'เหวินชาง' หรือ ชาง ที่มีชื่อให้เธอเรียกเขาได้แค่เพียงพยางค์เดียว 'ชาง' ผู้ชายแปลกหน้าที่แพทย์สาววริญญาคิดว่าเขาเป็นโจรปล้นธนาคาร และได้ช่วยชีวิตเขาไว้ แล้วเผลอใจยอมมีอะไรกับเขา จนทำให้คุณหมอสาวตั้งครรภ์ ก่อนจะกลับมาแล้วพบว่าชางได้หายตัวไปด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง แต่เขาก็ได้สร้างตราบาปไว้ให้กับเธอ จนกระทั่งทั้งสองคนได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ที่ต่างสถานะและกลายเป็นศัตรูที่อยู่คนละฝั่ง หนำซ้ำวริญญายังเข้าใจว่าชางเป็นคนสั่งฆ่าบิดาของเธอ...
View More“ฉันขอสั่ง! ว่าอย่าหันกลับมามอง ให้ขับรถไปเรื่อยๆ ”
น้ำเสียงกดต่ำและสิ่งที่สัมผัสได้ จากปลายกระบอกปืนนาบจี้มาที่ช่วงเอวของคุณหมอสาวอย่างวริญญา
เหล็กกล้าที่สามารถพลาดชีวิตของเธอได้ในทันที หากเพียงตอนนี้เธอแค่คิดจะตุกติก
หญิงสาวเหลือบตามองไปยังกระจกมองข้าง จึงทำให้เห็นบางอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ทางด้านหลัง กับสถานการณ์ที่กำลังวุ่นวายบวกกับความโกลาหล เนื่องจากธนาคารที่อยู่เยื้องกับโรงพยาบาลของเธอเพิ่งจะถูกปล้น และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนกำลังเข้ามาเคลียร์สถานที่นั้น เพื่อสกัดกั้นคนร้ายซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่ภายในธนาคาร
แต่ชายคนที่มีอาการคล้ายจะบาดเจ็บสาหัสแล้วนอนคุดคู้อยู่ด้านหลังเบาะรถของเธอคนนี้ละ...
เขาเป็นใคร?
ร่างกายที่โทรมไปด้วยเลือด และบาดแผลฉกรรจ์นั่น บ่งบอกว่าเจ้าตัวถูกยิงเข้าที่สำคัญตรงต้นขา
ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มจับจ้องมองมาที่หญิงสาวอย่างไม่วางตา เหมือนกับปลายกระบอกปืนของเขา ที่จี้มายังช่วงท้องของหญิงสาวด้วยเช่นกัน
“อย่าให้ตำรวจเข้ามาใกล้กับรถคันนี้ เธอรีบขับออกไปสิ” เขาออกคำสั่ง
“ทำไมถึงต้องเป็นรถฉันด้วยฮะ!? ทำไมคุณถึงไม่ไปกับรถคันอื่น?”
“อย่ามัวมาพูดมาก! ฉันสั่งให้ไปก็รีบไป!”
ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้มาก นอกเสียจากยอมสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่ง จากนั้นจึงพารถของตัวเอง ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจากตรงนี้ให้ไว
เมื่อเสียงของรถเจ้าหน้าที่ตำรวจดังในขณะที่วิ่งสวนทาง หญิงสาวสะดุ้งร่างขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ เพราะอีกฝ่ายได้จิ้มปลายกระบอกปืนเน้นหนักเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม
“อย่าคิดมีพิรุธ บอกเอาไว้เสียก่อนนะว่า ถึงยังไงถ้าเธอคิดไม่ซื่อก็จะต้องถูกฉันเล่นงานก่อนใครอยู่ดี”
วริญญารู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ ซะให้ได้
เพราะนอกจากเธอจะเจอกับสถานการณ์เลวร้ายตรงหน้า เมื่อเช้าก็ยังถูกชายคนรักปฏิเสธกลับมา เพียงเพราะปัญหาที่มีเพียงเรื่องเดียว...
นั่นคือเขาไม่สามารถยอมรับอดีตของวริญญาในสมัยที่เธอยังเป็นนักศึกษาแพทย์ได้ …
แล้วไง...เมื่อมันไม่ใช่ประเด็น!...
แต่มันเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของผู้ชายชัดๆ...
ความหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวมันย่อมมีเป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนที่กำลังจี้เธอมาน่าจะเป็นโจรที่หลบหนีออกมาจากธนาคาร ที่กำลังเกิดเรื่องวุ่นวายอยู่ในตอนนี้
“นายจะลงที่ไหน บอกฉันสิ ฉันจะได้จอดให้” เธอละสายตาจากถนนด้านหน้าหันมาถาม ก่อนดึงสายตากลับไปมองทางตามเดิม
ร่างหนาชะโงกหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นรถของคนอื่นวิ่งผ่านไปได้สักพักใหญ่ วริญญาแอบเห็นเขาลอบถอนหายใจอยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังหวาดระแวงและแฝงอะไรบางอย่าง กับท่าทางที่เตรียมพร้อมเหมือนจะตั้งรับ และตอบโต้กลับไปหากมีภัยเข้ามา
รถยนต์คันเล็กของวริญญาค่อยๆ วิ่งตามทางมาอย่างช้าๆ จนหันมาแล้วเห็นว่าชายหนุ่มมีเลือดออกมากที่ต้นขาซ้าย
“คุณถูกยิงเข้าเส้นเลือดใหญ่ ถ้าไม่ทำแผลเลือดจะต้องไหลออกมาจนหมดตัวแน่ๆ ให้ฉันทำแผลให้คุณก่อนดีกว่า”
“อย่ามาทำลูกเล่น ขับรถไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ แล้วผมไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย”
“แต่ฉันดูสีหน้าของคุณมันเริ่มจะซีดมากขึ้นแล้วนะ ตอนนี้คุณมีอาการเหมือนจะง่วงแล้วใช่หรือเปล่าละ?”
ชายหนุ่มไม่ตอบกลับ เขาเพียงแค่เม้มริมฝีปากหนารับ เพื่อระงับอาการง่วงซึม ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายสูญเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่อยากจะไว้ใจคนตรงหน้าที่พูดจา คล้ายกำลังหว่านล้อมเขาอยู่
“ขับไปเรื่อยๆ อย่าหันมาแล้วทำให้ใครผิดสังเกต หากมีเหตุที่ทำให้มีใครเข้ามาจอดรถใกล้ๆ ผมรับรองได้ว่าผมจะลั่นไกใส่สมองของคุณให้มันพรุนไปด้วยรูระบายอากาศ”
แต่ไม่มีใครคาดคิด ว่าวริญญากลับเหยียบเบรกจนมิด แล้วตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางทันที
เพราะหญิงสาวทนกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งอยู่ภายในรถไม่ไหว ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“หากวันนี้ฉันต้องตาย เพราะช่วยคนที่ได้รับบาดเจ็บตรงหน้าฉันก็ยอมละ อย่างน้อยที่สุดผู้หญิงคนหนึ่งที่มีดวงซวยถึงขนาดโดนแฟนตัวเองเพิ่งจะบอกเลิกมาเมื่อเช้า แล้วยังมาถูกจี้เอาตอนนี้จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเชื่อได้แน่ๆ เหอะ!”
เจ้าของร่างใหญ่ที่ถือปืนจี้เอวเธอไว้ตะลึงงัน กว่าจะรู้สึกตัวนั่นก็ตอนที่เห็นคนตัวเล็กว่าเปิดประตูรถลงไปหยิบอะไรบางอย่างมาจากกระโปรงรถทางด้านหลัง
ในใจของคนที่เป็นผู้ร้ายนึกได้แค่เพียงอย่างเดียว ว่ากำลังถูกหญิงสาวตลบหลังเข้าให้ แต่ถึงยังไงในตอนนี้ตัวเขาเองก็แทบไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะหลบหนีไปทางไหนได้
เจ้าของร่างใหญ่ได้แค่นอนรอให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกตามจับได้เท่านั้น
ร่างบอบบางของหญิงสาวสอดตัวเข้ามาในรถอย่างรีบร้อน พร้อมกับกล่องอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์
“นี่มันอะไรกัน?”
“อยู่เฉยๆ เถอะน่า ถ้าวันนี้ฉันจะต้องตาย ก็ขอให้ตายไปพร้อมกับจรรยาบรรณของคนเป็นแพทย์ก็แล้วกันนะ แต่ถ้าคุณคิดจะยิงฉันก็เชิญ... แต่ขอฉันทำแผลให้คุณก่อน”
“เป็นผู้หญิงบ้าประเภทไหนกันวะ?”
“ก็เป็นผู้หญิงบ้าประเภทที่ถูกผู้ชายทิ้งยังไงล่ะ...ชัดพอไหม?” เธอตะโกนกลับใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างมีโทสะพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา เมื่อเริ่มลงมือทำแผลให้กับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าโจร
เธอรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังกับทุกอย่างที่อยู่รอบกาย เมื่อย้อนนึกถึงงานแต่งที่ได้พิมพ์การ์ดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า และอีกเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เธอก็จะได้สวมชุดเจ้าสาว ก้าวผ่านซุ้มดอกไม้เพื่อเข้าสู่ประตูวิวาห์ แต่ทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่า เมื่อว่าที่เจ้าบ่าวมารู้ภูมิหลังของวริญญา ภูมิหลังที่เธอพยายามปิดบังเขามาโดยตลอด
เด็กชายเคยไฝ่ฝันว่าตนอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่มีทั้งพ่อและแม่คอยดูแลใกล้ๆ ไม่ใช่เด็กที่มีเพียงแค่ยายไปรับส่งที่โรงเรียน ในวันเทศกาลต่างๆ ก็ยังมีคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าและไม่อ้างว้างเดียวดาย แต่เด็กชายก็ยังมีความตื่นกลัวตามประสา เพราะไม่เคยเห็นหน้าพ่อของตนมาก่อนเลย“ไปหาแด๊ดดี้สิคะลูก หนูไม่อยากจะไปเล่นเบสบอลกับแด๊ดดี้แล้วเหรอคะ?” วริญญาเอ่ยย้ำถึงกิจกรรมที่ลูกชายอยากจะทำนักหนา แต่ทว่ายังหาคนสอนไม่ได้ แล้วมันก็ข้าทางกับสถานะการณ์ในตอนนี้พอดี“ลุงคนนั้นเป็นแด๊ดดี้ของผม จริงๆ หรือครับมัม” เชนเงยหน้าขึ้นมาถามตามประสา พร้อมกับมีรอยยิ้มน่ารักตามมา เมื่อได้ยินคนเป็นมารดาเอ่ยยืนยันกับเขาว่า“ใช่สิคะลูก ผู้ชายคนนี้คือแด๊ดดี้ของหนู เขาเองก็ตามหาพวกเรามานานแล้วนะ ไปสิจ๊ะ ไปกอดแด๊ดดี้อย่างที่หนูเคยอยากจะทำไง...”ชางเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด เมื่อได้ยินประโยคที่วริญญาพูดออกมา นั่นหมายความว่าที่ผ่านมาเธอกับลูกจะต้องอยู่กับความอ้างว้าง ซึ่งมันไม่ต่างจากเขา ที่เฝ้าตามหาหญิงสาวมาชั่วชีวิตเช่นเดียวกันชางเบี่ยงองศาหน้าหันไปทางอื่น เพราะต้องการกลืนน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา
หญิงสาวจึงหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ เชิงออกคำสั่งให้เปิดเทปบันทึกเสียง และภาพจากคลิปวีดีโอ ที่มีเสียงสนทนาระหว่างอเนก และอนุวัฒน์ ในตอนที่ทั้งคู่ยังอยู่ที่ท่าเรือ เพียงแค่ได้ยินเสียงของคนเป็นลูกชาย นมนิ่มถึงกับไปไม่เป็น อีกทั้งยังมีสีหน้าซีดเผือดอย่างที่เห็น“บอกมาได้ไหมคะ ว่าคนที่เห็นอยู่ในคลิปและเทปบันทึกเสียงนี่ ใช่เสียงของลูกชายนมหรือเปล่า?”“มันเป็นหลักฐานปลอมใช่ไหมคุณหนู มันเป็นเรื่องไม่จริงหรอกค่ะ ใครจะกล้าไปคิดต่ำทรามกับผู้มีพระคุณได้ นมเคยสอนคนหนึ่งไว้ว่ายังไงก็สอนลูกตัวเองแบบนั้นเหมือนกัน”คำแก้ตัวของนมนิ่ม ทำให้วริญญาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ เพราะจนถึงขนาดนี้นางก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะยอมรับความผิดที่ตนได้เป็นคนก่อไว้ข่าวการตายของอเนกและอนุวัฒน์ในเวลานี้ กำลังขึ้นไปอยู่หน้าหนึ่งของสื่อทุกสำนักนักข่าวเริ่มขุดคุ้ยและหาหลักฐานซึ่งเชื่อกันว่าในอีกไม่นาน ก็ต้องตามมาถึงตัวของแม่นมของเธออย่างไม่ต้องสงสัยวริญญา หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ แล้วค่อยๆ ยกเอาถาดอาหารออกมา ก่อนจะวางมันลงตรงหน้านมนิ่ม พร้อมกับรอยยิ้มการค้า จากนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้านมบริสุทธิ์ใจจ
อนุวัฒน์เคยบอกแม่ของตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า อเนกเป็นคนที่คิดจะดีดตัวออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มแผนการ ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะต้องเสียท่าให้แก่องค์กรฝั่งตรงข้าม แต่อย่างน้อยที่สุดก็ได้รู้แล้วว่า หากจะต้องตายมันก็ต้องตายตกตามกันไป เพราะถึงยังไงมันก็ได้ชั่วด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มต้น “มึงเอง ก็อย่าหวังว่าจะเอาตัวรอดได้เลยไอ้อเนก”ปัง!อนุวัฒน์ใช้เรี่ยวแรงที่มีเหลืออยู่ เหนี่ยวไกปืนแล้วเล็งไปที่ศีรษะของอเนก แต่ตัวของอเนกเองกลับไวกว่า เขาจึงยิงรัวเข้าไปที่ร่างของอนุวัฒน์เพื่อให้มันได้ตายสมใจ แต่ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดลง อนุวัฒน์ได้เหนี่ยวไกปืนแล้วยิงใส่อเนกได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าลูกปืนมันจะไม่ได้เข้าไปที่ส่วนศีรษะของอเนกอย่างที่ตนตั้งใจ แต่กระสุนก็ยิงเข้าไปที่ชายโครงของอเนกจึงเป็นเหตุให้อเนกเสียการควบคุมพวงมาลัยรถที่กำลังบังคับอยู่ รถที่กำลังแล่นไปบนถนนใหญ่ด้วยความเร็วสูงเกินพิกัด ซึ่งเมื่อขาดคนบังคับมันจึงหลุดออกนอกเส้นทาง คล้ายกับมีบางอย่างดึงดูดให้รถคันที่เห็น กระเด็นออกมาจากถนนเส้นหลัก จากนั้นจึงพลิกคว่ำแล้วกลิ้งตกลงไปในแม่น้ำกว้าง ก่อนจะค่อยๆ จมหายลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเห็นกลุ่มเลือ
“จัดการส่งคนเข้าไปลากคอพวกมันมา ฉันไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ เดินตามแผนการณ์ของเราที่วางเอาไว้ อย่าจับตายจำเอาไว้ว่าฉันต้องการเห็นพวกมันตัวเป็นๆ ““รับทราบครับเจ้านาย”หลังจากที่นั้นเรือลำนั้นแล่นออกไป ก็มีเรืออีกลำซึ่งใหญ่กว่าค่อยๆ ชะลอตัวเข้ามาจอดยังชายหาดด้านข้าง นั่นมันทำให้วริญญารู้สึกเอะใจ แล้วหันกลับไปมองหน้าของชายหนุ่มด้วยความสงสัย“ชาง!...คุณเตรียมแผนการนี้ไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้วใช่มั้ย!? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะชาง!”วริญญาแว๊ดใสหน้าชางอย่างจะเอาเรื่อง เมื่ออีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงรีบรับสารภาพกับเธอทันที“บอกเดี๋ยวนี้แล้วครับเมีย....ผมแค่อยากให้คุณทำใจได้ เพราะอันที่จริงแล้วการที่ผมจะฆ่าพวกมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะคนพวกนั้นอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจที่คุณมีให้กลับมาทำร้ายคุณเอง ผมรู้ดีว่าในตอนที่คุณยังรังเกียจผมอยู่ถ้าผมทำอะไรรุนแรงกับคนพวกนั้นลงไป คุณก็คงจะไม่มีวันให้อภัยผมไปชั่วชีวิต”เขาเหมือนกับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในความคิดและความรู้สึกของเธอ วริญญาตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรผู้ชายที่กำลังนั่งกอดเธออยู่ในตอนนี้ถึงได้เข้าใจหัวอกของเธอเสียทุกอย่างชายหนุ่มประคอ
หญิงสาวเพียงแค่ใช้ส้อมที่อยู่ในมือจิ้มลงไปในอาหาร แล้วนำมันขึ้นมาใส่ปากรับประทาน จึงพบว่ารสชาดนั้นไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เธอเคยกินอาหารฝีมือของแม่นม มันช่างน่าประหลาดเพราะมันเป็นรสชาดที่เธอลืมไปนาน หรือเป็นเพราะเธอกินอาหารฝีมือของแม่นมของเธอมานานจนเกินไป“มันไม่มีกลิ่นที่เหมือนกับอะไรบางอย่าง รบกวนจมูกของเราฉันพูดถูกหรือเปล่า?” ชางเอ่ยถามเพราะต้องการความเห็น“ทำไมคุณถึงได้รู้ ทุกครั้งที่ฉันได้กินกับข้าวฝีมือของแม่นมนิ่ม อาหารพวกนั้นจะมีกลิ่นบางอย่าง มันหมือนกับฉันเคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นของอะไร?”ชายหนุ่มเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า“สารปรอทยังไงล่ะ เหมือนกับตอนที่คุณพ่อของคุณโดน”ถ้วยอาหารในมือของหญิงสาวถึงกับร่วงตกลงไปบนพื้น ชางรู้ดีว่าเธอคงจะตื่นตกใจ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบเอาถ้วยนั้นขึ้นมาเคาะไล่สิ่งสกปรกแล้วใช้กระดาษซับมันที่มีอยู่ในถุงเช็ดทำความสะอาด ก่อนจะตักอาหารลงไปให้ใหม่อีกครั้ง“คุณจะพูดล้อเล่นไปถึงไหน? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณ กับแม่นมของฉันมีปัญหาอะไรกันถึงขนาดจะต้องตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณพ่อด้วย?”“ห
ท่อนแขนกำยำทั้งสองข้าง ยังคงกอดประคองร่างกายของหญิงสาวเอาไว้แนบแน่นผิวเนื้อเนียนนุ่มยังคงเบียดเสียดถูไถกันจนกระทั่งบางครั้งยังเข้าใจว่า ร่างกายของเธอและเขาอาจจะลุกไหม้ขึ้นมาได้ ในช่วงจังหวะนั้นมีหลายครั้งที่เธอกับเขาได้ประสานสายตา และก็มีบางคราที่วริญญาเธอเผลอยิ้มให้เขาอย่างลืมตัว เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสที่ห่างหาย ชางจึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหญิงสาวไม่เคยลืมเขาไปจากหัวใจเลยแม้แต่นิดเดียว“ผมรักคุณ รักทั้งหมดของคุณ ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ อา…คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”“ปล่อยฉันสักทีเถอะค่ะ ฉันสู้แรงคุณไม่ไหวแล้วนะ กี่ครั้งแล้วคะนี่”“ผมไม่สนใจ จะกี่ครั้งมันก็เป็นของผม อย่างนี้!”ชายหนุ่มโจนจ้วงเข้าไปจนสุดลำโคน จนโดนกำปั้นบอบบางทุบเข้าที่กลางหลัง จากนั้นจึงต่อว่าตามมาเสียงดัง“นิ้คุณ! คิดจะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไงฮะ!? คุณเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“ก็ตั้งแต่ตอนที่ผมตามหาคุณไม่เจอ ตั้งแต่ตอนที่ผมเห็นว่าคุณมีผู้ชายคนอื่น”วริญญาไม่กล้าพูดอะไรต่อ หญิงสาวได้แต่หลับตาและปล่อยให้เขาตักตวงเอากับร่างกายของเธอต่อไป พร้อมกับฟังเสียงคำรามของอีกฝ่ายที่ระบาย
ชางกระชากเอาร่างบางเข้ามากอดแนบกาย พร้อมกับสายตาที่รู้สึกปวดร้าว เขาจ้องมองหญิงสาวด้วยความขุ่นเคือง“ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าผมกับไอ้ผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูกคุณ ใครมันจะลีลามัดใจคุณได้มากกว่ากัน!”“คิดจะทำอะไรฉันน่ะ ปล่อยฉันนะ! ชาง ฉันไม่! อื้ออ...”อย่างไม่ทันจะได้อ้าปากอธิบาย ริมฝีปากหยักได้รูปก็บดจูบลงมาอย่างรุนแรง รุกเร้าและเอาแต่ใจมากกว่าทุกครั้งวริญญาขยุ้มเสื้อของร่างหนาจนมันแทบจะขาดคามือซะให้ได้ อีกทั้งลมหายใจยังติดขัดเมื่อถูกเขาบดจูบลงมาอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้จะขบริมฝีปากตัวเองแน่นๆ แล้วก็ตามริมฝีปากอิ่มร้อนยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ตามแรงขัดขืนของอีกฝ่ายที่แสดงออกไปแต่ชางรู้นี่ว่าต้องทำยังไงวริญญาถึงจะยอมทุกอย่างที่ชายหนุ่มต้องการเขาสามารถบังคับมันได้อย่างน่ากลัวอย่างที่เจ้าตัวกำลังทำแล้วหญิงสาวก็เห็นลางแพ้เขามาตลอด...แบบนี้....จากมือที่กำเสื้อของร่างใหญ่ไว้จนยับย่น เปลี่ยนเป็นวางทาบมือลงบนบ่ากว้าง จากที่เบี่ยงหนีก็กลายเป็นยอมรับทุกการกระทำของชางอย่างเผลอตัววริญญาพยายามดึงสติของตน เมื่อเห็นอีกคนค่อยๆ วางร่างของเธอให้นอนหงายลงไปกับพื้น แต่ก็ไม่สามารถฝืนความต้องกา
“คุณทำดีมากเลยนะริญ ชนเข้าจนได้สิ พอทีเหอะ! โทรศัพท์มือถือของผมก็ไม่ได้เอามาด้วย มันอยู่กับลูกน้องบนเรือลำนั้น แล้วทีนี้เราจะกลับกันได้ยังไงฮึ?”วริญญารู้สึกว่าตนเองทำอะไรเหมือนกับคนที่ไม่มีสมอง ไม่รู้จักตริตรองเป็นครั้งแรก จนกระทั่งเรื่องที่ตนเองก่อไว้ได้ทำให้เกิดความเสียหาย ความอับอายที่ได้รับ จึงทำให้ร่างบางรู้จักสำนึกผิดคิดขึ้นมาได้ แต่จะให้เอ่ยวาจาว่าขอโทษมันก็ดูกระไร เธอจึงทำได้แค่ไม่พูดไม่จา ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอ่ยปากต่อว่า เพราะไม่ต้องการทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องเสียกำลังใจ“สงสัยเราคงจะต้องไปอาศัยนอนบนเกาะนู้นแล้ว เห็นหรือเปล่า?” ชายหนุ่มยกมือขึ้นจรดปลายนิ้วชี้ไปยังเกาะซึ่งมีขนาดเล็ก อยู่ห่างจากเรือไม่มากนัก หากต้องว่ายน้ำไปก็คงจะไหวอยู่ “เราจะไปได้ยังไงกัน แล้วเกาะเล็กแค่นั้นมันจะมีบ้านของชาวบ้านอยู่ได้ยังไงกันคะ ดูไปแล้วเหมือนเกาะที่เรือแค่วิ่งผ่านเท่านั้นเอง” วริญญาแย้งขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย“หรือคุณจะอยู่บนนี้รอให้เรือมันจมซะก่อนละ ชนดังซะขนาดนั้นใต้ท้องเรือคงทะลุไปแล้วมั้ง น้ำกำลังซึมเข้ามานั่นคุณเห็นมันรึเปล่าละ? เรามีห่วงยางแล้วก็มีเครื่องชูชีพขนาดกลาง ตอนนี้เราต้องไปขึ้
“ผมไม่สามารถเป็นคนเลวกับผู้มีพระคุณได้ และผมก็ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งผู้หญิงที่ผมรักเพียงคนเดียวได้ลงคอ”ประโยคต่อมาที่วริญญาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินออกมาจากริมฝีปากของคนตรงหน้า ดวงตากลมโตจึงเบิกกว้าง พลางจ้องมองใบหน้าของร่างใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยทอดทิ้งเธอไปอย่างไม่ใยดี“คุณอาจจะเคยคิด ว่าผมเลวที่เคยทอดทิ้งคุณไป แต่คงไม่มีใครรู้หรอกว่าผู้ชายสารเลวคนนี้มันใช้เวลาที่มีอยู่ทุกนาที ตามหาผู้หญิงที่เป็นเจ้าของหัวใจมาโดยตลอด ถ้าผมจะต้องยกหัวใจและชีวิตให้กับใครสักคน มันคงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เหมาะสมที่จะได้ครอบครองหัวใจของผม มากไปกว่าคุณอีกแล้ว”มันเป็นคำหวานของผู้ชายป่าเถื่อน ซึ่งวริญญาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ยิน ยิ่งไปกว่านั้นอ้อมแขนแกร่งค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาโอบกระชับร่างบางของเธออย่างอ่อนโยนในวันที่หัวใจถูกทิ้งขว้าง มีเพียงตนกับลูกในท้องที่กลายเป็นส่วนเกินในชีวิต ของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีและพ่อ แต่พอมาวันนี้เขากลับมาพูดในสิ่งที่เธอได้เคยตัดมันทิ้งไปเมื่อนานมาแล้ว“ฉันไม่เชื่อถือคำพูดของคุณ เพราะสิ่งที่คุณทำให้ฉันต้องไปเผชิญมา มันโหดร้ายเกินไป พอเถอะชาง ต่อให้ฉันต้องถูกคนพวกนั้นตามจองล้างจองผลา
Comments