ท้ายที่สุดฟู่เซียวหานก็ไม่ได้ส่งซังหนี่กลับไปที่คฤหาสน์เมื่อแสดงจุดยืนทางคำพูดของเขาอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็มองหาทางแยกแล้วปล่อยซังหนี่ลงจากรถก่อนที่ซังหนี่จะทรงตัวยืนอย่างมั่นคง เขาก็เหยียบคันเร่งขับออกไปแล้วรถปอร์เช่สีดำคันนั้นขับผ่านเธอไปเช่นนี้ โดยไม่มีแม้แต่ความลังเลใด ๆ ซังหนี่ชินเสียแล้วแต่มือของเธอก็อดไม่ได้ที่จะกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อบริเวณนั้นส่งผ่านความรู้สึกมาเป็นความเจ็บปวดเล็กน้อย—นั่นคือสิ่งที่ที่ซังหนี่ใช้เตือนตัวเองอย่าคิดที่จะ…เพ้อฝันเรื่องใดเกี่ยวกับเขาอีกในเมื่อได้ออกมาข้างนอกแล้ว ซังหนี่จึงเตรียมจะเดินเล่นสักหน่อยโดยไม่ลังเลทว่าโชคของเธอไม่ดีนัก ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ก็ชนกับคนตรงหน้าเข้าอย่างจัง“โอ้ นี่มันคุณนายฟู่ไม่ใช่เหรอ?”หยวนโหรวพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่างพบเจอได้ยากเสียจริง ฉันคิดว่าเธอจะไม่แปดเปื้อนโลกีย์บนโลกมนุษย์ ไม่เคยช้อปปิ้งเลยเสียอีก”ในฐานะเพื่อนสนิทอันดับหนึ่งของซังฉิง หยวนโหรวนับว่าเป็นคนในแวดวงที่ชอบหาเรื่องซังหนี่มากที่สุดหลังจากที่ซังหนี่และฟู่เซียวหานแต่งงานกัน คนอื่น ๆ ล้วนเก็บเขี้ยวเล็บของตัวเองไม่มากก็น
หลังจากที่หยวนโหรวพูดจบ ซังหนี่เองก็หัวเราะออกมาเช่นกันเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ รอยยิ้มของหยวนโหรวกลับเลือนหายไป คิ้วของเธอเองก็ขมวดแน่น “เธอหัวเราะอะไร?”“คุณหนูหยวน ถ้าเธอไม่มีอะไรทำก็ไปเรียนหนังสือเพิ่มเถอะนะ” ซังหนี่กล่าว “ไม่อย่างนั้น แค่ไร้มารยาทก็หนักหนาพอแล้ว แต่ถ้อยคำที่พูดออกมายังชวนให้ผู้คนหัวเราะเยาะอีก นี่มัน…ทั้งโง่ทั้งนิสัยเสียของจริง ”หากจะพูดว่า เมื่อกี้ซังหนี่ยังรู้จักเก็บซ่อนคำเสียดสีเอาไว้อยู่ เช่นนั้นตอนนี้ ก็เท่ากับชี้หน้าด่าหยวนโหรวโดยตรงแล้วสีหน้าของหยวนโหรวย่ำแย่ถึงขีดสุดในขณะที่ซังหนี่กำลังจะเดินผ่านเธอไปนั้น เธอกลับเอื้อมมือไปจิกผมของซังหนี่เอาไว้“นังตัวดีที่มาจากบ้านนอกอย่างแก มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน?! แกไม่ดูสารรูปตัวเองเลยหรือไง?! คิดว่ามีฐานะขึ้นมาแล้ว ตัวเองจะกลายเป็นหงส์ได้จริง ๆ งั้นเหรอ? แก…”ยังไม่ทันที่หยวนโหรวจะพูดจบ ซังหนี่ก็หันกลับมา และตบหน้าเธอเข้าอย่างจัง!เฉียบขาดทรงพลังหยวนโหรวกลับตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกรีดร้องพร้อมโถมตัวพุ่งเข้าหาซังหนี่ทันทีระหว่างนั้นไม่รู้ว่าเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นบางทีอาจจะเป็นเพราะซังฉิงต้องการหยุดหย
“พี่คะ!”แต่ซังฉิงกลับยืนขึ้นแล้วจับแขนเธอไว้อย่างรวดเร็ว “พี่คะ พี่โกรธใช่ไหมคะ? หม่ามี๊ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง เป็นฉันเองที่ไม่ระวัง…”“แต่พี่วางใจได้เลยนะคะ ฉันจะย้ายออกจากบ้านพี่แน่นอน และจะไม่รบกวนพี่กับพี่เขยอีก…”“อืม ได้สิ”ซังหนี่ตอบตกลงอย่างรวดเร็วคุณนายซังที่อยู่ด้านข้างอดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่นัยน์ตาของซังฉิงกลับเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด“พี่ไปก่อนล่ะ”ซังหนี่กลับไม่ได้สนใจอะไรมากถึงขนาดนั้น เธอทำแค่ดึงมือของตนออกมา ก่อนจะหันหลังเดินจากไปน้ำเสียงเจือสะอื้นของซังฉิงดังมาจากข้างหลัง“ทำยังไงดีคะหม่ามี๊? พี่ต้องเกลียดหนูมากแน่ ๆ …”ตอนนั้นซังหนี่แทบอยากจะหันหลังกลับไปตอบเธอว่า ใช่แล้ว ตนเองนั้นเกลียดเธอมากจริง ๆ แต่ทันทีที่ความคิดโผล่ขึ้นมาในหัว ซังหนี่ก็สลัดมันทิ้งไปทันทีเพราะเธอรู้ว่าหากเธอทำเช่นนั้น ผลลัพธ์หลังจากนั้นคงเป็นฝ่ามือของคุณนายซังที่จะตบลงบนหน้าเธอยังไงเสีย…เรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตอนแรกซังหนี่ยังมีความรู้สึกสับสน ทั้งที่เธอเป็นลูกสาวในสายเลือดของพวกเขาแท้ ๆ ทำไมพวกเขาถึงลำเอียงไปทา
ซังหนี่สะดุ้งตกใจจนใช้มือดึงเสื้อลงโดยไม่รู้ตัวจากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วมองคนที่เพิ่งเข้ามาสีหน้าของฟู่เซียวหานเองก็ย่ำแย่ไม่ต่างกันทั้งสองคนจึงยืนสบตากันเช่นนั้น ช่างไม่เหมือนกับคู่สามีภรรยาเลยสักนิด แต่ราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเสียมากกว่า“ถ้าไม่มีอะไร ก็โปรดออกไปเถอะค่ะ ฉันจะนอนแล้ว”ท้ายที่สุดก็เป็นซังหนี่ที่เอ่ยปากพูดก่อนแต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือฟู่เซียวหานไม่ได้ระบายอารมณ์ใส่เธอ แต่กลับหมุนตัวกลับไปทันทีพร้อมกล่าวว่า “พรุ่งนี้เที่ยงทำตัวให้ว่างด้วย”ซังหนี่หลุดปากโพล่งออกไปทันที “จะทำอะไรคะ?”แต่ฟู่เซียวหานกลับไม่ได้ตอบคำถามของเธอซังหนี่มองตามแผ่นหลังของเขา “ถ้าคุณจะให้ฉันไปขอโทษซังฉิงล่ะก็ ฉันไม่ไปค่ะ”คราวนี้ฝีเท้าของฟู่เซียวหานถึงหยุดลงปฏิกิริยาของเขาได้บอกให้ซังหนี่เข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่า —สิ่งที่เธอคาดเดาไว้ไม่ผิดเลยทันใดนั้นมือของซังหนี่ก็กำแน่นทันที“ซังหนี่ นั่นคือน้องสาวของคุณนะ”ฟู่เซียวหานกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ฉันไม่มีน้องสาว อีกอย่างเป็นเธอที่ล้มเอง ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จะให้ขอโทษเพื่ออะไร?”“ถ้าอย่างนั้นคุณทำถูกแล้วงั้นสิ?” ฟู่เซียวหานแค
สุดท้ายเอกสารข้อตกลงการหย่าร้างชุดนั้น ก็ถูกซังหนี่วางกลับลงไปที่เดิมวันต่อมา เธอไม่ได้รอฟู่เซียวหาน แต่ขับรถไปบ้านตระกูลซังด้วยตัวเองบ้านตระกูลซังตั้งอยู่ขอบเขตระหว่างตัวเมืองและชายเมืองของเมืองถง เป็นเขตคฤหาสน์ชื่อดัง ซึ่งทุกตารางนิ้วล้วนมีค่าดั่งทองคำทันทีที่ซังหนี่จอดรถก็มีคนเห็นเธอแต่คนรับใช้คนนั้นไม่ได้ออกมาต้อนรับเธอ ทว่าหมุนตัวเดินกลับเข้าไปข้างในซังหนี่เองก็ไม่ใส่ใจนัก จึงเปิดประตูลงจากรถด้วยตัวเองก่อนจะออกจากบ้าน เธอยังตั้งใจถือของบำรุงสองสามอย่างมาด้วย ในเมื่อมาขอโทษ…ก็ควรมีท่าทีที่สื่อว่าต้องการจะขอโทษจริง ๆ“คุณหนูหนี่มาแล้ว”วินาทีที่ซังหนี่เข้าไปในบ้าน คนรับใช้ที่รีบเร่งเข้ามารายงานคนเมื่อกี้ ก็เดินมากล่าวต้อนรับด้วยรอยยิ้มซังหนี่พยักหน้าให้เธอ“พี่คะ!”ซังฉิงรีบลงมาจากชั้นบนอย่างรวดเร็วเธอสวมชุดเดรสสีขาว ผมยาวสีปีกกาแผ่สยายเลยไหล่ลงมา เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นัยน์ตาของผู้คนเปล่งประกายแม้ว่าปากของซังฉิงจะเอ่ยเรียกพี่สาว แต่สายตากลับจ้องมองไปข้างหลังเมื่อพบว่าเธอมาที่นี่คนเดียว แววตาของซังฉิงก็เผยให้เห็นถึงคว
“ลูกจะผิดได้ยังไง?”เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของซังฉิง คุณนายซังก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที และคว้ามือของเธอไว้ “ทำไมลูกถึงโง่แบบนี้นะ? ครั้งนี้โชคดีที่ล้มแล้วโดนมือ ถ้าล้มโดนหน้าแล้วเป็นแผลเป็นเข้าล่ะ จะทำยังไง?”ซังฉิงส่ายหน้า “ก็ตอนนั้นหนูคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วนี่คะ จะให้พี่กับหยวนโหรวตบตีกันต่อไปก็คงไม่ได้…”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ คุณนายซังก็นึกบางอย่างออก ก่อนจะมองซังหนี่ด้วยแววตาเรียบนิ่ง “ดูสิว่าเธอก่อเรื่องงามหน้าอะไรขึ้น! ทั้งที่เธอเป็นพี่สาว แต่ยังต้องให้ฉิงฉิงช่วยเธอแบบนี้ เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือยังไง?”“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอหรอกค่ะ”คำตอบนี้ของซังหนี่ทำให้สีหน้าของคุณนายซังย่ำแย่ถึงขีดสุด “เธอพูดว่าอะไรนะ?!”“ถ้าตอนนั้นฉิงฉิงไม่ไปห้ามไว้ เธอคิดจะทำอะไร? เธอรู้ไหมว่านั่นคือพื้นที่สาธารณะ? ถ้ามีคนโพสต์คลิปของพวกเธอลงบนอินเทอร์เน็ต แล้วเธอจะให้พวกเราตระกูลซังเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ทางตระกูลฟู่จะมองเธอยังไง?”ซังหนี่เงียบไปโดยไม่ปริปากเอ่ยอีกแต่สายตาที่เธอใช้มองคุณนายซังราวกับกำลังบอกคุณนายซังอย่างแน่ชัดว่า —เธอไม่สนใจคุณนายซังเริ่มโกรธจนตัวสั่น “เธอหมายความ
มือของซังหนี่ที่วางระนาบอยู่ข้างตัวกำแน่นในที่สุดและสุดท้ายเธอเองก็หันมามองซังฉิงอีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มให้เธอในดวงตากลมโตคู่นั้นยังคงเต็มเปี่ยมด้วยความไร้เดียงสาซังหนี่สบตากับเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็พลันยิ้มออกมาจากนั้นก็เอ่ยปากว่า “นังเด็กพันทาง”—โทสะ ไม่ว่าใครก็ล้วนมีกันทั้งนั้นและเห็นได้ชัดว่าคำนี้คือคำต้องห้ามของซังฉิงเมื่อซังหนี่กล่าวจบ สีหน้าของซังฉิงก็ย่ำแย่จนถึงขีดสุดทันที!พร้อมยื่นมือออกไปผลักซังหนี่ให้ล้มลงกับพื้นโดยไม่ต้องคิด!นี่คือปฏิกิริยาตามจิตใต้สำนึกของซังฉิงเปลวไฟแห่งความโกรธแค้นเผาผลาญสติของเธอจนหมดสิ้น มันมากเสียจน กว่าจะตระหนักได้ก็กระทำสิ่งนี้ลงไปแล้วแต่มันก็สายเกินไปน้ำเสียงตกใจของคุณนายซังดังขึ้นอย่างรวดเร็ว “ทำอะไรกันน่ะ?”การเคลื่อนไหวของซังฉิงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมในทันทีเธอรีบร้อนหันกลับมา อยากจะเอ่ยปากกล่าวกับคุณนายซัง แต่อีกฝ่ายกลับเดินผ่านร่างเธอไปแล้วมือที่ยื่นออกไปของซังฉิงจึงคว้าได้เพียงอากาศในทางกลับกัน ซังหนี่นั้นรีบพยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมยิ้มบาง ๆ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”พฤติกรรมของเธอในตอนนี้ ราวกับพฤติกรรมในเวลาปกต
คำพูดของคนรับใช้ ประกอบกับท่าทางที่อยากจะพูดออกมา แต่ก็ไม่พูดเพราะความโศกเศร้าของซังฉิงเมื่อกี้นี้ ทำให้คุณนายซังมีความคิดในใจทันทีเธอหันไปมองซังหนี่อย่างรวดเร็ว “ซังหนี่!”หากไม่ใช่เพราะฟู่เซียวหานอยู่ที่นี่ ตอนนี้คุณนายซังก็คงตบหน้าเธอไปแล้ว“ฉิงฉิงเป็นน้องสาวของเธอ เป็นคุณหนูรองที่พวกเราตระกูลซังยอมรับ! เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? คิดว่าตระกูลซังของพวกเราเป็นอะไรกันแน่?!”ซังหนี่ไม่เอ่ยตอบเธอเพียงเหลือบมองใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาของซังฉิง ก่อนจะค่อย ๆ หันไปมองฟู่เซียวหานที่ยืนอยู่ข้างเธออีกฝ่ายเองก็กำลังมองเธอด้วยสายตามืดมนเช่นกันซังหนี่ทราบดีว่าเขาจะต้องไม่พอใจแน่นอนเขาไม่พอใจที่ภรรยาของตนกล่าวคำที่‘ไร้การศึกษา’เช่นนั้นออกมา ไม่พอใจที่น้องสาวที่เติบโตมาด้วยกันของเขาโดนกล่าววิจารณ์เช่นนี้แต่สำหรับซังหนี่ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือประโยคที่เขาพูดเมื่อกี้…ความเชื่อมั่นที่เขามีในตัวซังฉิงอืม เขาเชื่อว่าซังฉิงไม่มีทางลงมือทำร้ายคนอื่นโดยไร้เหตุผลแต่เรื่องที่ทำไมเธอถึงได้ตบตีกับหยวนโหรว เขากลับไม่เคยถามเธอเลยสักครึ่งคำเพราะ…มันไม่มีค่าพอที่จะให้เขาใส่ใจเขาเองก็ไม่
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน
ฟู่เซียวหานเริ่มหมดความอดทน เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูหมุน เขาก็เงยหน้าขึ้นตะโกนเสียงดัง “ไสหัวไป!”เสียงที่เฉียบขาดเพียงคำเดียว ทำให้ด้านนอกเงียบลงทันทีรวมถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยเช่นกันซังหนี่เหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าการต่อต้านของเธอไม่มีความหมายอีกต่อไป มือนั้นที่เคยดันอกของเขาก็ค่อยๆ ลดลงช้าๆ ตอนนี้แม้แต่น้ำตาในดวงตาของเธอก็หายไปแล้วเธอค่อยๆ เอนตัวนอนลง และแหงนมองแสงไฟสีขาวเหนือศีรษะ นัยดวงตาว่างเปล่าฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “เสียใจมากเลยใช่ไหม? หรือรู้สึกน้อยใจ? แค่ต้องไปจากเขา…คุณต้องเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ?”เขาพูดด้วยรอยยิ้ม และพยายามแสร้งทำเป็นพูดเย้ยหยันแต่มือของเขากลับสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ความเจ็บปวดนั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ แทรกซึมไปทั่วร่างกายผ่านกระแสเลือด จนถึงปลายนิ้วของเขาซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่ท่าทางของเธอคล้ายกลับยอมรับในสิ่งที่ฟู่เซียวหานพูดเป็นนัยๆฟู่เซียวหานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อืม ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”“เอาอย่างงี้ไหม ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง คุณคิดว่ายังไง?”ซังหนี่ค่อยๆ หันมามองเขาสายตาท
ฟู่เซียวหานเอื้อมมือไปบีบคางของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน “คุณชอบจี้อวี้หยวนแล้วใช่ไหม?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบ แต่ริมฝีปากของเธอกลับเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆดวงตาของเธอยังคงคลอไปด้วยน้ำตา แต่มันกลับทำให้ดวงตาของเธอดูสดใสและสวยงามมากยิ่งขึ้นฟู่เซียวหานสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ และยังสามารถมองเห็น......ความเกลียดชังที่อยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน—— เธอเกลียดเขาแน่นอนว่าฟู่เซียวหานเองก็รู้ดีตั้งแต่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ เขาก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบกลับยังไงแต่แล้วยังไงล่ะ?หรือว่าต้องให้เขาทำได้เพียงแค่มองดูเธอกับตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป?ถ้าเป็นอย่างงั้น ฟู่เซียวหานยอมให้เธอเกลียดเขาดีกว่าผลลัพธ์นี้ ไม่ใช่ว่าฟู่เซียวหานจะยอมรับไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เขายอมรับไม่ได้ก็คือ......ในใจของเธอมีคนอื่นเธอสามารถเกลียดเขาเพราะเรื่องของซังอวี๋ สามารถเกลียดเขาเพราะเธอเกลียด หรือจะเป็นเพราะซังหลินก็ได้ แต่จะเกลียดเขาเพราะจี้อวี้หยวนไม่ได้เด็ดขาด!แต่เมื่อมองเห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้ มือเท้าของฟ
ฟู่เซียวหานเพิ่งพูดจบ ซังหนี่ก็เดินปรี่เข้ามา แล้วยกมือขึ้นทันที!แต่สุดท้ายฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ตบลงไปฟู่เซียวหานจับข้อมือของเธอไว้แน่น ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ“คนบ้า” ซังหนี่พูดขึ้นฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อย “อืม ผมรู้”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของเธอกลับสั่นอย่างเห็นได้ชัด และน้ำตาก็ไหลออกมาแต่เธอเหมือนจะไม่อยากยอมแพ้ต่อหน้าฟู่เซียวหาน จึงรีบยกมือขึ้นมา เช็ดน้ำตานั้นออกทันที“คุณตาของจี้อวี้หยวนป่วย”สุดท้าย เธอก็ยอมเล่าให้ฟู่เซียวหานฟัง “โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ อาการของเขาทรุดเร็วมาก อีกไม่นานอาจจะจำอะไรไม่ได้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่จี้อวี้หยวนขอแต่งงานกับฉัน”เธอพูดจบ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการสายตานั้นที่ฟู่เซียวหานมองเธอยังคงเย็นชาเช่นเคยเมื่อเห็นว่าซังหนี่ยังคงมองเขาอยู่ เขาจึงย้อนถามกลับว่า “แล้วยังไง? มันเกี่ยวอะไรกับผม?”ซังหนี่สูดลมหายใจลึกๆ “ดังนั้นงานแต่งจะ…”“ไม่ได้”ฟู่เซียวหานพูดตัดบทเธออย่างไร้เยื่อใยเสียงของซังหนี่ก็หายไปในทันทีตอนนี้มือของเธอค่อยๆ กำแน่นขึ้นมา “คุณจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ฉันเลยใช่ไหม? ฟู่เซียวหาน คุณจะบีบให้ฉันให้ตายเลยใช่ไหม!?”ฟ
คำพูดของฟู่เซียวหานทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอหันไปมองเขาในพริบตาสีหน้านั้นทำให้ฟู่เซียวหานรู้สึกเจ็บปวดในอกขึ้นมาอย่างกะทันหันดูท่า...จะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันแค่ในฐานะคู่สัญญาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป——ซังหนี่ตกหลุมรักจี้อวี้หยวนเข้าแล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะอธิบายสายตาที่เธอใช้มองเขาตอนนี้ยังไง?เมื่อกี้ตอนที่พูดถึงตัวเธอเอง รวมถึงซังอวี๋ เธอยังไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างนี้เลยความเจ็บปวดนี้แผ่ซ่านไปทั่วอกของฟู่เซียวหานอย่างรวดเร็วพร้อมกับรสฝาดคาวที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาในลำคอฟู่เซียวหานกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพยายามกดความรู้สึกนั้นลง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคุณจะแคร์เขามากจริง ๆ ““ฟู่เซียวหาน นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา นายเลิกใช้วิธีสกปรกแบบนี้ไม่ได้หรือไง อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม?!”“บริสุทธิ์เหรอ?” ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักคู่หมั้นของตัวเองน้อยไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลับหลังคุณไว้บ้าง?”ไม่รอให้ซังหนี่ได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานย
“อืม แบบนี้สิถึงจะถูก”ฟู่เซียวหานพยักหน้าอย่างพอใจ “ไหน ๆ ครั้งที่แล้วก็ตัดขาดกันไปแล้ว ตอนนี้จะมาทำเป็นเสแสร้งทักทายไปทำไม?”พูดจบ เขาหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมา “ตอนนี้คุณ คงอยากให้ผมตายเต็มทีแล้วล่ะสิ?”เสียงของฟู่เซียวหานสงบนิ่ง แถมที่มุมปากยังมีรอยยิ้มจาง ๆแต่คำพูดที่ออกมากลับทำให้คนสะอึกจนพูดไม่ออกซังหนี่ชะงักไปเล็กน้อยแต่เธอก็หัวเราะออกมาอย่างรวดเร็ว “ใช่ ที่แท้คุณก็รู้สินะ”“อืม แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ผมยังสบายดีและนั่งอยู่ตรงนี้ “ฟู่เซียวหานไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแค่เงยหน้ามาสบตาเธอ “แล้วถ้าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ คนที่คิดสั้นก่อน คงไม่ใช่ผมแน่”ซังหนี่ตอบไม่ได้ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฟู่เซียวหานจะเคยปฏิบัติต่อเธอแบบนี้มาก่อน——บนโต๊ะเหล้าที่เมืองอิ๋น รสชาติของเหล้าแต่ละแก้ว เธอยังจำได้ขึ้นใจจนถึงตอนนี้แต่ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอเห็นในแววตาของฟู่เซียวหาน คือความเย็นชาที่ไร้จุดสิ้นสุดเสียงของซังหนี่แหบพร่าขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ประธานฟู่ยังมาที่นี่ทำไม? หรือแค่อยากตอกย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ชนะกันแน่?”“ตอนนี้คุณยังมีโอกาสเปลี่ยนใจ” ฟู่เซียวหานกล่าวซังหนี่เข้าใจคำพูดของเขาทันที
ไม่รู้ว่าทำไม พอได้ยินคำพูดของเลขาแล้ว ซังหนี่ก็เผลอหันไปมองคนในห้องผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัว——จี้อวี้หยวนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆมองเขาแล้ว จู่ ๆ ซังหนี่ก็นึกถึงอ้อมกอดที่เขาให้เธอเมื่อเช้าเดิมทีซังหนี่กับเขาเป็นเพียงความสัมพันธ์แบบสัญญา รวมทั้งการแต่งงานก็เช่นกันแต่ตอนนั้น ในหัวของเธอกลับมีเพียงความคิดเดียว แค่อยากได้อ้อมกอดอีกสักครั้งซังหนี่ก็รู้ดีว่า นี่มันเกินขอบเขตของสัญญาที่พวกเขาทำไว้แล้วแต่จี้อวี้หยวนไม่พูดถึง เธอเองก็เช่นกันอาจเป็นเพราะซังหนี่มองเขานานเกินไป จี้อวี้หยวนจึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แล้วหันมามองทันทีซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันมีเรื่องต้องกลับไปจัดการที่บริษัท เดี๋ยวฉันจะให้พยาบาลมาดูแลแทน ที่นี่...”“ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ” จี้อวี้หยวนพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “วันนี้ผมก็ไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว”“แต่ว่า...”“คุณลืมไปแล้วเหรอ? เรากำลังจะแต่งงานกันนะ พ่อของคุณก็คือพ่อตาของผม การที่ผมดูแลเขามันไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำเหรอ?”คำพูดของจี้อวี้หยวนกลับทำให้ซังหนี่ไม่รู้จะตอบอะไรในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าปฏิเสธไปก็คงไม่เหมาะ เธอจึงพูดเพียงว่า “ถ้ามีอะไร โทรหาฉันน
“พี่คะ ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ๆ เอง จะไปมีเส้นสายขนาดนั้นได้ยังไง?” ซังฉิงแค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนพูดต่อ “ที่จริงแล้ว ถ้าพี่อยากนัดผู้จัดการธนาคารโจว ทำไมไม่ให้พี่เขย…”จี้อวี้หยวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินซังฉิงพูดถึงตัวเอง จึงเงยหน้าขึ้นมามองแต่ซังหนี่กลับไม่สนใจเขา เธอเพียงคว้ามือซังฉิง แล้วลากเธอออกไป“ทำอะไรน่ะพี่! พี่ทำฉันเจ็บ!”ระหว่างทางซังฉิงยังคงทำเสียงออดอ้อน แต่พอซังหนี่ลากเธอมาถึงที่ที่ไม่มีใคร เธอก็ดึงมือออกทันที ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่ต้องการอะไร?”“ประโยคนี้ควรเป็นฉันถามเธอมากกว่านะ” ซังหนี่ตอบ “สถานการณ์ของตระกูลซังในตอนนี้ เธอก็น่าจะรู้ดี ถ้าฉันติดต่อโจวหลิงได้เองก็คงดี แต่ปัญหาคือตอนนี้…”“ตอนนี้เป็นอะไรล่ะ? ซังหนี่ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งพี่จะต้องมาขอร้องฉัน”ซังฉิงกลับหัวเราะขึ้นมา พลางเชิดหน้ามองเธอ “งั้นลองขอร้องให้ฉันดูหน่อยสิ ถ้าถูกใจ ฉันอาจจะช่วยพี่ก็ได้นะ”สีหน้าของซังหนี่งเรียบเฉย “ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พูดเองเหรอว่าตระกูลซังสำคัญกับเธอมาก? ถ้าซังอวี๋ล้มละลายจริง ๆ มันจะมีประโยชน์อะไรกับเธอล่ะ?”“เหอะ ๆ…”ซังฉิงกลับหัวเราะขึ้นมา “น่าตลกจริง ๆ นี่พี
ซังหนี่มองจี้อวี้หยวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่อยู่เป็นเพื่อนฉันแบบนี้...ก็พอแล้ว”พอเธอพูดจบ จี้อวี้หยวนก็ยื่นมือออกไป โอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแรงกอดของเขาไม่แน่นนัก แต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ บนตัวเขากลับอบอวลเข้าสู่ปลายจมูกของซังหนี่ในทันทีซังหนี่ไม่ต่อต้านอีกต่อไป ค่อย ๆ ยื่นมือออกไป โอบรอบเอวของเขาไว้“อาการของคุณอาเป็นยังไงบ้าง?” จี้อวี้หยวนเอ่ยถาม“เส้นเลือดในสมองตีบเฉียบพลัน” ซังหนี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “แต่ช่วยไว้ได้ทัน หมอบอกว่าถ้าเขาฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”“อืม งั้นคุณกลับไปพักก่อนดีไหม? ผมจะเป็นคนเฝ้าให้เอง”“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี คุณไม่เห็นเหรอว่าโทรศัพท์ฉันไม่หยุดดังเลย?”จี้อวี้หยวนไม่พูดอะไรอีกซังหนี่ไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้หรือเปล่า เลยพูดขึ้นมาก่อนว่า “งานแต่งไม่ต้องเลื่อนนะ คุณตาของคุณรอวันนี้มานานมากแล้ว จะทำให้ท่านผิดหวังไม่ได้”“แต่ว่า…”“ไม่ต้องห่วง แค่วันเดียวฉันยังพอจัดการได้ อีกอย่างตอนนี้ซังอวี๋อยู่ในช่วงสำคัญ ถ้าคุณเลื่อนงานแต่งออกไป คนอื่นอาจคิดว่าคุณเตรียมตัวหนีแล้วก็ได้”พูดจบ ซ