“คุณรู้อะไรไหม? ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ถูกผู้ร้ายจับตัวมา ถ้าไม่ถูกฆ่าก็จะถูกทำเรื่องอย่างว่าจนสาแก่ใจ แล้วถึงค่อยปล่อยตัวไป”
คนตัวเล็กกว่าน้ำตารื้นขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้ฟัง ทั้งที่เธอตั้งใจว่าจะช่วยคนตรงหน้าด้วยสามัญสำนึกของคนเป็นแพทย์ แต่ก็ยังไม่วายที่จะถูกงูเห่าอย่างเขาแว้งเข้ามากัด แล้วเธอก็คือชาวนาคนนั้นชัดๆ เลย
“ฉันเป็นคนที่เคยช่วยชีวิตคุณเอาไว้แท้ๆ แต่กลับตอบแทนกันแบบนี้เองเหรอ อันที่จริงฉันน่าจะเรียกตำรวจมาจับคุณตอนนี้เลยเสียด้วยซ้ำ”
“คุณคิดจะทวงบุญคุณกับคนอย่างผมงั้นเหรอ? เกิดมาผมก็เพิ่งเคยเจอผู้หญิงหน้าโง่ ที่บอกว่าถูกผู้ชายหักอกมา แต่ก็ยังกล้ารับผู้ร้ายขึ้นรถ แถมยังช่วยรักษาให้อีกต่างหาก ผู้หญิงอย่างเธอหากไม่โดนผัวสวมเขา ก็คงจะถูกมันหลอกเอาไปขายเข้าสักวัน”
เธอทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสขโมยหอมแก้มใส นั่นทำให้เจ้าของร่างบางถึงกับสะดุ้งเกร็งตัวด้วยความตกใจ ก่อนจะตวาดแว้ดออกไปว่า
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันเป็นคนช่วยชีวิตคุณ ทำไมคุณถึงได้ทำเรื่องที่มันเลวร้ายและไม่เหมาะสมกับฉันแบบนี้ คุณยังมีความเป็นลูกผู้ชายหลงเหลืออยู่ไหม?”
“ผมก็กำลังตอบแทนผู้มีพระคุณของผมยังไงล่ะ”
“นี่เขาเรียกว่าตอบแทนพระคุณหรือยังไงกัน มันใช่ที่ไหนใครเขาสั่งสอนมาฮะ!”
“ก็แบบฉบับของโจรไง มันก็ต้องแบบนี้ไหม? ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าโจรได้ยังไงกัน?”
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับแฝงบางสิ่งอยู่ในดวงตา แล้วมันก็ทำให้วริญญารู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาได้ หรืออาจเป็นเพราะเธอรู้สึกเหงา เปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกผู้ชายทิ้งขว้าง แล้วมันจะใช่ความรู้สึกอย่างเดียวกัน กับที่ริมฝีปากหนาค่อยๆ แนบลงมาบดจูบกับริมฝีปากของวริญญานั่นหรือเปล่า?
คำถามมากมายยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของร่างบาง แต่ท้ายที่สุดมันกลับค่อยๆ จางหาย หลงเหลือไว้เพียงสัมผัสอบอุ่นเนิบช้าจากริมฝีปากหยักได้รูป ที่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมให้เขาเอาแต่ใจ จากจูบที่แค่แตะสัมผัสเนิบช้า กลับกลายเป็นว่าจูบนั้นเปลี่ยนเป็นรุกเร้ารุนแรงหน่วงหนักมากขึ้นไป เจ้าของร่างใหญ่ไล้จูบเธอไปทั่วทั้งร่างกาย โดยไม่มีจุดไหนที่เขาไม่ได้สัมผัสมัน เมื่อเขาทำอย่างนั้นมันชวนให้สมองของหญิงสาวว่างเปล่าขาวโพลน และยอมให้เขาเป็นคนพาเธอโจนทะยานขึ้นสู่ที่สูงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักอิ่มพอ
หากจะมีใครหลายคนพูดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย ยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้กับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ตอนนั้นมันก็คงพูดไม่ผิดเท่าไหร่นัก
ฝ่ามือกว้างลูบไล้อยู่บนเรือนร่างที่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกระดากอายหรือรังเกียจอะไร แต่ตรงข้ามกันมันกลับเป็นความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกทุกครั้ง
ไม่ใช่เพียงเพราะวริญญาถูกทอดทิ้งจนรู้สึกโหยหาอ้อมกอดของใครก็ได้ แต่ทว่าภายในอ้อมกอดของร่างใหญ่ มันกลับมีพื้นที่เตรียมเอาไว้ให้สำหรับเธอ
อาจจะเป็นเพราะโชคชะตา…หรือฟ้ากำหนดมาให้เขาและเธอได้มาเจอกัน
สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน หรืออาจจะถูกสวรรค์กลั่นแกล้ง เมื่อเริ่มมองเห็นเค้าลางแห่งความเลวร้าย โดยมีพรหม คอยลิขิตให้ชีวิตเธอได้เดินไปตามทางที่ถูกกำหนดไว้ อย่างที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้หญิงสาวได้สมหวังกับใครสักคน...
วริญญาเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูหน้าจอ เมื่อได้รับข้อความมากมาย ในขณะที่เธอกำลังงัวเงียตื่นจากการนอนหลับ เพราะหลังกลับมาจากที่ทำงาน เธอก็ยังต้องมาคอยพยาบาลคนที่ชอบเอาแต่ใจ ที่อาศัยอยู่ในห้องของตัวเอง
ในขณะที่เธอกำลังมีความสุขกับชีวิตคู่ ที่ดูเหมือนจะมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ได้วนกลับมาหาวริญญาอีกครั้ง
“ริญจะต้องกลับไปที่บ้านหลายวัน คุณจะอยู่ที่นี่คนเดียวได้หรือเปล่าคะชาง?”
ชาง คือชื่อของผู้ชายที่เธอเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ตอนนั้น
ร่างหนาพลิกตัวขึ้นมามองหน้าเจ้าของเสียง แล้วใช้เพียงท่อนแขนข้างเดียวหนุนศีรษะไว้ในขณะที่ร่างกายเปลือยเปล่า ดีหน่อยตรงที่เขายังเอาผ้าห่มผืนบางปิดบังช่วงล่างเอาไว้
“ทำไมคุณถึงต้องกลับบ้านด้วยละ? ในเมื่อเราสองคนอยู่ด้วยกันที่นี่มาเป็นเดือน แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่คุณบอกกับผมว่าจะกลับบ้าน”
วริญญาทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก และไม่สามารถบอกความจริงทุกอย่างกับเขาได้
จากการที่คบหากันมาสักระยะ วริญญาสามารถเรียนรู้นิสัยใจคอของชางได้อยู่อย่างหนึ่ง
ชางเป็นคนช่างสังเกตุเก่ง ชายหนุ่มรู้ว่าเธอเองก็ไม่ต้องการให้เขาได้รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเธอเท่าไหร่? แต่ชางก็ไม่เคยถามหาเหตุผลจากเธอว่าทำไม?
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่ริญไม่มีเวลากลับไปหาท่านทั้งสองคนเท่านั้นเอง แล้วเมื่อกี้นี้ก็มีข้อความของคุณแม่ส่งมาบอกริญว่าคุณพ่อกำลังไม่สบาย ริญก็เลยคิดว่าน่าจะต้องไปเยี่ยมหาท่านบ้างน่ะค่ะ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะกลับมาหาคุณที่นี่ได้”
เขาไม่ตอบเธอกลับไปทันที เพียงแต่หรี่ตามองร่างบางราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง
“คุณคิดจะให้ตำรวจเข้ามาจับผมตอนที่คุณไม่อยู่ที่นี่หรือเปล่า?” คำพูดของเขาติดตลกเชิงต้องการจะลองใจ
“ ริญไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุณเลยนะคะชาง...” เจ้าของร่างบางรีบตอบกลับไป เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเข้าใจเธอไปอย่างนั้น
เธอได้ยินเสียงเขากลั้นขำเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ยกฝ่ามือใหญ่ เข้าไปลูบไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่าของหญิงสาวราวกับกำลังเอาใจ
“ไปเถอะ แล้วก็รีบกลับมานะ คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบรออะไรนานๆ”
เจ้าของร่างใหญ่มองเธอด้วยสายตาที่มองเหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง แต่มันเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นมาในหัวใจ
แต่หญิงสาวยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป เมื่อร่างของเธอถูกอีกฝ่ายรั้งเข้าไปแนบกับอกกว้าง ก่อนจะจูบริมฝีปากบางอย่างรุกเร้าเอาแค่ใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งเนิ่นนานอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะผละออกมาพูดกับเธอว่า
“ขอแค่อย่าให้ผมจับได้ ว่าคุณแอบไปมีผู้ชายคนอื่นก็แล้วกัน”
น้ำเสียงทุ้มบอกแกมหยอกเย้า แต่ทว่านัยน์ตาคมของเขาที่ฉายแววออกมาเหมือนกับสัตว์ร้าย แววตาของคนที่ไม่เคยคิดจะไว้ใจใครเลยจริงๆ
ถึงแม้หญิงสาวจะอยู่กับเขามาเป็นเวลานับเดือน แต่ก็ยังไม่เคยได้เห็นสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานะทางความคิดของคนตัวใหญ่กว่า เจ้าของแววตาที่ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ข้างในอย่างหาที่สุดไม่ได้...
วริญญาไม่เคยรู้ หรือเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่เคยแสดงมันออกมาให้เธอได้เห็นเอง
สาเหตุที่วริญญาถูกแฟนหนุ่มปฏิเสธรัก มีสาเหตุมาจากที่เธอถูกนักศึกษาแพทย์ที่เป็นรุ่นน้อง นำภาพของเธอที่เจ้าตัวเป็นคนแอบถ่าย ไปส่งต่อให้อดีตแฟนหนุ่มของเธอได้ดูเมื่อเขาเห็นภาพดังกล่าว ที่ในนั้นมีแฟนสาวของตัวเองยืนอยู่ พร้อมกับผู้ชายหลายคนในบริเวณลานจอดรถด้านล่างของคอนโด เพียงแค่นั้นมันก็สามารถระบุตัวตนของแฟนสาวได้ โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องคาดเดา ชายหนุ่มรับไม่ได้เมื่อรู้ความจริงว่า วริญญาคือลูกสาวคนเดียวของมาเฟียใหญ่ ที่มีนามเรียกขานทั่วไปว่านายใหญ่ ‘กนก’ วริญญาย่างเท้าเข้าประตูบ้านทันทีหลังจากที่รถเอสยูวี สีเทาเข้มจอดสนิท“กลับมาบ้านเสียทีนะคะคุณหนู รู้บ้างหรือเปล่า ว่านมรอคุณหนูอยู่นานแล้ว”วรัญญาเห็นหญิงวัยกลางคนที่มีอายุใกล้เคียงกับมารดา วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกอดวริญญาด้วยความคิดถึงซึ่งเธอเองก็โอบกอดร่างท้วมใหญ่ของอีกฝ่ายด้วยเช่นเดียวกัน“สบายดีหรือเปล่าคะนมนิ่ม หนูไม่ได้กลับมาบ้านตั้งหลายปี สุขภาพร่างกายของนมยังแข็งแรงดีอยู่ใช่ไหมคะ?” เธอถามพร้อมกับบีบนวดตามร่างกายของคนที่เธอเรียกว่าแม่นม“แม่นมไม่เป็นอะไรเลยค่ะ สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีทุกอย่าง จะมีก็แต่คุณพ่อของคุณหนูนั่นแหละค่ะ ที่ต
หัวใจของวริญญาดำดิ่งลงสู่ความมืดมิดอีกครั้ง เมื่อกลับมายังคอนโดที่พักอาศัย แล้วพบว่า ชางได้หายไปพร้อมกับเสื้อผ้าในตู้ ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัวหญิงสาวเที่ยวเดินตามหาเขาภายในห้องของเธอทุกห้องด้วยความร้อนรน เพราะตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นมาอยู่กับวริญญาเป็นเวลานานนับเดือน เขาแทบจะไม่เคยออกไปไหนเลยแม้แต่ก้าวเดียววริญญาอุตส่าห์รีบกลับมาหา แต่กลายเป็นว่าเธอไม่พบหน้าเขาอีกแล้วเจ้าของร่างบางค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นด้วยความสะเทือนใจ เธอเที่ยวเดินออกตามหาเขาในภายในบริเวณรอบๆ คอนโดด้วยความหวัง กระทั่งเวลาได้ย่างเข้าอีกวัน แต่หญิงสาวก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลย วริญญาถึงกับยอมลางานเพื่อรอคอยเขาอยู่ที่ห้องต่อจากนั้นอีกหลายเพลา แต่สุดท้ายก็เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมาความเครียดทำให้วริญญาไม่สามารถกินและนอนได้เหมือนปกติ และมีอาการหน้ามืดวิงเวียนคล้ายจะอยากอาเจียนตามมาเจ้าของร่างบางลุกขึ้นจากเตียง แล้วรีบวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำหลังจากนั้น ระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ที่ทำให้หญิงมีสาวอาการคล้ายกับตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นั่นจึงทำให้ความรู้สึกหวาดกลัว เข้ามากัดกินขั้วหัวใจในทันทีเธอรีบไปที่ซื้อที่ตรวจครรภ์ในร
หญิงสาวพับกระดาษจดหมาย ก่อนจะยื่นส่งมันกลับไปให้คนเป็นมารดาของเธออีกที“ทำแบบนี้ไม่ได้นะลูก ริญญ่ารู้หรือเปล่าว่าแม่นมไม่เคยที่จะตามตอแยหนูแบบนี้ นี่เป็นจดหมายฉบับที่สามแล้วนะ แม่ว่าหนูควรจะเปิดอ่านมันสักนิด หนูตัดขาดถึงขนาดไม่ยอมให้เบอร์ติดต่อใครไว้เลยที่ประเทศไทย แล้วหนูก็รู้นี่ว่าสถานภาพของแม่กับครอบครัวของพ่อได้ขาดกันมานานมาก คนพวกนั้นคงไม่อยากที่จะมารบกวนทางแม่ แต่ลูกคิดดูดีๆ เพราะนี่มันเป็นจดหมายที่จ่าหน้าซองมาถึงหนูทั้งนั้น เขาคงต้องการจะให้แม่ช่วยทำให้หนูเปิดอ่านจดหมายของพวกเขาให้ได้นั่นแหละ”กานดาพยายามอธิบายถึงเหตุผลมากมายหลายอย่างให้ลูกสาวได้ฟัง เผื่อบางทีวริญญาอาจลดทิฐิลงบ้าง“ครั้งสุดท้ายที่หนูเข้าไปหาคุณพ่อที่บ้าน คุณแม่รู้ไหมคะว่าคุณพ่อพูดกับหนูว่ายังไง?”“วางทิฐิลงบ้างก็ได้นะลูก รู้หรือเปล่าว่ายิ่งหนูเป็นแบบนี้ แม่ก็ยิ่งมองเห็นคุณพ่อ ซ้อนอยู่ในตัวของหนูนั่นแหละ”“แม่พูดแบบนี้เพราะต้องการจะให้หนูยอมอ่อนข้อให้กับคุณพ่อใช่ไหมคะ? หนูสู้อุตส่าห์หนีมาคลอดลูกอยู่ที่นี่เพื่อความสบายใจ และยอมตัดขาดทุกอย่าง พวกเขาก็ยังพยายามที่จะหาทางติดต่อกับหนูจนได้”“เขาคงมีธุระด่วนนั่นละ”“ธ
รูปร่างบอบบางเดินนำหน้ากลุ่มผู้ชายฉกรรจ์ทั้งหมดเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้าทางเข้า หญิงสาวต้องการไปสะสางและสืบหาเรื่องราวของคนที่นำความสูญเสียมาสู่ครอบครัวของเธอ เพื่อแก้แค้น และทวงคืนหนี้เลือดนี้ให้หวนกลับมา แต่ในขณะที่วริญญากำลังเดินไปที่รถ เธอไม่รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนหลายปีมาแล้วที่วริญญาไม่เคยได้กลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ของผู้ให้กำเนิด ความทรงจำทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ยังคงไหลเวียนเข้ามาสู่สมองของเธอทีละอย่าง และมันไม่เคยจางหายไปไหนเลย บ้านหลังนี้คือสถานที่แห่งความทรงจำในอดีตงานศพของนายกนกได้ถูกจัดไว้อยู่ในระยะเวลาเจ็ดวัน โชคดีเหลือเกินที่วริญญายังกลับมาทันพิธีเคารพศพของคนเป็นพ่อ และต้องขอขอบคุณนมนิ่ม ที่เป็นคนช่วยจัดการงานทุกอย่างให้แทนเธอหลังจากเคารพศพหญิงสาวเข้าไปสำรวจดูภายในห้องทำงานของบิดา และมองเห็นกรอบรูปของตัวเอง ที่ผู้ให้กำเนิดยังคงเก็บรูปของเธอตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเติบใหญ่เอาไว้แทบจะครบทุกอิริยาบถ ยิ่งเมื่อหญิงสาวได้อ่านไดอารี่ที่พ่อของเธอได้เป็นคนเขียนบันทึกเรื่องราวของเธอเอาไว้ในทุกๆ วัน ในเรื่องที่ท่านคอยเฝ้าดูการเจริญเติบโตของลูกสาวเพ
วริญญายืนกำมือทั้งสองข้างแน่นๆ ก่อนจะแค่นยิ้มให้กับเจ้าของร่างใหญ่ ที่เธอรู้สึกเกลียดชังเขามากที่สุด และไม่คาดคิดว่าเขาจะได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้“สวัสดีครับนายหญิง ผมคงต้องเรียกคุณแบบนี้แล้วสินะ” ชายหนุ่มเอ่ยทักหญิงสาวขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งซึ่งเป็นน้ำเสียงที่หญิงสาวรู้สึกรังเกียจนักหนา แม้กระทั่งแววตาที่กำลังมองมาราวกับต้องการจะทำให้เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในตัวตนของเขา แต่ทว่าหญิงสาวคงจะไม่เข้าใจ“ที่แท้คุณก็คือหัวหน้าองค์กรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณพ่อของฉัน สวัสดีนะคะคุณชาง”อเนกรีบเดินเข้ามาซ้อนทางด้านหลังของหญิงสาว เขาไม่รู้ว่าวริญญาไปรู้จักกับผู้นำขององค์กรเกล็ดมังกรได้ยังไง? แต่นั่นมันเป็นเรื่องที่เขาค่อยถามเอากับหญิงสาวทีหลังได้“นายหญิงครับ พวกเหวินมันไม่ใช่คนไทย อีกอย่างมันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เราสงสัยว่าจะเป็นพวกที่ร่วมกันลอบสังหารนายใหญ่ของเรา”อเนกโน้มตัวเข้าไปกระซิบบอกกับเจ้านายสาวเพียงเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเมื่อได้ยินเอนกบอกออกมาอย่างนั้น วริญญาที่มีความแค้นแต่หนหลังกับผู้ชายที่มีชื่อว่าเหวินชาง เธอจึงไม่สามารถจะทนมองหน้าเขาได้อีกต่อไป“มีธุระอะไรพวกคุณถึ
“เจ้านายเป็นคนสั่งให้ผมทำเองครับ ทุกอย่างที่เราสามารถเก็บกวาดมาได้ ครึ่งหนึ่งมักจะถูกส่งไปให้ตามมูลนิธิและสถานสงเคราะห์ทั่วไป อีกอย่างเจ้านายไม่เคยขอรับใบเสร็จหรือใบประกาศนียบัตรจากองค์กรเหล่านั้น เพราะเจ้านายถือว่านั่นคือเรื่องของมนุษยธรรม ที่ทุกคนควรจะมีให้แก่กันในสังคม”ยิ่งได้ยินวริญญาก็รู้สึกคล้ายกับอยากจะร้องไห้ขึ้นมา เพราเธอกล่าวหาบิดาของตนเองมาโดยตลอด และท่านเองก็ไม่เคยคิดจะมานั่งอธิบายเรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้ให้คนที่เป็นลูกสาวได้ฟังเมื่อความจริงถูกเปิดเผยในวันที่ท่านไม่อยู่ หัวใจเธอจึงรับรู้ได้ว่าผู้เป็นบิดานั้นยอมเสียสละตัวเองเพียงใด แต่คนที่ทำความดีเพื่อสังคมมากมายยังต้องกลายมาเป็นศพ จุดจบของท่านที่ทำให้เธออยากจะหาสาเหตุของการตาย ที่เป็นปริศนาว่ามันเป็นเพราะอะไร? เธอจึงเป็นฝ่ายตั้งคำถาม“คุณเอนกพอจะบอกสาเหตุที่ทำให้คุณพ่อถูกลอบยิงได้ไหมคะ? ว่ามันมาจากสาเหตุไหนกันบ้าง?”“พวกเหวิน มันต้องการที่จะเข้ามาสัมปทานเส้นทางส่งไม้เส้นทางเดียวกันกับเรา แต่เป็นเพราะเส้นทางนั้นพวกเราใช้มันทำมาหากินมานานมากแล้ว ก็เลยไม่สามารถที่จะแบ่งให้ใครเข้ามาร่วมมีส่วนรับผลประโยชน์ด้วยได้ แต่พวกของเ
หญิงสาวดันตัวเองออกมาจากร่างของแม่นมอย่างช้าๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงคนเป็นลูกชาย“แล้วตอนนี้อนุวัติเป็นยังไงบ้างคะ”เมื่อได้ยินเสียงนายหญิงตัวน้อยถามหาลูกชาย นมนิ่มก็ยิ้มออกมาได้ด้วยความยินดี“นมนึกว่าคุณหนูจะลืมเพื่อนเล่นของคุณหนูไปซะแล้ว”“หนูไม่ได้ลืมนะคะ แต่แค่มันกำลังยุ่งและมีหลายอย่างให้คิด เพราะฉะนั้นมันก็เลยทำให้ลืมๆ ไปบ้าง ว่าแต่ตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่ไหนหรือคะ? สุขสบายดีหรือเปล่า?”“ก็ทำไปตามอัตภาพแหละนั่นแหละค่ะ คนที่มันหัวแข็งสอนอะไรยากก็คงต้องปล่อยให้ไปสู้ชีวิตดู เมื่อครั้งก่อนเจ้านายก็ถามว่าอยากจะเข้ามาทำงานที่นี่หรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ยังอวดเก่ง เลยได้ไปเดินเตะฝุ่นอยู่ที่บ้านนานหลายเดือนแล้วค่ะ”วริญญาหัวเราะเสียงใสขึ้นมาได้ นึกถึงใบหน้าของเด็กชายจอมขี้โกงในสมัยเด็กอนุวัฒน์เป็นลูกชายของแม่นมนิ่ม แต่นิสัยกลับตรงกันข้ามกับแม่นมของเธอทุกอย่าง และที่ร้ายที่สุดอนุวัฒน์ยังมีนิสัยชอบแย่งของเล่นและทำตัวเสมือนกับเป็นลูกเจ้านายมาโดยตลอด ถึงแม้ว่ามารดาของเขาจะทั้งตีและดุอยู่ตลอดเวลา แต่เด็กชายก็ไม่เคยที่จะยอมเชื่อฟัง แต่นั่นก็ยังคงทำให้บิด
แต่ในบัญชีของพ่อเธอนั้น ดันมีเส้นทางการเงินแบบแปลกๆ ซึ่งมีอยู่เพียงหมายเลขบัญชีธนาคารเดียว ที่พ่อของเธอไม่เคยระบุชื่อ และไม่เคยที่จะเก็บยอดเงินเอาไว้เหมือนคนอื่นๆ ที่รับอุปการะ ในสมุดบัญชีรายชื่อนั้น มีชื่อย่อเป็นตัวภาษาอังกฤษ ที่เขียนด้วยตัวอักษรที่ขึ้นต้นด้วย ตัวC“แม่ครับ ผมรอฟัง อยู่นานแล้วนะครับ เมื่อไหร่คุณแม่ จะเริ่มเล่าสักที ถ้าคุณแม่ไม่ยอมเล่าตอนนี้ เดี๋ยวคุณยายก็ต้องเข้ามา ผมไม่อยาก จะนั่งสมาธิแล้วครับ ได้โปรดเถอะPlease.”วริญญาหัวเราะเสียงใสเมื่อได้ยินลูกชายพูดออกมา พร้อมกับทำหน้าทำตาน่าสงสาร ก่อนจะเริ่มต้นเล่านิทานด้วยความเต็มใจหนังสือนิทานที่คุณพ่อของเธอชอบเล่าให้ฟังในสมัยเป็นเด็ก มันก็คงอยู่บนชั้นหนังสือด้านหลังที่เธอนั่ง แต่ในวันนี้เธอยังไม่หยิบมันลงมาอ่าน เธอไม่ต้องการจะร้องไห้เพราะมองเห็นความทรงจำเหล่านั้นที่มันเริ่มจะหวนกลับมาแต่วริญญาก็ค่อยๆ เริ่มต้นเล่านิทานที่มาจากความทรงจำเหล่านั้น เพื่อต้องการจะกล่อมลูกชายตัวน้อย และค่อยๆ ทำให้เขาเข้าสู่นิทราได้ในที่สุด...หลายวันต่อมาวริญญาได้ยินเสียงเอะอะอยู่ภายในห้องครัว เสียงที่คุ้นหูทำให้หญิงสาวรีบเดินลงไปดูในห้องครัวเพี
เด็กชายเคยไฝ่ฝันว่าตนอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่มีทั้งพ่อและแม่คอยดูแลใกล้ๆ ไม่ใช่เด็กที่มีเพียงแค่ยายไปรับส่งที่โรงเรียน ในวันเทศกาลต่างๆ ก็ยังมีคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าและไม่อ้างว้างเดียวดาย แต่เด็กชายก็ยังมีความตื่นกลัวตามประสา เพราะไม่เคยเห็นหน้าพ่อของตนมาก่อนเลย“ไปหาแด๊ดดี้สิคะลูก หนูไม่อยากจะไปเล่นเบสบอลกับแด๊ดดี้แล้วเหรอคะ?” วริญญาเอ่ยย้ำถึงกิจกรรมที่ลูกชายอยากจะทำนักหนา แต่ทว่ายังหาคนสอนไม่ได้ แล้วมันก็ข้าทางกับสถานะการณ์ในตอนนี้พอดี“ลุงคนนั้นเป็นแด๊ดดี้ของผม จริงๆ หรือครับมัม” เชนเงยหน้าขึ้นมาถามตามประสา พร้อมกับมีรอยยิ้มน่ารักตามมา เมื่อได้ยินคนเป็นมารดาเอ่ยยืนยันกับเขาว่า“ใช่สิคะลูก ผู้ชายคนนี้คือแด๊ดดี้ของหนู เขาเองก็ตามหาพวกเรามานานแล้วนะ ไปสิจ๊ะ ไปกอดแด๊ดดี้อย่างที่หนูเคยอยากจะทำไง...”ชางเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด เมื่อได้ยินประโยคที่วริญญาพูดออกมา นั่นหมายความว่าที่ผ่านมาเธอกับลูกจะต้องอยู่กับความอ้างว้าง ซึ่งมันไม่ต่างจากเขา ที่เฝ้าตามหาหญิงสาวมาชั่วชีวิตเช่นเดียวกันชางเบี่ยงองศาหน้าหันไปทางอื่น เพราะต้องการกลืนน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา
หญิงสาวจึงหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ เชิงออกคำสั่งให้เปิดเทปบันทึกเสียง และภาพจากคลิปวีดีโอ ที่มีเสียงสนทนาระหว่างอเนก และอนุวัฒน์ ในตอนที่ทั้งคู่ยังอยู่ที่ท่าเรือ เพียงแค่ได้ยินเสียงของคนเป็นลูกชาย นมนิ่มถึงกับไปไม่เป็น อีกทั้งยังมีสีหน้าซีดเผือดอย่างที่เห็น“บอกมาได้ไหมคะ ว่าคนที่เห็นอยู่ในคลิปและเทปบันทึกเสียงนี่ ใช่เสียงของลูกชายนมหรือเปล่า?”“มันเป็นหลักฐานปลอมใช่ไหมคุณหนู มันเป็นเรื่องไม่จริงหรอกค่ะ ใครจะกล้าไปคิดต่ำทรามกับผู้มีพระคุณได้ นมเคยสอนคนหนึ่งไว้ว่ายังไงก็สอนลูกตัวเองแบบนั้นเหมือนกัน”คำแก้ตัวของนมนิ่ม ทำให้วริญญาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ เพราะจนถึงขนาดนี้นางก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะยอมรับความผิดที่ตนได้เป็นคนก่อไว้ข่าวการตายของอเนกและอนุวัฒน์ในเวลานี้ กำลังขึ้นไปอยู่หน้าหนึ่งของสื่อทุกสำนักนักข่าวเริ่มขุดคุ้ยและหาหลักฐานซึ่งเชื่อกันว่าในอีกไม่นาน ก็ต้องตามมาถึงตัวของแม่นมของเธออย่างไม่ต้องสงสัยวริญญา หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ แล้วค่อยๆ ยกเอาถาดอาหารออกมา ก่อนจะวางมันลงตรงหน้านมนิ่ม พร้อมกับรอยยิ้มการค้า จากนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้านมบริสุทธิ์ใจจ
อนุวัฒน์เคยบอกแม่ของตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า อเนกเป็นคนที่คิดจะดีดตัวออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มแผนการ ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะต้องเสียท่าให้แก่องค์กรฝั่งตรงข้าม แต่อย่างน้อยที่สุดก็ได้รู้แล้วว่า หากจะต้องตายมันก็ต้องตายตกตามกันไป เพราะถึงยังไงมันก็ได้ชั่วด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มต้น “มึงเอง ก็อย่าหวังว่าจะเอาตัวรอดได้เลยไอ้อเนก”ปัง!อนุวัฒน์ใช้เรี่ยวแรงที่มีเหลืออยู่ เหนี่ยวไกปืนแล้วเล็งไปที่ศีรษะของอเนก แต่ตัวของอเนกเองกลับไวกว่า เขาจึงยิงรัวเข้าไปที่ร่างของอนุวัฒน์เพื่อให้มันได้ตายสมใจ แต่ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดลง อนุวัฒน์ได้เหนี่ยวไกปืนแล้วยิงใส่อเนกได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าลูกปืนมันจะไม่ได้เข้าไปที่ส่วนศีรษะของอเนกอย่างที่ตนตั้งใจ แต่กระสุนก็ยิงเข้าไปที่ชายโครงของอเนกจึงเป็นเหตุให้อเนกเสียการควบคุมพวงมาลัยรถที่กำลังบังคับอยู่ รถที่กำลังแล่นไปบนถนนใหญ่ด้วยความเร็วสูงเกินพิกัด ซึ่งเมื่อขาดคนบังคับมันจึงหลุดออกนอกเส้นทาง คล้ายกับมีบางอย่างดึงดูดให้รถคันที่เห็น กระเด็นออกมาจากถนนเส้นหลัก จากนั้นจึงพลิกคว่ำแล้วกลิ้งตกลงไปในแม่น้ำกว้าง ก่อนจะค่อยๆ จมหายลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเห็นกลุ่มเลือ
“จัดการส่งคนเข้าไปลากคอพวกมันมา ฉันไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ เดินตามแผนการณ์ของเราที่วางเอาไว้ อย่าจับตายจำเอาไว้ว่าฉันต้องการเห็นพวกมันตัวเป็นๆ ““รับทราบครับเจ้านาย”หลังจากที่นั้นเรือลำนั้นแล่นออกไป ก็มีเรืออีกลำซึ่งใหญ่กว่าค่อยๆ ชะลอตัวเข้ามาจอดยังชายหาดด้านข้าง นั่นมันทำให้วริญญารู้สึกเอะใจ แล้วหันกลับไปมองหน้าของชายหนุ่มด้วยความสงสัย“ชาง!...คุณเตรียมแผนการนี้ไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้วใช่มั้ย!? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะชาง!”วริญญาแว๊ดใสหน้าชางอย่างจะเอาเรื่อง เมื่ออีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงรีบรับสารภาพกับเธอทันที“บอกเดี๋ยวนี้แล้วครับเมีย....ผมแค่อยากให้คุณทำใจได้ เพราะอันที่จริงแล้วการที่ผมจะฆ่าพวกมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะคนพวกนั้นอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจที่คุณมีให้กลับมาทำร้ายคุณเอง ผมรู้ดีว่าในตอนที่คุณยังรังเกียจผมอยู่ถ้าผมทำอะไรรุนแรงกับคนพวกนั้นลงไป คุณก็คงจะไม่มีวันให้อภัยผมไปชั่วชีวิต”เขาเหมือนกับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในความคิดและความรู้สึกของเธอ วริญญาตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรผู้ชายที่กำลังนั่งกอดเธออยู่ในตอนนี้ถึงได้เข้าใจหัวอกของเธอเสียทุกอย่างชายหนุ่มประคอ
หญิงสาวเพียงแค่ใช้ส้อมที่อยู่ในมือจิ้มลงไปในอาหาร แล้วนำมันขึ้นมาใส่ปากรับประทาน จึงพบว่ารสชาดนั้นไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เธอเคยกินอาหารฝีมือของแม่นม มันช่างน่าประหลาดเพราะมันเป็นรสชาดที่เธอลืมไปนาน หรือเป็นเพราะเธอกินอาหารฝีมือของแม่นมของเธอมานานจนเกินไป“มันไม่มีกลิ่นที่เหมือนกับอะไรบางอย่าง รบกวนจมูกของเราฉันพูดถูกหรือเปล่า?” ชางเอ่ยถามเพราะต้องการความเห็น“ทำไมคุณถึงได้รู้ ทุกครั้งที่ฉันได้กินกับข้าวฝีมือของแม่นมนิ่ม อาหารพวกนั้นจะมีกลิ่นบางอย่าง มันหมือนกับฉันเคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นของอะไร?”ชายหนุ่มเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า“สารปรอทยังไงล่ะ เหมือนกับตอนที่คุณพ่อของคุณโดน”ถ้วยอาหารในมือของหญิงสาวถึงกับร่วงตกลงไปบนพื้น ชางรู้ดีว่าเธอคงจะตื่นตกใจ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบเอาถ้วยนั้นขึ้นมาเคาะไล่สิ่งสกปรกแล้วใช้กระดาษซับมันที่มีอยู่ในถุงเช็ดทำความสะอาด ก่อนจะตักอาหารลงไปให้ใหม่อีกครั้ง“คุณจะพูดล้อเล่นไปถึงไหน? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณ กับแม่นมของฉันมีปัญหาอะไรกันถึงขนาดจะต้องตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณพ่อด้วย?”“ห
ท่อนแขนกำยำทั้งสองข้าง ยังคงกอดประคองร่างกายของหญิงสาวเอาไว้แนบแน่นผิวเนื้อเนียนนุ่มยังคงเบียดเสียดถูไถกันจนกระทั่งบางครั้งยังเข้าใจว่า ร่างกายของเธอและเขาอาจจะลุกไหม้ขึ้นมาได้ ในช่วงจังหวะนั้นมีหลายครั้งที่เธอกับเขาได้ประสานสายตา และก็มีบางคราที่วริญญาเธอเผลอยิ้มให้เขาอย่างลืมตัว เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสที่ห่างหาย ชางจึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหญิงสาวไม่เคยลืมเขาไปจากหัวใจเลยแม้แต่นิดเดียว“ผมรักคุณ รักทั้งหมดของคุณ ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ อา…คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”“ปล่อยฉันสักทีเถอะค่ะ ฉันสู้แรงคุณไม่ไหวแล้วนะ กี่ครั้งแล้วคะนี่”“ผมไม่สนใจ จะกี่ครั้งมันก็เป็นของผม อย่างนี้!”ชายหนุ่มโจนจ้วงเข้าไปจนสุดลำโคน จนโดนกำปั้นบอบบางทุบเข้าที่กลางหลัง จากนั้นจึงต่อว่าตามมาเสียงดัง“นิ้คุณ! คิดจะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไงฮะ!? คุณเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“ก็ตั้งแต่ตอนที่ผมตามหาคุณไม่เจอ ตั้งแต่ตอนที่ผมเห็นว่าคุณมีผู้ชายคนอื่น”วริญญาไม่กล้าพูดอะไรต่อ หญิงสาวได้แต่หลับตาและปล่อยให้เขาตักตวงเอากับร่างกายของเธอต่อไป พร้อมกับฟังเสียงคำรามของอีกฝ่ายที่ระบาย
ชางกระชากเอาร่างบางเข้ามากอดแนบกาย พร้อมกับสายตาที่รู้สึกปวดร้าว เขาจ้องมองหญิงสาวด้วยความขุ่นเคือง“ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าผมกับไอ้ผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูกคุณ ใครมันจะลีลามัดใจคุณได้มากกว่ากัน!”“คิดจะทำอะไรฉันน่ะ ปล่อยฉันนะ! ชาง ฉันไม่! อื้ออ...”อย่างไม่ทันจะได้อ้าปากอธิบาย ริมฝีปากหยักได้รูปก็บดจูบลงมาอย่างรุนแรง รุกเร้าและเอาแต่ใจมากกว่าทุกครั้งวริญญาขยุ้มเสื้อของร่างหนาจนมันแทบจะขาดคามือซะให้ได้ อีกทั้งลมหายใจยังติดขัดเมื่อถูกเขาบดจูบลงมาอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้จะขบริมฝีปากตัวเองแน่นๆ แล้วก็ตามริมฝีปากอิ่มร้อนยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ตามแรงขัดขืนของอีกฝ่ายที่แสดงออกไปแต่ชางรู้นี่ว่าต้องทำยังไงวริญญาถึงจะยอมทุกอย่างที่ชายหนุ่มต้องการเขาสามารถบังคับมันได้อย่างน่ากลัวอย่างที่เจ้าตัวกำลังทำแล้วหญิงสาวก็เห็นลางแพ้เขามาตลอด...แบบนี้....จากมือที่กำเสื้อของร่างใหญ่ไว้จนยับย่น เปลี่ยนเป็นวางทาบมือลงบนบ่ากว้าง จากที่เบี่ยงหนีก็กลายเป็นยอมรับทุกการกระทำของชางอย่างเผลอตัววริญญาพยายามดึงสติของตน เมื่อเห็นอีกคนค่อยๆ วางร่างของเธอให้นอนหงายลงไปกับพื้น แต่ก็ไม่สามารถฝืนความต้องกา
“คุณทำดีมากเลยนะริญ ชนเข้าจนได้สิ พอทีเหอะ! โทรศัพท์มือถือของผมก็ไม่ได้เอามาด้วย มันอยู่กับลูกน้องบนเรือลำนั้น แล้วทีนี้เราจะกลับกันได้ยังไงฮึ?”วริญญารู้สึกว่าตนเองทำอะไรเหมือนกับคนที่ไม่มีสมอง ไม่รู้จักตริตรองเป็นครั้งแรก จนกระทั่งเรื่องที่ตนเองก่อไว้ได้ทำให้เกิดความเสียหาย ความอับอายที่ได้รับ จึงทำให้ร่างบางรู้จักสำนึกผิดคิดขึ้นมาได้ แต่จะให้เอ่ยวาจาว่าขอโทษมันก็ดูกระไร เธอจึงทำได้แค่ไม่พูดไม่จา ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอ่ยปากต่อว่า เพราะไม่ต้องการทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องเสียกำลังใจ“สงสัยเราคงจะต้องไปอาศัยนอนบนเกาะนู้นแล้ว เห็นหรือเปล่า?” ชายหนุ่มยกมือขึ้นจรดปลายนิ้วชี้ไปยังเกาะซึ่งมีขนาดเล็ก อยู่ห่างจากเรือไม่มากนัก หากต้องว่ายน้ำไปก็คงจะไหวอยู่ “เราจะไปได้ยังไงกัน แล้วเกาะเล็กแค่นั้นมันจะมีบ้านของชาวบ้านอยู่ได้ยังไงกันคะ ดูไปแล้วเหมือนเกาะที่เรือแค่วิ่งผ่านเท่านั้นเอง” วริญญาแย้งขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย“หรือคุณจะอยู่บนนี้รอให้เรือมันจมซะก่อนละ ชนดังซะขนาดนั้นใต้ท้องเรือคงทะลุไปแล้วมั้ง น้ำกำลังซึมเข้ามานั่นคุณเห็นมันรึเปล่าละ? เรามีห่วงยางแล้วก็มีเครื่องชูชีพขนาดกลาง ตอนนี้เราต้องไปขึ้
“ผมไม่สามารถเป็นคนเลวกับผู้มีพระคุณได้ และผมก็ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งผู้หญิงที่ผมรักเพียงคนเดียวได้ลงคอ”ประโยคต่อมาที่วริญญาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินออกมาจากริมฝีปากของคนตรงหน้า ดวงตากลมโตจึงเบิกกว้าง พลางจ้องมองใบหน้าของร่างใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยทอดทิ้งเธอไปอย่างไม่ใยดี“คุณอาจจะเคยคิด ว่าผมเลวที่เคยทอดทิ้งคุณไป แต่คงไม่มีใครรู้หรอกว่าผู้ชายสารเลวคนนี้มันใช้เวลาที่มีอยู่ทุกนาที ตามหาผู้หญิงที่เป็นเจ้าของหัวใจมาโดยตลอด ถ้าผมจะต้องยกหัวใจและชีวิตให้กับใครสักคน มันคงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เหมาะสมที่จะได้ครอบครองหัวใจของผม มากไปกว่าคุณอีกแล้ว”มันเป็นคำหวานของผู้ชายป่าเถื่อน ซึ่งวริญญาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ยิน ยิ่งไปกว่านั้นอ้อมแขนแกร่งค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาโอบกระชับร่างบางของเธออย่างอ่อนโยนในวันที่หัวใจถูกทิ้งขว้าง มีเพียงตนกับลูกในท้องที่กลายเป็นส่วนเกินในชีวิต ของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีและพ่อ แต่พอมาวันนี้เขากลับมาพูดในสิ่งที่เธอได้เคยตัดมันทิ้งไปเมื่อนานมาแล้ว“ฉันไม่เชื่อถือคำพูดของคุณ เพราะสิ่งที่คุณทำให้ฉันต้องไปเผชิญมา มันโหดร้ายเกินไป พอเถอะชาง ต่อให้ฉันต้องถูกคนพวกนั้นตามจองล้างจองผลา