@ บนเรือ
ท่ามกลางบรรยากาศบนเรือลำใหญ่กำลังแล่นบนแม่น้ำยามค่ำคืน มีแสงไฟสีเหลืองนวลสอดส่องสองข้างทาง เปิดเพลงบรรเลงคลอเบาๆ ชวนผู้คนรื่นรมย์ผ่อนคลาย
"เอากุ้งไปยัยโม" มาร์แชลล์ใช้ช้อนกับส้อมตักกุ้งตัวใหญ่ใส่จานให้น้องสาวที่กำลังนั่งฝั่งตรงข้ามกับอองตวน ปล่อยมารดานั่งข้างบุตรสาว เพราะทั้งสองชอบสนใจแต่เรื่องกิน บนโต๊ะมีอาหารมากมายโดยเน้นฝีมือของเชฟโรงแรมดัง
"แล้วก็ว่าน้องอ้วน" น้ำเสียงหวานตอบ แกล้งยู้หน้าสวยให้มารดาหมั่นเขี้ยว แม้ว่ามือจับช้อนส้อมจิ้มชิ้นเนื้อกุ้งใส่ปากรับประทาน ฉีกยิ้มหวานกว้างบามลิ้มรสอาหารสดถูกปาก
"แต่เราว่าโมอ้วนขึ้นจริงๆนะ" อองตวนเอ่ยแซวเสริม ขณะหั่นสเต็กเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ ตามด้วยถือถ้วยซอสราดเติมนิดหน่อย
"ตามวัยดีกว่าอองตวน คนมันกำลังโต" หญิงสาวแกล้งตามหลักวิชา ที่สรีระร่างกายย่อมเปลี่ยนตามวัย พอชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามจิ้มชิ้นเนื้อเตรียมป้อนแบบเมื่อก่อน เธอย่อมไม่ขัดให้เสียน้ำใจ ค่อยๆโน้มลำตัวบอบบางไปเตรียมอ้าปากกว้าง
ฟิ้ว~~
"เอ้ย..เปลื้อนเลย มาเราเช็ดให้" ก่อนที่โมอาจะได้ชิมดันมีสายลมพัดทำผมสลวยปลิวฟลุ้ง แถมเปลื้อนน้ำซอสราดสเต็ก อองตวนรีบหยิบทิชชู่เอื้อมไปหมายจะทำความสะอาดให้ แต่ดวงตาดันสะดุดร่องรอยจ้ำสีแดงตรงซอกคอขาว
"ไม่เป็นไร โมเช็ดเองก็ได้" แต่ยังไม่ทันได้แตะคราบนั้น หญิงสาวกลับดึงทิชชู่ไปเช็ดเอง คงไม่รู้ตัวว่ามีรอยบางอย่างแฝงบนร่างกาย เธอไม่มีทางได้เห็นฝ่ามือของเพื่อนสนิท กำชายผ้าเช็ดปากบนตักแน่น แทบฉีกขาดด้วยอารมณ์เดือดดาล
"ว่าแต่จะกลับกันพรุ่งนี้แล้วไม่เร็วไปหน่อยเหรอ ท่านแม่ยังไม่หายเหนื่อยเลย" บุตรสาวหันมาสนใจทางมารดา ตักสลัดผักใส่จานให้เพื่อสุขภาพ
"พี่มีงานต้องทำนะ ว่าแต่เราเถอะว่างแล้วกลับประเทศตัวเองบ้าง" มาร์แชลล์พูดขึ้น แววตาจริงจังเหลือบจ้องน้องสาว เขายังรู้สึกเป็นห่วงไม่ไว้ใจคนแปลกเช่นสามีเธอเลย
"รู้แล้วค่า" โมอาตอบกลับ เธอรู้ว่าอองตวนชอบอาหารประเภทเนื้อ เลือกเลื่อนจานสเต็กเพิ่มให้อีก ทำท่าทางดั่งเมื่อก่อน
"อย่าหลงสามีมากล่ะ พึ่งคบกันระแวงไว้บ้าง" อองตวนกลั้นใจพูด เรียบเรียงน้ำเสียงให้ดูปกติ แม้ว่าข้างในรนรานอยากเปิดธาตุแท้ออกมา
"ระแวง?" คิ้วมนสวยเลิกขึ้นถาม
"ชายไทยบางคนเจ้าชู้เงียบนะ ยังติดอับดับในเอเชียเลย ถ้าอกหักรักคุดขึ้นมา อองตวนคนนี้ซ้ำนะบอกเลย" คนพูดแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน เรียกมาร์แชลล์ฉีกยิ้มตาม
"เห็นเราอ่อนแอขนาดนั้นเชียว" เธอกับเขาไม่ได้ผูกมัดกันด้วยความรู้สึกใด แล้วทำไมก้อนใจดวงน้อยแอบสั่นไหว ใช้ส้อมกับมีดหั่นสเต็กปลา ทำท่าทางโหดเหี้ยมแต่เหมือนลูกแมวให้คนอื่นยิ้ม
@ หนึ่งเดือนต่อมา
"ก็หนูบอกแล้วไงว่าไม่ชอบผักคะน้า!" เป็นเสียงของหญิงสาวรีบแย้งโต้สามีหนุ่ม ขณะร่วมรับประทานมื้อค่ำ โดยมีเตโชกับเดโม่ยืนทางหลังครัว คอยจัดแจงอาหารบางอย่างแบ่งพวกบอดี้การ์คเฝ้าบ้าน ไว้ให้กินรอบดึกแก้อาการง่วง
"ไหนว่าโต?" ซิลค์ยังฝืนตักอาหารพวกผักใบเขียวใส่จานให้โมอา เพราะช่วงนี้เธอค่อนข้างเรียนหนัก แถมยังใกล้เดินทางไปฝึกงานทางแถบชายแดน หยิบทิชชู่เช็ดคราบน้ำยำตรงมุมปากบาง ไม่รู้ทำไมเธอชอบกินแต่รสจัดจ้าน ไม่สนกระเพาะว่าจะรองรับได้แค่ไหน
"อายุยี่สิบสามปีค่ะ" โมอาพูดแสร้งจริงจัง
"นึกว่าสามขวบ" อีกฝ่ายดันตอบกลับยอกย้อน เปลี่ยนบรรยากาศการทานมื้อค่ำร้อนรุ่ม จนเหล่าพี่เลี้ยงมองหน้ากันเลิกลัก แต่ยืนนอกประตูยังสัมผัสอารมณ์คนด้านในได้
"มึงว่าจะอีกนานป่ะวะไอเต" เดโม่เอี้ยวตัวกระซิบถาม พลางโบกมือไล่บอดี้การ์ดคนอื่น เมื่อรับถาดอาหารเสร็จแล้ว
"ดูๆแล้วเจ้านายมึงอะแหละ เถียงได้เถียงดี" เตโชพูดตามความคิด มีอย่างที่ไหนเจ้านายเขาเป็นผู้ใหญ่ซะกว่า แถมกำลังสั่งสอนสิ่งที่มีประโยชน์ ใช้ข้อศอกใหญ่กระทุ้งใส่แกล้งกล้ามท้องคนสนทนาด้วย
"เอ้าไอ้เวร..." พอเดโม่แกล้งยกขาจะถีบคืน อีกฝ่ายรีบหลบอย่างรู้จังหวะ นับวันยิ่งได้ฝึกวิชาด้วยกันกลายเป็นเพื่อนสนิทคนนึงเลย
"หนูโตแล้วตัวใหญ่สุดได้แค่นี้" เธอยังส่งเสียงเถียงต่อเนื่อง โกยผักใบเขียวตักใส่จานคืนเจ้าของ แกล้งทำหน้าสวยอิดเอียนยามลิ้มรสขม เหตุใดคนปลูกถึงไม่คิดค้นให้มันเปลี่ยนรสชาติบ้าง
"ไม่จริง" จู่จู่คนบอกกลับจริงจัง วางช้อนส้อมลงจับแก้วน้ำเปล่าจิบ ส่งสัญญาณไล่ลูกน้องทางหลังบ้านแยกย้ายทำอย่างอื่นระหว่างรอเก็บโต๊ะ
"ผู้หญิงเราสามารถโตได้อีกเหรอ" พาลกระตุ้นต่อมความอยากรู้ รีบวางช้อนส้อมเลียนแบบจิบน้ำตาม ดวงตากลมเบิกกว้างรอคำตอบ หากรู้วิธีความสูงคือปัจจัยแรกจะลองทำ
"นม!" มันไม่ใช่คำตอบแต่อย่างใด เขาบอกเพราะเสื้อนักศึกษาบนร่างอรชรเปิดเห็นจนลึกเกินไป คงเป็นจังหวะโน้มตัวลงพอดี นัยน์ตาคมจ้องไม่กระพริบ ยิ่งทำให้คนถูกมองเลิกลัก
"ทะลึงอีกแล้วหน่ะ!!!" เธอรีบนั่งคืนตำแหน่งเดิม จับกระดุมเสื้อติดทุกเม็ดยันลำคอขาว แต่หารู้ไม่ว่ามันยิ่งดึงให้เสื้อตัวบางแนบเต้าอวบ โชว์บราเซียร์สีเนื้อเห็นชัด
"รีบกินจะขึ้นบ้าน" เขาเอ่ยบอก นั่งเข้มขึมราวเป็นผู้ใหญ่คอยจับผิด โดยอาหารตาตรงทรวดทรง
"ก็ขึ้นไปก่อนเลยค่ะ หนูอยากเดินออกกำลังกายให้ย่อยก่อน" แต่ความจริงแล้วเธอต้องการแอบเอาอาหารให้แมวน้อยสีขาว มันกำลังเชื่องมาตามเวลาเดิมทุกวัน
"ใส่คลุมแล้วค่อยออกไป" ซิลค์ลุกขึ้นยืนไม่ได้เถียงอะไรต่อ เขารู้ว่าการให้อาหารแมวคือกิจวัตรประจำแล้ว ส่วนเขามีงานต้องรีบขึ้นไปเคลียร์ เลยเอื้อมหยิบเสื้อแจ็คเก็ตหลังสีดำคลุมไหล่มน ถึงยอมขายาวเดินขึ้นบรรไดบ้านไป
"ฝนไม่ได้ตกนี่คืนนี้" เธอได้แต่พูดพึมพำ ขืนส่งเสียงดังมีหวังเจ้าของบ้านต้องไม่ยอม เลยรีบจัดการอาหารส่วนที่เหลือก่อนไปรื้อเนื้อปลาในตู้กับข้าว ที่แอบซ่อนไว้กลัวใครกิน
................................................
@ เช้าวันใหม่บ้านซิลค์_"มึงจะรีบมาหาเฮียทำไมแต่เช้าว่ะ" ฮาเกนบ่นพึมพำให้เอเดนตามประสาคนตื่นสายโดนปลุกก่อนเวลา เพราะเมื่อคืนลูกตัวน้อยก่อกวน แต่ผู้ถูกนัดกลับไปรับเขาจากบ้านไม่บอกกล่าวล่วงหน้า พอลงรถสปอร์ตคันหรูลูกน้องเจ้าของบ้านรีบวิ่งมารับกุญแจ อาสาขับไปจอดตรงลานกว้างอย่างคุ้นเคย"ก็ตอนบ่ายกูมีประชุม แค่เลื่อนมาเช้าหน่อยทำทีจะตาย" จริงๆคนนัดก่อนคือฮาเกน ด้วยความรักษาคำพูดเขาเลยอุตส่าห์ชิ่งรถไปรับตัดหน้า จนลืมโทรแจ้งตัวรุ่นพี่หนุ่มเป้าหมายก่อนมาถึง"รีบๆนำไปเลยมึง" เขาไม่ลืมถือกระเป๋าสีดำขนาดเล็กแต่สร้างจากเหล็กชั้นดีแสดงความคงทน ข้างในคืออาวุธชนิดคุณภาพร้ายแรง"เออ.....""......." พอทั้งสองชายหนุ่มจะมุ่งเดินเข้าบ้าน ดันสะดุดกับหญิงสาวใบหน้าสวย ร่างอรชรในชุดเดรสสีแดงใส่สายเดี่ยวเผยผิวขาว ยิ่งแสงแดดอ่อนกระทบยิ่งเพิ่มออร่าความสวยงาม กำลังก้มๆเงยๆเก็บดอกไม้ตรงสวน ด้วยนิสัยคาสโนว่าจึงอมยิ้มหยุดมอง"มึงเห็นแบบกูไหมว่ะ" ฮาเกนใช้ปลายรองเท้าหนังสะกิดเพื่อนรัก ไม่เชื่อว่าสถานที่หวงห้ามมีสตรีใบหน้าสวย แถมเธอยังดูอ่อนกว่าเขาอีกหลายปี"ไอเชี้ย!นางฟ้าชัดๆ" เอเดนยกมือลูบคางสากดั่งราชสีห์เห็นเ
@ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ"คุณแน่ใจนะว่าจะไม่ลงไปกับหนู" เสียงของคนตัวเล็กเอ่ยถาม ยามรถยนต์คันหรูจอดในสถานที่ผู้คนพลุกพล่าน แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มกับไม่ชอบความวุ่นวายเสียเลย ยังนั่งแผ่นหลังตรงไม่ขยับสักนิดเดียว ผิดจากดวงตากลมเบิกขยายโต พอเห็นป้ายสินค้าแบรนด์เนมติดป้ายลดราคาผ่านตัวอักษรสีแดงโด่ดเด่น ผลิตความต้องการอยากได้"อืม" ฝ่ามือหนาคว้าเอาเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำบังคับให้โมอาสวมทับชุดเดรสอีกชั้นนึง ซึ่งทำตามไม่ขัดเจตนาคนสั่ง พร้อมยื่นบัตรเครดิตใบใหม่ให้เพราะเธออยากซื้อของไว้ใช้ยามไปฝึกงานแถวเขตชายแดน เหลือเวลาอีกไม่กี่วันนี้"ถ้าหนูใช้เงินหมดล่ะ" เมื่อบานกระจกยังปิดกั้นระหว่างผู้โดยสาร ปล่อยลำตัวอรชรพิงแผงอกกว้าง ยกปลายนิ้วชี้เรียวจิ้มแก้มสากอย่างออดอ้อน เหมือนเขาเป็นมุมอบอุ่นในบางเวลา เว้นเสียดุดันยามค่ำคืน"ค่อยมาเอาเพิ่ม" แต่ดูคนตัวเล็กยังไม่ระมัดระวัง ช่วงหน้าอกอวบแนบกล้ามอกชิดสนิท อวดเบ่งผิวขาวโกยขึ้นเกือบล้นบรา พาลกระตุ้นอารมณ์ชายพลั่งพลู จนริมฝีปากหยักประทับจูบหน้าผากมนตอบ ส่งฝ่ามือนวดตรงบั้นท้ายงามงอน"งั้นตอนเย็นรอกินข้าวกันที่บ้านนะคะ" โมอาเขยิบเพียงนิดเอื้อมเกาะบ่ากว้าง ถื
@ บ้านซิลค์"รถใครมาเยอะแยะเลยพี่เดย์ แล้วเราจะเข้าไปดีเหรอ" โมอาพูดเอ่ย เธอเห็นรถยนต์ราคาแพงเกินกว่าปกติจอดตรงลานกว้าง เคียงคู่ด้วยมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ ทั้งที่ช่วงเช้าสามีหนุ่มไม่ได้บอกอะไร แถมยังไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเขา แม้ว่าเริ่มสนิทสนมกันบ้างแล้วสองเท้าเรียวสวยหยุดชะงักอยู่ข้างรถยนต์ ครั้นจะเดินเข้าไปตอนนี้ก็ไม่รู้สถานการณ์ข้างในเป็นเช่นไร ขืนบุ่มบ่ามเยื้องกรายผ่านคงได้เสียมารยาทอายแทนเจ้าของบ้าน"งั้นเดี๋ยวผมวิ่งไปถามคนอื่นให้ก่อนดีกว้่าครับ" เดโม่บอก แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเดินไปไหน เตโชที่ยืนหน้าประตูบ้านดันควักมือเรียกส่งสัญญาณให้ทั้งเขาและหญิงสาวรีบเข้าหา"ต้องมีอะไรแน่เลย" น้ำเสียงหวานบอกเบาๆ"เอาไงดีครับ ถ้าคุณโมไม่อยากเข้าไป เดี๋ยวเราไปขับรถเล่นก่อนดีไหม" เขาก็ไม่รู้ข้างในบ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น น่าจะมีคนจำนวนนึงอยู่ในนั้น"โมอา" แล้วเป็นเสียงเข้มตะโกนบอก เขาเดินดุ่มจากข้างบ้านมุ่งมาตรงจุดที่ร่างอรชรยืนอยู่ เธอรีบกระชับชายเสื้อแจ็คเก็ตข่มความรู้สึกประหม่า"หนูไม่กล้าเข้าไป" เธอเอ่ยบอกไปตามความรู้สึกจริง แม้ยังไม่ได้ฟังอีกฝ่ายอธิบายก่อน"พ่อแม่ฉันเอง" อุ้งมือหนาวางทาบ
หลายวันต่อมา_@ เชียงราย"นั่งเครื่องมาก็เมื่อยแล้ว ยังจะนั่งรถต่ออีกไปเหรอยัยโม" เพื่อนสาวเอ่ยบอกอย่างอ่อนล้า ขณะพึ่งลงเหยียบสนามบินยามถึงปลายทาง เบลล์นั่งกอดคอกับโมอาตรงที่พักผู้โดยสาร เตรียมหาคนขับรถอาสาหลังอาจารย์ประจำภาคติดต่อให้"เอาน่าไม่มีอะไรสบายไปทุกอย่างหรอกน่า" เธอรีบให้กำลังใจเพื่อนรักกลับ แม้ก้อนใจดวงน้อยรู้สึกว้าเหว่เป็นครั้งแรก ยามต้องห่างไกลบ้านหลังนั้น เริ่มผูกพันธ์แม้อยู่ได้ไม่กี่เดือนเศษ แล้วสามีช่างแสนเย็นชา ไม่มีแม้แต่จะเอ่ยอำลาอะไร ปล่อยให้เดโม่มาส่งที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น ซึ่งองครักษ์คนสนิทอยู่จัดส่งเอกสารเปลี่ยนชื่อคอนโดให้เจ้าของใหม่ กว่าจะตามมาหาเธอคงเป็นช่วงค่ำ"เราจะไหวแน่หน่ะ" เพื่อนสาวพูดขึ้นเรียกสติ ตามสไตล์ลูกคุณหนูเวลาจะเจอความลำบากย่อยท้อถอยก่อนเป็นอันดับแรก"พลังเราเยอะจะตายยัยเบลล์อย่าเวอร์!" ลำตัวอรชรหยุดยืนขึ้นคว้าเอาแขนเบลลลุกตาม จับสายกระเป๋าเป้กระชับ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เตรียมให้กำลังใจตัวเอง"เออ..สู้ๆดิว่ะ!!!"@ บนดอยเขตชายแดน เมื่อรถกระบะคันเก่าของเหล่าอาสาตามพื้นที่จอดตรงเชิงเขา ปล่อยสองนักศึกษาฝึกหัดเดินลัดเลาะตามทางที่บอก โดยมี
@ ช่วงค่ำ"จะไปไหนของแกยัยโม?" เพื่อนสาวรีบเอ่ยเรียก ตอนที่โมอากำลังจะเยื้องกรายออกจากแคมป์ เพราะผู้ใหญ่ในแถบนี้เตือนว่าห้ามออกตอนกลางคืนมันอันตราย แม้ว่ามีบอดี้การ์ดของทีมแพทย์คอยตรวจเวรยาม"สงสัยลืมหยิบชุดชั้นในมาตอนอาบน้ำ แกรออยู่ที่นี่แหละห้ามออกมาเพ่นพล่านนะ" นิ้วชี้สวยยกออกคำสั่ง เธอกลัวว่าเพื่อนสาวจะจับได้ว่ามีสามีแล้ว เพียงเพราะผูกมัดพันธะแค่ชั่วคราวพอเห็นอีกฝ่ายพยักตอบกลับ ได้ทีรีบทำตามถ้อยคำโกหก สองเท้าเรียวยกก้าวลัดเลาะตามริมลำธาร ดั่งบอดี้การ์ดรู้ยืนคุมเข้มไม่ได้ห้ามปราม"คุณ" น้ำเสียงหวานเอ่ยเรียก ตอนเห็นคนตัวสูงนั่งตรงโขดหินใหญ่ไร้เสื้อท่อนบนโชว์กล้ามมัด สูบบุหรี่ปล่อยควันสีเทาลอยฟุ้ง ท่ามกลางธรรมชาติผ่อนคลาย"อยากเหรอ?" ซิลค์กลับเอ่ยคำถามกำกวม เอียงโครงหน้าคมคายหันมอง ลดฝ่ามือข้างที่จับบุหรี่ลง กระตุกแขนเรียวนั่งทับขาแกร่งมองลำธารแบบเดียวกันคางสากเชยไหล่มนถูไถ ถือโอกาสซุกจมูกดมดอมซอกคอระหง ขบเม้มกระตุ้นอารมณ์เสียวซ่าน รับรู้ได้ว่าคนถูกกระทำขนไรอ่อนลุกสยิว"ดะเดี๋ยวคนเห็นค่ะ" ท้ายทอยเล็กโดนควบคุมหันสบตาระยะใกล้ ได้กลิ่นสารนิโคตินลอยแตะเนินริมฝีปาก สูดดมผิวแก้มชายพาลเสี
@ เช้าวันต่อมา"เมื่อคืนแกกลับมาตอนไหน ฉันจำได้ว่ารอเป็นชั่วโมงเลย" หลังจากทั้งสองเสร็จภารกิจส่วนตัวรีบออกมาพบชาวบ้านเตรียมการสอนให้เด็กๆ ซึ่งทุกคนร่วมมือกันอย่างดี เบลล์ใช้ช่วงตอนนั่งพักใต้ต้นไม้ถาม ราวว่าค้างคาอยู่ในหัวสมอง"พอดีเจอคนรู้จักหน่ะเลยคุยเพลินไปหน่อย" คนรู้จักที่ว่าก็คือสามีในนานนั่นแหละ ย้อนนึกถึงช่วงเมื่อคืนเขาไม่ได้ตอบคำถามที่เธออยากรู้เลย ปล่อยเป็นความเงียบตามบรรยากาศ พาลแสงดาวส่องมองจนเพลิน กระทั่งถึงกลางดึกเลยรีบกลับพักผ่อน~ความหวั่นไหวในใจดวงน้อย คงไม่มีความหมายถ้าเกิดเพียงฝั่งเดียว~"เจอคนรู้จักที่นี่อะนะแก?" คนบอกถึงกับตกตะลึง โลกช่างกลมยิ่งกว่าพรมลิขิตอีก เธอมากันแค่สองคนครั้งแรกด้วยซ้ำ อีกฝ่ายจะรู้ใครเยอะแยะขนาดนั้น"เอ่อ..." โมอาเริ่มเลิกลัก จะหยิบยกเอาใครอ้างต่อดี หากเอาองครักษ์มาอ้าง อาจโดนถามต่อไม่จบสิ้น"อ้าว!น้องโมตัวเป็นๆเลย อาสามาสอนเด็กๆที่นี่ด้วย" แล้วเป็นเสียงของอิฐรุ่นพี่หนุ่ม นักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายมากับกลุ่มโรงพยาบาล เขาแค่แวะนำยาที่ขาดเหลือส่งให้ชาวบ้าน พอเห็นหน้าคุ้นๆเลยรีบทักทายดู ใบหน้าขาวตี๋แสดงความดีใจเปี่ยมล้ม ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรีย
เวลาต่อมา_"เป็นไงการสอนวันแรกของเรา" ร่างอรชรรุดทิ้งกายหมดเรี่ยวแรงกับเพื่อนรัก นั่งบนเสื่อผืนเก่าแทนที่นักเรียนตัวน้อย หลังเปิดสอนผ่านไปเกือบสามชั่วโมง เรียกว่าพวกเธอจัดเต็มทุกวิชาฝ่ามือเรียวล้วงหยิบผ้าเช็ดสีหวานส่งให้เบลล์ แม้แดดยามเย็นไม่ส่องเท่าไหร่หนัก แต่คนเคยอยู่ให้ห้องแอร์อุณหภูมิเย็นตลอด ย่อมได้รับผลกระทบต่อผิวบ้าง"เหนื่อยแต่สนุก" เบลล์ยิ้มอ่อน รีบคืนผ้าเช็ดหน้าแก่เพื่อนรัก เพราะใบหน้าสวยมีเหงื่อผุดเต็มขมับ อาการ ไม่ต่างไปกว่ากัน พอเห็นข้าวนึ่งหัวหน้าห้องเรียนรวบรวมถือสมุดทุกคนมาส่ง เธอรีบตบมือชื่นชมก่อนรับของจากเด็กชาย"วันนี้สนุกสุดๆเลยครับ แต่ผมไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย" เด็กชายรีบนั่งลงข้างคุณครูอาสา เปิดสมุดของตัวเองกางโชว์ให้ดู ลายมือขยึกขยักเป็นตัวชี้บอก เขาไม่เข้าใจวิธีการเขียนเริ่มจุดไหนก่อน"เราเก่งมากนะ แค่ไม่ถนัดเรื่องลายละเอียดใช่ไหมล่ะ" โมอารีบชะโงกดูตาม ถือว่าเขาเป็นนักเรียนภายใต้การสั่งสอน ย่อมควรช่วยเหลือให้เด็กชายเข้าใจถูกวิธี"ครับ""เอางี้นะข้าวนึ่ง ช่วงที่คุณครูมาสอนเราแวะมาได้ตลอดเลยนะ ต้องใช้โอกาสนี้เก็บเกี่ยวความรู้ให้มากๆเชียว" เบลล์บอก พลางจับมือนักเ
"ฉันรีบ" น้ำเสียงเข้มราบเรียบรอบ คนตัวสูงสวมทบบาทแพทย์ชั่วคราว ถือเข็มฉีดยาเตรียมจิ้มใส่สะโพกมน ใช้นัยน์ตาคมบังคับให้หญิงสาวถลกกางเกงลง เผยบั้นท้ายขาวโพลนน่าขย้ำ"คุณเบามือนิดนึงนะ พอดีเมื่อกี้ล้มแรงไปหน่อย" หญิงสาวหลับตาปี๋ กักเก็บอาการกลัวจนลืมตัวดึงแขนเสื้อเชิ้ตแพทย์หนุ่มจิกไว้แน่น ท่าทางเหมือนกำลังต่อสู้ความเจ็บ แต่กลัวอีกฝ่ายหัวเราะเยาะแสร้งอดทน"....." ฝ่ามือหนาล็อคท้ายทอยเล็กซุกใส่แผงอกกว้าง รับรู้แรงหายใจของคนตัวเล็กได้ดี ช่างน่าขำที่เธอแสร้งชินชาทว่าแสดงอาการออกชัดเจน"อึก!" โมอากัดฟันแน่น ยามปลายแหลมเข็มจิ้มใส่เนื้อบาง เจ็บแปลบแทบมีน้ำตาเอ่อ ซุกใส่แผงกว้างซ้ำกว่าเดิมสูดดมกลิ่นกายชายหอมสดชื่น ลืมกระทั่งความเจ็บหลังฉีดยาเมื่อกี้"กลับไหวไหมล่ะ" ซิลค์ถามกลับ พร้อมเอื้อมหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดรอยเลือดซิบ ยิ่งทำร่างอรชรเกร็งเจ็บเท่าตัว โอบกอดแผ่นหลังกว้างราวเหลือสิ่งเดียวยึดเหนี่ยว"คุณ!!หนูเจ็บนะ" โมอายอมปล่อยอ้อมแขนออก เหมือนเสี้ยวนาทีนึงเห็นรอยยิ้มบนปากหยัก พอจะเงยหน้าขึ้นมองระยะใกล้ ร่างกำยำกลับหมุนหันหลังหนี"ทีหลังก็อย่าซน""แล้วคืนนี้คุณจะรอหนูอีกไหม" ร่างอรชรรีบดึงกางเกงข
@ แคมป์พยาบาล ระหว่างรอนายแพทย์หนุ่มจัดการแผลโดนยิงด้วยตัวเอง โดยให้เตโชเข้าช่วยด้านในได้เท่านั้น ร่างอรชรนั่งรอกับพี่ชายอยู่เบื้องหน้าห้อง จิกกุมเสื้อโค้ทแน่นหลังผ่านเรื่องร้ายๆ"ยัยโม...เป็นยังไงบ้างแก" เบลล์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาว พอทราบข่าวว่าโมอากลับมาอย่างปลอดภัยแม้ว่าเดโม่ไม่ยอมบอกอะไรให้เธอรู้เลย"ไม่เป็นอะไรแล้ว..นี่คือพี่ชายเราเอง" ถึงเวลาที่เธอต้องยอมบอกความจริงแก่เพื่อนรัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเก็บความลับได้ เผื่อมีเหตุคราวจำเป็นเบลล์จะได้ระวังตัวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มาร์แชลล์นั่งนิ่งตีหน้าตาย เบื่อนหันหนีมองทางป่าทึบ เขาไม่ได้อยากรู้จักใครอีกแล้ว แค่ติดตามน้องสาวมาเพื่อรับกลับบ้านเท่านั้น"สวัสดีค่ะ แต่แกต้องเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมดนะ" คนบอกพนมมือไหว้เคารพถึงอีกฝ่ายไม่สนใจจะรับก็ตาม ก่อนดึงแขนเพื่อนสาวเพราะอยากรู้ความจริง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ได้ จู่จู่มีองค์หญิงแฝงตัวจนสนิทกัน"พูดไม่เพราะ!" มาร์แชลล์ปรามน้ำเสียงเข้ม แม้จะยังโกรธน้องสาวแต่ก็ต้องนึกถึงเกียรติของเธออันดับแรก"เอ่อ....""เดี๋ยวโมมานะคะ" เธอรีบดึงข้อมือเพื่อนสาวหนีจากพี่ชายใจร้าย หลังเขาเล่า
"พี่มาร์..." น้ำเสียงหวานร้องอย่างหมดหวัง ถูกพี่ชายดึงเรียวแขนห้ามไว้ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทั้งเพื่อนทั้งสามีบอบช้ำน่าถึงจุดสิ้นสุดสักที ทว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันเลย ร่างอรชรสะอื้นจนตัวโยน มองดูสองคนเบื้องหน้าใช้ความรุนแรง ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีด้านมืดในจิตใจ เห็นอาการทรมานคือเรื่องชินชา"คุณ!!!" คนตัวเล็กยิ่งร้องตกใจ เมื่อซิลค์พลาดท่าโดนหมัดกระแทกใส่โครงหน้า ทั้งเตโชกับลูกน้องนับสิบเตรียมเข้าช่วย แต่เจ้านายดันยกมือห้ามเพราะคิดว่าเป็นศึกลูกผู้ชาย"มึงต้องตาย!" อองตวนแทบจะทรุดอยู่ตรงสังเวียนนั้น ยังส่งเสียงไม่มียอมแพ้ให้อีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้หญิงสาวเคียงคู่คนอื่นก็ไม่ควรสุขสมหวัง"หึ..." ร่างกำยำกระตุกเม็ดกระดุมตรงแผงอกกว้าง ให้เปิดคล่องตัวโชยไอร้อนจากภายใน เขาไม่ได้รู้สึกว่าอองตวนสมควรเป็นผู้ต่อสู้สักนิดเดียว แต่ถึงอย่างไรนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบโมอาต้องลำบากแน่"พี่มาร์....โมขอร้องนะ" น้องสาวเร่งกระตุกข้อมือผู้เป็นพี่ซ้ำๆ มันปวดใจเหลือเกินที่ตัวเองทำได้แค่ยืนดู ในระหว่างนั้นชายสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้ใหม่ตุ๊บ!!! ผลั๊วะ!!!!"คุณ!!อองตวน!!!" ร่างอรชรรวบรวมแรงครั้งสุดท้าย สะบัดพันธการพี่ชายทิ
อีกด้านนึง"ผมว่าต้องเป็นสัญญาลักษณ์ที่คุณโมทิ้งไว้แน่เลยครับ" เดโม่ออกความคิดเห็น เขาหยิบดินสอทุกแท่งที่ล่วงอยู่กลางป่า ไม่น่าใช่ความบังเอิญในสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายช่วยกันตามหาโมอาในป่าทึบ แม้เตโชคุ้นชินสถานที่นี้ดีเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะสามารถหาได้ง่ายดาย เพราะเส้นทางคดเคี้ยวเต็มไปด้วยกิ่งไม้มีต้นหญ้าขึ้นสูง อาจเป็นที่หลบพลางของสัตว์ร้าย"แต่มันสิ้นสุดตรงนี้นะเว้ย แล้วคุณโมจะหายไปได้ไง?" เตโชพูดขึ้น ถ้าค้นหาตามสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้เมื่อหยิบชิ้นสุดท้ายได้ ก็ควรเจอเธอได้แล้ว ท้องยามค้ำคืนมืดมิดจนไม่เห็นดาว พวกเขาต้องหรี่ไฟฉายเกรงศัตรูสังเกตุเจอ"ตามมา" ซิลค์เอ่ยบอก เมื่อเขาคิดอะไรได้ สองขายาวดุจนายแบบเร่งก้าวไปตรงข้างริมลำธาร ซึ่งช่วงนี้เป็นปลายทางสายน้ำคาดว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เจอถนนหลัก แต่พวกคนนิรนามอาจหลบซ่อนในแถบนี้ก่อน กันสายสืบของเขาจับได้"......" แล้วทุกอย่างก็เป็นดั่งที่มาเฟียหนุ่มคาดคิด แสงไฟสลัวตรงเชิงเขาดูมีพิรุธ ทันใดนั้นยันต์ตาคมกริบเล็งเห็นร่างบอบบาง ถูกมัดใส่ต้นไม้ใหญ่สภาพสะบักสะบอม สองฝ่ามือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด อารมณ์เดือดดาลทำงานหนักริอาจทรมานภรรยาสาว"เอ
_ เวลาค่ำ"เมื่อไหร่เราจะถึงบ้านข้าวนึ่งคะ" โมอาเอ่ยถาม จากความรู้สึกเป็นห่วงเด็กชาย เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นทันที แถมโยนแท่งดินสอในมือจนหมดแล้วยังไม่ถึงที่หมายเลย ท้องฟ้าในป่ามืดครึ้มไว ไฟฉายสักกระบอกก็ไม่มี"โมคิดว่าพี่จะพามาหาเด็กนั่นจริงเหรอ" จู่จู่น้ำเสียงสุภาพเปลี่ยนจากเมื่อกี้ ร่างสูงเอี้ยวตัวมองคนด้านหลังยามถึงจุดนัดพบกับเจ้านายเขาเอง อิฐล้วงเอาไฟฉายส่องกดแสงกระพริบส่งสัญญาณให้คนซุ่มอยู่รีบออกมาต้อนรับ"จะทำอะไร??" ร่างอรชรหันซ้ายขวาดวงใจน้อยแทบช่วงหล่น มีชายนิรนามจำนวนมากเดินวนรอบตัวเธอ แต่สัญญาลักษณ์บางอย่างทำให้นึกถึงคนเคยสนิทขึ้นมา"จริงๆถ้าวันนั้นโมไม่ปฏิเสธพี่ พี่คงไม่พาเรามาส่งให้คนอื่นหรอก""มาส่ง??ส่งอะไร??" แม้เกิดความกลัวแต่นิสัยกล้าหาญกลับส่งเสียงตะเบ่งกลับ ทำกำปั้นเล็กชูขึ้นขู่ทั้งสองข้าง ร่างอรชรยังค่อยๆหมุนคอยระวังรอบตัว เกรงว่าคนร้ายจะใช้ช่วงทีเผลอประชิดกาย"เราไงโมอา ลืมเพื่อนรักคนนี้ไปแล้วหรือยัง?" อองตวนปรากฏตัวขึ้น ดึงสายตากลมหันมอง ใบหน้าหล่อเหลือร้ายจนหญิงสาวเกิดความรู้สึกต่อต้านอย่างไม่เคยเป็น ชายนิรนามคนอื่นยอมหยุดฝีเท้า ถอยหลังเล็กน้อยให้เจ้านายยืนเ
"พี่ลืมบอกโมไปว่า น้องนักเรียนที่ชื่อว่าข้าวนึ่งอะ ช่วงนี้เค้าป่วยนะ" หมอหนุ่มทำท่าทีล่ะล่ำละลักบอก เกรงคนฟังอาจไม่เชื่อหรือเกิดความรู้สึกสงสารจนเกินเหตุ ทั้งที่เลือกบอกยามเหลือกันสองคนตรงด้านหน้าห้อง ปล่อยให้เบลล์ไปตามเก็บสมุดเรียนไว้ที่โต๊ะข้างในก่อน"พี่อิฐรู้ได้ไงคะ แค่เขาพึ่งขาดเรียนวันเดียวเองนะ" ตอนแรกเธอไม่ได้สงสัยหรอก หากรุ่นพี่หนุ่มไม่บอก ช่างบังเอิญตรงกับเด็กชายไม่มาเรียนวันนี้พอดี ใจดวงน้อยเต้นตุ่มๆ พึ่งเริ่มสอนครั้งแรกดันเกิดเรื่องแล้ว ร่างอรชรมือไม้สั่นระริก แทบตัวอ่อนแรงครุ่นคิดถึงใบหน้าเด็กชายขึ้นมา"พี่พึ่งตรวจเขากับพ่อเมื่อเช้านี้อะ คงจะป่วยเยอะ" อิฐบอกผ่านใบหน้าจริงจัง พลางเหลือบมองหญิงสาวในห้องเรียน ช่วงเวลาบ่ายคล้อยผู้คนแถวนี้สงบเงียบ ต่างแยกย้ายกลับเข้าบ้าน"แล้วบ้านข้าวนึ่งอยู่ไกลไหมคะ โมควรจะแวะไปดูเขาสักหน่อย" แถวนี้คงไม่ต้องนึกถึงรถ หากเด็กชายเดินมาเรียนได้ เธอเป็นครูก็ต้องไปหาได้เช่นกัน เกิดความรู้สึกวิตกนึกถึงใบหน้านักเรียน ชายแสนเก่ง"จากประวัติที่พี่ซักเมื่อเช้า เห็นบอกว่าอยู่แถวเชิงเขา เราไปตอนนี้ก็ทันนะ" เขารีบแนะนำยังไงก็คงกลับมาทันก่อนช่วงค่ำ ต่อให้
"คุณหนวดมันจิ้ม!!" คนตัวเล็กร้องบอก พร้อมฝ่ามือว่องไวตีเข้าต้นแขนใหญ่ทันที ผิวหน้าแสนบอบบางถูกปลายหนวดจิ้มไม่ต่างจากโดนเข็มแทง กระตุ้นความรู้สึกเจ็บจี๊ดตอบสนอง"กล้าตีฉันเลยเหรอ?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นสูง อะไรดลจิตดลใจให้เหยื่อตัวน้อยไม่กลัวราชสีห์ จากอารมณ์ดีๆใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมเหมือนเดิม เหลือบคนทำเขาเจ็บมีสีหน้าสลดลง หากเป็นเมื่อก่อนคงจัดการเหลือไว้แค่ชื่อแล้ว"คุณอย่าเงียบสิ"".........""หนูขอโทษ..." แล้วที่น่าตกใจกว่าคืออารมณ์ของโมอา เพียงนาทีเดียใสับเปลี่ยนได้หลายบทบาท ดวงตากลมกระพริบวิงวอน ใช้แก้มเนียนถูหลังมือหนาอ้อน"......." หัวใจแกร่งเต้นสะเทือน ยามสบตากลมคู่นั้นมีความหมายสื่อมา ชายหนุ่มมาดแมนย่อมอ่านเข้าใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่โมอารู้ กลิ่นน้ำหอมบนกายสาวหอมละมุน เปลี่ยนบรรยากาศสบายใจแทนนาทีกดดันก่อนหน้านี้"โกรธกันหรอคะ แต่หนูโกรธอยู่นะอย่าลืมสิ" นิ้วชี้ยาวสวยยกจิ้มแก้มสากสองสามที ก่อนเปลี่ยนมาปิดปากเรียวหาววอด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคมทั้งหมด"แล้ว""ก็ถือว่าเป็นโมฆะวินวินทั้งคู่ไงคะ""อืม..นอนพักเถอะ" น้ำเสียงเข้มบอก เขาใช้ความอบอุ่นของฝ่ามือหนาลูบผมสลวยกล่อม เพราะฤท
"ฉันรีบ" น้ำเสียงเข้มราบเรียบรอบ คนตัวสูงสวมทบบาทแพทย์ชั่วคราว ถือเข็มฉีดยาเตรียมจิ้มใส่สะโพกมน ใช้นัยน์ตาคมบังคับให้หญิงสาวถลกกางเกงลง เผยบั้นท้ายขาวโพลนน่าขย้ำ"คุณเบามือนิดนึงนะ พอดีเมื่อกี้ล้มแรงไปหน่อย" หญิงสาวหลับตาปี๋ กักเก็บอาการกลัวจนลืมตัวดึงแขนเสื้อเชิ้ตแพทย์หนุ่มจิกไว้แน่น ท่าทางเหมือนกำลังต่อสู้ความเจ็บ แต่กลัวอีกฝ่ายหัวเราะเยาะแสร้งอดทน"....." ฝ่ามือหนาล็อคท้ายทอยเล็กซุกใส่แผงอกกว้าง รับรู้แรงหายใจของคนตัวเล็กได้ดี ช่างน่าขำที่เธอแสร้งชินชาทว่าแสดงอาการออกชัดเจน"อึก!" โมอากัดฟันแน่น ยามปลายแหลมเข็มจิ้มใส่เนื้อบาง เจ็บแปลบแทบมีน้ำตาเอ่อ ซุกใส่แผงกว้างซ้ำกว่าเดิมสูดดมกลิ่นกายชายหอมสดชื่น ลืมกระทั่งความเจ็บหลังฉีดยาเมื่อกี้"กลับไหวไหมล่ะ" ซิลค์ถามกลับ พร้อมเอื้อมหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดรอยเลือดซิบ ยิ่งทำร่างอรชรเกร็งเจ็บเท่าตัว โอบกอดแผ่นหลังกว้างราวเหลือสิ่งเดียวยึดเหนี่ยว"คุณ!!หนูเจ็บนะ" โมอายอมปล่อยอ้อมแขนออก เหมือนเสี้ยวนาทีนึงเห็นรอยยิ้มบนปากหยัก พอจะเงยหน้าขึ้นมองระยะใกล้ ร่างกำยำกลับหมุนหันหลังหนี"ทีหลังก็อย่าซน""แล้วคืนนี้คุณจะรอหนูอีกไหม" ร่างอรชรรีบดึงกางเกงข
เวลาต่อมา_"เป็นไงการสอนวันแรกของเรา" ร่างอรชรรุดทิ้งกายหมดเรี่ยวแรงกับเพื่อนรัก นั่งบนเสื่อผืนเก่าแทนที่นักเรียนตัวน้อย หลังเปิดสอนผ่านไปเกือบสามชั่วโมง เรียกว่าพวกเธอจัดเต็มทุกวิชาฝ่ามือเรียวล้วงหยิบผ้าเช็ดสีหวานส่งให้เบลล์ แม้แดดยามเย็นไม่ส่องเท่าไหร่หนัก แต่คนเคยอยู่ให้ห้องแอร์อุณหภูมิเย็นตลอด ย่อมได้รับผลกระทบต่อผิวบ้าง"เหนื่อยแต่สนุก" เบลล์ยิ้มอ่อน รีบคืนผ้าเช็ดหน้าแก่เพื่อนรัก เพราะใบหน้าสวยมีเหงื่อผุดเต็มขมับ อาการ ไม่ต่างไปกว่ากัน พอเห็นข้าวนึ่งหัวหน้าห้องเรียนรวบรวมถือสมุดทุกคนมาส่ง เธอรีบตบมือชื่นชมก่อนรับของจากเด็กชาย"วันนี้สนุกสุดๆเลยครับ แต่ผมไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย" เด็กชายรีบนั่งลงข้างคุณครูอาสา เปิดสมุดของตัวเองกางโชว์ให้ดู ลายมือขยึกขยักเป็นตัวชี้บอก เขาไม่เข้าใจวิธีการเขียนเริ่มจุดไหนก่อน"เราเก่งมากนะ แค่ไม่ถนัดเรื่องลายละเอียดใช่ไหมล่ะ" โมอารีบชะโงกดูตาม ถือว่าเขาเป็นนักเรียนภายใต้การสั่งสอน ย่อมควรช่วยเหลือให้เด็กชายเข้าใจถูกวิธี"ครับ""เอางี้นะข้าวนึ่ง ช่วงที่คุณครูมาสอนเราแวะมาได้ตลอดเลยนะ ต้องใช้โอกาสนี้เก็บเกี่ยวความรู้ให้มากๆเชียว" เบลล์บอก พลางจับมือนักเ
@ เช้าวันต่อมา"เมื่อคืนแกกลับมาตอนไหน ฉันจำได้ว่ารอเป็นชั่วโมงเลย" หลังจากทั้งสองเสร็จภารกิจส่วนตัวรีบออกมาพบชาวบ้านเตรียมการสอนให้เด็กๆ ซึ่งทุกคนร่วมมือกันอย่างดี เบลล์ใช้ช่วงตอนนั่งพักใต้ต้นไม้ถาม ราวว่าค้างคาอยู่ในหัวสมอง"พอดีเจอคนรู้จักหน่ะเลยคุยเพลินไปหน่อย" คนรู้จักที่ว่าก็คือสามีในนานนั่นแหละ ย้อนนึกถึงช่วงเมื่อคืนเขาไม่ได้ตอบคำถามที่เธออยากรู้เลย ปล่อยเป็นความเงียบตามบรรยากาศ พาลแสงดาวส่องมองจนเพลิน กระทั่งถึงกลางดึกเลยรีบกลับพักผ่อน~ความหวั่นไหวในใจดวงน้อย คงไม่มีความหมายถ้าเกิดเพียงฝั่งเดียว~"เจอคนรู้จักที่นี่อะนะแก?" คนบอกถึงกับตกตะลึง โลกช่างกลมยิ่งกว่าพรมลิขิตอีก เธอมากันแค่สองคนครั้งแรกด้วยซ้ำ อีกฝ่ายจะรู้ใครเยอะแยะขนาดนั้น"เอ่อ..." โมอาเริ่มเลิกลัก จะหยิบยกเอาใครอ้างต่อดี หากเอาองครักษ์มาอ้าง อาจโดนถามต่อไม่จบสิ้น"อ้าว!น้องโมตัวเป็นๆเลย อาสามาสอนเด็กๆที่นี่ด้วย" แล้วเป็นเสียงของอิฐรุ่นพี่หนุ่ม นักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายมากับกลุ่มโรงพยาบาล เขาแค่แวะนำยาที่ขาดเหลือส่งให้ชาวบ้าน พอเห็นหน้าคุ้นๆเลยรีบทักทายดู ใบหน้าขาวตี๋แสดงความดีใจเปี่ยมล้ม ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรีย