ภายในห้องครัว_
"........" ยามใบหน้าทั้งสองอยู่ระยะใกล้ ดวงตาสองคู่กำลังอ่านข้างในกันและกัน เกิดความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น รับรู้ถึงอุณหภูมิอุ่นราดรดริมฝีปาก
ก้อนใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ไม่เคยเข้าใกล้ชายใดแล้วสูญเสียความเป็นตัวเอง คับคล้ายร่างกายกำลังอ่อนไหว ค่อยๆเคลื่อนเปิดเปลือกตาปิด เมื่อริมฝีหนาใกล้จะประกบ
ก๊อก! ก็อก!
"องค์หญิงครับ" เดโม่กดน้ำเสียงต่ำเรียก เขาเคาะพนังกำแพงราวกับส่งสัญญาณขัดจังหวะ ยืนหันหลังให้ตรงกรอบประตู หมายบอกคนทั้งคู่ตรึงตนักสถานะตน
"เอ่อ..ขอบคุณค่ะ" ร่างอรชรรีบผละอ้อมแขนแกร่งออก เอียงใบหน้าสวยหันสนใจเตาอบปกปิดสีแดงบนแก้มเนียน
"ไม่ถือ" ซิลค์บอกเหมือนไม่ได้ใส่ใจ กระแทกลมหายใจราวหงุดหงิด ไม่คิดเช่นกันว่าทำไมถึงเผลอไผลไป ก่อนเดินผ่านองครักษ์ใช้สายตาเฉือดเฉือนมอง
"เกิดอะไรขึ้นหรอครับ" เขาเอ่ยถามทันที เมื่อเหลือกันสองคนภายในครัว หลังเห็นมาเฟียหนุ่มขึ้นช้างบนแล้ว
"โมลื่นเมื่อกี้นิดหน่อย ว่าแต่มีข่าวทางนั้นบ้างไหม" ร่างอรชรเลือกเดินตรงไปหน้าเตาอบ สวมถุงกันร้อนพร้อมเปิดดูผลงาน เธอไม่มีกล้าแม้แต่จะหันมองคู่สนทนา เกรงว่าจะจับอาการเมื้อกี้ออก
"วงในเงียบสนิท พวกท่านน่าจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ก่อนถึงวันของเจ้าชายนะครับ" พี่เลี้ยงคนสนิทรีบจับถาดไปถือไว้ช่วยกันร้อนอีกแรงนึง ระหว่างที่หญิงสาวนำถ้วยแสตนเลสออก ควันสีขาวลอยฟุ้งแสดงอุณหภูมิสูงสุด ยิ่งต้องระมัดระวังพิเศษ
"ก็ดี"
"ถ้าอยากกินเค้กให้ผมไปซื้อไม่ดีกว่าหรอครับ" เขาถามคำถามนี้มาตั้งแต่เธอเริ่มทำ จนกระทั่งเห็นว่าพร้อมทานแล้ว ยังอดพูดซ้ำอีกไม่ได้
"ชอบกินก็ต้องหัดทำเองบ้าง เราจะได้อร่อยขึ้นไปอีกพี่เดย์" เหมือนเธอเหลือเขาเป็นพี่ชายคนนึงที่นี่ เลยยอมตัดเค้กชิ้นใส่จานให้ ซึ่งรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะทานก็ต่อเมื่อเธออิ่มเรียบร้อยก่อน
เช้าวันรุ่งใหม่_
คนตัวสูงสวมชุดสูทสีดำกริบ นิสัยมาดเนี๊ยบตั้งแต่ทรงผมจรดลำตัว นั่งจิบแกฟาดำบนโต๊ะอาหารเช้าไร้เสียงรบกวนดั่งเช่นเมื่อคืน ส่งผลให้สมองปลอดโปร่งรู้สึกสบายใจ พลางหยิบหนังสือเล่มเดิมอ่านฆ่าเวลา ระหว่างรอถึงกำหนดค่อยขึ้นรถออกทำงาน
"ทางหมอแจ้งมาว่าคนไข้ที่ผ่าสมองเมื่อวานฟื้นแล้วนะครับ" เตโชทำหน้าที่เลขาส่วนตัว ถือสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ยืนข้างเจ้านาย รายงานกำหนดการต่างๆแต่ละวัน
"ให้ยาตามเดิม" น้ำเสียงเข้มบอกเรียบ ยกแก้วกาแฟดำจิบเล็กน้อยรสชาติแปรเปลี่ยนไม่เหมือนทุกวัน จนเขายอมยกจิบใหม่อีกครั้ง อมในกระพุ้งแก้มทดสอบก่อนแน่ใจ เคาะนิ้วชี้ใส่ขอบโต๊ะกระจกใสครุ่นคิด ยามกลิ่นของเหลวในแก้วลอยแตะจมูก
"มีอะไรหรือป่าวครับนาย?"
"มันผสมโกโก้ได้ไง?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นชวนสงสัย หันจ้องใบหน้าบอดี้การ์ดตั้งคำถาม ปิดกระแทกหนังสือเสียงดังราวสมาธิถูกขัดด้วยอารมณ์
"เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนให้ใหม่ไหมครับ" เป็นแค่เพียงคำถามก็จริง ทว่าคนฟังรู้สึกถึงการตำหนิ ทั้งที่เขาชงผงกาแฟชั้นดีเช่นทุกวันหรือเกิดจากคนอื่นเข้าใช้งานในครัวเพิ่มเติม
"ไม่ต้อง...ทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือ!" ร่างสูงกระชากตัวลุกจากเก้าอี้รวดเร็ว ไม่หันมาจิบกาแฟดำอีก อะไรที่เขาเคยสั่งเข้มงวด ต้องกลายเป็นหญิงสาวมาทำลาย ส่งสัยคืนนี้ต้องหาข้อยุติสัญญาบ้าๆนั้นแทน
....................................
@ คอนโดโมอา เมื่อรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวลงจากรถยนต์คันหรูของสามีในนามชั่วคราว หลังเดโม่ยืมจากเตโชเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เขาสืบทราบข่าววงในได้ว่ามาร์แชลล์ไม่มีทางปล่อยน้องสาวมาร่วมชะตาลำพัง ร่างอรชรสวมชุดธรรมดาเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นเช่นเคย ล้วงบัตรแสกนเพื่อเข้าตัวอาคาร โดยให้องครักษ์ติดตามไปยืนรอตรงหน้าประตูห้อง เวลานี้อะไรก็ไม่แน่ไม่นอนเผื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!"รีบไปกันเถอะ จะไปแวะซื้อหนังสืออีก" น้ำเสียงใสเอ่ยบอก โมอาจำเป็นต้องมาเอาสิ่งของสำคัญไว้ใช้เรื่องเรียน ซึ่งอีกไม่กี่วันดีก็จะเปิดเทอมสุดท้าย เดโม่มุ่งเดินนำหน้าไปยังลิฟท์กดประตูจะเลื่อนเปิดกว้างอัตโนมัติ มีบุคคลอื่นสวนลงมาชายนิรนามแปลกหน้าใส่เพียงแมสปิดปาก เหร่สายตาแฝงความคิดมองใบหน้าสวย จนเจ้าตัวรู้สึกรีบเดินไปยืนคู่คนด้านข้าง"เป็นอย่างที่เราคิด" น้ำเสียงเข้มเอ่ยบอก ระหว่างประตูลิฟท์เลื่อนปิดกดระบุชั้นปลายทาง เขาหันไปมองหญิงสาวเล็กน้อย เธอกำลังถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันไม่ง่ายสักนิดเดียวแค่อยากมีชีวิตอย่างคนทั่วไปติ่ง!"เชิญครับ" เดโม่พุ่งตัวออกจากลิฟท์ก่อน สอดส่องสายตาดูบริเวณรอบ เมื่อเข้าเขตพื้นที่อยู่อาศ
"ฉันจะบอกว่า.." น้ำเสียงใสเริ่มละล่ำลัก ยามเห็นซิลค์ขยับมายืนข้างโต๊ะทำงาน มีอุปกรณ์การแพทย์จำนวนนึงวางอยู่ ชิ้นเนื้อต่างๆกระจัดกระจายในถาดแสตนเลส จากการคาดคะเนตามสายตาอาจเป็นเนื้อเยื่ออ่อน ผสมรอยเลือดสีแดงสดยังไหลซึม"เศษสมองคน" คนตัวโตให้คำตอบชัดทุกถ้อยคำ ยิ่งทับถมความคิดหญิงสาว เกิดอาการกลัวเกร็งสั่นตามมือบาง ปล่อยสองข้างพนักจับเป็นอิสระ ลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอเล็ก ใครจะคิดว่าได้เห็นของจริงระยะใกล้แบบไม่เต็มใจ แสงหริบหรี่ของหน้าจอคอมพิวเตอร์ พาลกดดันก้อนใจดวงน้อยเต้นตึกตัก กระหน่ำรัวแข่งกับแรงสูบเลือดทั่วกายสาว บ่งบอกว่าไม่ควรฝืนอยู่บริเวณอันตราย"ไว้วันอื่นก็ได้เนอะ" ร่างอรชรลุกขึ้นยืน ถึงกลับพะอืดพะอมไม่มีแรงก้าวขา ยกมือทุบขมับเล็กเบาๆตั้งสติ แต่ทว่าดันสะดุดเท้าตัวเองเซล้มใส่คนตัวสูง"แล้วอวดเก่ง?" เป็นเสียงเข้มแว่วผ่านหูบาง ทำใบหน้าสวยแหงนตามองศาเอี้ยวมอง เงาสะท้อนกระทบนัยน์ตาคมชวนลุ่มหลงรอบสอง"คือ.." คนบอกยังสบมองนัยน์ตาคม พาลร่างอรชรอ่อนระทวยสูญเสียความเป็นตัวเอง ฝ่ามือบางทั้งคู่เกาะแผงอกแกร่ง ค่อยๆเลื่อนใบหน้าสวยสีแดงจางเข้าหาริมขอบปากหยัก"อย่ามาร้องเสียใจทีหลัง" ซิลค์
"........." ".........."บรรยากาศชวนอึดอัดทันที เมื่อซิลค์เลือกนั่งหันหลังใส่คนตัวเล็กนอนหมดแรงบนเตียง พลางมองสำรวจบริเวณรอบห้อง ตกแต่งสไตล์เนียบดูสะอาดเหมือนเจ้าของ เธอลอบมองแผ่นหลังกว้างอยู่ระยะนึง เขาไม่ส่งเสียงใดยิ่งเงียบผิดปกติ เป็นตัวบ่งบอกเรื่องความสัมพันธ์จากนี้"ถ้าตามทฤษฎี...เราเป็นผัวเมียกันแล้วใช่ไหมคะ" โมอาเอ่ยบอก อยากรู้ตามความเข้าใจที่ทราบมา ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงสองมือกำชายผ้าน่วมข่มความรู้สึกประหม่า พอชำเรืองเห็นคราบสีแดงสดปนขาวขุ่นเปลื้อนผ้าปู ร่างอรชรรีบเอี้ยวตัวหยิบทิชชู่ทำลายร่องรอย"หมายความว่าไง?" น้ำเสียงเข้มถามเรียบนิ่ง มีชายผ้าห่มปิดคลุมช่วงล่างเท่านั้น ผิวกายขาวสะอาดสะอ้านไม่มีแม้กระทั่งรอยด่างเลยลำตัวกำยำเอื้อมหยิบบุหรี่จากกางเกงสแล็คดำ จุดแช็กสูบไม่สนผู้ร่วมอาศัย จนเธอรวบรวมผ้าผืนหนายกขึ้นปิดจมูก ปล่อยเสียงอู้อี้พูดคุย"แค่สงสัยเฉยๆ แต่ไม่ต้องคิดนะคะว่าฉันจะเรียกร้องอะไร" เธอรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ตามคำที่พูดบอก ทั้งสองต่างยินยอมทำเรื่องอย่างว่าเอง พอจะขยับส่วนล่างก็เกิดความรู้สึกปวดระบม เลยหยุดชะงักค้างท่าเดิมไว้ก่อน"อวดดี..หึ" เสียงพ่นลมหายใจแรงๆตามหลั
@ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำโมอาถือโอกาสดีเปิดใช้บัตรเครดิตใบใหม่รูดใช้จ่ายสินค้ามากมาย ส่งถุงแบรนด์หรูให้เดโม่ผู้ช่วยส่วนตัวคอยประกบด้านหลัง โดยเธอไม่ลืมคืนเงินจำนวนนึง ถือคติที่ว่าไม่ยอมเป็นหนี้ใครง่ายๆโดยเฉพาะคนใกล้ตัว"คุณโมไม่ต้องคืนหรอกครับ องค์ชายแอบส่งให้แล้ว" เขาพยามกระซิบบอกยังไงหญิงสาวก็ไม่มีท่าทีจะฟัง พาเดินเข้าแต่ร้านสิ่งของหรูหรา เขาเกรงว่าอีกไม่นานวงเงินในบัตรนั้นคงหมดเร็วๆนี้ หากคนยังใช้ประหนึ่งเล่นสะสมแต้ม"ได้ไงพี่เดย์ ระดับมือขวาของโมเชียว เลือกเสื้อสูทดีๆสักตัวสิ เวลายืนข้างพี่เตจะได้ดูเด่นกว่าเขาไง" น้ำเสียงใสฉายแววหมั่นไส้ ยามนึกถึงใบหน้าคมคายทั้งเจ้านายและลูกน้อง เขาเล่นกอบโกยเรี่ยวแรงทำสองขาเรียวสั่นเวลาก้าวเดิน"อย่าแต่งแบบนั้นเลยครับ เราจะเป็นที่จับตามองได้" พอมาอยู่ประเทศไทยรอบนี้ การแต่งกายเขาเปลี่ยนเป็นแบบชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ทั่วไป ดูกลมกลืนเข้ากับสังคมดีกว่า"เลือก!นี่คือคำสั่ง อ้อ..แล้วเราไปซื้ออาหารสดกันด้วย เย็นนี้โมจะเข้าครัว" ร่างอรชรยื่นแขนเรียวขาวปานเชิญเข้าร้านด้านใน การันตีผ้าแบรนด์ขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้องครักษ์รู้สึกเกรงใจ ทว่าพอเห็นแววตากลมจ
"เฮ้อ..กว่าจะกินได้ มันขมขึ้นคอเชียวนะ" คนตัวเล็กถึงกลับทิ้งร่างกายอ่อนยวบ นั่งพิงหลังบนเก้าอี้ส่งสายตาชำเรืองค้อนแก่เจ้าของบ้าน หลังร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำ เขาเลือกเน้นตักแต่ผักใบเขียวใส่จานบังคับ"ไหนว่าโต" ซิลค์ส่ายหน้าคมคายซ้ายขวา ตอนแรกตั้งใจจะกลับมายึดบัตรเครดิตคืน แต่พอเห็นรายการใช้จ่าย ส่วนมากเป็นของใช้ในบ้าน เลยทำเป็นแกล้งลืมไปก่อน ค่อยชำระทบต้นทบดอกทีหลัง"อยู่ที่นู้นไม่เห็นมีใครบังคับเรื่องการกินเลย คุณนี่ติดนิสัยเป็นหมอชอบบังคับคนไข้ชัวร์!" โมอาส่งเสียงใสยิ่งกว่านกกระจิบ ใช้ช้อนส้อมจิ้มเนื้อกุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่แกล้งยั่วน้ำลายอีกฝ่าย"พูดมาก" เขาปรามสั้นๆ ใช้สายตาเข้มหรี่มอง วางช้อนส้อมข้างจานข้าวเป็นระเบียบ ยกแก้วน้ำกระดกดื่มตาม"เชอะ..แคร่ก! แคร่ก!" แต่ยังไม่ทันไร หญิงสาวฝั่งตรงข้ามเกิดอาการสำลักกระทันหัน ใช้กำปั้นเล็กทุบหน้าอวบรัวๆ ลมหายใจเริ่มติดขัด ใบหน้าแดงก่ำผิดจากเมื่อกี้แววตากลมคล้ายร้องขอ แต่ไม่มีเสียงเอ่ยบอก รู้สึกแสบทั่วลำคอด้านใน ราวจะหมดลมหายใจเพียงไม่กี่นาที"คุณโม!!!!เป็นอะไรครับ" เดโม่และเตโชพึ่งจะเข้ามานำอาหารในครัวไปทานกับพวกบอดี้การ์ด แต่ต้องตกใจเสียงใสร
ตึก! ตึก! หญิงสาวก้าวเท้าเรียวฉับพลัน อาศัยเหตุการณ์เมื่อคืนเลยจำสถานที่ได้ดี หยุดยืนชะงักข้างริมเตียงขนาดใหญ่เหลือบมองเห็นผ้าปูสีเดิม รอยคราบเลือดผสมน้ำขาวขุ่นแห้งกัง ยิ่งย้ำความรู้สึกก้นบึ้งลึก จิตใจดวงน้อยไม่เคยไหวอ่อนให้ชายใด แต่นัยน์ตาคมคู่นั้นทำสูญเสียอาการ"อยู่นี่เอง" น้ำเสียงใสพูด เมื่อเจอกระปุกยาอยู่ตรงหัวเตียงจริงๆ ร่างอรชรถือวิสาสะคลานขึ้นบนเตียง ขยับไปเอื้อมมือหยิบ เพื่อให้หายป่วยไข้ไวไวหมับ!"อ๊ะ!!คุณจะมาเอาให้ทำไมไม่บอกเล่า" จู่จู่มือหนาดันแย่งคว้ากระปุกไปต่อหน้าต่อตา โมอารีบเอี้ยวตัวหันจ้องอย่างสงสัย แต่ดันถูกท่อนแขนแกร่งช้อนหน้าท้องราบไว้ ทำให้เธอค้างอยู่ในท่าคลานเข่าโดยมีร่างกำยำยืนข้างหลัง"จะทำอย่างอื่น" ซิลค์บอกผ่านน้ำเสียงแห่บพล่า ใช้มือข้างนึงอาศัยเปิดกระปุกยา หยิบออกมาหนึ่งเม็ดคาบไว้ ก่อนขวดน้ำที่ถือตามมาเตรียมส่งให้หญิงสาว"คุณป่วยเหรอ""ป่าว.." พอให้คำตอบเสร็จคนตัวสูงก้มประกบปากปิดทันที สิ้นสากทำหน้าที่ดันเม็ดยาลดไข้ใส่โพรงปากนุ่มแทน"อื้อ" รสชาติขมปี๋กว่าการกินแบบธรรมดา แล่นเข้าสู่ลำคอระหงทำขนลุกซาบซ่าน รีบแย่งคว้าขวดน้ำกระดกดื่ม ใบหน้าแดงระเรื่อไม่รู้ว่า
ฉึ่บ!!!สิ้นเสียงของกรรไกรผ่าตัดแยกเนื้อเยื่อจากกัน ด้วยฝีมือซิลค์นายแพทย์หนุ่มดีกรีผู้อำนวยการโรงพยาบาล ใบหน้าคมคายเงยขึ้นทันที เอียงส่งสัญญาณให้หมอผู้ช่วยรับผิดชอบอาการคนไข้ต่อ"ขอบคุณอาจารย์นะคะ" ตามด้วยเสียงของพยาบาลประจำห้องผ่าตัด เอ่ยกล่าวต่อนายแพทย์หนุ่มผู้รับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมครั้งนี้ ซิลค์พยักหน้าตอบรับเล็กน้อย ยืนลำตัวตรงนิ่งความสูงเกินร้อยแปดห้า ทำให้ผู้ช่วยต้องเขย่งปลายเท้าปลดปมผูกชุดผ่าตัดด้านหลัง เพื่อกันเชื้อโรคแปดเปื้อนไปยังพื้นที่นอกเขตควบคุมผับSK"เฮียไม่คิดจะมีเมียบ้างเหรอ" ภาคินลองใจถามซิลค์ รุ่นพี่หนุ่มแสนเย็นชา ใบหน้าเรียบนิ่งไม่ได้เข้ากับบรรยากาศสักนิดเดียว ขณะร่วมโต๊ะดื่มสังสรรค์ ตรงโซนวีไอพีเฉพาะพวกเขาแม้ว่าเสียงดนตรีจะดังครึกครื้นขนาดไหน มีสิ่งยัวยุมากมาย ก็ไม่เคยเห็นเอนไหวสักนิดเดียว"ไม่" ซิลค์ตอบน้ำเสียงเข้ม ถลกแขนเสื้อเชิ้ตขาวขึ้นข้อศอก นั่งเอนหลังพิงพนักโซฟา จับแก้วเหล้าสีอำพันยกดื่ม หลังจบเคสผ่าตัดรักษาสมองเสร็จสิ้น เขาไม่ได้รู้สึกฉาบฉวยมีช่วงเวลาสนุกดั่งมนุษย์คนอื่น ในขณะที่คนรอบตัวล้วนกอบโกยความสุขมากมาย มีครอบครัวสมบูรณ์กันหมดแล้ว"แหม่..ถ
ณ ประเทศนาเธอร์ลาสติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!"แย่แล้วค่ะองค์หญิงตื่นได้แล้ว องค์ชายกำลังมาเพคะ" ผู้ได้รับมอบหมายเป็นพี่เลี้ยงมาร่วมยี่สิบปี กำลังร้อนรนเอื้อมมือสะกิดเจ้าหญิงตัวเล็กบนเตียงหรูประกอบด้วยทองคำ ลิลลี่ส่งเสียงกระวนกระวาย จวนเจียนเหมือนกองเพลิงใกล้ขยับทุกที หลังพยามปลุกร่วมชั่วโมงกว่า แต่ไม่มีท่าทีจะลุกตื่นขึ้นมาเลย"อะไรกันแต่เช้าพี่ลิลลี่ โมอาขอตื่นตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ!" ใบหน้าสวยงอค้ำไม่พอใจ รุดออกจากผ้าห่มผืนหนา สบัดตัวนั่งบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์"นี่มันเกือบบ่ายสองแล้วนะเพคะ องค์ชายกำลังมาตามแล้ว""ห๊ะ!!!!..แล้วทำไมไม่ปลุกกันเล่า!" ดวงตากลมขนงอนเงา รีบเหลือบดูนาฬิกาเรือนใหญ่ข้างพนังห้อง ทันใดนั้นร่างอรชรรีบกระโดดลงจากเตียง เริ่มมีท่าทีกระวนกระวายไม่ต่างจากพี่เลี้ยงเลย"ลิลลี่ปลุกมาเกือบชั่วโมงแล้วนะเพคะ" เธอรีบส่งเครื่องแต่งกายทั้งหมดให้องค์หญิงราวรู้ใจ เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ลิลลี่รับหน้าที่ช่วยดูแลตลอดมา... ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันภายในห้องโถงใหญ่ ของเมืองเล็กๆซึ่งน้อยคนรู้จักทางแถบตะวันตก ทั้งองค์หญิงและองค์ชายนั่งก้มหน้าตึงเครียด เมื่อโดนถ้อยคำบังคับจากบิดา ให้ไปงานการกุศ
ตึก! ตึก! หญิงสาวก้าวเท้าเรียวฉับพลัน อาศัยเหตุการณ์เมื่อคืนเลยจำสถานที่ได้ดี หยุดยืนชะงักข้างริมเตียงขนาดใหญ่เหลือบมองเห็นผ้าปูสีเดิม รอยคราบเลือดผสมน้ำขาวขุ่นแห้งกัง ยิ่งย้ำความรู้สึกก้นบึ้งลึก จิตใจดวงน้อยไม่เคยไหวอ่อนให้ชายใด แต่นัยน์ตาคมคู่นั้นทำสูญเสียอาการ"อยู่นี่เอง" น้ำเสียงใสพูด เมื่อเจอกระปุกยาอยู่ตรงหัวเตียงจริงๆ ร่างอรชรถือวิสาสะคลานขึ้นบนเตียง ขยับไปเอื้อมมือหยิบ เพื่อให้หายป่วยไข้ไวไวหมับ!"อ๊ะ!!คุณจะมาเอาให้ทำไมไม่บอกเล่า" จู่จู่มือหนาดันแย่งคว้ากระปุกไปต่อหน้าต่อตา โมอารีบเอี้ยวตัวหันจ้องอย่างสงสัย แต่ดันถูกท่อนแขนแกร่งช้อนหน้าท้องราบไว้ ทำให้เธอค้างอยู่ในท่าคลานเข่าโดยมีร่างกำยำยืนข้างหลัง"จะทำอย่างอื่น" ซิลค์บอกผ่านน้ำเสียงแห่บพล่า ใช้มือข้างนึงอาศัยเปิดกระปุกยา หยิบออกมาหนึ่งเม็ดคาบไว้ ก่อนขวดน้ำที่ถือตามมาเตรียมส่งให้หญิงสาว"คุณป่วยเหรอ""ป่าว.." พอให้คำตอบเสร็จคนตัวสูงก้มประกบปากปิดทันที สิ้นสากทำหน้าที่ดันเม็ดยาลดไข้ใส่โพรงปากนุ่มแทน"อื้อ" รสชาติขมปี๋กว่าการกินแบบธรรมดา แล่นเข้าสู่ลำคอระหงทำขนลุกซาบซ่าน รีบแย่งคว้าขวดน้ำกระดกดื่ม ใบหน้าแดงระเรื่อไม่รู้ว่า
"เฮ้อ..กว่าจะกินได้ มันขมขึ้นคอเชียวนะ" คนตัวเล็กถึงกลับทิ้งร่างกายอ่อนยวบ นั่งพิงหลังบนเก้าอี้ส่งสายตาชำเรืองค้อนแก่เจ้าของบ้าน หลังร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำ เขาเลือกเน้นตักแต่ผักใบเขียวใส่จานบังคับ"ไหนว่าโต" ซิลค์ส่ายหน้าคมคายซ้ายขวา ตอนแรกตั้งใจจะกลับมายึดบัตรเครดิตคืน แต่พอเห็นรายการใช้จ่าย ส่วนมากเป็นของใช้ในบ้าน เลยทำเป็นแกล้งลืมไปก่อน ค่อยชำระทบต้นทบดอกทีหลัง"อยู่ที่นู้นไม่เห็นมีใครบังคับเรื่องการกินเลย คุณนี่ติดนิสัยเป็นหมอชอบบังคับคนไข้ชัวร์!" โมอาส่งเสียงใสยิ่งกว่านกกระจิบ ใช้ช้อนส้อมจิ้มเนื้อกุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่แกล้งยั่วน้ำลายอีกฝ่าย"พูดมาก" เขาปรามสั้นๆ ใช้สายตาเข้มหรี่มอง วางช้อนส้อมข้างจานข้าวเป็นระเบียบ ยกแก้วน้ำกระดกดื่มตาม"เชอะ..แคร่ก! แคร่ก!" แต่ยังไม่ทันไร หญิงสาวฝั่งตรงข้ามเกิดอาการสำลักกระทันหัน ใช้กำปั้นเล็กทุบหน้าอวบรัวๆ ลมหายใจเริ่มติดขัด ใบหน้าแดงก่ำผิดจากเมื่อกี้แววตากลมคล้ายร้องขอ แต่ไม่มีเสียงเอ่ยบอก รู้สึกแสบทั่วลำคอด้านใน ราวจะหมดลมหายใจเพียงไม่กี่นาที"คุณโม!!!!เป็นอะไรครับ" เดโม่และเตโชพึ่งจะเข้ามานำอาหารในครัวไปทานกับพวกบอดี้การ์ด แต่ต้องตกใจเสียงใสร
@ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำโมอาถือโอกาสดีเปิดใช้บัตรเครดิตใบใหม่รูดใช้จ่ายสินค้ามากมาย ส่งถุงแบรนด์หรูให้เดโม่ผู้ช่วยส่วนตัวคอยประกบด้านหลัง โดยเธอไม่ลืมคืนเงินจำนวนนึง ถือคติที่ว่าไม่ยอมเป็นหนี้ใครง่ายๆโดยเฉพาะคนใกล้ตัว"คุณโมไม่ต้องคืนหรอกครับ องค์ชายแอบส่งให้แล้ว" เขาพยามกระซิบบอกยังไงหญิงสาวก็ไม่มีท่าทีจะฟัง พาเดินเข้าแต่ร้านสิ่งของหรูหรา เขาเกรงว่าอีกไม่นานวงเงินในบัตรนั้นคงหมดเร็วๆนี้ หากคนยังใช้ประหนึ่งเล่นสะสมแต้ม"ได้ไงพี่เดย์ ระดับมือขวาของโมเชียว เลือกเสื้อสูทดีๆสักตัวสิ เวลายืนข้างพี่เตจะได้ดูเด่นกว่าเขาไง" น้ำเสียงใสฉายแววหมั่นไส้ ยามนึกถึงใบหน้าคมคายทั้งเจ้านายและลูกน้อง เขาเล่นกอบโกยเรี่ยวแรงทำสองขาเรียวสั่นเวลาก้าวเดิน"อย่าแต่งแบบนั้นเลยครับ เราจะเป็นที่จับตามองได้" พอมาอยู่ประเทศไทยรอบนี้ การแต่งกายเขาเปลี่ยนเป็นแบบชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ทั่วไป ดูกลมกลืนเข้ากับสังคมดีกว่า"เลือก!นี่คือคำสั่ง อ้อ..แล้วเราไปซื้ออาหารสดกันด้วย เย็นนี้โมจะเข้าครัว" ร่างอรชรยื่นแขนเรียวขาวปานเชิญเข้าร้านด้านใน การันตีผ้าแบรนด์ขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้องครักษ์รู้สึกเกรงใจ ทว่าพอเห็นแววตากลมจ
"........." ".........."บรรยากาศชวนอึดอัดทันที เมื่อซิลค์เลือกนั่งหันหลังใส่คนตัวเล็กนอนหมดแรงบนเตียง พลางมองสำรวจบริเวณรอบห้อง ตกแต่งสไตล์เนียบดูสะอาดเหมือนเจ้าของ เธอลอบมองแผ่นหลังกว้างอยู่ระยะนึง เขาไม่ส่งเสียงใดยิ่งเงียบผิดปกติ เป็นตัวบ่งบอกเรื่องความสัมพันธ์จากนี้"ถ้าตามทฤษฎี...เราเป็นผัวเมียกันแล้วใช่ไหมคะ" โมอาเอ่ยบอก อยากรู้ตามความเข้าใจที่ทราบมา ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงสองมือกำชายผ้าน่วมข่มความรู้สึกประหม่า พอชำเรืองเห็นคราบสีแดงสดปนขาวขุ่นเปลื้อนผ้าปู ร่างอรชรรีบเอี้ยวตัวหยิบทิชชู่ทำลายร่องรอย"หมายความว่าไง?" น้ำเสียงเข้มถามเรียบนิ่ง มีชายผ้าห่มปิดคลุมช่วงล่างเท่านั้น ผิวกายขาวสะอาดสะอ้านไม่มีแม้กระทั่งรอยด่างเลยลำตัวกำยำเอื้อมหยิบบุหรี่จากกางเกงสแล็คดำ จุดแช็กสูบไม่สนผู้ร่วมอาศัย จนเธอรวบรวมผ้าผืนหนายกขึ้นปิดจมูก ปล่อยเสียงอู้อี้พูดคุย"แค่สงสัยเฉยๆ แต่ไม่ต้องคิดนะคะว่าฉันจะเรียกร้องอะไร" เธอรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ตามคำที่พูดบอก ทั้งสองต่างยินยอมทำเรื่องอย่างว่าเอง พอจะขยับส่วนล่างก็เกิดความรู้สึกปวดระบม เลยหยุดชะงักค้างท่าเดิมไว้ก่อน"อวดดี..หึ" เสียงพ่นลมหายใจแรงๆตามหลั
"ฉันจะบอกว่า.." น้ำเสียงใสเริ่มละล่ำลัก ยามเห็นซิลค์ขยับมายืนข้างโต๊ะทำงาน มีอุปกรณ์การแพทย์จำนวนนึงวางอยู่ ชิ้นเนื้อต่างๆกระจัดกระจายในถาดแสตนเลส จากการคาดคะเนตามสายตาอาจเป็นเนื้อเยื่ออ่อน ผสมรอยเลือดสีแดงสดยังไหลซึม"เศษสมองคน" คนตัวโตให้คำตอบชัดทุกถ้อยคำ ยิ่งทับถมความคิดหญิงสาว เกิดอาการกลัวเกร็งสั่นตามมือบาง ปล่อยสองข้างพนักจับเป็นอิสระ ลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอเล็ก ใครจะคิดว่าได้เห็นของจริงระยะใกล้แบบไม่เต็มใจ แสงหริบหรี่ของหน้าจอคอมพิวเตอร์ พาลกดดันก้อนใจดวงน้อยเต้นตึกตัก กระหน่ำรัวแข่งกับแรงสูบเลือดทั่วกายสาว บ่งบอกว่าไม่ควรฝืนอยู่บริเวณอันตราย"ไว้วันอื่นก็ได้เนอะ" ร่างอรชรลุกขึ้นยืน ถึงกลับพะอืดพะอมไม่มีแรงก้าวขา ยกมือทุบขมับเล็กเบาๆตั้งสติ แต่ทว่าดันสะดุดเท้าตัวเองเซล้มใส่คนตัวสูง"แล้วอวดเก่ง?" เป็นเสียงเข้มแว่วผ่านหูบาง ทำใบหน้าสวยแหงนตามองศาเอี้ยวมอง เงาสะท้อนกระทบนัยน์ตาคมชวนลุ่มหลงรอบสอง"คือ.." คนบอกยังสบมองนัยน์ตาคม พาลร่างอรชรอ่อนระทวยสูญเสียความเป็นตัวเอง ฝ่ามือบางทั้งคู่เกาะแผงอกแกร่ง ค่อยๆเลื่อนใบหน้าสวยสีแดงจางเข้าหาริมขอบปากหยัก"อย่ามาร้องเสียใจทีหลัง" ซิลค์
@ คอนโดโมอา เมื่อรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวลงจากรถยนต์คันหรูของสามีในนามชั่วคราว หลังเดโม่ยืมจากเตโชเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เขาสืบทราบข่าววงในได้ว่ามาร์แชลล์ไม่มีทางปล่อยน้องสาวมาร่วมชะตาลำพัง ร่างอรชรสวมชุดธรรมดาเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นเช่นเคย ล้วงบัตรแสกนเพื่อเข้าตัวอาคาร โดยให้องครักษ์ติดตามไปยืนรอตรงหน้าประตูห้อง เวลานี้อะไรก็ไม่แน่ไม่นอนเผื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!"รีบไปกันเถอะ จะไปแวะซื้อหนังสืออีก" น้ำเสียงใสเอ่ยบอก โมอาจำเป็นต้องมาเอาสิ่งของสำคัญไว้ใช้เรื่องเรียน ซึ่งอีกไม่กี่วันดีก็จะเปิดเทอมสุดท้าย เดโม่มุ่งเดินนำหน้าไปยังลิฟท์กดประตูจะเลื่อนเปิดกว้างอัตโนมัติ มีบุคคลอื่นสวนลงมาชายนิรนามแปลกหน้าใส่เพียงแมสปิดปาก เหร่สายตาแฝงความคิดมองใบหน้าสวย จนเจ้าตัวรู้สึกรีบเดินไปยืนคู่คนด้านข้าง"เป็นอย่างที่เราคิด" น้ำเสียงเข้มเอ่ยบอก ระหว่างประตูลิฟท์เลื่อนปิดกดระบุชั้นปลายทาง เขาหันไปมองหญิงสาวเล็กน้อย เธอกำลังถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันไม่ง่ายสักนิดเดียวแค่อยากมีชีวิตอย่างคนทั่วไปติ่ง!"เชิญครับ" เดโม่พุ่งตัวออกจากลิฟท์ก่อน สอดส่องสายตาดูบริเวณรอบ เมื่อเข้าเขตพื้นที่อยู่อาศ
ภายในห้องครัว_"........" ยามใบหน้าทั้งสองอยู่ระยะใกล้ ดวงตาสองคู่กำลังอ่านข้างในกันและกัน เกิดความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น รับรู้ถึงอุณหภูมิอุ่นราดรดริมฝีปากก้อนใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ไม่เคยเข้าใกล้ชายใดแล้วสูญเสียความเป็นตัวเอง คับคล้ายร่างกายกำลังอ่อนไหว ค่อยๆเคลื่อนเปิดเปลือกตาปิด เมื่อริมฝีหนาใกล้จะประกบก๊อก! ก็อก!"องค์หญิงครับ" เดโม่กดน้ำเสียงต่ำเรียก เขาเคาะพนังกำแพงราวกับส่งสัญญาณขัดจังหวะ ยืนหันหลังให้ตรงกรอบประตู หมายบอกคนทั้งคู่ตรึงตนักสถานะตน"เอ่อ..ขอบคุณค่ะ" ร่างอรชรรีบผละอ้อมแขนแกร่งออก เอียงใบหน้าสวยหันสนใจเตาอบปกปิดสีแดงบนแก้มเนียน"ไม่ถือ" ซิลค์บอกเหมือนไม่ได้ใส่ใจ กระแทกลมหายใจราวหงุดหงิด ไม่คิดเช่นกันว่าทำไมถึงเผลอไผลไป ก่อนเดินผ่านองครักษ์ใช้สายตาเฉือดเฉือนมอง"เกิดอะไรขึ้นหรอครับ" เขาเอ่ยถามทันที เมื่อเหลือกันสองคนภายในครัว หลังเห็นมาเฟียหนุ่มขึ้นช้างบนแล้ว"โมลื่นเมื่อกี้นิดหน่อย ว่าแต่มีข่าวทางนั้นบ้างไหม" ร่างอรชรเลือกเดินตรงไปหน้าเตาอบ สวมถุงกันร้อนพร้อมเปิดดูผลงาน เธอไม่มีกล้าแม้แต่จะหันมองคู่สนทนา เกรงว่าจะจับอาการเมื้อกี้ออก"วงในเงียบสนิท พวกท่านน่าจ
มหาวิทยาลัยชื่อดัง_"อาทิตหน้าก็จะเปิดเทอมสุดท้ายของเราแล้ว ดีใจจังเลยโมอา" เมล์คือเพื่อนสาวคนสนิทที่โมอาคบอยู่ บุคลิกนิสัยมาดแมนแถมยังตัดผมสั้น หากเป็นผู้ชายคงหล่อเท่ไม่น้อย เธอนอนใช้แขนหนุนศีรษะบนสนามหญ้าข้างตึกคณะ ช่วงเวลานี้ไร้นักศึกษาเพ่นพล่าน สมควรเหมาะแก่การพักสายตา หลังอ่านสือตลอดคืน"แล้วปีนี้เราต้องเลือกสถานที่ฝึกงานด้วยใช่ไหมเมลล์" เธอไม่ได้บอกเพื่อนสาวเรื่องสถานะศักดิ์เกียรติยศใด ป้องกันผู้อื่นล่วงรู้ตาม ถึงแม้ว่าเมล์สามารถเก็บความลับได้ดีจึงคบหาต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ห้าแล้ว"แค่สามเดือนเอง เลือกติดๆกับมหาลัยก็ได้มั้ง" คนบอกส่งเสียงคล้ายขี้เกียจ โยนกระเป๋าเป้ใส่ตักเพื่อนสาวหวังให้นอนเฝ้าสิ่งของยามเธอหลับ"แถวนี้ตรงไหนที่เข้าง่ายๆบ้างล่ะ คะแนนปีนี้จะสู้ปีที่แล้วได้ไหม อาจารย์เล่นโหดเกิน" เธอเจอด่านทดสอบยากเย็น กว่าจะจบเทอมก่อนเล่นส่งรายงานวิ่งเข้าออกห้องอาจารย์ประจำภาคทุกวัน"ไว้ค่อยคิดก็ได้ ตื่นมาเราไปร้องคาราโอเกะกัน""ก็ได้" ปากเรียวสวยเผยรอยยิ้มกว้าง เธอชอบร้องเพลงเป็นงานอดิเรกยิ่งมาเจอคนชอบแนวเดียว เลยเหมือนมีผู้สนับสนุนเพิ่ม เตรียมแลกเหรียญจำนวนนับไปหยอดจนกระทั่งหมดก
อีกด้านนึง_ณ สวนสาธารณะแห่งนึงในเมืองนาเธอร์ลาส ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งพูดคุยบนเก้าอี้ยาวสีน้ำตาลเข้ม โดยมีบอดี้การ์ดคอยซุ่มตามต้นไม้ใหญ่ไม่ไกล ระดับองค์ชายคนสำคัญมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ เวลานี้คงไม่หาใครช่วยไม่ได้นอกจากผู้มีอำนาจด้านมืดล้นมือ"นายคงไม่คิดว่าโมอาจะกล้าทำจริงๆใช่ไหม" มาร์แชลล์พูด สวมเสื้อฮู้ดสีดำใช้หมวกคลุมปกปิดใบหน้ากันผู้คนรู้จัก แค่เวลาผ่านไปไม่ถึงสองวันดี คนเป็นพี่ชายย่อมห่วงใยน้องสาว ถึงเธอจะศึกษาอยู่ข้ามทวีปกัน"ต่อให้มันเป็นใคร รับรองได้เลยว่าอองตวนคนนี้จะปิดปากมันเอง" น้ำเสียงบ่งบอกแววโหดร้าย ใบหน้าชายหนุ่มหล่อเหลาไม่ต่างจากรูปปั้นชาวโรมัน ทว่าจิตใจอำมหิตเกินที่บุคคลรอบข้างจะเข้าหา ยกเว้นโมอาคือเพื่อนสนิท แม้คิดไม่ซื่อก็ตามเขาแอบชอบเธอตลอดมา จนครอบครัวพยามวางตำแหน่งคู่ครองในไม่ช้า แต่ใครจะคิดว่าหญิงสาวหาวิธีปฏิเสธได้แบบนี้"เราไว้ใจเจ้านะอองตวน" เวลานี้คนบอกคิดแค่ว่า หากปิดกลั้นเรื่องถูกผิดไว้ชั่วคราว เขาจะเลือกลงโทษชายแปลกหน้าคนนั้นด้วยความตายเป็นพอ ปล่อยเรื่องคือความลับตลอดกาล"ขอบใจที่เลือกผม"@ ประเทศไทยก็อก! ก็อก!"ฉันรู้ว่าคุณกลับมาแล้ว ขอคุยด้วยหน่อยไ