“อีฟ” ใครคนหนึ่งเดินมาจากเบื้องหลังและแตะไหล่เจ้าของร่างบอบบางในชุดกระโปรงลูกไม้สีดำเบา ๆ
“คุณควรจะพักผ่อนบ้างนะ ถึงอย่างไรคุณพ่อก็ไปดีแล้ว” อิสลินหันมาทางเดเรก หนุ่มอเมริกันรูปร่างสูงโปร่งนัยน์ตาสีเขียวมรกตและใบหน้าสะอาดสะอ้านภายใต้เรือนผมสีบลอนด์เงินซึ่งบัดนี้เป็นสามีตามกฎหมายของเธอ เขาอยู่ในชุดสูทสีนิลขณะกำลังมองมาด้วยสายตาห่วงใย
“ขอบคุณมากค่ะเดเรก หวังว่าคุณพ่อคงอยู่อย่างเป็นสุขในอ้อมกอดของพระเจ้า ฉันก็อยากกลับไปพักผ่อน แต่ก็อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่ออีกสักพัก”
เดเรกเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ประกายแดดจ้าเริ่มยอแสง
“นี่ก็เย็นมากแล้วนะอีฟ แต่ถ้าคุณยังไม่อยากกลับผมก็จะอยู่เป็นเพื่อน”
“เดเรกคะ ใจจริงฉันไม่อยากรบกวนคุณเลยค่ะ แค่งานที่บริษัทของคุณก็ยุ่งมากพอแล้ว”
“ผมบอกคุณหลายหนแล้วไง อีฟ” ชายหนุ่มจับไหล่ทั้งสองนั้นไว้และจ้องลึกลงไปในดวงตางดงามคู่นั้น
“ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ”
อิสลินยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ทว่าไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรกันอีกเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น
“ครับ...คุณแอนดรูว์ ว่าไงครับ?...หืม” หญิงสาวมองร่างสูงที่กำลังรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแปลกเปลี่ยน เธอไม่รู้ว่าเขากำลังฟังเรื่องอะไรจากปลายสายแต่ก็จำได้ว่าคนที่โทรมาเป็นหัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัท อิสลินสังเกตเห็นใบหน้าของเดเรกเริ่มเคร่งเครียดแต่ความสนใจกลับถูกดึงไปตามเสียงเรียกเล็ก ๆ ที่ดังมาจากอีกฝั่ง
“มามี้...มามี้...หนูแต่งตัวให้เท็ดดี้แบร์แล้วค่ะ” หนูน้อยวัยสี่ขวบในชุดกระโปรงชีฟองจีบระบายสำตัดกับผิวขาวละมุนวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับตุ๊กตาหมีที่ใบหูของมันมีดอกไม้เล็ก ๆ ทัดอยู่ เรือนผมสีน้ำตาลทองของเด็กหญิงถูกปล่อยสยายและดวงตาสีฟ้าเข้มเปล่งประกายในแสงแดดอ่อน
“อีวี่...ลูกมาจากไหนกันคะ เห็นมั้ยไปเล่นจนเนื้อตัวมอมแมมหมดแล้ว”
“ตรงนู้นค่ะ...ตรงนู้น”
เด็กหญิงชี้ไปที่กอไม้ดอกเล็ก ๆ ห่างออกไปไม่ไกลขณะที่อิสลินย่อตัวลงแล้วหยิบเศษใบไม้แห้งออกจากเส้นผมชี้ฟู เธอมองลูกสาวคนเดียวที่คลอดหลังแต่งงานกับเดเรกเพียงไม่กี่เดือนก่อนย่นจมูก “ซนจริง ๆ เลยนะ ลูกไม่ควรวิ่งเล่นไปไหนต่อไหนคนเดียวรู้ไหมคะ”
“แอนดรูว์ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!” เสียงที่เดเรกกรอกลงไปทางโทรศัพท์ทำให้อิสลินต้องหันกลับไปสนใจเขาอีกครั้ง เธอมัวแต่มองชายหนุ่มแสดงสีหน้าเครียดเคร่งจนลืมว่าอีวี่น้อยวิ่งกลับไปทางเดิมแต่คราวนี้วิ่งเลยออกไปไกลจนเกือบชนกับร่างสูงของใครคนหนึ่ง เด็กหญิงหยุดกึกพร้อม ๆ กับที่ตุ๊กตาหมีพลัดตกจากมือ นัยน์ตาสีฟ้าภายในดวงตากลมโตคู่นั้นสะท้อนภาพของบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มย่อตัวลงเก็บของที่หล่นบนพื้นหญ้าก่อนส่งกลับให้เด็กน้อย อีวี่เอียงหน้ามองบุรุษที่มีประกายตาและผมสีเดียวกันอย่างสนเท่ห์
“หนูกำลังจะไปไหนหรือจ๊ะ?” เจ้าของน้ำเสียงทุ้มลึกทว่านุ่มนวลเอ่ยถามขึ้นซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า
“หนูจะไป...เก็บดอกไม้...ให้มามี้”
“มามี้ของหนูอยู่ไหนล่ะจ๊ะ?” เด็กหญิงชี้นิ้วกลับไปยังร่างบอบบางในชุดลูกไม้สีดำสนิทซึ่งกำลังยืนมองร่างสูงยืนคุยโทรศัพท์ รอยยิ้มอ่อนโยนจุดขึ้นบนมุมปากของอีกฝ่ายก่อนยื่นมือออกไปยังหนูน้อย
“มานี่สิจ๊ะ...ฉันจะพาหนูไปเก็บดอกไม้ที่ตรงโน้น มีดอกไม้สวยที่สุดในโลก มามี้ของหนู...ต้องชอบแน่ ๆ “
“จริงเหรอคะ?” ความตื่นเต้นฉายชัดบนดวงหน้าที่มีเค้าโครงอย่างชาวเอเชียทว่าก็กลมกลืนกับสีนัยน์ตาและเรือนผมอย่างชาวยุโรป อีวี่ยอมให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรจูงมือเดินตามไปด้วยความลิงโลด ทิ้งไว้แต่อิสลินที่ยืนห่างไปพอประมาณซึ่งหญิงสาวรีบเอ่ยถามขึ้นมาทันทีที่เดเรกวางสายโทรศัพท์
“มีอะไรหรือคะ เดเรก...ทำไมคุณดูเครียดจัง”
“แอร์โรว์ไวรอนต์พบปัญหาใหญ่เสียแล้ว”
ชายหนุ่มว่าพลางเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เห็นได้ชัดว่าเดเรกมีสีหน้าแสดงความกังวลอย่างมาก
“แอนดรูว์บอกว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมแจ้งมาที่บริษัทเมื่อเช้านี้บอกว่าด่านตรวจพบการขนย้ายอาวุธเถื่อน เขาพบยูเอวี (อากาศยานไร้คนขับ) จำนวนหนึ่ง มันเป็นโดรนสังหารชนิดเดียวกับที่เราออกแบบให้กระทรวงรุ่นล่าสุด”
“อะไรนะคะ!” “เขาสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกค้าอาวุธและคิดว่าเราปล่อยสิ่งประดิษฐ์ให้นายหน้าพวกนั้น ตอนนี้มีคนเผยแพร่ข่าวออกไปทั่วโลกทำให้ทางกลาโหมอยากทบทวนเรื่องคู่สัญญาการประดิษฐ์ยูเอวีอีกครั้ง”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไรคะ เดเรก...แอร์โรว์ไวรอนต์ไม่เคยมีประวัติเสียหายในเรื่องแบบนี้ เป็นไปได้ไหมคะว่าอาจมีใครสักคนขายความลับของบริษัท”
“อาจเป็นอย่างที่คุณคิดหรืออาจไม่ใช่ แต่ผมคงต้องกลับอเมริกาเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณจะอยู่ต่อผมค่อยให้เครื่องบินกลับมารับ”
“เดเรกคะ” อิสลินจับแขนของเขาไว้พร้อมทั้งแสดงความเป็นห่วง “ฉันจะกลับไปพร้อมกับคุณค่ะ และอีวี่...อีวี่!”
หญิงสาวหันมองรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นเงาของลูกน้อยซึ่งยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะหลังฟังข่าวร้ายจากคู่สมรส ทว่าเดเรกกลับมองตามอย่างใจเย็น
“อีวี่อาจวิ่งเล่นแถวนี้ ผมจะเดินไปดูทางโน้นก็แล้วกัน”ชายหนุ่มยิ้มแกน ๆ ก่อนจะเดินไปอีก้านของสุสานในขณะที่อิสลินเดินตรงไปทางกอดอกไม้เล็ก ๆ ที่อีวี่ชี้ให้ดูเมื่อครู่“อีวี่...ลูกจ๋า” หญิงสาวเดินพลางเรียกด้วยความรู้สึกที่เริ่มเป็นกังวล อีวี่แม้เป็นเด็กผู้หญิงแต่ก็ซุกซนเข้าขั้นจนบางครั้งเธอก็ถึงกับหอบ แต่อิสลินไม่เคยอยู่ห่างจากนางฟ้าของเธอเลยตั้งแต่แม่หนูลืมตาดูโลก นัยน์ตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความรักนิรันดร์ที่จะอยู่กับเธอตลอดไป“อีวี่...ลูกอยู่ไหน?...อีวี่” ร่างบางรู้สึกว่าตัวเองเดินออกมาไกลและก้าวผ่านกอไม้รกเรื้อกระทั่งถึงบริเวณน้ำพุเล็ก ๆ ซึ่งห่างออกมาจากสุสานพอประมาณ“อีวี่!” อิสลินปรี่เข้าไปกอดบุตรสาวที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าใกล้กับน้ำพุเพียงโดดเดี่ยว“อีวี่...แม่บอกหนูแล้วไงจ๊ะว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว แม่ตกใจหมดรู้มั้ย”เสียงเอ็ดเบา ๆ ของหญิงสาวทำเอาหนูน้อยหน้าหงิกตาแดงก่ำ อีวี่ไม่พูดอะไรแต่ค่อย ๆ ยื่นของสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้มารดาถึงกับผงะ“อีวี่...ลูกไปเอาดอกไม้นี่มาจากไหน?” หญิงสาวถามขณะรับดอกกุหลาบสีชมพูหวานจากร่างเล็ก“มีคนชวนหนูมาที่นี่...เขาบอกว่ามีดอกไม้สวย ๆ เยอ
“ข่าวที่ประธานแอร์โรว์ไวรอนต์หย่ากับภรรยาน่ะหรือ?” เดเรกเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ร่างแน่งน้อยเงียบไป เธอเพิ่งไปเซ็นต์ใบหย่ากับเดเรกเมื่อวานนี้และมันก็กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งอีกระลอกถัดจากข่าวความเสียหายที่เกิดกับบริษัท“อีฟ...คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่จู่ ๆ ผมก็ทิ้งคุณไปในช่วงเวลาแบบนี้”เดเรกดึงมือเรียวบางนั้นมาไว้บนตักและบีบมันเบา ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ“มันน่าจะถึงเวลาที่ผมต้องยุติการทำหน้าที่การเป็นประธานแอร์โรว์ไวรอนต์ซึ่งมันเป็นความหวังของพ่อกับแม่เสียที หลังจากท่านทั้งสองเสียชีวิตผมก็คิดมาตลอดว่าอยากถอดหัวโขนนี้ออกไปในสักวัน ที่ผ่านมาผมมอบหน้าที่ให้แอนดรูว์หัวหน้าฝ่ายวิจัยดูแลการผลิตมาตลอด เพราะที่จริงผมไม่ได้อยากสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อมากสักเท่าไหร่ ผมอยากไปอยู่ในที่สงบและใช้ชีวิตในแบบที่ผมเป็น”“แต่ตอนนี้คุณก็กำลังจะได้ไปตามทางที่คุณมุ่งหวัง เราต่างเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอมาไม่ใช่หรือคะ”“อีฟ...หลังจากที่ผมเดินทางไปปารีสแล้ว ผมอยากให้คุณได้รับรู้เจตนารมณ์ของผมอีกอย่าง นั่นคือการขายหุ้นทั้งหมดของแอร์โรว์ไวรอนต์ คอร์ป”“ฉันจะจัดการทุกอย่างได้อย่างไรล่ะคะ ถึงตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทจะเปลี่
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณอีฟ...ผมมีหน้าที่เพียงทำตามความต้องการของคุณเดเรกก็เท่านั้น ถึงไม่มีแอร์โรว์ไวรอนต์แล้วแต่ผมก็จะยังคงสานต่องานด้านวิศวกรรมการบินของบริษัทซึ่งต่อไปก็จะอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของดี ฮันเตอร์ และประธานของบริษัทที่กำลังจะพาคุณไปทำความรู้จักตอนนี้อย่างไรล่ะครับ” แอนดรูว์กล่าวด้วยน้ำเสียงอันสุขุมตามแบบฉบับของคนพูดน้อย เขาเป็นคนคอยจัดการทุกอย่างให้เดเรกรวมทั้งวันนี้ที่พาเธอกับอีวี่ออกจากคฤหาสน์หลังงามชานเมืองเพื่อไปส่งอดีตสามีตามกฎหมายขึ้นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเดินทางไปปารีส หลังจากนั้นจึงพาแม่หนูน้อยไปส่งที่เนอร์สเซอรี่ก่อนจะมาที่นี่เพื่อให้อิสลินได้ทำความรู้จักและมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของบริษัทผลิตยูเอวีซึ่งเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามหรือเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อน“คุณรู้จักเขาหรือเปล่าคะ แอนดรูว์?”“ถ้าบอกไปคุณอีฟอาจต้องประหลาดใจก็ได้ ผมไม่เคยเห็นหน้าประธานของบริษัทนี้มาก่อนเลยครับ ผมเพียงติดต่อผ่านตัวแทนที่ทำให้เราแน่ใจว่าเขามีตัวตนอยู่ในแวดวงนี้จริง ๆ ”“แปลกจังนะคะ เดเรกก็ไม่รู้จักเขา...อืม...เขาคงเป็นพวกนักประดิษฐ์ที่ชอบเก็บตัวและทำให้มีคนอยากรู้เรื่องของเขาเป็นแ
“ไคลน์...มีอะไรที่ฉันยังไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือคะ?”“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงคิดว่าคุณน่ะไร้เดียงสา แต่เวลาก็ทำให้ผมค้นพบว่าไม่ควรไว้ใจคนที่ชอบเสแสร้งว่าตัวเองอ่อนต่อโลก โดยเฉพาะผู้หญิงแพศยาอย่างคุณ!”“ไคลน์! หยุดนะคะ คุณจะว่าฉันมากเกินไปแล้ว!”“มิสซิสเพียซ...อ้อ...ลืมไปว่าคุณน่ะเป็นหม้ายเพราะผัวทิ้งไปตอนกิจการกำลังมีปัญหา เดเรกมันฉลาดเอาตัวรอด เมียของมันก็เลยต้องมารับกรรมที่มันก่อไว้กับคนอื่นหนักหนาสาหัส!”“ปล่อยฉัน!” อิสลินสะบัดไหล่จากมือหนาและผละห่างเพื่อมองหน้าเขาชัด ๆ หญิงสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตาเพราะไม่คิดว่าจะพบเจอซาตานสิงสู่สุภาพบุรุษที่เธอเคยรู้จัก ความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เมื่อครู่จางหายกลับกลายเป็นความระทมทุกข์เหมือนตายทั้งเป็นอีกครั้ง“ขอโทษนะคะ...ฉันคงเข้าใจอะไรผิดไป เพราะคุณไม่ใช่เซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์ที่ฉันเคยรู้จัก”“ผมคือเซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์!” น้ำเสียงกร้าวกว่าเดิมทำให้ร่างบางที่กำลังจะหันหลังกลับหยุดชะงัก หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นลอดออกมาเมื่อรู้สึกถึงมือหนาใหญ่ที่จับไหล่เธอไว้จากด้านหลัง ทว่าคาวนี้เขากดมันไว้แน่นจนความปวดร้าวแล่นลงไปถึงฝ่ามือบางเย็นเฉ
อิสลินพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะของเซอร์เรนัล์ฟ เขาหัวเราะเหมือนคนบ้าและมองเธอด้วยแววตาเยาะหยัน“คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อีฟ...นี่คุณคงคิดว่าอยากจะขายหุ้นพวกนั้นไปให้ใครก็ได้ล่ะสิท่า เดเรกมันไม่เคยบอกคุณหรือว่าบริษัทของมันกำลังจะพินาศ!”“นี่...หยุดหัวเราะนะคะ ไคลน์! คุณพูดเรื่องอะไรกัน ในเมื่อฉันมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้กับหุ้นพวกนี้””ผมไม่เถียงคุณหรอก อีฟ...” ร่างสูงตระหง่านก้าวเข้ามาประชิดตัวเธออีกครั้ง อิสลินต้องแข็งใจทั้งที่ข้างในไหวยวบทุกคราที่เขาเข้ามาอยู่ใกล้“มันอาจเป็นสิ่งมีค่าสำหรับผู้หญิงหน้าเงินอย่างคุณ แต่คุณจะขายมันให้ใครไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”“ฉันจะขายมัน แต่ขายให้ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ ฉันจะไม่มีวันขายหุ้นของแอร์โรไวรอนต์ให้กับดี ฮันเตอร์...โอ๊ย!”หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อเซอร์เรนัล์ฟดึงข้อมือของเธอไว้และบิดอย่างไม่คิดปราณี“ฟังผม! เมื่อไหร่ที่คุณขายหุ้นให้คนอื่นก็เตรียมตัวถูกฟ้องข้อหาบริษัทลักลอบส่งยูเอวีให้พวกนายหน้าค้าอาวุธสงครามได้เลย!”“คุณบังคับฉันไม่ได้หรอกค่ะ! ฉันขอยืนยันว่าจะไม่ขายมันให้คุณ”“สายเกินไปกระมัง อีฟ...หุ้นที่คุณเคยครอบครองมันตอนนี้ต
“ก็เอาซี อีฟ...ถ้าคิดว่าจะฆ่าผมได้ แต่ถ้าผมไม่ตาย คุณก็ต้องเจอแบบนี้!” อิสลินสะดุ้งสุดตัวเมื่อจอมซาตานสาดความกักขฬะเข้าใส่ด้วยการฉกเรียวลิ้นเข้าไปในปากเล็กและขบกัดบนริมฝีปากอ่อนจนเลือดซึม ข้อมือบางถูกบีบแทบหักทุกครั้งที่เขายัดเยียดสัมผัสอันปวดร้าวแก่หญิงสาวที่พยายามดิ้นหนี เซอร์เรนัล์ฟกลับกลายเป็นคนที่มีแค่เลือดเนื้อไร้หัวใจ ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อสนองอารมณ์ดิบเถื่อนก็เท่านั้นหญิงสาวสะอื้นฮักขณะกลีบปากถูกบดจนเป็นรอยช้ำ จุมพิตในความทรงจำของอิสลินสูญสิ้นไม่มีเหลือ ใบหน้าคร้ามเข้มจูบดุดันเนิ่นนานกระทั่งเขาถอนริมฝีปากออกก็ถึงกับผงะเมื่อเห็นการกระทำรุนแรงต่ออิสลิน ดวงหน้างามนั้นซีดเผือดและเรียวปากบางบวมช้ำจนเห็นได้ชัด ไม่! เขาจะไม่เห็นใจและสงสาร เซอร์เรนัล์ฟเตือนตัวเองก่อนสำแดงอาการขึ้งเคียด“ผมรู้มาว่าที่คฤหาสน์ชานเมืองมีสวนไคกัตที่จำลองมาจากสวนของตระกูลร็อคกี้เฟลเล่อร์ ผมจะให้คุณกับลูกอยู่ที่นั่น...และจะไม่แตะต้องลูกของคุณ ถ้าคุณ...ยินยอมอยู่ในอาณัติของผม” ร่างแน่งน้อยกัดฟันแน่นขณะเอียงหน้าไปอีกทาง ผมเผ้านั้นยุ่งสยายไปหมดจากการขัดขืน เธอกำหมัดไว้แน่น ทั้งตา จมูก และปากเป็นรอยแดงทว่าเพียร
“ผมให้แอนดรูว์ไปรับแล้ว ส่วนคุณต้องกลับไปพร้อมกับผม” / “ฉันกลับเองได้”“ลืมไปแล้วหรือยังไงว่ารับปากอะไรผมไว้! ไอ้อาการลืมง่ายแบบนี้นี่ไง เลยทำให้คุณใจง่ายมีผู้ชายคนใหม่โดยไม่ต้องคิด!”“ไคลน์!” อิสลินกำหมัดและกัดริมฝีปากซ้ำลงไปที่รอยแผลแตก ทว่าความเจ็บยังไม่ถึงครึ่งของคำพูดที่เขาใช้ทิ่มแทงเธอไม่วายเว้น หญิงสาวตัดสินใจเดินกลับออกไปแต่ไม่ทันแขนใหญ่ที่ตวัดโอบไหล่เธอไว้อีกหน ร่างแน่งน้อยทำทีว่าจะไม่ยอมหากเขาไม่ขู่เสียงกร้าว“อย่าขัดใจผม! เป็นเด็กดีและเชื่อฟัง...อย่าทำให้อะไร ๆ มันยุ่งยากไปกว่านี้!” เซอร์เรนัล์ฟเค้นเสียงจากในลำคอก่อนจะเดินโอบไหล่ร่างเล็กออกจากห้องทำงานเพื่อตรงไปยังลิฟท์ มีพนักงานหลายคนเดินผ่านมาและมองตามด้วยความสงสัย แต่ใครกันจะกล้าถามว่าประธานของดี ฮันเตอร์ หอบหิ้วผู้หญิงคนนี้มาจากไหน อิสลินจำต้องเดินตามเจ้าของวงแขนแข็งกระด้างด้วยความกระดากอายกระทั่งเข้าไปในลิฟท์ที่มีเพียงเขาและเธอสองคน“ผมอยากเห็นเด็กคนนั้น...อีกครั้ง” ร่างสูงใหญ่พูดขึ้นก่อนกดปุ่มลิฟท์ลงไปชั้นล่าง หญิงสาวไม่พูดอะไรแต่หวาดหวั่นในใจโดยไม่มีเหตุผล และก็เป็นจริงดังคาด ความเงียบของเธอบันดาลให้เขาเกิดโทสะขึ้นม
หญิงสาวร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเงางามและดวงตากลมโตทว่าอ่อนหวานยามจับจ้องมายังเขา บัดนี้ภาพเหล่านั้นเจือจางไปจนหมด อิสลินก็เป็นแค่เหยื่อของผู้ชายที่มีลมหายใจไว้เพื่อการแก้แค้นเท่านั้น เซอร์เรนัล์ฟขับรถออกมาไกลกระทั่งเข้าสู่เขตชานเมืองนิวยอร์คซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยบ้านหรูแวดล้อมด้วยทิวไม้ร่มรื่นราวแดนสงบที่อิงแอบอยู่กับธรรมชาติและทำให้รู้สึกราวกับหลุดจากโลกอันวุ่นวายของมหานครใหญ่กระนั้น ไม่นานคฤหาสน์หลังงามบนเนินหลังแมกไม้และสวนสวยก็ค่อย ๆ ปรากฏแก่สายตาของผู้มาเยือน อิสลินมองที่อยู่ของเธอด้วยความหดหู่ นับแต่นี้ไปสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นคุกกักขังหัวใจเธอ“สวนนั่น...” / “อีวี่ล่ะคะ! ไหนคุณบอกว่าแอนดรูว์ไปรับอีวี่แล้ว ฉันอยากเจอลูก!”อิสลินแทรกขึ้นทันทีที่ชายหนุ่มจอดรถตรงทางเข้าคฤหาสน์ใกล้น้ำพุใหญ่ซึ่งรอบ ๆ ไม่เห็นเงาใครสักคน เซอร์เรนัล์ฟกำพวงมาลัยแน่นก่อนจะหันกลับมาทางหญิงสาวที่เฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ เขาทำสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่สะทกสะท้านอะไรเลยกับความหวั่นกลัวที่ฉายชัดในแววตาคู่งาม“พาผมไปที่สวนไคกัต แล้วผมจะให้คุณ...ได้เจอแม่หนูน้อย”“ไคลน์ ถ้าฉันยินยอมที่จะทำตามความต้องการ