในยามค่ำคืนของดอกกุหลาบปรินเซส เดอ โมนาโก ล่องลอยมาตามสายลมในช่วงเวลาของฤดูร้อน มันทำให้เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้มองกุหลาบงามเบ่งบานแตกช่อเต็มไปหมดในสวนแสนสวย ร่างบางในชุดนอนผ้ามัสลินสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมเดินไปจนถึงศาลาที่ตกแต่งด้วยเสาไพลอนแบบกรีก เดเรกยังอยู่ที่นั่น เขานั่งหันหน้าไปยังคุ้งฟ้ากระจ่างด้วยแสงไฟจากยอดตึกสูง

“ยังไม่นอนหรือคะ เดเรก?” เสียงหวานที่ดังขึ้นไม่ได้ทำให้เขาตกใจแต่อย่างใด ชายหนุ่มเพียงหันมายิ้มกับหญิงสาวที่ทรุดตัวนั่งลงข้าง ๆ

“ยัง...ผมกำลังคิดเรื่องวันพรุ่งนี้ที่ผมต้องเดินทางไปปารีส”

“ฉันคิดว่าคุณกำลังคิดถึงเรื่อง...” อิสลินชะงักคำพูดและเหลือบมองหนังสือพิมพ์ในมือของเขา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status