“เบื่อที่เอากับเธอเหรอ” “เลิกคิดเรื่องใต้สะดือสักวินาทีได้ไหม” “คงยาก” มาเฟียหนุ่มยกยิ้ม “เบื่อที่ใช้ชีวิตเหมือนนกน้อยในกรงทองแบบนี้” “ใครบอกฉันเป็นนกน้อย ฉันเป็นนกอินทรีต่างหาก” แค่กางปีกบินก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แล้ว โดยเฉพาะพราวดาว เขาสามารถกางปีกออกได้กว้างพอที่จะโอบตัวเธอไว้เพื่อใช้ปีกปกป้องเธอ แต่พราวดาวเบ้ปากก่อนจะเอนตัวไปพิงร่างหนา ซึ่งแฟรงค์ก็โอบตัวเธอไว้ “พักสายตาแป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะไม่ได้พัก” แฟรงค์หลุดยิ้มเพราะรู้ว่าประโยคหลังหมายถึงอะไร “จนถึงเย็นของอีกวันก็เคยมาแล้ว นับประสาอะไรกับแค่คืนที่ไม่เต็มคืน” คนตัวเล็กตวัดสายตามองเจ้าของคำพูดนั้นอย่างไม่ชอบใจ “งั้นเลิกเงี่ย...สิยะ!”
View Moreตอนพิเศษ 2 วันต่อมา แฟรงค์นั่งขัดสมาธิพับใบตองตามที่พราวดาวสั่ง ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ปูเสื่อนั่งทำกระทงของตนเองอยู่ในสวน เพราะวันนี้เจ้านายจะพาออกไปเที่ยวข้างนอก “เท” หนูพิ้งค์ยื่นดอกไม้ให้แล้วขยับตัวไปนั่งบนหน้าตักของเทนต์ ทำเอาแฟรงค์หยุดชะงักเหลือบตามองลูกน้องอย่างเอาเรื่อง “คุณหนูทำกระทงไหมครับ เดี๋ยวผมสอนพับกระทงนะ” เทนต์ไม่ได้มองเจ้านายและสอนคุณหนูพับใบตองทำกระทงเล็ก ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยเรียกความสนใจจากเหล่าแม่บ้านและบอดีการ์ดคนอื่นได้เป็นอย่างดี “หนูพิ้งค์อยู่กับเทนต์ก็ดีแล้วค่ะ แกจะได้ไม่ป่วนคนอื่น” พราวดาวห้ามแฟรงค์ที่ตั้งท่าจะเดินไปหาลูกสาว แต่กลับถูกพราวดาวรั้งตัวไว้ด้วยคำพูด “หนูพิ้งค์แกเป็นเด็กเรียบร้อยนะคะ” “เฮ้อ...เรียบร้อยแล้วยังไง แฟรงค์ห่วงลูกมากอยู่ดี” “แฟรงค์ห่วงลูก หวงลูกอะได้ พราวไม่ห้ามหรอกค่ะ แต่คนในบ้านเว้นไว้ได้ไหม อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ช่วยเลี้ยงยายหนูมานะ” “คนในบ้านก็ไม่น่าไว้ใจเท่าไร ยิ่งหนูพิ้งค์สนิทกับเทนต์มากแค่ไหนแฟรงค์ยิ่งไม่ชอบ” มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วแน
ตอนพิเศษ 1 หนึ่งปีต่อมา กาลเวลาผ่านมาอย่างรวดเร็ว แต่ความรักของเขาและเธอยังคงสดใสเหมือนวันแรกที่คบกัน “หนูพิ้งค์อย่าวิ่งค่ะ เดี๋ยวล้มคุณแม่ไม่โอ๋นะคะ” นางแบบสาวดุลูกสาวตัวน้อยที่กำลังอยู่ในวัยซุกซน เธอวิ่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน และได้หันมามองหน้าแม่เมื่อได้ฟังสิ่งที่แม่บอก “หนูจะให้เทโอ๋” เด็กน้อยที่ยังพูดไม่ชัดเท่าไรตอบกลับแม่ ทำเอาพราวดาวอึ้งกินกับสิ่งที่ได้ฟัง “หนูไปเอาคำพูดพวกนั้นมาจากไหนคะเนี่ย หนูพูดแบบนั้นไม่ได้นะคะหนูพิ้งค์” “หนูจะไปหาเท” ว่าจบก็วิ่งหน้าตั้งจนปลายผมถักเปียสะบัดไปมาไปหาเทนต์ที่ห้องพักบอดีการ์ด เด็กน้อยมาแอบอยู่ที่ประตูห้องแล้วกวาดสายตามองหาคนที่จะมาหา เมื่อเห็นเป้าหมายแล้วจึงวิ่งไปกอดขาเทนต์ไว้แน่นจนชายหนุ่มตกใจ “คุณหนูครับ เล่นแบบนี้ไม่ได้นะครับ ถ้าผมถือของมีคมอยู่จะทำยังไง” เทนต์ย่อเข่านั่งลงตรงหน้าหนูพิ้งค์แล้วลูบผมออกจากพวงแก้มแดงปลั่งจากการวิ่งมา เด็กน้อยยังอยู่ในอาการหอบหายใจเร็ว “ไปเย็งกัง” “ไม่เล่นแล้วครับ ตอนนี้ผมทำงานอยู่” “เย็งกัน” ม
บทที่ 69 ตอนจบ หลายเดือนต่อมา “คุณหนูไม่เล่นนะครับ เดี๋ยวคุณพ่อดุเอานะ” เทนต์ลูกน้องคนสนิทแฟรงค์กำลังดุคุณหนูตัวน้อยที่กำลังซนเดินเล่นรอบบ้าน วันนี้มีการนัดกินข้าวและประชุมใหญ่ของตระกูลโสภณ เขากับพี่เลี้ยงคุณหนูพิ้งค์อีกคนจึงต้องพาเธอออกมาเดินเล่นที่สวน เพราะบรรยากาศในห้องรับประทานอาหารไม่ค่อยดีเท่าไร “แอ๊ะ~” เด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเดินเตาะแตะล้มบ้างไม่ล้มบ้าง เธอหัวเราะขบขันที่เห็นเทนต์วิ่งตามมาจับแล้วอุ้มขึ้นไปแนบอก “ปาปะ” “ไม่ใช่ครับ ไม่ปะป๋าครับ” เขาปัดเศษหญ้าออกจากตัวคุณหนูแล้วพาเธอเดินไปนั่งลงบนม้านั่ง หนูพิ้งค์นั่งนิ่งฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจพลางปรบมือแปะ ๆ เมื่อเทนต์ไกวชิงช้าไปมาเบา ๆ “ชอบเหรอครับ” “อื้อ~” เด็กน้อยยิ้มแป้นแล้วแหงนมองหน้าเขา หนูพิ้งค์ส่งสายตาหวานเยิ้มและรอยยิ้มที่ทำเอาคนทื่อ ๆ แข็งกระด้างเป็นต้องโอนอ่อนและเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา “เท...” หนูพิ้งค์เอนตัวไปซบอกแกร่งอย่างออดอ้อนออเซาะ นิ้วน้อย ๆ เขี่ยแก้มเทนต์เบา ๆ พลางทำปากยื่น ๆ “คุณหนูจะเอาอะไรครับ” “หม่ำ ๆ กิงหม่ำ ๆ” “อา...นา
บทที่ 68 ความรัก ในช่วงชีวิตนางแบบคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะดังเป็นพลุแตก หรือดับอนาถไม่ได้เฉิดฉายอยู่ในวงการ แต่วันนี้มีผู้ชายคนหนึ่งทำให้เธอรู้ว่าบนโลกใบนี้เธอไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ยังมีเขาที่เป็นดั่งลมหายใจและทุก ๆ อย่างในชีวิต “ขอบคุณมากนะที่รักที่ดูแลกันมา” พราวดาวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเอี้ยวหน้ามายิ้มให้คนรักซึ่งแฟรงค์ยืนโอบเอวเธออยู่ด้านหลัง มาเฟียหนุ่มกดปลายจมูกลงบนไหล่มนอย่างแผ่วเบา “หากไม่ใช่เธอ ฉันเองก็ไม่รู้จะเป็นแบบไหน ชีวิตดำเนินไปในทางไหนมากกว่ากันระหว่างเป็นคนเลวกับเป็นคนดี แต่เพราะมีเธอ ชีวิตฉันถึงดีขึ้น เธอเองก็เป็นดั่งดวงใจของฉัน” “ปากหวานแบบนี้อยากให้พราวมีน้องให้หนูพิ้งค์เหรอคะ” แฟรงค์คลี่ยิ้มชอบใจกับคำถามเชิงหยอกล้อแฟนสาว แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงการเย้าหยอก แต่เขากลับรู้สึกดีจนต้องซุกหน้าลงกับไหล่พราวดาว หลบสายตาเธอด้วยความเขินอาย “อย่ามาพูดดีกว่า ในเมื่อไม่อนุญาตให้มีอะ” แฟรงค์เบะปากใส่พราวดาว เพราะเธอเป็นคนบอกเองว่าจะยังไม่มีลูกคนที่สองถ้าหนูพิ้งค์ยังไม่สองขวบ “จริง ๆ แล้วลูกอาจจะอยากมีน้องนะ” แฟ
บทที่ 67 ครอบครัว หลายเดือนต่อมา พราวดาวอุ้มลูกน้อยในวัยเจ็ดเดือนไปที่สวนหลังบ้าน เพราะคุณปู่คุณย่ารอเล่นกับหลานอยู่ที่นั่น วันนี้เป็นวันคริสต์มาสเลยมีการแลกของขวัญกันหน่อย “หลานปู่มาแล้ว” พอพิ้งค์ได้ยินเสียงคุ้นหู เธอก็กรีดร้องและดีดดิ้นดีใจที่เห็นหน้าปู่กับย่า “มาหาปู่มาลูก” คาร์ลลุกขึ้นมาอุ้มหลานสาวมาแนบอก พร้อมทั้งหอมแก้มหนูพิ้งค์ไปหนึ่งฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงมาก ๆ แม้ว่าพราวดาวจะไม่ได้ย้ายมาอยู่กับเขาตามที่พูดกันไว้ แต่ก็พาหลานสาวมาหาทุกวัน ทว่าความคิดถึงปู่กับย่าก็มีให้ทุกวันเหมือนกัน “แอ๊ะ~” หนูพิ้งค์ส่งเสียงอ้อแอ้มองหน้าปู่กับย่าด้วยรอยยิ้มสดใส เธอยกมือขึ้นมาลูบแก้มปู่แล้วซบหน้าลงกับบ่า “นี่หนูง่วงนอนเหรอเนี่ย หรือว่าอยากได้อะไรครับ” “พ่อไม่ต้องตามใจพิ้งค์เลย เดี๋ยวเอาแต่ใจ เสียนิสัยอีก” แฟรงค์รีบดักทางพ่อกับแม่ไว้ เพราะท่านทั้งสองเอาใจและตามใจหนูพิ้งค์เก่งพอ ๆ กับตามใจลูกสะใภ้ พราวดาวคลี่ยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นปู่ย่าทำหน้าสลดเมื่อถูกลูกชายปรามไว้ “ความสุขของท่านค่ะ ให้แกทำเถอะ” “ไม่ได้
บทที่ 66 ความสุข “มันไม่ยากขนาดนั้นหรอกน่าเพื่อน มึงออกจะหล่อ สูงยาวขาวตี๋แบบนี้ ผู้หญิงคนไหนก็อยากเข้าหา” หมอพีทหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกอย่างหนักแล้วหันมองหน้าแฟรงค์อย่างเหนื่อยหน่ายใจ “ก็ถ้าเป็นอย่างที่พูดก็ดีดิ กูเจอแต่คนไม่จริงใจ” “เออน่า ครั้งนี้ต้องเจอคนที่ดีแน่” “สองปีครั้งเนี่ยนะ” “เออ ดีกว่าไม่มีคนมาจีบแล้วกัน” “แหม...มึงมีเมียแล้วก็พูดได้ดิ กูยังไม่มี มันหายากเว้ย!” แฟรงค์หัวเราะขบขันกับสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ของเพื่อนรัก “มีเมียไม่พอ ยังหลงลูกหลงเมียอีก” “ก็ธรรมดาไหมวะ” หมอพีทกลอกตามองบนกับสิ่งที่ได้ยิน “เออ...มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคุณพ่อป้ายแดงขาโหดอย่างแฟรงค์หลงลูกหลงเมียมากแค่ไหนน่ะ” “ก็จริง ไม่กล้าเถียงเลย” แฟรงค์ยกยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงเดินออกมาด้านนอก “ทำอะไรกันครับ” แฟรงค์เดินไปหาพราวดาวแล้วโน้มตัวลงไปโอบกอดเธอไว้หลวม ๆ “กำลังกินน้ำร้อนอยู่ค่ะ คุณแม่โทร. มาบอกให้พราวกินน้ำร้อนบ่อย ๆ แล้วเดี๋ยวอีกสิบห้าวันท่านจะมาหาและให้พราวอยู่ไฟ
บทที่ 65 สุดหวง หลายวันที่พราวดาวพักฟื้นอยู่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้หมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้ เธอก้าวเข้ามานั่งในรถซึ่งแฟรงค์อุ้มลูกขึ้นมานั่งก่อนแล้ว เธอชะโงกหน้ามองลูกน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมแขนพ่อแล้วพ่นลมหายใจออกยาว ๆ “หลับก็ดีค่ะ กลัวจะงอแงตอนนั่งรถ” “ลูกเราไม่งอแงขนาดนั้น” “ค่า~” เธอเอนหลังพิงเบาะแล้วพักสายตาจนมาถึงคอนโด ปภัสสรและคาร์ลพูดกล่อมสองหนุ่มสาวอยู่หลายครั้งว่าให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่แฟรงค์กับพราวดาวก็ยืนยันว่าจะเลี้ยงหนูพิ้งค์เอง “มาแล้ว...หลานสาวป้าวิกกี้” วิกกี้รีบเดินเข้ามารับพราวดาวกับลูกน้อง “หนูพิ้งค์คนสวยของป้าวิกกี้ หนูถอดแบบพ่อมาเป๊ะเลยนะลูก” “เห็นไหม มีแต่คนว่าหนูพิ้งค์เหมือนผม” “ก็เหมือนคุณแฟรงค์จริง ๆ หนิคะ” “แล้วไม่เหมือนพราวบ้างเลยเหรอพี่วิกกี้” พราวดาวเบ้ปาก ทำหน้าบูดบึ้งใส่ผู้จัดการสาวที่เอาแต่ป้องปากหัวเราะขบขันกับแฟรงค์ “เหมือนค่ะ เหมือนที่เป็นผู้หญิง” “พี่วิกกี้อ่า...” “พาลูกขึ้นห้องก่อนดีกว่า” ว่าจบแฟรงค์ก็พาลูกสาวและเมียสุดที่
บทที่ 64 ฝึกสมาธิกับหนูพิ้งค์ หลายนาทีต่อมา พราวดาวถูกพาเข้ามาในห้องพักฟื้นพร้อมกับลูกน้อยที่ถูกพยาบาลสาวเข็นตามเข้ามาทีหลัง แฟรงค์กับปภัสสรรีบเดินไปรับตัวเธอ “เป็นไงบ้างลูก” “เจ็บค่ะ” ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกไหนเท่าความเจ็บปวดแล้ว หลังจากงัวเงียอยู่นาน แฟรงค์ก็อุ้มลูกน้อยเดินมาหา “ดูซิ...คุณแม่อยากเห็นหน้าหนูไหมคะ” ไม่ว่าเปล่า แต่เขายังย่อตัวลงพอให้พราวดาวได้เห็นหน้าลูกน้อย เธอคลี่ยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นมาจับแขนแฟรงค์เบา ๆ “หนูพิ้งค์หน้าได้พ่อหมดเลยค่ะคุณแม่” “จริงลูก หน้าตาเหมือนไอ้ลูกตัวแสบของแม่หมดเลย” ปภัสสรเดินเข้ามาหาลูกชายแล้วรับตัวหลานสาวมาอุ้ม เปลี่ยนกันเพื่อให้แฟรงค์ดูแลพราวดาว “แล้วคุณพ่อล่ะคะ” เธอเอ่ยถามเสียงเรียบ “เดี๋ยวคงตามมาน่ะลูก ติดประชุมใหญ่” “อ๋อค่ะ” “พักผ่อนเถอะลูก” หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ แล้วหลับไปเลย ส่วนแฟรงค์กับแม่ก็นำตัวหนูพิ้งค์ไปให้พี่พยาบาลนำไปที่ห้องทารกแรกเกิด ไว้พราวดาวตื่นจะนำตัวลูกน้อยมาให้กินนมอีกทีหนึ่ง “ยินดีด้
บทที่ 63 คุณพ่อป้ายแดง เข้าเดือนที่เก้า สัปดาห์สุดท้ายของการนับถอยหลังรอวันผ่าคลอด พราวดาวที่ตอนนี้ท้องใหญ่จนเดินเหินลำบากกว่าเดิมเดินมานั่งลงบนโซฟา ซึ่งแฟรงค์กำลังพับผ้าอ้อมเด็กใส่ตะกร้าเตรียมสำหรับไปโรงพยาบาล เธอมองเขาแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ก็แฟรงค์ยืนกรานว่าจะทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่ซื้อของให้ลูกสาวและซักเสื้อผ้ารวมถึงตอนนี้ที่เขากำลังเตรียมของไปโรงพบาบาล “สนุกไหมคะ เห็นหยิบเสื้อลูกตัวไหนขึ้นมาก็อมยิ้ม” “สนุกและมีความสุขมากเลยละ ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะรู้จักหน้าที่ตนเองมากขนาดนี้ สมองสั่งการอัตโนมัติเลยละพราว” เขาหันมาพูดกับคนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข แววตาเปล่งประกายบ่งบอกถึงความสุขที่เขาได้รับจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ “พรุ่งนี้ป้าหมอก็ให้หนูไปแอดมิตแล้วนะคะคนสวย เราจะได้เจอกันเร็ว ๆ นี้แล้วนะ” “อยากเจอใจจะขาดแล้วครับคนสวย อยากเห็นว่าหนูจะหน้าเหมือนใครมากกว่ากัน ระหว่างพ่อกับแม่” “ก็ต้องเหมือนนายอยู่แล้ว ตั้งแต่อัลตราซาวนด์แล้ว” “ก็ไม่รู้แหละ เผื่อออกมาหนูแกล้งพ่อทำให้พ่อดีใจ” “ไม่แกล้งหร
บทนำ ‘ขอเสียงปรบมือให้กับพราวดาว...’ เสียงกรี๊ดกร๊าดดังอื้ออึงไปทั่วงานเดินแบบ เมื่อนางแบบสาวเจ้าของชื่อ ‘พราวดาว’ ก้าวเดินออกมาจากหลังม่านด้วยชุดราตรีสีทองประกายระยิบระยับที่สะท้อนกับแสงไฟ เธอสวมใส่เครื่องเพชรมูลค่าหลายร้อยล้านบาท เดินโชว์อยู่บนเวทีเดินแบบเพื่อการกุศล “เอาละครับ เครื่องเพชรที่คุณพราวดาวสวมใส่อยู่ เป็นเครื่องเพชรที่มีมูลค่าสูงที่สุดในงาน และยังเป็นชุดเครื่องเพชรที่คุณอาภาวิไลออกแบบมาแบบพิเศษที่สุด สนนราคาอยู่ที่ร้อยล้านบาท...” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง “เอาละครับ ผมจะเปิดประมูลเริ่มต้นที่ ร้อยห้าสิบล้านบาท เริ่มครับ!” ‘สองร้อยล้านบาท’ ‘สองร้อยห้าสิบล้านบาท’ ‘สามร้อยล้าน’ ลานตรงหน้าเวทีที่คลาคล่ำไปด้วยนักประมูลมากหน้าหลายตาต่างแย่งชิงชุดเครื่องเพชรนี้ ต่างคนต่างเสนอราคาที่ตนเองสู้ไหว บางคนก็ถอย บางคนก็สู้จนวินาทีสุดท้าย “หนึ่งพันล้านบาท” เสียงเข้มของคนคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง ไฟสีนวลสาดส่องไปที่โต๊ะเขา คนบนเวทีสามารถมองเห็นใบหน้าเจ้าของเงินประมูลหนึ่งพันล้านบาทได้อย่างช...
Comments