แม้ว่าเขาจะเป็นชายชราผู้มากประสบการณ์ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอกล่าว ก็ชะงักด้วยความตกตะลึงเล็กน้อยเพราะยังไงเสีย คนที่มาหาเขาถึงที่นี่ต่างต้องการมีลูกด้วยกันทั้งนั้นแต่ทันทีที่ซังหนี่อ้าปากพูด กลับบอกว่าเธอกำลังทานยาคุมกำเนิดเสียอย่างนั้น?ชายชราอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังฟู่เซียวหานเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้เช่นกัน และในเวลานี้คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดย่นเข้าหากันแต่ชายชราก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาชะงักไปเพียงครู่เดียวก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ตั้งแต่นี้ไปก็หยุดทานยานั่นซะ ฉันจะสั่งยาให้ เริ่มบำรุงร่างกายเธอให้ดีเสียก่อนแล้วกัน”ซังหนี่ไม่ปริปากพูดอะไรอีก แต่เมื่อชายชรายื่นตำรับยาให้เธอ เธอกลับยื่นมือมารับไปอย่างรวดเร็ว“ขอบคุณค่ะ”หลังพูดจบเธอก็จากไปโดยไม่หันมามองอีกฟู่เซียวหานเดินตามหลังเธอมาซังหนี่รู้ดีว่าเขาไม่มีเวลามาสนใจดูแลเธอแน่นอน ดังนั้นเมื่อออกจากโรงพยาบาล เธอจึงตั้งใจจะเรียกรถด้วยตัวเอง แต่ฟู่เซียวหานกลับกระชากรั้งตัวเธอไว้อย่างรวดเร็ว“ขึ้นรถ”น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ สายตาที่มองก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกนั้นเช่นกัน“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเรีย
ท้ายที่สุดฟู่เซียวหานก็ไม่ได้ส่งซังหนี่กลับไปที่คฤหาสน์เมื่อแสดงจุดยืนทางคำพูดของเขาอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็มองหาทางแยกแล้วปล่อยซังหนี่ลงจากรถก่อนที่ซังหนี่จะทรงตัวยืนอย่างมั่นคง เขาก็เหยียบคันเร่งขับออกไปแล้วรถปอร์เช่สีดำคันนั้นขับผ่านเธอไปเช่นนี้ โดยไม่มีแม้แต่ความลังเลใด ๆ ซังหนี่ชินเสียแล้วแต่มือของเธอก็อดไม่ได้ที่จะกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อบริเวณนั้นส่งผ่านความรู้สึกมาเป็นความเจ็บปวดเล็กน้อย—นั่นคือสิ่งที่ที่ซังหนี่ใช้เตือนตัวเองอย่าคิดที่จะ…เพ้อฝันเรื่องใดเกี่ยวกับเขาอีกในเมื่อได้ออกมาข้างนอกแล้ว ซังหนี่จึงเตรียมจะเดินเล่นสักหน่อยโดยไม่ลังเลทว่าโชคของเธอไม่ดีนัก ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ก็ชนกับคนตรงหน้าเข้าอย่างจัง“โอ้ นี่มันคุณนายฟู่ไม่ใช่เหรอ?”หยวนโหรวพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่างพบเจอได้ยากเสียจริง ฉันคิดว่าเธอจะไม่แปดเปื้อนโลกีย์บนโลกมนุษย์ ไม่เคยช้อปปิ้งเลยเสียอีก”ในฐานะเพื่อนสนิทอันดับหนึ่งของซังฉิง หยวนโหรวนับว่าเป็นคนในแวดวงที่ชอบหาเรื่องซังหนี่มากที่สุดหลังจากที่ซังหนี่และฟู่เซียวหานแต่งงานกัน คนอื่น ๆ ล้วนเก็บเขี้ยวเล็บของตัวเองไม่มากก็น
หลังจากที่หยวนโหรวพูดจบ ซังหนี่เองก็หัวเราะออกมาเช่นกันเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ รอยยิ้มของหยวนโหรวกลับเลือนหายไป คิ้วของเธอเองก็ขมวดแน่น “เธอหัวเราะอะไร?”“คุณหนูหยวน ถ้าเธอไม่มีอะไรทำก็ไปเรียนหนังสือเพิ่มเถอะนะ” ซังหนี่กล่าว “ไม่อย่างนั้น แค่ไร้มารยาทก็หนักหนาพอแล้ว แต่ถ้อยคำที่พูดออกมายังชวนให้ผู้คนหัวเราะเยาะอีก นี่มัน…ทั้งโง่ทั้งนิสัยเสียของจริง ”หากจะพูดว่า เมื่อกี้ซังหนี่ยังรู้จักเก็บซ่อนคำเสียดสีเอาไว้อยู่ เช่นนั้นตอนนี้ ก็เท่ากับชี้หน้าด่าหยวนโหรวโดยตรงแล้วสีหน้าของหยวนโหรวย่ำแย่ถึงขีดสุดในขณะที่ซังหนี่กำลังจะเดินผ่านเธอไปนั้น เธอกลับเอื้อมมือไปจิกผมของซังหนี่เอาไว้“นังตัวดีที่มาจากบ้านนอกอย่างแก มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน?! แกไม่ดูสารรูปตัวเองเลยหรือไง?! คิดว่ามีฐานะขึ้นมาแล้ว ตัวเองจะกลายเป็นหงส์ได้จริง ๆ งั้นเหรอ? แก…”ยังไม่ทันที่หยวนโหรวจะพูดจบ ซังหนี่ก็หันกลับมา และตบหน้าเธอเข้าอย่างจัง!เฉียบขาดทรงพลังหยวนโหรวกลับตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกรีดร้องพร้อมโถมตัวพุ่งเข้าหาซังหนี่ทันทีระหว่างนั้นไม่รู้ว่าเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นบางทีอาจจะเป็นเพราะซังฉิงต้องการหยุดหย
“พี่คะ!”แต่ซังฉิงกลับยืนขึ้นแล้วจับแขนเธอไว้อย่างรวดเร็ว “พี่คะ พี่โกรธใช่ไหมคะ? หม่ามี๊ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง เป็นฉันเองที่ไม่ระวัง…”“แต่พี่วางใจได้เลยนะคะ ฉันจะย้ายออกจากบ้านพี่แน่นอน และจะไม่รบกวนพี่กับพี่เขยอีก…”“อืม ได้สิ”ซังหนี่ตอบตกลงอย่างรวดเร็วคุณนายซังที่อยู่ด้านข้างอดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่นัยน์ตาของซังฉิงกลับเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด“พี่ไปก่อนล่ะ”ซังหนี่กลับไม่ได้สนใจอะไรมากถึงขนาดนั้น เธอทำแค่ดึงมือของตนออกมา ก่อนจะหันหลังเดินจากไปน้ำเสียงเจือสะอื้นของซังฉิงดังมาจากข้างหลัง“ทำยังไงดีคะหม่ามี๊? พี่ต้องเกลียดหนูมากแน่ ๆ …”ตอนนั้นซังหนี่แทบอยากจะหันหลังกลับไปตอบเธอว่า ใช่แล้ว ตนเองนั้นเกลียดเธอมากจริง ๆ แต่ทันทีที่ความคิดโผล่ขึ้นมาในหัว ซังหนี่ก็สลัดมันทิ้งไปทันทีเพราะเธอรู้ว่าหากเธอทำเช่นนั้น ผลลัพธ์หลังจากนั้นคงเป็นฝ่ามือของคุณนายซังที่จะตบลงบนหน้าเธอยังไงเสีย…เรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตอนแรกซังหนี่ยังมีความรู้สึกสับสน ทั้งที่เธอเป็นลูกสาวในสายเลือดของพวกเขาแท้ ๆ ทำไมพวกเขาถึงลำเอียงไปทา
ซังหนี่สะดุ้งตกใจจนใช้มือดึงเสื้อลงโดยไม่รู้ตัวจากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วมองคนที่เพิ่งเข้ามาสีหน้าของฟู่เซียวหานเองก็ย่ำแย่ไม่ต่างกันทั้งสองคนจึงยืนสบตากันเช่นนั้น ช่างไม่เหมือนกับคู่สามีภรรยาเลยสักนิด แต่ราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเสียมากกว่า“ถ้าไม่มีอะไร ก็โปรดออกไปเถอะค่ะ ฉันจะนอนแล้ว”ท้ายที่สุดก็เป็นซังหนี่ที่เอ่ยปากพูดก่อนแต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือฟู่เซียวหานไม่ได้ระบายอารมณ์ใส่เธอ แต่กลับหมุนตัวกลับไปทันทีพร้อมกล่าวว่า “พรุ่งนี้เที่ยงทำตัวให้ว่างด้วย”ซังหนี่หลุดปากโพล่งออกไปทันที “จะทำอะไรคะ?”แต่ฟู่เซียวหานกลับไม่ได้ตอบคำถามของเธอซังหนี่มองตามแผ่นหลังของเขา “ถ้าคุณจะให้ฉันไปขอโทษซังฉิงล่ะก็ ฉันไม่ไปค่ะ”คราวนี้ฝีเท้าของฟู่เซียวหานถึงหยุดลงปฏิกิริยาของเขาได้บอกให้ซังหนี่เข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่า —สิ่งที่เธอคาดเดาไว้ไม่ผิดเลยทันใดนั้นมือของซังหนี่ก็กำแน่นทันที“ซังหนี่ นั่นคือน้องสาวของคุณนะ”ฟู่เซียวหานกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ฉันไม่มีน้องสาว อีกอย่างเป็นเธอที่ล้มเอง ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จะให้ขอโทษเพื่ออะไร?”“ถ้าอย่างนั้นคุณทำถูกแล้วงั้นสิ?” ฟู่เซียวหานแค
สุดท้ายเอกสารข้อตกลงการหย่าร้างชุดนั้น ก็ถูกซังหนี่วางกลับลงไปที่เดิมวันต่อมา เธอไม่ได้รอฟู่เซียวหาน แต่ขับรถไปบ้านตระกูลซังด้วยตัวเองบ้านตระกูลซังตั้งอยู่ขอบเขตระหว่างตัวเมืองและชายเมืองของเมืองถง เป็นเขตคฤหาสน์ชื่อดัง ซึ่งทุกตารางนิ้วล้วนมีค่าดั่งทองคำทันทีที่ซังหนี่จอดรถก็มีคนเห็นเธอแต่คนรับใช้คนนั้นไม่ได้ออกมาต้อนรับเธอ ทว่าหมุนตัวเดินกลับเข้าไปข้างในซังหนี่เองก็ไม่ใส่ใจนัก จึงเปิดประตูลงจากรถด้วยตัวเองก่อนจะออกจากบ้าน เธอยังตั้งใจถือของบำรุงสองสามอย่างมาด้วย ในเมื่อมาขอโทษ…ก็ควรมีท่าทีที่สื่อว่าต้องการจะขอโทษจริง ๆ“คุณหนูหนี่มาแล้ว”วินาทีที่ซังหนี่เข้าไปในบ้าน คนรับใช้ที่รีบเร่งเข้ามารายงานคนเมื่อกี้ ก็เดินมากล่าวต้อนรับด้วยรอยยิ้มซังหนี่พยักหน้าให้เธอ“พี่คะ!”ซังฉิงรีบลงมาจากชั้นบนอย่างรวดเร็วเธอสวมชุดเดรสสีขาว ผมยาวสีปีกกาแผ่สยายเลยไหล่ลงมา เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นัยน์ตาของผู้คนเปล่งประกายแม้ว่าปากของซังฉิงจะเอ่ยเรียกพี่สาว แต่สายตากลับจ้องมองไปข้างหลังเมื่อพบว่าเธอมาที่นี่คนเดียว แววตาของซังฉิงก็เผยให้เห็นถึงคว
“ลูกจะผิดได้ยังไง?”เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของซังฉิง คุณนายซังก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที และคว้ามือของเธอไว้ “ทำไมลูกถึงโง่แบบนี้นะ? ครั้งนี้โชคดีที่ล้มแล้วโดนมือ ถ้าล้มโดนหน้าแล้วเป็นแผลเป็นเข้าล่ะ จะทำยังไง?”ซังฉิงส่ายหน้า “ก็ตอนนั้นหนูคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วนี่คะ จะให้พี่กับหยวนโหรวตบตีกันต่อไปก็คงไม่ได้…”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ คุณนายซังก็นึกบางอย่างออก ก่อนจะมองซังหนี่ด้วยแววตาเรียบนิ่ง “ดูสิว่าเธอก่อเรื่องงามหน้าอะไรขึ้น! ทั้งที่เธอเป็นพี่สาว แต่ยังต้องให้ฉิงฉิงช่วยเธอแบบนี้ เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือยังไง?”“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอหรอกค่ะ”คำตอบนี้ของซังหนี่ทำให้สีหน้าของคุณนายซังย่ำแย่ถึงขีดสุด “เธอพูดว่าอะไรนะ?!”“ถ้าตอนนั้นฉิงฉิงไม่ไปห้ามไว้ เธอคิดจะทำอะไร? เธอรู้ไหมว่านั่นคือพื้นที่สาธารณะ? ถ้ามีคนโพสต์คลิปของพวกเธอลงบนอินเทอร์เน็ต แล้วเธอจะให้พวกเราตระกูลซังเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ทางตระกูลฟู่จะมองเธอยังไง?”ซังหนี่เงียบไปโดยไม่ปริปากเอ่ยอีกแต่สายตาที่เธอใช้มองคุณนายซังราวกับกำลังบอกคุณนายซังอย่างแน่ชัดว่า —เธอไม่สนใจคุณนายซังเริ่มโกรธจนตัวสั่น “เธอหมายความ
มือของซังหนี่ที่วางระนาบอยู่ข้างตัวกำแน่นในที่สุดและสุดท้ายเธอเองก็หันมามองซังฉิงอีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มให้เธอในดวงตากลมโตคู่นั้นยังคงเต็มเปี่ยมด้วยความไร้เดียงสาซังหนี่สบตากับเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็พลันยิ้มออกมาจากนั้นก็เอ่ยปากว่า “นังเด็กพันทาง”—โทสะ ไม่ว่าใครก็ล้วนมีกันทั้งนั้นและเห็นได้ชัดว่าคำนี้คือคำต้องห้ามของซังฉิงเมื่อซังหนี่กล่าวจบ สีหน้าของซังฉิงก็ย่ำแย่จนถึงขีดสุดทันที!พร้อมยื่นมือออกไปผลักซังหนี่ให้ล้มลงกับพื้นโดยไม่ต้องคิด!นี่คือปฏิกิริยาตามจิตใต้สำนึกของซังฉิงเปลวไฟแห่งความโกรธแค้นเผาผลาญสติของเธอจนหมดสิ้น มันมากเสียจน กว่าจะตระหนักได้ก็กระทำสิ่งนี้ลงไปแล้วแต่มันก็สายเกินไปน้ำเสียงตกใจของคุณนายซังดังขึ้นอย่างรวดเร็ว “ทำอะไรกันน่ะ?”การเคลื่อนไหวของซังฉิงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมในทันทีเธอรีบร้อนหันกลับมา อยากจะเอ่ยปากกล่าวกับคุณนายซัง แต่อีกฝ่ายกลับเดินผ่านร่างเธอไปแล้วมือที่ยื่นออกไปของซังฉิงจึงคว้าได้เพียงอากาศในทางกลับกัน ซังหนี่นั้นรีบพยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมยิ้มบาง ๆ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”พฤติกรรมของเธอในตอนนี้ ราวกับพฤติกรรมในเวลาปกต
ทันทีที่คำพูดนี้ของฟู่เซียวหานหลุดออกจากปาก ซังหนี่พลันตกตะลึงจากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา “จริงหรือคะ? แล้วนับว่าคุณชนะหรือเปล่า?”ฟู่เซียวหานไม่ตอบคำถามของเธอ ราวกับรู้สึกว่าคำถามนี้ไม่มีความจำเป็นต้องตอบเขาจึงเดินถือสัมภาระออกไปทั้งอย่างนั้นเสียงปิดประตูไม่ดังไม่เบา ไม่เจือไปด้วยอารมณ์ใด ๆ ซังหนี่เองก็ไม่ได้เหลือบมองไปฝั่งนั้นเลยด้วยซ้ำกล่าวตามตรง เดิมทีเธอไม่คิดจะพูดถ้อยคำเมื่อกี้ไปสักนิดเพราะมัน…ไม่มีความหมายอะไรอย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็จบลงแล้ว การที่จะไปขุดคุ้ยอารมณ์จากเรื่องราวในอดีตขึ้นมาอีกครั้งช่างเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นมันก็เหมือนกับผลไม้เน่าเสียที่แค่ต้องโยนทิ้งลงถังขยะไปก็เท่านั้น ทำไมต้องปอกเปลือกออกทีละชั้นเพื่อหาว่าตรงไหนกันที่เน่าเป็นจุดแรก?ท้ายที่สุดแล้ว บนมือก็หลงเหลือเพียงแกนกลางผลไม้ที่เน่าเปื่อยถึงจะยอมรับได้ในที่สุดว่า ——มันผิดมาตั้งแต่แรกแต่ซังหนี่เองที่อดใจไม่ไหวคำถามต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในสมองของเธอ นับตั้งแต่เจิ้งชวนบอกกล่าวให้เธอฟังเกี่ยวกับเรื่องของจื้อเหอกรุ๊ป นับตั้งแต่เธอรู้เรื่องว่าคุณนายฟู่ได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้วไม
เขาก็อาจมีความรู้สึกต่อเธออย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รีบร้อนขนาดนั้นเวลาที่เธอมีเรื่องแต่ความรู้สึกนี้มีอยู่เท่าไหร่กันนะ?เป็นสิ่งที่ต่อท้ายจากผลประโยชน์ของเขา เป็นสิ่งที่หากมีเรื่องใดเกิดขึ้น เขาก็พร้อมจะใช้เธอเป็นไพ่ที่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างไม่ลังเลและการเหนี่ยวรั้งเธอไว้ตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ตรงตามจังหวะขั้นตอนเพราะอย่างไรเสียเรื่องของจื้อเหอกรุ๊ปก็ได้รับการแก้ไขแล้ว เขาได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการมาแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงหันมองย้อนกลับมานึกถึงไพ่ที่เขาทิ้งไปด้วยตัวเองตั้งแต่แรก?ถึงตอนนี้เขาจะเหนี่ยวรั้งไว้แล้วอย่างไร?ท้ายที่สุดก็โดนเขา…ทิ้งไปอยู่ดีซังหนี่ไม่คิดกล่าวโทษเขาเพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่งอีกอย่างเธอรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนอื่น ๆ ต่างเห็นความรุ่งโรจน์ของเขา ทว่าจริง ๆ แล้วการจะมาถึงจุดนี้นั้นช่างแสนลำบาก ตอนนั้นคุณพ่อของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เขาเองก็ยังอายุน้อยอยู่มาก ลับหลังล้วนมีแต่คนจับจ้องผลประโยชน์ตาเป็นมันดังนั้นการที่เขาจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มาเป็นอันดับแรกจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ซังหนี่เกลียดภาพที่เขาแสดงออกมาว่
“คุณหมายความว่าอะไร?”ฟู่เซียวหานถามเสียงต่ำซังหนี่ดึงเค้กก้อนนั้นกลับมาอีกครั้ง ในมือถือส้อมไว้แต่ไม่ได้ขยับ เธอเพียงเอ่ยถามเสียงเบาว่า “ปัญหาของทางจื้อเหอกรุ๊ปคุณจัดการแล้วหรือคะ?”ฟู่เซียวหานคาดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เธอจะถามถึงเรื่องนี้ก่อนที่จะคิดได้ว่าควรตอบไปอย่างไร ซังหนี่ก็กล่าวเสริมขึ้นมา “วิกฤตการณ์ทางธุรกิจของจื้อเหอกรุ๊ปในปีที่แล้ว จริง ๆ แล้วเป็นเพียงระเบิดควันที่คุณวางไว้ใช่ไหมคะ?”“ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกฉันว่าจื้อเหอกรุ๊ปก่อตั้งมานานหลายสิบปี ซึ่งนั่นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วประเทศ มีทั้งชื่อเสียงทั้งรากฐานที่ยึดแน่น”“ข้อเสียคือในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ความกระตือรือร้นของพนักงานมากหน้าหลายตาล้วนถูกขัดเกลาจนแทบไม่หลงเหลือความรู้สึกนั้นอยู่ โดยเฉพาะเหล่าญาติสนิทมิตรสหายของผู้ถือหุ้นหลายราย แต่คุณรู้อยู่แก่ใจถึงการกระทำที่ไม่เอาการเอางานของพวกเขาดี ทว่ากลับไม่สามารถกำจัดทั้งหมดออกไปได้ เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นผู้ถือหุ้นเก่าแก่ที่ร่วมทำงานหนักตรากตรำกันมากับคุณพ่อของคุณ หรือแม้แต่กับคุณปู่คุณด้วยซ้ำ หากคุณจะลงมือ มันก็คง
ไม่จำเป็นจะต้องเปิดโอกาสให้เธอหัวเราะเยาะเขาไปมากกว่านี้แต่ในเวลานี้ ฟู่เซียวหานยังคงควบคุมมันไม่ได้หลังจากสบตาเขาสักพัก ซังหนี่ก็ตอบว่า “เรื่องการแต่งงานเราได้ตัดสินใจกันไปเรียบร้อยในเมื่อสองวันก่อนหน้านี้ค่ะ”“สำหรับเมื่อกี้…ประธานฟู่ที่มีประสบการณ์และความรู้กว้างขวางถึงเพียงนี้ หรือว่าคุณจะไม่รู้ว่าบนโลกนี้มีคำศัพท์อย่างคำว่าทำรักครั้งสุดท้ายเพื่อสิ้นสุดความสัมพันธ์งั้นหรือคะ? อีกอย่างไม่ว่าจะควรพูดหรือไม่ แต่ในช่วงที่ผ่านมานี้คุณได้ช่วยเหลือฉันไว้เยอะมากจริง ๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมควรที่ฉันจะตอบแทนคุณเพียงเพื่อให้คุณมีความสุขขึ้นมาบ้าง”ซังหนี่อธิบายเปี่ยมด้วยความจริงจังและจริงใจฟู่เซียวหานมองเธอพร้อมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ดังนั้นเมื่อกี้คุณ…ก็แค่อยากให้ผมมีความสุข?”“ใช่สิคะ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นแล้วคุณคิดว่าอะไรล่ะ?”มือของฟู่เซียวหานที่จับเธอไว้ปล่อยออกแทบจะในทันที แม้แต่ดวงตาที่จับจ้องมาราวกับจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ เมื่อกี้นี้เองก็ลดสายตาลงเช่นกันสภาพเช่นนั้น ราวกับเขาอ่อนแรงไปอย่างกะทันหันอย่างไรอย่างนั้นเดิมทีซังหนี่คิดว่าเขายอมรับเรื่องนี้ได้แล้ว แต่วินาทีถัดมา ฟู่เ
ฟู่เซียวหานไม่อยากจะเชื่อเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน พวกเขาสองคนยังแนบชิดกันอยู่เลย แต่ตอนนี้ ซังหนี่กลับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งว่าให้เขาออกฟู่เซียวหานนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณล้อผมเล่นใช่ไหม? ซังหนี่ คุณ……”“คุณกับโจวหลินทำข้อตกลงอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานเดิมทีถอดถุงมือออกแล้วกำลังจะไปกอดเธอ แต่ซังหนี่กลับหลบเลี่ยงการกระทำของเขา แล้วถามเขาต่อสีหน้าจริงจังนั้น ทำให้มือของฟู่เซียวหานชะงักค้างกลางอากาศ สุดท้าย ก็ต้องค่อยๆ เก็บกลับไปแม้จะไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เธอพูดกับตัวเองตอนนี้ แต่ฟู่เซียวหานก็ตอบกลับไปว่า “เขามีปัญหาบางอย่างเรื่องการเงินที่ต่างประเทศ และผมเป็นคนช่วยจัดการให้เขา”“อืม ไม่น่าล่ะ”ซังหนี่พยักหน้าฟู่เซียวหานขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“เปล่าค่ะ ตรงกันข้าม เพราะคุณช่วยเอาไว้ โครงการของเราถึงดำเนินไปอย่างราบรื่น เงินทุนก็ถูกโอนเข้ามาวันนี้แล้ว ไม่อย่างนั้น อาจต้องรอเป็นเดือนกว่าจะได้ข้อสรุป”ฟู่เซียวหานฟังแล้วกลับยิ่งไม่เข้าใจในเมื่อทุกอย่างราบรื่น แล้วทำไม…ราวกับรู้ว่าเขากำลังสงสัยอะไร ซังหนี่จึงพูดขึ้นทันทีว่า “เพราะฉะนั้นฟู่เ
ฟู่เซียวหานยังคงกังวลเกี่ยวรอยแดงบนผิวของซังหนี่ เมื่อตอนนี้อารมณ์ของทั้งคู่เริ่มเย็นลง เขากำลังจะปล่อยเธอไป แต่จู่ๆ ซังหนี่กลับคว้าตัวเขาไว้ “ฟู่เซียวหาน”จากนั้น เธอก็โน้มริมฝีปากไปกระซิบข้างหูเขา เบาๆ สองคำถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาและเร่าร้อนทำให้ร่างกายของฟู่เซียวหานตึงเครียดขึ้นมาทันที และจ้องมองเธอด้วยสายตาเคร่งขรึมซังหนี่ยิ้มให้เขา ปลายนิ้วของเธอยังถือเนคไทที่เพิ่งถอดออกจากตัวเขา เวลานี้ผืนผ้านุ่มนั้นกำลังลื่นไหลผ่านปลายนิ้วของเธอจากนั้น เธอก็ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง และแตะปลายลิ้นลงบนริมฝีปากของเขาเบา ๆเศษเสี้ยวของสติที่เหลืออยู่อันน้อยนิดในหัวของฟู่เซียวหานขาดสะบั้นลงในทันที!เขาไม่ลังเลอีกต่อไป จากนั้นจับท้ายทอยของซังหนี่ไว้แน่น แล้วจูบเธอลงไปอย่างเร่าร้อนในตอนนี้ พวกเขาราวกับปลาสองตัวที่ถูกซัดขึ้นฝั่ง เพราะกำลังขาดออกซิเจน จึงมีเพียงกันและกันเท่านั้นที่จะทำให้มีชีวิตรอด พวกเขาพัวพันกันแน่นหนาราวกับไม่อาจแยกจาก ราวกับได้พบเจออีกครึ่งหนึ่งของชีวิตที่ตัวเองตามหากลัวจะสูญเสียไปอีกครั้ง กลัวจะพลาดจากกันไปอีก จึงทำได้เพียงกอดกันไว้แน่นอยู่อย่างนั้นเมื่อทุกอย่างจบลง ซังหนี่
ก็เหมือนกับที่เจิ้งชวนพูดไว้ การตรวจสอบที่โจวหลิงพูดถึง จริงๆ แล้วก็แค่พูดเป็นพิธีเท่านั้นใช้เวลาไม่ถึงห้าวันทำการ เงินทุนที่ซังหนี่ต้องการก็ได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้วแต่การได้เงินมาเป็นเพียงแค่ก้าวแรก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ซังหนี่จึงต้องไปตรวจสอบไซต์ก่อสร้างด้วยตัวเองในวันนี้ตอนนี้เมืองอิ๋นเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว ซังหนี่สวมหมวกนิรภัย และในเมื่อเธอไปตรวจงาน ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมาแสร้งถือร่ม ดังนั้นตลอดทั้งวัน แขนและคอของเธอจึงโดนแดดจนแดงไปหมดระหว่างทางกลับบ้าน เธอจึงแวะซื้อยามาด้วยพอกลับถึงบ้านและกำลังเตรียมจะทายา ฟู่เซียวหานก็กลับมาพอดีคืนนี้เขามีงานเลี้ยง แต่ดูเหมือนจะแอบหนีกลับออกมาก่อน เวลานี้มือของเขายังหิ้วถุงอาหารที่ห่อกลับมาฝากซังหนี่ และที่สะดุดตาที่สุดคือเค้กชิ้นเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆซังหนี่ชะงักไปเล็กน้อยขณะนั้นเองฟู่เซียวหานก็เพิ่งสังเกตเห็นแขนของเธอ “เป็นอะไร?”“ไม่มีอะไรค่ะ แค่โดนแดดเผา”ซังหนี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ พอดีกับที่เธอทายาตรงต้นคอด้านหลังเองไม่ได้ เธอจึงยื่นหลอดยาให้เขา ให้เขาช่วยทาแทนฟู่เซียวหานรับยาไปทันที แต่เมื่อเห็นสภา
เมื่อเทียบกับเมื่อคืนนี้ ท่าทีของโจวหลินในวันนี้กลับดีขึ้นไม่น้อยหลังจากสอบถามไปสองสามคำ เขาก็บอกว่าจะรีบพิจารณา และจะให้คำตอบกับซังหนี่ภายในหนึ่งสัปดาห์ความเร็วระดับนี้ในแวดวงธุรกิจถือว่าเร็วมากแล้ว ซังหนี่เดาว่าฟู่เซียวหานคงทำอะไรบางอย่างแน่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใคร เพียงแค่ยิ้มแล้วบอกว่าครั้งหน้าจะเลี้ยงข้าวโจวหลินโจวหลินหัวเราะพลางตอบรับขณะออกจากตึก แม้แต่เจิ้งชวนยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “ผู้จัดการธนาคารโจวคนนี้ดูเหมือนจะพูดง่ายกว่าที่ข่าวลือกันเยอะเลยนะ อีกอย่างคำพูดของเขาก็ดูจะเป็นเพียงมารยาทเท่านั้น เขาเป็นถึงผู้จัดการธนาคาร โครงการจะผ่านหรือไม่ขึ้นอยู่กับเขาพูดคำเดียวไม่ใช่เหรอ?”“แต่กระบวนการก็ยังต้องดำเนินไปตามขั้นตอนอยู่ดี”ตอนนั้นซังหนี่ กำลังดูข่าวในโทรศัพท์ เลยตอบกลับเจิ้งชวนไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนักจนกระทั่งพูดจบ เธอถึงได้รู้ว่าตอนนี้บรรยากาศในรถเงียบสงัดซังหนี่เงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย แต่กลับพบว่าเจิ้งชวนกำลังมองเธออยู่ “ประธานเสี่ยวซัง ทำไมคุณถึงดูมั่นใจขนาดนี้ล่ะ? ก่อนหน้านี้คุณบอกเองว่านี่เป็นงานหิน ไม่รู้ควรจะจัดการยังไงไม่ใช่เหรอ?”“หรือว่าเ
ซังหนี่เอนศีรษะพิงโซฟาไฟในห้องนั่งเล่นยังเปิดอยู่ เวลานี้แสงสีขาวสว่างนั้นจ้าจนแสบตา ทำให้น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเธอโดยไม่รู้ตัว จากนั้นมือกำแน่น แต่กลับไม่รู้ว่าจะคว้าอะไร สุดท้าย ทำได้เพียงลดมือลง และจับเส้นผมของฟู่เซียวหานไว้อย่างไม่มีทางเลือกสูญเสียการควบคุมในทันทีแต่ซังหนี่ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ เมื่อฟู่เซียวหานลุกขึ้นและอุ้มเธอไว้ ซังหนี่ดึงสติกลับมา และเขาว่า“คุณคิดจะช่วยฉันยังไง?”ฟู่เซียวหานไม่ตอบ แต่ฝีเท้ากลับไม่หยุดซังหนี่เริ่มร้อนใจ มือกำคอเสื้อของเขาแน่น “ฟู่เซียวหาน คุณกำลังหลอกฉันอยู่รึเปล่า?”ฟู่เซียวหานโยนเธอลงบนเตียงในห้องนอน และโน้มตัวกดไว้ข้างบน “ซังหนี่ คุณใจร้อนเกินไปหรือเปล่า?”“บอกให้คุณเอาใจฉันเพื่อข้อแลกเปลี่ยน แต่ตอนนี้เธอยังไม่ทำอะไรก็หวังจะได้ผลประโยชน์แล้วงั้นเหรอ?”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยคำเตือนแต่ตอนนี้ซังหนี่กลับไม่กลัวเขาเลยสักนิด เพียงจ้องตาเขม็ง “ถ้าคุณเกิดเปลี่ยนใจทำไม่รู้จักฉันขึ้นมาล่ะ? ถ้าแบบนั้นจะทำยังไง?”“ก็คิดซะว่าคุณโชคร้ายไง”“คุณ...”ซังหนี่ยังพูดไม่จบ ฟู่เซียวหานก็โน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากของเธอพอคิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งทำไป