สาเหตุที่วริญญาถูกแฟนหนุ่มปฏิเสธรัก มีสาเหตุมาจากที่เธอถูกนักศึกษาแพทย์ที่เป็นรุ่นน้อง นำภาพของเธอที่เจ้าตัวเป็นคนแอบถ่าย ไปส่งต่อให้อดีตแฟนหนุ่มของเธอได้ดู
เมื่อเขาเห็นภาพดังกล่าว ที่ในนั้นมีแฟนสาวของตัวเองยืนอยู่ พร้อมกับผู้ชายหลายคนในบริเวณลานจอดรถด้านล่างของคอนโด เพียงแค่นั้นมันก็สามารถระบุตัวตนของแฟนสาวได้ โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องคาดเดา
ชายหนุ่มรับไม่ได้เมื่อรู้ความจริงว่า วริญญาคือลูกสาวคนเดียวของมาเฟียใหญ่ ที่มีนามเรียกขานทั่วไปว่านายใหญ่ ‘กนก’
วริญญาย่างเท้าเข้าประตูบ้านทันทีหลังจากที่รถเอสยูวี สีเทาเข้มจอดสนิท
“กลับมาบ้านเสียทีนะคะคุณหนู รู้บ้างหรือเปล่า ว่านมรอคุณหนูอยู่นานแล้ว”
วรัญญาเห็นหญิงวัยกลางคนที่มีอายุใกล้เคียงกับมารดา วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกอดวริญญาด้วยความคิดถึง
ซึ่งเธอเองก็โอบกอดร่างท้วมใหญ่ของอีกฝ่ายด้วยเช่นเดียวกัน
“สบายดีหรือเปล่าคะนมนิ่ม หนูไม่ได้กลับมาบ้านตั้งหลายปี สุขภาพร่างกายของนมยังแข็งแรงดีอยู่ใช่ไหมคะ?” เธอถามพร้อมกับบีบนวดตามร่างกายของคนที่เธอเรียกว่าแม่นม
“แม่นมไม่เป็นอะไรเลยค่ะ สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีทุกอย่าง จะมีก็แต่คุณพ่อของคุณหนูนั่นแหละค่ะ ที่ตอนนี้ท่านไม่ค่อยจะสบายเท่าไหร่?”
“ใครบอกว่าฉันไม่สบายฮะ!?”
เสียงดังก้องแสดงออกถึงอำนาจเอ่ยลงมาจากชั้นสองของตัวอาคาร เมื่อวริญญาเงยหน้าขึ้นไปมอง จึงได้พบกับใบหน้าของผู้ให้กำเนิดที่กำลังมองลงมาด้วยสีหน้าตึงเครียด
กนกเดินลงบันไดวนมาอย่างช้าๆ ก่อนจะพาร่างใหญ่เดินผ่านลูกสาวไปที่ห้องรับรองแขก
“ใครเป็นคนบอกให้แกกลับมาที่นี่? ฉันคิดว่าแกคงจะหนีเอาตัวรอดไปอยู่กับแม่แกแล้วซะอีก”
“ริญเพิ่งเรียนจบ แล้วก็เพิ่งจะได้ทำอาชีพที่ตัวเองเคยฝันเอาไว้ค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ยังไงหนูก็ไปแน่นอนเพราะตอนนี้หนูกำลังเตรียมตัวจะไปหาคุณแม่ที่ฝรั่งเศสค่ะ”
คำพูดถากถางระหว่างกันของสองพ่อลูก กลายเป็นประโยคต้อนรับ ทั้งที่ลูกสาวไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านนานหลายปี นับตั้งแต่ที่กนกได้เลิกลากันไปกับมารดาของวริญญา
ไม่ได้มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นภายในครอบครัว แต่สาเหตุที่มารดาขอแยกทางกับคนเป็นบิดานั้น เป็นเพียงเพราะท่านไม่สามารถทนเห็นคนที่ท่านรักมาก ต้องเดินอยู่บนเส้นทางหลากสีได้ และเมื่อขอให้เป็นกนกเป็นฝ่ายเลือกระหว่างเธอกับสิ่งที่เขากำลังทุ่มเท คำตอบที่กานดาได้รับกลับมานั่นก็คือ...
เขาเลือกเส้นทางที่จะยังเป็นมาเฟียโดยยอมเสียลูกและเมียไปตลอดกาล...
แผ่นหลังตั้งตรงดูไร้เยื่อใยเหมือนเช่นทุกครั้งที่เคยเป็นมา วริญญาชิงชังในความไม่แยแสกับความรู้สึกของใครนั่น ไม่ว่าจะเป็นภรรยา หรือแม้แต่ลูกสาวของเขาอย่างเธอ
กนกไม่เคยต้องการให้ใครเข้ามาขวางทางในการทำธุรกิจสีเทาของเขา
“ถ้าแกไม่คิดจะกลับมาสืบทอดหน้าที่ ก็ไม่ต้องกลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้ ฉันผิดเองที่ไม่สามารถมีลูกชายได้”
“ถึงหนูจะไม่สามารถเป็นได้อย่างที่คุณพ่อต้องการ แล้วทำไมคุณพ่อถึงไม่คิดจะมองหนูในแบบที่หนูเป็นบ้างล่ะคะ คุณแม่ก็หนีไปจากเราแล้วคนหนึ่ง ซึ่งคุณพ่อก็ไม่เคยมีทีท่าว่าจะเสียใจหรืออาลัยอาวรณ์ พอตอนที่หนูเลือกจะเรียนเป็นหมอ คุณพ่อก็ยังไม่เข้าใจถึงเจตนาที่หนูมีอีกหรือคะ”
“แกอย่ามาทำเป็นรู้ดี เพราะโลกใบนี้มันไม่ได้สวยหรูเหมือนอย่างที่แกคิดไว้ แม้กระทั่งไอ้ผู้ชายที่แกคิดว่า จะให้มันมาเป็นสามี แกก็น่าจะเห็นแล้วนี่ว่าธาตุแท้ของมันเป็นคนยังไง?”
“นั่นมันก็เป็นเพราะ คุณพ่อส่งคนไปก่อกวนเขา ทำไมคะ ชีวิตของหนูมันไม่สามารถจะเป็นของหนูได้จริงๆหรือยังไง ก็ในเมื่อคุณพ่อบอกแล้วว่าไม่ต้องการหนูกับแม่ แล้วเพราะอะไรถึงยังจะต้องส่งคนไปคอยตามดูหนูด้วย หนูอยากจะเป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่นทั่วๆไป แค่นี้คุณพ่อก็ให้พวกเราสองคนแม่ลูกไม่ได้หรือไงคะ?” วริญญาตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้น
ทั้งสองคนพ่อลูกสาดคำพูดใส่กัน ราวกับต้องการจะให้อีกฝ่ายยอมจำนนด้วยเหตุผลของตัวเอง
คนเป็นบิดาเลือกที่จะเป็นเงียบเสียงของตัวเองลงไป ด้วยสีหน้าเรียบเฉยความรู้สึกที่เย็นชา แต่ใช่ว่าเขาจะยอมแพ้พ่าย เพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้คนเป็นลูกสาวฟัง
บางครั้งวริญญาก็อยากจะถามผู้ให้กำเนิดที่ยืนเชิดหน้านิ่งนั่นเหมือนกันว่า เขามีหัวใจให้ใครบ้างหรือเปล่า?
หรือเขามองเธอกับแม่เป็นแค่สัตว์สองเท้าที่เอาไว้ประดับบ้านก็เท่านั้น...
“ถ้าแกจะกลับมาที่นี่เพื่อจะมาสั่งสอนฉัน เหมือนที่แม่แกพล่ามอยู่ทุกวัน ก็ไม่ต้องเข้ามาเหยียบที่นี่ แกกลับไปได้แล้ว”
มันเหมือนกับทุกครั้งที่เธอพยายามพูดเรื่องนี้กับผู้เป็นพ่อ แต่มันไม่ต่างจากการขว้างลูกบอลไปโดนกำแพง มันมีเพียงแค่ลูกเบาที่จะกระเด็นกลับมาหาคนขว้าง ไม่มีสักครั้งที่ลูกบอลนั้นจะสามารถทลายกำแพงได้
หญิงสาวมองผู้เป็นบิดาซึ่งเดินจากไปด้วยความน้อยใจ เธอได้รับข้อความจากแม่นมว่าบิดากำลังอาการไม่ดี สายใยของคนเป็นพ่อลูกถึงยังไงก็ต้องกลับมาดูแล แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับมาพบกับเรื่องเดิมๆซ้ำซาก มันตอกย้ำความอ่อนด้อยในจิตใจ ว่าที่แท้แล้วสุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเอาชนะพ่อของเธอได้ มีเพียงแค่แม่นมเท่านั้นที่คอยรักและห่วงใยไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“หนูจะกลับแล้วนะคะแม่นม”
“ทำไมถึงจะรีบกลับละคะ คุณหนูรู้หรือเปล่าคะว่าคุณพ่อป่วยหนักมาก แล้วยิ่งพักนี้มีคนขององค์กรที่มาจากฝั่งเมืองใหญ่ คนพวกนั้นกำลังใช้อำนาจบีบคั้นคุณพ่อของคุณอยู่ ทำไมคุณหนูถึงไม่กลับมาอยู่ช่วยคุณพ่อก่อนละคะ”
“หนูเป็นผู้หญิงนะคะ จะให้หนูไปช่วยอะไรได้ หนูก็เคยบอกแล้วว่าให้คุณพ่อวางมือจากองค์กรนี้ซะ หากมีใครคอยตามมาเพื่อคิดบัญชีกับท่าน มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก”
“แต่ที่คุณพ่อทำไปทั้งหมดก็เพื่อคุณริญญ่ากับคุณกานดานะคะ ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจท่านบ้างเลย ตอนนี้ถ้าหากไม่มีใครมาอยู่ใกล้ๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้ อีกไม่นานท่านก็คงจะล้มป่วย”
มันช่วยไม่ได้หากทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้น ในเมื่อท่านเป็นคนทำให้คนในครอบครัวต้องแตกฉานซ่านเซ็น
กานดาไม่สามารถอยู่เมืองไทยได้ เธอพาตัวเองไปอยู่ไกลถึงประเทศฝรั่งเศส ส่วนคนเป็นบุตรีที่ยังพอจะมีสายใยหลงเหลือให้กันอยู่บ้าง เธอก็อยากจะขัดขวางทางสีเทาของท่านให้มันถึงที่สุด แต่ก็ไม่เคยหยุดท่านได้เลย
ในเมื่อผู้ให้ชีวิตไม่คิดจะหวนคืนสู่เส้นทางของคนทั่วไป เธอก็ควรปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามชะตา
“คราวหน้าคราวหลังนมอย่าได้ส่งข้อความไปหาหนูอีกนะคะ คุณพ่อเขามีเงินมากมาย แค่ใช้เงินจ่ายค่าจ้างนางพยาบาลมาสักคนสองคน หรือจะเหมาจ่ายหมอทั้งโรงพยาบาลก็ยังทำได้ สำหรับท่านหนูไม่มีความสำคัญอะไรเลย”
“คุณหนูจะรู้บ้างไหมคะ? ว่าคุณพ่อของคุณท่านรักและเป็นห่วงเป็นใยคุณมากขนาดไหน?”
เสียงเรียกร้องของแม่นมเอ่ยขึ้นในขณะที่เธอกำลังจะหมุนตัวเดินจากไป....แต่วริญญาก็ไม่สนใจที่จะฟัง
ยังรักแค่ไหน? รักจนถึงขั้นต้องการจะหย่าขาดจากภรรยา ที่เคยบอกว่ารักนักหนา
เป็นห่วงเป็นใยถึงขนาดไหนกัน? ถึงขั้นส่งคนให้ตามไปสอดส่องชีวิตของวริญญา จนทำให้งานวิวาห์ที่เธอวาดฝันไว้ ต้องล่มสลายลงไปกลางคัน
ความรักของท่าน…ที่แท้แล้วมันคืออะไร?
หัวใจของวริญญาดำดิ่งลงสู่ความมืดมิดอีกครั้ง เมื่อกลับมายังคอนโดที่พักอาศัย แล้วพบว่า ชางได้หายไปพร้อมกับเสื้อผ้าในตู้ ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัวหญิงสาวเที่ยวเดินตามหาเขาภายในห้องของเธอทุกห้องด้วยความร้อนรน เพราะตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นมาอยู่กับวริญญาเป็นเวลานานนับเดือน เขาแทบจะไม่เคยออกไปไหนเลยแม้แต่ก้าวเดียววริญญาอุตส่าห์รีบกลับมาหา แต่กลายเป็นว่าเธอไม่พบหน้าเขาอีกแล้วเจ้าของร่างบางค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นด้วยความสะเทือนใจ เธอเที่ยวเดินออกตามหาเขาในภายในบริเวณรอบๆ คอนโดด้วยความหวัง กระทั่งเวลาได้ย่างเข้าอีกวัน แต่หญิงสาวก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลย วริญญาถึงกับยอมลางานเพื่อรอคอยเขาอยู่ที่ห้องต่อจากนั้นอีกหลายเพลา แต่สุดท้ายก็เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมาความเครียดทำให้วริญญาไม่สามารถกินและนอนได้เหมือนปกติ และมีอาการหน้ามืดวิงเวียนคล้ายจะอยากอาเจียนตามมาเจ้าของร่างบางลุกขึ้นจากเตียง แล้วรีบวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำหลังจากนั้น ระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ที่ทำให้หญิงมีสาวอาการคล้ายกับตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นั่นจึงทำให้ความรู้สึกหวาดกลัว เข้ามากัดกินขั้วหัวใจในทันทีเธอรีบไปที่ซื้อที่ตรวจครรภ์ในร
หญิงสาวพับกระดาษจดหมาย ก่อนจะยื่นส่งมันกลับไปให้คนเป็นมารดาของเธออีกที“ทำแบบนี้ไม่ได้นะลูก ริญญ่ารู้หรือเปล่าว่าแม่นมไม่เคยที่จะตามตอแยหนูแบบนี้ นี่เป็นจดหมายฉบับที่สามแล้วนะ แม่ว่าหนูควรจะเปิดอ่านมันสักนิด หนูตัดขาดถึงขนาดไม่ยอมให้เบอร์ติดต่อใครไว้เลยที่ประเทศไทย แล้วหนูก็รู้นี่ว่าสถานภาพของแม่กับครอบครัวของพ่อได้ขาดกันมานานมาก คนพวกนั้นคงไม่อยากที่จะมารบกวนทางแม่ แต่ลูกคิดดูดีๆ เพราะนี่มันเป็นจดหมายที่จ่าหน้าซองมาถึงหนูทั้งนั้น เขาคงต้องการจะให้แม่ช่วยทำให้หนูเปิดอ่านจดหมายของพวกเขาให้ได้นั่นแหละ”กานดาพยายามอธิบายถึงเหตุผลมากมายหลายอย่างให้ลูกสาวได้ฟัง เผื่อบางทีวริญญาอาจลดทิฐิลงบ้าง“ครั้งสุดท้ายที่หนูเข้าไปหาคุณพ่อที่บ้าน คุณแม่รู้ไหมคะว่าคุณพ่อพูดกับหนูว่ายังไง?”“วางทิฐิลงบ้างก็ได้นะลูก รู้หรือเปล่าว่ายิ่งหนูเป็นแบบนี้ แม่ก็ยิ่งมองเห็นคุณพ่อ ซ้อนอยู่ในตัวของหนูนั่นแหละ”“แม่พูดแบบนี้เพราะต้องการจะให้หนูยอมอ่อนข้อให้กับคุณพ่อใช่ไหมคะ? หนูสู้อุตส่าห์หนีมาคลอดลูกอยู่ที่นี่เพื่อความสบายใจ และยอมตัดขาดทุกอย่าง พวกเขาก็ยังพยายามที่จะหาทางติดต่อกับหนูจนได้”“เขาคงมีธุระด่วนนั่นละ”“ธ
รูปร่างบอบบางเดินนำหน้ากลุ่มผู้ชายฉกรรจ์ทั้งหมดเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้าทางเข้า หญิงสาวต้องการไปสะสางและสืบหาเรื่องราวของคนที่นำความสูญเสียมาสู่ครอบครัวของเธอ เพื่อแก้แค้น และทวงคืนหนี้เลือดนี้ให้หวนกลับมา แต่ในขณะที่วริญญากำลังเดินไปที่รถ เธอไม่รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนหลายปีมาแล้วที่วริญญาไม่เคยได้กลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ของผู้ให้กำเนิด ความทรงจำทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ยังคงไหลเวียนเข้ามาสู่สมองของเธอทีละอย่าง และมันไม่เคยจางหายไปไหนเลย บ้านหลังนี้คือสถานที่แห่งความทรงจำในอดีตงานศพของนายกนกได้ถูกจัดไว้อยู่ในระยะเวลาเจ็ดวัน โชคดีเหลือเกินที่วริญญายังกลับมาทันพิธีเคารพศพของคนเป็นพ่อ และต้องขอขอบคุณนมนิ่ม ที่เป็นคนช่วยจัดการงานทุกอย่างให้แทนเธอหลังจากเคารพศพหญิงสาวเข้าไปสำรวจดูภายในห้องทำงานของบิดา และมองเห็นกรอบรูปของตัวเอง ที่ผู้ให้กำเนิดยังคงเก็บรูปของเธอตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเติบใหญ่เอาไว้แทบจะครบทุกอิริยาบถ ยิ่งเมื่อหญิงสาวได้อ่านไดอารี่ที่พ่อของเธอได้เป็นคนเขียนบันทึกเรื่องราวของเธอเอาไว้ในทุกๆ วัน ในเรื่องที่ท่านคอยเฝ้าดูการเจริญเติบโตของลูกสาวเพ
วริญญายืนกำมือทั้งสองข้างแน่นๆ ก่อนจะแค่นยิ้มให้กับเจ้าของร่างใหญ่ ที่เธอรู้สึกเกลียดชังเขามากที่สุด และไม่คาดคิดว่าเขาจะได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้“สวัสดีครับนายหญิง ผมคงต้องเรียกคุณแบบนี้แล้วสินะ” ชายหนุ่มเอ่ยทักหญิงสาวขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งซึ่งเป็นน้ำเสียงที่หญิงสาวรู้สึกรังเกียจนักหนา แม้กระทั่งแววตาที่กำลังมองมาราวกับต้องการจะทำให้เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในตัวตนของเขา แต่ทว่าหญิงสาวคงจะไม่เข้าใจ“ที่แท้คุณก็คือหัวหน้าองค์กรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณพ่อของฉัน สวัสดีนะคะคุณชาง”อเนกรีบเดินเข้ามาซ้อนทางด้านหลังของหญิงสาว เขาไม่รู้ว่าวริญญาไปรู้จักกับผู้นำขององค์กรเกล็ดมังกรได้ยังไง? แต่นั่นมันเป็นเรื่องที่เขาค่อยถามเอากับหญิงสาวทีหลังได้“นายหญิงครับ พวกเหวินมันไม่ใช่คนไทย อีกอย่างมันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เราสงสัยว่าจะเป็นพวกที่ร่วมกันลอบสังหารนายใหญ่ของเรา”อเนกโน้มตัวเข้าไปกระซิบบอกกับเจ้านายสาวเพียงเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเมื่อได้ยินเอนกบอกออกมาอย่างนั้น วริญญาที่มีความแค้นแต่หนหลังกับผู้ชายที่มีชื่อว่าเหวินชาง เธอจึงไม่สามารถจะทนมองหน้าเขาได้อีกต่อไป“มีธุระอะไรพวกคุณถึ
“เจ้านายเป็นคนสั่งให้ผมทำเองครับ ทุกอย่างที่เราสามารถเก็บกวาดมาได้ ครึ่งหนึ่งมักจะถูกส่งไปให้ตามมูลนิธิและสถานสงเคราะห์ทั่วไป อีกอย่างเจ้านายไม่เคยขอรับใบเสร็จหรือใบประกาศนียบัตรจากองค์กรเหล่านั้น เพราะเจ้านายถือว่านั่นคือเรื่องของมนุษยธรรม ที่ทุกคนควรจะมีให้แก่กันในสังคม”ยิ่งได้ยินวริญญาก็รู้สึกคล้ายกับอยากจะร้องไห้ขึ้นมา เพราเธอกล่าวหาบิดาของตนเองมาโดยตลอด และท่านเองก็ไม่เคยคิดจะมานั่งอธิบายเรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้ให้คนที่เป็นลูกสาวได้ฟังเมื่อความจริงถูกเปิดเผยในวันที่ท่านไม่อยู่ หัวใจเธอจึงรับรู้ได้ว่าผู้เป็นบิดานั้นยอมเสียสละตัวเองเพียงใด แต่คนที่ทำความดีเพื่อสังคมมากมายยังต้องกลายมาเป็นศพ จุดจบของท่านที่ทำให้เธออยากจะหาสาเหตุของการตาย ที่เป็นปริศนาว่ามันเป็นเพราะอะไร? เธอจึงเป็นฝ่ายตั้งคำถาม“คุณเอนกพอจะบอกสาเหตุที่ทำให้คุณพ่อถูกลอบยิงได้ไหมคะ? ว่ามันมาจากสาเหตุไหนกันบ้าง?”“พวกเหวิน มันต้องการที่จะเข้ามาสัมปทานเส้นทางส่งไม้เส้นทางเดียวกันกับเรา แต่เป็นเพราะเส้นทางนั้นพวกเราใช้มันทำมาหากินมานานมากแล้ว ก็เลยไม่สามารถที่จะแบ่งให้ใครเข้ามาร่วมมีส่วนรับผลประโยชน์ด้วยได้ แต่พวกของเ
หญิงสาวดันตัวเองออกมาจากร่างของแม่นมอย่างช้าๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงคนเป็นลูกชาย“แล้วตอนนี้อนุวัติเป็นยังไงบ้างคะ”เมื่อได้ยินเสียงนายหญิงตัวน้อยถามหาลูกชาย นมนิ่มก็ยิ้มออกมาได้ด้วยความยินดี“นมนึกว่าคุณหนูจะลืมเพื่อนเล่นของคุณหนูไปซะแล้ว”“หนูไม่ได้ลืมนะคะ แต่แค่มันกำลังยุ่งและมีหลายอย่างให้คิด เพราะฉะนั้นมันก็เลยทำให้ลืมๆ ไปบ้าง ว่าแต่ตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่ไหนหรือคะ? สุขสบายดีหรือเปล่า?”“ก็ทำไปตามอัตภาพแหละนั่นแหละค่ะ คนที่มันหัวแข็งสอนอะไรยากก็คงต้องปล่อยให้ไปสู้ชีวิตดู เมื่อครั้งก่อนเจ้านายก็ถามว่าอยากจะเข้ามาทำงานที่นี่หรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ยังอวดเก่ง เลยได้ไปเดินเตะฝุ่นอยู่ที่บ้านนานหลายเดือนแล้วค่ะ”วริญญาหัวเราะเสียงใสขึ้นมาได้ นึกถึงใบหน้าของเด็กชายจอมขี้โกงในสมัยเด็กอนุวัฒน์เป็นลูกชายของแม่นมนิ่ม แต่นิสัยกลับตรงกันข้ามกับแม่นมของเธอทุกอย่าง และที่ร้ายที่สุดอนุวัฒน์ยังมีนิสัยชอบแย่งของเล่นและทำตัวเสมือนกับเป็นลูกเจ้านายมาโดยตลอด ถึงแม้ว่ามารดาของเขาจะทั้งตีและดุอยู่ตลอดเวลา แต่เด็กชายก็ไม่เคยที่จะยอมเชื่อฟัง แต่นั่นก็ยังคงทำให้บิด
แต่ในบัญชีของพ่อเธอนั้น ดันมีเส้นทางการเงินแบบแปลกๆ ซึ่งมีอยู่เพียงหมายเลขบัญชีธนาคารเดียว ที่พ่อของเธอไม่เคยระบุชื่อ และไม่เคยที่จะเก็บยอดเงินเอาไว้เหมือนคนอื่นๆ ที่รับอุปการะ ในสมุดบัญชีรายชื่อนั้น มีชื่อย่อเป็นตัวภาษาอังกฤษ ที่เขียนด้วยตัวอักษรที่ขึ้นต้นด้วย ตัวC“แม่ครับ ผมรอฟัง อยู่นานแล้วนะครับ เมื่อไหร่คุณแม่ จะเริ่มเล่าสักที ถ้าคุณแม่ไม่ยอมเล่าตอนนี้ เดี๋ยวคุณยายก็ต้องเข้ามา ผมไม่อยาก จะนั่งสมาธิแล้วครับ ได้โปรดเถอะPlease.”วริญญาหัวเราะเสียงใสเมื่อได้ยินลูกชายพูดออกมา พร้อมกับทำหน้าทำตาน่าสงสาร ก่อนจะเริ่มต้นเล่านิทานด้วยความเต็มใจหนังสือนิทานที่คุณพ่อของเธอชอบเล่าให้ฟังในสมัยเป็นเด็ก มันก็คงอยู่บนชั้นหนังสือด้านหลังที่เธอนั่ง แต่ในวันนี้เธอยังไม่หยิบมันลงมาอ่าน เธอไม่ต้องการจะร้องไห้เพราะมองเห็นความทรงจำเหล่านั้นที่มันเริ่มจะหวนกลับมาแต่วริญญาก็ค่อยๆ เริ่มต้นเล่านิทานที่มาจากความทรงจำเหล่านั้น เพื่อต้องการจะกล่อมลูกชายตัวน้อย และค่อยๆ ทำให้เขาเข้าสู่นิทราได้ในที่สุด...หลายวันต่อมาวริญญาได้ยินเสียงเอะอะอยู่ภายในห้องครัว เสียงที่คุ้นหูทำให้หญิงสาวรีบเดินลงไปดูในห้องครัวเพี
ดังนั้นในบ่ายวันต่อมาวริญญาจึงให้อนุวัฒน์ติดตามตนเองในฐานะคนสนิทอีกคน หญิงสาวเดินทางไปที่ย่านอัญมณีชื่อดังของเมืองใหญ่ เพื่อเข้าไปพบและพูดคุยเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย ที่สำคัญเธอยังรู้ว่าบิดาของเธอมีคอนเนคชั่น เกี่ยวกับการส่งออกมากมาย ดังนั้นในวันนี้เธอจึงต้องเข้ามารับรู้ถึงธุรกิจอีกตัวที่บิดาได้ทำทิ้งเอาไว้ให้แต่เพียงแค่เธอก้าวเท้าเข้าไปในบริษัทอัญมณีที่รู้จัก หญิงสาวก็ต้องหยุดชะงักงัน เมื่อมองเห็นใบหน้าคมสันของคนที่ยืนหันหลังให้‘เหวินชาง’ทำไมเธอจึงหนีผู้ชายคนนี้ไม่พ้นสักทีนะ...เหวินชางหมุนตัวหันมาประจันหน้ากับวริญญา ด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความลิงโลด ผิดกับอีกคนที่ทำหน้าโกรธเขาข้ามภพข้ามชาติ“ลมอะไรพัดคุณหนูของพวกเมฆครามมาถึงที่นี่ได้ อย่าบอกนะครับว่าตามมาเก็บสายงานของคุณพ่อตัวเอง”เธอไม่อยากจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำไป แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายและอยู่ในวงสังคมที่คุณพ่อของเธอเป็นคนสร้างขึ้น วริญญาก็จำเป็นต้องใส่หน้ากากและพูดคุยด้วยเสมือนกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเหวิน แล้วคุณละคะลมอะไรถึงได้หอบคุณมาอยู่ในพื้นที่คอนเนคชั่นของคุณพ่อฉันได้ อย่าบอกนะคะว่าพวกเกร็ดม
เด็กชายเคยไฝ่ฝันว่าตนอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่มีทั้งพ่อและแม่คอยดูแลใกล้ๆ ไม่ใช่เด็กที่มีเพียงแค่ยายไปรับส่งที่โรงเรียน ในวันเทศกาลต่างๆ ก็ยังมีคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าและไม่อ้างว้างเดียวดาย แต่เด็กชายก็ยังมีความตื่นกลัวตามประสา เพราะไม่เคยเห็นหน้าพ่อของตนมาก่อนเลย“ไปหาแด๊ดดี้สิคะลูก หนูไม่อยากจะไปเล่นเบสบอลกับแด๊ดดี้แล้วเหรอคะ?” วริญญาเอ่ยย้ำถึงกิจกรรมที่ลูกชายอยากจะทำนักหนา แต่ทว่ายังหาคนสอนไม่ได้ แล้วมันก็ข้าทางกับสถานะการณ์ในตอนนี้พอดี“ลุงคนนั้นเป็นแด๊ดดี้ของผม จริงๆ หรือครับมัม” เชนเงยหน้าขึ้นมาถามตามประสา พร้อมกับมีรอยยิ้มน่ารักตามมา เมื่อได้ยินคนเป็นมารดาเอ่ยยืนยันกับเขาว่า“ใช่สิคะลูก ผู้ชายคนนี้คือแด๊ดดี้ของหนู เขาเองก็ตามหาพวกเรามานานแล้วนะ ไปสิจ๊ะ ไปกอดแด๊ดดี้อย่างที่หนูเคยอยากจะทำไง...”ชางเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด เมื่อได้ยินประโยคที่วริญญาพูดออกมา นั่นหมายความว่าที่ผ่านมาเธอกับลูกจะต้องอยู่กับความอ้างว้าง ซึ่งมันไม่ต่างจากเขา ที่เฝ้าตามหาหญิงสาวมาชั่วชีวิตเช่นเดียวกันชางเบี่ยงองศาหน้าหันไปทางอื่น เพราะต้องการกลืนน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา
หญิงสาวจึงหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ เชิงออกคำสั่งให้เปิดเทปบันทึกเสียง และภาพจากคลิปวีดีโอ ที่มีเสียงสนทนาระหว่างอเนก และอนุวัฒน์ ในตอนที่ทั้งคู่ยังอยู่ที่ท่าเรือ เพียงแค่ได้ยินเสียงของคนเป็นลูกชาย นมนิ่มถึงกับไปไม่เป็น อีกทั้งยังมีสีหน้าซีดเผือดอย่างที่เห็น“บอกมาได้ไหมคะ ว่าคนที่เห็นอยู่ในคลิปและเทปบันทึกเสียงนี่ ใช่เสียงของลูกชายนมหรือเปล่า?”“มันเป็นหลักฐานปลอมใช่ไหมคุณหนู มันเป็นเรื่องไม่จริงหรอกค่ะ ใครจะกล้าไปคิดต่ำทรามกับผู้มีพระคุณได้ นมเคยสอนคนหนึ่งไว้ว่ายังไงก็สอนลูกตัวเองแบบนั้นเหมือนกัน”คำแก้ตัวของนมนิ่ม ทำให้วริญญาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ เพราะจนถึงขนาดนี้นางก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะยอมรับความผิดที่ตนได้เป็นคนก่อไว้ข่าวการตายของอเนกและอนุวัฒน์ในเวลานี้ กำลังขึ้นไปอยู่หน้าหนึ่งของสื่อทุกสำนักนักข่าวเริ่มขุดคุ้ยและหาหลักฐานซึ่งเชื่อกันว่าในอีกไม่นาน ก็ต้องตามมาถึงตัวของแม่นมของเธออย่างไม่ต้องสงสัยวริญญา หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ แล้วค่อยๆ ยกเอาถาดอาหารออกมา ก่อนจะวางมันลงตรงหน้านมนิ่ม พร้อมกับรอยยิ้มการค้า จากนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้านมบริสุทธิ์ใจจ
อนุวัฒน์เคยบอกแม่ของตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า อเนกเป็นคนที่คิดจะดีดตัวออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มแผนการ ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะต้องเสียท่าให้แก่องค์กรฝั่งตรงข้าม แต่อย่างน้อยที่สุดก็ได้รู้แล้วว่า หากจะต้องตายมันก็ต้องตายตกตามกันไป เพราะถึงยังไงมันก็ได้ชั่วด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มต้น “มึงเอง ก็อย่าหวังว่าจะเอาตัวรอดได้เลยไอ้อเนก”ปัง!อนุวัฒน์ใช้เรี่ยวแรงที่มีเหลืออยู่ เหนี่ยวไกปืนแล้วเล็งไปที่ศีรษะของอเนก แต่ตัวของอเนกเองกลับไวกว่า เขาจึงยิงรัวเข้าไปที่ร่างของอนุวัฒน์เพื่อให้มันได้ตายสมใจ แต่ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดลง อนุวัฒน์ได้เหนี่ยวไกปืนแล้วยิงใส่อเนกได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าลูกปืนมันจะไม่ได้เข้าไปที่ส่วนศีรษะของอเนกอย่างที่ตนตั้งใจ แต่กระสุนก็ยิงเข้าไปที่ชายโครงของอเนกจึงเป็นเหตุให้อเนกเสียการควบคุมพวงมาลัยรถที่กำลังบังคับอยู่ รถที่กำลังแล่นไปบนถนนใหญ่ด้วยความเร็วสูงเกินพิกัด ซึ่งเมื่อขาดคนบังคับมันจึงหลุดออกนอกเส้นทาง คล้ายกับมีบางอย่างดึงดูดให้รถคันที่เห็น กระเด็นออกมาจากถนนเส้นหลัก จากนั้นจึงพลิกคว่ำแล้วกลิ้งตกลงไปในแม่น้ำกว้าง ก่อนจะค่อยๆ จมหายลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเห็นกลุ่มเลือ
“จัดการส่งคนเข้าไปลากคอพวกมันมา ฉันไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ เดินตามแผนการณ์ของเราที่วางเอาไว้ อย่าจับตายจำเอาไว้ว่าฉันต้องการเห็นพวกมันตัวเป็นๆ ““รับทราบครับเจ้านาย”หลังจากที่นั้นเรือลำนั้นแล่นออกไป ก็มีเรืออีกลำซึ่งใหญ่กว่าค่อยๆ ชะลอตัวเข้ามาจอดยังชายหาดด้านข้าง นั่นมันทำให้วริญญารู้สึกเอะใจ แล้วหันกลับไปมองหน้าของชายหนุ่มด้วยความสงสัย“ชาง!...คุณเตรียมแผนการนี้ไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้วใช่มั้ย!? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะชาง!”วริญญาแว๊ดใสหน้าชางอย่างจะเอาเรื่อง เมื่ออีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงรีบรับสารภาพกับเธอทันที“บอกเดี๋ยวนี้แล้วครับเมีย....ผมแค่อยากให้คุณทำใจได้ เพราะอันที่จริงแล้วการที่ผมจะฆ่าพวกมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะคนพวกนั้นอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจที่คุณมีให้กลับมาทำร้ายคุณเอง ผมรู้ดีว่าในตอนที่คุณยังรังเกียจผมอยู่ถ้าผมทำอะไรรุนแรงกับคนพวกนั้นลงไป คุณก็คงจะไม่มีวันให้อภัยผมไปชั่วชีวิต”เขาเหมือนกับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในความคิดและความรู้สึกของเธอ วริญญาตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรผู้ชายที่กำลังนั่งกอดเธออยู่ในตอนนี้ถึงได้เข้าใจหัวอกของเธอเสียทุกอย่างชายหนุ่มประคอ
หญิงสาวเพียงแค่ใช้ส้อมที่อยู่ในมือจิ้มลงไปในอาหาร แล้วนำมันขึ้นมาใส่ปากรับประทาน จึงพบว่ารสชาดนั้นไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เธอเคยกินอาหารฝีมือของแม่นม มันช่างน่าประหลาดเพราะมันเป็นรสชาดที่เธอลืมไปนาน หรือเป็นเพราะเธอกินอาหารฝีมือของแม่นมของเธอมานานจนเกินไป“มันไม่มีกลิ่นที่เหมือนกับอะไรบางอย่าง รบกวนจมูกของเราฉันพูดถูกหรือเปล่า?” ชางเอ่ยถามเพราะต้องการความเห็น“ทำไมคุณถึงได้รู้ ทุกครั้งที่ฉันได้กินกับข้าวฝีมือของแม่นมนิ่ม อาหารพวกนั้นจะมีกลิ่นบางอย่าง มันหมือนกับฉันเคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นของอะไร?”ชายหนุ่มเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า“สารปรอทยังไงล่ะ เหมือนกับตอนที่คุณพ่อของคุณโดน”ถ้วยอาหารในมือของหญิงสาวถึงกับร่วงตกลงไปบนพื้น ชางรู้ดีว่าเธอคงจะตื่นตกใจ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบเอาถ้วยนั้นขึ้นมาเคาะไล่สิ่งสกปรกแล้วใช้กระดาษซับมันที่มีอยู่ในถุงเช็ดทำความสะอาด ก่อนจะตักอาหารลงไปให้ใหม่อีกครั้ง“คุณจะพูดล้อเล่นไปถึงไหน? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณ กับแม่นมของฉันมีปัญหาอะไรกันถึงขนาดจะต้องตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณพ่อด้วย?”“ห
ท่อนแขนกำยำทั้งสองข้าง ยังคงกอดประคองร่างกายของหญิงสาวเอาไว้แนบแน่นผิวเนื้อเนียนนุ่มยังคงเบียดเสียดถูไถกันจนกระทั่งบางครั้งยังเข้าใจว่า ร่างกายของเธอและเขาอาจจะลุกไหม้ขึ้นมาได้ ในช่วงจังหวะนั้นมีหลายครั้งที่เธอกับเขาได้ประสานสายตา และก็มีบางคราที่วริญญาเธอเผลอยิ้มให้เขาอย่างลืมตัว เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสที่ห่างหาย ชางจึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหญิงสาวไม่เคยลืมเขาไปจากหัวใจเลยแม้แต่นิดเดียว“ผมรักคุณ รักทั้งหมดของคุณ ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ อา…คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”“ปล่อยฉันสักทีเถอะค่ะ ฉันสู้แรงคุณไม่ไหวแล้วนะ กี่ครั้งแล้วคะนี่”“ผมไม่สนใจ จะกี่ครั้งมันก็เป็นของผม อย่างนี้!”ชายหนุ่มโจนจ้วงเข้าไปจนสุดลำโคน จนโดนกำปั้นบอบบางทุบเข้าที่กลางหลัง จากนั้นจึงต่อว่าตามมาเสียงดัง“นิ้คุณ! คิดจะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไงฮะ!? คุณเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“ก็ตั้งแต่ตอนที่ผมตามหาคุณไม่เจอ ตั้งแต่ตอนที่ผมเห็นว่าคุณมีผู้ชายคนอื่น”วริญญาไม่กล้าพูดอะไรต่อ หญิงสาวได้แต่หลับตาและปล่อยให้เขาตักตวงเอากับร่างกายของเธอต่อไป พร้อมกับฟังเสียงคำรามของอีกฝ่ายที่ระบาย
ชางกระชากเอาร่างบางเข้ามากอดแนบกาย พร้อมกับสายตาที่รู้สึกปวดร้าว เขาจ้องมองหญิงสาวด้วยความขุ่นเคือง“ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าผมกับไอ้ผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูกคุณ ใครมันจะลีลามัดใจคุณได้มากกว่ากัน!”“คิดจะทำอะไรฉันน่ะ ปล่อยฉันนะ! ชาง ฉันไม่! อื้ออ...”อย่างไม่ทันจะได้อ้าปากอธิบาย ริมฝีปากหยักได้รูปก็บดจูบลงมาอย่างรุนแรง รุกเร้าและเอาแต่ใจมากกว่าทุกครั้งวริญญาขยุ้มเสื้อของร่างหนาจนมันแทบจะขาดคามือซะให้ได้ อีกทั้งลมหายใจยังติดขัดเมื่อถูกเขาบดจูบลงมาอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้จะขบริมฝีปากตัวเองแน่นๆ แล้วก็ตามริมฝีปากอิ่มร้อนยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ตามแรงขัดขืนของอีกฝ่ายที่แสดงออกไปแต่ชางรู้นี่ว่าต้องทำยังไงวริญญาถึงจะยอมทุกอย่างที่ชายหนุ่มต้องการเขาสามารถบังคับมันได้อย่างน่ากลัวอย่างที่เจ้าตัวกำลังทำแล้วหญิงสาวก็เห็นลางแพ้เขามาตลอด...แบบนี้....จากมือที่กำเสื้อของร่างใหญ่ไว้จนยับย่น เปลี่ยนเป็นวางทาบมือลงบนบ่ากว้าง จากที่เบี่ยงหนีก็กลายเป็นยอมรับทุกการกระทำของชางอย่างเผลอตัววริญญาพยายามดึงสติของตน เมื่อเห็นอีกคนค่อยๆ วางร่างของเธอให้นอนหงายลงไปกับพื้น แต่ก็ไม่สามารถฝืนความต้องกา
“คุณทำดีมากเลยนะริญ ชนเข้าจนได้สิ พอทีเหอะ! โทรศัพท์มือถือของผมก็ไม่ได้เอามาด้วย มันอยู่กับลูกน้องบนเรือลำนั้น แล้วทีนี้เราจะกลับกันได้ยังไงฮึ?”วริญญารู้สึกว่าตนเองทำอะไรเหมือนกับคนที่ไม่มีสมอง ไม่รู้จักตริตรองเป็นครั้งแรก จนกระทั่งเรื่องที่ตนเองก่อไว้ได้ทำให้เกิดความเสียหาย ความอับอายที่ได้รับ จึงทำให้ร่างบางรู้จักสำนึกผิดคิดขึ้นมาได้ แต่จะให้เอ่ยวาจาว่าขอโทษมันก็ดูกระไร เธอจึงทำได้แค่ไม่พูดไม่จา ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอ่ยปากต่อว่า เพราะไม่ต้องการทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องเสียกำลังใจ“สงสัยเราคงจะต้องไปอาศัยนอนบนเกาะนู้นแล้ว เห็นหรือเปล่า?” ชายหนุ่มยกมือขึ้นจรดปลายนิ้วชี้ไปยังเกาะซึ่งมีขนาดเล็ก อยู่ห่างจากเรือไม่มากนัก หากต้องว่ายน้ำไปก็คงจะไหวอยู่ “เราจะไปได้ยังไงกัน แล้วเกาะเล็กแค่นั้นมันจะมีบ้านของชาวบ้านอยู่ได้ยังไงกันคะ ดูไปแล้วเหมือนเกาะที่เรือแค่วิ่งผ่านเท่านั้นเอง” วริญญาแย้งขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย“หรือคุณจะอยู่บนนี้รอให้เรือมันจมซะก่อนละ ชนดังซะขนาดนั้นใต้ท้องเรือคงทะลุไปแล้วมั้ง น้ำกำลังซึมเข้ามานั่นคุณเห็นมันรึเปล่าละ? เรามีห่วงยางแล้วก็มีเครื่องชูชีพขนาดกลาง ตอนนี้เราต้องไปขึ้
“ผมไม่สามารถเป็นคนเลวกับผู้มีพระคุณได้ และผมก็ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งผู้หญิงที่ผมรักเพียงคนเดียวได้ลงคอ”ประโยคต่อมาที่วริญญาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินออกมาจากริมฝีปากของคนตรงหน้า ดวงตากลมโตจึงเบิกกว้าง พลางจ้องมองใบหน้าของร่างใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยทอดทิ้งเธอไปอย่างไม่ใยดี“คุณอาจจะเคยคิด ว่าผมเลวที่เคยทอดทิ้งคุณไป แต่คงไม่มีใครรู้หรอกว่าผู้ชายสารเลวคนนี้มันใช้เวลาที่มีอยู่ทุกนาที ตามหาผู้หญิงที่เป็นเจ้าของหัวใจมาโดยตลอด ถ้าผมจะต้องยกหัวใจและชีวิตให้กับใครสักคน มันคงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เหมาะสมที่จะได้ครอบครองหัวใจของผม มากไปกว่าคุณอีกแล้ว”มันเป็นคำหวานของผู้ชายป่าเถื่อน ซึ่งวริญญาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ยิน ยิ่งไปกว่านั้นอ้อมแขนแกร่งค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาโอบกระชับร่างบางของเธออย่างอ่อนโยนในวันที่หัวใจถูกทิ้งขว้าง มีเพียงตนกับลูกในท้องที่กลายเป็นส่วนเกินในชีวิต ของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีและพ่อ แต่พอมาวันนี้เขากลับมาพูดในสิ่งที่เธอได้เคยตัดมันทิ้งไปเมื่อนานมาแล้ว“ฉันไม่เชื่อถือคำพูดของคุณ เพราะสิ่งที่คุณทำให้ฉันต้องไปเผชิญมา มันโหดร้ายเกินไป พอเถอะชาง ต่อให้ฉันต้องถูกคนพวกนั้นตามจองล้างจองผลา