ในความทรงจำของฟู่เซียวหาน ซังหนี่เป็นที่คนเงียบขรึม หัวโบราณ และน่าเบื่อคนหนึ่งมาโดยตลอด จนกระทั่ง หลังจากที่หย่าร้างกัน เขาถึงได้พบว่าอดีตภรรยาของเขาเป็นคนที่อ่อนโยนน่ารัก รูปร่างหน้าตาเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง แต่เมื่อเขาอดใจไม่ได้จะเข้าใกล้เธออีกครั้ง ซังหนี่กลับบอกเขาพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ประธานฟู่ คุณตกรอบไปแล้ว”
View Moreซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็
คำถามนี้ทำให้ซังหนี่ไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้โชคดีที่แพทย์เข้ามาอย่างรวดเร็วพอดิบพอดีซังหนี่รีบถอยตัวออกมาทันทีเพื่อเว้นที่ว่างให้กับแพทย์คุณนายฟู่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงนอนอยู่ตรงนั้นแล้วปล่อยให้คนอื่นวุ่นวายจัดการกับตัวเธอเธอยังปฏิเสธที่จะเอ่ยปากพูด ดวงตาคู่นั้นหลับตาลงอีกครั้งพร้อมเม้มริมฝีปากแน่นซังหนี่โทรศัพท์ไปหาฟู่เซียวหานทันทีที่เขารับสาย เธอก็พลันได้ยินเสียงเขาดังมาจากทางเดินซังหนี่เงยหน้าขึ้น“เธอตื่นแล้วหรือ?”ฟู่เซียวหานวางสายโทรศัพท์แล้วถามต่อหน้าเธอโดยตรงซังหนี่พยักหน้าช้า ๆ “อืม ถ้าอย่างนั้นคุณกลับไปพักผ่อนให้ดีเถอะ ผมจะเข้าไปคุยกับเธอ”หลังจากกล่าวจบ ฟู่เซียวหานก็เตรียมจะก้าวเข้าไปข้างในแต่ซังหนี่กลับคว้ามือของเขาเอาไว้ทันทีฟู่เซียวหานหันหน้ามาด้วยความแปลกใจทันทีที่เขาสบตากับซังหนี่ ก็ฉุกคิดตอบสนองกลับมาได้ พร้อมหัวเราะเบา ๆ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ผมจะคุยกับเธอดี ๆ”ซังหนี่ขมวดคิ้วอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขากล่าวฟู่เซียวหานเอื้อมมือออกไปจับมือของเธอเอาไว้ หลังจากบีบกระชับมันแรง ๆ แล้วถึงจะก้าวเดินเข้าไปข้างในต่อไปผู้ช่วยพยาบาลยังคง
ภายในห้องเกิดความเงียบสงัดคุณนายใหญ่นั่งอยู่บนเตียงพร้อมสองมือที่กำผ้าห่มบนตัวแน่นหลังจากสบตากับฟู่เซียวหานอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ท่านก็หัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน “แล้วอย่างไรเล่า? ตอนนี้หลานกำลังขู่ย่าอยู่งั้นหรือ? ไอ้เจ้าลูกเต่า หลานคิดว่าตอนนี้ย่าไม่สามารถทำอะไรหลานได้จริง ๆ แล้วใช่ไหม?”“ หลานอย่าลืมไปเชียวล่ะว่าตอนนี้ฟู่จินหยวนได้เข้าไปทำงานในจื้อเหอกรุ๊ปแล้ว ตราบใดที่ย่ายินยอม ก็สามารถมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่หลานมีให้เขาได้ตลอดเวลา!”“อืม ฟู่จินหยวน” ฟู่เซียวหานกลับพยักหน้าเบา ๆ “ดังนั้นปัญหาอยู่ที่เขาใช่ไหมครับ?”“ แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ก่อนหน้านี้เธอก็รู้เรื่องเกี่ยวกับการมีอยู่ของฟู่จินหยวนมาก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าคุณย่าจะเรียกตัวฟู่จินหยวนกลับมากะทันหัน แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอก็ไม่ควรจะใหญ่โตเช่นนี้ถึงจะถูก เว้นแต่…ตัวตนของฟู่จินหยวนมีความลับอะไรซ่อนอยู่?”น้ำเสียงของฟู่เซียวหานเรียบนิ่ง แนวความคิดกลับยิ่งชัดเจนไปมากกว่าสิ่งใดหลังจากคำพูดประโยคนี้จบลง สีหน้าของคุณนายใหญ่ก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดชั่วขณะนั้นฟู่เซียวหานมั่นใจได้ในทันทีว่า —— ตัวเองพูดถูก“ดูเหมือนว่าจ
มือที่เกาะกุมมาในครั้งนี้ทำให้ซังหนี่สะดุ้งตกใจ!——มันเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งหากไม่ใช่เพราะเขายังคงนั่งอยู่ข้างเธอ ซังหนี่คงกระทั่งคิดไปแล้วว่า…เขาหมดสิ้นซึ่งลมหายใจไปแล้วอาจเป็นเพราะอุณหภูมิร่างกายของซังหนี่สูงมากเป็นพิเศษ ทำให้เวลานี้กลับเป็นฟู่เซียวหานเองที่ชะงักไปเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หันหน้ามามองเธอ“คุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวได้”“ไม่…”เดิมทีฟู่เซียวหานคิดอยากจะปฏิเสธแต่ก่อนที่คำพูดจะหลุดจากปาก จู่ ๆ เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้อีกครั้ง ก่อนจะกระตุกมุมริมฝีปากของตน “ก็ใช่สินะ ถ้าเธอตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผมก็คงจะไม่มีความสุขใช่ไหม? ไม่แน่เธออาจจะคิดอยากตายอีกครั้ง?”ซังหนี่เงียบแต่ฟู่เซียวหานตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว “คุณกลับไปกับผมเถอะ คุณเองก็ต้องพักผ่อนเหมือนกัน”“ไม่เป็นไรค่ะ อยู่ที่นี่ฉันก็พักผ่อนได้เหมือนกัน อีกอย่างถ้ามีผู้ช่วยพยาบาลดูแลอยู่ที่นี่คนเดียว คุณเองก็คงไม่วางใจแน่นอน”หลังจากที่ซังหนี่กล่าวจบ ฟู่เซียวหานก็เงียบไปทันทีซังหนี่ส่งยิ้มให้เขา “เอาน่า คุณไปเถอะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะโทรไปหาคุณนะคะ”ในที่สุดฟู่เซียวหานก็ลุกขึ้นมาในความ
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”ฟู่เซียวหานนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าซีดเผือดแข็งทื่ออย่างน่ากลัวซังหนี่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาฟู่เซียวหานถึงค่อยๆ หันไปมองเธอแต่เขาไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่หมุนพวงมาลัยกลับรถทันทีความเร็วรถที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทำให้ซังหนี่ตระหนักได้ถึงบางอย่างแต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ได้แต่เงียบและจับสายเข็มขัดนิรภัยแน่น ดวงตาจับจ้องไปข้างหน้าฟู่เซียวหานยังขับรถออกจากบ้านตระกูลฟู่ไปได้ไม่ไกลนักแต่ตอนนี้ถายในบ้านกลับตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายเสียงกรีดร้องของคนรับใช้ดังระงม ในขณะที่คุณนายใหญ่ยืนอยู่ที่ห้องรับแขก ทุบอกตัวเองด้วยความโมโห “เฮงซวย! เฮงซวยจริงๆ! ฉันว่าแล้วว่า คนอย่างเธอไม่ควรเก็บไว้! ครั้งเดียวไม่พอ ยังจะมีครั้งที่สองอีก! เธอจะลากพวกเราทั้งตระกูลฟู่ลงนรกไปด้วยให้ได้เลยใช่ไหม!”ซังหนี่ชะงักฝีเท้าหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นส่วนฟู่เซียวหานวิ่งตรงขึ้นไปชั้นสองทันทีฝีเท้าของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน — เป็นสิ่งที่ซังหนี่ไม่เคยเห็นมาก่อนไม่นาน หมอก็มาถึงรวมถึงรถพยาบาลด้วยซังหนี่ยืนอยู่ที่ห้องรับแขกชั้นหนึ่งไม่นานก็เห็นฟู่เซียวหานอุ้มแม่ของเขาลงมาบนชุดกี่เพ
“ถ้าฉันทำตามแผนของเธอแล้วจากไป สำหรับคุณแล้ว นั่นจะถือเป็นการหักหลังซ้ำซ้อนหรือเปล่า?”“แล้วตอนนี้ ฟู่จินหยวนก็กำลังจับตาดูคุณอยู่ ฉันไม่อยาก......ให้คุณต้องเผชิญเรื่องพวกนี้เพียงลำพัง เพราะงั้น ต่อให้ฉันอยากจะไป ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้”ซังหนี่พูดจบในคราวเดียวดวงตาของเธอยังคงสบตากับฟู่เซียวหานไม่ถึงกับเร่าร้อน แต่เต็มไปด้วยความจริงใจและตรงไปตรงมาหลังจากฟู่เซียวหานจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ เขายิ้มออกมาครั้งนี้เป็นรอยยิ้มที่แท้จริงมุมปากของเขายกขึ้นมา โค้งรับแก้มและดวงตา เผยรอยยิ้มที่สดใส ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา!ซังหนี่มองเขา ดวงตาเธออดไม่ได้ที่จะสั่นไหวเล็กน้อยในวินาทีนั้นเอง ฟู่เซียวหานก็ยื่นมือมาประคองปลายคางของเธอ ก่อนจะประกบจูบลงไปภายในรถที่ปิดสนิท ความอ่อนโยนและสัมผัสอันแผ่วเบาของจูบนี้ทำให้ฤดูหนาวรอบตัวดูอบอุ่นและอ่อนหวานขึ้นมาอย่างน่าประหลาดฟู่เซียวหานตั้งใจจะจูบเธอให้ดี— แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาพวกเขาจะเข้ากันได้ดี แต่กลับไม่เคยมีสัมผัสที่ลึกซึ้งแบบนี้เลยแต่คำพูดของซังหนี่เมื่อครู่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาจากนั้น เหมือนกับลูกโป่ง ที่ค่อย
“อารมณ์ของแม่คุณดูไม่ปกติ”พอขึ้นมานั่งบนรถ ซังหนี่ก็พูดกับฟู่เซียวหานตรงๆแต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรซังหนี่จึงพูดต่ออีกว่า “แล้วฉันก็คิดว่าคุณย่าของคุณต้องรู้อะไรบางอย่าง เรื่องฟู่จินหยวน......คงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”ฟู่เซียวหานยังคงนิ่งเงียบท่าทางเย็นชาของเขาทำให้ซังหนี่อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้แม้ว่าในใจเธอจะมีเสียงหนึ่งคอยบอกตัวเองว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยก็ตามตอนนี้เธอเองก็ยังไม่ได้รู้สึกดีนัก ดังนั้นถ้าฟู่เซียวหานจะรู้สึกเจ็บปวดก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่พอนึกถึงสภาพของคุณนายฟู่เมื่อครู่ จู่ๆ หัวใจของเธอกลับรู้สึกบีบแน่นขึ้นมาเธออยากจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่ต่อมา ฟู่เซียวหานกลับถามเธอว่า “ทำไมคุณถึงไม่รับ?”คำพูดของเขาทำให้ซังหนี่ชะงักไปทันที!ฟู่เซียวหานจับพวงมาลัยรถ หันมามองเธอ “เขาเตรียมเช็คเงินสดกับหนทางหนีให้คุณ ทำไมคุณถึงไม่รับ?”ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาพวกเขาอยู่กันอย่างสงบมาตลอดสงบจน......ราวกับว่าความบาดหมางและความเกลียดชังก่อนหน้านั้นเป็นเพียงแค่ความฝันของพวกเขาไม่มีใครพูดถึงเรื่องราวในสองวันนั้นอีกเลยช่วงนี้ซังหนี่ไปที่จื้อเหอบ่อยจนกลายเ
“แล้วยังมีคนอื่นๆ ในตระกูลฟู่อีก ทำไมฉันต้องยอมรับการกลับมาของฟู่จินหยวน? ตอนนั้นฉันเลือกจะอยู่ที่นี่ เสียเวลาหลายปีขนาดนี้ ก็เพื่อต้องการให้ฟู่เซียวหานได้สืบทอดทุกอย่าง สุดท้ายพอเธอพูดว่าให้ฟู่จินหยวนกลับมาก็ให้เขากลับมา แล้วยังบีบบังคับให้ฉันต้องยอมรับอีก!”“ทำไมฉันต้องยอมรับด้วย? ตอนนี้ อนาคตของฉันพังพินาศแล้ว อดีตของฉันถูกปฏิเสธ และเรื่องทั้งหมดนี้ฟู่เซียวหานก็มีส่วนร่วม เธอบอกว่า ฉันต้องจำไว้ว่าฉันเป็นแม่ของเขา แล้วเขายังจำได้ไหมว่าเขาเป็นใครสำหรับฉัน?”ขณะที่พูดคุณนายฟู่พูด ดวงตาคู่นั้นก็เริ่มแดงก่ำขึ้นมา พร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้านในความทรงจำของซังหนี่ เธอเป็นผู้หญิงที่สง่างามและสูงศักดิ์เสมอมาหลายครั้ง ที่ซังหนี่มองเธอรู้สึกเหมือนมีแผ่นกระจกบางๆ กั้นอยู่ตลอดเวลา— เธอเป็นเหมือนคนที่นั่งอยู่ในตู้กระจก ทุกการกระทำต้องไร้ที่ติสมบูรณ์แบบ แต่ไม่ใช่ความจริงจนถึงตอนนี้ ซังหนี่เพิ่งได้รู้ว่า......แท้จริงแล้วเธอเองก็เป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์ความรู้สึกคนหนึ่งเวลานี้ ตู้กระจกนั้นได้แตกสลายลง เท้าของเธอเหยียบอยู่บนนั้นอย่างเปลือยเปล่า แล้วเดินตรงมาหาซังหนี่เต็มไปด้วยเลือด เปี่ย
“ให้เธอ”เมื่อมาถึงห้องหนังสือ คุณนายฟู่ก็ยื่นซองจดหมายในมือให้เธอทันทีซังหนี่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังรับซองมาพอเปิดออกดู เธอกลับพบว่าข้างในมีเช็คเงินสดหนึ่งใบ พร้อมกับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ— บนกระดาษนั้นเป็นข้อมูลเที่ยวบินเที่ยวหนึ่งซังหนี่ตัวสั่นระรัว และหันไปมองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว “นี่มัน...”“เป็นเครื่องบินส่วนตัวของฉัน เส้นทางบินจองไว้เรียบร้อยแล้ว” คุณนายฟู่พูดขึ้น “ปลายทางคือเมืองซี แน่นอนว่า หลังจากไปถึงที่นั่นแล้วเธอจะนั่งรถไปที่อื่นก็ได้ หรือถ้าเธอมีที่ที่อยากจะไปก็บอกฉันได้ ฉันจะช่วยจัดการให้เธอ”น้ำเสียงของคุณนายฟู่ราบเรียบ ทุกถ้อยคำพูดได้อย่างชัดเจนแต่ซังหนี่กลับรู้สึกเหมือนจู่ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร“เธอไม่อยากไปจากที่นี่เหรอ?” คุณนายฟู่ถาม “ตอนนี้เรื่องของซังอวี๋ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว เธอไม่มีพันธะอะไรที่นี่อีก สามารถไปได้แล้ว”“แต่ว่า...”“ไม่ต้องห่วง ฟู่เซียวหานทางนั้นฉันจะจัดการเอง จะไม่ให้เขาไปขัดขวางเธอแน่นอน” ถึงตอนนี้ ซังหนี่เพิ่งเข้าใจความหมายของสิ่งที่เธอพูด และถามกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณต้องการจะทำอะไร?”คุณนายฟู่เพ
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ความอบอุ่นภายในห้องถึงได้จบสิ้นลงจริง ๆ สักทีมีเสียงน้ำดังลอยมาจากในห้องอาบน้ำ หลังจากที่ซังหนี่พักอยู่ไม่กี่นาที ในที่สุดก็ลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินไปหยิบเสื้อผ้าบนพื้นด้วยสองขาที่สั่นระริกวันนี้การกระทำของชายหนุ่มรุนแรงไปหน่อย ถึงขนาดที่ตอนนี้ในหัวสมองของเธอยังคงว่างเปล่าอยู่เล็กน้อย ติดกระดุมชุดนอนอยู่หลายครั้งก็ยังติดไม่ได้ไม่นานนัก ชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำรูปร่างของเขาสูงชะลูด เครื่องหน้าดุดันแต่หล่อเหลา ในเวลานี้เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ จึงมีผ้าขนหนูพผืนหนึ่งพันอยู่รอบเอว หยดน้ำที่ยังไม่แห้งกำลังไหลลงมาตามกล้ามหน้าท้องของเขาตอนที่พบว่าซังหนี่ยังอยู่ หว่างคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยทันทีซังหนี่เองก็ไม่ได้มองเขาอีก เพียงก้มหน้าพยายามสู้รบกับกระดุมของตนต่อไป“พรุ่งนี้ซังฉิงก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว”ชายหนุ่มเดินผ่านข้างตัวเธอไป จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่า “คุณไปรับเธอที่โรงพยาบาลหน่อย ผมรับปากคุณแม่ของคุณเอาไว้แล้วว่า จะให้เธอพักอยู่ที่นี่สักระยะ”มือที่กำลังติดกระดุมของซังหนี่หยุดชะงักลงทันทีหลังจากนั้น เธอก็หันหน้ากลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลังนั่น...
Comments