แชร์

บทที่ 4 ปฏิเสธ

ผู้เขียน: เดวิโอล่า
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-04 13:38:01

พยายามแล้วนะ พยายามที่จะลืมเรื่องของเด็กคนนั้นแล้วหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อไปดูตัวให้จบๆ ไป แต่พอมานั่งอยู่ในรถ มองวิวรอบข้างที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเส้นทาง หัวใจที่ว้าวุ่นก็ทำให้มะเหมียวแทบจะไม่อยากไปแล้ว

หรือว่าจะโทร.ไปยกเลิกเลยดี เธอควรจะไปเจอเขาจริงๆ ไหม เกิดว่าไปเจอแล้วถูกเขาปฏิเสธอีกรอบมันจะเป็นอะไรที่กระอักกระอ่วนเกินไปหรือเปล่า

เฮ้อ...มีแต่เรื่องให้คิดมากเกินไปหมด

“ฉันส่งแค่นี้นะ ระหว่างนี้ก็ถ่ายรูปรายงานด้วย โอเคไหม?”

รู้ตัวอีกทีรถก็มาจอดที่ริมฟุตบาทหน้าคาเฟ่น่ารักๆ ร้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านของคะนิ้งมากนัด แต่แทนที่มะเหมียวจะรีบลงจากรถ กลับเอาแต่นั่งนิ่งจนเพื่อนอดถามไม่ได้

“มีอะไรไหมวะ”

“มี...แก ฉันไม่อยากไปแล้วอะ โทรไปบอกเขาว่าไม่ว่างแล้วดีไหม”

ทั้งที่เตรียมตัวมาถึงขนาดนี้แต่กลับมาป๊อดเอาหน้างานเสียได้ ทำไงได้ก็เธอไม่อยากเป็นคนทำลายครอบครัวเขานี่นา ต่อให้พวกเขาอาจจะเลิกกันไปแล้วก็เถอะ แล้วคิดดูนะว่าชมมุกน่ะโปรไฟล์ดีขนาดไหน ตอนที่มะเหมียวยังเรียนม.ต้นอยู่ทางนั้นก็เรียนป.โทแล้ว หน้าที่การงานก็ดี เป็นถึง CEO สาวที่บริหารค่ายในเครือของภาคินทร์อีกต่างหาก เทียบกับเด็กที่จบนิเทศน์ทั้งยังจบช้ากว่าเพื่อนถึง 2 ปี ไม่มีอะไรเทียบกันได้เลย

“แกจะบ้าเหรอ มาถึงนี่แล้ว แต่งหน้าทำผมหมดไปหลายพันเลยนะเนี่ย”

ถึงหล่อนจะไม่ได้จ่ายสักแดงเดียวก็เถอะ

“ไปเลย ไปให้เขารู้ว่าแกในวัย 25 ปีมันสวยแซ่บแค่ไหน อย่าให้ใครเขาว่าเอาได้ว่าเป็นเด็กไม่รู้จักโต ไปเร็ว”

ยิ่งคะนิ้งคะยั้นคะยอมากเท่าไรมะเหมียวก็ยิ่งไม่อยากไปมากเท่านั้น กดดันจังเลย ถ้าไปแล้วจะพูดอะไรกันก่อน จะทักทายด้วยคำว่าอะไรดี เมื่อก่อนอาจจะสนิทกัน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ทั้งยังไม่เจอกันมานานถึง 10 ปี ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทียังไง

แค่คิดก็อยากจะร้องไห้แล้ว

“เอาอย่างนั้นเหรอ”

“เออ แล้วถ้าจะกลับกับพี่เขาหรือจะให้ฉันมารับก็บอก จะไปรอที่คาเฟ่ใกล้ๆ โอเค๊?”

เธอตอบกลับเพื่อนด้วยการยกมือขึ้นทำเป็นโอเค แต่จริงๆ แล้วไม่โอเคเลยสักนิด แต่ก็ต้องฮึบ สูดหายใจเข้าลึกๆ ทำเรื่องนี้ให้มันจบๆ ไป

สุดท้ายเธอก็เดินเข้าไปในร้านด้วยท่าทางที่แสร้งทำเป็นมั่นใจ รองเท้าส้นสูงสี่นิ้วที่เพื่อนเลือกมาให้ทำให้เธอสั่นเล็กน้อยในทุกจังหวะการก้าวเดิน ขณะที่กำลังจะถึงประตูของร้านที่มีกระดิ่งแขวนอยู่ด้านหน้า สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นลูกค้าคนเดียวของร้านที่นั่งอยู่โต๊ะด้านในสุดติดกับกระจก เขากำลังก้มหน้าเล่นมือถือด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่เธอนี่สิ...

แม่เจ้าโว้ย หัวใจนี่เต้นรัวเป็นกลองเพลเลย เธอไม่คิดว่าตัวเองจะยังจำเขาได้ทั้งที่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขาก็ยังเป็นเขา ใบหน้าหล่อเหลาแม้ว่าจะมีกระจกกั้นก็ยังแผ่ออร่าออกมาให้คนได้ทรมานใจเล่น ยิ่งเมื่ออยู่ในชุดดำทั้งตัวแบบนั้น ไม่ต้องเข้าไปมองใกล้ๆ ก็แทบจะทำให้คนตรงนี้เป็นลมตายได้เลย

เอาไงดี กลับบ้านเลยดีไหม หรือว่าจะทำใจกล้าแล้วเข้าไปเจอหน้าดี ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ความรู้สึกเมื่อ 10 ปีก่อนมันกลับมาจนหมด ทั้งที่คิดว่าไม่ชอบเขาแล้วแท้ๆ ทั้งที่พยายามตัดใจอย่างหนักมาตลอด

ในใจเธอพยายามท่องยุบหนอพองหนอ หายใจเข้าออกพยายามคิดถึงหน้านัททิวที่รัก ลูกจ๋าช่วยหมั่มหมีด้วย ช่วยให้มี้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดีทีเถอะ

กริ๊ง~

เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้นแม้ว่าคนเปิดจะพยายามเบามือที่สุดแล้วก็ตาม เธอเกร็งเล็กน้อยพยายามก้าวเข้าไปโดยทำเป็นยังมองไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ในร้านนี้ก่อนแล้ว

สถานที่นัดวันนี้คือคาเฟ่เล็กๆ ที่ตกแต่งด้วยต้นไม้จิ๋วในเรือนกระจก บรรยากาศภายในร้านมีความสดใสผ่อนคลายรับกับอากาศที่มีความเย็นอยู่หน่อยๆ เพลงแจซที่เปิดคลอเบาๆ ชวนให้อารมณ์ไหลไปกับเพลงพร้อมรับกลิ่นเนยที่ตลบอบอวลไปทั่วร้าน

ฮือ มันคงดีกว่านี้ถ้าเกิดว่าเขาไม่อยู่ที่นี่ด้วย คนสวยอยากจะบ้าตาย แม้ว่าจะพยายามทำเป็นมองไม่เห็นเขา แต่ในร้านก็ไม่ได้มีคนอื่นนอกจากพนักงานที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งพวกเธอก็ทำเหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะมีหญิงสาวอีกคนมาที่นี่เลยแค่ยิ้มให้แล้วทำงานของตัวเองต่อ ด้านมะเหมียวเผลอกวาดสายตาไปมองคนที่อยู่มุมร้าน แล้วความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้นมาอีกครั้ง

ราวกับมีกระแสไฟฟ้าเล็กๆ แล่นผ่านปลายเท้าขึ้นมาที่หัวใจ แค่แวบเดียวเท่านั้นที่เธอสบสายตาที่คุ้นเคยก่อนจะเบนสายตาหนีทำเป็นมองไม่เห็น ลมหายใจเริ่มติดขัดหัวใจเต้นถี่ รู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นลมจนต้องเดินไปเกาะเคาน์เตอร์เอาไว้แกล้งทำเป็นมาสั่งน้ำในส่วนของตัวเอง

ไม่ไหว เธอคงไปนั่งมองหน้าเขาตรงๆ ไม่ได้หรอก ไหนบอกว่าตัวเองไม่ได้ชอบเขาแล้วไง ทำไมมันอ่อนระทวยไปทั้งตัวขนาดนี้ แล้วนี่เขาจะจำเธอได้ไหม ขนาดชมมุกที่ทะเลาะกันบ่อยขนาดนั้นยังจำไม่ได้ เขาเองก็คงเหมือนกันใช่หรือเปล่า

“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”

พนักงานในร้านทักทายเสียงใส ที่นี่พนักงานจะสวมเสื้อโปโลสีชมพูอ่อนและผ้ากันเปื้อนลายหมีสีน้ำตาลพร้อมผูกโบสีชมพูเข้าธีม น่ารักจนอยากเข้ามาเป็นพนักงานอีกคนเลยทีเดียว

ฮือ...แต่เธอมีเวลามาชื่นชมชุดพนักงานที่ไหนกัน

“ขอดูก่อนนะคะ”

มะเหมียวแกล้งทำเป็นดูเมนู นิ้วชี้วางลงที่เคาน์เตอร์พลางเคาะเบาๆ ด้วยความประหม่า เธอมีความคิดวุ่นวายเต็มหัวไปหมด จนไม่ทันรู้ตัวเลยว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไร

“อะแฮ่ม”

“ตาเถร!!!”

เสียงกระแอมเบาๆ ของเขาทำให้หญิงสาวตกใจหันหลังพร้อมร้องเสียงดังลั่น แต่นั่นคงไม่เป็นไรหากว่ามือของเธอไม่เผลอไปปัดใส่แก้วตกแต่งที่วางอยู่ใกล้มือจนมันตกพื้น

มันคงจะตกแตกจนกลายเป็นความวุ่นวายเล็กๆ หากว่าคนที่ทำเธอตกใจไม่ก้มไปรับมันเอาไว้ก่อนที่จะหล่นถึงพื้นทำให้แก้วใบนั้นไม่ต้องแตกไป ซ้ำเธอก็ไม่ต้องได้รับบาดเจ็บจากเศษแก้วพวกนั้นอีกด้วย

ตกใจหมดเลย!

คนตัวสูงยืดตัวขึ้นตามเดิมก่อนจะวางมันกลับลงที่เคาน์เตอร์ เสียงก้นแก้วกระแทกไม้เบาๆ ดังก้องอยู่ในใจของมะเหมียว ในจังหวะที่เขายืดตัวขึ้นมาสายตาประสานกันราวกับจงใจจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว ราวกับว่าโลกใบนี้มีเพียงแค่เราสอง เธอถูกสะกดให้ตกหลุมรักคนตรงหน้าอีกครั้งทั้งที่พยายามตัดใจนานถึง 10 ปี

เป็นเขา...ภาคินทร์ คัลเลน คนเดิมที่เธอเคยรู้จัก

แต่ว่า...เฮียต่างจากที่มะเหมียวคิดเอาไว้มาก ก่อนที่เราจะจากกันเขาเป็นผู้ชายที่ติดมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ชอบกอดอกหรือไม่ก็เอามือล้วงกระเป๋าเหมือนไม่อยากจะมาวุ่นวายกับเธอเท่าไร ซ้ำยังรักษาระยะห่างจนคนน้องหน้าเสียอยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนนี้เขากลับเข้ามาใกล้มากจนใบหน้าจะแนบกันอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อยืนเต็มความสูง จังหวะที่ก้มหน้าลงมามองมันช่างกร้าวใจจนหญิงสาวอยากยกมือขึ้นอุดปากกรี๊ด

ไม่ไหว มีผลต่อใจเกินไป

ลืมหมดเรื่องความตั้งใจที่จะล้มเลิกงานแต่ง ความน่าอายจากความทรงจำสมัยวัยรุ่นที่เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการลืมมันก็ได้หายไปจนหมดเช่นเดียวกัน

“ฮะ...เฮีย”

เธอเหมือนจะหลุดโฟกัสไปแล้ว หัวใจมันเต้นแรงจนไม่ได้ยินเสียงสิ่งรอบข้าง แต่คำพูดของเขาก็ทำให้เธอดึงสติตัวเองกลับมาได้

“ไง จำกันไม่ได้?”

เธอต่างหากที่ต้องถามว่าเขาจำได้ยังไง แน่ใจว่าตัวเองตอนนี้ไม่ได้มีเค้ายัยมะเหมียวคนเดิมเลยแม้แต่น้อย ทั้งส่วนสูง ผิวพรรณ รูปร่าง ทรงผม หรือแม้แต่การแต่งหน้า เขาเห็นเธอแวบๆ แค่จากทางด้านหลังก็จำได้เลยเหรอ?

สายตาของภาคินทร์มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ทันใดนั้นมือก็เอื้อมมาข้างหน้าจวนจะแตะเข้ากับหน้าท้องของเธออยู่แล้ว มะเหมียวสะดุ้งน้อยๆ เกือบจะถอยหลังหลบ แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้เมื่อสิ่งที่เขาจับขึ้นมาดูคือผ้าพันคอเส้นเล็กที่เธอสวมอยู่ซึ่งมีโลโก้แบรนด์ติดที่ปลาย

“คงจำได้แหละเนอะ ที่ใส่วันนี้ยังเป็นชุดของเด็กในสังกัดเฮียเลย”

“เปล่าซะหน่อย!”

เธอดึงมันออกมาจากมือเขาแล้วถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าหวานฉายแววหงุดหงิดเล็กๆ แต่ก็มีอาการเห่อร้อนขึ้นมาด้วยความอับอาย

ก็เขาไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแม้ว่าจะผ่านไปแล้ว 10 ปีก็ตาม ใครจำไม่ได้ก็ควายแล้ว

แต่พอเห็นเธอขมวดคิ้วมองอย่างเคืองๆ ใบหน้าหล่อเหลากลับปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ยิ้มอะไรคนบ้า ประสาทกลับหรือไง

“แล้วนี่มัวทำอะไรอยู่ เฮียรอตั้งนานแล้วนึกว่าจะเดินเข้าไปหา”

เขาพยักพเยิดไปทางโต๊ะที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้ มีน้ำและขนมบางส่วนที่เขาสั่งเอาไว้ก่อนแล้ว อันที่จริงเธอจะเดินตรงเข้าไปเลยก็ได้ แต่เพราะถูกเขากวนอารมณ์เมื่อครู่เลยเกิดอยากกวนกลับขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ทำอะไรมันก็เรื่องของหนูไหมคะ”

“พูดจาไม่น่ารัก”

ไม่เห็นจะอยากน่ารักในสายตาเขาซะหน่อย เมื่อก่อนเธอพยายามทำตัวน่ารักแทบตายต่อหน้าเขายังถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี ตอนนี้จะมาอยากให้พูดจาน่ารักอะไร เพ้อเจ้อ!

ไหนๆ เธอก็ตั้งใจมาเพื่อล้มเลิกการแต่งงานตั้งแต่แรก ไม่เห็นจำเป็นต้องทำตัวน่ารักต่อเขาเลยจริงไหม แม้ว่าหัวใจจะเต้นโครมครามจนหยุดเอาไว้ไม่อยู่เวลาที่เห็นหน้าเขา แต่เธอก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อคิรินเด็กน้อยที่น่าสงสารคนนั้น

หญิงสาวยกแขนขึ้นกอดอกแล้วเชิดหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้า รอยยิ้มเย่อหยิ่งปรากฏขึ้นทำให้อีกคนแปลกใจเล็กๆ

“เราไปนั่งกันเลยไหมคะ หรือว่าไม่ต้องนั่งแล้ว เพราะน่าจะคุยไม่นาน”

คิ้วเข้มขมวดด้วยความงุนงงทำให้มะเหมียวยิ่งได้ใจ เธอเดินเข้าไปใกล้เขาแล้วเงยหน้ามองจนปลายจมูกแทบจะชนกันพร้อมพูดจาท้าทายเขาออกมา

“หรือว่า...จริงๆ แล้วอยากคุยกันท่านี้?”

โอ๊ย...แกกล้าพูดออกไปได้ไงเนี่ยมะเหมียว น่าอายที่สุด หน้าเธอนี่ร้อนไปหมดแต่ก็พยายามทำเป็นนิ่งไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ คะนิ้งจะต้องภูมิใจที่ได้เทรนเพื่อนคนนี้มาเป็นอย่างดี วิชาอ้อยผู้ 001 ได้เวลาใช้งานแล้ว

เอ่อ...แต่ตอนนี้เธอกำลังใช้วิชานั้นกับคนที่ตัวเองจะปฏิเสธการแต่งงานเนี่ยนะ มันได้เหรอวะ...คงได้แหละ

“จริงๆ ก็คุยได้นะ ถ้าหนูไม่เมื่อยคอ”

แต่พอเขาตอบกลับมาเท่านั้นแหละ หัวใจที่มีอยู่แค่นี้ของมะเหมียวก็ยิ่งเล็กจิ๋วลงยิ่งกว่าเดิม เธอเสียอาการเล็กน้อยขาทำท่าจะถอยหลังกลับไปอีกครั้ง แต่กลับถูกมือของเขารวบเอวเอาไว้แล้วดึงเข้าหาตัว

ตึกตัก...

เสียงหัวใจของเธอมันเต้นแรงจนแทบจะได้ยินถึงอีกคนอยู่แล้ว คนที่ทำเป็นเก่งเมื่อครู่ใจอ่อนยวบจนแทบจะเหลวคาอ้อมกอดของเขาอยู่แล้ว แล้วไหนจะคำว่า ‘หนู’ ที่เขาพูดออกมา มันจั๊กจี้หัวใจจนมวนท้องไปหมด

“หรือว่า...อยากคุยท่านี้”

“พะ...พอเลย!”

ในที่สุดเธอก็สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วทำใจผลักเขาออกไปได้ รู้สึกเหมือนจะหน้ามืดเป็นลมไปตรงนี้ เกิดว่าเขายังมาทำตัวอันตรายต่อใจเธอแบบนี้เธอจะชักตายต่อหน้าเขาให้ได้เลยนะ

มะเหมียวถอยหลังออกมาสองสามก้าวก่อนจะพยักพเยิดไปทางพนักงานซึ่งตอนนี้ช็อกตาตั้งหน้าแดงก่ำเป็นที่เรียบร้อย

เข้าใจแหละ เพราะเธอตอนที่เห็นนัททิวอยู่กับคู่จิ้นของเขาอย่างทีเร็กซ์เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน

“พี่พนักงานเขารอรับออเดอร์อยู่นะคะ”

เธอพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นมากไปกว่านี้ แต่ก็พอสัมผัสได้ว่ามันคงไม่ช่วยเท่าไรนัก...

“ก็ออเดอร์ของหนู ไม่ใช่ของเฮียสักหน่อย”

แล้วช่วยเลิกเรียกว่าหนูด้วย มันจะไอ้นั่นเกิน!

สุดท้ายเพื่อให้เรื่องตรงนี้จบ มะเหมียวตัดสินใจเดินไปสั่งกาแฟมาแก้วหนึ่งแล้วเดินตามเขาไปยังที่นั่งแต่โดยดี

พนักงานรับออเดอร์เรียบร้อยเราก็มานั่งที่โต๊ะ เธอเพิ่งสังเกตว่าเขาสั่งมารอก่อนแล้ว ชีสเค้กหน้าไหม้ 1 ชิ้นและสมูทตี้โยเกิร์ตถูกวางเอาไว้ตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขาซึ่งต้องเป็นของเธออย่างไม่ต้องสงสัย

เข้าใจเลือกดีนะ นี่ถ้าเธอเป็นผู้หญิงทั่วไปที่มาเดตกับเขาเป็นครั้งแรกคงประทับใจอยู่นิดหน่อย แล้วดูจากที่รอบแก้วแทบไม่มีไอน้ำเกาะเลยแสดงว่าเขาคงไม่ได้มารอนานอย่างที่โม้เอาไว้แน่ๆ

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

เป็นเขาที่เริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มเล็กๆ ทำให้เธอขมวดคิ้วมองด้วยความงุนงง

อะไรทำให้เขาอารมณ์ดีขนาดนี้กันนะ มีความสุขที่เมื่อกี้แกล้งเธอได้สำเร็จงั้นเหรอ คนโรคจิต เมื่อก่อนชอบแกล้งเธอยังไง 10 ปีผ่านไปก็ไม่เปลี่ยนไปเลย ในขณะที่เธอใจสั่นจนแทบจะเป็นบ้าที่เจอหน้าเขา เขากลับเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

น่าน้อยใจชะมัด

“ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้นก็ได้ค่ะ หนูมานี่ตามคำสั่งแม่ แล้วก็ไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเฮียด้วย เฮียเองก็ไม่ได้คิดจะแต่งงานกับหนูใช่ไหมคะ งั้นเราไปบอกคุณย่าเลยก็ได้”

ถึงจะคิดเรื่องนี้มาแล้วตลอดทางก็เถอะ แต่พอเป็นฝ่ายพูดเองไม่รู้ทำไมมันเจ็บอะไรอย่างนี้ เขาคงไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการลืมเขามาโดยตลอด แต่รู้อะไรไหม ความพยายามพวกนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง แค่เขาเข้ามาใกล้ไม่กี่วินาที ทุกอย่างก็พังทลายลงไปหมด

เธอยังคง...ชอบเขามากจริงๆ แล้วมันก็น่าเจ็บปวดที่เธอคงไม่สามารถทนได้หากว่าต้องแต่งงานไปทั้งที่เรื่องของคิรินยังคาราคาซังอยู่แบบนั้น เธอไม่อยาก...ทำลายครอบครัวใครเหมือนที่ตัวเองโดน

“ไปบอก? เรื่องอะไร เรื่องที่หนูตกลงจะแต่งงานกับเฮียเหรอ?”

มะเหมียวมองค้อนเขาทันที ยังแกล้งกันไม่เลิกอีกนะคนนิสัยไม่ดี

“เรื่องที่จะไม่ตกลงต่างหาก” เธอว่าเสียงเข้ม “ไหนๆ เราสองคนก็ต่างคนต่างไม่ชอบกัน จะตกลงไปทำไม”

“เหรอ แน่ใจนะว่าไม่ชอบกัน”

ยังไม่เลิกอีก เขานี่มันน่ารำคาญที่สุดเลย ลูกก็มีแล้วทั้งคนยังจะมาทำตัวกะลิ้มกะเหลี่ยใส่คนอื่นเขาอยู่ได้

“แน่ใจค่ะ หนูไม่ชอบเฮีย ไม่ชอบมาตั้งนานแล้วด้วย”

“งั้นที่เมื่อก่อนพยายามจีบอยู่ตั้งนานก็เป็นเฮียที่เข้าใจผิดไปเองงั้นสิ?”

เธอไม่คิดว่าเขาจะลืมเรื่องนั้นไปแล้วหรอก แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเอาเรื่องนี้มาพูดในเวลาแบบนี้เหมือนกัน มันสำคัญด้วยเหรอที่เมื่อก่อนเธอเคยชอบเขามากยังไง ที่สำคัญมันคือตอนนี้ต่างหาก

“ค่ะ แต่ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้น ตอนนี้ก็ส่วนตอนนี้”

“จะบอกว่าตอนนี้ไม่ชอบแล้ว?”

ทำไมชอบย้อนเธอด้วยคำถามอยู่เรื่อย คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความหงุดหงิดอยู่หลายครั้ง พยายามข่มใจตัวเองไม่ให้เผลอปรี๊ดแตกวีนใส่เขาจนกลายเป็นความทรงจำไม่ดีไป แต่อีกใจก็อยากวีนให้รู้แล้วรู้รอด เขาจะได้รู้ซะบ้างว่าไม่ควรมายั่วโมโหผู้หญิงอย่างเธอ

หมายถึง...ผู้หญิงที่ชอบเขามากๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหงุดหงิดใส่เขาน่ะ

“เฮียแล้วแต่เราเลยนะ ถ้าเราไม่เต็มใจ ก็ไม่บังคับกัน แต่อย่าลืมนะว่าคุณย่าคงไม่เชื่อแน่ๆ ถ้าเฮียไปบอกปากเปล่าว่าเราไม่ตกลง”

ที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล ของแบบนี้เธอเองต้องเป็นฝ่ายไปบอกผู้ใหญ่ด้วยตัวเอง อีกอย่าง สองบ้านเราเคยสนิทกันมากๆ แต่ตั้งแต่กลับมาเธอยังไม่ได้เข้าไปไหว้ท่านเลยสักครั้ง

“งั้นก็ดีลค่ะ แต่คงไม่ใช่วันนี้นะคะ หนูอยากขอเวลาเตรียมตัว”

“เอาที่หนูสะดวกได้เลย”

สีหน้าของเขายังคงยิ้มเหมือนเจอเรื่องสนุกบางอย่างที่ถูกใจเขามากๆ มันยิ่งทำให้มะเหมียวนอยหนัก เธอเจ็บอยู่นะที่ตัวเองต้องปฏิเสธแบบนี้ทั้งที่ไม่อยากเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งยังยิ้มหน้าระรื่นได้อีกต่างหาก

เฮ้อ...หวังแค่ว่าพอจบเรื่องนี้เราจะไม่ต้องเจอกันอีก ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนก็ตาม เธอไม่อยากต้องตกหลุมรักเขาแล้วพยายามหักห้ามใจซ้ำๆ อีกต่อไปแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 5 ที่จริงแล้ว...

    เพราะอะไรกันนะ...ทั้งที่ปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ แต่จิตใจกลับว้าวุ่นบอกไม่ถูก มะเหมียวกลับบ้านโดยมีคะนิ้งมาส่ง ตลอดทางเอาแต่คิดมากเรื่องนั้นจนถึงบ้าน แต่พอเดินขึ้นบ้านมาเจอแม่นั่งรอที่ห้องนั่งเล่นความคิดพวกนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความอึดอัด“อ้าว น้องเหมียวกลับมาแล้วเหรอลูก”ผู้เป็นแม่ทักทายด้วยรอยยิ้ม ทว่าลูกสาวอย่างมะเหมียวกลับกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก เธอรู้ว่าแม่กำลังคาดหวังเรื่องแต่งงานของเธอกับภาคินทร์มากๆ เพราะเรื่องของพ่อทำให้จิตใจของแม่ไม่มั่นคง เลยคิดอยากให้ลูกสาวคนเล็กมีคู่ครองที่ดีสามารถดูแลเธอได้แต่แม่จะเสียใจไหม...ถ้าหากว่าเธอตัดสินใจไม่แต่งงานกับเขา“แม่นั่งรอหนูอยู่เหรอคะ แล้วนี่กินข้าวหรือยัง”เธอออกไปตั้งแต่เช้า กว่าจะไปกินข้าวดูหนังกับคะนิ้งเสร็จก็ค่ำมืด ไม่คิดว่าแม่จะนั่งรอเพราะนี่ก็ใกล้เวลานอนของแม่แล้ว“กินแล้วลูก แล้วนี่หนูกินข้าวมาหรือยัง ไปดูตัวกับเฮียมาเป็นไงบ้าง”แววตาที่คาดหวังของแม่ทำให้มะเหมียวพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะบอกแม่ยังไงดีว่ามันคงไม่เกิดขึ้นแล้วแม่เจอความผิดหวังมามาก ไม่รู้เลยว่าแม่จะรับความจริงได้ไหม“แม่คะ...”“หนูหิวไหมลูก เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวให้ เอ๊ะ! แต่กินกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 6 คิริน

    ในที่สุดเราก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง เฮียมารับมะเหมียวที่บ้านแต่ไม่ได้เจอแม่ เพราะเธอเลือกนัดเขาเวลาที่แม่ออกไปข้างนอกด้วยไม่อยากให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจมากกว่าเดิม แต่พอภาคินทร์ถามเธอก็บอกไปแค่ว่าแม่ไม่สบายเท่านั้นซึ่งเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเฮ้อ...ทำไมชีวิตต้องยุ่งยากขนาดนี้ด้วยแต่พอขึ้นมาบนรถ เธอคิดว่าตัวเองคงจะสบายใจกว่านี้เพราะเคลียร์เรื่องแต่งงานกับเขาไปได้แล้ว แต่มาลองคิดๆ ดู เรื่องนี้มันไม่เหมือนเธอเป็นคนปฏิเสธเขาเลยสักนิดในทางกลับกัน วันนั้นที่เธอบอกว่าจะไม่แต่งงานแล้วเขารีบตอบรับก็คงไม่อยากแต่งกับเธอเป็นทุนเดิม มันทำให้เธอคิดอยู่ทั้งคืนว่าหรือจริงๆ แล้วเขาอาจจะยังไม่ลืมเรื่องพวกนั้น เรื่องที่เธอเคยทำไม่ดีกับเขาเอาไว้เมื่อก่อนจะว่าอายก็อาย จะว่ารู้สึกผิดก็รู้สึกผิด เธอยังไม่มีโอกาสได้ขอโทษเขาดีๆ ด้วยซ้ำ แม้แต่วันนั้นก็เกือบวางมวยกันไป“เอ่อ...คือว่า”มะเหมียวพูดทำลายความเงียบขึ้นมา ในขณะที่ภาคินทร์กำลังตั้งใจขับรถเลยไม่ได้หันมามองแต่ก็ส่งเสียงตอบกลับ“อือ ว่าไง”เขาดูสงบขึ้นมากจริงๆ ผิดไปจากเฮียคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เมื่อก่อนอย่าว่าแต่คุยกันดีๆ เจอหน้ากันเมื่อไรเขาเป็นต้องชักสีหน้าใส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 7 คิยินมะมีพ่อ

    แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่ในที่สุดมะเหมียวก็ต้องขึ้นรถมากับเขาแต่โดยดี เธอนั่งหน้าหงิกมาตลอดทางไม่พูดไม่จา ในขณะที่คิรินเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องนั่นนี่ไปตามประสาเด็ก“เมื่อกี้นะคิยินชนพี่คนฉวยแล้วก็ล้มเจ็บมากเยย แต่ปะป๊าบอกว่าเป็นผู้ชายห้ามย้องไห้ คิยินก็เลยไม่ย้องเยยคับ”“ดีแล้วที่ไม่ร้องไห้ ลูกผู้ชายนี่เนอะ”“ช่ายๆ แล้วพี่คนฉวยล่ะคับ ย้องไห้ไหม?”คำถามถูกยิงใส่คนที่นั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้ มะเหมียวทำตัวไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงกับสถานการณ์นี้ดี เด็กคนนี้ดูชอบเธอมากๆ ถึงขั้นชวนคุยทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เธอยังคงเข้าใจว่าภาคินทร์คือพ่อของคิรินเลยกระดากปากนิดหน่อยที่จะเล่นกับเขาอย่างสนิทสนม“อ่า...ไม่ร้องค่ะ พี่โตแล้ว”“อันที่จริงจะเรียกว่าพี่คนสวยก็ไม่ได้เนอะ ต้องเรียกว่า ป้า มากกว่า”คำว่า ป้า ที่ภาคินทร์พูดออกมาทำให้เธอหันไปมองค้อนใส่เขาทันที“หนูอายุมากกว่าเด็กคนนี้แค่ไม่กี่ปี แล้วก็อายุน้อยกว่าเฮียด้วย จะเป็นป้าได้ไงคะ ปากไม่ดี”“ก็จะแต่งงานกับเฮียไม่ใช่หรือไง ถ้าแต่งงานกันก็จะเป็นพี่สะใภ้ของพ่อคิริน เรียกป้าก็ถูกแล้ว”“แต่งงานอะไร หนูไม่ได้บอกว่าจะตกลงซะหน่อย!” มะเหมียวเถียงกลับเส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 8 อีกมุมหนึ่ง

    รู้ตัวอีกทีก็ตอบรับการหมั้นมาอย่างงงๆ มะเหมียวแชทไปเล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนยังไม่เชื่อเลย ก็แหงล่ะ เมื่อก่อนเฮียรังเกียจเธออย่างกับอะไรดี อย่าว่าแต่เรื่องแต่งงาน แค่มองหน้าเขายังไม่อยากมองด้วยซ้ำKanink : แกแน่ใจนะว่าเขาพูดแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้หลอกให้แกดีใจเก้อแล้วมาหักอกทีหลังอะข้อความที่คะนิ้งพิมพ์มาติดอยู่ในใจมะเหมียวมาสองชั่วโมงกว่าแล้ว อันที่จริงเธอก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับเพื่อน เมื่อก่อนเขาไม่ใช่แบบนี้เลยสักนิด ทั้งเย็นชา ปากร้าย แล้วก็เมินเฉยกับการที่เพื่อนเขาล้อเลียนเธออยู่บ่อยๆแล้วแค่นั้นไม่พอ อยู่ๆ เขาจะให้เธอไปเป็นเลขาเขา เลขาเนี่ยนะ? เธอไม่ได้เรียนด้านนั้นมาสักหน่อยจะให้เธอไปเป็นทำไม เธอลองหาข้อมูลเลขาคนปัจจุบันของเขาแล้วพบว่าเธอคือ แพทตี้ พัทจิรา คนที่ได้รับคำชมออกสื่อบ่อยๆ ว่าเป็นเลขาตัวอย่าง ออกงานกับเจ้านายไม่เคยตายไมค์ตายกล้อง เนี้ยบนิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เคยหลุดเลยสักครั้ง เทียบกับเธอที่ออกจากบ้านหวีผมยังขี้เกียจ จะเอาอะไรไปทำงานแทนได้แต่ตอนนี้จะโทรหาเพื่อนไปปรึกษาก็ไม่ได้เพราะมือถือเสียไปตั้งแต่วันนั้นยังไม่มีโอกาสไปซื้อใหม่ ทำได้แค่ส่งข้อความไปหาซึ่งส่งไปทีกว่าเพื่อนจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 9 ขอจีบ

    โรลส์-รอยซ์คันหรูพาเธอมายังห้างปลายทางที่เธอตั้งใจมาเก็บโปรเจกต์อย่างที่บอกเขาเอาไว้ วันนี้เป็นวันที่สามของการเริ่มโปรเจกต์ซึ่งจากสถิติแล้วน้องๆ มักจะมากันวันนี้มากที่สุด ในตารางงานเองก็ว่างวันนี้ด้วยจึงมีโอกาสสูงมากที่จะได้เจอ เพียงแต่เวลาจะตรงกันไหมก็เท่านั้น“ขากลับแวะซื้อของฝากให้แม่เราด้วยดีไหม”ระหว่างที่เดินออกจากลานจอดรถภาคินทร์ก็ชวนคุยไม่หยุด มะเหมียวแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของเขา เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยพูดเท่าไร ติดขี้เกียจเลยด้วยซ้ำ เทียบกับคามินทร์และนาวินทร์ น้องชายฝาแฝดของเขาทั้งสองคนแล้วสองคนนั้นยังพูดมากกว่าอ้อ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือขี้เกียจแค่กับเธอ แต่กับคนอื่นก็ปกติแต่วันนี้เขากลับดูช่างพูดผิดปกติ แปลกจนไม่น่าไว้ใจ“ก็แล้วแต่เฮียเลยค่ะ”“แล้วนี่หนูอยากไปไหนไหม กินข้าวก่อนหรือไปซื้อมือถือเลยดี”สรรพนามที่ไม่คุ้นเคยทำให้เท้าที่กำลังก้าวตามเขาหยุดชะงัก ส่วนเขาพอเห็นว่าเธอไม่เดินตามก็หันมาเลิกคิ้วถามอย่างงงๆ“มีอะไรหรือเปล่า?”“เฮีย...ไม่ได้สมองเสื่อม หรือว่าโดนอะไรกระแทกหัวมาใช่ไหมคะ”พูดพร้อมใช้สายตาสำรวจเขาไปด้วย ตั้งแต่วันที่เจอกันวันแรกแล้วรู้สึกว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 10 ทำคะแนน

    เหอะ ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรพวกนี้เขาเดินตามน้องเข้าร้านนั้นออกร้านนี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ มองมะเหมียวที่ยิ้มร่าตอนเข้าไปในคาเฟ่ที่มีหน้าเด็กในสังกัดเขาเต็มไปหมด ความสดใสของเธอแทบจะทำให้สีสันในร้านไม่มีความหมายเธอสดใสได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดมองเธอมาก่อน ไม่ว่าเจอหน้ากันเมื่อไรเป็นอันต้องหงุดหงิดใส่กันทุกครั้ง แต่เวลาผ่านไปเขาก็เริ่มตกผลึกได้ สิ่งที่ทำเอาไว้เมื่อก่อนกับน้องมันก็เกินไปหน่อยจริงๆเขาแค่...อยากชดเชยในสิ่งที่ตัวเองเคยทำ เขาไม่ได้มีความคิดที่จะล้มเลิกการแต่งงานในครั้งนี้อยู่แล้ว น้องเองก็เคยชอบเขามากๆ มาก่อน อยากให้ความทรงจำไม่ดีพวกนั้นเป็นแค่เรื่องในอดีตแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ อย่างน้อยๆ ได้ขอโทษ ได้ทำอะไรเป็นการชดใช้กับความนิสัยไม่ดีของตัวเองบ้างก็ยังดีแต่ถามว่าเขาชอบน้องไหม...ตอนนี้มันก็คงตอบยาก เพราะเราเพิ่งจะกลับมาเจอกันได้ไม่กี่วัน“สวัสดีค่า รับอะไรดีคะ?”คาเฟ่แรกที่น้องพาเขามาเป็นธีมไดโนเสาร์ที่ดุร้ายที่สุดในภาพจำของคนอย่างไทแรนโนซอรัส มีทั้งภาพการ์ตูนหลากหลายสไตล์จากฝีมือแฟนคลับวาดให้ศิลปิน แล้วก็ภาพของทีเร็กซ์ เด็กในสังกัดเขาเองแปะอยู่ทั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 11 ก็แค่...รู้สึกผิด

    มีแมวโมโหเรื่องในคาเฟ่วีนเขาจนหูชาไปหมด คนพี่ไม่ได้เถียงอะไรกลับปล่อยน้องบ่นไปตลอดทางจนสุดท้ายก็พอจับคำพูดได้ว่า ที่วีนเพราะเขิน เขินทั้งเขา เขินทั้งน้อง แล้วตรงนั้นก็คนเยอะเกินไป พูดจบก็มุดหน้าลงไปแต่งรูปที่เขาถ่ายให้แล้วชมว่าสวยฝีมือดีอย่างนั้นอย่างนี้ก็แน่ล่ะ เห็นอย่างนี้เขาก็เรียนเรื่องการถ่ายรูปมาบ้าง แม้แต่ถ่ายรูปเล่นๆ กับเพื่อนหรือเซลฟี่มือของภาคินทร์ก็ไม่เคยพลาด ถ่ายมา 100 รูปอย่างน้อยรูปดีๆ ต้องมี 99หลังจากส่งน้องกลับบ้านเขาก็ไม่ลืมถามเรื่องไปทำงานตามที่ได้คุยกับคุณย่าเอาไว้ เขาไม่ได้บังคับให้น้องมาทำแต่ถามความคิดเห็นของน้องมาแล้วเรียบร้อย ในเมื่อน้องยังไม่ได้มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ช่วงนี้เขาก็ต้องการคนมาช่วยกรภัทร เลขาชั่วคราวของเขาที่กำลังรับหน้าที่แทนแพทตี้อยู่ด้วย น้องเลยตกลงเพราะเห็นว่างานไม่ได้สำคัญถึงขั้นจะทำบริษัทเขาล่มได้หลักๆ ก็แค่กลัวทำงานพลาดแล้วโดนดุ แต่ถามว่าใครจะกล้าดุ เด็กเส้นของท่านประธานใหญ่อย่างคุณหญิงรฐาทั้งคนส่งน้องเสร็จแล้วแทนที่เขาจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนหรือเข้าฟิตเนสเหมือนทุกที กลับได้รับสายจากดีเทลเพื่อนรักเรียกให้ออกมาดื่มกันสักวัน ใจอยากปฏิเสธแต่ก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 12 ลัคกี้แฟน

    ไม่ชินนิดหน่อยที่อยู่ๆ เฮียก็มาทำดีใส่ เขาไม่ได้เป็นบ้าไปจริงๆ แล้วหรอกใช่ไหม แต่ตั้งแต่วันนั้นเธอกับเขาก็แทบไม่ได้คุยกันอีก มีนิดหน่อยที่ส่งรายละเอียดงานและวันเวลาเริ่มงานมาให้ในเมล ซึ่งก็มีแค่นั้นจริงๆแบบนี้เขาเรียกจีบแบบใดวะ?มะเหมียวเดินลงมาที่ชั้นล่างกะว่าจะมาหาอะไรกินรองท้องสักหน่อย แต่สิ่งที่เจอกลับเป็นพ่อที่เดินเข้ามาในบ้านพอดีพ่อ...ที่เธอแทบไม่ได้เจอหน้าเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง มะเหมียวหน้าตึงขึ้นมาในทันที เธอเดินลงไปเผชิญหน้าพ่อก่อนจะพูดออกมาเสียงแข็ง“มาทำไมคะ?”ที่นี่ไม่ต้อนรับเขาตั้งแต่วันที่เขาเลือกผู้หญิงคนนั้นแล้ว สำหรับมัดหมี่ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรอาจจะทำใจเรียกเขาว่าพ่อได้ แต่มะเหมียวเห็นทุกอย่าง ภาพที่เขาทิ้งครอบครัวไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งแม่ ทิ้งลูก ทิ้งทุกอย่างแล้วเอาบริษัทของตาเธอไปบริหารกับเมียใหม่ตอนนั้นเธอยังเด็ก ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงไม่ฟ้องเอาบริษัทกลับมา แต่พอได้เห็นข่าวหลายๆ ข่าวที่ออกมาว่าบริษัทใกล้เจ๊งก็เริ่มเข้าใจแล้วบางทีแม่อาจจะคิดมาดีแล้วก็ได้“วันนี้จะไปไหนเหรอลูก” วัชระผู้เป็นพ่อทักด้วยรอยยิ้ม ซึ่งก็ได้รอยยิ้มจากลูกสาวตอบกลับแต่เป็นรอยยิ้มเหยียดด้วยคว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08

บทล่าสุด

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   ตอนจบ ท้ายที่สุดแล้ว

    ใครๆ ต่างก็บอกว่า เธอช่างโชคดีจังเลย เกิดมาไม่มีอะไรสักอย่าง ครอบครัวก็กลางๆ หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย ขนาดถึงขั้นล้มละลายก็ยังมีครอบครัวว่าที่สามีเอ็นดูซัพพอร์ตเสมอ ล้มแต่ละครั้งเหมือนล้มลงบนฟูก จนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างแต่ก็ได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงนอยจนซึมไปหลายวัน แต่พอเล่าให้ภาคินทร์ฟัง เขาก็บอกว่าทำไมต้องสน คนพวกนั้นมีดีแค่พูดเรื่องคนอื่นไปวันๆ ไม่เห็นว่าชีวิตพวกเขาจะดีกว่าเราตรงไหน ครอบครัวล้มละลายแล้วยังไง ต้องพึ่งพาครอบครัวสามีแล้วยังไง การมีคนที่พร้อมหนุนหลังเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังไงก็ดีกว่าตัวคนเดียวไม่ใช่หรือไงเพราะอย่างนั้น...เธอจึงปล่อยวางทุกอย่าง ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วเข้าพิธีแต่งงานโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปต่อหน้าผู้คนมากมายที่มาร่วมยินดีในวันแห่งความสุขของหลานชายคนโตตระกูลคัลเลน ต่อหน้าเพลงบรรเลงที่ดังคลออยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อหน้าดอกไม้ ผ้าประดับ เธอยังคงสั่นด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าทุกก้าวบนพรมสีขาวที่นำไปสู่แท่นพิธี คือจุดจบของความวุ่นวายทั้งหมดที่ชีวิตได้เจอมาชีวิตที่ตกหลุมรัก

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 31 จุดจบของคนหักหลัง

    “ปล่อยกู กูบอกว่าให้ปล่อยกู!!”วัชระถูกจับกุมตัวในที่สุด เขาถูกตั้งข้อหาหนักทั้งทำร้ายร่างกาย ฉ้อโกง รวมไปถึงพยายามฆ่า ภาคินทร์ทำทุกอย่างแม้แต่การใช้อำนาจในทางมิชอบ ทำให้เขาไม่ได้รับการประกันตัว แต่คนอย่างวัชระมีหรือจะยอม ทุกครั้งที่มีคนเข้าเยี่ยมเขามักจะโวยวายขอประกันตัวสู้คดี แต่คงไม่คิดว่าทุกครั้งจะเป็นภาคินทร์ที่เข้ามาเขาไม่ยอมให้มะเหมียวหรือใครได้เจอผู้ชายคนนี้อย่างเด็ดขาด เรื่องบางเรื่อง คนของเขาช้ำใจแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว อย่ามาเสียใจกับอะไรเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกเลย อีกอย่างงานแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว เขาไม่อยากให้มีอะไรมากระทบทั้งนั้นแต่เห็นคนในชุดนักโทษแล้วก็อดเวทนาไม่ได้ คนพวกนี้ทรยศครอบครัว หักหลังโดยคิดถึงแค่ผลประโยชน์ แค่ความพึงพอใจของตัวเอง สมควรแล้วที่จะต้องทรมานไปตลอดชีวิต“กูบอกว่าให้ปล่อยกูไง ไปเรียกทนายมาเดี๋ยวนี้ แล้วนี่ลูกเมียกูอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมเลย โธ่เว้ย!!!”วัชระทุบกระจกหนาตรงหน้าด้วยความหัวเสีย ระหว่างภาคินทร์และเขานอกจากกระจกหนาที่กั้นเอาไว้ยังมีตาข่ายเหล็กอีกชั้น ทั้งคนในห้องขังยังมีกุญแจมือสวมอยู่อีก อิสระที่หายไปในชั่วพริบตาเพียงเพราะความขาดการ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 30 ไม่มีวัน

    “กรี๊— อุ๊บ!”มะเหมียวเผลอหลุดกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ในจังหวะที่เธอหันมาแล้วเจอว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลังโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไร ทว่าเพียงแค่อ้าปากยังไม่ทันได้ส่งเสียง กลับถูกมือเย็นๆ อุดปากเอาไว้ก่อน“ชู่ว อย่าเสียงดัง นี่โรงพยาบาลนะ”คนตรงหน้ายกมือขึ้นแตะปากตัวเองพลางบอกให้เธอเงียบ ดวงตาที่เบิกโพลงเริ่มมีน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงนี้คือใครไอ้เฮียบ้า เขานี่เอง“ฮึก...” คนที่ทั้งกลัวทั้งตกใจเริ่มสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลลงมาเป็นทางโดนใส่มือภาคินทร์ที่ปิดปากของเธออยู่ เขาตกใจรีบปล่อยเธอให้เป็นอิสระก่อนจะถามเสียงตื่น“เป็นอะไรครับ เฮียขอโทษที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ตกใจมากไหมมาโอ๋ๆ นะ”เขารั้งคนตัวเล็กเข้ามากอดจนทั้งตัวจมอก เสียงสะอื้นไม่มีท่าทีสงบลงง่ายๆ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยกมือขึ้นลูบหัวคนน้องเบาๆ แล้วพูดปลอบใจเท่านั้น“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว”“ฮึก...ฮือ...”ตกใจเรื่องที่เขาเล่นอะไรไม่รู้เรื่องก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิมคงไม่พ้นเรื่องที่คิดอยู่ก่อนหน้านี้ มันอึดอัดมากจริงๆ ยากจะหาที่ระบายในยามที่ทุกคนต่างก็กำลังเครียด ทำได้แค่ร้องไห

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 29 ทำไมต้องทำขนาดนี้

    เมื่อวานเกิดเรื่องที่บริษัทนิดหน่อย เขาไม่คิดว่าจู่ๆ คนที่ไม่ควรจะอยู่ที่นั่นมากที่สุดกลับไปโผล่ที่บริษัทหน้าตาเฉยวัชระ พ่อของมะเหมียวเขาเป็นประธานบริษัทเล็กๆ ที่ทำด้านส่งออกบรรจุภัณฑ์พลาสติก เมื่อก่อนคุณย่าของเขาก็เคยร่วมหุ้นด้วยแต่พอเพื่อนรักอย่างคุณยายของมะเหมียวเสียท่านก็ขายหุ้นทิ้งและไม่ได้สนใจบริษัทนั้นอีก ภาคินทร์เพิ่งจะได้ข่าวว่าบริษัทขาดทุนหนักและกำลังจะล้มละลายแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้“คือว่า...อา...แค่เห็นว่าเราสองครอบครัวกำลังจะเกี่ยวดองกัน”ร้อยวันพันปีคนอย่างวัชระไม่เคยคิดเข้ามาข้องเกี่ยวกับตระกูลคัลเลน อย่าว่าแต่เรื่องเกี่ยวดองกัน แม้แต่ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดที่ทางนี้ต้องเผชิญข่าวเสียหายก็ไม่เคยเห็นหัว มีแค่วันนั้นที่คุณย่าเชิญเขามาร่วมงานในฐานะแขกเลยได้พบกันมันทำให้เขารู้ว่าจริงๆ แล้วไม่ควรทำอย่างนั้นเลย คนพรรค์นี้ให้เกียรติไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิต ทั้งยังหาแต่เรื่องวุ่นวายมาให้“คุณอามีเรื่องอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”คุยนานไปก็มีแต่จะเสียเวลา เขารีบตรงเข้าประเด็นพร้อมทั้งหยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปพลาง เขาไม่ได้กำลังทำตัวเสียมารยาทแต่กำลังหาข่าวของบริษัทนั

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 28 โดนจับได้

    ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้...วัชระนั่งทำแผลอยู่ในบ้านตัวเองด้วยความเจ็บใจ นึกถึงเรื่องที่บ้านหลังนั้นแล้วก็ได้แต่กัดฟันกรอด สองแม่ลูกนั่นมันกล้าดียังไงถึงทำกับเขาแบบนี้ ที่ผ่านมาลูกสาวของเขาเป็นเด็กดี ว่าง่าย ไม่เคยเถียงพ่อแม้สักคำเดียว ทั้งหมดนี่ต้องเป็นความผิดของแม่มันอย่างไม่ต้องสงสัย“แล้วเรื่องที่ให้ไปคุยเป็นยังไงบ้างคะ เนี่ย ถ้าเราไม่หาเงินไปจ่ายค่าปรับในเดือนหน้าเราจะล้มละลายกันจริงแล้วนะคะ”กานพลู ภรรยาใหม่ของวัชระว่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด หลังช่วยกันประคับประคองบริษัทมาหลายปีแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ติดหนี้หัวโตกำลังถูกฟ้องล้มละลาย โชคยังดีที่มีเงินสดติดตัวอยู่บ้างให้พอได้ซื้อข้าวกินไปวันๆ แต่เรื่องหนี้สินก็เป็นเรื่องที่เจ้าหล่อนคิดไม่ตกคิดแล้วก็อยากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ตอนนั้นไม่น่าเห็นแก่เงินเป็นชู้กับผัวชาวบ้านจนมีลูกด้วยกัน วัชระในตอนนั้นทั้งหล่อทั้งรวย เป็นลูกเขยของตระกูลที่มีทรัพย์สินกว่าห้าร้อยล้าน ซ้ำตอนที่เผลอใจมีอะไรกันหลายครั้งจนตั้งท้อง เขายังบอกให้หล่อนเก็บเรื่องลูกไว้เป็นความลับ จะเลี้ยงดูปูเสื่อสองแม่ลูกอย่างดีไม่ให้ลำบากเรื่องมาโป๊ะแตกตอนที่ลูกสาวคนเล็กของเขาอ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 27 แค่บางที...

    พ่อออกไปแล้ว ทิ้งความเงียบหลังความวุ่นวายเอาไว้ที่เบื้องหลัง ยอมรับว่าเรื่องเมื่อกี้เธอตกใจมากๆ จนแทบสติแตก แต่พอเห็นว่าแม่ที่จิตใจไม่ปกติพยายามอย่างมากที่จะเข้มแข็งเพื่อต่อต้านพ่อเป็นครั้งแรก ลูกสาวอย่างเธอจึงต้องพยายามฮึบเพื่อไม่ให้แม่ต้องดิ่งมากไปกว่านี้เธอพาแม่ขึ้นมาบนห้องแล้ววานแม่บ้านมาทำความสะอาดเศษแก้วให้ ก่อนจะส่งแม่เข้านอนโดยไม่พูดหรือไม่ถามอะไรแม่สักคำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระหว่างเราสองแม่ลูกจะไม่มีอะไรค้างคาอยู่ในใจ“เหมียวลูก...”ก่อนจะล้มตัวลงนอนเป็นแม่ที่พูดขึ้นมาก่อน ฝ่ามือสั่นเทายกขึ้นมาลูบกรอบหน้าลูกสาวอย่างแผ่วเบา มองรอยตบที่ตอนนี้เริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แต่ก็รับรู้ได้ว่าลูกคงเจ็บอยู่บ้าง“หนูเจ็บไหม แม่ขอโทษนะที่ปล่อยให้มันมาทำร้ายลูก”“ไม่เจ็บค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ สมัยเรียนหนูก็ตบกับเพื่อนบ่อยจะตาย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่แรงตบเมื่อกี้ก็เริ่มทำพิษแล้วเช่นกัน เธอไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจมากไปกว่านี้ เรื่องแค่นี้เธอทนได้สบายมากอยู่แล้ว“แม่นอนพักนะคะ เรื่องวันนี้แม่ลืมมันไปซะ อย่าเก็บมาคิดอีก”“เหมียว แม่ถามจริงๆ นะลูก ถ้าเกิดว่าเฮียรู้เรื่องบ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 26 บางอย่างกำลังเกิดขึ้น

    มะเหมียวนั่งเล่นอยู่ที่โรงพยาบาลจนหมดเวลาเยี่ยม เธอดูนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้วแต่ยังไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้าจากคู่หมั้น ข้อความที่ส่งไปก็ยังไม่ได้รับการอ่านสงสัยว่าจะยุ่งมากแน่ เลยเลือกเรียกแกร๊บกลับบ้านเองโดยไม่บอกเขาก็จะให้บอกได้ยังไง เขาชอบทำเหมือนเธอเป็นเด็กเดินทางเองไม่เป็นอยู่เรื่อย โอเคเธออาจจะขับรถเองไม่เป็น ประสบการณ์อยู่ไทยก็น้อยเลยเดินทางไม่คล่อง แต่เรื่องเรียกรถกับความปลอดภัยบนรถโดยสารสาธารณะเธอเองก็ดูแลตัวเองเก่งไม่แพ้ใครหรอกแต่พอกลับมาถึงบ้าน ไฟที่เปิดสว่างอยู่ที่ชั้นล่างทำให้มะเหมียวแปลกใจเล็กน้อย ปกติเวลานี้ป้าดาน่าจะให้แม่กินยาหลับไปแล้ว แล้วทำไมยังมีไฟเปิดอยู่อีก“แม่ยังไม่นอนอีกเหรอ...คะ”ทว่าคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่นกลับไม่ใช่แม่ ชายวัยกลางคนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับกำลังเฝ้ารอบางอย่างความทรงจำในวันที่เธอกลับมาจากญี่ปุ่นหลังรู้เรื่องของพ่อกับแม่วนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง วันนั้นแม่อ้อนวอนเขาแทบตาย ร้องไห้แทบขาดใจขอร้องเขาว่าอย่าไป แต่สิ่งที่เขาทำคือสลัดแม่ทิ้งแล้วขึ้นรถไปกับผู้หญิงคนใหม่แล้วก็ลูกที่อายุน้อยกว่าเธอแ

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 25 สงบสุขวันสุดท้าย

    เฮียบ้า คนขี้แกล้ง!เช้านี้มะเหมียวแทบจะลุกไม่ขึ้น ปวดไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวเพราะถูกรังแกอยู่ค่อนคืน เฮียไม่เห็นเคยบอกเลยว่ามันจะร้าวไปทั้งตัวแบบนี้ เมื่อคืนเธอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือตื่นมาอยู่ในชุดนอนตัวโคร่งของเฮียโดยไม่มีเสื้อผ้าชิ้นอื่นประดับตัวอยู่เลยอ้ากกก ทำบ้าอะไรลงไปดีที่ตื่นมาแล้วเขาไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเอาหน้ามุดดินหนีเป็นตัวตุ่นแน่ๆแกร๊กยังไม่ทันจบความคิดด้วยซ้ำประตูก็ถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก เจ้าของเสื้อที่เธอสวมอยู่นี้โผล่หน้าเข้ามาแล้วชูถุงโจ๊กในมือพร้อมยิ้มแป้น“ตื่นแล้วเหรอ มากินข้าวสิ เฮียไปซื้อข้าวมาให้”ไปซื้อข้าวมาให้? มายก้อด พฤติกรรมจะแฟนเกินไปแล้ว เราเพิ่งจะตอบตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวาน มาวันนี้เขาก็เซอร์วิสเธอขนาดนี้เลยเหรอ เตรียมใจไม่ทัน ตัวนี่ไม่ต้องพูดถึง เตรียมไม่ทันเหมือนกันค่ะ!มะเหมียวเลิ่กลั่กอยู่ในห้องพักใหญ่ๆ เดินวนไปมาก็เจอร่องรอยอารยธรรมที่เราทำกันเมื่อคืน ทั้งเศษซองถุงยางชิ้นเล็กๆ ที่ยังเก็บทิ้งไม่หมด แล้วไหนจะผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่จนหลุดทั้งสี่มุม น่าแปลกใจนิดหน่อยที่ไม่ได้มีรอยเลือดเหมือนอย่างที่เคยดูในละคร ทั้งที่นี่

  • ไม่ยั่วได้ไหมคะ ท่านประธาน   บทที่ 24 คนเดียวของเธอ

    “เหมียว...”ภาคินทร์คลานขึ้นไปบนเตียงพลางเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่ว สายตามองไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปที่ใบหน้าหวาน ถ้าเปรียบเธอเป็นอาหาร ตอนนี้คงเป็นเค้กครีมสีขาวนวลที่มีสตรอว์เบอร์รี่ออนท็อปอยู่ข้างบน“เด็กดีของเฮียน่ารักจัง”“พอแล้วค่ะ หนูอายไปหมดแล้วนะ”“อายอะไรครับ เดี๋ยวคืนแต่งงานก็ต้องทำอยู่ดี”จุ๊บริมฝีปากอุ่นฉกชิมความหวานไปอย่างไม่รู้จักอิ่ม แรงดูดดึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มือก็ปลดบราน้องออกแล้วโยนทิ้งเหมือนไม่ต้องการมันอีกต่อไป แต่แทนที่คนขี้อายอย่างมะเหมียวจะยอม เธอกลับสู้เขาคืนด้วยการค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้แล้วถอดมันออกเองกับมือเด็กมันสู้จริงๆไม่มีปราการใดกั้นระหว่างเราทั้งคู่อีกต่อไปแล้ว ภาคินทร์ทิ้งตัวลงกอดน้องแนบแน่น มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนขณะที่ตะโบมจูบจนอีกฝ่ายหายใจไม่ทัน ก่อนจะไล่มือลงมาที่บั้นท้ายเนียนแล้วบีบเคล้นเบาๆ แกล้งให้คนน้องตกใจเล่น“อื้อ”เสียงครางเล็กๆ ดังขึ้นพร้อมกับสะโพกที่ยกอย่างลืมตัว มือไม้น้องจิกเกร็งไปหมดไม่รู้ว่าจะเอาวางไว้ตรงไหน จะจับไหล่เขาก็ไม่กล้า ทำได้เพียงจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ถึงตอนนี้ภาคินทร์อยากกลืนน้องลงท้องให้รู้แล้วรู้รอ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status