แชร์

บทที่ 7 คิยินมะมีพ่อ

ผู้เขียน: เดวิโอล่า
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-08 17:57:49

แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่ในที่สุดมะเหมียวก็ต้องขึ้นรถมากับเขาแต่โดยดี เธอนั่งหน้าหงิกมาตลอดทางไม่พูดไม่จา ในขณะที่คิรินเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องนั่นนี่ไปตามประสาเด็ก

“เมื่อกี้นะคิยินชนพี่คนฉวยแล้วก็ล้มเจ็บมากเยย แต่ปะป๊าบอกว่าเป็นผู้ชายห้ามย้องไห้ คิยินก็เลยไม่ย้องเยยคับ”

“ดีแล้วที่ไม่ร้องไห้ ลูกผู้ชายนี่เนอะ”

“ช่ายๆ แล้วพี่คนฉวยล่ะคับ ย้องไห้ไหม?”

คำถามถูกยิงใส่คนที่นั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้ มะเหมียวทำตัวไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงกับสถานการณ์นี้ดี เด็กคนนี้ดูชอบเธอมากๆ ถึงขั้นชวนคุยทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เธอยังคงเข้าใจว่าภาคินทร์คือพ่อของคิรินเลยกระดากปากนิดหน่อยที่จะเล่นกับเขาอย่างสนิทสนม

“อ่า...ไม่ร้องค่ะ พี่โตแล้ว”

“อันที่จริงจะเรียกว่าพี่คนสวยก็ไม่ได้เนอะ ต้องเรียกว่า ป้า มากกว่า”

คำว่า ป้า ที่ภาคินทร์พูดออกมาทำให้เธอหันไปมองค้อนใส่เขาทันที

“หนูอายุมากกว่าเด็กคนนี้แค่ไม่กี่ปี แล้วก็อายุน้อยกว่าเฮียด้วย จะเป็นป้าได้ไงคะ ปากไม่ดี”

“ก็จะแต่งงานกับเฮียไม่ใช่หรือไง ถ้าแต่งงานกันก็จะเป็นพี่สะใภ้ของพ่อคิริน เรียกป้าก็ถูกแล้ว”

“แต่งงานอะไร หนูไม่ได้บอกว่าจะตกลงซะหน่อย!” มะเหมียวเถียงกลับเสียงแข็ง แต่แวบหนึ่งที่เธอทวนคำพูดของเขา ประโยคหลังที่ฟังดูแปลกๆ ทำให้ต้องย้อนถาม “พี่สะใภ้อะไรนะคะ”

พอภาคินทร์ได้ยินคำถามก็ยิ้มชอบใจ สายตาของเขายังคงมองตรงไปข้างหน้าแต่ก็ตอบเธอยิ้มๆ

“ใครบอกว่าคิรินเป็นลูกเฮีย นี่ลูกไอ้มินทร์มันต่างหาก”

ความจริงที่เขาพูดออกมาทำให้เธอชะงักไปชั่วครู่ ลูกไอ้มินทร์...คามินทร์ น้องชายฝาแฝดของเขา?

แต่เท่าที่เธอจำได้เฮียมินทร์แต่งงานแล้วกับดีไซเนอร์สาวเจ้าของห้องเสื้อตติยา มีรูปออกสื่ออยู่ตลอดๆ เธอจำได้ว่าไม่ใช่ชมมุกแน่ๆ แล้วคิรินจะเป็นลูกของเขาไปได้ยังไง

เขาเห็นสีหน้างุนงงของเธอเลยถามขึ้นมา

“แล้วเราคิดว่าคิรินเป็นลูกเฮียกับใคร?”

“จะใครซะอีก พี่มุกไงคะ ชมมุก คนที่เคยชอบเฮียเมื่อก่อน หนูเห็นเขามากับคิรินที่ร้านคะนิ้ง”

“ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง”

บนใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มในขณะที่เธอนี่ขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นปมอยู่แล้ว ไม่ชอบเลยที่เห็นเขาอารมณ์ดีทั้งที่เธอไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ มันน่าหงุดหงิดไปหมด มีอะไรก็พูดออกมาเลยสิ

“วันนั้นไอ้มินทร์กับติญ่าไปฮ่องกง ครูแจ้งว่าให้ไปรับกะทันหันเพราะโรงเรียนไฟดับแต่ไม่มีใครว่างไปรับคิริน มันไม่ไว้ใจคนอื่นเลยให้เฮียไปรับ แต่ชมมุกอยู่ใกล้กว่าเลยวานให้ไปแทน”

โอ๊ย คิดแล้วอยากเอาหัวโขกกระจกรถตายไปให้รู้แล้วรู้รอด ที่แท้กเรื่องทั้งหมดมันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วที่นอยมาตั้งหลายวันมันหมายความว่ายังไง เมื่อกี้ก่อนขึ้นรถเขารู้เรื่องแล้วทำไมไม่บอกเธอแต่แรก รู้ไหมว่าตอนนี้เธออับอายจนไม่เหลือหน้าไปเจอใครแล้ว

แล้วก็ดันปล่อยโป๊ะไปเยอะซะด้วยสิ

“งั้นถ้าเกิดว่า ที่เราปฏิเสธเฮียวันนั้นเพราะเข้าใจว่าเฮียเป็นพ่อคิริน ถ้าเฮียไม่ได้เป็นแล้วก็แต่งงานกันได้แล้วใช่ไหม”

“อะไรนะคะ?”

เธอหันไปมองเขาเลิ่กลั่ก แต่ไม่ทันที่ภาคินทร์จะได้ตอบคิรินก็ตะโกนขึ้นมา

“คิยินเปงเด็กม่ายมีพ่อ”

“ใครบอกครับ?” ภาคินทร์หันไปถามเด็กเล็ก

“ป้าหวานบอก บอกว่าคิยินไม่มีพ่อ มีแต่ปะป๊า”

คนที่นั่งฟังอยู่ถึงกับหลุดขำพรืด ก็จริงของคิรินว่า ถ้าเรียกปะป๊ามาทั้งชีวิตก็ไม่มีพ่อจริงๆ นั่นแหละ แต่ต้องขอบคุณมุกของเด็กน้อยที่ทำให้มะเหมียวพอมีรอยยิ้มขึ้นมาได้บ้าง หลังจากที่นอยเรื่องเข้าใจผิดมาหลายวัน

“งั้นถ้าไม่นับเรื่องนี้เราก็จะตกลงแต่งงานกับเฮียแล้วใช่ไหม?”

“ถามอย่างนี้ คืออยากแต่งเหรอคะ?”

เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยากแต่งงานกับเธอไหม ตอนที่เจอก็คุยเรื่องนี้กันแค่ไม่กี่คำไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดยังไง แต่ถ้าเขาถามเธอกลับ เธอเองก็ไม่มีคำตอบให้เหมือนกัน

ที่ผ่านมาเธอชอบเขามากก็จริง ตอนกลับมาเจอกันก็รู้สึกว่าใจเต้นแรงจนจะเป็นบ้าให้ได้ แต่ถ้าให้ต้องมาแต่งงานทั้งที่ไม่รู้จักกันเลย มันคงเป็นเรื่องที่แปลกไปหน่อย

“พี่ฉาวจะแต่งงานกับยุงคินทร์ไหมคับ”

อยู่ๆ ก็มีคนปล่อยคิวคิรินขึ้นมา คำพูดที่ฟังเหมือนเป็นคำขอแต่งงานชอบกลได้ยินแล้วมะเหมียวถึงกับเลิ่กลั่ก

“มะ...ไม่ค่ะ”

คำปฏิเสธทำให้คนขับรถใจแป้ว เบรกผิดจังหวะเกือบทำทั้งคันหัวทิ่มเธอเลยต้องรีบพูดต่ออย่างไว

“หมายถึงไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ พี่สาวยังไม่ได้ตกลงน้า”

“แย้วตกยงตอนไหนคับ”

“เอ่อ...อันนี้บอกไม่ได้ค่ะ”

“บอกไม่ได้คืออาไยง่ะ”

ก็บอกไม่ได้ไงลูกกกก ไม่เคยคิดเลยว่าการอธิบายให้เด็กเข้าใจจะยากขนาดนี้ แต่ในขณะที่เธอกำลังสู้ชีวิตอยู่กับคิรินนั้น คนที่แอบฟังอยู่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ

หัวเราะทำไม ทุกอย่างมันก็เพราะเขานั่นแหละ

“ตอนนี้พี่สาวยังไม่ตกลง แต่ถ้าไปคุยกับย่าทวดก็จะตกลงครับ”

“เดี๋ยวค่ะ หนูไม่ได้พูด”

“เย้ๆ ดีใจที่ฉุดเยย”

ไม่มีใครฟังเธอเลยสักคนให้ตายสิ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย น่าหงุดหงิดที่สุดเลย

แต่ว่า...ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่าเธอไม่ต้องพยายามห้ามใจจากเขาแล้วถูกไหม?

รถเลี้ยวเข้ามาในบ้านคัลเลนหลังจากนั้นไม่นาน ที่นี่เปลี่ยนไปจากครั้งสุดท้ายที่มะเหมียวเคยมาอย่างสิ้นเชิง ทั้งตัวบ้านและถนนเข้าบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านตลอดสองข้างทาง บรรยากาศให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปในเทพนิยายชอบกล

เขาจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้าของตัวบ้านซึ่งจะมีบันไดขึ้นไปยังประตูใหญ่ทางเข้า ทุกอย่างยังเหมือนกับในความทรงจำของเธอเว้นก็แต่ดอกไม้ที่ถูกปลูกขึ้นใหม่ตามฤดูกาลที่ข้างบันไดเท่านั้น

ภาคินทร์หลังจอดรถเสร็จก็อ้อมมาเปิดประตูให้คนที่นั่งเบาะหลัง แต่แทนที่เขาจะหันไปเปิดให้หลานชายที่นั่งฝั่งเดียวกับคนขับ กลับเดินอ้อมมาเปิดให้มะเหมียวที่กำลังจะเปิดประตูเองอยู่พอดี

แหม...นี่ถ้าเธอคิดเข้าข้างตัวเองหน่อย จะคิดว่าเขาเองก็มีใจให้นะเนี่ย

“ยุงค้าบ คิยินยังไม่ได้กินติมเลยง่ะ”

เด็กจิ๋วลงจากรถมาได้ก็เริ่มอ้อน คงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากลับมาจากโรงเรียนแท้ๆ แต่กลับไม่ได้กินไอติมเหมือนทุกครั้งที่ปะป๊าไปรับ

“ไว้ให้ป๊าพาไปนะ วันนี้ลุงมีภารกิจนิดหน่อย”

“ภารกิจอายัยคับ?”

เด็กน้อยเอียงคอถามช่างเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดู แต่คนถูกถามกลับมองหน้าหญิงสาวที่มาด้วยกัน แววตาที่เต็มไปด้วยเลศนัยทำให้เธอต้องเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาของเขา

เก่งนักนะเดี๋ยวนี้เรื่องเล่นกับใจคนอื่น ทีเมื่อก่อนน่ะแหม...

“เอาเป็นว่าขึ้นไปหาปะป๊าก่อนไป อย่าวิ่งนะเดี๋ยวล้ม”

“โอเคคับ!”

เจ้าเด็กรับคำก่อนจะวิ่งปรู๊ดขึ้นบ้านไป ส่วนภาคินทร์ก็เดินพามะเหมียวขึ้นไปหาคุณย่าที่ห้องรับแขกด้วยกัน

คุณหญิงรฐา คัลเลน หญิงชราวัยย่างเข้า 80 ปีนั่งจิบชาสบายใจเฉิบอยู่ที่โซฟา ด้วยได้รับข่าวดีจากลูกสาวบุญธรรมอย่างน้ำหวานว่าตอนนี้หลานชายหัวแก้วหัวแหวนกำลังจะพาว่าที่หลานสะใภ้คนใหม่เข้ามาพบ ผู้เป็นย่าถึงกับกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความพึงพอใจ ไหนตอนคุยบอกยังไงก็ไม่แต่งจะหาทางยกเลิกให้ได้ ดูท่าทางคงไม่ยกเลิกแล้วสิ

“คุณหญิงคะ ท่านประธานมาแล้วค่ะ”

น้ำหวานเข้ามารายงาน เป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคินทร์และมะเหมียวเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดี ใบหน้าของประธานหนุ่มมีรอยยิ้มเล็กๆ แต่พอเห็นรอยยิ้มของย่าเขาก็หุบยิ้มทันที

รู้หรอกว่าย่าคิดอะไรอยู่ คงคิดว่าตัวเองชนะเขาได้แล้วงั้นสิ

“หน้าตาดูสบายดีนะครับย่า”

เสียงทักทายจากหลานชายสุดที่รักทำให้ผู้เป็นย่ายิ้มกว้างทันที แต่ไม่ได้ยิ้มให้ไอ้หลานชายตัวแสบ เป็นคนที่เดินตามหลังเขามาติดๆ นั่นต่างหาก

“มาแล้วเหรอลูก ย่านึกว่าวันนี้จะไม่เข้ามาแล้วนะเนี่ย”

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของหญิงชราจนเห็นเป็นริ้วรอยชัด สายตามองไปยังว่าที่หลานสะใภ้ด้วยความเอ็นดูออกหน้าออกตาจนคนพามาเกิดนึกหมั่นไส้

นี่ใช่ผมไหมหลานที่ย่าเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก นึกว่าเก็บมาเลี้ยงเหมือนลูกหมาตัวหนึ่ง

“นี่น้องเหมียวหรือเปล่าลูก ไหนมาให้ย่าดูใกล้ๆ หน่อยซิ” ดูจากที่เรียกคนอื่นก่อนหลานตัวเองก็คงไม่ต้องสืบ

คนเด็กกว่าเดินเข้าไปนั่งข้างคุณย่า เมื่อก่อนถ้าไม่นับพ่อแม่ของเธอเอง คุณหญิงรฐาท่านก็เหมือนญาติของเธออีกคนหนึ่งเพราะบ้านอยู่ข้างกัน สองพี่น้องมัดหมี่และเหมียวมาเล่นที่บ้านนี้มักได้ขนมกินอยู่เป็นประจำ เป็นที่รักและเอ็นดูของผู้ใหญ่ด้วยที่นี่มีแต่หลานชาย หลานสาวคนเดียวก็อยู่บ้านแม่ตนไม่ค่อยได้เข้ามาหาเท่าไรนัก

“โตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย วันก่อนย่าเจอแม่หนูได้ยินว่าเรียนจบแล้ว เป็นยังไงลูกไปเรียนต่างประเทศ เหงาไหมหือ?”

“จะว่าเหงาก็เหงาค่ะ แต่ก็พอมีเพื่อนบ้าง”

“แล้วแฟนล่ะมีไหม?”

ยิงคำถามตรงขนาดนี้เลยเหรอคะย่า คนถูกถามทำหน้าไม่ถูก จังหวะกลืนน้ำลายผิดปกติจนเกือบสำลัก เกือบหลับแต่กลับมาได้

“มะ...ไม่มีค่ะ”

“จริงเหรอ งั้นก็ดีเลย พอดีว่าย่า...”

“ย่าครับ” เป็นภาคินทร์ที่พูดขัดขึ้นมา เขาเริ่มเมื่อยหน่อยๆ เลยเดินไปนั่งตรงโซฟาเดี่ยวข้างๆ

“มีอะไรไอ้ตัวแสบ”

เสียงย่าที่ตอบกลับมามีความขิงอยู่หน่อยๆ คงคิดว่าตัวเองเก่งที่เอาชนะหลานอย่างเขาได้ แต่เปล่าเลย เพราะคนที่ชนะในครั้งนี้คือเขาต่างหาก

“ผมกับน้องเรากำลังจะเข้ามาคุยเรื่องนี้กันพอดี”

“อ้อ ถ้าจะปฏิเสธละก็ไม่ต้องเลยนะ ย่าคุยกับแม่น้องเหมียวเอาไว้แล้ว นัดวันหมั้นเอาไว้แล้วด้วย”

ถ้าอย่างนั้นจะถามทำไมตั้งแต่แรก เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้วินทร์กับไอ้มินทร์ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนมากขนาดนั้นตอนที่รู้ว่าย่าจะบังคับให้แต่งงาน ขนาดที่ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลอย่างนาวินทร์ถึงขั้นยอมตัดขาดจากย่าไม่เอาสมบัติสักบาท เพียงเพื่อแต่งงานกับคนที่ย่าไม่ได้เลือกให้

ถามว่าภาคินทร์กล้าทำอย่างน้องชายฝาแฝดไหม เขาเองไม่กล้าขนาดนั้นหรอก เขารู้ว่าย่ามีโรคประจำตัว หากโมโหหรือมีอะไรกระทบจิตใจมากๆ เข้าจะทำให้โรคกำเริบขึ้นมา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หาทางต่อต้าน

แต่ว่า...เขาไม่ได้อยากจะต่อต้านสักหน่อยนี่นา

“คือว่า...คุณย่าคะ” มะเหมียวพูดแทรกขึ้นมา เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะพูดต่อแบบไม่เต็มเสียงนัก “หนูว่าจริงๆ มันกะทันหันไปหน่อย ไว้เราค่อยคุยกันเรื่องนั้นอีกทีดีไหมคะ หนูไม่ได้เจอย่าตั้งหลายปี มีเรื่องเล่าให้ฟังเยอะแยะเลยค่ะ”

“ย่าได้ข่าวมาว่าหนูชอบเฮียไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ได้ข่าวสิ ใครๆ เขาก็ดูออก ชอบกันแล้วทำไมไม่แต่งงานกันซะล่ะ”

รู้กันหมดเลยเหรอ...ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเถือก เธออายจนอยากเอาหน้ามุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อก่อนไปทำอะไรไว้บ้างยัยเหมียวทำไมเขารู้กันไปหมดอย่างนี้ ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้ มันต้องเยอะจนนับไม่หมดแล้วแน่ๆ

“คือว่าหนู...”

“ผมคุยกันมาแล้วครับ ไม่ได้บอกว่าจะไม่ตกลง”

อีกคนยังพูดไม่ทันจบ ภาคินทร์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน คำพูดของเขาทำให้มะเหมียวถึงกับหันขวับไปมองค้อนในทันที

เขาจะเอาจริงเหรอ นึกว่าพูดหยอกให้เธอดีใจเล่นๆ แล้วอะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาอยากแต่งงานกับคนอย่างเธอได้

ไม่...ไม่จริงหรอก มันไม่มีจุดเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น ถ้าจะบอกว่าความสวย เธอตอนนี้สวยขึ้นมากก็จริง แต่เฮียไม่ชอบเธอนี่ ซ้ำคนที่เขาชอบอย่างชมมุกยังทำบริษัทด้วยกัน หรือว่าจะงอนกันอยู่เลยตัดสินใจแบบนี้?

“งั้นแกจะแต่งเรอะ?” คุณย่าเลิกคิ้วถาม มือก็ลูบไหล่ว่าที่หลานสะใภ้เบาๆ

“น่าแปลกใจเหรอครับ”

“ที่ผ่านมาแกปฏิเสธย่ามาตลอด ทำย่าเสียหายไปหลายล้าน เสียทั้งหน้าเสียทั้งเงิน แล้วนี่จะมาตอบตกลงง่ายๆ?”

“หรือถ้าย่าไม่อยากให้แต่งก็ไม่เป็นไร”

หลานผู้รู้จักย่าตัวเองเป็นอย่างดีพูดลองเชิง ในเมื่อพยายามจับคู่ให้หลานชายตัวเองมาก็หลายปี มีเหรอที่โอกาสดีๆ แบบนี้เข้ามาแล้วย่าจะไม่ตกลง

“ถ้าทั้งคู่ตกลงกันแล้วก็ดีเลย”

“เดี๋ยวค่ะคุณย่า...”

แต่เป็นมะเหมียวที่ทักท้วงขึ้นมา เขากับย่าคุยกันอยู่สองคนเธอยังไม่ได้เออออตามเลยด้วยซ้ำ จะมาตกลงกันง่ายๆ อย่างนี้ได้ยังไง

“มีอะไรหรือเปล่าลูก”

“หนูยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะคะ”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันที แม้แต่คนที่มั่นใจในตัวเองอย่างภาคินทร์ยังแอบหน้าเสียเล็กน้อย

เธอรู้ว่ามันออกจะงี่เง่านิดหน่อยที่ไม่ยอมคว้าโอกาสที่ตัวเองรอมานาน แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่พร้อม อะไรที่อยากทำก็ยังไม่ได้ทำ แม้แต่งานก็ยังไม่มีเลยจะแต่งงานได้ยังไง

“ทำไมล่ะลูก?”

“ก็...หนูแค่รู้สึกว่าเพิ่งเรียนจบ งานยังไม่มีทำเลยค่ะ ยังต้องขอเงินที่บ้านใช้อยู่เลย มันคงไม่ดีถ้าหนูจะมาเกาะ...”

เธอตั้งใจพูดว่ามาเกาะตระกูลคัลเลนกิน แต่พูดไม่ทันจบประโยคภาคินทร์ก็พูดแทรกขึ้นมา

“งั้นก็มาทำงานกับเฮียสิ”

“คะ?”

“เลขาเฮียกำลังจะลาคลอด ยังไม่ได้เปิดรับสมัครคนใหม่ ระหว่างนี้ถ้าหนูมีอะไรอยากทำก็บอก เฮียจะสนับสนุนทุกอย่าง”

“เดี๋ยวๆ ค่ะ หนูยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นเลย”

เขาไม่ได้พูดเล่น แล้วเหมือนว่าคุณย่าเองก็จะเห็นดีเห็นงามด้วย

“ก็ดีนะลูก ทำงานด้วยกันจะได้สนิทกันไวๆ ย่าโอเค”

“คุณย่าคะ แต่ว่า...”

“ก็ดีครับ งั้นพรุ่งนี้เฮียจะเข้าไปคุยกับแม่เรื่องวันเริ่มงานให้”

“แต่ว่า...”

ไม่มีใครฟังเธอเลยสักคน เออออห่อหมกกันเสร็จสรรพจนออกความเห็นคัดค้านไม่ทัน สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นว่าเธอตอบรับการแต่งงานนี้ไปอย่างงงๆ

นี่ขนาดวางแผนมาซะดิบดีว่าจะยกเลิกงานแต่งดันมากลายเป็นแบบนี้ซะได้ แล้วนี่ชีวิตเธอต้องวุ่นวายไปอีกนานแค่ไหน แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

ขอล่ะ ขออย่ามากไปกว่านี้เลย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 8 อีกมุมหนึ่ง

    รู้ตัวอีกทีก็ตอบรับการหมั้นมาอย่างงงๆ มะเหมียวแชทไปเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนยังไม่เชื่อเลย ก็แหงล่ะ เมื่อก่อนเฮียรังเกียจเธออย่างกับอะไรดี อย่าว่าแต่เรื่องแต่งงาน แค่มองหน้าเขายังไม่อยากมองด้วยซ้ำKanink : แกแน่ใจนะว่าเขาพูดแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้หลอกให้แกดีใจเก้อแล้วมาหักอกทีหลังอะข้อความที่คะนิ้งพิมพ์มาติดอยู่ในใจมะเหมียวมาสองชั่วโมงกว่าแล้ว อันที่จริงเธอก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับเพื่อน เมื่อก่อนเขาไม่ใช่แบบนี้เลยสักนิด ทั้งเย็นชา ปากร้าย แล้วก็เมินเฉยกับการที่เพื่อนเขาล้อเลียนเธออยู่บ่อยๆแล้วแค่นั้นไม่พอ อยู่ๆ เขาจะให้เธอไปเป็นเลขาเขา เลขาเนี่ยนะ? เธอไม่ได้เรียนด้านนั้นมาสักหน่อยจะให้เธอไปเป็นทำไม เธอลองหาข้อมูลเลขาคนปัจจุบันของเขาแล้วพบว่าเธอคือ แพทตี้ พัทจิรา คนที่ได้รับคำชมออกสื่อบ่อยๆ ว่าเป็นเลขาตัวอย่าง ออกงานกับเจ้านายไม่เคยตายไมค์ตายกล้อง เนี้ยบนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เคยหลุดเลยสักครั้ง เทียบกับเธอที่ออกจากบ้านหวีผมยังขี้เกียจ จะเอาอะไรไปทำงานแทนได้แต่ตอนนี้จะโทรหาเพื่อนไปปรึกษาก็ไม่ได้เพราะมือถือเสียไปตั้งแต่วันนั้นยังไม่มีโอกาสไปซื้อใหม่ ทำได้แค่ส่งข้อความไปหาซึ่งส่งไปทีกว่าเพื่อนจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 9 ขอจีบ

    โรลส์-รอยซ์คันหรูพาเธอมายังห้างปลายทางที่เธอตั้งใจมาเก็บโปรเจกต์อย่างที่บอกเขาเอาไว้ วันนี้เป็นวันที่สามของการเริ่มโปรเจกต์ซึ่งจากสถิติแล้วน้องๆ มักจะมากันวันนี้มากที่สุด ในตารางงานเองก็ว่างวันนี้ด้วยจึงมีโอกาสสูงมากที่จะได้เจอ เพียงแต่เวลาจะตรงกันไหมก็เท่านั้น“ขากลับแวะซื้อของฝากให้แม่เราด้วยดีไหม”ระหว่างที่เดินออกจากลานจอดรถภาคินทร์ก็ชวนคุยไม่หยุด มะเหมียวแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของเขา เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยพูดเท่าไร ติดขี้เกียจเลยด้วยซ้ำ เทียบกับคามินทร์และนาวินทร์ น้องชายฝาแฝดของเขาทั้งสองคนแล้วสองคนนั้นยังพูดมากกว่าอ้อ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือขี้เกียจแค่กับเธอ แต่กับคนอื่นก็ปกติแต่วันนี้เขากลับดูช่างพูดผิดปกติ แปลกจนไม่น่าไว้ใจ“ก็แล้วแต่เฮียเลยค่ะ”“แล้วนี่หนูอยากไปไหนไหม กินข้าวก่อนหรือไปซื้อมือถือเลยดี”สรรพนามที่ไม่คุ้นเคยทำให้เท้าที่กำลังก้าวตามเขาหยุดชะงัก ส่วนเขาพอเห็นว่าเธอไม่เดินตามก็หันมาเลิกคิ้วถามอย่างงงๆ“มีอะไรหรือเปล่า?”“เฮีย...ไม่ได้สมองเสื่อม หรือว่าโดนอะไรกระแทกหัวมาใช่ไหมคะ”พูดพร้อมใช้สายตาสำรวจเขาไปด้วย ตั้งแต่วันที่เจอกันวันแรกแล้วรู้สึกว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 10 ทำคะแนน

    เหอะ ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรพวกนี้เขาเดินตามน้องเข้าร้านนั้นออกร้านนี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ มองมะเหมียวที่ยิ้มร่าตอนเข้าไปในคาเฟ่ที่มีหน้าเด็กในสังกัดเขาเต็มไปหมด ความสดใสของเธอแทบจะทำให้สีสันในร้านไม่มีความหมายเธอสดใสได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดมองเธอมาก่อน ไม่ว่าเจอหน้ากันเมื่อไรเป็นอันต้องหงุดหงิดใส่กันทุกครั้ง แต่เวลาผ่านไปเขาก็เริ่มตกผลึกได้ สิ่งที่ทำเอาไว้เมื่อก่อนกับน้องมันก็เกินไปหน่อยจริงๆเขาแค่...อยากชดเชยในสิ่งที่ตัวเองเคยทำ เขาไม่ได้มีความคิดที่จะล้มเลิกการแต่งงานในครั้งนี้อยู่แล้ว น้องเองก็เคยชอบเขามากๆ มาก่อน อยากให้ความทรงจำไม่ดีพวกนั้นเป็นแค่เรื่องในอดีตแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ อย่างน้อยๆ ได้ขอโทษ ได้ทำอะไรเป็นการชดใช้กับความนิสัยไม่ดีของตัวเองบ้างก็ยังดีแต่ถามว่าเขาชอบน้องไหม...ตอนนี้มันก็คงตอบยาก เพราะเราเพิ่งจะกลับมาเจอกันได้ไม่กี่วัน“สวัสดีค่า รับอะไรดีคะ?”คาเฟ่แรกที่น้องพาเขามาเป็นธีมไดโนเสาร์ที่ดุร้ายที่สุดในภาพจำของคนอย่างไทแรนโนซอรัส มีทั้งภาพการ์ตูนหลากหลายสไตล์จากฝีมือแฟนคลับวาดให้ศิลปิน แล้วก็ภาพของทีเร็กซ์ เด็กในสังกัดเขาเองแปะอยู่ทั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 11 ก็แค่...รู้สึกผิด

    มีแมวโมโหเรื่องในคาเฟ่วีนเขาจนหูชาไปหมด คนพี่ไม่ได้เถียงอะไรกลับปล่อยน้องบ่นไปตลอดทางจนสุดท้ายก็พอจับคำพูดได้ว่า ที่วีนเพราะเขิน เขินทั้งเขา เขินทั้งน้อง แล้วตรงนั้นก็คนเยอะเกินไป พูดจบก็มุดหน้าลงไปแต่งรูปที่เขาถ่ายให้แล้วชมว่าสวยฝีมือดีอย่างนั้นอย่างนี้ก็แน่ล่ะ เห็นอย่างนี้เขาก็เรียนเรื่องการถ่ายรูปมาบ้าง แม้แต่ถ่ายรูปเล่นๆ กับเพื่อนหรือเซลฟี่มือของภาคินทร์ก็ไม่เคยพลาด ถ่ายมา 100 รูปอย่างน้อยรูปดีๆ ต้องมี 99หลังจากส่งน้องกลับบ้านเขาก็ไม่ลืมถามเรื่องไปทำงานตามที่ได้คุยกับคุณย่าเอาไว้ เขาไม่ได้บังคับให้น้องมาทำแต่ถามความคิดเห็นของน้องมาแล้วเรียบร้อย ในเมื่อน้องยังไม่ได้มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ช่วงนี้เขาก็ต้องการคนมาช่วยกรภัทร เลขาชั่วคราวของเขาที่กำลังรับหน้าที่แทนแพทตี้อยู่ด้วย น้องเลยตกลงเพราะเห็นว่างานไม่ได้สำคัญถึงขั้นจะทำบริษัทเขาล่มได้หลักๆ ก็แค่กลัวทำงานพลาดแล้วโดนดุ แต่ถามว่าใครจะกล้าดุ เด็กเส้นของท่านประธานใหญ่อย่างคุณหญิงรฐาทั้งคนส่งน้องเสร็จแล้วแทนที่เขาจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนหรือเข้าฟิตเนสเหมือนทุกที กลับได้รับสายจากดีเทลเพื่อนรักเรียกให้ออกมาดื่มกันสักวัน ใจอยากปฏิเสธแต่ก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 12 ลัคกี้แฟน

    ไม่ชินนิดหน่อยที่อยู่ๆ เฮียก็มาทำดีใส่ เขาไม่ได้เป็นบ้าไปจริงๆ แล้วหรอกใช่ไหม แต่ตั้งแต่วันนั้นเธอกับเขาก็แทบไม่ได้คุยกันอีก มีนิดหน่อยที่ส่งรายละเอียดงานและวันเวลาเริ่มงานมาให้ในเมล ซึ่งก็มีแค่นั้นจริงๆแบบนี้เขาเรียกจีบแบบใดวะ?มะเหมียวเดินลงมาที่ชั้นล่างกะว่าจะมาหาอะไรกินรองท้องสักหน่อย แต่สิ่งที่เจอกลับเป็นพ่อที่เดินเข้ามาในบ้านพอดีพ่อ...ที่เธอแทบไม่ได้เจอหน้าเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง มะเหมียวหน้าตึงขึ้นมาในทันที เธอเดินลงไปเผชิญหน้าพ่อก่อนจะพูดออกมาเสียงแข็ง“มาทำไมคะ?”ที่นี่ไม่ต้อนรับเขาตั้งแต่วันที่เขาเลือกผู้หญิงคนนั้นแล้ว สำหรับมัดหมี่ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรอาจจะทำใจเรียกเขาว่าพ่อได้ แต่มะเหมียวเห็นทุกอย่าง ภาพที่เขาทิ้งครอบครัวไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งแม่ ทิ้งลูก ทิ้งทุกอย่างแล้วเอาบริษัทของตาเธอไปบริหารกับเมียใหม่ตอนนั้นเธอยังเด็ก ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงไม่ฟ้องเอาบริษัทกลับมา แต่พอได้เห็นข่าวหลายๆ ข่าวที่ออกมาว่าบริษัทใกล้เจ๊งก็เริ่มเข้าใจแล้วบางทีแม่อาจจะคิดมาดีแล้วก็ได้“วันนี้จะไปไหนเหรอลูก” วัชระผู้เป็นพ่อทักด้วยรอยยิ้ม ซึ่งก็ได้รอยยิ้มจากลูกสาวตอบกลับแต่เป็นรอยยิ้มเหยียดด้วยคว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 13 ก็แค่เกม?

    “น้องเหมียวค่า”เสียงพิธีกรเรียกชื่อเธอดังลั่น วินาทีนั้นมะเหมียวรู้สึกหูอื้อไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง รู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงขึ้นไปในที่สูงมากๆ แล้วก็กระชากลงมาเหมือนรถไฟเหาะ รู้ตัวอีกทีคะนิ้งก็ส่งมือมาสะกิดยิกๆ ให้เธอรีบลุกเข้าไปในห้องส่งเพื่อร่วมกิจกรรมมะเหมียวหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วย่นคิ้วด้วยความกังวล ถามว่าดีใจไหมที่ตัวเองถูกเลือกให้เล่นเกมกับลูกก็ดีใจ แต่ต้องไม่ใช่อยู่ทีมเดียวกับเฮียสิเธอวางกระเป๋าของตัวเองเอาไว้ที่ตักของคะนิ้งก่อนจะเดินเข้าห้องส่งเป็นคนสุดท้ายด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม เจ้าของมือที่จับได้ชื่อเธอแอบอมยิ้มน้อยๆ ในขณะที่ทีเร็กซ์กับนัททิวมองหน้าเธอแล้วพากันเลิ่กลั่กก็แหงล่ะ วันก่อนเขาเพิ่งแนะนำตัวกับเด็กๆ ไปเลยว่าเธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขา แล้วจะให้เธอมองหน้าพวกเขายังไงเกมที่ทั้งแปดคนจะต้องเล่นนั่นก็คือเกมปิดตาหาตัว ซึ่งแต่ละคนจะต้องจับคู่กันแล้วชี้ตำแหน่งคู่ตัวเองให้ถูก เธอเคยเห็นน้องๆ เล่นในรายการอื่นมาบ้างแล้วเลยไม่ได้ตั้งใจฟังกติกาอะไรมาก สายตาเอาแต่มองไปยังภาคินทร์ที่กำลังตั้งใจฟังอย่างเอาจริงเอาจังจะว่าไปเธอไม่เคยเห็นเขาในพาร์ทการทำงานมาก่อนเลย เพิ่งจะมีครั้งน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 14 เลขาคนใหม่

    เช้านี้มีแต่เพลงนี้ลอยเข้ามาในหัว ฉันมาทำอะไรที่นี่~มะเหมียวยืนอยู่ในห้องทำงานของภาคินทร์ด้วยอาการประหม่าเล็กๆ ที่นี่เป็นบริษัทที่ใหญ่กว่าตอนเธอฝึกงานที่ญี่ปุ่นมากนัก ตอนนั้นเป็นแค่เด็กในตำแหน่งทั่วไปคอยวิ่งช่วยงานตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้จนหัวหมุนไปหมด แต่วันนี้เธอกำลังจะเป็นเลขาของประธานบริษัทอันเป็นเหมือนหัวเรือใหญ่ขององค์กรที่เมนของเธอสังกัดอยู่ บนโลกใบนี้จะมีติ่งที่มีชีวิตคอมพลีตแบบนี้สักกี่คนแต่ถึงได้มาอยู่ข้างท่านประธานมะเหมียวเองก็ไม่ได้คิดใช้หน้าที่ในทางที่ไม่ชอบ เธอคิดมาทั้งคืนว่าถ้าเกิดเจอน้องๆ จะทำยังไงดี ต้องวางตัวยังไงต้องทักทายแบบไหน คิดมากจนนอนไม่หลับกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปตีห้ากว่าๆ แล้วรู้ตัวอีกทีก็เช้า ได้แต่มายืนหาวหวอดๆ อยู่ตรงหน้าท่านประธานและเลขาของเขาทั้งสองคน“สวัสดีค่ะน้องเหมียว พี่ชื่อว่าแพทตี้นะคะ เป็นเลขาคนปัจจุบันของท่านประธานภาคินทร์ เรียกพี่แพทก็ได้ค่ะ” เลขาสาวท้องโตแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงฉะฉานน่าฟัง เธอยิ้มกว้างต้อนรับว่าที่คู่หมั้นอย่างไม่เป็นทางการของท่านประธานด้วยความยินดีก็จะไม่ให้ยินดีได้ยังไง ที่ผ่านมาเธอพยายามจะขอท่านประธานลาออกเพื่อไปเป็นแม่บ้านเต็มต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 15 ทีละนิดทีละหน่อย

    ซื้อของเสร็จเราก็กลับเข้ามาที่บริษัท วินาทีที่เข้ามาแล้วเห็นโต๊ะทำงานของตัวเองมะเหมียวถึงกับขนลุกซู่ ราวกับภาพนี้กำลังบอกเธอว่าความจริงได้มาถึงแล้วที่นี่ห้องทำงานของท่านประธานจะอยู่ด้านในสุด ส่วนด้านนอกเป็นห้องอีกห้องสำหรับเลขาและยังมีของว่าง กาแฟ กาน้ำร้อนและโซนพักผ่อนเล็กๆ เอาไว้ให้เลขาได้พักสายตาเวลาว่าง ตอนมายังมีโต๊ะทำงานแค่ตัวเดียวของแพทตี้วางเอาไว้เหงาๆ แต่ตอนนี้มีของมะเหมียวมาเพิ่มอีกอันเป็นโต๊ะไม้สีขาวสุดมินิมอลที่มีชั้นวางของและเครื่องเขียนสุดน่ารักเอาไว้ให้เสร็จสรรพเขารู้ได้ยังไงว่านี่คือของที่เธอชอบ? เห็นแล้วอยากจะอุดปากกรี๊ด แต่ไม่ได้ ต้องคีพลุคเลขาของท่านประธานเอาไว้ก่อน“ไปเที่ยวไหนกันมาคะเนี่ย เมื่อกี้มีของเข้ามาส่งแพทยังไม่มีงานเลยถือวิสาสะจัดโต๊ะรอ หวังว่าจะถูกใจนะคะ” แพทตี้พูดยิ้มๆ ได้ยินว่าเธอเป็นคนจัดเองกับมือคนเด็กกว่ารีบยกมือไหว้ขอบคุณแทบไม่ทัน“ขอบคุณนะคะพี่แพท ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะเดี๋ยวหนูมาทำเอง” มะเหมียวว่าอย่างเกรงอกเกรงใจ เนื่องจากเธอเพิ่งมาทำงานเป็นวันแรกมาถึงก็จะใช้รุ่นพี่จัดของให้เลยต้องโดนเม้ากระจายแน่ ดีหน่อยที่ในห้องนี้เป็นห้องปิดมีแค่ผู้ที่ได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08

บทล่าสุด

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   ตอนจบ ท้ายที่สุดแล้ว

    ใครๆ ต่างก็บอกว่า เธอช่างโชคดีจังเลย เกิดมาไม่มีอะไรสักอย่าง ครอบครัวก็กลางๆ หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย ขนาดถึงขั้นล้มละลายก็ยังมีครอบครัวว่าที่สามีเอ็นดูซัพพอร์ตเสมอ ล้มแต่ละครั้งเหมือนล้มลงบนฟูก จนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างแต่ก็ได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงนอยจนซึมไปหลายวัน แต่พอเล่าให้ภาคินทร์ฟัง เขาก็บอกว่าทำไมต้องสน คนพวกนั้นมีดีแค่พูดเรื่องคนอื่นไปวันๆ ไม่เห็นว่าชีวิตพวกเขาจะดีกว่าเราตรงไหน ครอบครัวล้มละลายแล้วยังไง ต้องพึ่งพาครอบครัวสามีแล้วยังไง การมีคนที่พร้อมหนุนหลังเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังไงก็ดีกว่าตัวคนเดียวไม่ใช่หรือไงเพราะอย่างนั้น...เธอจึงปล่อยวางทุกอย่าง ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วเข้าพิธีแต่งงานโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปต่อหน้าผู้คนมากมายที่มาร่วมยินดีในวันแห่งความสุขของหลานชายคนโตตระกูลคัลเลน ต่อหน้าเพลงบรรเลงที่ดังคลออยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อหน้าดอกไม้ ผ้าประดับ เธอยังคงสั่นด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าทุกก้าวบนพรมสีขาวที่นำไปสู่แท่นพิธี คือจุดจบของความวุ่นวายทั้งหมดที่ชีวิตได้เจอมาชีวิตที่ตกหลุมรัก

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 31 จุดจบของคนหักหลัง

    “ปล่อยกู กูบอกว่าให้ปล่อยกู!!”วัชระถูกจับกุมตัวในที่สุด เขาถูกตั้งข้อหาหนักทั้งทำร้ายร่างกาย ฉ้อโกง รวมไปถึงพยายามฆ่า ภาคินทร์ทำทุกอย่างแม้แต่การใช้อำนาจในทางมิชอบ ทำให้เขาไม่ได้รับการประกันตัว แต่คนอย่างวัชระมีหรือจะยอม ทุกครั้งที่มีคนเข้าเยี่ยมเขามักจะโวยวายขอประกันตัวสู้คดี แต่คงไม่คิดว่าทุกครั้งจะเป็นภาคินทร์ที่เข้ามาเขาไม่ยอมให้มะเหมียวหรือใครได้เจอผู้ชายคนนี้อย่างเด็ดขาด เรื่องบางเรื่อง คนของเขาช้ำใจแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว อย่ามาเสียใจกับอะไรเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกเลย อีกอย่างงานแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว เขาไม่อยากให้มีอะไรมากระทบทั้งนั้นแต่เห็นคนในชุดนักโทษแล้วก็อดเวทนาไม่ได้ คนพวกนี้ทรยศครอบครัว หักหลังโดยคิดถึงแค่ผลประโยชน์ แค่ความพึงพอใจของตัวเอง สมควรแล้วที่จะต้องทรมานไปตลอดชีวิต“กูบอกว่าให้ปล่อยกูไง ไปเรียกทนายมาเดี๋ยวนี้ แล้วนี่ลูกเมียกูอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมเลย โธ่เว้ย!!!”วัชระทุบกระจกหนาตรงหน้าด้วยความหัวเสีย ระหว่างภาคินทร์และเขานอกจากกระจกหนาที่กั้นเอาไว้ยังมีตาข่ายเหล็กอีกชั้น ทั้งคนในห้องขังยังมีกุญแจมือสวมอยู่อีก อิสระที่หายไปในชั่วพริบตาเพียงเพราะความขาดการ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 30 ไม่มีวัน

    “กรี๊— อุ๊บ!”มะเหมียวเผลอหลุดกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ในจังหวะที่เธอหันมาแล้วเจอว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลังโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไร ทว่าเพียงแค่อ้าปากยังไม่ทันได้ส่งเสียง กลับถูกมือเย็นๆ อุดปากเอาไว้ก่อน“ชู่ว อย่าเสียงดัง นี่โรงพยาบาลนะ”คนตรงหน้ายกมือขึ้นแตะปากตัวเองพลางบอกให้เธอเงียบ ดวงตาที่เบิกโพลงเริ่มมีน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงนี้คือใครไอ้เฮียบ้า เขานี่เอง“ฮึก...” คนที่ทั้งกลัวทั้งตกใจเริ่มสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลลงมาเป็นทางโดนใส่มือภาคินทร์ที่ปิดปากของเธออยู่ เขาตกใจรีบปล่อยเธอให้เป็นอิสระก่อนจะถามเสียงตื่น“เป็นอะไรครับ เฮียขอโทษที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ตกใจมากไหมมาโอ๋ๆ นะ”เขารั้งคนตัวเล็กเข้ามากอดจนทั้งตัวจมอก เสียงสะอื้นไม่มีท่าทีสงบลงง่ายๆ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยกมือขึ้นลูบหัวคนน้องเบาๆ แล้วพูดปลอบใจเท่านั้น“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว”“ฮึก...ฮือ...”ตกใจเรื่องที่เขาเล่นอะไรไม่รู้เรื่องก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิมคงไม่พ้นเรื่องที่คิดอยู่ก่อนหน้านี้ มันอึดอัดมากจริงๆ ยากจะหาที่ระบายในยามที่ทุกคนต่างก็กำลังเครียด ทำได้แค่ร้องไห

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 29 ทำไมต้องทำขนาดนี้

    เมื่อวานเกิดเรื่องที่บริษัทนิดหน่อย เขาไม่คิดว่าจู่ๆ คนที่ไม่ควรจะอยู่ที่นั่นมากที่สุดกลับไปโผล่ที่บริษัทหน้าตาเฉยวัชระ พ่อของมะเหมียวเขาเป็นประธานบริษัทเล็กๆ ที่ทำด้านส่งออกบรรจุภัณฑ์พลาสติก เมื่อก่อนคุณย่าของเขาก็เคยร่วมหุ้นด้วยแต่พอเพื่อนรักอย่างคุณยายของมะเหมียวเสียท่านก็ขายหุ้นทิ้งและไม่ได้สนใจบริษัทนั้นอีก ภาคินทร์เพิ่งจะได้ข่าวว่าบริษัทขาดทุนหนักและกำลังจะล้มละลายแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้“คือว่า...อา...แค่เห็นว่าเราสองครอบครัวกำลังจะเกี่ยวดองกัน”ร้อยวันพันปีคนอย่างวัชระไม่เคยคิดเข้ามาข้องเกี่ยวกับตระกูลคัลเลน อย่าว่าแต่เรื่องเกี่ยวดองกัน แม้แต่ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดที่ทางนี้ต้องเผชิญข่าวเสียหายก็ไม่เคยเห็นหัว มีแค่วันนั้นที่คุณย่าเชิญเขามาร่วมงานในฐานะแขกเลยได้พบกันมันทำให้เขารู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ควรทำอย่างนั้นเลย คนพรรค์นี้ให้เกียรติไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิต ทั้งยังหาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้“คุณอามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”คุยนานไปก็มีแต่จะเสียเวลา เขารีบตรงเข้าประเด็นพร้อมทั้งหยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปพลาง เขาไม่ได้กำลังทำตัวเสียมารยาทแต่กำลังหาข่าวของบริษัทนั

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 28 โดนจับได้

    ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้...วัชระนั่งทำแผลอยู่ในบ้านตัวเองด้วยความเจ็บใจ นึกถึงเรื่องที่บ้านหลังนั้นแล้วก็ได้แต่กัดฟันกรอด สองแม่ลูกนั่นมันกล้าดียังไงถึงทำกับเขาแบบนี้ ที่ผ่านมาลูกสาวของเขาเป็นเด็กดี ว่าง่าย ไม่เคยเถียงพ่อแม้สักคำเดียว ทั้งหมดนี่ต้องเป็นความผิดของแม่มันอย่างไม่ต้องสงสัย“แล้วเรื่องที่ให้ไปคุยเป็นยังไงบ้างคะ เนี่ย ถ้าเราไม่หาเงินไปจ่ายค่าปรับในเดือนหน้าเราจะล้มละลายกันจริงแล้วนะคะ”กานพลู ภรรยาใหม่ของวัชระว่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด หลังช่วยกันประคับประคองบริษัทมาหลายปีแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ติดหนี้หัวโตกำลังถูกฟ้องล้มละลาย โชคยังดีที่มีเงินสดติดตัวอยู่บ้างให้พอได้ซื้อข้าวกินไปวันๆ แต่เรื่องหนี้สินก็เป็นเรื่องที่เจ้าหล่อนคิดไม่ตกคิดแล้วก็อยากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ตอนนั้นไม่น่าเห็นแก่เงินเป็นชู้กับผัวชาวบ้านจนมีลูกด้วยกัน วัชระในตอนนั้นทั้งหล่อทั้งรวย เป็นลูกเขยของตระกูลที่มีทรัพย์สินกว่าห้าร้อยล้าน ซ้ำตอนที่เผลอใจมีอะไรกันหลายครั้งจนตั้งท้อง เขายังบอกให้หล่อนเก็บเรื่องลูกไว้เป็นความลับ จะเลี้ยงดูปูเสื่อสองแม่ลูกอย่างดีไม่ให้ลำบากเรื่องมาโป๊ะแตกตอนที่ลูกสาวคนเล็กของเขาอ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 27 แค่บางที...

    พ่อออกไปแล้ว ทิ้งความเงียบหลังความวุ่นวายเอาไว้ที่เบื้องหลัง ยอมรับว่าเรื่องเมื่อกี้เธอตกใจมากๆ จนแทบสติแตก แต่พอเห็นว่าแม่ที่จิตใจไม่ปกติพยายามอย่างมากที่จะเข้มแข็งเพื่อต่อต้านพ่อเป็นครั้งแรก ลูกสาวอย่างเธอจึงต้องพยายามฮึบเพื่อไม่ให้แม่ต้องดิ่งมากไปกว่านี้เธอพาแม่ขึ้นมาบนห้องแล้ววานแม่บ้านมาทำความสะอาดเศษแก้วให้ ก่อนจะส่งแม่เข้านอนโดยไม่พูดหรือไม่ถามอะไรแม่สักคำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระหว่างเราสองแม่ลูกจะไม่มีอะไรค้างคาอยู่ในใจ“เหมียวลูก...”ก่อนจะล้มตัวลงนอนเป็นแม่ที่พูดขึ้นมาก่อน ฝ่ามือสั่นเทายกขึ้นมาลูบกรอบหน้าลูกสาวอย่างแผ่วเบา มองรอยตบที่ตอนนี้เริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แต่ก็รับรู้ได้ว่าลูกคงเจ็บอยู่บ้าง“หนูเจ็บไหม แม่ขอโทษนะที่ปล่อยให้มันมาทำร้ายลูก”“ไม่เจ็บค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ สมัยเรียนหนูก็ตบกับเพื่อนบ่อยจะตาย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่แรงตบเมื่อกี้ก็เริ่มทำพิษแล้วเช่นกัน เธอไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจมากไปกว่านี้ เรื่องแค่นี้เธอทนได้สบายมากอยู่แล้ว“แม่นอนพักนะคะ เรื่องวันนี้แม่ลืมมันไปซะ อย่าเก็บมาคิดอีก”“เหมียว แม่ถามจริงๆ นะลูก ถ้าเกิดว่าเฮียรู้เรื่องบ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 26 บางอย่างกำลังเกิดขึ้น

    มะเหมียวนั่งเล่นอยู่ที่โรงพยาบาลจนหมดเวลาเยี่ยม เธอดูนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้วแต่ยังไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าจากคู่หมั้น ข้อความที่ส่งไปก็ยังไม่ได้รับการอ่านสงสัยว่าจะยุ่งมากแน่ เลยเลือกเรียกแกร๊บกลับบ้านเองโดยไม่บอกเขาก็จะให้บอกได้ยังไง เขาชอบทำเหมือนเธอเป็นเด็กเดินทางเองไม่เป็นอยู่เรื่อย โอเคเธออาจจะขับรถเองไม่เป็น ประสบการณ์อยู่ไทยก็น้อยเลยเดินทางไม่คล่อง แต่เรื่องเรียกรถกับความปลอดภัยบนรถโดยสารสาธารณะเธอเองก็ดูแลตัวเองเก่งไม่แพ้ใครหรอกแต่พอกลับมาถึงบ้าน ไฟที่เปิดสว่างอยู่ที่ชั้นล่างทำให้มะเหมียวแปลกใจเล็กน้อย ปกติเวลานี้ป้าดาน่าจะให้แม่กินยาหลับไปแล้ว แล้วทำไมยังมีไฟเปิดอยู่อีก“แม่ยังไม่นอนอีกเหรอ...คะ”ทว่าคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นกลับไม่ใช่แม่ ชายวัยกลางคนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับกำลังเฝ้ารอบางอย่างความทรงจำในวันที่เธอกลับมาจากญี่ปุ่นหลังรู้เรื่องของพ่อกับแม่วนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง วันนั้นแม่อ้อนวอนเขาแทบตาย ร้องไห้แทบขาดใจขอร้องเขาว่าอย่าไป แต่สิ่งที่เขาทำคือสลัดแม่ทิ้งแล้วขึ้นรถไปกับผู้หญิงคนใหม่แล้วก็ลูกที่อายุน้อยกว่าเธอแ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 25 สงบสุขวันสุดท้าย

    เฮียบ้า คนขี้แกล้ง!เช้านี้มะเหมียวแทบจะลุกไม่ขึ้น ปวดไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวเพราะถูกรังแกอยู่ค่อนคืน เฮียไม่เห็นเคยบอกเลยว่ามันจะร้าวไปทั้งตัวแบบนี้ เมื่อคืนเธอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือตื่นมาอยู่ในชุดนอนตัวโคร่งของเฮียโดยไม่มีเสื้อผ้าชิ้นอื่นประดับตัวอยู่เลยอ้ากกก ทำบ้าอะไรลงไปดีที่ตื่นมาแล้วเขาไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเอาหน้ามุดดินหนีเป็นตัวตุ่นแน่ๆแกร๊กยังไม่ทันจบความคิดด้วยซ้ำประตูก็ถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก เจ้าของเสื้อที่เธอสวมอยู่นี้โผล่หน้าเข้ามาแล้วชูถุงโจ๊กในมือพร้อมยิ้มแป้น“ตื่นแล้วเหรอ มากินข้าวสิ เฮียไปซื้อข้าวมาให้”ไปซื้อข้าวมาให้? มายก้อด พฤติกรรมจะแฟนเกินไปแล้ว เราเพิ่งจะตอบตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวาน มาวันนี้เขาก็เซอร์วิสเธอขนาดนี้เลยเหรอ เตรียมใจไม่ทัน ตัวนี่ไม่ต้องพูดถึง เตรียมไม่ทันเหมือนกันค่ะ!มะเหมียวเลิ่กลั่กอยู่ในห้องพักใหญ่ๆ เดินวนไปมาก็เจอร่องรอยอารยธรรมที่เราทำกันเมื่อคืน ทั้งเศษซองถุงยางชิ้นเล็กๆ ที่ยังเก็บทิ้งไม่หมด แล้วไหนจะผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่จนหลุดทั้งสี่มุม น่าแปลกใจนิดหน่อยที่ไม่ได้มีรอยเลือดเหมือนอย่างที่เคยดูในละคร ทั้งที่นี่

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 24 คนเดียวของเธอ

    “เหมียว...”ภาคินทร์คลานขึ้นไปบนเตียงพลางเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่ว สายตามองไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปที่ใบหน้าหวาน ถ้าเปรียบเธอเป็นอาหาร ตอนนี้คงเป็นเค้กครีมสีขาวนวลที่มีสตรอว์เบอร์รี่ออนท็อปอยู่ข้างบน“เด็กดีของเฮียน่ารักจัง”“พอแล้วค่ะ หนูอายไปหมดแล้วนะ”“อายอะไรครับ เดี๋ยวคืนแต่งงานก็ต้องทำอยู่ดี”จุ๊บริมฝีปากอุ่นฉกชิมความหวานไปอย่างไม่รู้จักอิ่ม แรงดูดดึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มือก็ปลดบราน้องออกแล้วโยนทิ้งเหมือนไม่ต้องการมันอีกต่อไป แต่แทนที่คนขี้อายอย่างมะเหมียวจะยอม เธอกลับสู้เขาคืนด้วยการค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้แล้วถอดมันออกเองกับมือเด็กมันสู้จริงๆไม่มีปราการใดกั้นระหว่างเราทั้งคู่อีกต่อไปแล้ว ภาคินทร์ทิ้งตัวลงกอดน้องแนบแน่น มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนขณะที่ตะโบมจูบจนอีกฝ่ายหายใจไม่ทัน ก่อนจะไล่มือลงมาที่บั้นท้ายเนียนแล้วบีบเคล้นเบาๆ แกล้งให้คนน้องตกใจเล่น“อื้อ”เสียงครางเล็กๆ ดังขึ้นพร้อมกับสะโพกที่ยกอย่างลืมตัว มือไม้น้องจิกเกร็งไปหมดไม่รู้ว่าจะเอาวางไว้ตรงไหน จะจับไหล่เขาก็ไม่กล้า ทำได้เพียงจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ถึงตอนนี้ภาคินทร์อยากกลืนน้องลงท้องให้รู้แล้วรู้รอ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status