บทที่ 8 ดูแล มาเฟียหนุ่มหลุดยิ้มอย่างง่ายดายกับข้อความจากพราวดาว เขากดอ่านและตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ แฟรงค์ : ไปนอน หัวเหม่ง : จุ้นจ้าน! เขาหลุดขำอีกครั้ง ยิ่งอ่านชื่อของคนส่งข้อความแล้วยิ่งขำขันเข้าไปใหญ่ “ฮึ!” ชายหนุ่มกดปิดหน้าจอแล้วทำงานต่อจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน “นายครับ วันนี้คุณพราวไม่ได้ออกไปไหนครับ” ลูกน้องหนุ่มที่เขาใช้ให้เฝ้าดูพราวดาวที่คอนโดก้าวเข้ามารายงาน ก่อนที่เจ้านายจะเดินออกมาจากห้องทำงาน แฟรงค์หยุดฟังแล้วพยักหน้ารับเบา ๆ “ไม่ต้องตาม บอกป๊าด้วยว่าวันนี้ไม่ว่าง” เขาสั่งเสียงเรียบแล้วเดินผ่านหน้าลูกน้องที่เตรียมจะเดินตามเขา ทุกคนหยุดยืนแล้วทำความเคารพผู้เป็นนาย แฟรงค์เดินอาด ๆ มาที่รถยนต์ส่วนตัว เขาขับออกมาจากบริษัท มุ่งหน้าไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของสด ผัก และผลไม้ เมื่อได้ครบอย่างที่ต้องการแล้วก็กลับไปที่คอนโด...พราวดาว คอนโดพราวดาว “เฮ้อ~” ร่างเล็กพ่นลมหายใจออกหนัก ๆ เป็นครั้งที่สามภายในสองนาที เธอรู้สึกหน่วงที่ท้องน้อยเนื่องจากประจำเดือนมา เมื่อเช
บทที่ 9 หวงในฐานะเพื่อน หนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ที่แฟรงค์นั่งลูบท้องพราวดาวเพื่อให้เธอนอนเต็มอิ่มและสบายตัวขึ้น ขณะเดียวกันก็สำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มด้วย “อื้อ~ ปวดท้อง” พราวดาวขยับปากพูดเสียงพร่า ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาจับฝ่ามือหนา “แฟรงค์~ ฉันปวดท้อง” “แล้วให้ทำยังไง กินยาไหม มียาตัวไหนกินไหม” เขาเอ่ยถามอย่างจริงจัง “บอกมา เดี๋ยวไปหยิบให้” “ยาอยู่ในลิ้นชัก ขอบคุณนะ” เมื่อได้ฟังแบบนั้นแฟรงค์จึงรีบลุกขึ้นไปหยิบยามาให้พราวดาวพร้อมกับน้ำดื่มอุณหภูมิห้องหนึ่งขวด “ลุกไหวไหม” “ปวดท้อง เดี๋ยวค่อยกิน” “ไม่ได้” ชายหนุ่มแกะเม็ดยาออก จากนั้นจึงดันตัวพราวดาวลุกขึ้นเล็กน้อยแล้วป้อนยาใส่ปากเธอ พร้อมกับเอาน้ำให้ดื่ม “เวลาประจำเดือนมาทุกครั้งก็เป็นแบบนี้เหรอ” “ไม่หรอก เป็นบางครั้งที่จะปวดท้องแบบนี้” “แล้วมันจะหายไหม” “หายสิ เป็นแบบนี้แค่วันแรกเท่านั้นแหละ จากนั้นก็ปกติ” “อืม...พอมีวิธีนะ ไม่เป็นประจำเดือน ไม่ปวดท้อง และไม่ทรมานแบบนี้ด้วย” “อะไรของนาย” “ฮึ! นอ
บทที่ 10 ออกเดต หลังจากเลิกกองถ่ายแบบ พราวดาวกับผู้จัดการสาวก็กลับมาพักผ่อนที่คอนโดมิเนียม ซึ่งวิกกี้กำลังนั่งเช็กรูปที่ช่างภาพส่งให้ตรวจเช็กอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ “พี่วิกกี้ว่าไอ้บ้านั่นมันแปลกไปไหมคะ” “อะ...ไอ้บ้า ไอ้บ้าที่ไหนลูก” พราวดาวกลอกตามองบนแล้วเอ่ยตอบ “แฟรงค์ลูกรักพี่วิกกี้ไง เห็นเอาอกเอาใจมันเก่งเหลือเกิน หมั่นไส้” “โธ่ลูก เขาเป็นคนจ่ายเงิน พี่วิกกี้ก็ต้องพูดกับเขาดีอยู่แล้ว ยังไงหนูก็ลูกแม่นะลูก” “ชิ! แล้วพี่วิกกี้ก็ชอบตามใจมัน” “ลูก...” “พอเลยค่ะ เย็นนี้พราวจะออกไปกินข้าวกับคุณติ๊กนะคะ” “ติ๊กไหนลูก” “คนคุยค่ะ” “อีกแล้วเหรอน้องพราว เดี๋ยวคุณแฟรงค์ก็อารมณ์ไม่ดีหรอก” “เกี่ยวอะไรกับแฟรงค์ นี่ชีวิตพราวนะคะ และอีกอย่างแฟรงค์ก็รู้เรื่องนี้แล้วด้วย เพราะฉะนั้นพี่วิกกี้อย่าห้ามพราว โอเคไหม” “อะ...โอเคก็ได้ค่ะ แต่อย่าไปในที่ที่คนเยอะนะคะ” “รู้แล้วค่า” พราวดาวเดินนวยนาดเข้าห้องนอนไปเพื่ออาบน้ำแต่งตัวสวย ๆ ไปกินข้าวกับ
บทที่ 11 หงุดหงิด สองวันต่อมา แฟรงค์นั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด ขณะที่เลขาฯ หนุ่มทำงานจนหัวหมุนแต่เช้า “นายครับ วันนี้นายมีนัดกินข้าวกับคุณหนูพายนะครับ” “ใครวะ” คำถามเจ้านายทำเอาเลขาฯ หนุ่มแทบยกมือกุมขมับ นี่เขาไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่เนี่ย “มองหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงวะ” “โธ่ เจ้านายครับ เจ้านายจะลืมคุณหนูพายว่าที่คู่หมั้นไม่ได้นะครับ” พอได้ฟังสิ่งที่ลูกน้องพูด แฟรงค์ก็ทำหน้านิ่งเหมือนเดิม เขาออกจะเฉยชาด้วยซ้ำ ไม่มีบทสนทนาต่อจากนั้น ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ “เจ้านายครับ เจ้านายจะหลบหน้าคุณหนูพายไปนานแค่ไหนครับ ยังไงสักวันก็ต้องเจอกันอยู่ดี” “อย่าเอ่ยชื่อผู้หญิงคนนั้นให้กูได้ยินอีก ทำงานของมึงไป” สิ้นเสียงเข้ม เลขาฯ หนุ่มก็รีบก้มหน้าทำงานอย่างขะมักเขม้น แฟรงค์ส่ายหน้าไปมาอย่างเบื่อหน่ายแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เขาไม่ได้ติดต่อพราวดาวสองวันแล้ว ไม่โทร. ไม่ทัก และไม่อ่านไลน์ที่เธอส่งมาถึงยี่สิบข้อความ “นายจะไปไหนเหรอครับ” “ซื้อกาแฟ” “เดี๋ยวผมให้คนไปซื้อก็ได้น
บทที่12 จริงจัง(?) พราวดาวเม้มปากแน่นแล้วตอบกลับไปเสียงห้วน ๆ “แกจะมาชงมาชอบอะไรฉัน จู้จี้!” (ฮึ! แค่นี้นะ เบื่อจะคุยแล้ว) “อืม” เธอเป็นฝ่ายกดวางสายก่อน ตอนนี้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ทั้งที่รู้ว่าคำนั้นแฟรงค์แค่พูดเล่น “ไอ้บ้าเอ๊ย! เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย” เธอโยนโทรศัพท์ไปที่โต๊ะตรงหน้าโซฟาอย่างไม่ไยดีแล้วจึงเดินไปที่ห้องครัว อุ่นแกงจืดถ้วยนั้นและกินจนหมด ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปถ้วยเปล่า ๆ และกระดาษโน้ตส่งไปให้แฟรงค์ดู หลายวันต่อมา แฟรงค์นั่งจิบชาร้อนอยู่สวนหลังบ้านในวันหยุดพักร้อน บรรยากาศโดยรวมน่าจัดปาร์ตีมากกว่านั่งจิบชายามบ่ายแบบนี้ “นายครับ มีคนมาขอพบครับ” “ใคร” แฟรงค์ถามทั้งที่สายตายังจดจ้องที่ถ้วยชาในมือ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ทำให้จิตใจเขาสงบนิ่งลง “คุณพายครับ” “...” สายตาดุดันผู้เป็นนายจดจ้องเขาจนไม่อาจเงยหน้าสบตาตรง ๆ ได้ “วันนี้วันหยุด ไม่รับแขก” แฟรงค์วางถ้วยน้ำชาลงบนจานรอง แล้วหยิบขนมมาการองขึ้นมากัดเคี้ยวเบา ๆ “ขนม...หวานไปมันก็เลี่ยนนะ” ขนมที่เหลือถูกเ
บทที่ 13 โดนวางยา หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวกับแววตาและน้ำเสียงของแฟรงค์ เธอเสมองไปทางด้านหลังเขาแล้วผลักอกแกร่งออกห่าง “อย่ามาเล่น ไม่ตลก” “ฮึ...ก็ตลกอยู่ ที่เห็นเธอเสียอาการ” “เล่นกับความรู้สึกฉันมันตลกมากเหรอ” “ก็นิดหน่อย” แฟรงค์หันหลังเดินไปที่โต๊ะ แล้วนั่งจิบชาเหมือนเดิม พราวดาวยังยืนอยู่กับที่ เธอสงบสติอารมณ์ได้แล้วค่อยเดินตามเขามาที่โต๊ะ “พรุ่งนี้มีงานเดินแบบ” “อืม” “นายก็คงได้ไปใช่ไหม” แฟรงค์ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ “ทำไม” เขาถามเสียงเรียบ “เปล่า แค่ถามเฉย ๆ เพราะพรุ่งนี้คนคงจะเยอะน่าดู” “เยอะก็ไม่เห็นต้องกลัว เธอเป็นนางแบบมืออาชีพ ไม่ใช่นางแบบมือสมัครเล่นนะพราว” พราวดาวคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือหนาที่กำลังจะหยิบคุกกี้ แฟรงค์เลิกคิ้วมองหญิงสาวอย่างเป็นคำถาม “พรุ่งนี้นายให้คนของนายดูแลฉันได้ไหม กลัวอะ กลัวโดนลอบทำร้ายอีก” “ฮึ! เธอคิดว่าพวกนั้นจะได้เข้าประชิดตัวเธอเป็นครั้งที่สองหรือไง มันไม่ง่ายขนาดนั้น
บทที่ 14 แก้ฤทธิ์ยาปลุกเซ็กซ์ พราวดาวเม้มปากแน่น จดจ้องใบหน้าหล่อเหลาก่อนจะถูกเขาอุ้มไปที่รถอย่างเป็นห่วง “แฟรงค์~ ฉันต้องการนาย อ๊า~” ฝ่ามือน้อย ๆ ลูบไล้แผงอกแกร่งเบา ๆ พลางเปล่งเสียงครางหวานออกมา ความร้อนรุ่มในกายเหมือนจะแผดเผาเธอจนมอดไหม้ หากไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์กระสันที่ถูกปลุกด้วยยาปลุกเซ็กซ์ที่กินเข้าไป ตอนนี้พราวดาวไม่ได้สติเลยแม้แต่น้อย เธอจำอะไรไม่ได้เลยว่าเผลอทำอะไรไปบ้าง สมองประมวลผลแล้วว่าต้องการเซ็กซ์อย่างเดียว “พราว” แฟรงค์ก้มหน้ามองคนที่นอนอยู่บนหน้าตัก พราวดาวปรือตาขึ้นมองเขาก่อนที่จะฮึดใช้แรงที่มีดันตัวเองขึ้นมาคร่อมร่างหนาไว้ “ขอร้อง...นายต้องช่วยฉัน ตอนนี้...” เธอพูดเสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้าด้วยความทรมาน ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปซุกไซ้คอหนา พรมจูบสลับกับดูดดึงเบา ๆ ด้วยความกระสัน ยิ่งแฟรงค์ทำท่าขัดขืนเธอยิ่งหงุดหงิด “ไม่ พราว ฉันไม่อยากทำอะไรตอนเธอไม่ได้สติ” “แต่ฉันอยากให้นายทำ อื้อ~ ช่วยด้วย” พราวดาวร้องขอเขาเสียงสั่น แล้วรั้งใบหน้าเขามาจูบหนัก ๆ อย่างเอาแต่ใจ ในขณะเดียวกันก็ปลดกระดุมเสื้อชายหน
บทที่ 15 สัญญา แฟรงค์ย่างสามขุมเข้าไปหาเด็กเสิร์ฟคนหนึ่งซึ่งได้รับรายงานจากลูกน้องแล้วว่าเธอคือคนที่นำถาดขนมไปให้พราวดาว “ใครสั่งให้มึงทำ!” ฝ่ามือหนาบีบแก้มหญิงสาวจนเธอหน้าสั่น ดวงตากลมโตเคลือบด้วยม่านน้ำตา “ฉันไม่รู้จริง ๆ ค่ะ ฉันแค่เอาของไปให้นางแบบตามที่สั่งเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าในนั้นจะมียาหรือมีอะไร ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ” เธอลนลานตอบด้วยความกลัว “ใครสั่ง” แฟรงค์ถามอีกครั้ง “ทีมงานค่ะ มีทีมงานจัดขนมไว้ให้แล้ว และแยกเป็นคน ๆ ไป ส่วนฉันมีหน้าที่นำไปเสิร์ฟเท่านั้น ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ” “แม่งเอ๊ย! ถือว่ามันฉลาดมาก” แฟรงค์สะบัดมืออย่างแรง “เช็กกล้องวงจรปิดแล้วใช่ไหม” เขาหันไปถามลูกน้อง “ครับนาย กล้องวงจรปิดบางจุดก็ใช้งานไม่ได้ โดยเฉพาะห้องรวมทีมงานจัดของว่างให้นางแบบ” “ฮึ! ฉลาดดีหนิ...” มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มเยือกเย็นแล้วเหลือบตามองหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า เขาย่อเข่านั่งลงแล้วใช้ปลายปืนเชยคางหญิงสาวขึ้น “ถ้าเธอมีหลักฐานเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันมีรางวัลให้อย่างงาม” “ค
ตอนพิเศษ 2 วันต่อมา แฟรงค์นั่งขัดสมาธิพับใบตองตามที่พราวดาวสั่ง ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ปูเสื่อนั่งทำกระทงของตนเองอยู่ในสวน เพราะวันนี้เจ้านายจะพาออกไปเที่ยวข้างนอก “เท” หนูพิ้งค์ยื่นดอกไม้ให้แล้วขยับตัวไปนั่งบนหน้าตักของเทนต์ ทำเอาแฟรงค์หยุดชะงักเหลือบตามองลูกน้องอย่างเอาเรื่อง “คุณหนูทำกระทงไหมครับ เดี๋ยวผมสอนพับกระทงนะ” เทนต์ไม่ได้มองเจ้านายและสอนคุณหนูพับใบตองทำกระทงเล็ก ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยเรียกความสนใจจากเหล่าแม่บ้านและบอดีการ์ดคนอื่นได้เป็นอย่างดี “หนูพิ้งค์อยู่กับเทนต์ก็ดีแล้วค่ะ แกจะได้ไม่ป่วนคนอื่น” พราวดาวห้ามแฟรงค์ที่ตั้งท่าจะเดินไปหาลูกสาว แต่กลับถูกพราวดาวรั้งตัวไว้ด้วยคำพูด “หนูพิ้งค์แกเป็นเด็กเรียบร้อยนะคะ” “เฮ้อ...เรียบร้อยแล้วยังไง แฟรงค์ห่วงลูกมากอยู่ดี” “แฟรงค์ห่วงลูก หวงลูกอะได้ พราวไม่ห้ามหรอกค่ะ แต่คนในบ้านเว้นไว้ได้ไหม อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ช่วยเลี้ยงยายหนูมานะ” “คนในบ้านก็ไม่น่าไว้ใจเท่าไร ยิ่งหนูพิ้งค์สนิทกับเทนต์มากแค่ไหนแฟรงค์ยิ่งไม่ชอบ” มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วแน
ตอนพิเศษ 1 หนึ่งปีต่อมา กาลเวลาผ่านมาอย่างรวดเร็ว แต่ความรักของเขาและเธอยังคงสดใสเหมือนวันแรกที่คบกัน “หนูพิ้งค์อย่าวิ่งค่ะ เดี๋ยวล้มคุณแม่ไม่โอ๋นะคะ” นางแบบสาวดุลูกสาวตัวน้อยที่กำลังอยู่ในวัยซุกซน เธอวิ่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน และได้หันมามองหน้าแม่เมื่อได้ฟังสิ่งที่แม่บอก “หนูจะให้เทโอ๋” เด็กน้อยที่ยังพูดไม่ชัดเท่าไรตอบกลับแม่ ทำเอาพราวดาวอึ้งกินกับสิ่งที่ได้ฟัง “หนูไปเอาคำพูดพวกนั้นมาจากไหนคะเนี่ย หนูพูดแบบนั้นไม่ได้นะคะหนูพิ้งค์” “หนูจะไปหาเท” ว่าจบก็วิ่งหน้าตั้งจนปลายผมถักเปียสะบัดไปมาไปหาเทนต์ที่ห้องพักบอดีการ์ด เด็กน้อยมาแอบอยู่ที่ประตูห้องแล้วกวาดสายตามองหาคนที่จะมาหา เมื่อเห็นเป้าหมายแล้วจึงวิ่งไปกอดขาเทนต์ไว้แน่นจนชายหนุ่มตกใจ “คุณหนูครับ เล่นแบบนี้ไม่ได้นะครับ ถ้าผมถือของมีคมอยู่จะทำยังไง” เทนต์ย่อเข่านั่งลงตรงหน้าหนูพิ้งค์แล้วลูบผมออกจากพวงแก้มแดงปลั่งจากการวิ่งมา เด็กน้อยยังอยู่ในอาการหอบหายใจเร็ว “ไปเย็งกัง” “ไม่เล่นแล้วครับ ตอนนี้ผมทำงานอยู่” “เย็งกัน” ม
บทที่ 69 ตอนจบ หลายเดือนต่อมา “คุณหนูไม่เล่นนะครับ เดี๋ยวคุณพ่อดุเอานะ” เทนต์ลูกน้องคนสนิทแฟรงค์กำลังดุคุณหนูตัวน้อยที่กำลังซนเดินเล่นรอบบ้าน วันนี้มีการนัดกินข้าวและประชุมใหญ่ของตระกูลโสภณ เขากับพี่เลี้ยงคุณหนูพิ้งค์อีกคนจึงต้องพาเธอออกมาเดินเล่นที่สวน เพราะบรรยากาศในห้องรับประทานอาหารไม่ค่อยดีเท่าไร “แอ๊ะ~” เด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเดินเตาะแตะล้มบ้างไม่ล้มบ้าง เธอหัวเราะขบขันที่เห็นเทนต์วิ่งตามมาจับแล้วอุ้มขึ้นไปแนบอก “ปาปะ” “ไม่ใช่ครับ ไม่ปะป๋าครับ” เขาปัดเศษหญ้าออกจากตัวคุณหนูแล้วพาเธอเดินไปนั่งลงบนม้านั่ง หนูพิ้งค์นั่งนิ่งฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจพลางปรบมือแปะ ๆ เมื่อเทนต์ไกวชิงช้าไปมาเบา ๆ “ชอบเหรอครับ” “อื้อ~” เด็กน้อยยิ้มแป้นแล้วแหงนมองหน้าเขา หนูพิ้งค์ส่งสายตาหวานเยิ้มและรอยยิ้มที่ทำเอาคนทื่อ ๆ แข็งกระด้างเป็นต้องโอนอ่อนและเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา “เท...” หนูพิ้งค์เอนตัวไปซบอกแกร่งอย่างออดอ้อนออเซาะ นิ้วน้อย ๆ เขี่ยแก้มเทนต์เบา ๆ พลางทำปากยื่น ๆ “คุณหนูจะเอาอะไรครับ” “หม่ำ ๆ กิงหม่ำ ๆ” “อา...นา
บทที่ 68 ความรัก ในช่วงชีวิตนางแบบคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะดังเป็นพลุแตก หรือดับอนาถไม่ได้เฉิดฉายอยู่ในวงการ แต่วันนี้มีผู้ชายคนหนึ่งทำให้เธอรู้ว่าบนโลกใบนี้เธอไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ยังมีเขาที่เป็นดั่งลมหายใจและทุก ๆ อย่างในชีวิต “ขอบคุณมากนะที่รักที่ดูแลกันมา” พราวดาวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเอี้ยวหน้ามายิ้มให้คนรักซึ่งแฟรงค์ยืนโอบเอวเธออยู่ด้านหลัง มาเฟียหนุ่มกดปลายจมูกลงบนไหล่มนอย่างแผ่วเบา “หากไม่ใช่เธอ ฉันเองก็ไม่รู้จะเป็นแบบไหน ชีวิตดำเนินไปในทางไหนมากกว่ากันระหว่างเป็นคนเลวกับเป็นคนดี แต่เพราะมีเธอ ชีวิตฉันถึงดีขึ้น เธอเองก็เป็นดั่งดวงใจของฉัน” “ปากหวานแบบนี้อยากให้พราวมีน้องให้หนูพิ้งค์เหรอคะ” แฟรงค์คลี่ยิ้มชอบใจกับคำถามเชิงหยอกล้อแฟนสาว แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงการเย้าหยอก แต่เขากลับรู้สึกดีจนต้องซุกหน้าลงกับไหล่พราวดาว หลบสายตาเธอด้วยความเขินอาย “อย่ามาพูดดีกว่า ในเมื่อไม่อนุญาตให้มีอะ” แฟรงค์เบะปากใส่พราวดาว เพราะเธอเป็นคนบอกเองว่าจะยังไม่มีลูกคนที่สองถ้าหนูพิ้งค์ยังไม่สองขวบ “จริง ๆ แล้วลูกอาจจะอยากมีน้องนะ” แฟ
บทที่ 67 ครอบครัว หลายเดือนต่อมา พราวดาวอุ้มลูกน้อยในวัยเจ็ดเดือนไปที่สวนหลังบ้าน เพราะคุณปู่คุณย่ารอเล่นกับหลานอยู่ที่นั่น วันนี้เป็นวันคริสต์มาสเลยมีการแลกของขวัญกันหน่อย “หลานปู่มาแล้ว” พอพิ้งค์ได้ยินเสียงคุ้นหู เธอก็กรีดร้องและดีดดิ้นดีใจที่เห็นหน้าปู่กับย่า “มาหาปู่มาลูก” คาร์ลลุกขึ้นมาอุ้มหลานสาวมาแนบอก พร้อมทั้งหอมแก้มหนูพิ้งค์ไปหนึ่งฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงมาก ๆ แม้ว่าพราวดาวจะไม่ได้ย้ายมาอยู่กับเขาตามที่พูดกันไว้ แต่ก็พาหลานสาวมาหาทุกวัน ทว่าความคิดถึงปู่กับย่าก็มีให้ทุกวันเหมือนกัน “แอ๊ะ~” หนูพิ้งค์ส่งเสียงอ้อแอ้มองหน้าปู่กับย่าด้วยรอยยิ้มสดใส เธอยกมือขึ้นมาลูบแก้มปู่แล้วซบหน้าลงกับบ่า “นี่หนูง่วงนอนเหรอเนี่ย หรือว่าอยากได้อะไรครับ” “พ่อไม่ต้องตามใจพิ้งค์เลย เดี๋ยวเอาแต่ใจ เสียนิสัยอีก” แฟรงค์รีบดักทางพ่อกับแม่ไว้ เพราะท่านทั้งสองเอาใจและตามใจหนูพิ้งค์เก่งพอ ๆ กับตามใจลูกสะใภ้ พราวดาวคลี่ยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นปู่ย่าทำหน้าสลดเมื่อถูกลูกชายปรามไว้ “ความสุขของท่านค่ะ ให้แกทำเถอะ” “ไม่ได้
บทที่ 66 ความสุข “มันไม่ยากขนาดนั้นหรอกน่าเพื่อน มึงออกจะหล่อ สูงยาวขาวตี๋แบบนี้ ผู้หญิงคนไหนก็อยากเข้าหา” หมอพีทหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกอย่างหนักแล้วหันมองหน้าแฟรงค์อย่างเหนื่อยหน่ายใจ “ก็ถ้าเป็นอย่างที่พูดก็ดีดิ กูเจอแต่คนไม่จริงใจ” “เออน่า ครั้งนี้ต้องเจอคนที่ดีแน่” “สองปีครั้งเนี่ยนะ” “เออ ดีกว่าไม่มีคนมาจีบแล้วกัน” “แหม...มึงมีเมียแล้วก็พูดได้ดิ กูยังไม่มี มันหายากเว้ย!” แฟรงค์หัวเราะขบขันกับสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ของเพื่อนรัก “มีเมียไม่พอ ยังหลงลูกหลงเมียอีก” “ก็ธรรมดาไหมวะ” หมอพีทกลอกตามองบนกับสิ่งที่ได้ยิน “เออ...มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคุณพ่อป้ายแดงขาโหดอย่างแฟรงค์หลงลูกหลงเมียมากแค่ไหนน่ะ” “ก็จริง ไม่กล้าเถียงเลย” แฟรงค์ยกยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงเดินออกมาด้านนอก “ทำอะไรกันครับ” แฟรงค์เดินไปหาพราวดาวแล้วโน้มตัวลงไปโอบกอดเธอไว้หลวม ๆ “กำลังกินน้ำร้อนอยู่ค่ะ คุณแม่โทร. มาบอกให้พราวกินน้ำร้อนบ่อย ๆ แล้วเดี๋ยวอีกสิบห้าวันท่านจะมาหาและให้พราวอยู่ไฟ
บทที่ 65 สุดหวง หลายวันที่พราวดาวพักฟื้นอยู่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้หมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้ เธอก้าวเข้ามานั่งในรถซึ่งแฟรงค์อุ้มลูกขึ้นมานั่งก่อนแล้ว เธอชะโงกหน้ามองลูกน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมแขนพ่อแล้วพ่นลมหายใจออกยาว ๆ “หลับก็ดีค่ะ กลัวจะงอแงตอนนั่งรถ” “ลูกเราไม่งอแงขนาดนั้น” “ค่า~” เธอเอนหลังพิงเบาะแล้วพักสายตาจนมาถึงคอนโด ปภัสสรและคาร์ลพูดกล่อมสองหนุ่มสาวอยู่หลายครั้งว่าให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่แฟรงค์กับพราวดาวก็ยืนยันว่าจะเลี้ยงหนูพิ้งค์เอง “มาแล้ว...หลานสาวป้าวิกกี้” วิกกี้รีบเดินเข้ามารับพราวดาวกับลูกน้อง “หนูพิ้งค์คนสวยของป้าวิกกี้ หนูถอดแบบพ่อมาเป๊ะเลยนะลูก” “เห็นไหม มีแต่คนว่าหนูพิ้งค์เหมือนผม” “ก็เหมือนคุณแฟรงค์จริง ๆ หนิคะ” “แล้วไม่เหมือนพราวบ้างเลยเหรอพี่วิกกี้” พราวดาวเบ้ปาก ทำหน้าบูดบึ้งใส่ผู้จัดการสาวที่เอาแต่ป้องปากหัวเราะขบขันกับแฟรงค์ “เหมือนค่ะ เหมือนที่เป็นผู้หญิง” “พี่วิกกี้อ่า...” “พาลูกขึ้นห้องก่อนดีกว่า” ว่าจบแฟรงค์ก็พาลูกสาวและเมียสุดที่
บทที่ 64 ฝึกสมาธิกับหนูพิ้งค์ หลายนาทีต่อมา พราวดาวถูกพาเข้ามาในห้องพักฟื้นพร้อมกับลูกน้อยที่ถูกพยาบาลสาวเข็นตามเข้ามาทีหลัง แฟรงค์กับปภัสสรรีบเดินไปรับตัวเธอ “เป็นไงบ้างลูก” “เจ็บค่ะ” ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกไหนเท่าความเจ็บปวดแล้ว หลังจากงัวเงียอยู่นาน แฟรงค์ก็อุ้มลูกน้อยเดินมาหา “ดูซิ...คุณแม่อยากเห็นหน้าหนูไหมคะ” ไม่ว่าเปล่า แต่เขายังย่อตัวลงพอให้พราวดาวได้เห็นหน้าลูกน้อย เธอคลี่ยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นมาจับแขนแฟรงค์เบา ๆ “หนูพิ้งค์หน้าได้พ่อหมดเลยค่ะคุณแม่” “จริงลูก หน้าตาเหมือนไอ้ลูกตัวแสบของแม่หมดเลย” ปภัสสรเดินเข้ามาหาลูกชายแล้วรับตัวหลานสาวมาอุ้ม เปลี่ยนกันเพื่อให้แฟรงค์ดูแลพราวดาว “แล้วคุณพ่อล่ะคะ” เธอเอ่ยถามเสียงเรียบ “เดี๋ยวคงตามมาน่ะลูก ติดประชุมใหญ่” “อ๋อค่ะ” “พักผ่อนเถอะลูก” หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ แล้วหลับไปเลย ส่วนแฟรงค์กับแม่ก็นำตัวหนูพิ้งค์ไปให้พี่พยาบาลนำไปที่ห้องทารกแรกเกิด ไว้พราวดาวตื่นจะนำตัวลูกน้อยมาให้กินนมอีกทีหนึ่ง “ยินดีด้
บทที่ 63 คุณพ่อป้ายแดง เข้าเดือนที่เก้า สัปดาห์สุดท้ายของการนับถอยหลังรอวันผ่าคลอด พราวดาวที่ตอนนี้ท้องใหญ่จนเดินเหินลำบากกว่าเดิมเดินมานั่งลงบนโซฟา ซึ่งแฟรงค์กำลังพับผ้าอ้อมเด็กใส่ตะกร้าเตรียมสำหรับไปโรงพยาบาล เธอมองเขาแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ก็แฟรงค์ยืนกรานว่าจะทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่ซื้อของให้ลูกสาวและซักเสื้อผ้ารวมถึงตอนนี้ที่เขากำลังเตรียมของไปโรงพบาบาล “สนุกไหมคะ เห็นหยิบเสื้อลูกตัวไหนขึ้นมาก็อมยิ้ม” “สนุกและมีความสุขมากเลยละ ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะรู้จักหน้าที่ตนเองมากขนาดนี้ สมองสั่งการอัตโนมัติเลยละพราว” เขาหันมาพูดกับคนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข แววตาเปล่งประกายบ่งบอกถึงความสุขที่เขาได้รับจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ “พรุ่งนี้ป้าหมอก็ให้หนูไปแอดมิตแล้วนะคะคนสวย เราจะได้เจอกันเร็ว ๆ นี้แล้วนะ” “อยากเจอใจจะขาดแล้วครับคนสวย อยากเห็นว่าหนูจะหน้าเหมือนใครมากกว่ากัน ระหว่างพ่อกับแม่” “ก็ต้องเหมือนนายอยู่แล้ว ตั้งแต่อัลตราซาวนด์แล้ว” “ก็ไม่รู้แหละ เผื่อออกมาหนูแกล้งพ่อทำให้พ่อดีใจ” “ไม่แกล้งหร