นิสัยของซังหนี่มักจะดูหัวโบราณและน่าเบื่อหน่ายสำหรับคนนอกเสมอหลายครั้ง เธอแทบจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาด้วยซ้ำแต่ตอนนี้เธอกลับเหมือนสัตว์ร้ายตัวน้อยที่ถูกบังคับให้ไปที่ริมหน้าผาตัวหนึ่ง สลัดคราบที่อ่อนโยนออก แสดงนิสัยที่ดุร้ายออกมาเพียงแต่การข่มขู่เล็ก ๆ น้อย ๆ นี้สำหรับฟู่เซียวหานแล้วแทบไม่มีความหมายอะไรเขาไม่แม้แต่ตอบเธอสักประโยคเสียด้วยซ้ำ กลับยกเธอขึ้นมาจากเตียงทันทีหลังจากนั้น ก็ลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอด้วยตนเองซังหนี่อยากจะผลักเขาออกไป แต่แรงของทั้งสองคนแตกต่างกันเกินไป สุดท้าย เธอก็ถูกเขาลากตัวลงไปที่ชั้นล่างอยู่ดี“คุณชาย คุณนายน้อย...”ป้าคังที่อยู่ตรงชั้นล่างอยู่แล้ว เมื่อเห็นฉากนี้ ก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองเห็นเธอ ซังหนี่เก็บอาการทันที ไม่ขัดขืนอีกต่อไป ยอมให้ฟู่เซียวหานพาตนเดินออกจากประตูหลังจากที่รถขับออกมาได้ครู่หนึ่ง ซังหนี่ก็ค่อย ๆ เงียบสงบลงหลังจากหายใจเข้าลึก ๆ ก็หันหน้าไปมองคนที่อยู่ข้าง ๆ “พวกเราไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลหรอก ด้านคุณแม่ของคุณ ฉันจะอธิบายให้ท่านฟังเอง”“ฉันรู้ว่างานของคุณยุ่งมาก คุณไม่จำเป็นต้องกลับไปส่งฉันหรอก ปล่อยฉันลงตรงไหนส
แม้ว่าเขาจะเป็นชายชราผู้มากประสบการณ์ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอกล่าว ก็ชะงักด้วยความตกตะลึงเล็กน้อยเพราะยังไงเสีย คนที่มาหาเขาถึงที่นี่ต่างต้องการมีลูกด้วยกันทั้งนั้นแต่ทันทีที่ซังหนี่อ้าปากพูด กลับบอกว่าเธอกำลังทานยาคุมกำเนิดเสียอย่างนั้น?ชายชราอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังฟู่เซียวหานเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้เช่นกัน และในเวลานี้คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดย่นเข้าหากันแต่ชายชราก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาชะงักไปเพียงครู่เดียวก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ตั้งแต่นี้ไปก็หยุดทานยานั่นซะ ฉันจะสั่งยาให้ เริ่มบำรุงร่างกายเธอให้ดีเสียก่อนแล้วกัน”ซังหนี่ไม่ปริปากพูดอะไรอีก แต่เมื่อชายชรายื่นตำรับยาให้เธอ เธอกลับยื่นมือมารับไปอย่างรวดเร็ว“ขอบคุณค่ะ”หลังพูดจบเธอก็จากไปโดยไม่หันมามองอีกฟู่เซียวหานเดินตามหลังเธอมาซังหนี่รู้ดีว่าเขาไม่มีเวลามาสนใจดูแลเธอแน่นอน ดังนั้นเมื่อออกจากโรงพยาบาล เธอจึงตั้งใจจะเรียกรถด้วยตัวเอง แต่ฟู่เซียวหานกลับกระชากรั้งตัวเธอไว้อย่างรวดเร็ว“ขึ้นรถ”น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ สายตาที่มองก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกนั้นเช่นกัน“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเรีย
ท้ายที่สุดฟู่เซียวหานก็ไม่ได้ส่งซังหนี่กลับไปที่คฤหาสน์เมื่อแสดงจุดยืนทางคำพูดของเขาอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็มองหาทางแยกแล้วปล่อยซังหนี่ลงจากรถก่อนที่ซังหนี่จะทรงตัวยืนอย่างมั่นคง เขาก็เหยียบคันเร่งขับออกไปแล้วรถปอร์เช่สีดำคันนั้นขับผ่านเธอไปเช่นนี้ โดยไม่มีแม้แต่ความลังเลใด ๆ ซังหนี่ชินเสียแล้วแต่มือของเธอก็อดไม่ได้ที่จะกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อบริเวณนั้นส่งผ่านความรู้สึกมาเป็นความเจ็บปวดเล็กน้อย—นั่นคือสิ่งที่ที่ซังหนี่ใช้เตือนตัวเองอย่าคิดที่จะ…เพ้อฝันเรื่องใดเกี่ยวกับเขาอีกในเมื่อได้ออกมาข้างนอกแล้ว ซังหนี่จึงเตรียมจะเดินเล่นสักหน่อยโดยไม่ลังเลทว่าโชคของเธอไม่ดีนัก ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ก็ชนกับคนตรงหน้าเข้าอย่างจัง“โอ้ นี่มันคุณนายฟู่ไม่ใช่เหรอ?”หยวนโหรวพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่างพบเจอได้ยากเสียจริง ฉันคิดว่าเธอจะไม่แปดเปื้อนโลกีย์บนโลกมนุษย์ ไม่เคยช้อปปิ้งเลยเสียอีก”ในฐานะเพื่อนสนิทอันดับหนึ่งของซังฉิง หยวนโหรวนับว่าเป็นคนในแวดวงที่ชอบหาเรื่องซังหนี่มากที่สุดหลังจากที่ซังหนี่และฟู่เซียวหานแต่งงานกัน คนอื่น ๆ ล้วนเก็บเขี้ยวเล็บของตัวเองไม่มากก็น
หลังจากที่หยวนโหรวพูดจบ ซังหนี่เองก็หัวเราะออกมาเช่นกันเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ รอยยิ้มของหยวนโหรวกลับเลือนหายไป คิ้วของเธอเองก็ขมวดแน่น “เธอหัวเราะอะไร?”“คุณหนูหยวน ถ้าเธอไม่มีอะไรทำก็ไปเรียนหนังสือเพิ่มเถอะนะ” ซังหนี่กล่าว “ไม่อย่างนั้น แค่ไร้มารยาทก็หนักหนาพอแล้ว แต่ถ้อยคำที่พูดออกมายังชวนให้ผู้คนหัวเราะเยาะอีก นี่มัน…ทั้งโง่ทั้งนิสัยเสียของจริง ”หากจะพูดว่า เมื่อกี้ซังหนี่ยังรู้จักเก็บซ่อนคำเสียดสีเอาไว้อยู่ เช่นนั้นตอนนี้ ก็เท่ากับชี้หน้าด่าหยวนโหรวโดยตรงแล้วสีหน้าของหยวนโหรวย่ำแย่ถึงขีดสุดในขณะที่ซังหนี่กำลังจะเดินผ่านเธอไปนั้น เธอกลับเอื้อมมือไปจิกผมของซังหนี่เอาไว้“นังตัวดีที่มาจากบ้านนอกอย่างแก มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน?! แกไม่ดูสารรูปตัวเองเลยหรือไง?! คิดว่ามีฐานะขึ้นมาแล้ว ตัวเองจะกลายเป็นหงส์ได้จริง ๆ งั้นเหรอ? แก…”ยังไม่ทันที่หยวนโหรวจะพูดจบ ซังหนี่ก็หันกลับมา และตบหน้าเธอเข้าอย่างจัง!เฉียบขาดทรงพลังหยวนโหรวกลับตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกรีดร้องพร้อมโถมตัวพุ่งเข้าหาซังหนี่ทันทีระหว่างนั้นไม่รู้ว่าเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นบางทีอาจจะเป็นเพราะซังฉิงต้องการหยุดหย
“พี่คะ!”แต่ซังฉิงกลับยืนขึ้นแล้วจับแขนเธอไว้อย่างรวดเร็ว “พี่คะ พี่โกรธใช่ไหมคะ? หม่ามี๊ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง เป็นฉันเองที่ไม่ระวัง…”“แต่พี่วางใจได้เลยนะคะ ฉันจะย้ายออกจากบ้านพี่แน่นอน และจะไม่รบกวนพี่กับพี่เขยอีก…”“อืม ได้สิ”ซังหนี่ตอบตกลงอย่างรวดเร็วคุณนายซังที่อยู่ด้านข้างอดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่นัยน์ตาของซังฉิงกลับเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด“พี่ไปก่อนล่ะ”ซังหนี่กลับไม่ได้สนใจอะไรมากถึงขนาดนั้น เธอทำแค่ดึงมือของตนออกมา ก่อนจะหันหลังเดินจากไปน้ำเสียงเจือสะอื้นของซังฉิงดังมาจากข้างหลัง“ทำยังไงดีคะหม่ามี๊? พี่ต้องเกลียดหนูมากแน่ ๆ …”ตอนนั้นซังหนี่แทบอยากจะหันหลังกลับไปตอบเธอว่า ใช่แล้ว ตนเองนั้นเกลียดเธอมากจริง ๆ แต่ทันทีที่ความคิดโผล่ขึ้นมาในหัว ซังหนี่ก็สลัดมันทิ้งไปทันทีเพราะเธอรู้ว่าหากเธอทำเช่นนั้น ผลลัพธ์หลังจากนั้นคงเป็นฝ่ามือของคุณนายซังที่จะตบลงบนหน้าเธอยังไงเสีย…เรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตอนแรกซังหนี่ยังมีความรู้สึกสับสน ทั้งที่เธอเป็นลูกสาวในสายเลือดของพวกเขาแท้ ๆ ทำไมพวกเขาถึงลำเอียงไปทา
ซังหนี่สะดุ้งตกใจจนใช้มือดึงเสื้อลงโดยไม่รู้ตัวจากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วมองคนที่เพิ่งเข้ามาสีหน้าของฟู่เซียวหานเองก็ย่ำแย่ไม่ต่างกันทั้งสองคนจึงยืนสบตากันเช่นนั้น ช่างไม่เหมือนกับคู่สามีภรรยาเลยสักนิด แต่ราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเสียมากกว่า“ถ้าไม่มีอะไร ก็โปรดออกไปเถอะค่ะ ฉันจะนอนแล้ว”ท้ายที่สุดก็เป็นซังหนี่ที่เอ่ยปากพูดก่อนแต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือฟู่เซียวหานไม่ได้ระบายอารมณ์ใส่เธอ แต่กลับหมุนตัวกลับไปทันทีพร้อมกล่าวว่า “พรุ่งนี้เที่ยงทำตัวให้ว่างด้วย”ซังหนี่หลุดปากโพล่งออกไปทันที “จะทำอะไรคะ?”แต่ฟู่เซียวหานกลับไม่ได้ตอบคำถามของเธอซังหนี่มองตามแผ่นหลังของเขา “ถ้าคุณจะให้ฉันไปขอโทษซังฉิงล่ะก็ ฉันไม่ไปค่ะ”คราวนี้ฝีเท้าของฟู่เซียวหานถึงหยุดลงปฏิกิริยาของเขาได้บอกให้ซังหนี่เข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่า —สิ่งที่เธอคาดเดาไว้ไม่ผิดเลยทันใดนั้นมือของซังหนี่ก็กำแน่นทันที“ซังหนี่ นั่นคือน้องสาวของคุณนะ”ฟู่เซียวหานกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ฉันไม่มีน้องสาว อีกอย่างเป็นเธอที่ล้มเอง ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จะให้ขอโทษเพื่ออะไร?”“ถ้าอย่างนั้นคุณทำถูกแล้วงั้นสิ?” ฟู่เซียวหานแค
สุดท้ายเอกสารข้อตกลงการหย่าร้างชุดนั้น ก็ถูกซังหนี่วางกลับลงไปที่เดิมวันต่อมา เธอไม่ได้รอฟู่เซียวหาน แต่ขับรถไปบ้านตระกูลซังด้วยตัวเองบ้านตระกูลซังตั้งอยู่ขอบเขตระหว่างตัวเมืองและชายเมืองของเมืองถง เป็นเขตคฤหาสน์ชื่อดัง ซึ่งทุกตารางนิ้วล้วนมีค่าดั่งทองคำทันทีที่ซังหนี่จอดรถก็มีคนเห็นเธอแต่คนรับใช้คนนั้นไม่ได้ออกมาต้อนรับเธอ ทว่าหมุนตัวเดินกลับเข้าไปข้างในซังหนี่เองก็ไม่ใส่ใจนัก จึงเปิดประตูลงจากรถด้วยตัวเองก่อนจะออกจากบ้าน เธอยังตั้งใจถือของบำรุงสองสามอย่างมาด้วย ในเมื่อมาขอโทษ…ก็ควรมีท่าทีที่สื่อว่าต้องการจะขอโทษจริง ๆ“คุณหนูหนี่มาแล้ว”วินาทีที่ซังหนี่เข้าไปในบ้าน คนรับใช้ที่รีบเร่งเข้ามารายงานคนเมื่อกี้ ก็เดินมากล่าวต้อนรับด้วยรอยยิ้มซังหนี่พยักหน้าให้เธอ“พี่คะ!”ซังฉิงรีบลงมาจากชั้นบนอย่างรวดเร็วเธอสวมชุดเดรสสีขาว ผมยาวสีปีกกาแผ่สยายเลยไหล่ลงมา เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นัยน์ตาของผู้คนเปล่งประกายแม้ว่าปากของซังฉิงจะเอ่ยเรียกพี่สาว แต่สายตากลับจ้องมองไปข้างหลังเมื่อพบว่าเธอมาที่นี่คนเดียว แววตาของซังฉิงก็เผยให้เห็นถึงคว
“ลูกจะผิดได้ยังไง?”เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของซังฉิง คุณนายซังก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที และคว้ามือของเธอไว้ “ทำไมลูกถึงโง่แบบนี้นะ? ครั้งนี้โชคดีที่ล้มแล้วโดนมือ ถ้าล้มโดนหน้าแล้วเป็นแผลเป็นเข้าล่ะ จะทำยังไง?”ซังฉิงส่ายหน้า “ก็ตอนนั้นหนูคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วนี่คะ จะให้พี่กับหยวนโหรวตบตีกันต่อไปก็คงไม่ได้…”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ คุณนายซังก็นึกบางอย่างออก ก่อนจะมองซังหนี่ด้วยแววตาเรียบนิ่ง “ดูสิว่าเธอก่อเรื่องงามหน้าอะไรขึ้น! ทั้งที่เธอเป็นพี่สาว แต่ยังต้องให้ฉิงฉิงช่วยเธอแบบนี้ เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือยังไง?”“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอหรอกค่ะ”คำตอบนี้ของซังหนี่ทำให้สีหน้าของคุณนายซังย่ำแย่ถึงขีดสุด “เธอพูดว่าอะไรนะ?!”“ถ้าตอนนั้นฉิงฉิงไม่ไปห้ามไว้ เธอคิดจะทำอะไร? เธอรู้ไหมว่านั่นคือพื้นที่สาธารณะ? ถ้ามีคนโพสต์คลิปของพวกเธอลงบนอินเทอร์เน็ต แล้วเธอจะให้พวกเราตระกูลซังเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ทางตระกูลฟู่จะมองเธอยังไง?”ซังหนี่เงียบไปโดยไม่ปริปากเอ่ยอีกแต่สายตาที่เธอใช้มองคุณนายซังราวกับกำลังบอกคุณนายซังอย่างแน่ชัดว่า —เธอไม่สนใจคุณนายซังเริ่มโกรธจนตัวสั่น “เธอหมายความ
แน่นอนว่าฟู่เซียวหานรู้ดีว่านางแพศยาที่พวกเขาเอ่ยถึงคือใครนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขับไล่พวกเขาออกไปโดยตรงผู้เฒ่าทั้งสองคนที่มองดูแล้วอ่อนแรงไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อพวกเขาโดนลากออกไปกลับพ่นถ้อยคำด่าทอที่แสนก้าวร้าวออกมาเสียงดังสนั่น และยังกล่าวอีกว่าพวกเขาจะไปหานักข่าว จะให้ทุกคนรับรู้ว่าลูกชายของพวกเขานั้นเสียชีวิตลงเพราะตระกูลฟู่ในเวลานั้นฟู่เซียวหานเพียงตอบรับด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “ไปหาสิ”ท่าทางที่ไม่มีแม้แต่จะหวั่นเกรงนั้นพวกเขารู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาในใจ!ทว่าฟู่เซียวหานไม่ได้เหลือบมองมายังพวกเขาอีกหลังจากนั้นไม่นาน สวีเหยียนก็รีบเร่งมาที่นี่ พร้อมบอกกับเขาว่าข้าวของจากถนนหมินเหอไปถูกส่งกลับไปที่บ้านพักป๋อซีหยวนเรียบร้อยแล้วฟู่เซียวหานเพียงตอบรับในลำคอ เป็นเชิงว่ารับรู้สวีเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “วันนี้ผมเห็นสีหน้าของคุณนาย…คุณหนูซังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูเหมือนจะป่วยเอาเสียแล้วล่ะครับ”ฟู่เซียวหานไม่ปริปากกล่าวอะไรออกมา“ประธานฟู่ครับ ที่จริงแล้วเรื่องนี้คุณหนูซังเองก็ไม่ได้ผิด คุณไประบายอารมณ์โกรธใส่เ
มันย่ำแย่ยิ่งกว่าจิบแรกเมื่อกี้นี้เสียอีกเรียวคิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จากนั้น เขาก็มองเห็นเงาร่างสีขาวร่างนั้นเพราะยืนอยู่บนตึกชั้นสูง ดังนั้นแท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างด้านล่างจึงล้วนหลงเหลือเพียงจุดที่แสนเลือนรางแต่ในเวลานี้ ฟู่เซียวหานยังคงจำเธอได้ในทันทีเขายังเห็นแม้กระทั่งว่าเธอยืนอยู่ข้างถังขยะ และนำอะไรบางอย่างทิ้งขว้างลงไปมือของฟู่เซียวหานจับแก้วเหล้าในมือแน่นขึ้นโดยพลันผ่านไปสักพัก เขาถึงจะค่อย ๆ ผ่อนแรงมือลงฟู่เซียวหานรู้ดีว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ใช่คนที่ลึกล้ำในห้วงอารมณ์มากนักส่วนนี้เป็นเพราะการสอนที่คุณแม่สอนเขามาตั้งแต่เด็กในเวลานี้เมื่อคิดถึงเธอ สิ่งแรกที่ฟู่เซียวหานนึกถึงคือน้ำเสียงราบเรียบและรอยยิ้มที่ผิวเผินแต่ไปไม่ถึงดวงตาของเธอฟู่เซียวหานเคยคิดว่า เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอเลยสักนิดจนกระทั่งวินาทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอฟู่เซียวตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งทันที ——เธอคือคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับเขามากที่สุดในโลกใบนี้แล้วเขาเคยอยู่ในกายของเธอด้วยซ้ำสายสะดือเส้นน้อย ที่คอยเชื่อมต่อพวกเขาเอาไว้ด้วยกันและความรู้สึกนี้ ก็พลันพุ่ง
หลังจากฟู่เซียวหานพูดจบ ซังหนี่ก็นิ่งเงียบอยู่นานประตูด้านหลังยังไม่ได้ปิดสนิท ลมหนาวที่พัดเข้ามากับความอบอุ่นภายในห้องช่างแตกต่างกันอย่างชัดเจนจนซังหนี่เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตกลงตอนนี้ร่างกายของเธอเย็น หรือว่าร้อนเธอรู้สึกเพียงว่าในสมองมันว่างเปล่าหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า “แสดงว่า คุณไม่อยากฟังคำอธิบายจากฉันใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานมองเธอและพูดว่า “ซังหนี่ หลายๆ เรื่องบนโลกนี้ มันดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น”หลังจากพูดจบ ซังหนี่ก็ก้มหัวลงแล้วหัวเราะออกมาผลลัพธ์?อะไรคือผลลัพธ์?ผลลัพธ์คือตอนนี้แม่ของเขานอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล ผลลัพธ์จดหมายลาตายฉบับนั้น ถูกส่งจากมือของเธอ ให้กับมือของเขาผลลัพธ์ก็คือ เขาบอกว่าพวกเขาตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันอีกแล้วแม้กระทั่งคำบอกเลิก ก็ยังไม่ยอมพูดกับเธอซังหนี่มองดูคนตรงหน้า จู่ๆ ก็นึกถึงช่วงเวลาที่อบอุ่นที่พวกเขาเคยใช้เวลาร่วมกันมาคำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอ สายตาที่เขามองเธอ รวมถึงภาพที่พวกเขาคลอเคลียอยู่บนเตียงด้วยกันภาพของฟู่เซียวหานในตอนนั้น ค่อยๆ ซ้อนทับกับภาพของเขาที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้แต่ในตอนนี้ สายตาของเ
ซังหนี่โทรศัพท์หาฟู่เซียวหาน แต่เขา ติดสายอยู่ตลอดไม่มีทางเลือก เธอจึงทำได้เพียงติดต่อทางสวีเหยียนเท่านั้น“ประธานฟู่ยังประชุมอยู่ครับ แต่วันนี้เขาคงไม่มีเวลาพบคุณ เอายังงี้...”น้ำเสียงของสวีเหยียนพูดอย่างอ้อมค้อม แต่ซังหนี่กลับเข้าใจได้ทันทีถึงความหมายของเขาจะไม่มีเวลาพบ...ได้ยังไง?ซังหนี่จำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้เขาก็ยุ่งมากแต่ตอนนั้นไม่ว่าฟู่เซียวหานจะยุ่งมากแค่ไหน เขาก็หาเวลามาพบเธอได้เสมอ บางครั้งเดินทางไปต่างเมือง เขานั่งเครื่องบินกลับมาช่วงกลางดึกก็ตรงไปหาเธอทันทีแต่ตอนนี้ แม้แต่โทรศัพท์ของเธอก็ไม่มีเวลารับสายความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของเธอ แต่สุดท้ายซังหนี่ก็ไม่ได้ถามออกมา เพียงตอบไปว่า “ฉันรู้แล้วค่ะ”พูดจบ เธอก็หันกลับไปแต่เมื่อคนขับแท็กซี่ถามสถานที่กับเธอ เธอกลับเปลี่ยนเป็นตอบว่า “ไปที่บ้านพักป๋อซีหยวน”เธอไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้วเมื่อก่อนตอนที่ฟู่เซียวหานไม่ชอบที่พักของเธอ เขาก็มักจะพูดคำหนึ่งคือ ขอให้เธอกลับมาอยู่ที่นี่กับเขาซังหนี่ไม่เคยเห็นด้วยเลยเวลานี้เธอก็ไม่ได้เข้าไป แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตู และส่งข้อความถึงฟู่เซียวหาน“ฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้านพักป
ตอนที่ซังฉิงพบเธอ ซังหนี่เพิ่งกลับออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในมือของเธอถือถุงอยู่ และทันทีที่เธอเห็นซังฉิง มือของเธอก็กำแน่นขึ้นมาทันทีซังฉิงยืนอยู่บนบันได และยิ้มเยาะมองเธอ "เธอกลับมาแล้วเหรอ?"ซังหนี่ไม่ตอบอะไร เพียงสบตาเธออย่างนิ่งเฉยเท่านั้นซังฉิงยิ้มเยาะขึ้นมาอีกครั้ง "เห็นฉัน คงแปลกใจมากใช่ไหม?"“ฉันก็แค่อยากมาดูว่าตอนนี้เธอ...เป็นยังไงบ้าง” ซังฉิงกระพริบตา แล้วพูดว่า “ช่วงนี้พี่เซียวหานยุ่งมาก คงไม่มีเวลาดูแลเธอ ฉันในฐานะน้องสาว ตอนนี้เธอไม่มีใคร ฉันเป็นห่วงเธอเลยต้องมาดูสักหน่อย”“งั้นเธอก็ไปได้แล้ว”ซังหนี่ตอบ พร้อมกับเดินอ้อมเธอไปถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ซังฉิงเป็นปฏิกิริยาของเธอแบบนี้ต้องโกรธมากแน่ๆแต่ในตอนนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย ตรงกันข้าม เวลานี้ที่เธอมองซังหนี่กลับหัวเราะออกมา “ซังหนี่ เธอคิดว่าตอนนี้ยังมีฟู่เซียวหานคอยให้ท้ายเธออยู่งั้นเหรอ?”“เธอไม่รู้สึกเหรอว่า? เธอกับพี่เซียวหาน...มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”เธอพูดจบ ซังหนี่ก็หยุดนิ่งไปจากนั้น เธอก็หันกลับไปมองซังฉิงอีกฝ่ายยิ้มเยาะมองดูเธอ “เกิดเรื่องใหญ่กับแม่ของเขาขนาดนนั้น เธอคิดว่าเขาจะไม่โ
จากนั้น ผู้ช่วยของฟู่เซียวหานก็เดินเข้าไป และพูดอะไรบางอย่างกับเขาด้วยสีหน้าจริงจังใบหน้าของฟู่เซียวหานไม่แสดงอาการใดๆ และก็ไม่ได้ตอบสนอง“ประธานฟู่ หากเรื่องพวกนี้พรุ่งนี้เป็นกระแสขึ้นมา...”“ติดต่อคนให้ปิดข่าว แล้วก็ ติดต่อครอบครัวของเฉินเฟิงด้วย” น้ำเสียงของฟู่เซียวหานนิ่งมาก ราวกับว่าเขากำลังจัดการทำธุระในเรื่องที่ง่ายดายมาก“ส่วนทางบ้านตระกูลฟู่ ฉันจะไปคุยด้วยตัวเอง”ขณะที่พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปแต่เมื่อเขาเดินผ่านซังหนี่ ดูเหมือนว่าจู่ๆ เขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ผมจะพาคุณไปส่งก่อน”“ฉัน…คืนนี้จะเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล?”แม้ว่าซังหนี่จะรู้ว่า คุณนายฟู่อยู่ในห้องICUตัวเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้...เธอกลับรู้สึกกลัวการที่ต้องอยู่กับฟู่เซียวหาน เพราะจากสิ่งที่ซังฉิงเพิ่งพูดไป เธอไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลยแต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่า...คุณนายฟู่จะตัดสินใจแบบนี้เธอคิดว่า คุณนายฟู่แค่ต้องการตามหาความสุขของตัวเองเท่านั้นแต่ตอนนี้...“ไปกับผม”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก หลังจากพูดประโยคนั้นจบ เขาก็เดินไปเลยหลังจากซังหนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็
โรงพยาบาลในช่วงกลางดึกมักจะให้ความรู้สึกประหลาดไฟฉุกเฉินที่สว่างไสวตรงปลายทางเดินนั้นราวกับเลือดแดงสด ทำให้คนเกิดความประหม่า!และสิ่งที่ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจก็คือ เวลานี้คนที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินนอกจากผู้ช่วยของฟู่เซียวหานแล้ว ก็ยังเป็นซังฉิงอีกด้วยบนร่างกายของเธอดูเหมือนว่าจะเปื้อนเลือด สีหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นฟู่เซียวหาน เธอก็รีบวิ่งเข้าไปทันที “พี่เซียวหาน!”ราวกับว่าอารมณ์ที่ตึงเครียดนั้นได้รับการผ่อนคลาย ทันใดนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา “ฉัน...ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ทำยังไงดีคะ? คุณป้าได้รับบาดเจ็บสาหัส พี่ว่าคุณป้าจะ...”ฟู่เซียวหานเหลือบมองเธอ แล้วหันไปมองผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เขา“ตอนนี้เรื่องอุบัติเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์...บอกว่าตอนนั้นบนถนนไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย และจู่ๆ รถของคุณนายก็เสียหลักพุ่งชนอย่างกะทันหัน” น้ำเสียงของผู้ช่วยดูลังเล “บนรถยังมี...คุณเฉิน เมื่อครู่คุณหมอเพิ่งแจ้งว่า ได้พยายามช่วยคุณเฉินอย่างสุดความสามารถแล้วแต่เป็นผล คุณเฉินเสียชีวิตแล้ว”คำพูดของผู้ช่วยพูดได้อย่างละเอียดอ่อนมากสีหน้าของฟู่เซียวหานกลับดูแย่มาก
แต่เวลานี้ซังหนี่กลับรู้สึกว่าสิ่งนั้นร้อนมาก ราวกับว่าวางไว้ตรงไหน...ก็ไม่ปลอดภัยสุดท้าย เธอก็หยิบซองจดหมายนั้นออกมา แล้ววางรวมกับกองหนังสือบนโต๊ะของเธอดูแล้ว...มันก็เด่นชัดมากแต่เมื่อฟู่เซียวหานกลับมาในตอนเย็น เขากลับไม่พบอะไรดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินเข้ามาช่วยซังหนี่ปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาเนื่องจากซังหนี่ไม่ยอมย้ายออกไปจากที่นี่ และฟู่เซียวหานก็ไม่สามารถบังคับได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเช่าห้องข้างๆ แทนตอนนี้ ในที่สุดก็ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาแล้วคืนนี้ เมืองถงมีหิมะแรกของฤดูหนาวในปีนี้ซังหนี่ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหิมะ แต่ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนจะชอบมากไม่อย่างนั้น เขาคงไม่กอดเธอไว้ที่หน้าต่างและชื่นชมอยู่ครึ่งค่อนคืน?จนสุดท้าย ขาทั้งสองข้างของซังหนี่เริ่มอ่อนแรงลง จึงอ้อนวอนเขาอยู่นานด้วยดวงตาสีแดง จนกระทั่งฟู่เซียวหานได้ยินคำว่าสามีจากเธออยู่หลายครั้งจนพอใจ เขาถึงได้อุ้มเธอกลับไปรอหลังจากเขาเสร็จภารกิจ ซังหนี่ก็เกือบจะหลับไปแล้วฟู่เซียวหานเห็นเธออ่อนล้าจนไม่อยากขยับตัว เขาจึงอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำ“อีกสองวันเราไ
สองวันต่อมาซังหนี่ได้พบกับคุณนายฟู่อีกครั้งเธอเป็นคนโทรศัพท์หาซังหนี่ก่อน และขอนัดพบเธอที่ร้านกาแฟซังหนี่ไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ฉันตัดสินใจจะไปจากเมืองถง”เมื่อมาถึงร้านกาแฟ คุณนายฟู่ก็พูดกับซางหนี่ตรงๆเธอพูดออกมาอย่างนั้น ทำให้ซังหนี่ถลึงตาโตชั่วขณะ “หมายความว่า...อะไรคะ?”“ก็หมายความอย่างที่พูด”“เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้วนั้นเหรอคะ? คุณโกรธฟู่เซียวหาน...”“ไม่ใช่” คุณนายฟู่รีบพูดขึ้นมาทันที “และฉันบอกเธอก็ได้ว่า ฉันอยากไปเพราะ...เขาทนกับการทดสอบที่เซียวหานมอบให้เขาไม่ไหวแล้ว”หลังจากที่คุณนายฟู่พูดจบ รูม่านตาของซังหนี่ก็หดตัวลงเล็กน้อย“ดังนั้นคุณก็เลยอยาก...”ในเมืองถงมีคนรู้จักพวกเรามากเกินไป และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกอึดอัดกับตำแหน่งคุณนายฟู่จนแทบจะหายใจไม่ออก และฉันก็ไม่ต้องการที่จะ...เป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว”“ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจดีแล้วว่า พวกเราจะไปหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”“หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราตัดสินใจที่จะหนีตามกันไป”ขณะที่คุณนายฟู่พูด บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มซังหนี่รู้มาตล