10 ปีก่อน เขาคือผู้ชายที่เธอตกหลุมรักจนเหมือนคนบ้า พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นคนในสายตา แต่กลับถูก ภาคินทร์ คัลเลน ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี มะเหมียว จึงหนีไปเรียนต่อญี่ปุ่นหลบเลียแผลใจเงียบๆ แต่ไม่คิดว่าทันทีที่เรียนจบ กลับมาจะพบว่าเขาคือคนที่แม่ตอบตกลงรับการแต่งงานแบบคลุมถุงชนให้โดยไม่ถามความสมัครใจสักคำ +++++++++++++++++++++++++++ "ก็...เฮียไม่ได้รักหนู ที่เข้ามาทำดีกับหนูก็แค่เพราะคุณย่าสั่งใช่ไหมล่ะ" "เรื่องที่ทำดีกับหนู เฮียไม่เคยทำเพราะคุณย่าสั่ง" "ไม่ได้ทำเพราะคุณย่าสั่ง แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะชอบใช่ไหมล่ะคะ หนูเข้าใจแหละว่าหนูมันไม่มีอะไรดีสักอย่าง ขนาดผู้ชายจะแต่งงานด้วยสักคนยังไม่ชอบหนูเลย" "ใครบอกว่าเฮียไม่ชอบหนู" "ไม่มีใครบอก หนูคิดเอง เมื่อก่อนเอียไม่ชอบหนูนี่" เขาเงียบไปเล็กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มจะจุดขึ้นที่มุมปาก "เมื่อก่อนไม่ชอบ แล้วตอนนี้ชอบไม่ได้เหรอครับ?"
ดูเพิ่มเติมใครๆ ต่างก็บอกว่า เธอช่างโชคดีจังเลย เกิดมาไม่มีอะไรสักอย่าง ครอบครัวก็กลางๆ หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย ขนาดถึงขั้นล้มละลายก็ยังมีครอบครัวว่าที่สามีเอ็นดูซัพพอร์ตเสมอ ล้มแต่ละครั้งเหมือนล้มลงบนฟูก จนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างแต่ก็ได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงนอยจนซึมไปหลายวัน แต่พอเล่าให้ภาคินทร์ฟัง เขาก็บอกว่าทำไมต้องสน คนพวกนั้นมีดีแค่พูดเรื่องคนอื่นไปวันๆ ไม่เห็นว่าชีวิตพวกเขาจะดีกว่าเราตรงไหน ครอบครัวล้มละลายแล้วยังไง ต้องพึ่งพาครอบครัวสามีแล้วยังไง การมีคนที่พร้อมหนุนหลังเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังไงก็ดีกว่าตัวคนเดียวไม่ใช่หรือไงเพราะอย่างนั้น...เธอจึงปล่อยวางทุกอย่าง ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วเข้าพิธีแต่งงานโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปต่อหน้าผู้คนมากมายที่มาร่วมยินดีในวันแห่งความสุขของหลานชายคนโตตระกูลคัลเลน ต่อหน้าเพลงบรรเลงที่ดังคลออยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อหน้าดอกไม้ ผ้าประดับ เธอยังคงสั่นด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าทุกก้าวบนพรมสีขาวที่นำไปสู่แท่นพิธี คือจุดจบของความวุ่นวายทั้งหมดที่ชีวิตได้เจอมาชีวิตที่ตกหลุมรัก
“ปล่อยกู กูบอกว่าให้ปล่อยกู!!”วัชระถูกจับกุมตัวในที่สุด เขาถูกตั้งข้อหาหนักทั้งทำร้ายร่างกาย ฉ้อโกง รวมไปถึงพยายามฆ่า ภาคินทร์ทำทุกอย่างแม้แต่การใช้อำนาจในทางมิชอบ ทำให้เขาไม่ได้รับการประกันตัว แต่คนอย่างวัชระมีหรือจะยอม ทุกครั้งที่มีคนเข้าเยี่ยมเขามักจะโวยวายขอประกันตัวสู้คดี แต่คงไม่คิดว่าทุกครั้งจะเป็นภาคินทร์ที่เข้ามาเขาไม่ยอมให้มะเหมียวหรือใครได้เจอผู้ชายคนนี้อย่างเด็ดขาด เรื่องบางเรื่อง คนของเขาช้ำใจแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว อย่ามาเสียใจกับอะไรเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกเลย อีกอย่างงานแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว เขาไม่อยากให้มีอะไรมากระทบทั้งนั้นแต่เห็นคนในชุดนักโทษแล้วก็อดเวทนาไม่ได้ คนพวกนี้ทรยศครอบครัว หักหลังโดยคิดถึงแค่ผลประโยชน์ แค่ความพึงพอใจของตัวเอง สมควรแล้วที่จะต้องทรมานไปตลอดชีวิต“กูบอกว่าให้ปล่อยกูไง ไปเรียกทนายมาเดี๋ยวนี้ แล้วนี่ลูกเมียกูอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมเลย โธ่เว้ย!!!”วัชระทุบกระจกหนาตรงหน้าด้วยความหัวเสีย ระหว่างภาคินทร์และเขานอกจากกระจกหนาที่กั้นเอาไว้ยังมีตาข่ายเหล็กอีกชั้น ทั้งคนในห้องขังยังมีกุญแจมือสวมอยู่อีก อิสระที่หายไปในชั่วพริบตาเพียงเพราะความขาดการ
“กรี๊— อุ๊บ!”มะเหมียวเผลอหลุดกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ในจังหวะที่เธอหันมาแล้วเจอว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลังโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไร ทว่าเพียงแค่อ้าปากยังไม่ทันได้ส่งเสียง กลับถูกมือเย็นๆ อุดปากเอาไว้ก่อน“ชู่ว อย่าเสียงดัง นี่โรงพยาบาลนะ”คนตรงหน้ายกมือขึ้นแตะปากตัวเองพลางบอกให้เธอเงียบ ดวงตาที่เบิกโพลงเริ่มมีน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงนี้คือใครไอ้เฮียบ้า เขานี่เอง“ฮึก...” คนที่ทั้งกลัวทั้งตกใจเริ่มสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลลงมาเป็นทางโดนใส่มือภาคินทร์ที่ปิดปากของเธออยู่ เขาตกใจรีบปล่อยเธอให้เป็นอิสระก่อนจะถามเสียงตื่น“เป็นอะไรครับ เฮียขอโทษที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ตกใจมากไหมมาโอ๋ๆ นะ”เขารั้งคนตัวเล็กเข้ามากอดจนทั้งตัวจมอก เสียงสะอื้นไม่มีท่าทีสงบลงง่ายๆ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยกมือขึ้นลูบหัวคนน้องเบาๆ แล้วพูดปลอบใจเท่านั้น“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว”“ฮึก...ฮือ...”ตกใจเรื่องที่เขาเล่นอะไรไม่รู้เรื่องก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิมคงไม่พ้นเรื่องที่คิดอยู่ก่อนหน้านี้ มันอึดอัดมากจริงๆ ยากจะหาที่ระบายในยามที่ทุกคนต่างก็กำลังเครียด ทำได้แค่ร้องไห
เมื่อวานเกิดเรื่องที่บริษัทนิดหน่อย เขาไม่คิดว่าจู่ๆ คนที่ไม่ควรจะอยู่ที่นั่นมากที่สุดกลับไปโผล่ที่บริษัทหน้าตาเฉยวัชระ พ่อของมะเหมียวเขาเป็นประธานบริษัทเล็กๆ ที่ทำด้านส่งออกบรรจุภัณฑ์พลาสติก เมื่อก่อนคุณย่าของเขาก็เคยร่วมหุ้นด้วยแต่พอเพื่อนรักอย่างคุณยายของมะเหมียวเสียท่านก็ขายหุ้นทิ้งและไม่ได้สนใจบริษัทนั้นอีก ภาคินทร์เพิ่งจะได้ข่าวว่าบริษัทขาดทุนหนักและกำลังจะล้มละลายแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้“คือว่า...อา...แค่เห็นว่าเราสองครอบครัวกำลังจะเกี่ยวดองกัน”ร้อยวันพันปีคนอย่างวัชระไม่เคยคิดเข้ามาข้องเกี่ยวกับตระกูลคัลเลน อย่าว่าแต่เรื่องเกี่ยวดองกัน แม้แต่ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดที่ทางนี้ต้องเผชิญข่าวเสียหายก็ไม่เคยเห็นหัว มีแค่วันนั้นที่คุณย่าเชิญเขามาร่วมงานในฐานะแขกเลยได้พบกันมันทำให้เขารู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ควรทำอย่างนั้นเลย คนพรรค์นี้ให้เกียรติไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิต ทั้งยังหาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้“คุณอามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”คุยนานไปก็มีแต่จะเสียเวลา เขารีบตรงเข้าประเด็นพร้อมทั้งหยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปพลาง เขาไม่ได้กำลังทำตัวเสียมารยาทแต่กำลังหาข่าวของบริษัทนั
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้...วัชระนั่งทำแผลอยู่ในบ้านตัวเองด้วยความเจ็บใจ นึกถึงเรื่องที่บ้านหลังนั้นแล้วก็ได้แต่กัดฟันกรอด สองแม่ลูกนั่นมันกล้าดียังไงถึงทำกับเขาแบบนี้ ที่ผ่านมาลูกสาวของเขาเป็นเด็กดี ว่าง่าย ไม่เคยเถียงพ่อแม้สักคำเดียว ทั้งหมดนี่ต้องเป็นความผิดของแม่มันอย่างไม่ต้องสงสัย“แล้วเรื่องที่ให้ไปคุยเป็นยังไงบ้างคะ เนี่ย ถ้าเราไม่หาเงินไปจ่ายค่าปรับในเดือนหน้าเราจะล้มละลายกันจริงแล้วนะคะ”กานพลู ภรรยาใหม่ของวัชระว่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด หลังช่วยกันประคับประคองบริษัทมาหลายปีแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ติดหนี้หัวโตกำลังถูกฟ้องล้มละลาย โชคยังดีที่มีเงินสดติดตัวอยู่บ้างให้พอได้ซื้อข้าวกินไปวันๆ แต่เรื่องหนี้สินก็เป็นเรื่องที่เจ้าหล่อนคิดไม่ตกคิดแล้วก็อยากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ตอนนั้นไม่น่าเห็นแก่เงินเป็นชู้กับผัวชาวบ้านจนมีลูกด้วยกัน วัชระในตอนนั้นทั้งหล่อทั้งรวย เป็นลูกเขยของตระกูลที่มีทรัพย์สินกว่าห้าร้อยล้าน ซ้ำตอนที่เผลอใจมีอะไรกันหลายครั้งจนตั้งท้อง เขายังบอกให้หล่อนเก็บเรื่องลูกไว้เป็นความลับ จะเลี้ยงดูปูเสื่อสองแม่ลูกอย่างดีไม่ให้ลำบากเรื่องมาโป๊ะแตกตอนที่ลูกสาวคนเล็กของเขาอ
พ่อออกไปแล้ว ทิ้งความเงียบหลังความวุ่นวายเอาไว้ที่เบื้องหลัง ยอมรับว่าเรื่องเมื่อกี้เธอตกใจมากๆ จนแทบสติแตก แต่พอเห็นว่าแม่ที่จิตใจไม่ปกติพยายามอย่างมากที่จะเข้มแข็งเพื่อต่อต้านพ่อเป็นครั้งแรก ลูกสาวอย่างเธอจึงต้องพยายามฮึบเพื่อไม่ให้แม่ต้องดิ่งมากไปกว่านี้เธอพาแม่ขึ้นมาบนห้องแล้ววานแม่บ้านมาทำความสะอาดเศษแก้วให้ ก่อนจะส่งแม่เข้านอนโดยไม่พูดหรือไม่ถามอะไรแม่สักคำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระหว่างเราสองแม่ลูกจะไม่มีอะไรค้างคาอยู่ในใจ“เหมียวลูก...”ก่อนจะล้มตัวลงนอนเป็นแม่ที่พูดขึ้นมาก่อน ฝ่ามือสั่นเทายกขึ้นมาลูบกรอบหน้าลูกสาวอย่างแผ่วเบา มองรอยตบที่ตอนนี้เริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แต่ก็รับรู้ได้ว่าลูกคงเจ็บอยู่บ้าง“หนูเจ็บไหม แม่ขอโทษนะที่ปล่อยให้มันมาทำร้ายลูก”“ไม่เจ็บค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ สมัยเรียนหนูก็ตบกับเพื่อนบ่อยจะตาย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่แรงตบเมื่อกี้ก็เริ่มทำพิษแล้วเช่นกัน เธอไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจมากไปกว่านี้ เรื่องแค่นี้เธอทนได้สบายมากอยู่แล้ว“แม่นอนพักนะคะ เรื่องวันนี้แม่ลืมมันไปซะ อย่าเก็บมาคิดอีก”“เหมียว แม่ถามจริงๆ นะลูก ถ้าเกิดว่าเฮียรู้เรื่องบ
มะเหมียวนั่งเล่นอยู่ที่โรงพยาบาลจนหมดเวลาเยี่ยม เธอดูนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้วแต่ยังไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าจากคู่หมั้น ข้อความที่ส่งไปก็ยังไม่ได้รับการอ่านสงสัยว่าจะยุ่งมากแน่ เลยเลือกเรียกแกร๊บกลับบ้านเองโดยไม่บอกเขาก็จะให้บอกได้ยังไง เขาชอบทำเหมือนเธอเป็นเด็กเดินทางเองไม่เป็นอยู่เรื่อย โอเคเธออาจจะขับรถเองไม่เป็น ประสบการณ์อยู่ไทยก็น้อยเลยเดินทางไม่คล่อง แต่เรื่องเรียกรถกับความปลอดภัยบนรถโดยสารสาธารณะเธอเองก็ดูแลตัวเองเก่งไม่แพ้ใครหรอกแต่พอกลับมาถึงบ้าน ไฟที่เปิดสว่างอยู่ที่ชั้นล่างทำให้มะเหมียวแปลกใจเล็กน้อย ปกติเวลานี้ป้าดาน่าจะให้แม่กินยาหลับไปแล้ว แล้วทำไมยังมีไฟเปิดอยู่อีก“แม่ยังไม่นอนอีกเหรอ...คะ”ทว่าคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นกลับไม่ใช่แม่ ชายวัยกลางคนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับกำลังเฝ้ารอบางอย่างความทรงจำในวันที่เธอกลับมาจากญี่ปุ่นหลังรู้เรื่องของพ่อกับแม่วนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง วันนั้นแม่อ้อนวอนเขาแทบตาย ร้องไห้แทบขาดใจขอร้องเขาว่าอย่าไป แต่สิ่งที่เขาทำคือสลัดแม่ทิ้งแล้วขึ้นรถไปกับผู้หญิงคนใหม่แล้วก็ลูกที่อายุน้อยกว่าเธอแ
เฮียบ้า คนขี้แกล้ง!เช้านี้มะเหมียวแทบจะลุกไม่ขึ้น ปวดไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวเพราะถูกรังแกอยู่ค่อนคืน เฮียไม่เห็นเคยบอกเลยว่ามันจะร้าวไปทั้งตัวแบบนี้ เมื่อคืนเธอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือตื่นมาอยู่ในชุดนอนตัวโคร่งของเฮียโดยไม่มีเสื้อผ้าชิ้นอื่นประดับตัวอยู่เลยอ้ากกก ทำบ้าอะไรลงไปดีที่ตื่นมาแล้วเขาไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเอาหน้ามุดดินหนีเป็นตัวตุ่นแน่ๆแกร๊กยังไม่ทันจบความคิดด้วยซ้ำประตูก็ถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก เจ้าของเสื้อที่เธอสวมอยู่นี้โผล่หน้าเข้ามาแล้วชูถุงโจ๊กในมือพร้อมยิ้มแป้น“ตื่นแล้วเหรอ มากินข้าวสิ เฮียไปซื้อข้าวมาให้”ไปซื้อข้าวมาให้? มายก้อด พฤติกรรมจะแฟนเกินไปแล้ว เราเพิ่งจะตอบตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวาน มาวันนี้เขาก็เซอร์วิสเธอขนาดนี้เลยเหรอ เตรียมใจไม่ทัน ตัวนี่ไม่ต้องพูดถึง เตรียมไม่ทันเหมือนกันค่ะ!มะเหมียวเลิ่กลั่กอยู่ในห้องพักใหญ่ๆ เดินวนไปมาก็เจอร่องรอยอารยธรรมที่เราทำกันเมื่อคืน ทั้งเศษซองถุงยางชิ้นเล็กๆ ที่ยังเก็บทิ้งไม่หมด แล้วไหนจะผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่จนหลุดทั้งสี่มุม น่าแปลกใจนิดหน่อยที่ไม่ได้มีรอยเลือดเหมือนอย่างที่เคยดูในละคร ทั้งที่นี่
“เหมียว...”ภาคินทร์คลานขึ้นไปบนเตียงพลางเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่ว สายตามองไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปที่ใบหน้าหวาน ถ้าเปรียบเธอเป็นอาหาร ตอนนี้คงเป็นเค้กครีมสีขาวนวลที่มีสตรอว์เบอร์รี่ออนท็อปอยู่ข้างบน“เด็กดีของเฮียน่ารักจัง”“พอแล้วค่ะ หนูอายไปหมดแล้วนะ”“อายอะไรครับ เดี๋ยวคืนแต่งงานก็ต้องทำอยู่ดี”จุ๊บริมฝีปากอุ่นฉกชิมความหวานไปอย่างไม่รู้จักอิ่ม แรงดูดดึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มือก็ปลดบราน้องออกแล้วโยนทิ้งเหมือนไม่ต้องการมันอีกต่อไป แต่แทนที่คนขี้อายอย่างมะเหมียวจะยอม เธอกลับสู้เขาคืนด้วยการค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้แล้วถอดมันออกเองกับมือเด็กมันสู้จริงๆไม่มีปราการใดกั้นระหว่างเราทั้งคู่อีกต่อไปแล้ว ภาคินทร์ทิ้งตัวลงกอดน้องแนบแน่น มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนขณะที่ตะโบมจูบจนอีกฝ่ายหายใจไม่ทัน ก่อนจะไล่มือลงมาที่บั้นท้ายเนียนแล้วบีบเคล้นเบาๆ แกล้งให้คนน้องตกใจเล่น“อื้อ”เสียงครางเล็กๆ ดังขึ้นพร้อมกับสะโพกที่ยกอย่างลืมตัว มือไม้น้องจิกเกร็งไปหมดไม่รู้ว่าจะเอาวางไว้ตรงไหน จะจับไหล่เขาก็ไม่กล้า ทำได้เพียงจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ถึงตอนนี้ภาคินทร์อยากกลืนน้องลงท้องให้รู้แล้วรู้รอ
ตระกูลคัลเลน มหาเศรษฐีหมื่นล้านที่ตอนนี้ถูกจัดอันดับเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 21 ของประเทศไทย มีธุรกิจในเครือมากกว่า 20 บริษัท ในอดีตก็เป็นแค่ครอบครัวนักธุรกิจเล็กๆ ที่เริ่มต้นมาพร้อมกับ SME หลายเจ้า แต่จู่ๆ ก็จับพลัดจับผลูเปรี้ยงปร้างขึ้นมาในสายงานบันเทิงจนทำให้หุ้นของบริษัท KL-Groups เติบโตอย่างรวดเร็วและมั่นคงแต่ว่า...ต่อให้ร่ำรวยแค่ไหน เรื่องหยุมหยิมในครอบครัวอย่างคู่ครองของลูกหลานก็ยังเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับผู้เป็นย่าอยู่ดี ด้วยหลานชายคนโตอย่าง ภาคินทร์ ที่ตอนนี้อายุอานามก็ปาเข้าไป 35 ปีแล้ว แต่กลับไม่ยอมมีแม้แต่แฟนสาวมาแนะนำสักคนหน้าตาก็ดี หน้าที่การงานก็ดี น้องชายฝาแฝดทั้งสองคนอย่าง นาวินทร์ คามินทร์[1] ต่างก็แต่งงานจนจะลูกสองกันแล้ว แต่ภาคินทร์กลับยังไม่มีวี่แววคนเป็นย่าไม่อยากจะใช้มุกเดิมอย่างการคลุมถุงชนบ่อยๆ แต่ดูจากสภาพ ยังไงไอ้หลานคนนี้คงไม่คิดมีเมียมีลูกเร็วๆ นี้แน่“แม่น้ำหวาน”คุณหญิงรฐาเรียกลูกสาวบุญธรรมที่อยู่ข้างกายในฐานะผู้ดูแลตนมาร่วม 15 ปีเข้ามาหา สามปีก่อนเรื่องของนาวินทร์กับคามินทร์ก็ได้น้ำหวานคอยจัดการให้ ดูท่าว่าเรื่องนี้ก็คงต้องถึงมือเจ้าตัวอีก...
ความคิดเห็น