Share

บทที่ 3 เรื่องเข้าใจผิด

last update Last Updated: 2025-04-04 13:37:29

คือว่านะ...ตอนได้ยินว่าคะนิ้งจะให้คนมารับแต่เช้าก็พอทำใจแล้วแหละว่าต้องตื่นเช้ากว่าปกติ แต่ไม่คิดว่าจะเช้าขนาดนี้!!

หกโมงเช้ามะเหมียวนั่งอยู่ในสตูดิโอเสริมสวยครบวงจรของเพื่อนสนิทซึ่งเพิ่งเปิดเมื่อไม่นานมานี้และมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย ว่ากันว่าที่นี่นั้นจองคิวยากมากๆ ลูกค้าวอล์กอินไม่มีทางได้ใช้บริการหากไม่มีการจองล่วงหน้าก่อน ด้วยคะนิ้งให้ความสำคัญกับช่างและพนักงานในร้านเป็นหลัก มีช่วงเวลาพักและรับงานที่เป็นระบบทำให้งานออกมาดีและพนักงานมีสุขภาพใจที่แข็งแรง แต่วันนี้มะเหมียวได้รับสิทธิเป็นลูกค้า VVIP สามารถแทรกทุกคิวเข้ามานั่งทำสวยโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว

แต่เมื่อวานเมากลับบ้านไปก็นอนยาวตั้งแต่ห้าทุ่มคิดว่าตัวเองคงตื่นมาอย่างสดชื่น เปล่าเลย ตอนนี้มะเหมียวกำลังนั่งสัปหงกอยู่หน้ากระจก ปล่อยให้ช่างดึงหน้าดึงผมดึงเล็บไปตามยถากรรม

“เอาดีๆ สวยๆ เลยนะคะพี่ วันนี้เพื่อนหนูจะได้แต่งงาน บันไดลงจากคานทองฝากความหวังไว้ที่มือพี่ๆ แล้วนะคะ”

เจ้าของร้านพูดเสียงดี๊ด๊า คนที่ตื่นเต้นที่สุดในวันนี้ไม่พ้นคะนิ้ง ทั้งสีผมสีเล็บหรือแม้แต่ชุดก็เตรียมเอาไว้เสร็จสรรพ

ชุดที่คะนิ้งเตรียมเอาไว้เป็นเกาะอกโชว์เอวและกางเกงขากระบอกสีชมพูหวานเข้าชุด แถมด้วยผ้าพันคอเส้นเล็กๆ เข้าชุดมาด้วยอีกหนึ่งเส้น เป็นคอลเล็กชั่นใหม่จากแบรนด์ของนัททิวที่เพิ่งออกมาเมื่อวาเลนไทน์ปีที่แล้ว

โป๊ โป๊มากแม่ นี่มันชุดให้ตัวเองใส่ชัดๆ ไม่ใช่ให้เธอไปดูตัวแล้ว

“แก ฉันไม่ใส่เกาะอกไปดูตัวหรอกนะ น่าอายออก”

ถึงจะชอบแบรนด์นี้อยู่แล้วตามประสาแฟนคลับที่ซัพพอร์ตศิลปิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกล้าใส่มันไปอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ตัวเองเคยชอบนะคะ!

“นี่แหละเริ่ดแล้ว แกไม่เริ่ดแล้วใครจะเริ่ดคะยัยเหมียว ประกาศให้โลกรู้ว่าเรามันก็ลูกพระยานาหมื่น ไม่ยอมก้มหัวให้ใครหรอกค่ะ”

“นี่จะไปดูตัวหรือไปรบถามจริง”

“นี่แหละคือการดูตัวที่ถูกต้อง เล็บเสร็จหรือยัง ไปทำหน้าต่อ”

ผมเรียบร้อย เล็บเรียบร้อยเหลือแต่แต่งหน้า สภาพคนมาทำสวยตอนนี้เหมือนโดนรุมทึ้งจนปวดเนื้อปวดตัวไปหมด ปกติเธอเข้าร้านเสริมสวยบ้างนานๆ ครั้ง แต่ที่ทำบ่อยคือสระผมเพราะขี้เกียจสระเอง แต่นั่งอยู่ในร้านเสริมสวยเพื่อทำตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้เพิ่งเคยเป็นครั้งแรก

หกโมงก็แล้ว เจ็ดโมง แปดโมง เก้าโมงก็แล้ว ในที่สุดเวลาใกล้เที่ยงเสื้อผ้าหน้าผมก็เสร็จเรียบร้อย ที่จริงควรจะเสร็จตั้งนานแล้วถ้าคะนิ้งไม่เอาแต่สั่งให้ลบให้เปลี่ยนจนทั้งช่างแต่งหน้าทั้งมะเหมียวต้องถอนหายใจใส่ด้วยความเบื่อหน่าย

นี่ขนาดเพื่อนไปดูตัวยังจริงจังขนาดนี้ ถ้าไปดูตัวเองขึ้นมาวันไหนคงใช้เวลาประทินโฉมล่วงหน้าเป็นอาทิตย์แน่ๆ

“สวย สวยมาก สวยมากๆๆๆ นี่เพื่อนฉันจริงหรือเปล่าเนี่ยทำไมมันสวยอะไรขนาดนี้”

ชมไม่ขาดปากตั้งแต่ที่เธอเปลี่ยนชุดออกมาแล้ว วันนี้คะนิ้งเลือกผมสีน้ำตาลกลางให้เพราะรู้สึกว่าผมสีเทาสีเดิมที่มะเหมียวทำทำให้ดูหน้าแก่ไปสักหน่อย พอเปลี่ยนเป็นสีนี้แล้วหน้าสว่างสดใสขึ้นเยอะ แล้วยังเพิ่มความหวานซ่อนเปรี้ยวด้วยการทำลอนใหญ่ๆ ที่ปลายผมและรวบครึ่งหัวขึ้นไปเพื่อโชว์ใบหูที่มีจี้เพชรประดับอยู่ เมื่อรวมกับชุดที่คะนิ้งเลือกให้บอกเลยว่าเพื่อนเธอชนะเลิศทุกแคมเปญ

แต่คนใส่กลับเอาแต่ยึกๆ ยักๆ เพราะตัวเกาะอกมันทั้งโชว์ไหล่ทั้งโชว์เอว กางเกงยังเป็นเอวต่ำโชว์สะดือเลยชวนหวิวๆ จนต้องขออะไรมาปิดสักหน่อย

“แก ฉันขอใส่คาดิแกนด้วยได้ไหมอะ ลมมันเย็น”

ได้ยินอย่างนั้นคะนิ้งถึงกับเท้าเอววีนชักสีหน้าใส่เพื่อนทันที

“จะใส่ทำไม สวยแล้วเนี่ย ผิวทาครีมมาแบบแกลมแบบสับ แล้วครีมตัวนี้แพงมากนะคะ”

“แต่มันหวิว ขอเถอะ มันโชว์จั๊กแร้ด้วยนี่ไม่มั่นใจอะ”

“เลเซอร์มาอย่างแพงก็โชว์ๆ ไปเถอะน่า”

“นิ้ง...”

ยอมไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะยังไงมะเหมียวก็รั้นจะใส่คาดิแกนทับไปด้วยให้ได้ แม่สไตลิสคนเก่งจึงต้องยอมอะลุ่มอล่วยให้แต่มีข้อแม้ว่าติดกระดุมได้แค่เม็ดเดียวเท่านั้น

อย่างน้อยก็มีอะไรคลุมไหล่ปิดหลังไว้ก็ยังดี ขอบคุณคะนิ้งที่ยังกรุณา

แต่งตัวเสร็จแล้วคะนิ้งก็บอกให้เธอออกมารอที่หน้าร้าน สาวเจ้าย้ำนักย้ำหนาว่ายังไงก็ขอไปส่งให้ได้ ด้วยอยากเห็นกับตาเหมือนกันว่าภาคินทร์คนนั้นที่เคยปฏิเสธมะเหมียวจะมีปฏิกิริยายังไงกับคนสวยที่เธอตั้งใจปั้นมาเป็นอย่างดี

“รออยู่นี่นะ ไปเอารถก่อน”

คะนิ้งพูดจบก็วิ่งอ้อมตึกไปทางด้านหลังซึ่งเป็นลานจอดรถของทางโครงการ ระหว่างที่รอมะเหมียวก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปพลางๆ ส่วนใหญ่ในโซเชียลของเธอถ้าไม่ใช่ติดตามดาราที่ตัวเองชอบก็ไม่ค่อยมีอะไรมาอัปเดต มีบ้างที่ถ่ายรูปตัวเองลงแบบไม่เต็มตัว ไม่เห็นหน้า เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ขึ้นกล้องสักเท่าไร

อีกอย่าง นี่เป็นแอคหลุมที่เธอเอาไว้ติ่งโดยเฉพาะ เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่มีคนมาคอยว่า ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครยกเว้นคะนิ้งที่แทบจะรู้เรื่องทุกอย่างในชีวิตของเธออยู่แล้ว

ทว่าในระหว่างที่กำลังเล่นมือถืออยู่นั่นเอง จู่ๆ ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้วิ่งเข้ามาชนสะโพกด้านซ้ายของเธอเข้าให้อย่างแรง

พลั่ก!

“ว้าย!!”

แรงกระแทกนั้นไม่ได้มากพอให้เธอล้ม แต่ก็ทำให้มือถือของเธอหลุดจากมือจนกระแทกพื้นดังตุ้บ! เธอถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ มือถือตอนนี้หล่นจากมือไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นเป็นที่เรียบร้อย ภาพหน้าจอดับวูบลงต่อหน้าต่อตาทำเอาหัวใจหล่นตามลงไปด้วย

ไม่นะ...เธอเพิ่งจะซื้อมันมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี่เอง ยังใช้ไม่ทันคุ้มด้วยซ้ำ

“แงๆๆ เจ็บง่า”

แล้วเสียงร้องกระจองอแงของเด็กน้อยที่วิ่งเข้ามาชนเธอก็ดังขึ้นทำให้เธอเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะห่วงมือถือของตัวเองดีหรือหันไปปลอบใจเด็กน้อยตรงหน้านี้ดี

“เจ็บๆ คิรินเจ็บ” เจ้าเด็กที่เรียกตัวเองว่าคิรินเริ่มร้องไห้ดังขึ้น เธอที่เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เลยนั่งลงตรงหน้าเขาแล้วหยิบมือถือตัวเองใส่กระเป๋าโดยไม่ลืมเอื้อมมือไปลูบหลังปลอบเด็กไปด้วย

“เจ็บไหมคะ” มือเรียวเอื้อมไปพยายามจะพยุงเด็กน้อยให้ลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันได้แตะก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“คิริน!”

เสียงนั้นมาพร้อมกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่มะเหมียวเดาว่าน่าจะเป็นแม่ของเด็ก เธอเข้ามาพยุงคิรินขึ้นแล้วใช้สายตากวาดดูว่าเด็กบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ในจังหวะนั้นเองที่มะเหมียวกำลังจะอ้าปากขอโทษ แต่ใบหน้าของคนที่อยู่ตรงข้ามทำให้เธอชะงักไป

นี่มัน...ชมมุก?

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ตายแล้วขอโทษนะที่ไม่จับมือให้ดี”

หญิงสาวหน้าตาสะสวยตรงหน้าคือเพื่อนสนิทของภาคินทร์ที่เมื่อก่อนไม่ถูกโรคกับมะเหมียวเท่าไรนัก ด้วยเราทั้งคู่ชอบผู้ชายคนเดียวกัน ซ้ำชมมุกยังชอบใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบ ใช้ความเป็นเพื่อนสนิทเขากีดกันผู้หญิงคนอื่นออกไปจากภาคินทร์จนแทบไม่มีใครเข้ามาตีสนิทเขาได้

แต่กับมะเหมียวที่สนิทกับทางบ้านเขา ทั้งยังเป็นหลานรักคุณย่าเจ้าหล่อนกลับทำอะไรไม่ได้ เลยเป็นเหตุให้สองสาวตีกันอยู่เป็นประจำ

เขาถึงว่ากันว่า เกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้น อะไรที่ไม่อยากเจอก็ได้เจอ แล้วเมื่อกี้เธอเรียกเด็กคนนี้ว่าอะไรนะ ลูกเหรอ?

“เป็นอะไรไหมคะ?” สำรวจรอบตัวเด็กแล้วไม่พบร่องรอยอาการบาดเจ็บ ชมมุกจึงหันมาถามคนข้างๆ สายตาที่มองมาไม่ได้ดูเกลียดชังกันเหมือนแต่ก่อน คำพูดคำจาก็ดูสุภาพผิดปกติจะว่าโตขึ้นก็ไม่ใช่ หรือว่าจะจำกันไม่ได้

อีกฝ่ายเลิกคิ้วถามย้ำเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมตอบ มะเหมียวทำตัวไม่ถูกเล็กน้อยแต่ก็ทำเนียนตอบกลับไปเสียงเรียบ

“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วน้องเป็นไรไหมคะ เมื่อกี้วิ่งมาชนล้มซะแรงเลย”

“ไม่เปงไยคับ” คิรินตอบเสียงเจื้อยแจ้ว สำเนียงที่พูดไม่ชัดเท่าไรนักของเด็กน้อยดูน่าเอ็นดูจนผู้ใหญ่อดยิ้มให้ความน่ารักนั้นไม่ได้

“ขอโทษพี่เขาด้วยนะ” ชมมุกบอก แต่ก่อนที่คิรินจะได้ขอโทษพี่สาวที่เขาวิ่งชน ก็มีเสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้นมา

มะเหมียวรีบดูของตัวเองในทันที แต่เธอก็ลืมไปว่าเมื่อกี้มันตกกระแทกพื้นดับไปแล้วตอนนี้ไม่น่าจะมีใครโทรเข้ามาได้ แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ชมมุกยกมือถือขึ้นมารับสายพอดี

“ฮัลโหล คินทร์เหรอ ตอนนี้มุกอยู่ร้านทำผมน่ะ”

ชื่อที่อีกฝ่ายพูดออกมาทำให้มือที่กำลังจับมือถือชะงักไปเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองเด็กคนนี้อีกครั้งแล้วพูดชื่อเขาเบาๆ

“คิริน...”

คินทร์...ชื่อพ่อของเด็กเหรอ อย่าบอกนะว่าเป็นเขา...ภาคินทร์?

ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวทำให้เธอชาวาบไปทั้งตัว เมื่อก่อนเธอคิดน้อยใจมาตลอดคิดว่าเขาชอบชมมุกเลยไม่กล้าเข้าไปล้ำเส้น แล้วตลอดระยะเวลาที่เธออยู่ญี่ปุ่นก็ไม่เคยได้ติดตามข่าวคราวของเขาอีก ไม่คิดเลยว่าเขาจะถึงขั้นมีลูกด้วยกันแล้ว

ก็ถ้ามีลูกด้วยกันโตมาน่ารักขนาดนี้ ทำไมเขาถึงยังต้องแต่งงานกับเธออีก หรือว่าจะเลิกกันแล้ว?

คำถามเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด มองเด็กน้อยตาใสที่ยืนนิ่งๆ รอแม่ของเขาคุยโทรศัพท์โดยไม่ดื้อไม่งอแง เป็นเด็กดีขนาดนี้แต่ต้องโตมาในครอบครัวที่พ่อไปทางแม่ไปทาง คิดแล้วก็นึกถึงตัวเอง

แม้ว่าเธอจะเจอเรื่องราวพวกนั้นตอนที่ตัวเองโตขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังเสียใจอยู่ทุกวันที่พ่อแม่ต้องแยกทางกัน ไม่มีใครในครอบครัวเลยที่มีความสุข แล้วกับเด็กน้อยคนนี้ที่อายุดูแล้วไม่ถึงสี่ขวบด้วยซ้ำเขาจะรู้สึกยังไง

“อ่าๆ จะมารับคิรินเลยใช่ไหม หรือว่าอยากให้มุกไปส่งที่บ้าน...โอเค ไม่เป็นไร เข้าใจ แล้วเจอกันนะ”

อีกฝ่ายกดวางสายไป ก่อนจะเดินมาจับมือเด็กน้อยแล้วยิ้มให้คนที่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่คนเดียว

“ขอโทษที่น้องวิ่งไม่ระวังมาชนนะคะ”

“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ น้องไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

“คิรินขอโทษพี่เขาหรือยังลูก”

“ขอโทษคับ” เสียงใสพูดดังฟังชัด ยิ่งทำให้มะเหมียวรู้สึกแย่เข้าไปอีก

เธอสิที่ต้องขอโทษ ตัวเองจะไปดูตัวกับพ่อเขาแท้ๆ ถ้าเกิดว่าเขารู้คงมองเธอไม่เหมือนเดิมอีกแน่ๆ

ชมมุกก็ด้วย ตอนนี้มะเหมียวเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยยังจำกันไม่ได้ แต่ถ้ารู้แล้วจะเป็นยังไงกันนะ...

“ไม่เป็นไรค่ะ วันหลังวิ่งระวังๆ นะคะ”

เธอเลือกจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วหันกลับไปตอบสั้นๆ ทั้งสามยิ้มให้กันเป็นการบอกลาก่อนที่สองคนนั้นจะจูงมือกันเดินขึ้นร้านของคะนิ้งไป เป็นจังหวะเดียวกับที่เพื่อนรักของเธอขับรถอ้อมมาจอดเทียบฟุตพาทพอดี

กระจกรถได้เลื่อนลงมาพร้อมเสียงเรียกของคะนิ้งที่ดึงเธอออกจากภวังค์

“ไปยัง?”

“อ่า”

เธอเลือกจะวางความสนใจที่มีต่อทั้งสองคนนั้นเอาไว้แล้วขึ้นรถไปกับเพื่อน แต่ระหว่างทางในหัวก็เต็มไปด้วยความคิดวุ่นวายที่เธอสลัดมันไม่หลุดสักที

เรื่องของเขากับชมมุก เรื่องของเด็กคนนั้น เรื่องการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องที่ควรเกิดขึ้นจริงๆ ไหมนะ?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 4 ปฏิเสธ

    พยายามแล้วนะ พยายามที่จะลืมเรื่องของเด็กคนนั้นแล้วหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อไปดูตัวให้จบๆ ไป แต่พอมานั่งอยู่ในรถ มองวิวรอบข้างที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเส้นทาง หัวใจที่ว้าวุ่นก็ทำให้มะเหมียวแทบจะไม่อยากไปแล้วหรือว่าจะโทร.ไปยกเลิกเลยดี เธอควรจะไปเจอเขาจริงๆ ไหม เกิดว่าไปเจอแล้วถูกเขาปฏิเสธอีกรอบมันจะเป็นอะไรที่กระอักกระอ่วนเกินไปหรือเปล่าเฮ้อ...มีแต่เรื่องให้คิดมากเกินไปหมด“ฉันส่งแค่นี้นะ ระหว่างนี้ก็ถ่ายรูปรายงานด้วย โอเคไหม?”รู้ตัวอีกทีรถก็มาจอดที่ริมฟุตบาทหน้าคาเฟ่น่ารักๆ ร้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านของคะนิ้งมากนัด แต่แทนที่มะเหมียวจะรีบลงจากรถ กลับเอาแต่นั่งนิ่งจนเพื่อนอดถามไม่ได้“มีอะไรไหมวะ”“มี...แก ฉันไม่อยากไปแล้วอะ โทรไปบอกเขาว่าไม่ว่างแล้วดีไหม”ทั้งที่เตรียมตัวมาถึงขนาดนี้แต่กลับมาป๊อดเอาหน้างานเสียได้ ทำไงได้ก็เธอไม่อยากเป็นคนทำลายครอบครัวเขานี่นา ต่อให้พวกเขาอาจจะเลิกกันไปแล้วก็เถอะ แล้วคิดดูนะว่าชมมุกน่ะโปรไฟล์ดีขนาดไหน ตอนที่มะเหมียวยังเรียนม.ต้นอยู่ทางนั้นก็เรียนป.โทแล้ว หน้าที่การงานก็ดี เป็นถึง CEO สาวที่บริหารค่ายในเครือของภาคินทร์อีกต่างหาก เทียบกับเด็กที่จบนิเทศน์

    Last Updated : 2025-04-04
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 5 ที่จริงแล้ว...

    เพราะอะไรกันนะ...ทั้งที่ปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ แต่จิตใจกลับว้าวุ่นบอกไม่ถูก มะเหมียวกลับบ้านโดยมีคะนิ้งมาส่ง ตลอดทางเอาแต่คิดมากเรื่องนั้นจนถึงบ้าน แต่พอเดินขึ้นบ้านมาเจอแม่นั่งรอที่ห้องนั่งเล่นความคิดพวกนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความอึดอัด“อ้าว น้องเหมียวกลับมาแล้วเหรอลูก”ผู้เป็นแม่ทักทายด้วยรอยยิ้ม ทว่าลูกสาวอย่างมะเหมียวกลับกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก เธอรู้ว่าแม่กำลังคาดหวังเรื่องแต่งงานของเธอกับภาคินทร์มากๆ เพราะเรื่องของพ่อทำให้จิตใจของแม่ไม่มั่นคง เลยคิดอยากให้ลูกสาวคนเล็กมีคู่ครองที่ดีสามารถดูแลเธอได้แต่แม่จะเสียใจไหม...ถ้าหากว่าเธอตัดสินใจไม่แต่งงานกับเขา“แม่นั่งรอหนูอยู่เหรอคะ แล้วนี่กินข้าวหรือยัง”เธอออกไปตั้งแต่เช้า กว่าจะไปกินข้าวดูหนังกับคะนิ้งเสร็จก็ค่ำมืด ไม่คิดว่าแม่จะนั่งรอเพราะนี่ก็ใกล้เวลานอนของแม่แล้ว“กินแล้วลูก แล้วนี่หนูกินข้าวมาหรือยัง ไปดูตัวกับเฮียมาเป็นไงบ้าง”แววตาที่คาดหวังของแม่ทำให้มะเหมียวพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะบอกแม่ยังไงดีว่ามันคงไม่เกิดขึ้นแล้วแม่เจอความผิดหวังมามาก ไม่รู้เลยว่าแม่จะรับความจริงได้ไหม“แม่คะ...”“หนูหิวไหมลูก เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวให้ เอ๊ะ! แต่กินกั

    Last Updated : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 6 คิริน

    ในที่สุดเราก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง เฮียมารับมะเหมียวที่บ้านแต่ไม่ได้เจอแม่ เพราะเธอเลือกนัดเขาเวลาที่แม่ออกไปข้างนอกด้วยไม่อยากให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจมากกว่าเดิม แต่พอภาคินทร์ถามเธอก็บอกไปแค่ว่าแม่ไม่สบายเท่านั้นซึ่งเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเฮ้อ...ทำไมชีวิตต้องยุ่งยากขนาดนี้ด้วยแต่พอขึ้นมาบนรถ เธอคิดว่าตัวเองคงจะสบายใจกว่านี้เพราะเคลียร์เรื่องแต่งงานกับเขาไปได้แล้ว แต่มาลองคิดๆ ดู เรื่องนี้มันไม่เหมือนเธอเป็นคนปฏิเสธเขาเลยสักนิดในทางกลับกัน วันนั้นที่เธอบอกว่าจะไม่แต่งงานแล้วเขารีบตอบรับก็คงไม่อยากแต่งกับเธอเป็นทุนเดิม มันทำให้เธอคิดอยู่ทั้งคืนว่าหรือจริงๆ แล้วเขาอาจจะยังไม่ลืมเรื่องพวกนั้น เรื่องที่เธอเคยทำไม่ดีกับเขาเอาไว้เมื่อก่อนจะว่าอายก็อาย จะว่ารู้สึกผิดก็รู้สึกผิด เธอยังไม่มีโอกาสได้ขอโทษเขาดีๆ ด้วยซ้ำ แม้แต่วันนั้นก็เกือบวางมวยกันไป“เอ่อ...คือว่า”มะเหมียวพูดทำลายความเงียบขึ้นมา ในขณะที่ภาคินทร์กำลังตั้งใจขับรถเลยไม่ได้หันมามองแต่ก็ส่งเสียงตอบกลับ“อือ ว่าไง”เขาดูสงบขึ้นมากจริงๆ ผิดไปจากเฮียคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เมื่อก่อนอย่าว่าแต่คุยกันดีๆ เจอหน้ากันเมื่อไรเขาเป็นต้องชักสีหน้าใส

    Last Updated : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 7 คิยินมะมีพ่อ

    แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่ในที่สุดมะเหมียวก็ต้องขึ้นรถมากับเขาแต่โดยดี เธอนั่งหน้าหงิกมาตลอดทางไม่พูดไม่จา ในขณะที่คิรินเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องนั่นนี่ไปตามประสาเด็ก“เมื่อกี้นะคิยินชนพี่คนฉวยแล้วก็ล้มเจ็บมากเยย แต่ปะป๊าบอกว่าเป็นผู้ชายห้ามย้องไห้ คิยินก็เลยไม่ย้องเยยคับ”“ดีแล้วที่ไม่ร้องไห้ ลูกผู้ชายนี่เนอะ”“ช่ายๆ แล้วพี่คนฉวยล่ะคับ ย้องไห้ไหม?”คำถามถูกยิงใส่คนที่นั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้ มะเหมียวทำตัวไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงกับสถานการณ์นี้ดี เด็กคนนี้ดูชอบเธอมากๆ ถึงขั้นชวนคุยทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เธอยังคงเข้าใจว่าภาคินทร์คือพ่อของคิรินเลยกระดากปากนิดหน่อยที่จะเล่นกับเขาอย่างสนิทสนม“อ่า...ไม่ร้องค่ะ พี่โตแล้ว”“อันที่จริงจะเรียกว่าพี่คนสวยก็ไม่ได้เนอะ ต้องเรียกว่า ป้า มากกว่า”คำว่า ป้า ที่ภาคินทร์พูดออกมาทำให้เธอหันไปมองค้อนใส่เขาทันที“หนูอายุมากกว่าเด็กคนนี้แค่ไม่กี่ปี แล้วก็อายุน้อยกว่าเฮียด้วย จะเป็นป้าได้ไงคะ ปากไม่ดี”“ก็จะแต่งงานกับเฮียไม่ใช่หรือไง ถ้าแต่งงานกันก็จะเป็นพี่สะใภ้ของพ่อคิริน เรียกป้าก็ถูกแล้ว”“แต่งงานอะไร หนูไม่ได้บอกว่าจะตกลงซะหน่อย!” มะเหมียวเถียงกลับเส

    Last Updated : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 8 อีกมุมหนึ่ง

    รู้ตัวอีกทีก็ตอบรับการหมั้นมาอย่างงงๆ มะเหมียวแชทไปเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนยังไม่เชื่อเลย ก็แหงล่ะ เมื่อก่อนเฮียรังเกียจเธออย่างกับอะไรดี อย่าว่าแต่เรื่องแต่งงาน แค่มองหน้าเขายังไม่อยากมองด้วยซ้ำKanink : แกแน่ใจนะว่าเขาพูดแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้หลอกให้แกดีใจเก้อแล้วมาหักอกทีหลังอะข้อความที่คะนิ้งพิมพ์มาติดอยู่ในใจมะเหมียวมาสองชั่วโมงกว่าแล้ว อันที่จริงเธอก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับเพื่อน เมื่อก่อนเขาไม่ใช่แบบนี้เลยสักนิด ทั้งเย็นชา ปากร้าย แล้วก็เมินเฉยกับการที่เพื่อนเขาล้อเลียนเธออยู่บ่อยๆแล้วแค่นั้นไม่พอ อยู่ๆ เขาจะให้เธอไปเป็นเลขาเขา เลขาเนี่ยนะ? เธอไม่ได้เรียนด้านนั้นมาสักหน่อยจะให้เธอไปเป็นทำไม เธอลองหาข้อมูลเลขาคนปัจจุบันของเขาแล้วพบว่าเธอคือ แพทตี้ พัทจิรา คนที่ได้รับคำชมออกสื่อบ่อยๆ ว่าเป็นเลขาตัวอย่าง ออกงานกับเจ้านายไม่เคยตายไมค์ตายกล้อง เนี้ยบนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เคยหลุดเลยสักครั้ง เทียบกับเธอที่ออกจากบ้านหวีผมยังขี้เกียจ จะเอาอะไรไปทำงานแทนได้แต่ตอนนี้จะโทรหาเพื่อนไปปรึกษาก็ไม่ได้เพราะมือถือเสียไปตั้งแต่วันนั้นยังไม่มีโอกาสไปซื้อใหม่ ทำได้แค่ส่งข้อความไปหาซึ่งส่งไปทีกว่าเพื่อนจ

    Last Updated : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 9 ขอจีบ

    โรลส์-รอยซ์คันหรูพาเธอมายังห้างปลายทางที่เธอตั้งใจมาเก็บโปรเจกต์อย่างที่บอกเขาเอาไว้ วันนี้เป็นวันที่สามของการเริ่มโปรเจกต์ซึ่งจากสถิติแล้วน้องๆ มักจะมากันวันนี้มากที่สุด ในตารางงานเองก็ว่างวันนี้ด้วยจึงมีโอกาสสูงมากที่จะได้เจอ เพียงแต่เวลาจะตรงกันไหมก็เท่านั้น“ขากลับแวะซื้อของฝากให้แม่เราด้วยดีไหม”ระหว่างที่เดินออกจากลานจอดรถภาคินทร์ก็ชวนคุยไม่หยุด มะเหมียวแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของเขา เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยพูดเท่าไร ติดขี้เกียจเลยด้วยซ้ำ เทียบกับคามินทร์และนาวินทร์ น้องชายฝาแฝดของเขาทั้งสองคนแล้วสองคนนั้นยังพูดมากกว่าอ้อ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือขี้เกียจแค่กับเธอ แต่กับคนอื่นก็ปกติแต่วันนี้เขากลับดูช่างพูดผิดปกติ แปลกจนไม่น่าไว้ใจ“ก็แล้วแต่เฮียเลยค่ะ”“แล้วนี่หนูอยากไปไหนไหม กินข้าวก่อนหรือไปซื้อมือถือเลยดี”สรรพนามที่ไม่คุ้นเคยทำให้เท้าที่กำลังก้าวตามเขาหยุดชะงัก ส่วนเขาพอเห็นว่าเธอไม่เดินตามก็หันมาเลิกคิ้วถามอย่างงงๆ“มีอะไรหรือเปล่า?”“เฮีย...ไม่ได้สมองเสื่อม หรือว่าโดนอะไรกระแทกหัวมาใช่ไหมคะ”พูดพร้อมใช้สายตาสำรวจเขาไปด้วย ตั้งแต่วันที่เจอกันวันแรกแล้วรู้สึกว

    Last Updated : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 10 ทำคะแนน

    เหอะ ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรพวกนี้เขาเดินตามน้องเข้าร้านนั้นออกร้านนี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ มองมะเหมียวที่ยิ้มร่าตอนเข้าไปในคาเฟ่ที่มีหน้าเด็กในสังกัดเขาเต็มไปหมด ความสดใสของเธอแทบจะทำให้สีสันในร้านไม่มีความหมายเธอสดใสได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดมองเธอมาก่อน ไม่ว่าเจอหน้ากันเมื่อไรเป็นอันต้องหงุดหงิดใส่กันทุกครั้ง แต่เวลาผ่านไปเขาก็เริ่มตกผลึกได้ สิ่งที่ทำเอาไว้เมื่อก่อนกับน้องมันก็เกินไปหน่อยจริงๆเขาแค่...อยากชดเชยในสิ่งที่ตัวเองเคยทำ เขาไม่ได้มีความคิดที่จะล้มเลิกการแต่งงานในครั้งนี้อยู่แล้ว น้องเองก็เคยชอบเขามากๆ มาก่อน อยากให้ความทรงจำไม่ดีพวกนั้นเป็นแค่เรื่องในอดีตแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ อย่างน้อยๆ ได้ขอโทษ ได้ทำอะไรเป็นการชดใช้กับความนิสัยไม่ดีของตัวเองบ้างก็ยังดีแต่ถามว่าเขาชอบน้องไหม...ตอนนี้มันก็คงตอบยาก เพราะเราเพิ่งจะกลับมาเจอกันได้ไม่กี่วัน“สวัสดีค่า รับอะไรดีคะ?”คาเฟ่แรกที่น้องพาเขามาเป็นธีมไดโนเสาร์ที่ดุร้ายที่สุดในภาพจำของคนอย่างไทแรนโนซอรัส มีทั้งภาพการ์ตูนหลากหลายสไตล์จากฝีมือแฟนคลับวาดให้ศิลปิน แล้วก็ภาพของทีเร็กซ์ เด็กในสังกัดเขาเองแปะอยู่ทั

    Last Updated : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 11 ก็แค่...รู้สึกผิด

    มีแมวโมโหเรื่องในคาเฟ่วีนเขาจนหูชาไปหมด คนพี่ไม่ได้เถียงอะไรกลับปล่อยน้องบ่นไปตลอดทางจนสุดท้ายก็พอจับคำพูดได้ว่า ที่วีนเพราะเขิน เขินทั้งเขา เขินทั้งน้อง แล้วตรงนั้นก็คนเยอะเกินไป พูดจบก็มุดหน้าลงไปแต่งรูปที่เขาถ่ายให้แล้วชมว่าสวยฝีมือดีอย่างนั้นอย่างนี้ก็แน่ล่ะ เห็นอย่างนี้เขาก็เรียนเรื่องการถ่ายรูปมาบ้าง แม้แต่ถ่ายรูปเล่นๆ กับเพื่อนหรือเซลฟี่มือของภาคินทร์ก็ไม่เคยพลาด ถ่ายมา 100 รูปอย่างน้อยรูปดีๆ ต้องมี 99หลังจากส่งน้องกลับบ้านเขาก็ไม่ลืมถามเรื่องไปทำงานตามที่ได้คุยกับคุณย่าเอาไว้ เขาไม่ได้บังคับให้น้องมาทำแต่ถามความคิดเห็นของน้องมาแล้วเรียบร้อย ในเมื่อน้องยังไม่ได้มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ช่วงนี้เขาก็ต้องการคนมาช่วยกรภัทร เลขาชั่วคราวของเขาที่กำลังรับหน้าที่แทนแพทตี้อยู่ด้วย น้องเลยตกลงเพราะเห็นว่างานไม่ได้สำคัญถึงขั้นจะทำบริษัทเขาล่มได้หลักๆ ก็แค่กลัวทำงานพลาดแล้วโดนดุ แต่ถามว่าใครจะกล้าดุ เด็กเส้นของท่านประธานใหญ่อย่างคุณหญิงรฐาทั้งคนส่งน้องเสร็จแล้วแทนที่เขาจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนหรือเข้าฟิตเนสเหมือนทุกที กลับได้รับสายจากดีเทลเพื่อนรักเรียกให้ออกมาดื่มกันสักวัน ใจอยากปฏิเสธแต่ก็

    Last Updated : 2025-04-08

Latest chapter

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   ตอนจบ ท้ายที่สุดแล้ว

    ใครๆ ต่างก็บอกว่า เธอช่างโชคดีจังเลย เกิดมาไม่มีอะไรสักอย่าง ครอบครัวก็กลางๆ หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย ขนาดถึงขั้นล้มละลายก็ยังมีครอบครัวว่าที่สามีเอ็นดูซัพพอร์ตเสมอ ล้มแต่ละครั้งเหมือนล้มลงบนฟูก จนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างแต่ก็ได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงนอยจนซึมไปหลายวัน แต่พอเล่าให้ภาคินทร์ฟัง เขาก็บอกว่าทำไมต้องสน คนพวกนั้นมีดีแค่พูดเรื่องคนอื่นไปวันๆ ไม่เห็นว่าชีวิตพวกเขาจะดีกว่าเราตรงไหน ครอบครัวล้มละลายแล้วยังไง ต้องพึ่งพาครอบครัวสามีแล้วยังไง การมีคนที่พร้อมหนุนหลังเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังไงก็ดีกว่าตัวคนเดียวไม่ใช่หรือไงเพราะอย่างนั้น...เธอจึงปล่อยวางทุกอย่าง ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วเข้าพิธีแต่งงานโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปต่อหน้าผู้คนมากมายที่มาร่วมยินดีในวันแห่งความสุขของหลานชายคนโตตระกูลคัลเลน ต่อหน้าเพลงบรรเลงที่ดังคลออยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อหน้าดอกไม้ ผ้าประดับ เธอยังคงสั่นด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าทุกก้าวบนพรมสีขาวที่นำไปสู่แท่นพิธี คือจุดจบของความวุ่นวายทั้งหมดที่ชีวิตได้เจอมาชีวิตที่ตกหลุมรัก

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 31 จุดจบของคนหักหลัง

    “ปล่อยกู กูบอกว่าให้ปล่อยกู!!”วัชระถูกจับกุมตัวในที่สุด เขาถูกตั้งข้อหาหนักทั้งทำร้ายร่างกาย ฉ้อโกง รวมไปถึงพยายามฆ่า ภาคินทร์ทำทุกอย่างแม้แต่การใช้อำนาจในทางมิชอบ ทำให้เขาไม่ได้รับการประกันตัว แต่คนอย่างวัชระมีหรือจะยอม ทุกครั้งที่มีคนเข้าเยี่ยมเขามักจะโวยวายขอประกันตัวสู้คดี แต่คงไม่คิดว่าทุกครั้งจะเป็นภาคินทร์ที่เข้ามาเขาไม่ยอมให้มะเหมียวหรือใครได้เจอผู้ชายคนนี้อย่างเด็ดขาด เรื่องบางเรื่อง คนของเขาช้ำใจแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว อย่ามาเสียใจกับอะไรเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกเลย อีกอย่างงานแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว เขาไม่อยากให้มีอะไรมากระทบทั้งนั้นแต่เห็นคนในชุดนักโทษแล้วก็อดเวทนาไม่ได้ คนพวกนี้ทรยศครอบครัว หักหลังโดยคิดถึงแค่ผลประโยชน์ แค่ความพึงพอใจของตัวเอง สมควรแล้วที่จะต้องทรมานไปตลอดชีวิต“กูบอกว่าให้ปล่อยกูไง ไปเรียกทนายมาเดี๋ยวนี้ แล้วนี่ลูกเมียกูอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมเลย โธ่เว้ย!!!”วัชระทุบกระจกหนาตรงหน้าด้วยความหัวเสีย ระหว่างภาคินทร์และเขานอกจากกระจกหนาที่กั้นเอาไว้ยังมีตาข่ายเหล็กอีกชั้น ทั้งคนในห้องขังยังมีกุญแจมือสวมอยู่อีก อิสระที่หายไปในชั่วพริบตาเพียงเพราะความขาดการ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 30 ไม่มีวัน

    “กรี๊— อุ๊บ!”มะเหมียวเผลอหลุดกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ในจังหวะที่เธอหันมาแล้วเจอว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลังโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไร ทว่าเพียงแค่อ้าปากยังไม่ทันได้ส่งเสียง กลับถูกมือเย็นๆ อุดปากเอาไว้ก่อน“ชู่ว อย่าเสียงดัง นี่โรงพยาบาลนะ”คนตรงหน้ายกมือขึ้นแตะปากตัวเองพลางบอกให้เธอเงียบ ดวงตาที่เบิกโพลงเริ่มมีน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงนี้คือใครไอ้เฮียบ้า เขานี่เอง“ฮึก...” คนที่ทั้งกลัวทั้งตกใจเริ่มสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลลงมาเป็นทางโดนใส่มือภาคินทร์ที่ปิดปากของเธออยู่ เขาตกใจรีบปล่อยเธอให้เป็นอิสระก่อนจะถามเสียงตื่น“เป็นอะไรครับ เฮียขอโทษที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ตกใจมากไหมมาโอ๋ๆ นะ”เขารั้งคนตัวเล็กเข้ามากอดจนทั้งตัวจมอก เสียงสะอื้นไม่มีท่าทีสงบลงง่ายๆ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยกมือขึ้นลูบหัวคนน้องเบาๆ แล้วพูดปลอบใจเท่านั้น“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว”“ฮึก...ฮือ...”ตกใจเรื่องที่เขาเล่นอะไรไม่รู้เรื่องก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิมคงไม่พ้นเรื่องที่คิดอยู่ก่อนหน้านี้ มันอึดอัดมากจริงๆ ยากจะหาที่ระบายในยามที่ทุกคนต่างก็กำลังเครียด ทำได้แค่ร้องไห

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 29 ทำไมต้องทำขนาดนี้

    เมื่อวานเกิดเรื่องที่บริษัทนิดหน่อย เขาไม่คิดว่าจู่ๆ คนที่ไม่ควรจะอยู่ที่นั่นมากที่สุดกลับไปโผล่ที่บริษัทหน้าตาเฉยวัชระ พ่อของมะเหมียวเขาเป็นประธานบริษัทเล็กๆ ที่ทำด้านส่งออกบรรจุภัณฑ์พลาสติก เมื่อก่อนคุณย่าของเขาก็เคยร่วมหุ้นด้วยแต่พอเพื่อนรักอย่างคุณยายของมะเหมียวเสียท่านก็ขายหุ้นทิ้งและไม่ได้สนใจบริษัทนั้นอีก ภาคินทร์เพิ่งจะได้ข่าวว่าบริษัทขาดทุนหนักและกำลังจะล้มละลายแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้“คือว่า...อา...แค่เห็นว่าเราสองครอบครัวกำลังจะเกี่ยวดองกัน”ร้อยวันพันปีคนอย่างวัชระไม่เคยคิดเข้ามาข้องเกี่ยวกับตระกูลคัลเลน อย่าว่าแต่เรื่องเกี่ยวดองกัน แม้แต่ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดที่ทางนี้ต้องเผชิญข่าวเสียหายก็ไม่เคยเห็นหัว มีแค่วันนั้นที่คุณย่าเชิญเขามาร่วมงานในฐานะแขกเลยได้พบกันมันทำให้เขารู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ควรทำอย่างนั้นเลย คนพรรค์นี้ให้เกียรติไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิต ทั้งยังหาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้“คุณอามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”คุยนานไปก็มีแต่จะเสียเวลา เขารีบตรงเข้าประเด็นพร้อมทั้งหยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปพลาง เขาไม่ได้กำลังทำตัวเสียมารยาทแต่กำลังหาข่าวของบริษัทนั

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 28 โดนจับได้

    ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้...วัชระนั่งทำแผลอยู่ในบ้านตัวเองด้วยความเจ็บใจ นึกถึงเรื่องที่บ้านหลังนั้นแล้วก็ได้แต่กัดฟันกรอด สองแม่ลูกนั่นมันกล้าดียังไงถึงทำกับเขาแบบนี้ ที่ผ่านมาลูกสาวของเขาเป็นเด็กดี ว่าง่าย ไม่เคยเถียงพ่อแม้สักคำเดียว ทั้งหมดนี่ต้องเป็นความผิดของแม่มันอย่างไม่ต้องสงสัย“แล้วเรื่องที่ให้ไปคุยเป็นยังไงบ้างคะ เนี่ย ถ้าเราไม่หาเงินไปจ่ายค่าปรับในเดือนหน้าเราจะล้มละลายกันจริงแล้วนะคะ”กานพลู ภรรยาใหม่ของวัชระว่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด หลังช่วยกันประคับประคองบริษัทมาหลายปีแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ติดหนี้หัวโตกำลังถูกฟ้องล้มละลาย โชคยังดีที่มีเงินสดติดตัวอยู่บ้างให้พอได้ซื้อข้าวกินไปวันๆ แต่เรื่องหนี้สินก็เป็นเรื่องที่เจ้าหล่อนคิดไม่ตกคิดแล้วก็อยากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ตอนนั้นไม่น่าเห็นแก่เงินเป็นชู้กับผัวชาวบ้านจนมีลูกด้วยกัน วัชระในตอนนั้นทั้งหล่อทั้งรวย เป็นลูกเขยของตระกูลที่มีทรัพย์สินกว่าห้าร้อยล้าน ซ้ำตอนที่เผลอใจมีอะไรกันหลายครั้งจนตั้งท้อง เขายังบอกให้หล่อนเก็บเรื่องลูกไว้เป็นความลับ จะเลี้ยงดูปูเสื่อสองแม่ลูกอย่างดีไม่ให้ลำบากเรื่องมาโป๊ะแตกตอนที่ลูกสาวคนเล็กของเขาอ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 27 แค่บางที...

    พ่อออกไปแล้ว ทิ้งความเงียบหลังความวุ่นวายเอาไว้ที่เบื้องหลัง ยอมรับว่าเรื่องเมื่อกี้เธอตกใจมากๆ จนแทบสติแตก แต่พอเห็นว่าแม่ที่จิตใจไม่ปกติพยายามอย่างมากที่จะเข้มแข็งเพื่อต่อต้านพ่อเป็นครั้งแรก ลูกสาวอย่างเธอจึงต้องพยายามฮึบเพื่อไม่ให้แม่ต้องดิ่งมากไปกว่านี้เธอพาแม่ขึ้นมาบนห้องแล้ววานแม่บ้านมาทำความสะอาดเศษแก้วให้ ก่อนจะส่งแม่เข้านอนโดยไม่พูดหรือไม่ถามอะไรแม่สักคำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระหว่างเราสองแม่ลูกจะไม่มีอะไรค้างคาอยู่ในใจ“เหมียวลูก...”ก่อนจะล้มตัวลงนอนเป็นแม่ที่พูดขึ้นมาก่อน ฝ่ามือสั่นเทายกขึ้นมาลูบกรอบหน้าลูกสาวอย่างแผ่วเบา มองรอยตบที่ตอนนี้เริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แต่ก็รับรู้ได้ว่าลูกคงเจ็บอยู่บ้าง“หนูเจ็บไหม แม่ขอโทษนะที่ปล่อยให้มันมาทำร้ายลูก”“ไม่เจ็บค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ สมัยเรียนหนูก็ตบกับเพื่อนบ่อยจะตาย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่แรงตบเมื่อกี้ก็เริ่มทำพิษแล้วเช่นกัน เธอไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจมากไปกว่านี้ เรื่องแค่นี้เธอทนได้สบายมากอยู่แล้ว“แม่นอนพักนะคะ เรื่องวันนี้แม่ลืมมันไปซะ อย่าเก็บมาคิดอีก”“เหมียว แม่ถามจริงๆ นะลูก ถ้าเกิดว่าเฮียรู้เรื่องบ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 26 บางอย่างกำลังเกิดขึ้น

    มะเหมียวนั่งเล่นอยู่ที่โรงพยาบาลจนหมดเวลาเยี่ยม เธอดูนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้วแต่ยังไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าจากคู่หมั้น ข้อความที่ส่งไปก็ยังไม่ได้รับการอ่านสงสัยว่าจะยุ่งมากแน่ เลยเลือกเรียกแกร๊บกลับบ้านเองโดยไม่บอกเขาก็จะให้บอกได้ยังไง เขาชอบทำเหมือนเธอเป็นเด็กเดินทางเองไม่เป็นอยู่เรื่อย โอเคเธออาจจะขับรถเองไม่เป็น ประสบการณ์อยู่ไทยก็น้อยเลยเดินทางไม่คล่อง แต่เรื่องเรียกรถกับความปลอดภัยบนรถโดยสารสาธารณะเธอเองก็ดูแลตัวเองเก่งไม่แพ้ใครหรอกแต่พอกลับมาถึงบ้าน ไฟที่เปิดสว่างอยู่ที่ชั้นล่างทำให้มะเหมียวแปลกใจเล็กน้อย ปกติเวลานี้ป้าดาน่าจะให้แม่กินยาหลับไปแล้ว แล้วทำไมยังมีไฟเปิดอยู่อีก“แม่ยังไม่นอนอีกเหรอ...คะ”ทว่าคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นกลับไม่ใช่แม่ ชายวัยกลางคนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับกำลังเฝ้ารอบางอย่างความทรงจำในวันที่เธอกลับมาจากญี่ปุ่นหลังรู้เรื่องของพ่อกับแม่วนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง วันนั้นแม่อ้อนวอนเขาแทบตาย ร้องไห้แทบขาดใจขอร้องเขาว่าอย่าไป แต่สิ่งที่เขาทำคือสลัดแม่ทิ้งแล้วขึ้นรถไปกับผู้หญิงคนใหม่แล้วก็ลูกที่อายุน้อยกว่าเธอแ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 25 สงบสุขวันสุดท้าย

    เฮียบ้า คนขี้แกล้ง!เช้านี้มะเหมียวแทบจะลุกไม่ขึ้น ปวดไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวเพราะถูกรังแกอยู่ค่อนคืน เฮียไม่เห็นเคยบอกเลยว่ามันจะร้าวไปทั้งตัวแบบนี้ เมื่อคืนเธอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือตื่นมาอยู่ในชุดนอนตัวโคร่งของเฮียโดยไม่มีเสื้อผ้าชิ้นอื่นประดับตัวอยู่เลยอ้ากกก ทำบ้าอะไรลงไปดีที่ตื่นมาแล้วเขาไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเอาหน้ามุดดินหนีเป็นตัวตุ่นแน่ๆแกร๊กยังไม่ทันจบความคิดด้วยซ้ำประตูก็ถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก เจ้าของเสื้อที่เธอสวมอยู่นี้โผล่หน้าเข้ามาแล้วชูถุงโจ๊กในมือพร้อมยิ้มแป้น“ตื่นแล้วเหรอ มากินข้าวสิ เฮียไปซื้อข้าวมาให้”ไปซื้อข้าวมาให้? มายก้อด พฤติกรรมจะแฟนเกินไปแล้ว เราเพิ่งจะตอบตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวาน มาวันนี้เขาก็เซอร์วิสเธอขนาดนี้เลยเหรอ เตรียมใจไม่ทัน ตัวนี่ไม่ต้องพูดถึง เตรียมไม่ทันเหมือนกันค่ะ!มะเหมียวเลิ่กลั่กอยู่ในห้องพักใหญ่ๆ เดินวนไปมาก็เจอร่องรอยอารยธรรมที่เราทำกันเมื่อคืน ทั้งเศษซองถุงยางชิ้นเล็กๆ ที่ยังเก็บทิ้งไม่หมด แล้วไหนจะผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่จนหลุดทั้งสี่มุม น่าแปลกใจนิดหน่อยที่ไม่ได้มีรอยเลือดเหมือนอย่างที่เคยดูในละคร ทั้งที่นี่

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 24 คนเดียวของเธอ

    “เหมียว...”ภาคินทร์คลานขึ้นไปบนเตียงพลางเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่ว สายตามองไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปที่ใบหน้าหวาน ถ้าเปรียบเธอเป็นอาหาร ตอนนี้คงเป็นเค้กครีมสีขาวนวลที่มีสตรอว์เบอร์รี่ออนท็อปอยู่ข้างบน“เด็กดีของเฮียน่ารักจัง”“พอแล้วค่ะ หนูอายไปหมดแล้วนะ”“อายอะไรครับ เดี๋ยวคืนแต่งงานก็ต้องทำอยู่ดี”จุ๊บริมฝีปากอุ่นฉกชิมความหวานไปอย่างไม่รู้จักอิ่ม แรงดูดดึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มือก็ปลดบราน้องออกแล้วโยนทิ้งเหมือนไม่ต้องการมันอีกต่อไป แต่แทนที่คนขี้อายอย่างมะเหมียวจะยอม เธอกลับสู้เขาคืนด้วยการค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้แล้วถอดมันออกเองกับมือเด็กมันสู้จริงๆไม่มีปราการใดกั้นระหว่างเราทั้งคู่อีกต่อไปแล้ว ภาคินทร์ทิ้งตัวลงกอดน้องแนบแน่น มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนขณะที่ตะโบมจูบจนอีกฝ่ายหายใจไม่ทัน ก่อนจะไล่มือลงมาที่บั้นท้ายเนียนแล้วบีบเคล้นเบาๆ แกล้งให้คนน้องตกใจเล่น“อื้อ”เสียงครางเล็กๆ ดังขึ้นพร้อมกับสะโพกที่ยกอย่างลืมตัว มือไม้น้องจิกเกร็งไปหมดไม่รู้ว่าจะเอาวางไว้ตรงไหน จะจับไหล่เขาก็ไม่กล้า ทำได้เพียงจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ถึงตอนนี้ภาคินทร์อยากกลืนน้องลงท้องให้รู้แล้วรู้รอ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status