ในความทรงจำของฟู่เซียวหาน ซังหนี่เป็นที่คนเงียบขรึม หัวโบราณ และน่าเบื่อคนหนึ่งมาโดยตลอด จนกระทั่ง หลังจากที่หย่าร้างกัน เขาถึงได้พบว่าอดีตภรรยาของเขาเป็นคนที่อ่อนโยนน่ารัก รูปร่างหน้าตาเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง แต่เมื่อเขาอดใจไม่ได้จะเข้าใกล้เธออีกครั้ง ซังหนี่กลับบอกเขาพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ประธานฟู่ คุณตกรอบไปแล้ว”
View Moreฟู่เซียวหานเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ของเธอแวบหนึ่งก่อนจะย้อนถามกลับว่า “คุณไปไหนมา?”ซังหนี่เม้มริมฝีปากแล้วตอบกลับว่า “ใครให้คุณเปลี่ยนกลอนประตูห้องของฉัน?”“ตอบ คำถาม ฉัน มา”สีหน้าของฟู่เซียวหานดูไม่ดีเอาเสียเลยเดิมทีซังหนี่ตั้งใจจะโต้เถียงกับเขาให้ถึงที่สุด แต่เมื่อสบตาเขาอยู่พักหนึ่ง เธอก็ยอมตอบในที่สุด “โรงพยาบาล”สีหน้าของฟู่เซียวหานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองเธออีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า ซังหนี่ไม่ได้สังเกตสายตาของเขา เพียงพูดต่อว่า “ตอนบ่ายพวกเขาบอกฉันว่าแม่ฉันฟื้นแล้ว แต่พอฉันไปถึงเธอก็หลับไปอีก ฉันเลยรออยู่ที่นั่นตลอด เพื่อดูว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งได้หรือเปล่า”เสียงของซังหนี่แผ่วเบา และแฝงไปด้วยความเศร้าอย่างชัดเจนสีหน้าที่เย็นชาของฟู่เซียวหานผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วเขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะถามว่า “แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์?”“ฉันตั้งโหมดเงียบไว้ เลยไม่เห็น”ซังหนี่พูดพร้อมกับถามต่อ “ตอนนี้ฉันเข้าบ้านได้หรือยัง?”ฟู่เซียวหานจึงขยับตัวหลีกทางให้เธอเข้าไปซังหนี่โน้มตัวถอดรองเท้า แล้ววางกระเป๋าผ้าของเธอลงจากนั้น เธอหันกลับมามองเขา “แล้วคุณมาที่นี่ทำไม?”ฟ
ในฐานะผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่ง ฟู่เซียวหานเคยพบเจอสิ่งล่อลวงมากมายนับไม่ถ้วนและชัดเจนว่าผู้หญิงตรงหน้านี้คือหนึ่งในประเภทผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุดดังนั้น เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอ เพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาซังหนี่โดยตรงโทรติด แต่กลับไม่มีคนรับสายสีหน้าของฟู่เซียวหานยิ่งขุ่นหมองและดูไม่ดีมากขึ้นหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา รู้สึกอับอายไม่น้อย กับการที่ถูกเมินเฉยแต่เมื่อนึกถึงรถยนต์สุดหรูของฟู่เซียวหาน รวมถึงเสื้อผ้าบนตัวเขาที่ดูแล้วรู้ทันทีว่าราคาไม่ธรรมดา เธอก็รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหา “คุณกับซังหนี่เป็นอะไรกันเหรอ? เพื่อนกันใช่มั้ย?”“แต่ว่าตอนนี้เธอคงไม่มีเวลามารับโทรศัพท์ของคุณหรอกนะ ดึกขนาดนี้ยังไม่กลับบ้าน แสดงว่าต้องไปนัดเจอผู้ชายอยู่แน่ ๆ ”“ฉันบอกคุณเลยนะ เธอไม่ได้เรียบร้อยเหมือนที่คุณเห็นหรอก เบื้องหลังน่ะเธอออกจะสุดเหวี่ยงใช่เล่น เมื่อเช้าฉันยังเห็นเธอ...”ยังไม่ทันที่คำพูดของหญิงสาวจะจบ สายตาของฟู่เซียวหานหันมาจ้องเธอทันทีสายตาเย็นเยียบคมกริบดั่งมือที่มองไม่เห็น บีบเข้าที่ลำคอของเธอ ทำให้คำพูดที่ยังไม่ทันหลุดออกมาถูกกลืนกลับลงไปในทันทีหญิงสาวก็มั่นใจว่า
ฟ้ามืดลงแล้วแสงไฟจากด้านนอกเริ่มส่องสว่าง หลอดไฟนีออนหลากสีผสานเข้ากับแสงสีแดงจากการจราจรยามค่ำคืน ทำให้เกิดภาพด้านหนึ่งที่สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองและความเย็นชาของเมืองแห่งนี้อย่างเด่นชัดตึกจื้อเหอตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง หน้าต่างบานใหญ่สูงจรดพื้นดูราวกับกรอบรูปขนาดยักษ์บานหนึ่ง กักเก็บภาพทั้งหมดนี้ไว้ ให้คนได้ชื่นชมฟู่เซียวหานยืนอยู่ตรงนั้น มองดูทุกอย่างด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเขาถือไฟแช็กไว้ในมือ กดสวิตช์เปิดปิดซ้ำไปซ้ำมา เปลวไฟสีน้ำเงินพุ่งขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะดับวูบไปในพริบตาครั้งแล้วครั้งเล่าเกี่ยวกับความทรงจำของพ่อ ฟู่เซียวหานแทบจะจำอะไรไม่ได้แล้วสิ่งเดียวที่นึกออก คงเป็นใบหน้าที่เคร่งขรึมและไม่เคยยิ้มง่าย ๆ มีมาตรฐานที่เข้มงวดสำหรับเขา และท้ายที่สุดคือภาพพ่อที่นอนป่วยอยู่บนเตียงคนป่วยจนไม่สามารถดูแลตัวเองได้พ่อจากไปตอนที่ฟู่เซียวหานอายุเพียง 12 ปีแม้ความสัมพันธ์พ่อลูกจะไม่ได้แน่นแฟ้นมากนัก แต่ในความทรงจำของเขา พ่อก็ยังเป็น "พ่อ" ที่ธรรมดาคนหนึ่งระหว่างเขากับแม่ บางทีก็ดูเหมือนว่าเคยรักกันไม่อย่างนั้น เธอจะเฝ้ารอเขามาตลอดหลายปีเพื่ออะไร?ตอนแรกที่บังคับใ
น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่“ไอ้สารเลว” เธอกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอนชายที่เดิมทีกำลังจะก้มกัดที่ต้นคอของเธอ เมื่อได้ยินคำพูดนั้นกลับชะงักไปพักหนึ่งจากนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองตาเธอลิปสติกของซังหนี่เลอะเทอะไปหมด อายไลเนอร์ก็เลือนรางเพราะน้ำตาที่ไหลออกมา เส้นผมยุ่งเหยิง ทั้งตัวของเธอดูทุลักทุเลอย่างเห็นได้ชัดแต่เมื่อฟู่เซียวหานเห็นหยดน้ำตาที่เกาะอยู่บนขนตาของเธอ หัวใจของเขากลับเต้นแรงไปชั่วขณะจากนั้น เขาค่อย ๆ ชะลอการกระทำลง ก่อนจะโอบท้ายทอยของเธออีกครั้งและจูบลงไปทันทีจูบนี้อ่อนโยนและละมุนยิ่งกว่าเดิม ซังหนี่เองก็ดูเหมือนจะไม่ขัดขืนเหมือนในตอนนั้นที่จริงแล้วการที่เธอรู้สึกเจ็บปวด ฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้รู้สึกดีเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มผ่อนคลายลง ฟู่เซียวหานก็สงบสติอารมณ์ลงเช่นกันแต่ในจังหวะที่ฟู่เซียวหานกำลังจะพูดกับเธอดี ๆ ซังหนี่กลับอ้าปาก กัดไปที่ริมฝีปากของเขาอย่างแรง! ……“ประธานฟู่”ผ่านไปแล้วหนึ่งวัน ตอนที่สวีเหยียนกำลังพูดกับเขาอยู่ สายตากลับอดไม่ได้ที่มองริมฝีปากของฟู่เซียวหานแน่นอนว่า รอยฝ่ามือบนแก้มของฟู่เซียวหานนั้นโดดเด่นสะดุดตาไม่น้อย แต่เ
“นี่คุณจะทำอะไร?”ซังหนี่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเริ่มขัดขืน “ปล่อยฉันนะ! ฟู่เซียวหาน คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”เท้าของเธอพยายามถีบตัวออกมา จนรองเท้าส้นสูงกระเด็นหลุดไปข้างหนึ่งทางเดินยาวของโรงแรมปูด้วยพรมหนานุ่ม เมื่อรองเท้ากระเด็นหล่นลงไป กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลยเมื่อเข้ามาในลิฟต์ เขาถึงได้ยอมปล่อยเธอลงแต่ซังหนี่กลับถูกเขาดันไปติดมุมลิฟต์ พอเธอกำลังจะก้าวหนี เขาก็จับคางเธอไว้แล้วจูบลงมาทันทีเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอลังเลหรือขัดขืนเลย เพียงแค่จูบลงไปลิ้นของเขาก็เข้าผ่านริมฝีปากของเธอโดยตรงการรุกล้ำที่เต็มไปด้วยความกระหายทำให้ซังหนี่เหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจในทันทีแต่สองมือของเธอถูกเขากดไว้แน่น เวลานี้แม้แต่จะผลักเขาออกไปยังทำไม่ได้เข่าของฟู่เซียวหานยกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สอดเข้าไปในใต้กระโปรงของเธอเขารู้จักร่างกายของเธอเป็นอย่างดี การกระทำที่ดุดันและรุนแรงในตอนนี้ ทำให้ซังหนี่รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นปลาตัวที่ถูกตรึงไว้บนเขียงตัวหนึ่งเธอทำได้เพียงเฝ้ามองใบมีดที่กำลังจะตกลงมากรีดผิวและกระดูกตัวเองสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอับอายยิ่งกว่าคือ ร่างกายของเธอกลับตอบสนองต่อสิ่งที
ซังหนี่พึ่งจะรู้สึกตัว จึงค่อย ๆ ลดเท้าที่ตั้งใจจะเตะอีกลงอย่างช้า ๆหน้ากากของเขายังคงสวมไว้อย่างเรียบร้อย แต่ดวงตาคู่นั้นเย็นชาอย่างที่สุด ราวกับต้องการฉีกซังหนี่ทั้งตัวออกเป็นชิ้น ๆ“คุณ...คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?”ซังหนี่สบตากับเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามในที่สุด“ทำไม? หรือว่าไม่พอใจที่ผมขัดขวางเรื่องดี ๆ ของคุณ?”สีหน้าของฟู่เซียวหานยิ่งตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ มือของเขาบีบปลายคางของซังหนี่แน่นขึ้นกว่าเดิมความโกรธจากการถูกปฏิเสธคำชวนเต้นและการเตะเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนจะถูกเขาจดจำไว้ทั้งหมด แรงบีบในตอนนี้ราวกับจะบดขยี้กระดูกของซังหนี่ให้แหลกละเอียดซังหนี่ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว กำลังจะปัดมือของเขาออก แต่ฟู่เซียวหานกลับคว้าข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น จากนั้นยกเข่าขึ้นมาแทรกระหว่างขาของเธอทันที“คุณหนูซังนี่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยนะ”เขามองเธอพร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมผมถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีแววจะเป็นดาวเด่นในวงสังคมได้?”——เธอในเมื่อก่อนมักจะเงียบขรึมและเรียบง่ายจนน่าเบื่อ มีเพียงบางช่วงเวลาเท่านั้นที่เธอจะเผยเสน่ห์เย้ายวนออกมาฟู่เซียวหานเคยคิดว่า ด้านนี้ของเธอมีเพียงเขาเท่
การพูดคุยระหว่างซังหนี่และคุณชายเย่ดำเนินไปอย่างราบรื่นหลังจากเพลงแรกจบลง พวกเขาก็ยังไม่ได้ลงจากฟลอร์ แต่กลับเริ่มเต้นรำเพลงที่สองต่อทันที“ยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร?”คุณชายเย่อดไม่ได้ที่จะถามเธอซังหนี่ยักคิ้วเล็กน้อย “นี่มันงานเต้นรำหน้ากากนะคะ การบอกชื่อกันไม่จำเป็นหรอก”“แต่คุณก็รู้จักตัวผมนี่ ดูเหมือนไม่ยุติธรรมสำหรับผมเลยนะ? ““คนที่นี่ก็รู้จักคุณเยอะมาก คุณดังขนาดนี้ ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ”น้ำเสียงของซังหนี่แฝงด้วยความจนใจคุณชายเย่กลับไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย เพียงพูดขึ้นว่า “งั้นแปลว่าหลังคืนนี้ ผมคงไม่มีโอกาสชวนคุณออกไปกินข้าวแล้วสินะ?”“อืม มีโอกาสค่ะ” ซังหนี่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ถึงตอนนั้น คุณพาคุณพ่อมาด้วย ส่วนฉันก็มากับประธานฉิน ทานข้าวด้วยกันแบบนี้ไม่ดีหรือคะ?”สรุปแล้ว คุณเป็นลูกน้องของฉินเหยา? เลขา? ผู้ช่วย? หรือว่าเป็นนักแสดงในสังกัดบริษัทของเขากันล่ะ?”คุณชายเย่เดาไปทีละอย่าง แต่ซังหนี่กลับไม่ตอบอะไร แค่ย้อนถามว่า “เรื่องทานข้าว คุณตกลงหรือเปล่า?”“ถ้าคุณไป ผมก็ต้องตกลงอยู่แล้วล่ะ”“ตกลงค่ะ”ซังหนี่ตอบรับอย่างไม่ลังเลคุณชายเย่จ้องมองเธอสักพักก่อนพูดว่า
“นี่คุณ ไม่ทราบหรือว่าอะไรคือการมาก่อนมาหลัง?”คุณชายเย่หันกลับมา ยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยถามเขาฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ทราบดี แต่ผมคิดว่าสิทธิ์ในการเลือกควรเป็นของสุภาพสตรีท่านนี้มากกว่า”คำพูดของเขาทำเอาคนฟังไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีฟู่เซียวหานไม่ได้มองคุณชายเย่อีก แต่สายตาจับจ้องไปที่ซังหนี่เพียงคนเดียวเท่านั้นดวงตาที่มักจะสงบนิ่งดั่งผืนน้ำ ในตอนนี้เหมือนกำลังพยายามอดกลั้นบางสิ่งไว้ คล้ายกับกระแสใต้ผิวน้ำที่กำลังจะไหลเชี่ยวมือของซังหนี่ที่อยู่ข้างตัวกำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัวผ่านไปครู่หนึ่ง เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนจะวางมือบนฝ่ามือของคุณชายเย่——เป็นการตอบรับคำเชิญของเขาประกายในแววตาของฟู่เซียวหานพลันจางหายไปทันทีมือที่แบออกก็กำแน่นขึ้นในทันทีเขาอยากมองซังหนี่อีกครั้ง แต่เธอหันหลังเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่ลังเลฟู่เซียวหานมองตามแผ่นหลังของพวกเขา ฟันของเขาค่อย ๆ ขบกันจนแน่นในตอนนั้นเอง ฉินเหยาก็เดินเข้ามาหา “ประธานฟู่”ฟู่เซียวหานมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ไม่นึกเลยว่าคุณจะมาร่วมงานคืนนี้” ฉินเหยาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ยังไม่ได้แสดงความยินดีเลย ได้ยินมาว่าคุณปิดการเจรจาที่ประเทศ
“ทางทิศหกนาฬิกา มองเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไหม?”ฉินเหยาถามเพราะท่าการเต้น ทำให้ตอนนี้ร่างกายของทั้งสองใกล้ชิดกันมาก ซังหนี่ไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแล้ว จนลมหายใจของเธอตอนนี้เริ่มไม่เป็นจังหวะ และปลายจมูกภายใต้หน้ากากก็มีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อยหลังจากที่ฉินเหยาถามแบบนี้ เธอก็หันไปมองทันที“อืม แล้วไงล่ะ?”“นั่นคือลูกชายของประธานเย่แห่งไห่เฉากรุ๊ป เขามองคุณมาสักพักแล้ว เดี๋ยวผมจะแนะนำพวกคุณให้รู้จักกัน คุณช่วยเต้นรำกับเขาสักเพลงได้ไหม?”ซังหนี่หัวเราะเบา ๆ “ทำไมฉันต้องทำด้วยล่ะ?”“ช่วงนี้ผมกำลังเตรียมร่วมงามกับพ่อของเขา”ฉินเหยาไม่ได้ปิดบังซังหนี่ พูดตรง ๆ ว่า “ถ้าคุณช่วยผมได้ครั้งนี้ เรื่องลิขสิทธิ์ผมจะให้คุณร่วมลงทุนในการผลิตทันที ถ้าละครดังขึ้นมา คุณจะได้ส่วนแบ่งไม่น้อยแน่นอน”ซังหนี่ยังหัวเราะเหมือนเดิม ดูเหมือนไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ฉินเหยาพูดเท่าไหร่ฉินเหยาไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาของเธอ เพียงพูดต่อว่า “แน่นอน เงินอาจไม่ได้ดึงดูดใจคุณมาก แต่สิ่งนี้คือความมั่นใจที่คุณสร้างให้ตัวเองใช่ไหมล่ะ?”ซังหนี่ไม่ได้โต้แย้งคำพูดของฉินเหยาอีกหลังจากครุ่นคิดอยู่ไม่กี่วินาที เธอถามว่า “การช่
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ความอบอุ่นภายในห้องถึงได้จบสิ้นลงจริง ๆ สักทีมีเสียงน้ำดังลอยมาจากในห้องอาบน้ำ หลังจากที่ซังหนี่พักอยู่ไม่กี่นาที ในที่สุดก็ลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินไปหยิบเสื้อผ้าบนพื้นด้วยสองขาที่สั่นระริกวันนี้การกระทำของชายหนุ่มรุนแรงไปหน่อย ถึงขนาดที่ตอนนี้ในหัวสมองของเธอยังคงว่างเปล่าอยู่เล็กน้อย ติดกระดุมชุดนอนอยู่หลายครั้งก็ยังติดไม่ได้ไม่นานนัก ชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำรูปร่างของเขาสูงชะลูด เครื่องหน้าดุดันแต่หล่อเหลา ในเวลานี้เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ จึงมีผ้าขนหนูพผืนหนึ่งพันอยู่รอบเอว หยดน้ำที่ยังไม่แห้งกำลังไหลลงมาตามกล้ามหน้าท้องของเขาตอนที่พบว่าซังหนี่ยังอยู่ หว่างคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยทันทีซังหนี่เองก็ไม่ได้มองเขาอีก เพียงก้มหน้าพยายามสู้รบกับกระดุมของตนต่อไป“พรุ่งนี้ซังฉิงก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว”ชายหนุ่มเดินผ่านข้างตัวเธอไป จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่า “คุณไปรับเธอที่โรงพยาบาลหน่อย ผมรับปากคุณแม่ของคุณเอาไว้แล้วว่า จะให้เธอพักอยู่ที่นี่สักระยะ”มือที่กำลังติดกระดุมของซังหนี่หยุดชะงักลงทันทีหลังจากนั้น เธอก็หันหน้ากลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลังนั่น...
Comments