‘เขาเพียงใช้เธอ เป็นเครื่องมือหาความจริงเท่านั้น… โจฮัน | อายุ 30 ปี หล่อ บ้านรวย สุขุมและเย็นชา ซึ่งนิสัยเขาขัดกับหน้าตาที่หล่อเหลาปานเทพบุตรมาก ใครจะคิดว่าคนอย่างเขาก็มีบาดแผลในใจไม่ต่างจากเธอ 'เพราะเธอคือกุญแจสำคัญ ฉันจึงปล่อยให้เธอตายไม่ได้' ╰☆╮ ขนมผิง | อายุ 25 ปี น่ารัก พูดน้อย ขี้อาย ทว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อเธอตกเป็นเหยื่อความรุนแรงและคนใจร้ายที่อยากลบความทรงจำเธอในอดีตของเธอ 'ผิงรู้ดีค่ะ ว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน…' เขาเพียงแค่ใช้เธอเป็นเครื่องมือหาความจริง…. และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
View Moreบทที่ 12 ชีวิตที่มีค่าหลายชั่วโมงต่อมา หลังจากที่หมอเข้ามาตรวจอาการ ขนมผิงก็ยังคงพักรักษาตัวอยู่บนเตียง ส่วนโจฮัน… เขาไม่ได้กลับบ้านเลย ยังคงอยู่ที่นี่ แถมยังสั่งให้ลูกน้องนำงานทั้งหมดมาทำต่อในห้องนอนแขก และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือเขายังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ“คุณโจ…”เสียงแหบพร่าของหญิงสาวที่เพิ่งฟื้นจากฤทธิ์ยาเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบภายในห้อง โจฮันหันไปทางต้นเสียงช้าๆ เห็นเธอพยายามดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับหันไปมองเขาที่นั่งอยู่…ด้านหลังโต๊ะทำงานใช่! เธอมองไม่ผิด และไม่ได้ตาฝาด นั่นมันโต๊ะทำงานจริงๆ!“เธอเห็นอะไร”เสียงเย็นเยียบของเขาถามขึ้นทันทีที่เธอได้สติ ทำเอาขนมผิงยังประมวลคำตอบไม่ทัน ความเจ็บแปลบที่ขมับกลับตอกย้ำขึ้นมาเสียก่อน“ผิง…”“เธอเห็นหน้ามัน?”หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ อย่างกลัวๆ ก่อนจะกระซิบตอบ“เขา… เขาคือหนึ่งในห้าคนนั้น”โจฮันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน เดินตรงเข้ามาหาเธออย่างช้าๆฝ่ามือหนาประคองใบหน้าของเธอเบาๆ แต่แน่นพอจะรู้สึกได้ถึงแรงควบคุม แล้วเขาก็โน้มตัวลงมาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดอยู่เหนือริมฝีปาก“ต่อไป…ฉันจะจับตาดูเธออยู่ที่นี่”“…”!
บทที่ 11 รางวัลเด็กดีเมื่อรับรู้ได้ว่า การที่เธอทำตัวดีมีประโยชน์กับโจฮันจะได้รางวัลตามที่เขาบอกไว้จริงๆ ขนมผิงก็ไม่อยู่นิ่ง เธอพยายามนึกภาพเหตุการณ์ทุกอย่าง และไหว้วานให้มีนโทรหาโจฮันเพื่อเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง“ไม่โทร โทรไปก็ไม่ได้คุย คุณโจฮันเข้าประชุมอยู่” มีนชักสีหน้าใส่ด้วยความรำคาญใจนิดหน่อย ตั้งแต่เธอรู้ว่ามีเพียงเขาที่ติดต่อโจฮันได้ ก็มารอร้องเขาให้โทรหาเจ้านายให้ แม้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง แต่ขนมผิงก็ไม่ละความพยายาม โซ่ยาวเท่าไรเธอก็เดินมาจนสุดความยาวและนั่งรอมีนอยู่หลังประตูบานนั้น“ผิงมีเรื่องจะเล่าให้คุณโจฟังจริงๆ นะคะ”“เรื่องเดิมๆ เธอขี้โกงนะรู้ตัวไหม จะเอารางวัลอย่างเดียวไม่ได้!”“ขี้โกงเหรอ…” ริมฝีปากเริ่มเบะคว่ำ เธอกะพริบตาปริบๆ มองชายหนุ่มอย่างออดอ้อน“อย่ามาจ้องฉัน ยังไงก็ไม่ได้ เดี๋ยวนี้รู้มากนะเธอน่ะ”“พี่มีน”“พอ ไม่ต้องเรียกฉัน ยังไงก็ไม่ได้ ไม่ได้คือไม่ได้เข้าใจไหม” มีนย้ำคำเด็ดขาด เขาไม่ยอมโอนอ่อนให้เธออย่างแน่นอน ครั้งที่แล้วเขาโดนลงโทษ แผลที่หางคิ้วยังไม่หายดีเลย “กลับไปอยู่ในที่ของเธอ”“ค่ะ” เธอคลานกลับไปนั่งพิงเตียงนอน และมองแผ่นหลังกว้างของมีนซึ่งเขานั่งอย
บทที่ 10 ข้อเสนอแววตาที่เคยหม่นหมองกลับมาสดใสอีกครั้ง เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจข้อเสนอนั้นมากจนลืมตัวก้าวเข้าไปใกล้เขา ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดลงจนใบหน้าแทบจะแนบชิดกัน“ผิงต้องทำยังไงเหรอคะ”“หึ… รู้งานนี่” โจฮันก้มมองเตียงของหญิงสาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง “ข้อเสนอนั้นง่ายมาก”“ผิงจะทำ…” เธอเอื้อมมือจับแขนเขาหลวมๆ ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ขณะรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ “ข้อเสนอนั้น…” ปลายนิ้วเรียววางลงบนต้นขาของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว“ถ้าเธอพูดอะไรเกี่ยวกับอดีต ฉันจะให้รางวัลหนึ่งอย่าง และถ้าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะให้รางวัลเพิ่มขึ้นเป็นรอบๆ ไป”“ผิง… ขอรางวัลจากคุณโจฮันได้จริงๆ เหรอคะ”“นี่เป็นข้อเสนอที่ฉันให้เธอ สุดแล้วแต่เธอจะทำได้ไหม ถ้าอยากได้ ก็จงแลกมันมาด้วยความทรงจำของเธอ”“ค่ะ” รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าที่เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นจนโจฮันอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “ผิงเคยบอกคุณโจฮัน… ว่า…”เสียงเธอขาดหายไปในอากาศ เมื่อฝ่ามือหนาวางลงบนไหล่บอบบางของเธอ โจฮันค่อยๆ ปลดสายเดรสลงอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องร่องรอยที่พวกคนชั่วได้ฝากไว้บนเรือนร่างของเธอในดวงตาของเขา ราวกับม
บทที่ 9 เข็ดหลาบร่างบางถูกพากลับมายังบ้านพักได้สำเร็จ ทันทีที่โจฮันก้าวเข้ามาในห้อง เขาก็คว้าข้อมือของหญิงสาว กระชากเธอให้เดินตามไปยังห้องน้ำ ก่อนจะเปิดน้ำเย็นสาดลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ความเย็นเฉียบของสายน้ำทำให้เธอสะดุ้งเฮือก ถอยหนีตามสัญชาตญาณ“อึก…ปล่อยผิง!”“เลิกบ้าหรือยัง? หรือเธออยากตายจริงๆ ฉันจะได้สนองให้เดี๋ยวนี้”น้ำเย็นที่ไหลซึมผ่านเนื้อตัวทำให้สติของเธอเริ่มกลับคืนมา ดวงตาคู่งามจ้องมองเขานิ่ง ทั้งที่ยังหอบหายใจหนัก“ฉันเตือนแล้ว…หรือว่าเธออยากกลับไปอยู่จุดเดิมอีก?” เสียงเข้มเอ่ยอย่างกดดัน “ถ้าเธอต้องการแบบนั้น ฉันทำให้ได้เดี๋ยวนี้เลย”ข้อมือเรียวถูกบีบแน่นเสียจนเจ็บร้าว เธอต้องย่อตัวลง พยายามแกะมือเขาออกทีละนิ้ว“จะ…เจ็บ ผิงเจ็บ…คุณโจฮัน ปล่อยผิงเถอะ”“เจ็บงั้นเหรอ รู้ด้วยเหรอว่าเจ็บมันเป็นยังไง?” โจฮันแค่นเสียง กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่น ยิ่งเห็นเธอร้องขอ เขายิ่งอยากให้เธอเจ็บปวดมากกว่านี้ จะได้หลาบจำเสียที…ว่าเคยตกอยู่ในสภาพที่แม้แต่ชีวิตยังร้องขอไม่ได้“เจ็บ…” เธอพึมพำเสียงแผ่ว“ออกไป!”เขาสะบัดมืออย่างแรงจนร่างบางเซถลาลงไปกองกับพื้นห้องน้ำ ไม่นานนัก แม่บ้านสาวก็นำผ
บทที่ 8 หนีไม่พ้นหลายวันต่อมา…ร่างบางในชุดผ้าฝ้ายปักลายสีขาวยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมเดิม สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานเดียวของห้องนอน สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาอย่างแผ่วเบา ทว่าภาพที่อยู่นอกหน้าต่างกลับไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสักวัน และนี่ก็เป็นวันที่เจ็ดแล้วที่เธอไม่เห็นหน้าโจฮัน“ทานผลไม้หน่อยนะคะ เพิ่มวิตามิน”เสียงแม่บ้านสาวดังขึ้นพร้อมกับวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะข้างเตียง“อย่าลืมทานนะคะ”“ผิงอยากออกไปเดินเล่น… ได้ไหมคะ”หญิงสาวเอ่ยถามเสียงแผ่ว ทว่าก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าต่อให้ขอไป ก็อาจไม่มีใครอนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกได้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเองก็ไม่รู้จะไปถามใครเหมือนกัน”“…ค่ะ”ขนมผิงยกจานผลไม้มาวางบนตักก่อนจะหยิบฝรั่งขึ้นมากัดคำเล็กๆ“ขอบคุณนะคะ ที่ดูแลผิง”“คุณเองก็สู้ๆ นะคะ ตอนนี้อาการคุณดีขึ้นมากแล้ว”คำพูดนั้นทำให้เธอเพิ่งสังเกตตัวเอง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่อาการอยากยาเหล่านั้นค่อยๆ ลดลงไป จนแทบไม่หลงเหลือ ที่เหลืออยู่ก็เพียงร่างกายที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ“แต่ผิงยังจำอะไรไม่ได้เลย…” เสียงหวานแผ่วลงจนแทบเป็นกระซิบ ก่อนที่ใบหน้าสวยจะก้มลงต่ำ น้ำตารื้นขึ้นมาคลอหน่วยอ
บทที่ 7 เศษเสี้ยวความทรงจำช่วงเย็นของวัน โจฮันเพิ่งตื่นจากการพักผ่อน เขาเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์ พลางเปิดดูข้อความจากคนคนหนึ่ง หวังว่าจะมีอะไรเคลื่อนไหวในกล่องข้อความบ้าง ทว่ามีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวก๊อก ก๊อก“นายครับ อาหารเย็นพร้อมแล้วครับ”“อืม”โจฮันขานรับ พร้อมขยับลุกจากเตียง มือหนานวดคลึงขมับเบาๆ ไล่ความมึนงง ก่อนจะก้าวออกจากห้องพัก“แม่บ้านทำข้าวต้มไว้ให้ครับ และนี่ยาลดอาการอักเสบ…” มีนว่าพลางยื่นยาให้ แต่ยังพูดไม่ทันจบ เจ้านายก็เดินเลยผ่านไป ก้าวขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปยังชั้นสองทันที“นายจะไปไหนครับ?”ไม่มีคำตอบ มีนได้แต่ถอนหายใจ ยกมือเกาหัวแกรกๆ ก่อนพึมพำกับตัวเอง “นายนะนาย… ถ้าคุณท่านรู้เข้า ไอ้มีนหัวขาดแน่” ว่าแล้วเขาก็รีบสาวเท้าตามไปยังห้องของขนมผิงปึ่ง!ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เสียงดังจนร่างเล็กที่นั่งเหม่อลอยอยู่สะดุ้งโหยง เธอหันขวับไปมอง ก่อนจะรีบกอดหมอนข้างแน่นขึ้นโจฮันก้าวตรงไปหาเธอ จับไหล่เล็กบีบไว้แน่น ปลายนิ้วโป้งแตะลงบนรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ของหญิงสาว เพราะเขาเพิ่งเห็นมันก็ตอนที่เธอเปลี่ยนชุดใหม่นี้“รอยนี่ ได้มายังไง”“ระ… รอย?” ขนมผิงกะพริบตา
บทที่ 6 พยายาม“ยิ่งเธอจำทุกอย่างได้เร็ว เธอก็จะเป็นอิสระเร็วขึ้นเท่านั้น”“ผิงจะพยายามจำให้ได้”แม้ไม่รู้ว่าชายหนุ่มหมายถึงเหตุการณ์ใด ขนมผิงก็เอ่ยรับปาก เธอจะพยายามถึงที่สุด เพื่ออิสระที่รออยู่เบื้องหน้า“ผิง…ขะ ขอ…ยาได้ไหม”“ไม่ได้”คำตอบที่เด็ดขาดทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ร่างกายของเธอจะทนรับความทรมานนี้ได้นานแค่ไหนกัน? ไม่มีใครรู้….“หน้าที่ของเธอคือจำทุกอย่างให้ได้เท่านั้น และอย่าลืมว่าเธอไม่มีสิทธิ์ร้องขอสิ่งที่ต้องการ”พูดจบ โจฮันก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมกริบปรายมองร่างเล็กครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องหลายชั่วโมงก่อน ลูกน้องที่เขาส่งไปเฝ้าตึกร้างโทรมารายงานว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากเดินออกมาจากที่นั่น ท่าทางของแต่ละคนเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่ที่แปลกคือ…ทุกคนสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า“นายจะกลับตอนนี้เลยไหมครับ?” มีนรีบสาวเท้าตามหลังเจ้านาย“อืม เฝ้าให้ดี”“ครับ”“แล้วอย่าให้สิ่งที่เธอร้องขอ จำเอาไว้”“ครับ”“พวกมันใช้ยาเพื่อทำให้เด็กนั่นจำอะไรไม่ได้”“นายรู้ได้ยังไงครับ?”โจฮันจ้องหน้าลูกน้องก่อนจะยื่นปืนให้เขา “ถ้าเธอยังจำอะไรไม่ได้ ก็จัดการซะ”“แต่นายครับ…”“ฉันไม่เลี้
บทที่ 5 สิ่งที่ต้องการกลางดึกแสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องสะท้อนใบหน้าของโจฮันขณะที่เขาจ้องข้อความบนหน้าจออย่างจดจ่อ นิ้วโป้งเลื่อนขึ้นลงเป็นจังหวะ ชายหนุ่มกำลังรอใครบางคน… คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักมาก่อนส่งข้อความกลับมาก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ผมเองครับนาย ขออนุญาตเข้าไปครับ”สิ้นเสียง ประตูก็ถูกผลักเปิดออกกว้าง มีนก้าวเข้ามา ค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนยื่นไอแพดไปให้เจ้านาย โจฮันรับมันมา เปิดดูคลิปที่บ้านสวนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เย็นชา ราวกับกำลังพิจารณาภาพตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ“ผลตรวจดีเอ็นเอเธอตรงกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุครับ” มีนรายงานเสียงราบเรียบ “เธอชื่อฉัตรฑริกา หรือขนมผิง ลูกสาวคุณนคร… เอ่อ เคยเป็นคู่ค้าเก่าของเราครับ นาย”“แล้วไงต่อ”“ครอบครัวคุณนครถูกฟ้องล้มละลายเมื่อหลายปีก่อน ตัวเขาเองก็… ฆ่าตัวตาย ส่วนภรรยาและลูกหายสาบสูญ”มีนว่าพลางกดเปิดไฟล์รูปภาพจากกล้องวงจรปิด รูปถ่ายของหญิงวัยกลางคนและเด็กสาวถูกขยายขึ้นบนหน้าจอ“นี่ครับ” เขาชี้ไปที่ภาพ “กล้องตัวนี้อยู่ห่างจากโกดังร้างประมาณสิบกิโล เท่าที่ดูจากเทปบันทึก
บทที่ 4 ทาสยานรกโจฮันพยักพเยิดไปทางรถของตัวเอง เป็นสัญญาณให้มีนพาหญิงสาวไปขึ้นรถคันนั้นแทน“นายจะพาเธอไปไหนครับ?” มีนเอ่ยถามด้วยความสงสัยโจฮันเหลือบตามอง ก่อนตอบเสียงเรียบ “บ้านสวน” จากนั้นก็ลดเสียงลงต่ำ “แล้วห้ามบอกใคร ถ้าปู่รู้เรื่องนี้… มึงตาย!”มีนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ก่อนพยักหน้ารับ “ครับ”เขาจับแขนหญิงสาวเพื่อพยุงลงจากรถ แต่เธอกลับสะบัดตัวขัดขืนสุดแรง ร่างเล็กเริ่มดิ้นรนจนเสียหลักล้มลงกับพื้น ใบหน้าหวาดหวั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา“อย่าพาฉันไป! ขอร้องล่ะ…” เธอร้องเสียงสั่น พยายามถอยหนีไปให้ไกลจากพวกเขามีนถอนหายใจ พลางขยับเข้าไปคว้าตัวเธอไว้อีกครั้ง “อย่าดิ้นให้มากนัก เธอคิดว่าตัวเองจะหนีได้รึไง!”แต่แทนที่เธอจะยอม หญิงสาวกลับดิ้นแรงขึ้น ร่างเล็กสั่นเทาไปหมด สายตาตื่นตระหนกเหมือนลูกสัตว์ตัวน้อยที่จนมุมโจฮันมองภาพนั้นด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชา“ถ้ายังดื้อด้าน ฉันจะเปลี่ยนใจฆ่าเธอทิ้งตรงนี้” เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว ก่อนจะบีบแก้มเธอแน่นจนความรู้สึกเจ็บแล่นเข้ามาแทนที่ความกลัว “ตอนนี้เธอมีหน้าที่เดียวคือคิดให้ออก ว่าเรื่องราวในวันนั้นมันเป็นยังไง แต่ถ้าคิดไม่
INTRO ยามตีสามของคืนเดือนดับ ภายในโกดังเก็บของเก่าที่รกร้างและไร้ผู้คนเงียบสงัดราวกับถูกลืมเลือนไปจากโลก หลังจากครอบครัวล้มละลาย เพราะถูกคนใจร้ายโกงเงินจากบริษัทของพ่อ เธอกับแม่ก็กลายเป็นคนไร้ที่พึ่ง ต้องเร่ร่อนหาที่อยู่อาศัยกันตามยถากรรมยิ่งไปกว่านั้น พ่อผู้ที่เคยเป็นเสาหลักของบ้านกลับเลือกจบชีวิตตัวเองหนีปัญหา ทิ้งให้เธอกับแม่ต้องเผชิญความลำบากตามลำพัง…ทว่าความเงียบในค่ำคืนนี้กลับถูกทำลายด้วยเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนร่างผอมบางของเด็กหญิงตัวน้อยนั่งซุกอยู่ในอ้อมอกมารดาตื่นตัวขึ้นจากเสียงรบกวนซึ่งไม่เคยได้ยินมาเป็นเวลานาน ดวงตากลมโตสะท้อนแสงริบหรี่จากภายนอก พลางเงี่ยหูฟังด้วยความสงสัย ใครกันที่กล้ารบกวนความเงียบงันของสถานที่แห่งนี้…“แม่จ๋า…เสียงใครเหรอ?” เด็กหญิงกระซิบถาม ขณะที่ซุกตัวแนบอกมารดา ดวงตาคู่น้อยสอดส่ายไปยังความมืดรอบตัว มันเป็นบรรยากาศที่เธอคุ้นเคยไปเสียแล้ว“ชู่…” ผู้เป็นแม่กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น พลางโยกตัวไปมาเบาๆ ราวกับจะกล่อมให้ลูกสงบลง “นอนนะลูก”“แต่แม่…เสียงมันดัง ใครกันเหรอ?”“แม่ไม่รู้ แต่หนูนอนเถอะนะ พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว”เด็กหญิงเม้มริมฝีปากแน่น แววตาสุกใสสะ...
Comments