แชร์

บทที่ 6 คิริน

ผู้เขียน: เดวิโอล่า
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-08 17:57:19

ในที่สุดเราก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง เฮียมารับมะเหมียวที่บ้านแต่ไม่ได้เจอแม่ เพราะเธอเลือกนัดเขาเวลาที่แม่ออกไปข้างนอกด้วยไม่อยากให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจมากกว่าเดิม แต่พอภาคินทร์ถามเธอก็บอกไปแค่ว่าแม่ไม่สบายเท่านั้นซึ่งเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

เฮ้อ...ทำไมชีวิตต้องยุ่งยากขนาดนี้ด้วย

แต่พอขึ้นมาบนรถ เธอคิดว่าตัวเองคงจะสบายใจกว่านี้เพราะเคลียร์เรื่องแต่งงานกับเขาไปได้แล้ว แต่มาลองคิดๆ ดู เรื่องนี้มันไม่เหมือนเธอเป็นคนปฏิเสธเขาเลยสักนิด

ในทางกลับกัน วันนั้นที่เธอบอกว่าจะไม่แต่งงานแล้วเขารีบตอบรับก็คงไม่อยากแต่งกับเธอเป็นทุนเดิม มันทำให้เธอคิดอยู่ทั้งคืนว่าหรือจริงๆ แล้วเขาอาจจะยังไม่ลืมเรื่องพวกนั้น เรื่องที่เธอเคยทำไม่ดีกับเขาเอาไว้เมื่อก่อน

จะว่าอายก็อาย จะว่ารู้สึกผิดก็รู้สึกผิด เธอยังไม่มีโอกาสได้ขอโทษเขาดีๆ ด้วยซ้ำ แม้แต่วันนั้นก็เกือบวางมวยกันไป

“เอ่อ...คือว่า”

มะเหมียวพูดทำลายความเงียบขึ้นมา ในขณะที่ภาคินทร์กำลังตั้งใจขับรถเลยไม่ได้หันมามองแต่ก็ส่งเสียงตอบกลับ

“อือ ว่าไง”

เขาดูสงบขึ้นมากจริงๆ ผิดไปจากเฮียคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เมื่อก่อนอย่าว่าแต่คุยกันดีๆ เจอหน้ากันเมื่อไรเขาเป็นต้องชักสีหน้าใส่จนเธอใจแป้วทุกครั้ง

“คือหนูแค่อยากขอโทษเรื่องเมื่อก่อนน่ะค่ะ”

นั่นเป็นสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจเธอมาตลอด นอกเหนือจากความอับอายก็ยังมีความรู้สึกผิดที่ตามติดเธอมาตลอด 10 ปี เธอเข้าไปเป็นตัวน่ารำคาญในชีวิตเขา ทำให้เขาเป็นตัวตลกของเพื่อน ทำให้เขาอึดอัดใจมาตั้งนาน แต่กลับไม่มีโอกาสได้ขอโทษเลยสักครั้ง

“เมื่อก่อนหนูทำอะไรไม่คิดพอมาคิดๆ ดูแล้วมันคงเป็นเรื่องที่ไม่น่ารักเท่าไร...”

“จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะ”

เขาตอบกลับมาเสียงเรียบทำให้คนที่กล่าวขอโทษหน้าเสียไปเล็กน้อย

“อ่า...ถ้าเฮียจำไม่ได้ก็ดีแล้วค่ะ” ดีกว่าเธอที่จำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี แล้วรู้สึกผิดมาจนทุกวันนี้

“ก็ไม่ใช่ว่าจำไม่ได้หรอกนะ แค่ไม่รู้สึกว่าควรเป็นเรื่องที่ต้องขอโทษ”

คำตอบของเขาทำให้มะเหมียวนิ่งไปเล็กน้อย แสดงว่าจริงๆ แล้วเขาก็จำได้ทุกอย่างแต่แค่ไม่ได้ใส่ใจมันก็เท่านั้น นั่นสินะ เขาเองก็โตขนาดนี้แล้ว เทียบกับเธอที่ยังเอาแต่รู้สึกผิดซ้ำๆ ไม่ยอมยกโทษให้ตัวเองสักทีมันคงเป็นแค่เรื่องไร้สาระมากสำหรับเขา

เอาเถอะ ยังไงก็ดีแล้วที่เขาไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร ยังไงซะหลังจากนี้เราก็ไม่ได้เจอกันแล้ว ขอจากกันด้วยดีดีกว่า

มะเหมียวมองออกไปนอกหน้าต่างมองวิวที่แปลกตาออกไปเรื่อยๆ เธอคงไม่ได้อยู่ไทยนานเกินไปเลยจำที่ทางไม่ค่อยได้ มีตึกใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด บางครั้งจะไปไหนยังต้องให้คะนิ้งเป็นคนพาไป

“เราจะไปไหนกันเหรอคะ?” เธอถามเขาขึ้นมาเพื่อไม่ให้บรรยากาศบนรถเงียบจนเกินไป

“ไปรับเด็กน่ะ”

เกือบลืมไปเลยว่ามีน้องคิรินอยู่ด้วย นี่เป็นเหตุผลหลักที่เธอปฏิเสธการแต่งงานกับเขา นี่แสดงว่าการมาหาเธอมันเบียดเบียนเวลาของเขาไปจากลูกอย่างนั้นใช่ไหม...

เธอก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่เริ่มจะพันกันเวลาที่ทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกสับสนแล่นเข้ามาในหัวจนทำให้เธอคิดอะไรไม่ออกอีกครั้ง

วันนั้นเธอเผลอรู้สึกดีกับเขาทั้งที่กำลังจะทำลายครอบครัวของคนอื่นได้ยังไงกันนะ...

มะเหมียวเงียบมาตลอดทางจนกระทั่งรถมาจอดเทียบฟุตบาทหน้าโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเขามากนัก เขาบอกให้เธอรออยู่ในรถก่อนจะวิ่งหายเข้าไปแล้วออกมาพร้อมคิริน

เจ้าเด็กจูงมือพ่อของเขาออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มสดใส ไม่รู้เลยว่ามีใครรออยู่บนรถ

สิ้นเสียงประตูรถที่ปิดลงหลังจากที่คิรินขึ้นมาแล้ว มะเหมียวได้หันหลังไปมองแล้วยิ้มน้อยๆ ให้เขา ทว่าทันทีที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองพี่สาวที่นั่งอยู่ตรงเบาะหน้า เขากลับยกมือขึ้นชี้มาหาเธอแล้วพูดเสียงดังลั่น

“คนนี้แหยะๆ”

คนนี้แหละ น่าจะหมายถึงอย่างนั้นละมั้ง ว่าแต่เขากับภาคินทร์คุยอะไรกันระหว่างเดินมาคิรินถึงได้พูดแบบนี้

ด้านภาคินทร์ที่เข้ารถตามมาติดๆ มองสองคนสลับกันแล้วเลิกคิ้วถาม

“คนนี้เหรอที่คิรินชน?”

อ่า...ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง คิรินคงจะเล่าให้เขาฟังว่าวันนั้นชนกับเธอที่หน้าร้านของคะนิ้ง ภาคินทร์หลังจากถามคิรินก็คลี่ยิ้มออกมาแล้วถามต่อ

“แล้วได้ขอโทษพี่คนสวยหรือยังครับ?”

“ครับ พี่คนฉวยใจดี” เด็กน้อยตอบเสียงเจื้อยแจ้ว

“งั้นดีเลย วันนี้เราจะพาพี่คนสวยไปหาย่าทวดกัน”

เดี๋ยวๆ อย่าบอกนะว่าเขาตั้งใจจะบอกเรื่องนี้ต่อหน้าลูก? ฮัลโหล ถึงมันจะเป็นการยกเลิกการแต่งงานก็เถอะ แต่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ คิรินตัวแค่นี้เองก็ต้องมารับรู้เรื่องวุ่นวายของผู้ใหญ่แล้วเหรอ

“เฮียคะ คือว่าเรื่องนั้น...”

“ครับ?”

“หนูว่า ถ้าเกิดคิรินไปด้วย เราไม่ต้องไปหาคุณย่าก็ได้นะคะ ไว้หนูค่อยเข้าไปคนเดียวก็ได้”

“ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ ไหนๆ คิรินก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว”

มะเหมียวกัดปากเล็กน้อย เธอมองหน้าคิรินที่ตอนนี้มองเธอพลางกะพริบตาปริบๆ ความน่ารักของเขาทำให้พี่สาวคนนี้ใจอ่อนยวบ แต่ก็ยังต้องทำใจพูดออกไปตามตรง

“คือว่า...หนูแค่ไม่อยากทำร้ายจิตใจเด็กน่ะค่ะ”

เขามองเธอกลับมาอย่างงงๆ แต่มะเหมียวไม่ได้รอให้เขาตอบก็พูดต่อเลยทันที

“หนูคิดว่า ต่อให้คนเราเลิกกันแล้วแต่ก็ยังเป็นพ่อแม่ของเด็ก เป็นเพื่อนกันได้ แต่ว่า...หนูคิดว่าคิรินเด็กเกินไปที่จะต้องมารับรู้อะไรแบบนี้ ถ้าเฮียคิดจะแต่งงาน ยังไงรอให้น้องโตกว่านี้ หรือเป็นผู้ใหญ่แล้วจะดีกว่านะคะ”

“มันสำคัญยังไง เฮียไม่เข้าใจ”

“เฮ้อ...”

ต้องให้เธอพูดจริงๆ เหรอ ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะตอบรับการคลุมถุงชนจากย่าตัวเองง่ายๆ ทั้งที่ตัวเองก็มีน้องคิรินอยู่แล้ว

เอาเถอะ ในเมื่อเขาอยากให้พูดเธอก็จะพูดออกไปตามตรง แต่ต้องไม่ใช่ที่ที่มีน้องอยู่ด้วยแบบนี้

“หนูขอเวลานอกสักสองสามนาทีได้ไหมคะ”

เราสองคนออกมาข้างนอกไม่ไกลจากรถมากนักโดยไม่ลืมสตาร์ทรถเปิดแอร์เอาไว้ให้คิรินด้วย

เรื่องที่เธอจะพูดเธอไม่อยากให้เด็กต้องมารับรู้ เพื่อเซฟจิตใจของเด็กไม่ให้เจ็บปวดมากไปกว่านี้ เพราะขนาดเธอที่บรรลุนิติภาวะแล้วยังมีช็อกเลยตอนที่รู้ว่าพ่อมีคนใหม่

“มีอะไรหรือเปล่า หน้าเครียดเชียว หรือว่ามีปัญหาอะไร?”

“จะว่ามีก็มีค่ะ” มะเหมียวสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดต่อ “เฮียรู้ไหมคะว่าจริงๆ แล้วหนูชอบเฮียมากๆ ชอบจนอยากจะตกลงตั้งแต่วันแรกที่แม่มาบอกเลยด้วยซ้ำ”

คนฟังสตั๊นไปเล็กน้อยที่ได้ยินอย่างนั้น เขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดตรงขนาดนี้แต่ก็ไม่กล้าพูดแทรกเพราะอยากฟังต่อ

“แต่หนูทำไม่ได้ค่ะ หนูเจอคิรินที่หน้าร้านคะนิ้งวันนั้นหนูเลยรู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ควร ต่อให้คนเราเลิกกันแล้วแต่ก็ยังเป็นพ่อแม่ของเด็ก น้องยังเล็กเกินกว่าจะมารับรู้ว่าพ่อมีผู้หญิงอีกคนเข้ามาแทนที่แม่ตัวเอง ในฐานะของคนที่เจอเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน มันเจ็บปวดมากนะคะ”

นี่คงเป็นวันที่เธอร่ายยาวที่สุดในชีวิต การพูดโดยไม่เว้นจังหวะหายใจทำให้มะเหมียวเริ่มเหนื่อย แล้วดูเขาสิ ไม่ได้มีท่าทีอะไรต่อคำพูดของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ซ้ำยังตอบกลับมาเสียงเรียบ

“หมายถึงว่า หนูเห็นว่าเฮียเป็นพ่อคิริน ก็เลยไม่อยากแต่งงานด้วย?”

“ค่ะ แล้วนอกจากไม่อยากแต่งงาน หนูก็ไม่อยากพูดเรื่องแต่งงานต่อหน้าน้อง ไม่อยากไปหาคุณย่าพร้อมน้องด้วย เอาเป็นว่าถ้าเฮียกลัวคุณย่าไม่เชื่อหรือไม่สบายใจ หนูจะไปคนเดียวตอนที่น้องไม่อยู่บ้าน โอเคไหมคะ?”

อีกคนเงียบไปครู่หนึ่ง เธอคิดว่าเขาจะตอบตกลงแต่เปล่าเลย ภาคินทร์เผยรอยยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบในทางตรงกันข้าม

“ไม่โอเค ไหนๆ มาแล้วก็เข้าไปพร้อมกันนี่แหละ”

“เดี๋ยวๆ นี่เฮียไม่ได้ฟังที่หนูพูดเลยใช่ไหม”

“ก็ฟัง”

“แล้วทำไมเรายังต้องเข้าไปพร้อมกันคะ”

“เอาไว้ไปถึงก็รู้เอง”

ได้เหรอ...แล้วที่เธอพูดไปทั้งหมดนี่สรุปเขาไม่ได้ตั้งใจฟังเลยใช่ไหม มะเหมียวกอดอกมองพลางถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด แต่เขากลับยิ้มอ่อนตอบกลับมาแล้วเดินนำหน้ากลับไปที่รถโดยไม่สนเลยว่าเธอจะไม่อยากเดินตามไปแค่ไหน

คนหน้ามึนเอ๊ย เดี๋ยวแม่ก็วิ่งหนีกลับบ้านซะเลยนี่ ฮึ่ย!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 7 คิยินมะมีพ่อ

    แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่ในที่สุดมะเหมียวก็ต้องขึ้นรถมากับเขาแต่โดยดี เธอนั่งหน้าหงิกมาตลอดทางไม่พูดไม่จา ในขณะที่คิรินเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องนั่นนี่ไปตามประสาเด็ก“เมื่อกี้นะคิยินชนพี่คนฉวยแล้วก็ล้มเจ็บมากเยย แต่ปะป๊าบอกว่าเป็นผู้ชายห้ามย้องไห้ คิยินก็เลยไม่ย้องเยยคับ”“ดีแล้วที่ไม่ร้องไห้ ลูกผู้ชายนี่เนอะ”“ช่ายๆ แล้วพี่คนฉวยล่ะคับ ย้องไห้ไหม?”คำถามถูกยิงใส่คนที่นั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้ มะเหมียวทำตัวไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงกับสถานการณ์นี้ดี เด็กคนนี้ดูชอบเธอมากๆ ถึงขั้นชวนคุยทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เธอยังคงเข้าใจว่าภาคินทร์คือพ่อของคิรินเลยกระดากปากนิดหน่อยที่จะเล่นกับเขาอย่างสนิทสนม“อ่า...ไม่ร้องค่ะ พี่โตแล้ว”“อันที่จริงจะเรียกว่าพี่คนสวยก็ไม่ได้เนอะ ต้องเรียกว่า ป้า มากกว่า”คำว่า ป้า ที่ภาคินทร์พูดออกมาทำให้เธอหันไปมองค้อนใส่เขาทันที“หนูอายุมากกว่าเด็กคนนี้แค่ไม่กี่ปี แล้วก็อายุน้อยกว่าเฮียด้วย จะเป็นป้าได้ไงคะ ปากไม่ดี”“ก็จะแต่งงานกับเฮียไม่ใช่หรือไง ถ้าแต่งงานกันก็จะเป็นพี่สะใภ้ของพ่อคิริน เรียกป้าก็ถูกแล้ว”“แต่งงานอะไร หนูไม่ได้บอกว่าจะตกลงซะหน่อย!” มะเหมียวเถียงกลับเส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 8 อีกมุมหนึ่ง

    รู้ตัวอีกทีก็ตอบรับการหมั้นมาอย่างงงๆ มะเหมียวแชทไปเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนยังไม่เชื่อเลย ก็แหงล่ะ เมื่อก่อนเฮียรังเกียจเธออย่างกับอะไรดี อย่าว่าแต่เรื่องแต่งงาน แค่มองหน้าเขายังไม่อยากมองด้วยซ้ำKanink : แกแน่ใจนะว่าเขาพูดแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้หลอกให้แกดีใจเก้อแล้วมาหักอกทีหลังอะข้อความที่คะนิ้งพิมพ์มาติดอยู่ในใจมะเหมียวมาสองชั่วโมงกว่าแล้ว อันที่จริงเธอก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับเพื่อน เมื่อก่อนเขาไม่ใช่แบบนี้เลยสักนิด ทั้งเย็นชา ปากร้าย แล้วก็เมินเฉยกับการที่เพื่อนเขาล้อเลียนเธออยู่บ่อยๆแล้วแค่นั้นไม่พอ อยู่ๆ เขาจะให้เธอไปเป็นเลขาเขา เลขาเนี่ยนะ? เธอไม่ได้เรียนด้านนั้นมาสักหน่อยจะให้เธอไปเป็นทำไม เธอลองหาข้อมูลเลขาคนปัจจุบันของเขาแล้วพบว่าเธอคือ แพทตี้ พัทจิรา คนที่ได้รับคำชมออกสื่อบ่อยๆ ว่าเป็นเลขาตัวอย่าง ออกงานกับเจ้านายไม่เคยตายไมค์ตายกล้อง เนี้ยบนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เคยหลุดเลยสักครั้ง เทียบกับเธอที่ออกจากบ้านหวีผมยังขี้เกียจ จะเอาอะไรไปทำงานแทนได้แต่ตอนนี้จะโทรหาเพื่อนไปปรึกษาก็ไม่ได้เพราะมือถือเสียไปตั้งแต่วันนั้นยังไม่มีโอกาสไปซื้อใหม่ ทำได้แค่ส่งข้อความไปหาซึ่งส่งไปทีกว่าเพื่อนจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 9 ขอจีบ

    โรลส์-รอยซ์คันหรูพาเธอมายังห้างปลายทางที่เธอตั้งใจมาเก็บโปรเจกต์อย่างที่บอกเขาเอาไว้ วันนี้เป็นวันที่สามของการเริ่มโปรเจกต์ซึ่งจากสถิติแล้วน้องๆ มักจะมากันวันนี้มากที่สุด ในตารางงานเองก็ว่างวันนี้ด้วยจึงมีโอกาสสูงมากที่จะได้เจอ เพียงแต่เวลาจะตรงกันไหมก็เท่านั้น“ขากลับแวะซื้อของฝากให้แม่เราด้วยดีไหม”ระหว่างที่เดินออกจากลานจอดรถภาคินทร์ก็ชวนคุยไม่หยุด มะเหมียวแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของเขา เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยพูดเท่าไร ติดขี้เกียจเลยด้วยซ้ำ เทียบกับคามินทร์และนาวินทร์ น้องชายฝาแฝดของเขาทั้งสองคนแล้วสองคนนั้นยังพูดมากกว่าอ้อ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือขี้เกียจแค่กับเธอ แต่กับคนอื่นก็ปกติแต่วันนี้เขากลับดูช่างพูดผิดปกติ แปลกจนไม่น่าไว้ใจ“ก็แล้วแต่เฮียเลยค่ะ”“แล้วนี่หนูอยากไปไหนไหม กินข้าวก่อนหรือไปซื้อมือถือเลยดี”สรรพนามที่ไม่คุ้นเคยทำให้เท้าที่กำลังก้าวตามเขาหยุดชะงัก ส่วนเขาพอเห็นว่าเธอไม่เดินตามก็หันมาเลิกคิ้วถามอย่างงงๆ“มีอะไรหรือเปล่า?”“เฮีย...ไม่ได้สมองเสื่อม หรือว่าโดนอะไรกระแทกหัวมาใช่ไหมคะ”พูดพร้อมใช้สายตาสำรวจเขาไปด้วย ตั้งแต่วันที่เจอกันวันแรกแล้วรู้สึกว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 10 ทำคะแนน

    เหอะ ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรพวกนี้เขาเดินตามน้องเข้าร้านนั้นออกร้านนี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ มองมะเหมียวที่ยิ้มร่าตอนเข้าไปในคาเฟ่ที่มีหน้าเด็กในสังกัดเขาเต็มไปหมด ความสดใสของเธอแทบจะทำให้สีสันในร้านไม่มีความหมายเธอสดใสได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดมองเธอมาก่อน ไม่ว่าเจอหน้ากันเมื่อไรเป็นอันต้องหงุดหงิดใส่กันทุกครั้ง แต่เวลาผ่านไปเขาก็เริ่มตกผลึกได้ สิ่งที่ทำเอาไว้เมื่อก่อนกับน้องมันก็เกินไปหน่อยจริงๆเขาแค่...อยากชดเชยในสิ่งที่ตัวเองเคยทำ เขาไม่ได้มีความคิดที่จะล้มเลิกการแต่งงานในครั้งนี้อยู่แล้ว น้องเองก็เคยชอบเขามากๆ มาก่อน อยากให้ความทรงจำไม่ดีพวกนั้นเป็นแค่เรื่องในอดีตแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ อย่างน้อยๆ ได้ขอโทษ ได้ทำอะไรเป็นการชดใช้กับความนิสัยไม่ดีของตัวเองบ้างก็ยังดีแต่ถามว่าเขาชอบน้องไหม...ตอนนี้มันก็คงตอบยาก เพราะเราเพิ่งจะกลับมาเจอกันได้ไม่กี่วัน“สวัสดีค่า รับอะไรดีคะ?”คาเฟ่แรกที่น้องพาเขามาเป็นธีมไดโนเสาร์ที่ดุร้ายที่สุดในภาพจำของคนอย่างไทแรนโนซอรัส มีทั้งภาพการ์ตูนหลากหลายสไตล์จากฝีมือแฟนคลับวาดให้ศิลปิน แล้วก็ภาพของทีเร็กซ์ เด็กในสังกัดเขาเองแปะอยู่ทั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 11 ก็แค่...รู้สึกผิด

    มีแมวโมโหเรื่องในคาเฟ่วีนเขาจนหูชาไปหมด คนพี่ไม่ได้เถียงอะไรกลับปล่อยน้องบ่นไปตลอดทางจนสุดท้ายก็พอจับคำพูดได้ว่า ที่วีนเพราะเขิน เขินทั้งเขา เขินทั้งน้อง แล้วตรงนั้นก็คนเยอะเกินไป พูดจบก็มุดหน้าลงไปแต่งรูปที่เขาถ่ายให้แล้วชมว่าสวยฝีมือดีอย่างนั้นอย่างนี้ก็แน่ล่ะ เห็นอย่างนี้เขาก็เรียนเรื่องการถ่ายรูปมาบ้าง แม้แต่ถ่ายรูปเล่นๆ กับเพื่อนหรือเซลฟี่มือของภาคินทร์ก็ไม่เคยพลาด ถ่ายมา 100 รูปอย่างน้อยรูปดีๆ ต้องมี 99หลังจากส่งน้องกลับบ้านเขาก็ไม่ลืมถามเรื่องไปทำงานตามที่ได้คุยกับคุณย่าเอาไว้ เขาไม่ได้บังคับให้น้องมาทำแต่ถามความคิดเห็นของน้องมาแล้วเรียบร้อย ในเมื่อน้องยังไม่ได้มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ช่วงนี้เขาก็ต้องการคนมาช่วยกรภัทร เลขาชั่วคราวของเขาที่กำลังรับหน้าที่แทนแพทตี้อยู่ด้วย น้องเลยตกลงเพราะเห็นว่างานไม่ได้สำคัญถึงขั้นจะทำบริษัทเขาล่มได้หลักๆ ก็แค่กลัวทำงานพลาดแล้วโดนดุ แต่ถามว่าใครจะกล้าดุ เด็กเส้นของท่านประธานใหญ่อย่างคุณหญิงรฐาทั้งคนส่งน้องเสร็จแล้วแทนที่เขาจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนหรือเข้าฟิตเนสเหมือนทุกที กลับได้รับสายจากดีเทลเพื่อนรักเรียกให้ออกมาดื่มกันสักวัน ใจอยากปฏิเสธแต่ก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 12 ลัคกี้แฟน

    ไม่ชินนิดหน่อยที่อยู่ๆ เฮียก็มาทำดีใส่ เขาไม่ได้เป็นบ้าไปจริงๆ แล้วหรอกใช่ไหม แต่ตั้งแต่วันนั้นเธอกับเขาก็แทบไม่ได้คุยกันอีก มีนิดหน่อยที่ส่งรายละเอียดงานและวันเวลาเริ่มงานมาให้ในเมล ซึ่งก็มีแค่นั้นจริงๆแบบนี้เขาเรียกจีบแบบใดวะ?มะเหมียวเดินลงมาที่ชั้นล่างกะว่าจะมาหาอะไรกินรองท้องสักหน่อย แต่สิ่งที่เจอกลับเป็นพ่อที่เดินเข้ามาในบ้านพอดีพ่อ...ที่เธอแทบไม่ได้เจอหน้าเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง มะเหมียวหน้าตึงขึ้นมาในทันที เธอเดินลงไปเผชิญหน้าพ่อก่อนจะพูดออกมาเสียงแข็ง“มาทำไมคะ?”ที่นี่ไม่ต้อนรับเขาตั้งแต่วันที่เขาเลือกผู้หญิงคนนั้นแล้ว สำหรับมัดหมี่ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรอาจจะทำใจเรียกเขาว่าพ่อได้ แต่มะเหมียวเห็นทุกอย่าง ภาพที่เขาทิ้งครอบครัวไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งแม่ ทิ้งลูก ทิ้งทุกอย่างแล้วเอาบริษัทของตาเธอไปบริหารกับเมียใหม่ตอนนั้นเธอยังเด็ก ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงไม่ฟ้องเอาบริษัทกลับมา แต่พอได้เห็นข่าวหลายๆ ข่าวที่ออกมาว่าบริษัทใกล้เจ๊งก็เริ่มเข้าใจแล้วบางทีแม่อาจจะคิดมาดีแล้วก็ได้“วันนี้จะไปไหนเหรอลูก” วัชระผู้เป็นพ่อทักด้วยรอยยิ้ม ซึ่งก็ได้รอยยิ้มจากลูกสาวตอบกลับแต่เป็นรอยยิ้มเหยียดด้วยคว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 13 ก็แค่เกม?

    “น้องเหมียวค่า”เสียงพิธีกรเรียกชื่อเธอดังลั่น วินาทีนั้นมะเหมียวรู้สึกหูอื้อไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง รู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงขึ้นไปในที่สูงมากๆ แล้วก็กระชากลงมาเหมือนรถไฟเหาะ รู้ตัวอีกทีคะนิ้งก็ส่งมือมาสะกิดยิกๆ ให้เธอรีบลุกเข้าไปในห้องส่งเพื่อร่วมกิจกรรมมะเหมียวหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วย่นคิ้วด้วยความกังวล ถามว่าดีใจไหมที่ตัวเองถูกเลือกให้เล่นเกมกับลูกก็ดีใจ แต่ต้องไม่ใช่อยู่ทีมเดียวกับเฮียสิเธอวางกระเป๋าของตัวเองเอาไว้ที่ตักของคะนิ้งก่อนจะเดินเข้าห้องส่งเป็นคนสุดท้ายด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม เจ้าของมือที่จับได้ชื่อเธอแอบอมยิ้มน้อยๆ ในขณะที่ทีเร็กซ์กับนัททิวมองหน้าเธอแล้วพากันเลิ่กลั่กก็แหงล่ะ วันก่อนเขาเพิ่งแนะนำตัวกับเด็กๆ ไปเลยว่าเธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขา แล้วจะให้เธอมองหน้าพวกเขายังไงเกมที่ทั้งแปดคนจะต้องเล่นนั่นก็คือเกมปิดตาหาตัว ซึ่งแต่ละคนจะต้องจับคู่กันแล้วชี้ตำแหน่งคู่ตัวเองให้ถูก เธอเคยเห็นน้องๆ เล่นในรายการอื่นมาบ้างแล้วเลยไม่ได้ตั้งใจฟังกติกาอะไรมาก สายตาเอาแต่มองไปยังภาคินทร์ที่กำลังตั้งใจฟังอย่างเอาจริงเอาจังจะว่าไปเธอไม่เคยเห็นเขาในพาร์ทการทำงานมาก่อนเลย เพิ่งจะมีครั้งน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 14 เลขาคนใหม่

    เช้านี้มีแต่เพลงนี้ลอยเข้ามาในหัว ฉันมาทำอะไรที่นี่~มะเหมียวยืนอยู่ในห้องทำงานของภาคินทร์ด้วยอาการประหม่าเล็กๆ ที่นี่เป็นบริษัทที่ใหญ่กว่าตอนเธอฝึกงานที่ญี่ปุ่นมากนัก ตอนนั้นเป็นแค่เด็กในตำแหน่งทั่วไปคอยวิ่งช่วยงานตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้จนหัวหมุนไปหมด แต่วันนี้เธอกำลังจะเป็นเลขาของประธานบริษัทอันเป็นเหมือนหัวเรือใหญ่ขององค์กรที่เมนของเธอสังกัดอยู่ บนโลกใบนี้จะมีติ่งที่มีชีวิตคอมพลีตแบบนี้สักกี่คนแต่ถึงได้มาอยู่ข้างท่านประธานมะเหมียวเองก็ไม่ได้คิดใช้หน้าที่ในทางที่ไม่ชอบ เธอคิดมาทั้งคืนว่าถ้าเกิดเจอน้องๆ จะทำยังไงดี ต้องวางตัวยังไงต้องทักทายแบบไหน คิดมากจนนอนไม่หลับกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปตีห้ากว่าๆ แล้วรู้ตัวอีกทีก็เช้า ได้แต่มายืนหาวหวอดๆ อยู่ตรงหน้าท่านประธานและเลขาของเขาทั้งสองคน“สวัสดีค่ะน้องเหมียว พี่ชื่อว่าแพทตี้นะคะ เป็นเลขาคนปัจจุบันของท่านประธานภาคินทร์ เรียกพี่แพทก็ได้ค่ะ” เลขาสาวท้องโตแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงฉะฉานน่าฟัง เธอยิ้มกว้างต้อนรับว่าที่คู่หมั้นอย่างไม่เป็นทางการของท่านประธานด้วยความยินดีก็จะไม่ให้ยินดีได้ยังไง ที่ผ่านมาเธอพยายามจะขอท่านประธานลาออกเพื่อไปเป็นแม่บ้านเต็มต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08

บทล่าสุด

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   ตอนจบ ท้ายที่สุดแล้ว

    ใครๆ ต่างก็บอกว่า เธอช่างโชคดีจังเลย เกิดมาไม่มีอะไรสักอย่าง ครอบครัวก็กลางๆ หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย ขนาดถึงขั้นล้มละลายก็ยังมีครอบครัวว่าที่สามีเอ็นดูซัพพอร์ตเสมอ ล้มแต่ละครั้งเหมือนล้มลงบนฟูก จนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างแต่ก็ได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงนอยจนซึมไปหลายวัน แต่พอเล่าให้ภาคินทร์ฟัง เขาก็บอกว่าทำไมต้องสน คนพวกนั้นมีดีแค่พูดเรื่องคนอื่นไปวันๆ ไม่เห็นว่าชีวิตพวกเขาจะดีกว่าเราตรงไหน ครอบครัวล้มละลายแล้วยังไง ต้องพึ่งพาครอบครัวสามีแล้วยังไง การมีคนที่พร้อมหนุนหลังเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังไงก็ดีกว่าตัวคนเดียวไม่ใช่หรือไงเพราะอย่างนั้น...เธอจึงปล่อยวางทุกอย่าง ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วเข้าพิธีแต่งงานโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปต่อหน้าผู้คนมากมายที่มาร่วมยินดีในวันแห่งความสุขของหลานชายคนโตตระกูลคัลเลน ต่อหน้าเพลงบรรเลงที่ดังคลออยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อหน้าดอกไม้ ผ้าประดับ เธอยังคงสั่นด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าทุกก้าวบนพรมสีขาวที่นำไปสู่แท่นพิธี คือจุดจบของความวุ่นวายทั้งหมดที่ชีวิตได้เจอมาชีวิตที่ตกหลุมรัก

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 31 จุดจบของคนหักหลัง

    “ปล่อยกู กูบอกว่าให้ปล่อยกู!!”วัชระถูกจับกุมตัวในที่สุด เขาถูกตั้งข้อหาหนักทั้งทำร้ายร่างกาย ฉ้อโกง รวมไปถึงพยายามฆ่า ภาคินทร์ทำทุกอย่างแม้แต่การใช้อำนาจในทางมิชอบ ทำให้เขาไม่ได้รับการประกันตัว แต่คนอย่างวัชระมีหรือจะยอม ทุกครั้งที่มีคนเข้าเยี่ยมเขามักจะโวยวายขอประกันตัวสู้คดี แต่คงไม่คิดว่าทุกครั้งจะเป็นภาคินทร์ที่เข้ามาเขาไม่ยอมให้มะเหมียวหรือใครได้เจอผู้ชายคนนี้อย่างเด็ดขาด เรื่องบางเรื่อง คนของเขาช้ำใจแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว อย่ามาเสียใจกับอะไรเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกเลย อีกอย่างงานแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว เขาไม่อยากให้มีอะไรมากระทบทั้งนั้นแต่เห็นคนในชุดนักโทษแล้วก็อดเวทนาไม่ได้ คนพวกนี้ทรยศครอบครัว หักหลังโดยคิดถึงแค่ผลประโยชน์ แค่ความพึงพอใจของตัวเอง สมควรแล้วที่จะต้องทรมานไปตลอดชีวิต“กูบอกว่าให้ปล่อยกูไง ไปเรียกทนายมาเดี๋ยวนี้ แล้วนี่ลูกเมียกูอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมเลย โธ่เว้ย!!!”วัชระทุบกระจกหนาตรงหน้าด้วยความหัวเสีย ระหว่างภาคินทร์และเขานอกจากกระจกหนาที่กั้นเอาไว้ยังมีตาข่ายเหล็กอีกชั้น ทั้งคนในห้องขังยังมีกุญแจมือสวมอยู่อีก อิสระที่หายไปในชั่วพริบตาเพียงเพราะความขาดการ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 30 ไม่มีวัน

    “กรี๊— อุ๊บ!”มะเหมียวเผลอหลุดกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ในจังหวะที่เธอหันมาแล้วเจอว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลังโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไร ทว่าเพียงแค่อ้าปากยังไม่ทันได้ส่งเสียง กลับถูกมือเย็นๆ อุดปากเอาไว้ก่อน“ชู่ว อย่าเสียงดัง นี่โรงพยาบาลนะ”คนตรงหน้ายกมือขึ้นแตะปากตัวเองพลางบอกให้เธอเงียบ ดวงตาที่เบิกโพลงเริ่มมีน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงนี้คือใครไอ้เฮียบ้า เขานี่เอง“ฮึก...” คนที่ทั้งกลัวทั้งตกใจเริ่มสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลลงมาเป็นทางโดนใส่มือภาคินทร์ที่ปิดปากของเธออยู่ เขาตกใจรีบปล่อยเธอให้เป็นอิสระก่อนจะถามเสียงตื่น“เป็นอะไรครับ เฮียขอโทษที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ตกใจมากไหมมาโอ๋ๆ นะ”เขารั้งคนตัวเล็กเข้ามากอดจนทั้งตัวจมอก เสียงสะอื้นไม่มีท่าทีสงบลงง่ายๆ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยกมือขึ้นลูบหัวคนน้องเบาๆ แล้วพูดปลอบใจเท่านั้น“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว”“ฮึก...ฮือ...”ตกใจเรื่องที่เขาเล่นอะไรไม่รู้เรื่องก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิมคงไม่พ้นเรื่องที่คิดอยู่ก่อนหน้านี้ มันอึดอัดมากจริงๆ ยากจะหาที่ระบายในยามที่ทุกคนต่างก็กำลังเครียด ทำได้แค่ร้องไห

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 29 ทำไมต้องทำขนาดนี้

    เมื่อวานเกิดเรื่องที่บริษัทนิดหน่อย เขาไม่คิดว่าจู่ๆ คนที่ไม่ควรจะอยู่ที่นั่นมากที่สุดกลับไปโผล่ที่บริษัทหน้าตาเฉยวัชระ พ่อของมะเหมียวเขาเป็นประธานบริษัทเล็กๆ ที่ทำด้านส่งออกบรรจุภัณฑ์พลาสติก เมื่อก่อนคุณย่าของเขาก็เคยร่วมหุ้นด้วยแต่พอเพื่อนรักอย่างคุณยายของมะเหมียวเสียท่านก็ขายหุ้นทิ้งและไม่ได้สนใจบริษัทนั้นอีก ภาคินทร์เพิ่งจะได้ข่าวว่าบริษัทขาดทุนหนักและกำลังจะล้มละลายแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้“คือว่า...อา...แค่เห็นว่าเราสองครอบครัวกำลังจะเกี่ยวดองกัน”ร้อยวันพันปีคนอย่างวัชระไม่เคยคิดเข้ามาข้องเกี่ยวกับตระกูลคัลเลน อย่าว่าแต่เรื่องเกี่ยวดองกัน แม้แต่ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดที่ทางนี้ต้องเผชิญข่าวเสียหายก็ไม่เคยเห็นหัว มีแค่วันนั้นที่คุณย่าเชิญเขามาร่วมงานในฐานะแขกเลยได้พบกันมันทำให้เขารู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ควรทำอย่างนั้นเลย คนพรรค์นี้ให้เกียรติไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิต ทั้งยังหาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้“คุณอามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”คุยนานไปก็มีแต่จะเสียเวลา เขารีบตรงเข้าประเด็นพร้อมทั้งหยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปพลาง เขาไม่ได้กำลังทำตัวเสียมารยาทแต่กำลังหาข่าวของบริษัทนั

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 28 โดนจับได้

    ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้...วัชระนั่งทำแผลอยู่ในบ้านตัวเองด้วยความเจ็บใจ นึกถึงเรื่องที่บ้านหลังนั้นแล้วก็ได้แต่กัดฟันกรอด สองแม่ลูกนั่นมันกล้าดียังไงถึงทำกับเขาแบบนี้ ที่ผ่านมาลูกสาวของเขาเป็นเด็กดี ว่าง่าย ไม่เคยเถียงพ่อแม้สักคำเดียว ทั้งหมดนี่ต้องเป็นความผิดของแม่มันอย่างไม่ต้องสงสัย“แล้วเรื่องที่ให้ไปคุยเป็นยังไงบ้างคะ เนี่ย ถ้าเราไม่หาเงินไปจ่ายค่าปรับในเดือนหน้าเราจะล้มละลายกันจริงแล้วนะคะ”กานพลู ภรรยาใหม่ของวัชระว่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด หลังช่วยกันประคับประคองบริษัทมาหลายปีแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ติดหนี้หัวโตกำลังถูกฟ้องล้มละลาย โชคยังดีที่มีเงินสดติดตัวอยู่บ้างให้พอได้ซื้อข้าวกินไปวันๆ แต่เรื่องหนี้สินก็เป็นเรื่องที่เจ้าหล่อนคิดไม่ตกคิดแล้วก็อยากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ตอนนั้นไม่น่าเห็นแก่เงินเป็นชู้กับผัวชาวบ้านจนมีลูกด้วยกัน วัชระในตอนนั้นทั้งหล่อทั้งรวย เป็นลูกเขยของตระกูลที่มีทรัพย์สินกว่าห้าร้อยล้าน ซ้ำตอนที่เผลอใจมีอะไรกันหลายครั้งจนตั้งท้อง เขายังบอกให้หล่อนเก็บเรื่องลูกไว้เป็นความลับ จะเลี้ยงดูปูเสื่อสองแม่ลูกอย่างดีไม่ให้ลำบากเรื่องมาโป๊ะแตกตอนที่ลูกสาวคนเล็กของเขาอ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 27 แค่บางที...

    พ่อออกไปแล้ว ทิ้งความเงียบหลังความวุ่นวายเอาไว้ที่เบื้องหลัง ยอมรับว่าเรื่องเมื่อกี้เธอตกใจมากๆ จนแทบสติแตก แต่พอเห็นว่าแม่ที่จิตใจไม่ปกติพยายามอย่างมากที่จะเข้มแข็งเพื่อต่อต้านพ่อเป็นครั้งแรก ลูกสาวอย่างเธอจึงต้องพยายามฮึบเพื่อไม่ให้แม่ต้องดิ่งมากไปกว่านี้เธอพาแม่ขึ้นมาบนห้องแล้ววานแม่บ้านมาทำความสะอาดเศษแก้วให้ ก่อนจะส่งแม่เข้านอนโดยไม่พูดหรือไม่ถามอะไรแม่สักคำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระหว่างเราสองแม่ลูกจะไม่มีอะไรค้างคาอยู่ในใจ“เหมียวลูก...”ก่อนจะล้มตัวลงนอนเป็นแม่ที่พูดขึ้นมาก่อน ฝ่ามือสั่นเทายกขึ้นมาลูบกรอบหน้าลูกสาวอย่างแผ่วเบา มองรอยตบที่ตอนนี้เริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แต่ก็รับรู้ได้ว่าลูกคงเจ็บอยู่บ้าง“หนูเจ็บไหม แม่ขอโทษนะที่ปล่อยให้มันมาทำร้ายลูก”“ไม่เจ็บค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ สมัยเรียนหนูก็ตบกับเพื่อนบ่อยจะตาย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่แรงตบเมื่อกี้ก็เริ่มทำพิษแล้วเช่นกัน เธอไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจมากไปกว่านี้ เรื่องแค่นี้เธอทนได้สบายมากอยู่แล้ว“แม่นอนพักนะคะ เรื่องวันนี้แม่ลืมมันไปซะ อย่าเก็บมาคิดอีก”“เหมียว แม่ถามจริงๆ นะลูก ถ้าเกิดว่าเฮียรู้เรื่องบ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 26 บางอย่างกำลังเกิดขึ้น

    มะเหมียวนั่งเล่นอยู่ที่โรงพยาบาลจนหมดเวลาเยี่ยม เธอดูนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้วแต่ยังไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าจากคู่หมั้น ข้อความที่ส่งไปก็ยังไม่ได้รับการอ่านสงสัยว่าจะยุ่งมากแน่ เลยเลือกเรียกแกร๊บกลับบ้านเองโดยไม่บอกเขาก็จะให้บอกได้ยังไง เขาชอบทำเหมือนเธอเป็นเด็กเดินทางเองไม่เป็นอยู่เรื่อย โอเคเธออาจจะขับรถเองไม่เป็น ประสบการณ์อยู่ไทยก็น้อยเลยเดินทางไม่คล่อง แต่เรื่องเรียกรถกับความปลอดภัยบนรถโดยสารสาธารณะเธอเองก็ดูแลตัวเองเก่งไม่แพ้ใครหรอกแต่พอกลับมาถึงบ้าน ไฟที่เปิดสว่างอยู่ที่ชั้นล่างทำให้มะเหมียวแปลกใจเล็กน้อย ปกติเวลานี้ป้าดาน่าจะให้แม่กินยาหลับไปแล้ว แล้วทำไมยังมีไฟเปิดอยู่อีก“แม่ยังไม่นอนอีกเหรอ...คะ”ทว่าคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นกลับไม่ใช่แม่ ชายวัยกลางคนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับกำลังเฝ้ารอบางอย่างความทรงจำในวันที่เธอกลับมาจากญี่ปุ่นหลังรู้เรื่องของพ่อกับแม่วนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง วันนั้นแม่อ้อนวอนเขาแทบตาย ร้องไห้แทบขาดใจขอร้องเขาว่าอย่าไป แต่สิ่งที่เขาทำคือสลัดแม่ทิ้งแล้วขึ้นรถไปกับผู้หญิงคนใหม่แล้วก็ลูกที่อายุน้อยกว่าเธอแ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 25 สงบสุขวันสุดท้าย

    เฮียบ้า คนขี้แกล้ง!เช้านี้มะเหมียวแทบจะลุกไม่ขึ้น ปวดไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวเพราะถูกรังแกอยู่ค่อนคืน เฮียไม่เห็นเคยบอกเลยว่ามันจะร้าวไปทั้งตัวแบบนี้ เมื่อคืนเธอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือตื่นมาอยู่ในชุดนอนตัวโคร่งของเฮียโดยไม่มีเสื้อผ้าชิ้นอื่นประดับตัวอยู่เลยอ้ากกก ทำบ้าอะไรลงไปดีที่ตื่นมาแล้วเขาไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเอาหน้ามุดดินหนีเป็นตัวตุ่นแน่ๆแกร๊กยังไม่ทันจบความคิดด้วยซ้ำประตูก็ถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก เจ้าของเสื้อที่เธอสวมอยู่นี้โผล่หน้าเข้ามาแล้วชูถุงโจ๊กในมือพร้อมยิ้มแป้น“ตื่นแล้วเหรอ มากินข้าวสิ เฮียไปซื้อข้าวมาให้”ไปซื้อข้าวมาให้? มายก้อด พฤติกรรมจะแฟนเกินไปแล้ว เราเพิ่งจะตอบตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวาน มาวันนี้เขาก็เซอร์วิสเธอขนาดนี้เลยเหรอ เตรียมใจไม่ทัน ตัวนี่ไม่ต้องพูดถึง เตรียมไม่ทันเหมือนกันค่ะ!มะเหมียวเลิ่กลั่กอยู่ในห้องพักใหญ่ๆ เดินวนไปมาก็เจอร่องรอยอารยธรรมที่เราทำกันเมื่อคืน ทั้งเศษซองถุงยางชิ้นเล็กๆ ที่ยังเก็บทิ้งไม่หมด แล้วไหนจะผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่จนหลุดทั้งสี่มุม น่าแปลกใจนิดหน่อยที่ไม่ได้มีรอยเลือดเหมือนอย่างที่เคยดูในละคร ทั้งที่นี่

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 24 คนเดียวของเธอ

    “เหมียว...”ภาคินทร์คลานขึ้นไปบนเตียงพลางเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่ว สายตามองไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปที่ใบหน้าหวาน ถ้าเปรียบเธอเป็นอาหาร ตอนนี้คงเป็นเค้กครีมสีขาวนวลที่มีสตรอว์เบอร์รี่ออนท็อปอยู่ข้างบน“เด็กดีของเฮียน่ารักจัง”“พอแล้วค่ะ หนูอายไปหมดแล้วนะ”“อายอะไรครับ เดี๋ยวคืนแต่งงานก็ต้องทำอยู่ดี”จุ๊บริมฝีปากอุ่นฉกชิมความหวานไปอย่างไม่รู้จักอิ่ม แรงดูดดึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มือก็ปลดบราน้องออกแล้วโยนทิ้งเหมือนไม่ต้องการมันอีกต่อไป แต่แทนที่คนขี้อายอย่างมะเหมียวจะยอม เธอกลับสู้เขาคืนด้วยการค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้แล้วถอดมันออกเองกับมือเด็กมันสู้จริงๆไม่มีปราการใดกั้นระหว่างเราทั้งคู่อีกต่อไปแล้ว ภาคินทร์ทิ้งตัวลงกอดน้องแนบแน่น มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนขณะที่ตะโบมจูบจนอีกฝ่ายหายใจไม่ทัน ก่อนจะไล่มือลงมาที่บั้นท้ายเนียนแล้วบีบเคล้นเบาๆ แกล้งให้คนน้องตกใจเล่น“อื้อ”เสียงครางเล็กๆ ดังขึ้นพร้อมกับสะโพกที่ยกอย่างลืมตัว มือไม้น้องจิกเกร็งไปหมดไม่รู้ว่าจะเอาวางไว้ตรงไหน จะจับไหล่เขาก็ไม่กล้า ทำได้เพียงจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ถึงตอนนี้ภาคินทร์อยากกลืนน้องลงท้องให้รู้แล้วรู้รอ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status