หญิงสาวดันตัวเองออกมาจากร่างของแม่นมอย่างช้าๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงคนเป็นลูกชาย“แล้วตอนนี้อนุวัติเป็นยังไงบ้างคะ”เมื่อได้ยินเสียงนายหญิงตัวน้อยถามหาลูกชาย นมนิ่มก็ยิ้มออกมาได้ด้วยความยินดี“นมนึกว่าคุณหนูจะลืมเพื่อนเล่นของคุณหนูไปซะแล้ว”“หนูไม่ได้ลืมนะคะ แต่แค่มันกำลังยุ่งและมีหลายอย่างให้คิด เพราะฉะนั้นมันก็เลยทำให้ลืมๆ ไปบ้าง ว่าแต่ตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่ไหนหรือคะ? สุขสบายดีหรือเปล่า?”“ก็ทำไปตามอัตภาพแหละนั่นแหละค่ะ คนที่มันหัวแข็งสอนอะไรยากก็คงต้องปล่อยให้ไปสู้ชีวิตดู เมื่อครั้งก่อนเจ้านายก็ถามว่าอยากจะเข้ามาทำงานที่นี่หรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ยังอวดเก่ง เลยได้ไปเดินเตะฝุ่นอยู่ที่บ้านนานหลายเดือนแล้วค่ะ”วริญญาหัวเราะเสียงใสขึ้นมาได้ นึกถึงใบหน้าของเด็กชายจอมขี้โกงในสมัยเด็กอนุวัฒน์เป็นลูกชายของแม่นมนิ่ม แต่นิสัยกลับตรงกันข้ามกับแม่นมของเธอทุกอย่าง และที่ร้ายที่สุดอนุวัฒน์ยังมีนิสัยชอบแย่งของเล่นและทำตัวเสมือนกับเป็นลูกเจ้านายมาโดยตลอด ถึงแม้ว่ามารดาของเขาจะทั้งตีและดุอยู่ตลอดเวลา แต่เด็กชายก็ไม่เคยที่จะยอมเชื่อฟัง แต่นั่นก็ยังคงทำให้บิด
แต่ในบัญชีของพ่อเธอนั้น ดันมีเส้นทางการเงินแบบแปลกๆ ซึ่งมีอยู่เพียงหมายเลขบัญชีธนาคารเดียว ที่พ่อของเธอไม่เคยระบุชื่อ และไม่เคยที่จะเก็บยอดเงินเอาไว้เหมือนคนอื่นๆ ที่รับอุปการะ ในสมุดบัญชีรายชื่อนั้น มีชื่อย่อเป็นตัวภาษาอังกฤษ ที่เขียนด้วยตัวอักษรที่ขึ้นต้นด้วย ตัวC“แม่ครับ ผมรอฟัง อยู่นานแล้วนะครับ เมื่อไหร่คุณแม่ จะเริ่มเล่าสักที ถ้าคุณแม่ไม่ยอมเล่าตอนนี้ เดี๋ยวคุณยายก็ต้องเข้ามา ผมไม่อยาก จะนั่งสมาธิแล้วครับ ได้โปรดเถอะPlease.”วริญญาหัวเราะเสียงใสเมื่อได้ยินลูกชายพูดออกมา พร้อมกับทำหน้าทำตาน่าสงสาร ก่อนจะเริ่มต้นเล่านิทานด้วยความเต็มใจหนังสือนิทานที่คุณพ่อของเธอชอบเล่าให้ฟังในสมัยเป็นเด็ก มันก็คงอยู่บนชั้นหนังสือด้านหลังที่เธอนั่ง แต่ในวันนี้เธอยังไม่หยิบมันลงมาอ่าน เธอไม่ต้องการจะร้องไห้เพราะมองเห็นความทรงจำเหล่านั้นที่มันเริ่มจะหวนกลับมาแต่วริญญาก็ค่อยๆ เริ่มต้นเล่านิทานที่มาจากความทรงจำเหล่านั้น เพื่อต้องการจะกล่อมลูกชายตัวน้อย และค่อยๆ ทำให้เขาเข้าสู่นิทราได้ในที่สุด...หลายวันต่อมาวริญญาได้ยินเสียงเอะอะอยู่ภายในห้องครัว เสียงที่คุ้นหูทำให้หญิงสาวรีบเดินลงไปดูในห้องครัวเพี
ดังนั้นในบ่ายวันต่อมาวริญญาจึงให้อนุวัฒน์ติดตามตนเองในฐานะคนสนิทอีกคน หญิงสาวเดินทางไปที่ย่านอัญมณีชื่อดังของเมืองใหญ่ เพื่อเข้าไปพบและพูดคุยเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย ที่สำคัญเธอยังรู้ว่าบิดาของเธอมีคอนเนคชั่น เกี่ยวกับการส่งออกมากมาย ดังนั้นในวันนี้เธอจึงต้องเข้ามารับรู้ถึงธุรกิจอีกตัวที่บิดาได้ทำทิ้งเอาไว้ให้แต่เพียงแค่เธอก้าวเท้าเข้าไปในบริษัทอัญมณีที่รู้จัก หญิงสาวก็ต้องหยุดชะงักงัน เมื่อมองเห็นใบหน้าคมสันของคนที่ยืนหันหลังให้‘เหวินชาง’ทำไมเธอจึงหนีผู้ชายคนนี้ไม่พ้นสักทีนะ...เหวินชางหมุนตัวหันมาประจันหน้ากับวริญญา ด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความลิงโลด ผิดกับอีกคนที่ทำหน้าโกรธเขาข้ามภพข้ามชาติ“ลมอะไรพัดคุณหนูของพวกเมฆครามมาถึงที่นี่ได้ อย่าบอกนะครับว่าตามมาเก็บสายงานของคุณพ่อตัวเอง”เธอไม่อยากจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำไป แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายและอยู่ในวงสังคมที่คุณพ่อของเธอเป็นคนสร้างขึ้น วริญญาก็จำเป็นต้องใส่หน้ากากและพูดคุยด้วยเสมือนกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเหวิน แล้วคุณละคะลมอะไรถึงได้หอบคุณมาอยู่ในพื้นที่คอนเนคชั่นของคุณพ่อฉันได้ อย่าบอกนะคะว่าพวกเกร็ดม
หลายวันที่ผ่านมาอเนกเป็นคนสอนให้วริญญายิงปืน ถึงแม้จะต้องฝืนใจทำอะไรที่ตัวเองไม่ถนัด แต่ก็ไม่สามารถขัดได้ เมื่อก่อนตอนเป็นเด็ก วริญญาเคยถูกบังคับให้ใช้อาวุธทุกชนิดอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามบ่ายเบี่ยงเพียงเพราะไม่ต้องการที่จะเดินตามรอยของท่านเท่านั้นเองแต่ครั้งนี้ที่ยอมทำ เพราะหญิงสาวจำเป็นต้องใช้มันเพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเอง“ถ้าอย่างนั้นเราก็ทำเหมือนที่คุณอเนกเคยทำไปเลยค่ะ หนูเองก็อยากจะเห็นว่า หน้าตาของคนที่ชอบสะกดรอยตามคนอื่นมันเป็นยังไง?”“อย่าเพิ่งใจร้อนเลยครับคุณริญญ่า” อเนกรีบแย้งขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง แต่ทว่าคนเป็นเจ้านายกลับไม่ยอมฟัง“ฉันขอสั่งในฐานะของเจ้านายค่ะ ไม่ใช่ให้ใครต่อใครมาช่วยออกความเห็น” เธอย้ำตรงประเด็นกลับไป ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ราวกับมาดของนางพญา นั่นจึงทำให้อเนกถึงกับยกยิ้มออกมาได้ ก่อนจะหันไปสบตากับคนขับรถซึ่งเป็นลูกน้องทางกระจกมองหลัง“พวกเราไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้มานานแล้วครับนายหญิง...เฉียบ! เด็ดขาด!..มาดผู้นำ!” ลูกน้องที่ทำหน้าที่ขับรถเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกมั่นใจในตัวนายหญิงของพวกเขามากยิ่งขึ้น“เราจะไม่ยอมให้ใครมาเป็นฝ่ายไล่ล่าเราแต่เพีย
“แต่ฉันต้องการจะคุยกับคุณที่นี่เท่านั้น และไม่ต้องการจะไปคุยกับคุณในสถานที่อื่น”แววตาของหญิงสาวอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้น และเขาก็เข้าใจดีว่าหญิงสาวกำลังตกอยู่ในภวังค์ใด แต่เมื่อหันไปมองทางลูกน้องของเธอเข้าก็พบกับแววตาเย้ยหยัน นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มต้องรีบจัดการเรื่องราวทุกอย่าง ให้มันจบลงให้ได้ภายในวันนี้“เรื่องของเรามันคุยกันที่นี่ไม่ได้ ผมต้องการนัดหมายคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว อะไรที่คุณเห็นอยู่ในตอนนี้อย่าคิดว่ามันจะเชื่อไปได้หมดซะทุกอย่าง ผมไม่อยากจะเห็นคุณต้องกลายเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา”“ฉันเคยโง่มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งคุณเองก็น่าจะรู้ดี แล้วก็ไม่ต้องมาทำท่าราวกับว่ายังเป็นห่วงเป็นใยกัน เพราะต่อไปฉันจะไม่ยอมเชื่อใจใครง่ายๆ และจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกอีกแล้ว”คำพูดที่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังของหญิงสาวนั่นเขาพอจะเข้าใจได้ แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งอธิบายให้เธอได้ฟังความจริงที่อยู่ในใจ ว่าทำไมชางถึงต้องทำตัวหายไปแบบนั้นอเนกทำท่าขยับเพราะต้องการจะเอ่ยปากเตือนเจ้านายที่ยืนพูดกับอีกฝ่ายนานเกินไป แต่ทว่าเขากลับต้องเจอสายตาดุดันของอีกคนที่มองตนราวกับว่าต้องการจะให
อักษรตัวย่อเพียงตัวเดียว ทำให้วริญญาเกิดอาการนอนตาไม่หลับ เพราะอเนกพูดว่าเขารู้จักกับเด็กทุกคนที่คุณพ่อของเธอรับอุปการะเลี้ยงดู แต่เพราะอะไรเขาถึงไม่รู้ว่ามีบัญชีแยกอยู่บัญชีหนึ่ง ซึ่งไม่ระบุตัวตนและยอดเงิน ที่สำคัญมันถูกแยกเอาไว้ในบัญชีที่อยู่ติดกับไดอารี่ของท่านที่เธอมักจะอ่านมันเป็นประจำวริญญาค่อนข้างมั่นใจว่าภายในห้องทำงานของบิดา คงยังไม่เคยมีใครกล้าเข้าไปค้นหา หรือตรวจสอบอะไรอย่างแน่นอนร่างบอบบางสวมชุดนอนแนบเนื้อบางเบานอนพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย จนกระทั่งความอ่อนเพลียของร่างกายทำให้เธอเผลอหลับไปไม่รู้ว่านานเท่าใดสัมผัสของเตียงจากทางด้านหลังคล้ายกับมีน้ำหนักของบางอย่างกดทับลงมา จนกระทั่งความรู้สึกอบอุ่นวาบได้ทาบทับลงมาบนพวงแก้มเนียนใส ก่อนจะค่อยๆ ลากไล้ไปตามลำคอระหงในสติอันลางเลือนเธอรู้สึกเหมือนได้รับสัมผัสในครั้งที่ยังคงอยู่กับชายหนุ่มช่วงนั้น เพราะร่างกายที่อ่อนเพลียมาหลายวัน บวกกับสภาพของสมองที่ไม่ได้รับการผ่อนคลาย เธอจึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ในภวังค์ของห้วงฝัน“ชาง ชางขา...ริญญ่าคิดถึงคุณ” วริญญาละเมอออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่…น้ำเสียงนุ่มทุ้มกลับขานรับเธอซะอย่างน
ความอึดอัดในโพรงปากที่เคยห่างหายมานานหวนกลับมาอีกครั้ง ครั้งนั้นเธอยินยอมพร้อมใจให้เขาทำตามอำเภอใจทุกอย่าง แต่มันต่างจากครั้งนี้ซึ่งชายหนุ่มกำลังใช้กำลังบังคับสัมผัสจาบจ้วงจากปลายลิ้นร้อนผ่าว หลอกหลอนให้เธอรู้สึกราวกับต้องการให้อีกฝ่าย กอดเธอเอาไว้แนบกายแต่มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกขั้นพื้นฐานของร่างกาย ที่กำลังถูกปลุกเร้า และจำต้องแข็งใจฝืนตนเองเอาไว้อย่างสุดกำลังและเพียงแค่เธอตั้งสติได้ ริมฝีปากของชางก็ต้องรีบปล่อยริมฝีปากของหญิงสาวให้เป็นอิสระ นั่นก็เป็นเพราะว่า ความเจ็บที่ได้รับ กำลังแล่นพล่านอยู่บนปลายลิ้นสากระคาย ที่ถูกอีกฝ่ายกัดเข้าให้อย่างจงใจ ราวกับต้องการจะขับไล่เขาออกไปพร้อมกัน“ไม่เจอกันพักเดียวกระด้างขึ้นเยอะเลยนะครับคุณหมอ หรือว่าตอนนี้เปลี่ยนรสนิยมไปแล้ว”ในอกของหญิงสาวเต้นรัวจนกระทั่งรู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมของหัวใจ ใบหน้าของเธอร้อนวูบวาบเพราะถูกเขาจูบเมื่อสักครู่ แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นสายตาคมก้มมองลงมาด้วยสายตากระหายใคร่“ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก ถ้าอยากจะได้ ผมจะทำให้คุณต้องจดจำมันไปอีกนาน”ริมฝีปากร้อนนาบลงมาที่ลำคอระหงของวริญญาอีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกเจ็บจี้ดไปยั
“อ่า..ริญญ่า....”ไอ้มาเฟียบ้า! นี่เธอกรี๊ดใส่หน้าเขาได้ไหม?“ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงหวานออกคำสั่งทั้งที่กำลังอายจนหน้าแดง แต่ก็ต้องแกล้งทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่หัวใจกำลังเต้นรัวจนจับจังหวะเดิมแทบไม่ได้“อันที่จริงผมก็ออกจะเสียดายนะ” เขาว่า ก่อนจะชักมือของวริญญาออกมาอย่างใจเย็น “อุตส่าห์ได้อยู่บนเนื้อตัวหอมๆ ของคุณอีกครั้ง แต่เวลาของผมมันมีไม่มากพอ เอาไว่ค่อยมาต่อรอบหน้าให้ก็แล้วกันนะคุณหมอ”“เชอะ!...ไม่มีวันนั้นหรอก” หญิงสาวเอ่ยออกมาเสียงห้วนตึง แถมยังดึงสีหน้าใส่เชิงท้าทายกลับไป ชางได้แต่ส่ายหน้ารับพร้อมกับหยัดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง จากนั้นจึงเอ่ยย้ำคำพูดกับเธออีกครั้งว่า“ริญญ่า...หากคุณใจกล้าพอ คุณก็จะได้รู้ว่าปริศนาที่พ่อของคุณทิ้งเอาไว้ให้มันคืออะไร คุณอย่าลืมมาตามที่ผมนัด แล้วผมก็ขอย้ำเตือนคุณอีกครั้งว่า อย่าไว้ใจคนใกล้ตัวอย่างเด็ดขาด”เอ่ยจบชายหนุ่มก็หมุนตัวแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง อย่างไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นชั้นสามของคฤหาสน์หลังใหญ่ชางใจกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดกล้าปีนเข้ามา ทั้งที่คิดว่าอาจต้องฝ่าดงกระสุนตอนขากลับวริญญารีบลุกจากเตียงแล้ววิ่งตามไปดูเขาที่หน้าต่าง หญิง
เด็กชายเคยไฝ่ฝันว่าตนอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่มีทั้งพ่อและแม่คอยดูแลใกล้ๆ ไม่ใช่เด็กที่มีเพียงแค่ยายไปรับส่งที่โรงเรียน ในวันเทศกาลต่างๆ ก็ยังมีคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าและไม่อ้างว้างเดียวดาย แต่เด็กชายก็ยังมีความตื่นกลัวตามประสา เพราะไม่เคยเห็นหน้าพ่อของตนมาก่อนเลย“ไปหาแด๊ดดี้สิคะลูก หนูไม่อยากจะไปเล่นเบสบอลกับแด๊ดดี้แล้วเหรอคะ?” วริญญาเอ่ยย้ำถึงกิจกรรมที่ลูกชายอยากจะทำนักหนา แต่ทว่ายังหาคนสอนไม่ได้ แล้วมันก็ข้าทางกับสถานะการณ์ในตอนนี้พอดี“ลุงคนนั้นเป็นแด๊ดดี้ของผม จริงๆ หรือครับมัม” เชนเงยหน้าขึ้นมาถามตามประสา พร้อมกับมีรอยยิ้มน่ารักตามมา เมื่อได้ยินคนเป็นมารดาเอ่ยยืนยันกับเขาว่า“ใช่สิคะลูก ผู้ชายคนนี้คือแด๊ดดี้ของหนู เขาเองก็ตามหาพวกเรามานานแล้วนะ ไปสิจ๊ะ ไปกอดแด๊ดดี้อย่างที่หนูเคยอยากจะทำไง...”ชางเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด เมื่อได้ยินประโยคที่วริญญาพูดออกมา นั่นหมายความว่าที่ผ่านมาเธอกับลูกจะต้องอยู่กับความอ้างว้าง ซึ่งมันไม่ต่างจากเขา ที่เฝ้าตามหาหญิงสาวมาชั่วชีวิตเช่นเดียวกันชางเบี่ยงองศาหน้าหันไปทางอื่น เพราะต้องการกลืนน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา
หญิงสาวจึงหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ เชิงออกคำสั่งให้เปิดเทปบันทึกเสียง และภาพจากคลิปวีดีโอ ที่มีเสียงสนทนาระหว่างอเนก และอนุวัฒน์ ในตอนที่ทั้งคู่ยังอยู่ที่ท่าเรือ เพียงแค่ได้ยินเสียงของคนเป็นลูกชาย นมนิ่มถึงกับไปไม่เป็น อีกทั้งยังมีสีหน้าซีดเผือดอย่างที่เห็น“บอกมาได้ไหมคะ ว่าคนที่เห็นอยู่ในคลิปและเทปบันทึกเสียงนี่ ใช่เสียงของลูกชายนมหรือเปล่า?”“มันเป็นหลักฐานปลอมใช่ไหมคุณหนู มันเป็นเรื่องไม่จริงหรอกค่ะ ใครจะกล้าไปคิดต่ำทรามกับผู้มีพระคุณได้ นมเคยสอนคนหนึ่งไว้ว่ายังไงก็สอนลูกตัวเองแบบนั้นเหมือนกัน”คำแก้ตัวของนมนิ่ม ทำให้วริญญาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ เพราะจนถึงขนาดนี้นางก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะยอมรับความผิดที่ตนได้เป็นคนก่อไว้ข่าวการตายของอเนกและอนุวัฒน์ในเวลานี้ กำลังขึ้นไปอยู่หน้าหนึ่งของสื่อทุกสำนักนักข่าวเริ่มขุดคุ้ยและหาหลักฐานซึ่งเชื่อกันว่าในอีกไม่นาน ก็ต้องตามมาถึงตัวของแม่นมของเธออย่างไม่ต้องสงสัยวริญญา หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ แล้วค่อยๆ ยกเอาถาดอาหารออกมา ก่อนจะวางมันลงตรงหน้านมนิ่ม พร้อมกับรอยยิ้มการค้า จากนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้านมบริสุทธิ์ใจจ
อนุวัฒน์เคยบอกแม่ของตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า อเนกเป็นคนที่คิดจะดีดตัวออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มแผนการ ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะต้องเสียท่าให้แก่องค์กรฝั่งตรงข้าม แต่อย่างน้อยที่สุดก็ได้รู้แล้วว่า หากจะต้องตายมันก็ต้องตายตกตามกันไป เพราะถึงยังไงมันก็ได้ชั่วด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มต้น “มึงเอง ก็อย่าหวังว่าจะเอาตัวรอดได้เลยไอ้อเนก”ปัง!อนุวัฒน์ใช้เรี่ยวแรงที่มีเหลืออยู่ เหนี่ยวไกปืนแล้วเล็งไปที่ศีรษะของอเนก แต่ตัวของอเนกเองกลับไวกว่า เขาจึงยิงรัวเข้าไปที่ร่างของอนุวัฒน์เพื่อให้มันได้ตายสมใจ แต่ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดลง อนุวัฒน์ได้เหนี่ยวไกปืนแล้วยิงใส่อเนกได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าลูกปืนมันจะไม่ได้เข้าไปที่ส่วนศีรษะของอเนกอย่างที่ตนตั้งใจ แต่กระสุนก็ยิงเข้าไปที่ชายโครงของอเนกจึงเป็นเหตุให้อเนกเสียการควบคุมพวงมาลัยรถที่กำลังบังคับอยู่ รถที่กำลังแล่นไปบนถนนใหญ่ด้วยความเร็วสูงเกินพิกัด ซึ่งเมื่อขาดคนบังคับมันจึงหลุดออกนอกเส้นทาง คล้ายกับมีบางอย่างดึงดูดให้รถคันที่เห็น กระเด็นออกมาจากถนนเส้นหลัก จากนั้นจึงพลิกคว่ำแล้วกลิ้งตกลงไปในแม่น้ำกว้าง ก่อนจะค่อยๆ จมหายลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเห็นกลุ่มเลือ
“จัดการส่งคนเข้าไปลากคอพวกมันมา ฉันไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ เดินตามแผนการณ์ของเราที่วางเอาไว้ อย่าจับตายจำเอาไว้ว่าฉันต้องการเห็นพวกมันตัวเป็นๆ ““รับทราบครับเจ้านาย”หลังจากที่นั้นเรือลำนั้นแล่นออกไป ก็มีเรืออีกลำซึ่งใหญ่กว่าค่อยๆ ชะลอตัวเข้ามาจอดยังชายหาดด้านข้าง นั่นมันทำให้วริญญารู้สึกเอะใจ แล้วหันกลับไปมองหน้าของชายหนุ่มด้วยความสงสัย“ชาง!...คุณเตรียมแผนการนี้ไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้วใช่มั้ย!? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะชาง!”วริญญาแว๊ดใสหน้าชางอย่างจะเอาเรื่อง เมื่ออีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงรีบรับสารภาพกับเธอทันที“บอกเดี๋ยวนี้แล้วครับเมีย....ผมแค่อยากให้คุณทำใจได้ เพราะอันที่จริงแล้วการที่ผมจะฆ่าพวกมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะคนพวกนั้นอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจที่คุณมีให้กลับมาทำร้ายคุณเอง ผมรู้ดีว่าในตอนที่คุณยังรังเกียจผมอยู่ถ้าผมทำอะไรรุนแรงกับคนพวกนั้นลงไป คุณก็คงจะไม่มีวันให้อภัยผมไปชั่วชีวิต”เขาเหมือนกับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในความคิดและความรู้สึกของเธอ วริญญาตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรผู้ชายที่กำลังนั่งกอดเธออยู่ในตอนนี้ถึงได้เข้าใจหัวอกของเธอเสียทุกอย่างชายหนุ่มประคอ
หญิงสาวเพียงแค่ใช้ส้อมที่อยู่ในมือจิ้มลงไปในอาหาร แล้วนำมันขึ้นมาใส่ปากรับประทาน จึงพบว่ารสชาดนั้นไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เธอเคยกินอาหารฝีมือของแม่นม มันช่างน่าประหลาดเพราะมันเป็นรสชาดที่เธอลืมไปนาน หรือเป็นเพราะเธอกินอาหารฝีมือของแม่นมของเธอมานานจนเกินไป“มันไม่มีกลิ่นที่เหมือนกับอะไรบางอย่าง รบกวนจมูกของเราฉันพูดถูกหรือเปล่า?” ชางเอ่ยถามเพราะต้องการความเห็น“ทำไมคุณถึงได้รู้ ทุกครั้งที่ฉันได้กินกับข้าวฝีมือของแม่นมนิ่ม อาหารพวกนั้นจะมีกลิ่นบางอย่าง มันหมือนกับฉันเคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นของอะไร?”ชายหนุ่มเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า“สารปรอทยังไงล่ะ เหมือนกับตอนที่คุณพ่อของคุณโดน”ถ้วยอาหารในมือของหญิงสาวถึงกับร่วงตกลงไปบนพื้น ชางรู้ดีว่าเธอคงจะตื่นตกใจ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบเอาถ้วยนั้นขึ้นมาเคาะไล่สิ่งสกปรกแล้วใช้กระดาษซับมันที่มีอยู่ในถุงเช็ดทำความสะอาด ก่อนจะตักอาหารลงไปให้ใหม่อีกครั้ง“คุณจะพูดล้อเล่นไปถึงไหน? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณ กับแม่นมของฉันมีปัญหาอะไรกันถึงขนาดจะต้องตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณพ่อด้วย?”“ห
ท่อนแขนกำยำทั้งสองข้าง ยังคงกอดประคองร่างกายของหญิงสาวเอาไว้แนบแน่นผิวเนื้อเนียนนุ่มยังคงเบียดเสียดถูไถกันจนกระทั่งบางครั้งยังเข้าใจว่า ร่างกายของเธอและเขาอาจจะลุกไหม้ขึ้นมาได้ ในช่วงจังหวะนั้นมีหลายครั้งที่เธอกับเขาได้ประสานสายตา และก็มีบางคราที่วริญญาเธอเผลอยิ้มให้เขาอย่างลืมตัว เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสที่ห่างหาย ชางจึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหญิงสาวไม่เคยลืมเขาไปจากหัวใจเลยแม้แต่นิดเดียว“ผมรักคุณ รักทั้งหมดของคุณ ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ อา…คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”“ปล่อยฉันสักทีเถอะค่ะ ฉันสู้แรงคุณไม่ไหวแล้วนะ กี่ครั้งแล้วคะนี่”“ผมไม่สนใจ จะกี่ครั้งมันก็เป็นของผม อย่างนี้!”ชายหนุ่มโจนจ้วงเข้าไปจนสุดลำโคน จนโดนกำปั้นบอบบางทุบเข้าที่กลางหลัง จากนั้นจึงต่อว่าตามมาเสียงดัง“นิ้คุณ! คิดจะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไงฮะ!? คุณเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“ก็ตั้งแต่ตอนที่ผมตามหาคุณไม่เจอ ตั้งแต่ตอนที่ผมเห็นว่าคุณมีผู้ชายคนอื่น”วริญญาไม่กล้าพูดอะไรต่อ หญิงสาวได้แต่หลับตาและปล่อยให้เขาตักตวงเอากับร่างกายของเธอต่อไป พร้อมกับฟังเสียงคำรามของอีกฝ่ายที่ระบาย
ชางกระชากเอาร่างบางเข้ามากอดแนบกาย พร้อมกับสายตาที่รู้สึกปวดร้าว เขาจ้องมองหญิงสาวด้วยความขุ่นเคือง“ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าผมกับไอ้ผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูกคุณ ใครมันจะลีลามัดใจคุณได้มากกว่ากัน!”“คิดจะทำอะไรฉันน่ะ ปล่อยฉันนะ! ชาง ฉันไม่! อื้ออ...”อย่างไม่ทันจะได้อ้าปากอธิบาย ริมฝีปากหยักได้รูปก็บดจูบลงมาอย่างรุนแรง รุกเร้าและเอาแต่ใจมากกว่าทุกครั้งวริญญาขยุ้มเสื้อของร่างหนาจนมันแทบจะขาดคามือซะให้ได้ อีกทั้งลมหายใจยังติดขัดเมื่อถูกเขาบดจูบลงมาอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้จะขบริมฝีปากตัวเองแน่นๆ แล้วก็ตามริมฝีปากอิ่มร้อนยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ตามแรงขัดขืนของอีกฝ่ายที่แสดงออกไปแต่ชางรู้นี่ว่าต้องทำยังไงวริญญาถึงจะยอมทุกอย่างที่ชายหนุ่มต้องการเขาสามารถบังคับมันได้อย่างน่ากลัวอย่างที่เจ้าตัวกำลังทำแล้วหญิงสาวก็เห็นลางแพ้เขามาตลอด...แบบนี้....จากมือที่กำเสื้อของร่างใหญ่ไว้จนยับย่น เปลี่ยนเป็นวางทาบมือลงบนบ่ากว้าง จากที่เบี่ยงหนีก็กลายเป็นยอมรับทุกการกระทำของชางอย่างเผลอตัววริญญาพยายามดึงสติของตน เมื่อเห็นอีกคนค่อยๆ วางร่างของเธอให้นอนหงายลงไปกับพื้น แต่ก็ไม่สามารถฝืนความต้องกา
“คุณทำดีมากเลยนะริญ ชนเข้าจนได้สิ พอทีเหอะ! โทรศัพท์มือถือของผมก็ไม่ได้เอามาด้วย มันอยู่กับลูกน้องบนเรือลำนั้น แล้วทีนี้เราจะกลับกันได้ยังไงฮึ?”วริญญารู้สึกว่าตนเองทำอะไรเหมือนกับคนที่ไม่มีสมอง ไม่รู้จักตริตรองเป็นครั้งแรก จนกระทั่งเรื่องที่ตนเองก่อไว้ได้ทำให้เกิดความเสียหาย ความอับอายที่ได้รับ จึงทำให้ร่างบางรู้จักสำนึกผิดคิดขึ้นมาได้ แต่จะให้เอ่ยวาจาว่าขอโทษมันก็ดูกระไร เธอจึงทำได้แค่ไม่พูดไม่จา ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอ่ยปากต่อว่า เพราะไม่ต้องการทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องเสียกำลังใจ“สงสัยเราคงจะต้องไปอาศัยนอนบนเกาะนู้นแล้ว เห็นหรือเปล่า?” ชายหนุ่มยกมือขึ้นจรดปลายนิ้วชี้ไปยังเกาะซึ่งมีขนาดเล็ก อยู่ห่างจากเรือไม่มากนัก หากต้องว่ายน้ำไปก็คงจะไหวอยู่ “เราจะไปได้ยังไงกัน แล้วเกาะเล็กแค่นั้นมันจะมีบ้านของชาวบ้านอยู่ได้ยังไงกันคะ ดูไปแล้วเหมือนเกาะที่เรือแค่วิ่งผ่านเท่านั้นเอง” วริญญาแย้งขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย“หรือคุณจะอยู่บนนี้รอให้เรือมันจมซะก่อนละ ชนดังซะขนาดนั้นใต้ท้องเรือคงทะลุไปแล้วมั้ง น้ำกำลังซึมเข้ามานั่นคุณเห็นมันรึเปล่าละ? เรามีห่วงยางแล้วก็มีเครื่องชูชีพขนาดกลาง ตอนนี้เราต้องไปขึ้
“ผมไม่สามารถเป็นคนเลวกับผู้มีพระคุณได้ และผมก็ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งผู้หญิงที่ผมรักเพียงคนเดียวได้ลงคอ”ประโยคต่อมาที่วริญญาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินออกมาจากริมฝีปากของคนตรงหน้า ดวงตากลมโตจึงเบิกกว้าง พลางจ้องมองใบหน้าของร่างใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยทอดทิ้งเธอไปอย่างไม่ใยดี“คุณอาจจะเคยคิด ว่าผมเลวที่เคยทอดทิ้งคุณไป แต่คงไม่มีใครรู้หรอกว่าผู้ชายสารเลวคนนี้มันใช้เวลาที่มีอยู่ทุกนาที ตามหาผู้หญิงที่เป็นเจ้าของหัวใจมาโดยตลอด ถ้าผมจะต้องยกหัวใจและชีวิตให้กับใครสักคน มันคงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เหมาะสมที่จะได้ครอบครองหัวใจของผม มากไปกว่าคุณอีกแล้ว”มันเป็นคำหวานของผู้ชายป่าเถื่อน ซึ่งวริญญาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ยิน ยิ่งไปกว่านั้นอ้อมแขนแกร่งค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาโอบกระชับร่างบางของเธออย่างอ่อนโยนในวันที่หัวใจถูกทิ้งขว้าง มีเพียงตนกับลูกในท้องที่กลายเป็นส่วนเกินในชีวิต ของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีและพ่อ แต่พอมาวันนี้เขากลับมาพูดในสิ่งที่เธอได้เคยตัดมันทิ้งไปเมื่อนานมาแล้ว“ฉันไม่เชื่อถือคำพูดของคุณ เพราะสิ่งที่คุณทำให้ฉันต้องไปเผชิญมา มันโหดร้ายเกินไป พอเถอะชาง ต่อให้ฉันต้องถูกคนพวกนั้นตามจองล้างจองผลา