บทที่ 1 อันตราย
พราวดาวแหวกว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำด้วยความสบายใจ ไม่รู้ว่าทำไมเวลาอยู่กับแฟรงค์เธอถึงได้รู้สึกปลอดภัย อาจจะเพราะเขาเป็นมาเฟีย ลูกน้องเยอะ และไม่มีใครกล้าเข้ามาทำร้ายละมั้ง หรือเป็นเพราะอะไร...
“ขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว ไม่สบายมาจะมาโทษฉันไม่ได้นะ” แฟรงค์ยื่นมือไปหาพราวดาวที่ยังทำหน้ามุ่ยไม่อยากขึ้นจากน้ำ เธอแลบลิ้นใส่เขาแล้วแหวกว่ายต่อ “ป่วยมากูจะเย็xให้หายไข้เลยคอยดู” มาเฟียหนุ่มขบกรามแน่นก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำ หยิบบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบระบายความหงุดหงิด
“แฟรงค์” เสียงหวานเอ่ยเรียก
“มีไร”
“วันนี้ไม่เอาได้ไหม เบื่อนิดหน่อย”
“แล้ว?”
“ก็ไม่แล้วไง รู้สึกเพลีย ๆ อยากนอนพักมากกว่า”
“อืม เอาไว้จะพิจารณาดูอีกที แต่ถ้ามึงน่าเอา! ก็ช่วยไม่ได้”
“โรคจิต! ฉันรู้นะว่าแกเอารูปฉันไปชักว่าวบ่อย ๆ”
“ก็เฉพาะตอนที่เธอห่างฉันไหมวะ”
“เออ ๆ ไม่คุยแล้ว รำคาญ!”
“พราว” แฟรงค์เอ่ยเรียกคนตัวเล็กเสียงเรียบ มุมปากหนายกยิ้มยั่วยวนเมื่อมองไปเห็นร่องอกเบียดแน่น ที่กำลังกระเพื่อมไปมาตามจังหวะการก้าวเดินของนางแบบสาวระหว่างอยู่ในสระว่ายน้ำ
“เรียกแล้วยิ้ม คิดอกุศลกับฉันอยู่เหรอ”
“รู้ใจฉันเหลือเกินนะ”
“ในสมองคงมีแต่เรื่องพวกนั้น เลยไม่ต้องเดาอะไรยากค่ะ ขอโทษนะคะ...” หญิงสาวเบ้ปากใส่อย่างล้อเลียนแล้วกระโดดขึ้นมานั่งขอบสระ “มองอย่างเดียว วันนี้ไม่ให้เอา”
“แล้วถ้ากูจะเอา ใครจะห้ามวะ” แฟรงค์เลียริมฝีปากเบา ๆ จดจ้องร่างบางด้วยแววตากระหายสุด ๆ ยิ่งพราวดาวขยับกายนิดหน่อย เขาก็แทบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ไหวแล้ว
“เลิกมองแบบนั้นได้ละ เห็นแล้วอุบาทว์” พราวดาวเบ้ปากแล้วเดินนวยนาดมานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแฟรงค์ เธอยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นไปวางพาดบนหน้าตักชายหนุ่ม หยิบบุหรี่ไฟฟ้าที่แฟรงค์เพิ่งวางลงขึ้นมาดูดแล้วพ่นควันสีขาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ “วันนี้รู้สึกเบื่อจริง ๆ ตั้งแต่เดินแบบละ รู้สึกไม่อยากทำอะไรเลยสักอย่าง”
“เบื่อทุกวัน” แฟรงค์ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ลูบไล้เรียวขาพราวดาวเบา ๆ “มีวันไหนไหมที่เธอไม่เบื่อ”
“มีดิ วันที่ได้ไปเที่ยวไง”
“ประจำ”
“เออ! แล้วเรื่องคู่หมั้นแกอะ เอาไงต่อเหรอ”
“ทำไมจู่ ๆ ถามเรื่องนี้”
“แกน่ะเป็นบ้าเหรอ ฉันก็ต้องถามดิ จะได้ห่างแกบ้างไง และถ้าแกกับคู่หมั้นคนนั้นหมั้นกันจริง ๆ แกกับฉันก็ต้องจบเรื่องนี้ กลับไปเป็นเหมือนเดิม” ใบหน้าคมคายเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยกับคำพูดนั้น
“เอากันไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ปล่อยในบ้าง ไม่ปล่อยบ้าง เธอคิดว่าความสัมพันธ์เราจะกลับไปเป็นแบบเดิมได้จริงดิ?” เขาถามอย่างยียวน แปลกที่แฟรงค์รู้สึกว่ามันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
“สำหรับฉันมันก็เหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่นายกับฉันตกลงกันไว้ แค่เอากันและห้ามคิดอะไรเกินเลย” พราวดาวพูดประโยคนั้นออกมาหน้าตาเฉย เธอไม่รู้สึกอะไรเลยจริง ๆ เหรอ
“อืม...งั้นต้องทบทวนความจำหน่อยแล้ว เพราะฉันมันเป็นพวกลืมง่าย”
“แฟรงค์...ไม่เอา บอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่มีอารมณ์”
“แต่กูมี...” แฟรงค์พ่นลมหายใจออกเบา ๆ สะกดกลั้นอารมณ์กระสันไว้ มันจุกแน่นที่อกแทบจะระเบิดเมื่อร่างเล็กพยายามยั่วยวนเขาให้ตบะแตก “ไม่อยากให้เอาก็อย่ายั่ว เพราะถ้ากูตบะแตกขึ้นมา คนที่จะโดนแหกคือมึง...”
“พูดกับฉันไม่ขึ้นกูมึงมันจะตายไหม แล้วเวลาพูดกับคนอื่นแทนตัวเองผม ๆ น่าหมั่นไส้ว่ะ!” เธอถีบขาแฟรงค์เบา ๆ แล้วชักเท้ากลับมา ปรายตามองมาเฟียหนุ่มด้วยความไม่พอใจ
“ก็ชินปาก”
“ช่างเถอะ เบื่อจะเถียงกับนาย” พราวดาววางบุหรี่ไฟฟ้าลงบนโต๊ะก่อนที่จะลุกขึ้น แล้วลงไปว่ายน้ำต่อ ระหว่างนั้นแฟรงค์เลื่อนสายตาไปมองโทรศัพท์มือถือพราวดาวที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเขา มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มแล้วกดรับสาย เพราะเป็นเบอร์ผู้จัดการคนสนิทของนางแบบสาว
“ว่าไงครับ”
(อ้าวคุณแฟรงค์ น้องพราวอยู่ไหนเหรอคะ)
“ว่ายน้ำครับ”
(อ๋อ พอดีพี่จะโทร. มาบอกว่าพรุ่งนี้น้องพราวมีคิวถ่ายแบบชุดว่ายน้ำช่วงบ่ายโมงค่ะ)
“ชุดว่ายน้ำเหรอครับ”
(ค่ะ)
“อืม...เอาไว้จะบอกเธอให้แล้วกัน” แฟรงค์กดวางสาย สายตาเขาจดจ้องร่างบางแล้วยกยิ้มมุมปาก “ผู้จัดการเธอโทร. มา”
“ว่ายังไง นายรับสายเหรอ”
“อืม”
“ว่ายังไง” พราวดาวถามย้ำคำเดิมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแฟรงค์ยังไม่ยอมตอบคำถามเธอสักที “ยังไง ยิ้มอะไรนักหนา” คนตัวเล็กเริ่มถามเสียงเข้มเมื่อคนตัวโตยังยียวนไม่ยอมตอบ
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“ไม่เชื่อ”
“งั้นก็ขึ้นมาดิ” แฟรงค์ลุกออกจากโต๊ะแล้วยื่นมือไปตรงหน้า พราวดาวว่ายมาเกาะขอบสระว่ายน้ำ เงยหน้ามองชายหนุ่ม “ไม่อยากรู้เหรอว่าผู้จัดการโทร. มาทำไม”
“อย่ามาเจ้าเล่ห์”
“ฮึ...ขึ้นมาก่อน เดี๋ยวปอดบวมเล่นงาน กูไม่ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลนะ”
“ทะลึ่ง!” เพราะสายตาเขาที่จดจ้องแต่หน้าอก เธอจึงเอ็ดแล้วกระโดดขึ้นมานั่งขอบสระ แฟรงค์ชักมือกลับแล้วเดินไปเอาเสื้อคลุมมาให้พราวดาวอีกรอบ “โทรศัพท์มือถือฉันอยู่ไหนแฟรงค์” นางแบบสาวเดินนวยนาดมาหาโทรศัพท์มือถือที่โต๊ะแต่กลับว่างเปล่า มองไปหาแฟรงค์อีกทีก็พบว่าเขาหมุนควงมันเล่นอยู่
“อยากได้เหรอ ให้กูเอาดิ”
“พูดไม่รู้เรื่อง”
“งั้นโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้คงไม่จำเป็นแล้วละ”
จ๋อม!
โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูถูกโยนลงไปในน้ำโดยฝีมือแฟรงค์ เขาไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตนเองเลยสักนิด แถมยังยิ้มมุมปาก มองหน้าเธออย่างยียวนกวนโทสะพราวดาว แต่หากเธอคล้อยตามเขา อาจจะเป็นประสาทตายไปแล้วก็ได้ เพราะงั้นเธอจึงไม่แสดงออกว่ากำลังโกรธเขาอยู่
“เอาละ ฉันรู้ว่านายอยากทำอะไรก็ทำได้ ไม่ต้องเกรงใจใคร แต่การกระทำของนายบางทีมันก็ใช้ไม่ได้สำหรับฉัน เพราะงั้นลงไปเอาโทรศัพท์ของฉันขึ้นมา” ร่างเล็กเท้าสะเอวออกคำสั่งมาเฟียหนุ่ม
“บอกแล้วไง ถ้ามีข้อแลกเปลี่ยนเยอะเกินไปมันก็ไม่สนุก ยอมกันง่าย ๆ ตั้งแต่แรกก็จบ”
“อยากให้ยอมง่าย ๆ ก็ไปหาผู้หญิงที่ยอมให้นายเอาง่าย ๆ สิ ชอบไม่ใช่เหรอ”
“เอาง่ายไปก็น่าเบื่อ” มาเฟียหนุ่มจิ๊ปากด้วยความเบื่อหน่ายแล้วหันหลังเดินเข้ามาในห้องพัก พราวดาวกลอกตากับความเอาแต่ใจของแฟรงค์ แต่ทว่าจังหวะที่เธอจะกระโดดลงไปเอาโทรศัพท์ ลูกน้องเขาก็เดินมารั้งตัวเธอออกจากขอบสระฯ แล้วก็ลงไปเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาให้พราวดาว
“ดีนะโทรศัพท์กันน้ำ ไม่งั้นนะ...” นางแบบสาวบ่นอุบแล้วเดินเข้ามาในห้องพัก แฟรงค์นั่งเล่นเปียโนสบายใจเฉิบ “จะกลับแล้วนะ พรุ่งนี้ฉันก็ไม่ได้ว่างมาหานายด้วย ถ้าเกิดเสี้ยนขึ้นมาก็ใช้มือ...ไปก่อนนะ” พราวดาวทำท่ารูดรั้งมืออย่างทะลึ่ง แล้วจึงเดินผ่านหน้าชายหนุ่มไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด
เสียงเปียโนดังก้องไปทั่วห้องพักสุดหรูหรา คลอกับเสียงฮัมเพลงของแฟรงค์ พราวดาวที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอยืนกอดอกพิงกรอบประตูมองเขาผ่านแววตาที่ยากจะอธิบายความรู้สึกนี้
“ฉันกลับแล้วนะ”
“...” คำพูดของพราวดาวไม่ได้รับความสนใจจากแฟรงค์ เขายังจดจ่อกับการเล่นเปียโน เหมือนภายในห้องนี้มีแค่เขากับเปียโนตัวโปรดนั้น
พราวดาวเดินออกมาจากห้องชายหนุ่มก็พบกับลูกน้องของแฟรงค์ที่เตรียมพร้อมจะไปส่งเธอที่คอนโด โดยไร้ซึ่งร่างหนาของผู้เป็นเจ้านายพวกเขาเดินมาส่งเธออย่างที่เคยทำ
เกือบครึ่งชั่วโมงที่เธอนั่งอยู่ในรถยนต์หรู ไม่นานก็มาจอดสนิทอยู่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดมิเนียมพราวดาว นางแบบสาวเปิดประตูก้าวลงจากรถ คลี่ยิ้มให้ลูกน้องแฟรงค์เล็กน้อยแล้วเดินฝ่าความมืดสลัวไปเข้าลิฟต์ขณะเดียวกันรถลูกน้องแฟรงค์ก็เคลื่อนตัวออกไปเช่นกัน
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของคนสองคนเดินตามหลังพราวดาวมาห่าง ๆ หญิงสาวหอบหายใจแรงเมื่อรู้ตัว เธอกำสายกระเป๋าแน่น ล้วงลงไปหยิบสเปรย์พริกไทยที่ผู้จัดการซื้อให้ใช้ยามฉุกเฉิน
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปในลิฟต์ แต่ทว่าสองคนนั้นก็รีบวิ่งตามเหมือนกัน
“อ๊ะ!”
ปึก!
พราวดาวถลามาตามแรงกระชากผม เธอล้มลงจนหัวเข่ากระแทกกับพื้นอย่างแรง
“คนสวย...คนสวยนี่ใครก็อิจฉานะว่าไหม”
“พวกแกเป็นใคร! อย่านะ” หญิงสาวหยิบสเปรย์พริกไทยออกมาแล้วฉีดใส่หน้าสองหนุ่มจนพวกเขาร้องโอดโอย เธอจึงใช้โอกาสนั้นรีบลุกขึ้น วิ่งออกมาได้เพียงสองก้าวก็ถูกรวบแขนไว้
เพียะ!
หลังมือหนาฟาดเข้าที่ข้างแก้มพราวดาวอย่างแรง เธอพยายามสู้จนลืมความเจ็บปวด แต่ทว่าลูกน้องแฟรงค์ก็กลับมาช่วยทัน ปืนสองกระบอกจ่อขมับสองหนุ่มร่างสูงใหญ่ ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาช่วยพราวดาว
“คุณพราวเจ็บตรงไหนไหมครับ”
“พราวโอเคค่ะ” เธอตอบกลับพลางเช็ดเลือดออกจากมุมปาก แต่แปลกที่ตอนนี้เธอรู้สึกน้อยใจให้แฟรงค์มาก ๆ
“ผมจะจัดการเอง ขึ้นห้องเถอะครับ”
“ค่ะ...”
บทที่ 2 เศษเสี้ยวความห่วงใย 00:00 พราวดาวข่มตาหลับด้วยความระแวง ภายในห้องพักถูกปกคลุมด้วยความเงียบจนน่าหวาดหวั่น นางแบบสาวหลับตาลง ผ่อนลมหายใจเข้าออกทำสมาธิจนในที่สุดเธอก็หลับใหลไปด้วยความเพลีย เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อน ๆ จากยามเช้าสาดส่องผ่านม่านระเบียงมากระทบกับใบหน้าเกลี้ยงเกลา ปลายจมูกเธอแดงซ่านจากอาการภูมิแพ้อากาศในช่วงเช้า ความเพลียทำให้เธอไม่อยากตื่นหรือลุกออกจากเตียง ทว่า ณ ตอนนี้กลับรู้สึกวูบวาบเหมือนมีคนจ้องอยู่ทางด้านหลัง พราวดาวจึงดันตัวลุกขึ้นแล้วหันไปมองทางด้านหลัง “แฟรงค์...” ร่างหนานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาดุดันจ้องมองมาที่ร่างเธอไม่ลดละ “มาตั้งแต่เมื่อไหร่” พราวดาวขยับปากถามเสียงพร่า “...” แฟรงค์เงียบไม่ตอบคำถาม เขาพ่นลมหายใจออกหนัก ๆ หนึ่งครั้งแล้วเอ่ยตอบเธอ “เมื่อคืน” “รู้แล้วสินะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน” “อืม” “ปิดข่าวให้หน่อย ฉันไม่อยากให้เป็นข่าว” “มันใช่เรื่องเหรอ เธอคิดว่าชีวิตมันจะสามารถกลับมาใหม่ได้อีกครั้งงั้นเหรอ” “เรื่องปกติ ฉันอยู่
บทที่ 3 ดื้อรั้น หลายนาทีต่อมา วิกกี้ผู้จัดการสาวสองกุลีกุจอเข้ามาสวมกอดพราวดาวด้วยความตกใจ สองมือประคองใบหน้าเธอไว้หลวม ๆ ตรวจดูรอยเขียวช้ำที่ข้างแก้ม “เป็นยังไงบ้างลูก” “ก็โอเคค่ะ ไม่ได้เจ็บมาก” “โธ่ลูก” “งานถ่ายแบบ พราวว่าพราวคงไปไม่ได้นะคะ หน้าบวมขนาดนี้ ถ่ายออกมาคงไม่สวย” “พี่วิกกี้จัดการแล้วค่ะ เลื่อนถ่ายให้แล้ว” “ขอบคุณค่ะ” “คุณแฟรงค์บอกให้พี่วิกกี้พาน้องพราวไปหาหมอ ตรวจเช็กให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นอะไร ไปนะลูก...” รอยยิ้มของผู้จัดการสาวเหมือนกำลังบังคับเธอทางอ้อม พราวดาวกอดอกแล้วจ้องหน้าวิกกี้ “แฟรงค์บอกอะไรพี่วิกกี้บ้าง” “คุณแฟรงค์บอกว่า ให้พี่วิกกี้พาหนูไปหาหมอที่โรงพยาบาล ตรวจเช็กร่างกาย แล้วก็ให้หนูกินข้าวกินยาตามที่หมอสั่ง ถ้าได้รับยามากินน่ะนะ เขาบอกเพียงเท่านี้ค่ะ” “งั้นพราวไม่ไปค่ะ จะอยู่ที่นี่แหละ” พูดจบเธอก็ลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องนอนในขณะที่วิกกี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ให้กับความดื้อรั้นของพราวดาว ขนาดแฟรงค์ยังบังคับเธอไม่ได้ แล้วผู้จัดการตัว
บทที่ 4 บาดแผลในใจ วันต่อมา พราวดาวตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวัน เรียวแขนเล็กยื่นออกมาจากผ้าห่ม เธอบิดกายไปมาไล่ความเมื่อยล้า ทว่า ณ ตอนนั้นโทรศัพท์มือถือกลับส่งเสียงร้องดัง จนเธอรู้สึกรำคาญที่มีคนโทร. มารบกวนเวลานี้ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายพร้อมกรอกเสียงหวานทักทายไป “ค่า~” (คุณพราวคะ เอ่อ...คุณท่านไม่สบายค่ะ จะมาเยี่ยมไหมคะ) เสียงสั่นเครือของหญิงชราร่างท้วมตอบกลับมาทำเอาพราวดาวหยุดชะงัก เธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงตอบกลับ “พราวไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เผลอ ๆ อาการจะแย่ลงด้วยซ้ำค่ะป้า พ่อเกลียดหนูจะตาย พ่อคงไม่อยากเห็นหน้าพราวหรอก” (แต่คุณท่านเพ้อหาคุณพราวตลอดเลยนะคะ) “...” (มาหน่อยนะคะ มาเจอกันหน่อย ป้าเองก็คิดถึงคุณพราวมาก ไม่ได้เจอหน้าตั้งหลายเดือนแล้ว) “...” พราวดาวเงียบไปพักใหญ่อย่างใช้ความคิด “โอเคค่ะ งั้นพราวจะเข้าไป” (คุณพราวจะทานอะไรไหมคะ เดี๋ยวป้าทำไว้รอ) “อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ พราวคงไป...ไม่นานนัก” (อ๋อ...ได้ค่ะ)
บทที่ 5 ข้ออ้าง ร่างบางเดินโซเซมานั่งลงที่ม้านั่งในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงซ่านจากการร้องไห้เป็นเวลานาน ดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ผู้คนจึงไม่พลุกพล่านเท่าไร “ฮึก...ฮือ~” พราวดาวยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างยากที่จะกลั้น น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบสองแก้มแดงระเรื่อ ภาพและน้ำเสียงของพ่อยังติดที่ปลายตา มันยิ่งทำให้เธอหยุดร้องไห้ไม่ได้ บาดแผลที่ฝังลึกในใจมานานหลายปีมันยากที่จะหาย และยิ่งไปสะกิด มันก็ยิ่งเจ็บปวด “คุณครับ” เสียงเข้มของใครคนหนึ่งดังขึ้น พราวดาวหยุดสะอื้นแล้วเงยหน้ามอง “เอ่อ...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ พอดีผมเห็นคุณนั่งร้องไห้มานานแล้ว” “เปล่าค่ะ ฉันไม่เป็นไร” เธอปฏิเสธชายหนุ่มแล้วลุกขึ้นยืนหมายจะเดินออกมา “ไม่เป็นไรครับ ขอโทษที่มารบกวนคุณ นั่งต่อได้นะครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้บาง ๆ เขาผายมือไปที่ม้านั่ง พราวดาวแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงเหมือนเดิม และมองหน้าเขา “คุณรู้จักฉันไหมคะ” “เอ่อ...ไม่รู้จักครับ” ‘แปลก...หรือฉันยังดังไม่พอ หรือว่าเขาไม่สนใจข่าวพวกดารา’ นาง
บทที่6 เคลิ้ม ฝ่ามือหนาบีบสองแก้มแรงขึ้นจนพราวดาวรีบยกมือขึ้นมาฟาดอกแกร่งเป็นการประท้วง แผลเดิมยังไม่หายดี เขากลับมาสร้างความเจ็บปวดให้เธออีก “เจ็บนะ! รุนแรงไปแล้วนะแฟรงค์” “ฮึ...” “ทำอะไร” หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบ แต่ก็ไม่ทันฝ่ามือหนาที่จับหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก แฟรงค์ลากแขนพราวดาวเข้ามาในห้องนอนและปิดประตู ล็อกอย่างแน่นหนา “บอกแล้วว่าอย่าท้าทาย” “แล้วมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้” นี่เขากับเธอจะไม่คุยกันดี ๆ สักวันเลยหรือไงเนี่ย เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องตีฝีปาก ไม่ก็ลงไม้ลงมือกันแบบนี้ เฮ้อ... “เลิกทำตัววุ่นวายเหมือนเป็นผัวฉันได้แล้วแฟรงค์” คำพูดนั้นทำเอาแฟรงค์หยุดชะงัก แต่ชายหนุ่มกลับแสยะยิ้มแล้วเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าสวย “ก็เป็นอยู่แล้วไหม หรือจะให้ทวนคำพูดนั่นอีกครั้ง แต่ไม่พูดแล้วนะ...จะทำให้ดูว่าคำนั้นมันหมายความว่ายังไง” สิ้นคำพูดเขาก็โน้มตัวลงไปจูบพราวดาวอย่างแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด หญิงสาวพยายามเบี่ยงหน้าหลบ แต่ฝ่ามือหนาก็ยกขึ้นมาประคองใบหน้าเธอไว้ รสจูบที่ว่ารุนแรงก่อนหน้านี้ เป
บทที่ 7 ไม่สบาย หลายนาทีที่ทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันในห้องน้ำ จนกระทั่งอาบน้ำเสร็จสรรพ พราวดาวเดินนวยนาดออกมาจากห้องน้ำ ตรงไปที่เตียงแล้วทรุดนั่งลง เธอยกมือขึ้นกุมขมับและนวดคลึงเบา ๆ “เป็นอะไร” แฟรงค์เอ่ยถามเสียงเรียบ แต่ทว่าในจังหวะที่พราวดาวจะเอ่ยตอบ ฝ่ามือหนาก็เลื่อนขึ้นมาอังหน้าผากเธอ และเลื่อนลงไปคลำที่ลำคอระหงที่มีรอยรักเขาฝากไว้จาง ๆ “ไม่สบาย” แฟรงค์เลิกคิ้วถามแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าบึ้งตึงใส่ “ก็บอกไปแล้วว่าไม่สบาย” พราวดาวกระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิดแล้วปัดมือหนาออก เธอลุกขึ้นไปสวมใส่ชุดนอนกระโปรงผ้าพลิ้วบาง ๆ แล้วกลับมานอนที่เตียงด้วยอาการหนาว ๆ ร้อน ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว “กินข้าวกินยาก่อนไหม ถ้าไม่สบายจริง ๆ งั้นวันนี้ฉันจะอยู่ที่นี่” พราวดาวหันขวับไปมองเจ้าของคำพูดนั้นอย่างเร็ว “ไม่ต้อง ฉันอยู่คนเดียวได้ แต่ถ้าเป็นห่วงเดี๋ยวให้พี่วิกกี้มาอยู่ด้วย” “ไม่เป็นไร ฉันว่าง” “เอ๊ะ!” หญิงสาวขึ้นเสียงใส่คนตัวโต แฟรงค์ไม่ได้สนใจสีหน้าบึ้งตึงนั้น แต่กลับเดินออกมาด้านนอกแล้วเอาของกินจัดใส่จาน ยกเข้ามาเสิร์ฟพ
บทที่ 8 ดูแล มาเฟียหนุ่มหลุดยิ้มอย่างง่ายดายกับข้อความจากพราวดาว เขากดอ่านและตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ แฟรงค์ : ไปนอน หัวเหม่ง : จุ้นจ้าน! เขาหลุดขำอีกครั้ง ยิ่งอ่านชื่อของคนส่งข้อความแล้วยิ่งขำขันเข้าไปใหญ่ “ฮึ!” ชายหนุ่มกดปิดหน้าจอแล้วทำงานต่อจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน “นายครับ วันนี้คุณพราวไม่ได้ออกไปไหนครับ” ลูกน้องหนุ่มที่เขาใช้ให้เฝ้าดูพราวดาวที่คอนโดก้าวเข้ามารายงาน ก่อนที่เจ้านายจะเดินออกมาจากห้องทำงาน แฟรงค์หยุดฟังแล้วพยักหน้ารับเบา ๆ “ไม่ต้องตาม บอกป๊าด้วยว่าวันนี้ไม่ว่าง” เขาสั่งเสียงเรียบแล้วเดินผ่านหน้าลูกน้องที่เตรียมจะเดินตามเขา ทุกคนหยุดยืนแล้วทำความเคารพผู้เป็นนาย แฟรงค์เดินอาด ๆ มาที่รถยนต์ส่วนตัว เขาขับออกมาจากบริษัท มุ่งหน้าไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของสด ผัก และผลไม้ เมื่อได้ครบอย่างที่ต้องการแล้วก็กลับไปที่คอนโด...พราวดาว คอนโดพราวดาว “เฮ้อ~” ร่างเล็กพ่นลมหายใจออกหนัก ๆ เป็นครั้งที่สามภายในสองนาที เธอรู้สึกหน่วงที่ท้องน้อยเนื่องจากประจำเดือนมา เมื่อเช
บทที่ 9 หวงในฐานะเพื่อน หนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ที่แฟรงค์นั่งลูบท้องพราวดาวเพื่อให้เธอนอนเต็มอิ่มและสบายตัวขึ้น ขณะเดียวกันก็สำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มด้วย “อื้อ~ ปวดท้อง” พราวดาวขยับปากพูดเสียงพร่า ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาจับฝ่ามือหนา “แฟรงค์~ ฉันปวดท้อง” “แล้วให้ทำยังไง กินยาไหม มียาตัวไหนกินไหม” เขาเอ่ยถามอย่างจริงจัง “บอกมา เดี๋ยวไปหยิบให้” “ยาอยู่ในลิ้นชัก ขอบคุณนะ” เมื่อได้ฟังแบบนั้นแฟรงค์จึงรีบลุกขึ้นไปหยิบยามาให้พราวดาวพร้อมกับน้ำดื่มอุณหภูมิห้องหนึ่งขวด “ลุกไหวไหม” “ปวดท้อง เดี๋ยวค่อยกิน” “ไม่ได้” ชายหนุ่มแกะเม็ดยาออก จากนั้นจึงดันตัวพราวดาวลุกขึ้นเล็กน้อยแล้วป้อนยาใส่ปากเธอ พร้อมกับเอาน้ำให้ดื่ม “เวลาประจำเดือนมาทุกครั้งก็เป็นแบบนี้เหรอ” “ไม่หรอก เป็นบางครั้งที่จะปวดท้องแบบนี้” “แล้วมันจะหายไหม” “หายสิ เป็นแบบนี้แค่วันแรกเท่านั้นแหละ จากนั้นก็ปกติ” “อืม...พอมีวิธีนะ ไม่เป็นประจำเดือน ไม่ปวดท้อง และไม่ทรมานแบบนี้ด้วย” “อะไรของนาย” “ฮึ! นอ
ตอนพิเศษ 2 วันต่อมา แฟรงค์นั่งขัดสมาธิพับใบตองตามที่พราวดาวสั่ง ส่วนลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ปูเสื่อนั่งทำกระทงของตนเองอยู่ในสวน เพราะวันนี้เจ้านายจะพาออกไปเที่ยวข้างนอก “เท” หนูพิ้งค์ยื่นดอกไม้ให้แล้วขยับตัวไปนั่งบนหน้าตักของเทนต์ ทำเอาแฟรงค์หยุดชะงักเหลือบตามองลูกน้องอย่างเอาเรื่อง “คุณหนูทำกระทงไหมครับ เดี๋ยวผมสอนพับกระทงนะ” เทนต์ไม่ได้มองเจ้านายและสอนคุณหนูพับใบตองทำกระทงเล็ก ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยเรียกความสนใจจากเหล่าแม่บ้านและบอดีการ์ดคนอื่นได้เป็นอย่างดี “หนูพิ้งค์อยู่กับเทนต์ก็ดีแล้วค่ะ แกจะได้ไม่ป่วนคนอื่น” พราวดาวห้ามแฟรงค์ที่ตั้งท่าจะเดินไปหาลูกสาว แต่กลับถูกพราวดาวรั้งตัวไว้ด้วยคำพูด “หนูพิ้งค์แกเป็นเด็กเรียบร้อยนะคะ” “เฮ้อ...เรียบร้อยแล้วยังไง แฟรงค์ห่วงลูกมากอยู่ดี” “แฟรงค์ห่วงลูก หวงลูกอะได้ พราวไม่ห้ามหรอกค่ะ แต่คนในบ้านเว้นไว้ได้ไหม อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ช่วยเลี้ยงยายหนูมานะ” “คนในบ้านก็ไม่น่าไว้ใจเท่าไร ยิ่งหนูพิ้งค์สนิทกับเทนต์มากแค่ไหนแฟรงค์ยิ่งไม่ชอบ” มาเฟียหนุ่มขมวดคิ้วแน
ตอนพิเศษ 1 หนึ่งปีต่อมา กาลเวลาผ่านมาอย่างรวดเร็ว แต่ความรักของเขาและเธอยังคงสดใสเหมือนวันแรกที่คบกัน “หนูพิ้งค์อย่าวิ่งค่ะ เดี๋ยวล้มคุณแม่ไม่โอ๋นะคะ” นางแบบสาวดุลูกสาวตัวน้อยที่กำลังอยู่ในวัยซุกซน เธอวิ่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน และได้หันมามองหน้าแม่เมื่อได้ฟังสิ่งที่แม่บอก “หนูจะให้เทโอ๋” เด็กน้อยที่ยังพูดไม่ชัดเท่าไรตอบกลับแม่ ทำเอาพราวดาวอึ้งกินกับสิ่งที่ได้ฟัง “หนูไปเอาคำพูดพวกนั้นมาจากไหนคะเนี่ย หนูพูดแบบนั้นไม่ได้นะคะหนูพิ้งค์” “หนูจะไปหาเท” ว่าจบก็วิ่งหน้าตั้งจนปลายผมถักเปียสะบัดไปมาไปหาเทนต์ที่ห้องพักบอดีการ์ด เด็กน้อยมาแอบอยู่ที่ประตูห้องแล้วกวาดสายตามองหาคนที่จะมาหา เมื่อเห็นเป้าหมายแล้วจึงวิ่งไปกอดขาเทนต์ไว้แน่นจนชายหนุ่มตกใจ “คุณหนูครับ เล่นแบบนี้ไม่ได้นะครับ ถ้าผมถือของมีคมอยู่จะทำยังไง” เทนต์ย่อเข่านั่งลงตรงหน้าหนูพิ้งค์แล้วลูบผมออกจากพวงแก้มแดงปลั่งจากการวิ่งมา เด็กน้อยยังอยู่ในอาการหอบหายใจเร็ว “ไปเย็งกัง” “ไม่เล่นแล้วครับ ตอนนี้ผมทำงานอยู่” “เย็งกัน” ม
บทที่ 69 ตอนจบ หลายเดือนต่อมา “คุณหนูไม่เล่นนะครับ เดี๋ยวคุณพ่อดุเอานะ” เทนต์ลูกน้องคนสนิทแฟรงค์กำลังดุคุณหนูตัวน้อยที่กำลังซนเดินเล่นรอบบ้าน วันนี้มีการนัดกินข้าวและประชุมใหญ่ของตระกูลโสภณ เขากับพี่เลี้ยงคุณหนูพิ้งค์อีกคนจึงต้องพาเธอออกมาเดินเล่นที่สวน เพราะบรรยากาศในห้องรับประทานอาหารไม่ค่อยดีเท่าไร “แอ๊ะ~” เด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเดินเตาะแตะล้มบ้างไม่ล้มบ้าง เธอหัวเราะขบขันที่เห็นเทนต์วิ่งตามมาจับแล้วอุ้มขึ้นไปแนบอก “ปาปะ” “ไม่ใช่ครับ ไม่ปะป๋าครับ” เขาปัดเศษหญ้าออกจากตัวคุณหนูแล้วพาเธอเดินไปนั่งลงบนม้านั่ง หนูพิ้งค์นั่งนิ่งฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจพลางปรบมือแปะ ๆ เมื่อเทนต์ไกวชิงช้าไปมาเบา ๆ “ชอบเหรอครับ” “อื้อ~” เด็กน้อยยิ้มแป้นแล้วแหงนมองหน้าเขา หนูพิ้งค์ส่งสายตาหวานเยิ้มและรอยยิ้มที่ทำเอาคนทื่อ ๆ แข็งกระด้างเป็นต้องโอนอ่อนและเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา “เท...” หนูพิ้งค์เอนตัวไปซบอกแกร่งอย่างออดอ้อนออเซาะ นิ้วน้อย ๆ เขี่ยแก้มเทนต์เบา ๆ พลางทำปากยื่น ๆ “คุณหนูจะเอาอะไรครับ” “หม่ำ ๆ กิงหม่ำ ๆ” “อา...นา
บทที่ 68 ความรัก ในช่วงชีวิตนางแบบคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะดังเป็นพลุแตก หรือดับอนาถไม่ได้เฉิดฉายอยู่ในวงการ แต่วันนี้มีผู้ชายคนหนึ่งทำให้เธอรู้ว่าบนโลกใบนี้เธอไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ยังมีเขาที่เป็นดั่งลมหายใจและทุก ๆ อย่างในชีวิต “ขอบคุณมากนะที่รักที่ดูแลกันมา” พราวดาวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเอี้ยวหน้ามายิ้มให้คนรักซึ่งแฟรงค์ยืนโอบเอวเธออยู่ด้านหลัง มาเฟียหนุ่มกดปลายจมูกลงบนไหล่มนอย่างแผ่วเบา “หากไม่ใช่เธอ ฉันเองก็ไม่รู้จะเป็นแบบไหน ชีวิตดำเนินไปในทางไหนมากกว่ากันระหว่างเป็นคนเลวกับเป็นคนดี แต่เพราะมีเธอ ชีวิตฉันถึงดีขึ้น เธอเองก็เป็นดั่งดวงใจของฉัน” “ปากหวานแบบนี้อยากให้พราวมีน้องให้หนูพิ้งค์เหรอคะ” แฟรงค์คลี่ยิ้มชอบใจกับคำถามเชิงหยอกล้อแฟนสาว แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงการเย้าหยอก แต่เขากลับรู้สึกดีจนต้องซุกหน้าลงกับไหล่พราวดาว หลบสายตาเธอด้วยความเขินอาย “อย่ามาพูดดีกว่า ในเมื่อไม่อนุญาตให้มีอะ” แฟรงค์เบะปากใส่พราวดาว เพราะเธอเป็นคนบอกเองว่าจะยังไม่มีลูกคนที่สองถ้าหนูพิ้งค์ยังไม่สองขวบ “จริง ๆ แล้วลูกอาจจะอยากมีน้องนะ” แฟ
บทที่ 67 ครอบครัว หลายเดือนต่อมา พราวดาวอุ้มลูกน้อยในวัยเจ็ดเดือนไปที่สวนหลังบ้าน เพราะคุณปู่คุณย่ารอเล่นกับหลานอยู่ที่นั่น วันนี้เป็นวันคริสต์มาสเลยมีการแลกของขวัญกันหน่อย “หลานปู่มาแล้ว” พอพิ้งค์ได้ยินเสียงคุ้นหู เธอก็กรีดร้องและดีดดิ้นดีใจที่เห็นหน้าปู่กับย่า “มาหาปู่มาลูก” คาร์ลลุกขึ้นมาอุ้มหลานสาวมาแนบอก พร้อมทั้งหอมแก้มหนูพิ้งค์ไปหนึ่งฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงมาก ๆ แม้ว่าพราวดาวจะไม่ได้ย้ายมาอยู่กับเขาตามที่พูดกันไว้ แต่ก็พาหลานสาวมาหาทุกวัน ทว่าความคิดถึงปู่กับย่าก็มีให้ทุกวันเหมือนกัน “แอ๊ะ~” หนูพิ้งค์ส่งเสียงอ้อแอ้มองหน้าปู่กับย่าด้วยรอยยิ้มสดใส เธอยกมือขึ้นมาลูบแก้มปู่แล้วซบหน้าลงกับบ่า “นี่หนูง่วงนอนเหรอเนี่ย หรือว่าอยากได้อะไรครับ” “พ่อไม่ต้องตามใจพิ้งค์เลย เดี๋ยวเอาแต่ใจ เสียนิสัยอีก” แฟรงค์รีบดักทางพ่อกับแม่ไว้ เพราะท่านทั้งสองเอาใจและตามใจหนูพิ้งค์เก่งพอ ๆ กับตามใจลูกสะใภ้ พราวดาวคลี่ยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นปู่ย่าทำหน้าสลดเมื่อถูกลูกชายปรามไว้ “ความสุขของท่านค่ะ ให้แกทำเถอะ” “ไม่ได้
บทที่ 66 ความสุข “มันไม่ยากขนาดนั้นหรอกน่าเพื่อน มึงออกจะหล่อ สูงยาวขาวตี๋แบบนี้ ผู้หญิงคนไหนก็อยากเข้าหา” หมอพีทหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกอย่างหนักแล้วหันมองหน้าแฟรงค์อย่างเหนื่อยหน่ายใจ “ก็ถ้าเป็นอย่างที่พูดก็ดีดิ กูเจอแต่คนไม่จริงใจ” “เออน่า ครั้งนี้ต้องเจอคนที่ดีแน่” “สองปีครั้งเนี่ยนะ” “เออ ดีกว่าไม่มีคนมาจีบแล้วกัน” “แหม...มึงมีเมียแล้วก็พูดได้ดิ กูยังไม่มี มันหายากเว้ย!” แฟรงค์หัวเราะขบขันกับสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ของเพื่อนรัก “มีเมียไม่พอ ยังหลงลูกหลงเมียอีก” “ก็ธรรมดาไหมวะ” หมอพีทกลอกตามองบนกับสิ่งที่ได้ยิน “เออ...มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคุณพ่อป้ายแดงขาโหดอย่างแฟรงค์หลงลูกหลงเมียมากแค่ไหนน่ะ” “ก็จริง ไม่กล้าเถียงเลย” แฟรงค์ยกยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงเดินออกมาด้านนอก “ทำอะไรกันครับ” แฟรงค์เดินไปหาพราวดาวแล้วโน้มตัวลงไปโอบกอดเธอไว้หลวม ๆ “กำลังกินน้ำร้อนอยู่ค่ะ คุณแม่โทร. มาบอกให้พราวกินน้ำร้อนบ่อย ๆ แล้วเดี๋ยวอีกสิบห้าวันท่านจะมาหาและให้พราวอยู่ไฟ
บทที่ 65 สุดหวง หลายวันที่พราวดาวพักฟื้นอยู่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้หมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้ เธอก้าวเข้ามานั่งในรถซึ่งแฟรงค์อุ้มลูกขึ้นมานั่งก่อนแล้ว เธอชะโงกหน้ามองลูกน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมแขนพ่อแล้วพ่นลมหายใจออกยาว ๆ “หลับก็ดีค่ะ กลัวจะงอแงตอนนั่งรถ” “ลูกเราไม่งอแงขนาดนั้น” “ค่า~” เธอเอนหลังพิงเบาะแล้วพักสายตาจนมาถึงคอนโด ปภัสสรและคาร์ลพูดกล่อมสองหนุ่มสาวอยู่หลายครั้งว่าให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่แฟรงค์กับพราวดาวก็ยืนยันว่าจะเลี้ยงหนูพิ้งค์เอง “มาแล้ว...หลานสาวป้าวิกกี้” วิกกี้รีบเดินเข้ามารับพราวดาวกับลูกน้อง “หนูพิ้งค์คนสวยของป้าวิกกี้ หนูถอดแบบพ่อมาเป๊ะเลยนะลูก” “เห็นไหม มีแต่คนว่าหนูพิ้งค์เหมือนผม” “ก็เหมือนคุณแฟรงค์จริง ๆ หนิคะ” “แล้วไม่เหมือนพราวบ้างเลยเหรอพี่วิกกี้” พราวดาวเบ้ปาก ทำหน้าบูดบึ้งใส่ผู้จัดการสาวที่เอาแต่ป้องปากหัวเราะขบขันกับแฟรงค์ “เหมือนค่ะ เหมือนที่เป็นผู้หญิง” “พี่วิกกี้อ่า...” “พาลูกขึ้นห้องก่อนดีกว่า” ว่าจบแฟรงค์ก็พาลูกสาวและเมียสุดที่
บทที่ 64 ฝึกสมาธิกับหนูพิ้งค์ หลายนาทีต่อมา พราวดาวถูกพาเข้ามาในห้องพักฟื้นพร้อมกับลูกน้อยที่ถูกพยาบาลสาวเข็นตามเข้ามาทีหลัง แฟรงค์กับปภัสสรรีบเดินไปรับตัวเธอ “เป็นไงบ้างลูก” “เจ็บค่ะ” ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกไหนเท่าความเจ็บปวดแล้ว หลังจากงัวเงียอยู่นาน แฟรงค์ก็อุ้มลูกน้อยเดินมาหา “ดูซิ...คุณแม่อยากเห็นหน้าหนูไหมคะ” ไม่ว่าเปล่า แต่เขายังย่อตัวลงพอให้พราวดาวได้เห็นหน้าลูกน้อย เธอคลี่ยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นมาจับแขนแฟรงค์เบา ๆ “หนูพิ้งค์หน้าได้พ่อหมดเลยค่ะคุณแม่” “จริงลูก หน้าตาเหมือนไอ้ลูกตัวแสบของแม่หมดเลย” ปภัสสรเดินเข้ามาหาลูกชายแล้วรับตัวหลานสาวมาอุ้ม เปลี่ยนกันเพื่อให้แฟรงค์ดูแลพราวดาว “แล้วคุณพ่อล่ะคะ” เธอเอ่ยถามเสียงเรียบ “เดี๋ยวคงตามมาน่ะลูก ติดประชุมใหญ่” “อ๋อค่ะ” “พักผ่อนเถอะลูก” หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ แล้วหลับไปเลย ส่วนแฟรงค์กับแม่ก็นำตัวหนูพิ้งค์ไปให้พี่พยาบาลนำไปที่ห้องทารกแรกเกิด ไว้พราวดาวตื่นจะนำตัวลูกน้อยมาให้กินนมอีกทีหนึ่ง “ยินดีด้
บทที่ 63 คุณพ่อป้ายแดง เข้าเดือนที่เก้า สัปดาห์สุดท้ายของการนับถอยหลังรอวันผ่าคลอด พราวดาวที่ตอนนี้ท้องใหญ่จนเดินเหินลำบากกว่าเดิมเดินมานั่งลงบนโซฟา ซึ่งแฟรงค์กำลังพับผ้าอ้อมเด็กใส่ตะกร้าเตรียมสำหรับไปโรงพยาบาล เธอมองเขาแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ก็แฟรงค์ยืนกรานว่าจะทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่ซื้อของให้ลูกสาวและซักเสื้อผ้ารวมถึงตอนนี้ที่เขากำลังเตรียมของไปโรงพบาบาล “สนุกไหมคะ เห็นหยิบเสื้อลูกตัวไหนขึ้นมาก็อมยิ้ม” “สนุกและมีความสุขมากเลยละ ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะรู้จักหน้าที่ตนเองมากขนาดนี้ สมองสั่งการอัตโนมัติเลยละพราว” เขาหันมาพูดกับคนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข แววตาเปล่งประกายบ่งบอกถึงความสุขที่เขาได้รับจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ “พรุ่งนี้ป้าหมอก็ให้หนูไปแอดมิตแล้วนะคะคนสวย เราจะได้เจอกันเร็ว ๆ นี้แล้วนะ” “อยากเจอใจจะขาดแล้วครับคนสวย อยากเห็นว่าหนูจะหน้าเหมือนใครมากกว่ากัน ระหว่างพ่อกับแม่” “ก็ต้องเหมือนนายอยู่แล้ว ตั้งแต่อัลตราซาวนด์แล้ว” “ก็ไม่รู้แหละ เผื่อออกมาหนูแกล้งพ่อทำให้พ่อดีใจ” “ไม่แกล้งหร