Share

บทที่ 3

Author: ซ่งจิ้น
เวลาหนึ่งทุ่ม ฟู่เซียวหานกลับมาถึงคฤหาสน์ตรงเวลา

ตอนนั้นซังฉิงอยู่ที่ห้องรับแขกพอดี หลังจากเห็นเขา ก็รีบก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว “พี่เขย! พี่กลับมาแล้วเหรอคะ?”

ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ ให้เธอทีหนึ่ง แล้วเหลือบตามอง

หลังซังหนี่เม้มปากทีหนึ่ง ก็ก้าวมาข้างหน้าเพื่อรับเสื้อคลุมของเขา แล้วเอ่ยปากพูด “ทานข้าวได้แล้วค่ะ”

“ขอโทษด้วยนะคะพี่เขย ฉันรบกวนพี่กับพี่สาวแล้วใช่ไหมคะ?

บนโต๊ะอาหาร ซังฉิงมองซังหนี่ แล้วพูดเสียงเบา “ที่จริงฉันเคยบอกหม่ามี๊แล้วว่า ฉันอยู่คนเดียวได้ แต่เธอก็ไม่วางใจ...”

“ไม่เป็นไร” ฟู่เซียวหานตอบ “เธออยู่ที่นี่ได้ตามสบาย ต้องการอะไรก็บอกมาได้ตลอด”

“แบบนี้...ได้เหรอคะ? จะเป็นการรบกวนมากเกินไปไหมคะ?”

“ไม่หรอก”

“คุณหนูซังฉิงอยู่ที่นี่สิคะถึงจะดี” ป้าคังวางอาหารลงบนโต๊ะพลางพูด “ที่นี่ไม่ได้คึกคักขนาดนี้มานานแล้วค่ะ!”

เมื่อเธอพูดจบ ตะเกียบในมือของซังหนี่ก็หยุดชะงักไปทันที

แต่ว่าคำพูดประโยคนี้ของป้าคังไม่ผิด

เธอมีนิสัยเงียบขรึม สู้ซังฉิงที่มักจะทำให้ผู้คนมีความสุขไม่ได้จริง ๆ ไม่เพียงแค่พวกป้าคังเท่านั้น แม้แต่ฟู่เซียวหาน เธอก็เคยได้ยินเขาพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วเช่นกัน

ซังหนี่เองก็รู้ว่าตนเองเป็นส่วนเกินของที่นี่

หลังจากรีบทานอาหารในถ้วยของตนเองหมด เธอก็ลุกขึ้นทันที “ฉันขอตัวขึ้นห้องก่อน พวกคุณค่อย ๆ ทานนะ”

“พี่ทานแค่นี้เองเหรอคะ?” ซังฉิงกลับพูดขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นฉันขึ้นไปข้างบนเป็นเพื่อนพี่ดีกว่าค่ะ”

“ไม่ต้อง”

ซังหนี่ชักมือของตนเองที่เธอดึงเอาไว้ออก “เธอค่อย ๆ กินเถอะ ไม่เป็นไร”

เมื่อพูดจบ เธอก็กลับหลังหันแล้วเดินขึ้นไปข้างบนทันที

ก่อนเดินออกจากห้องทานอาหาร เธอได้ยินซังฉิงพูดกับฟู่เซียวหานอย่างระมัดระวัง “พี่เขย พี่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ใช่ไหมคะ? ฉัน...ไม่ควรมารบกวนพวกพี่ใช่ไหมคะ?”

ในน้ำเสียงของเธอ แฝงไปด้วยความน้อยใจและเสียงสะอื้น

ซังหนี่รู้สึกขึ้นทันทีว่าไม่อยากได้ยินอีกต่อไป

แม้แต่ฟู่เซียวหานจะตอบว่าอะไร เธอก็ไม่ได้สนใจ

หลังจากกลับมาถึงห้องของตัวเอง เธอก็เปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองอีกครั้ง

แต่หลังจากเปิดเอกสาร เธอกลับเขียนอะไรไม่ออก

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน จู่ ๆ ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาบนโทรศัพท์มือถือ

ฟู่เซียวหาน “มานี่”

ซังหนี่เหลือบมองข้อความนั่นแวบหนึ่ง แต่กลับเลือกที่จะเมินเฉย

แต่สุดท้ายฟู่เซียวหานก็ไม่ได้ส่งข้อความฉบับที่สองมา

หลังจากที่ซังหนี่จ้องไปยังช่องที่ไม่ได้ลงสีบนหน้าจออยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง แล้วหันหลังเดินออกไป

——นี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฟู่เซียวหานไม่จำเป็นต้องส่งข้อความฉบับที่สอง

เพราะเขารู้ว่า เธอจะมาหา

เมื่อเธอมาถึงห้องนอนใหญ่ ฟู่เซียวหานก็เดินออกมาจากในห้องอาบน้ำพอดี

สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นก็คือ เธอยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าบนตัวของเธอ

หว่างคิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก ยื่นมือออกไป แล้วกระชากเธอเข้าไปในห้องน้ำทันที

น้ำอุ่นไหลออกมาจากฝักบัว ทำให้เสื้อผ้าและเส้นผมของซังหนี่เปียกทันที

ความรู้สึกไม่สบายตัวที่เสื้อผ้าแนบติดบนผิวของเธอ ทำให้หว่างคิ้วของเธอขมวดเข้าหากันแน่น ตอนที่กำลังอยากจะดันเขาออก ฟู่เซียวหานกลับยื่นมือไปจับศีรษะของเธอเอาไว้ แล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธอทันที

ริมฝีปากและลิ้นประสานกัน

นิสัยของฟู่เซียวหานดื้อรั้นเอาแต่ใจ จูบของเขาก็ย่อมต้องเป็นแบบเดียวกัน

แม้ว่าเวลาจะผ่านมาสองปีแล้ว ซังหนี่ก็ยังคงรู้สึกปรับตัวไม่ได้เท่าไหร่ ประกอบกับทั้งสองคนในเวลานี้กำลังอยู่ในห้องน้ำ ในไม่ช้าเธอก็รู้สึกขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง

ขาทั้งสองข้างของเธออดไม่ได้ที่จะอ่อนยวบ ร่างกายของเธอเกือบจะกดทับลงไปบนตัวของฟู่เซียวหาน

แต่ครู่ต่อมา เธอก็ได้ยินเสียงที่สดใสดังลอยมาจากด้านนอกประตู

“พี่เขย พี่อยู่ไหมคะ?”

Related chapters

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 4

    ร่างกายของซังหนี่แข็งทื่อไปเธอเบิกตากว้างทันที มือออกแรงผลักเขาออกแต่ฟู่เซียวหานกลับทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย เพียงพลิกมือแล้วจับข้อมือของเธอเอาไว้ กดตัวเธอเข้ากับกำแพงการกระทำของเขายังคงแข็งแกร่งเหมือนเคยซังหนี่อยากจะคราง แต่เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เธอพยายามกลืนเสียงกลับเข้าไปอีกครั้งเสียงน้ำจากฝักบัวยังคงดำเนินต่อไปประกอบกับมีประตูกั้นเอาไว้ ซังฉิงที่อยู่ด้านนอกเหมือนว่าจะไม่สังเกตเห็นอะไรเธอถามขึ้นอีก “พี่เขย?”ซังหนี่หันหน้ากลับไปมองฟู่เซียวหานไม่รู้ว่าเป็นเพราะโมโหหรือเพราะเหตุผลอื่น สีหน้าของเธอในเวลานี้แดงระเรื่อ ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งเมื่อเทียบกับท่าทางที่เงียบขรึมในเวลาปกติ ไม่รู้ว่าดูมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นกี่เท่าฟู่เซียวหานจ้องมอง การกระทำก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับกำลังระบายบางอย่างออกมาร่างกายที่สมบูรณ์แบบ ส่งซังหนี่ขึ้นสวรรค์ได้อย่างง่ายดายซังฉิงที่อยู่ด้านนอกเหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ซังหนี่ฟังไม่ชัดเจนเลยแม้แต่ประโยคเดียวตอนที่ฟู่เซียวหานกดเธอลงไปอีกครั้ง สุดท้ายเธอก็ครางออกมาอย่างอดไม่อยู่แล้วจากนั้น คนที่อยู

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 5

    ซังฉิงเติบโตมาด้วยกันกับฟู่เซียวหานตั้งแต่เด็กดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับบ้านเก่าตระกูลฟู่หลังนี้ยิ่งกว่าซังหนี่ทันทีที่เข้าบ้าน เธอก็เดินเข้าไปหาคุณนายใหญ่ด้วยความสนิทสนม “คุณย่า!”“อ้าว ยัยหนูฉิงมาแล้วเหรอ?”คุณนายใหญ่ดีใจเป็นอย่างมาก “ย่าขอดูหน่อย ทำไมผอมลงไปอีกแล้วล่ะ?”“ไม่ผอมนะคะ” ซังฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณย่าดูสิคะ หนูทำลูกชิ้นปูมาให้คุณย่าด้วยนะคะ”“แม่หนู เธอช่างมีน้ำใจจริง ๆ!”ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม บนใบหน้าของคุณนายใหญ่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่ทันทีที่ซังหนี่เดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มของคุณนายใหญ่ก็จางลงไปมากทันทีซังหนี่เหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็น เพียงแต่เรียกด้วยความเคารพ “คุณย่า”คุณนายใหญ่เห็นท่าทางของเธอแล้ว กำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่ซังหนี่กลับย้ายสายตาไปอย่างรวดเร็ว กล่าวกับคนที่อยู่บนบันได “คุณแม่”“คุณป้า!”เมื่อเห็นคนที่เดินมา ซังฉิงที่แต่เดิมใช้ร่างกายอิงแอบอยู่บนบ่าของคุณนายใหญ่ ก็ยืนตัวตรงขึ้นทันที สายตาที่จ้องมองอีกฝ่าย แฝงไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย“คุณหนูรองมาแล้วเหรอ ยินดีต้อนรับ”คุณนายฟู่พยักหน้าให้เธอทีหนึ่ง แม้ท่าทางที่แสดงออกดูเหมือนขอ

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 6

    ฟู่เซียวหานกลับมาก่อนมื้อเย็นเมื่อเห็นหลานชายของตนเอง คุณนายใหญ่ย่อมยิ้มด้วยความดีใจ ดึงมือของฟู่เซียวหานเอาไว้ตลอดพร้อมทั้งถามด้วยความห่วงใย“ดูสิ ผอมลงอีกแล้ว” คุณนายใหญ่พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “ดูหลานใช้ชีวิตเข้าสิ ทำไมถึงได้ผอมลงกว่าตอนก่อนแต่งงานมากขนาดนั้น ภรรยาของหลานดูแลหลานยังไง?”คำพูดประโยคนี้ของเธอ เห็นได้ชัดว่าหมายถึงซังหนี่ซังหนี่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด ซังฉิงกลับพูดขึ้นว่า “คุณย่า อย่าเข้าใจพี่สาวของหนูผิดสิคะ พี่สาวของหนูยุ่งทุกวันเลยค่ะ ได้ข่าวว่าพี่มีการ์ตูนอีกเล่มที่กำลังจะตีพิมพ์ คุณย่าไม่สังเกตเห็นเหรอคะว่าพี่สาวของหนูก็ผอมลงไปเยอะเหมือนกัน? เมื่อวานหนูเห็นยังสงสารเลยค่ะ”ดูเหมือนปากของซังฉิงกำลังช่วยพูดแทนซังหนี่แต่ทำไมคำพูดประโยคนี้ฟังดูแปลก ๆ แน่นอนว่า คงจะมีเพียงซังหนี่คนเดียวเท่านั้น ถึงเข้าใจคำพูดประชดประชันในนั้นออกหลังจากคุณนายใหญ่ฟังซังฉิงพูดจบ ก็ไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม “การ์ตูนอะไร? ของไม่เข้าท่าพวกนั้นอีกแล้วเหรอ เธอนี่มัน...”คุณนายใหญ่เตรียมที่จะสั่งสอน ฟู่เซียวหานก็ตัดบทขึ้นมาทันที “เตรียมตัวกินข้าวได้หรือยังครับ?”“เซียวหาน หลาน...”

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 7

    “พี่เขย ขอบคุณพี่ที่ช่วยฉันพูดเมื่อกี้นี้”ระหว่างทางกลับบ้าน ซังฉิงนั่งอยู่เบาะหลังของรถ แต่ปากกลับพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด “ฉันคิดไม่ถึงว่าหม่ามี๊จะพูดเรื่องนี้กับคุณป้า ฉันตกใจแทบแย่ โชคดีที่พี่เขยช่วยฉันพูด ไม่อย่างนั้น ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้วจริง ๆ ฉันไม่ได้อยากจะแต่งงานเร็วขนาดนี้หรอกค่ะ”ฟู่เซียวหานกำลังขับรถ เพียงส่งเสียงอืมเบา ๆ เท่านั้น ถือเป็นคำตอบท่าทีของเขาเหมือนกับขอไปทีเล็กน้อย แต่ซังฉิงรู้ว่า นิสัยของเขาเป็นแบบนี้มาตลอด ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ถือสา เพียงหันหน้าไปมองทางซังหนี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ “จริงสิพี่คะ เมื่อครู่นี้คุณป้าดึงพี่ขึ้นไปข้างบนคุยอะไรกันเหรอคะ?”“ไม่มีอะไร”ตอนที่ซังหนี่ตอบ ท่าทางเทียบไม่ได้กับการขอไปทีด้วยซ้ำซังฉิงเบะปากด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ในไม่ใช่ก็พูดขึ้นอีกว่า “ช่างเถอะค่ะ พี่คะ พี่รู้ไหมคะ? ว่าพี่ฉินม่อจะกลับมาแล้ว”ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของซังหนี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยตอนนี้ ข้างหน้าเป็นไฟแดงพอดีฟู่เซียวหานหยุดรถอย่างรวดเร็วการเบรกของเขาไม่นับว่ากะทันหัน แต่เมื่อครู่นี้ซังหนี่อยู่ในอาการตกตะลึงพอดี ตอนนี้ตัวจึงโยกเล็กน้อยอย่างอด

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 8

    ซังหนี่ยังคงนั่งอยู่ที่ตำแหน่งด้านข้างคนขับเดิมทีเธอคิดว่าตนเองตายด้านมากพอแล้ว แต่ในเวลานี้ เธอยังคงรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจอยู่เป็นระยะ ๆเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังกัดกินตรงนั้นอยู่ทันใดนั้นซังหนี่ก็นึกถึงเรื่องในอดีตที่นานมาแล้วเรื่องหนึ่งขึ้นมานั่นคือตอนหลังจากที่เธอเพิ่งกลับมาที่บ้านตระกูลซังได้ไม่นานซังหนี่จำได้อย่างแม่นยำว่า วันนั้นฝนตกคุณแม่ของเธอไปรับเธอกับซังฉิงกลับจากโรงเรียนด้วยตนเองแต่ระหว่างทาง พวกเธอประสบอุบัติเหตุถึงแม้ว่าอุบัติเหตุจะไม่รุนแรง แต่เพื่อหลบรถคันหลัง คนขับรถจึงชนเข้ากับพื้นที่สีเขียวที่อยู่ริมทางตอนนั้นศีรษะของซังหนี่กระแทกเข้ากับกระจก ทำให้ตกอยู่ในอาการไม่ได้สติแต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สติ แต่ตอนนั้นเธอมองเห็นอย่างชัดเจนว่า คุณแม่ของเธอเดินอ้อมเธอไป อุ้มซังฉิงที่อยู่ข้างกายเธอพร้อมกับร้องไห้เป็นตอนนั้นเองที่ทำให้ซังหนี่ตระหนักได้ว่า พวกเขาตามตนกลับมา ก็แค่เพียงเพราะสายเลือดของพวกเขาไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเธอเท่านั้นแต่สำหรับพวกเขาแล้ว ซังฉิงถึงจะเป็นลูกสาวอันเป็นแก้วตาดวงใจของพวกเขาหลังจากเข้าใจข้อนี้แล้ว ซังหนี่ก็พยายามทำให้ตนเองล

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 9

    เธอ สบายดีไหม?ซังหนี่ลืมไปแล้วว่าไม่ได้ยินคำถามไถ่แบบนี้มานานขนาดไหนถึงขนาดที่ตนเองก็ยังลืมที่จะถามตัวเองด้วยซ้ำว่า เธอสบายดีไหม?คำตอบง่ายดายอย่างเห็นได้ชัดแต่เวลานี้เธอก็ยังตอบออกไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด “ดีมาก”“อืม ถ้าอย่างนั้นก็ดี”ฉินม่อกล่าวแต่ในไม่ช้า เขาก็เงียบลงอีกครั้ง“ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันวางสายก่อนนะ?” ซังหนี่พูดขึ้นอีกครั้ง“ได้”ทางด้านฉินม่อตอบอย่างรวดเร็ว แต่ตอนที่ซังหนี่กำลังจะวางสาย จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ตอนนั้นต้องขอโทษมาก ๆ ที่ฉันไม่ได้บอกลาเธอ แต่ตลอดเวลาหลายปีที่ฉันอยู่ต่างประเทศ ฉันคิดถึงเธอมากจริง ๆ”“ดึกมากแล้ว นายรีบพักผ่อนเถอะ”เมื่อพูดจบ เขาถึงวางสายโทรศัพท์ซังหนี่ถือโทรศัพท์มือถือยืนอยู่บนขั้นบันได หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงค่อย ๆ หันหลังกลับ แล้วเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองคืนนี้ ฟู่เซียวหานไม่ได้เรียกหาเธอซังหนี่ยังคงไม่สามารถหลับได้อย่างสนิทเช่นเดิมเป็นเพราะโทรศัพท์สายนั้นของฉินม่อ ทำให้เธอฝันตลอดทั้งคืนเธอในความฝัน ได้กลับไปยังช่วงเวลาที่เพิ่งกลับมาถึงตระกูลซังคุณพ่อคุณแม่ตระกูลซังได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับให้เธออย่างอ

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 10

    นิสัยของซังหนี่มักจะดูหัวโบราณและน่าเบื่อหน่ายสำหรับคนนอกเสมอหลายครั้ง เธอแทบจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาด้วยซ้ำแต่ตอนนี้เธอกลับเหมือนสัตว์ร้ายตัวน้อยที่ถูกบังคับให้ไปที่ริมหน้าผาตัวหนึ่ง สลัดคราบที่อ่อนโยนออก แสดงนิสัยที่ดุร้ายออกมาเพียงแต่การข่มขู่เล็ก ๆ น้อย ๆ นี้สำหรับฟู่เซียวหานแล้วแทบไม่มีความหมายอะไรเขาไม่แม้แต่ตอบเธอสักประโยคเสียด้วยซ้ำ กลับยกเธอขึ้นมาจากเตียงทันทีหลังจากนั้น ก็ลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอด้วยตนเองซังหนี่อยากจะผลักเขาออกไป แต่แรงของทั้งสองคนแตกต่างกันเกินไป สุดท้าย เธอก็ถูกเขาลากตัวลงไปที่ชั้นล่างอยู่ดี“คุณชาย คุณนายน้อย...”ป้าคังที่อยู่ตรงชั้นล่างอยู่แล้ว เมื่อเห็นฉากนี้ ก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองเห็นเธอ ซังหนี่เก็บอาการทันที ไม่ขัดขืนอีกต่อไป ยอมให้ฟู่เซียวหานพาตนเดินออกจากประตูหลังจากที่รถขับออกมาได้ครู่หนึ่ง ซังหนี่ก็ค่อย ๆ เงียบสงบลงหลังจากหายใจเข้าลึก ๆ ก็หันหน้าไปมองคนที่อยู่ข้าง ๆ “พวกเราไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลหรอก ด้านคุณแม่ของคุณ ฉันจะอธิบายให้ท่านฟังเอง”“ฉันรู้ว่างานของคุณยุ่งมาก คุณไม่จำเป็นต้องกลับไปส่งฉันหรอก ปล่อยฉันลงตรงไหนส

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 11

    แม้ว่าเขาจะเป็นชายชราผู้มากประสบการณ์ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอกล่าว ก็ชะงักด้วยความตกตะลึงเล็กน้อยเพราะยังไงเสีย คนที่มาหาเขาถึงที่นี่ต่างต้องการมีลูกด้วยกันทั้งนั้นแต่ทันทีที่ซังหนี่อ้าปากพูด กลับบอกว่าเธอกำลังทานยาคุมกำเนิดเสียอย่างนั้น?ชายชราอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังฟู่เซียวหานเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้เช่นกัน และในเวลานี้คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดย่นเข้าหากันแต่ชายชราก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาชะงักไปเพียงครู่เดียวก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ตั้งแต่นี้ไปก็หยุดทานยานั่นซะ ฉันจะสั่งยาให้ เริ่มบำรุงร่างกายเธอให้ดีเสียก่อนแล้วกัน”ซังหนี่ไม่ปริปากพูดอะไรอีก แต่เมื่อชายชรายื่นตำรับยาให้เธอ เธอกลับยื่นมือมารับไปอย่างรวดเร็ว“ขอบคุณค่ะ”หลังพูดจบเธอก็จากไปโดยไม่หันมามองอีกฟู่เซียวหานเดินตามหลังเธอมาซังหนี่รู้ดีว่าเขาไม่มีเวลามาสนใจดูแลเธอแน่นอน ดังนั้นเมื่อออกจากโรงพยาบาล เธอจึงตั้งใจจะเรียกรถด้วยตัวเอง แต่ฟู่เซียวหานกลับกระชากรั้งตัวเธอไว้อย่างรวดเร็ว“ขึ้นรถ”น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ สายตาที่มองก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกนั้นเช่นกัน“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเรีย

Latest chapter

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 274

    ทันทีที่คำพูดนี้ของฟู่เซียวหานหลุดออกจากปาก ซังหนี่พลันตกตะลึงจากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา “จริงหรือคะ? แล้วนับว่าคุณชนะหรือเปล่า?”ฟู่เซียวหานไม่ตอบคำถามของเธอ ราวกับรู้สึกว่าคำถามนี้ไม่มีความจำเป็นต้องตอบเขาจึงเดินถือสัมภาระออกไปทั้งอย่างนั้นเสียงปิดประตูไม่ดังไม่เบา ไม่เจือไปด้วยอารมณ์ใด ๆ ซังหนี่เองก็ไม่ได้เหลือบมองไปฝั่งนั้นเลยด้วยซ้ำกล่าวตามตรง เดิมทีเธอไม่คิดจะพูดถ้อยคำเมื่อกี้ไปสักนิดเพราะมัน…ไม่มีความหมายอะไรอย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็จบลงแล้ว การที่จะไปขุดคุ้ยอารมณ์จากเรื่องราวในอดีตขึ้นมาอีกครั้งช่างเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นมันก็เหมือนกับผลไม้เน่าเสียที่แค่ต้องโยนทิ้งลงถังขยะไปก็เท่านั้น ทำไมต้องปอกเปลือกออกทีละชั้นเพื่อหาว่าตรงไหนกันที่เน่าเป็นจุดแรก?ท้ายที่สุดแล้ว บนมือก็หลงเหลือเพียงแกนกลางผลไม้ที่เน่าเปื่อยถึงจะยอมรับได้ในที่สุดว่า ——มันผิดมาตั้งแต่แรกแต่ซังหนี่เองที่อดใจไม่ไหวคำถามต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในสมองของเธอ นับตั้งแต่เจิ้งชวนบอกกล่าวให้เธอฟังเกี่ยวกับเรื่องของจื้อเหอกรุ๊ป นับตั้งแต่เธอรู้เรื่องว่าคุณนายฟู่ได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้วไม

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 273

    เขาก็อาจมีความรู้สึกต่อเธออย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รีบร้อนขนาดนั้นเวลาที่เธอมีเรื่องแต่ความรู้สึกนี้มีอยู่เท่าไหร่กันนะ?เป็นสิ่งที่ต่อท้ายจากผลประโยชน์ของเขา เป็นสิ่งที่หากมีเรื่องใดเกิดขึ้น เขาก็พร้อมจะใช้เธอเป็นไพ่ที่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างไม่ลังเลและการเหนี่ยวรั้งเธอไว้ตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ตรงตามจังหวะขั้นตอนเพราะอย่างไรเสียเรื่องของจื้อเหอกรุ๊ปก็ได้รับการแก้ไขแล้ว เขาได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการมาแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงหันมองย้อนกลับมานึกถึงไพ่ที่เขาทิ้งไปด้วยตัวเองตั้งแต่แรก?ถึงตอนนี้เขาจะเหนี่ยวรั้งไว้แล้วอย่างไร?ท้ายที่สุดก็โดนเขา…ทิ้งไปอยู่ดีซังหนี่ไม่คิดกล่าวโทษเขาเพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่งอีกอย่างเธอรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนอื่น ๆ ต่างเห็นความรุ่งโรจน์ของเขา ทว่าจริง ๆ แล้วการจะมาถึงจุดนี้นั้นช่างแสนลำบาก ตอนนั้นคุณพ่อของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เขาเองก็ยังอายุน้อยอยู่มาก ลับหลังล้วนมีแต่คนจับจ้องผลประโยชน์ตาเป็นมันดังนั้นการที่เขาจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มาเป็นอันดับแรกจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ซังหนี่เกลียดภาพที่เขาแสดงออกมาว่

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 272

    “คุณหมายความว่าอะไร?”ฟู่เซียวหานถามเสียงต่ำซังหนี่ดึงเค้กก้อนนั้นกลับมาอีกครั้ง ในมือถือส้อมไว้แต่ไม่ได้ขยับ เธอเพียงเอ่ยถามเสียงเบาว่า “ปัญหาของทางจื้อเหอกรุ๊ปคุณจัดการแล้วหรือคะ?”ฟู่เซียวหานคาดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เธอจะถามถึงเรื่องนี้ก่อนที่จะคิดได้ว่าควรตอบไปอย่างไร ซังหนี่ก็กล่าวเสริมขึ้นมา “วิกฤตการณ์ทางธุรกิจของจื้อเหอกรุ๊ปในปีที่แล้ว จริง ๆ แล้วเป็นเพียงระเบิดควันที่คุณวางไว้ใช่ไหมคะ?”“ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกฉันว่าจื้อเหอกรุ๊ปก่อตั้งมานานหลายสิบปี ซึ่งนั่นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วประเทศ มีทั้งชื่อเสียงทั้งรากฐานที่ยึดแน่น”“ข้อเสียคือในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ความกระตือรือร้นของพนักงานมากหน้าหลายตาล้วนถูกขัดเกลาจนแทบไม่หลงเหลือความรู้สึกนั้นอยู่ โดยเฉพาะเหล่าญาติสนิทมิตรสหายของผู้ถือหุ้นหลายราย แต่คุณรู้อยู่แก่ใจถึงการกระทำที่ไม่เอาการเอางานของพวกเขาดี ทว่ากลับไม่สามารถกำจัดทั้งหมดออกไปได้ เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นผู้ถือหุ้นเก่าแก่ที่ร่วมทำงานหนักตรากตรำกันมากับคุณพ่อของคุณ หรือแม้แต่กับคุณปู่คุณด้วยซ้ำ หากคุณจะลงมือ มันก็คง

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 271

    ไม่จำเป็นจะต้องเปิดโอกาสให้เธอหัวเราะเยาะเขาไปมากกว่านี้แต่ในเวลานี้ ฟู่เซียวหานยังคงควบคุมมันไม่ได้หลังจากสบตาเขาสักพัก ซังหนี่ก็ตอบว่า “เรื่องการแต่งงานเราได้ตัดสินใจกันไปเรียบร้อยในเมื่อสองวันก่อนหน้านี้ค่ะ”“สำหรับเมื่อกี้…ประธานฟู่ที่มีประสบการณ์และความรู้กว้างขวางถึงเพียงนี้ หรือว่าคุณจะไม่รู้ว่าบนโลกนี้มีคำศัพท์อย่างคำว่าทำรักครั้งสุดท้ายเพื่อสิ้นสุดความสัมพันธ์งั้นหรือคะ? อีกอย่างไม่ว่าจะควรพูดหรือไม่ แต่ในช่วงที่ผ่านมานี้คุณได้ช่วยเหลือฉันไว้เยอะมากจริง ๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมควรที่ฉันจะตอบแทนคุณเพียงเพื่อให้คุณมีความสุขขึ้นมาบ้าง”ซังหนี่อธิบายเปี่ยมด้วยความจริงจังและจริงใจฟู่เซียวหานมองเธอพร้อมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ดังนั้นเมื่อกี้คุณ…ก็แค่อยากให้ผมมีความสุข?”“ใช่สิคะ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นแล้วคุณคิดว่าอะไรล่ะ?”มือของฟู่เซียวหานที่จับเธอไว้ปล่อยออกแทบจะในทันที แม้แต่ดวงตาที่จับจ้องมาราวกับจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ เมื่อกี้นี้เองก็ลดสายตาลงเช่นกันสภาพเช่นนั้น ราวกับเขาอ่อนแรงไปอย่างกะทันหันอย่างไรอย่างนั้นเดิมทีซังหนี่คิดว่าเขายอมรับเรื่องนี้ได้แล้ว แต่วินาทีถัดมา ฟู่เ

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 270

    ฟู่เซียวหานไม่อยากจะเชื่อเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน พวกเขาสองคนยังแนบชิดกันอยู่เลย แต่ตอนนี้ ซังหนี่กลับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งว่าให้เขาออกฟู่เซียวหานนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณล้อผมเล่นใช่ไหม? ซังหนี่ คุณ……”“คุณกับโจวหลินทำข้อตกลงอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานเดิมทีถอดถุงมือออกแล้วกำลังจะไปกอดเธอ แต่ซังหนี่กลับหลบเลี่ยงการกระทำของเขา แล้วถามเขาต่อสีหน้าจริงจังนั้น ทำให้มือของฟู่เซียวหานชะงักค้างกลางอากาศ สุดท้าย ก็ต้องค่อยๆ เก็บกลับไปแม้จะไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เธอพูดกับตัวเองตอนนี้ แต่ฟู่เซียวหานก็ตอบกลับไปว่า “เขามีปัญหาบางอย่างเรื่องการเงินที่ต่างประเทศ และผมเป็นคนช่วยจัดการให้เขา”“อืม ไม่น่าล่ะ”ซังหนี่พยักหน้าฟู่เซียวหานขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“เปล่าค่ะ ตรงกันข้าม เพราะคุณช่วยเอาไว้ โครงการของเราถึงดำเนินไปอย่างราบรื่น เงินทุนก็ถูกโอนเข้ามาวันนี้แล้ว ไม่อย่างนั้น อาจต้องรอเป็นเดือนกว่าจะได้ข้อสรุป”ฟู่เซียวหานฟังแล้วกลับยิ่งไม่เข้าใจในเมื่อทุกอย่างราบรื่น แล้วทำไม…ราวกับรู้ว่าเขากำลังสงสัยอะไร ซังหนี่จึงพูดขึ้นทันทีว่า “เพราะฉะนั้นฟู่เ

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 269

    ฟู่เซียวหานยังคงกังวลเกี่ยวรอยแดงบนผิวของซังหนี่ เมื่อตอนนี้อารมณ์ของทั้งคู่เริ่มเย็นลง เขากำลังจะปล่อยเธอไป แต่จู่ๆ ซังหนี่กลับคว้าตัวเขาไว้ “ฟู่เซียวหาน”จากนั้น เธอก็โน้มริมฝีปากไปกระซิบข้างหูเขา เบาๆ สองคำถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาและเร่าร้อนทำให้ร่างกายของฟู่เซียวหานตึงเครียดขึ้นมาทันที และจ้องมองเธอด้วยสายตาเคร่งขรึมซังหนี่ยิ้มให้เขา ปลายนิ้วของเธอยังถือเนคไทที่เพิ่งถอดออกจากตัวเขา เวลานี้ผืนผ้านุ่มนั้นกำลังลื่นไหลผ่านปลายนิ้วของเธอจากนั้น เธอก็ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง และแตะปลายลิ้นลงบนริมฝีปากของเขาเบา ๆเศษเสี้ยวของสติที่เหลืออยู่อันน้อยนิดในหัวของฟู่เซียวหานขาดสะบั้นลงในทันที!เขาไม่ลังเลอีกต่อไป จากนั้นจับท้ายทอยของซังหนี่ไว้แน่น แล้วจูบเธอลงไปอย่างเร่าร้อนในตอนนี้ พวกเขาราวกับปลาสองตัวที่ถูกซัดขึ้นฝั่ง เพราะกำลังขาดออกซิเจน จึงมีเพียงกันและกันเท่านั้นที่จะทำให้มีชีวิตรอด พวกเขาพัวพันกันแน่นหนาราวกับไม่อาจแยกจาก ราวกับได้พบเจออีกครึ่งหนึ่งของชีวิตที่ตัวเองตามหากลัวจะสูญเสียไปอีกครั้ง กลัวจะพลาดจากกันไปอีก จึงทำได้เพียงกอดกันไว้แน่นอยู่อย่างนั้นเมื่อทุกอย่างจบลง ซังหนี่

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 268

    ก็เหมือนกับที่เจิ้งชวนพูดไว้ การตรวจสอบที่โจวหลิงพูดถึง จริงๆ แล้วก็แค่พูดเป็นพิธีเท่านั้นใช้เวลาไม่ถึงห้าวันทำการ เงินทุนที่ซังหนี่ต้องการก็ได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้วแต่การได้เงินมาเป็นเพียงแค่ก้าวแรก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ซังหนี่จึงต้องไปตรวจสอบไซต์ก่อสร้างด้วยตัวเองในวันนี้ตอนนี้เมืองอิ๋นเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว ซังหนี่สวมหมวกนิรภัย และในเมื่อเธอไปตรวจงาน ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมาแสร้งถือร่ม ดังนั้นตลอดทั้งวัน แขนและคอของเธอจึงโดนแดดจนแดงไปหมดระหว่างทางกลับบ้าน เธอจึงแวะซื้อยามาด้วยพอกลับถึงบ้านและกำลังเตรียมจะทายา ฟู่เซียวหานก็กลับมาพอดีคืนนี้เขามีงานเลี้ยง แต่ดูเหมือนจะแอบหนีกลับออกมาก่อน เวลานี้มือของเขายังหิ้วถุงอาหารที่ห่อกลับมาฝากซังหนี่ และที่สะดุดตาที่สุดคือเค้กชิ้นเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆซังหนี่ชะงักไปเล็กน้อยขณะนั้นเองฟู่เซียวหานก็เพิ่งสังเกตเห็นแขนของเธอ “เป็นอะไร?”“ไม่มีอะไรค่ะ แค่โดนแดดเผา”ซังหนี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ พอดีกับที่เธอทายาตรงต้นคอด้านหลังเองไม่ได้ เธอจึงยื่นหลอดยาให้เขา ให้เขาช่วยทาแทนฟู่เซียวหานรับยาไปทันที แต่เมื่อเห็นสภา

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 267

    เมื่อเทียบกับเมื่อคืนนี้ ท่าทีของโจวหลินในวันนี้กลับดีขึ้นไม่น้อยหลังจากสอบถามไปสองสามคำ เขาก็บอกว่าจะรีบพิจารณา และจะให้คำตอบกับซังหนี่ภายในหนึ่งสัปดาห์ความเร็วระดับนี้ในแวดวงธุรกิจถือว่าเร็วมากแล้ว ซังหนี่เดาว่าฟู่เซียวหานคงทำอะไรบางอย่างแน่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใคร เพียงแค่ยิ้มแล้วบอกว่าครั้งหน้าจะเลี้ยงข้าวโจวหลินโจวหลินหัวเราะพลางตอบรับขณะออกจากตึก แม้แต่เจิ้งชวนยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “ผู้จัดการธนาคารโจวคนนี้ดูเหมือนจะพูดง่ายกว่าที่ข่าวลือกันเยอะเลยนะ อีกอย่างคำพูดของเขาก็ดูจะเป็นเพียงมารยาทเท่านั้น เขาเป็นถึงผู้จัดการธนาคาร โครงการจะผ่านหรือไม่ขึ้นอยู่กับเขาพูดคำเดียวไม่ใช่เหรอ?”“แต่กระบวนการก็ยังต้องดำเนินไปตามขั้นตอนอยู่ดี”ตอนนั้นซังหนี่ กำลังดูข่าวในโทรศัพท์ เลยตอบกลับเจิ้งชวนไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนักจนกระทั่งพูดจบ เธอถึงได้รู้ว่าตอนนี้บรรยากาศในรถเงียบสงัดซังหนี่เงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย แต่กลับพบว่าเจิ้งชวนกำลังมองเธออยู่ “ประธานเสี่ยวซัง ทำไมคุณถึงดูมั่นใจขนาดนี้ล่ะ? ก่อนหน้านี้คุณบอกเองว่านี่เป็นงานหิน ไม่รู้ควรจะจัดการยังไงไม่ใช่เหรอ?”“หรือว่าเ

  • ภรรยาจำเลยของท่านประธานยื้อรัก   บทที่ 266

    ซังหนี่เอนศีรษะพิงโซฟาไฟในห้องนั่งเล่นยังเปิดอยู่ เวลานี้แสงสีขาวสว่างนั้นจ้าจนแสบตา ทำให้น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเธอโดยไม่รู้ตัว จากนั้นมือกำแน่น แต่กลับไม่รู้ว่าจะคว้าอะไร สุดท้าย ทำได้เพียงลดมือลง และจับเส้นผมของฟู่เซียวหานไว้อย่างไม่มีทางเลือกสูญเสียการควบคุมในทันทีแต่ซังหนี่ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ เมื่อฟู่เซียวหานลุกขึ้นและอุ้มเธอไว้ ซังหนี่ดึงสติกลับมา และเขาว่า“คุณคิดจะช่วยฉันยังไง?”ฟู่เซียวหานไม่ตอบ แต่ฝีเท้ากลับไม่หยุดซังหนี่เริ่มร้อนใจ มือกำคอเสื้อของเขาแน่น “ฟู่เซียวหาน คุณกำลังหลอกฉันอยู่รึเปล่า?”ฟู่เซียวหานโยนเธอลงบนเตียงในห้องนอน และโน้มตัวกดไว้ข้างบน “ซังหนี่ คุณใจร้อนเกินไปหรือเปล่า?”“บอกให้คุณเอาใจฉันเพื่อข้อแลกเปลี่ยน แต่ตอนนี้เธอยังไม่ทำอะไรก็หวังจะได้ผลประโยชน์แล้วงั้นเหรอ?”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยคำเตือนแต่ตอนนี้ซังหนี่กลับไม่กลัวเขาเลยสักนิด เพียงจ้องตาเขม็ง “ถ้าคุณเกิดเปลี่ยนใจทำไม่รู้จักฉันขึ้นมาล่ะ? ถ้าแบบนั้นจะทำยังไง?”“ก็คิดซะว่าคุณโชคร้ายไง”“คุณ...”ซังหนี่ยังพูดไม่จบ ฟู่เซียวหานก็โน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากของเธอพอคิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งทำไป

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status