เมื่อไหร่จะมีหลานให้พ่อแม่อุ้มสักที... เขาท่องประโยคนี้จนจำขึ้นใจ ทุกครั้งเวลาเจอหน้าครอบครัว ในบทสนทนาไม่มีอย่างอื่นเลยนอกจากเรื่อง แต่งงาน และ หลาน
Lihat lebih banyakหนึ่งอาทิตย์ต่อมาหมับลูเซียร์เดินเข้ามากอดคนรักซึ่งกำลังยืนทำอาหารเช้าในห้องครัว "หอมจัง..." "ตื่นแล้วเหรอ" เขาหันไปพูดกับลูเซียร์ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะดึงสายตากลับมามองข้าวต้มกุ้งซึ่งเป็นของโปรดคนข้างหลัง"ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกเซียร์ล่ะคะ""เห็นเซียร์กำลังหลับสบายเลยไม่อยากกวน"เธอไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายกลับ ยืนชะโงกใบหน้ามองข้าวต้มกุ้งที่อังเดรกำลังทำอย่างตั้งใจเงียบๆ ระหว่างนั้นก็แอบลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของคนรักเป็นระยะด้วยความหลงใหลเธออยากเก็บเขาไว้ดูแบบนี้คนเดียว เวลาเห็นผู้หญิงมองเขาอย่างให้ความสนใจ เธอก็อดเกิดอาการหวงขึ้นมาไม่ได้"เซียร์ไปนั่งรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวพี่ยกข้าวต้มไปให้""เซียร์อยากช่วยถือ""ไปนั่งรอ เดี๋ยวพี่ทำเอง" "กลัวเซียร์ซุ่มซ่ามทำถ้วยข้าวต้มหลุดมือเหรอคะ" "หึ...เปล่า แค่ไม่อยากให้ทำเพราะพี่อยากทำให้ ตอนนี้เซียร์กำลังท้องอยู่ อุ้มท้องอย่างเดียวก็พอ เดี๋ยวอย่างอื่นพี่ทำให้เอง""น่ารักจัง" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม อังเดรหมุนตัวกลับมาหาคนตัวเล็ก มองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปหาแล้วประทับริมฝีปากลงหน้าผากบาง สัมผัสอ่อนโยนจากมาเฟียหนุ่มพล
หลายวันต่อมา@บริษัทอังเดรแกร๊กลูเซียร์เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของอังเดรหลังจากที่ขอเขาลงไปซื้อของกิน ริมฝีปากสีระเรื่อเตรียมขยับเพื่อทักทายคนรัก แต่ทว่าต้องชะงักเมื่อสายตามองเห็นเขากำลังนั่งคุยกับอนาคินคนเป็นพ่อ จากที่ต้องทักทายอังเดร กลับกลายเป็นทักทายพ่อคนรักแทน"สวัสดีค่ะคุณละ...เอ่อ..คุณพ่อ" เธอเกือบพลั้งปากเรียกอนาคินว่า 'คุณลุง' อย่างที่เคยเรียกชินปาก ดีที่ดึงสติกลับมาได้ทันจึงไม่ได้เอ่ยคำๆ นั้นออกมา"หนูเซียร์ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ""ค่ะ พอดีว่าเซียร์ลงไปซื้อของกินมาน่ะค่ะ""อืม ได้ยินอังเดรบอกว่าทั้งสองคนคืนดีกันแล้วเหรอ""ใช่ค่ะ พี่เดย์เขาบินไปง้อเซียร์ถึงนิวยอร์กเลย""อะแฮ่ม.." เขากระแอมในลำคอเพื่อปรามไม่ให้ลูเซียร์พูดถึงเรื่องนั้น แต่คงไม่ทันการณ์เสียแล้ว"หนูเซียร์มานั่งเล่าตอนเจ้าเดย์ง้อให้พ่อฟังทีสิ นานๆ ทีจะเห็นลูกชายง้อผู้หญิง""ได้ค่ะ" เธอยิ้มและตอบรับอย่างไม่ปฏิเสธโดยไม่สนใจสีหน้าที่กำลังไม่พอใจของอังเดร ในอดีตเขาทำกับเธอไว้เยอะ คราวนี้ตาเธอเอาคืนแล้ว"ถ้าพ่อหมดธุระกับผมแล้วก็กลับไปได้แล้ว""ฉันยังไม่อยากกลับ นานๆ ทีจะมาบริษัทแก ขออยู่นานๆ ก่อนสิ" อนาคินหันไปมองลู
วันต่อมาลูเซียร์นั่งมองคนเป็นพ่อซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับคนรักใหม่ด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์และรู้สึกเสียดาย การหย่าร้างของพ่อแม่ในครั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองคนจะตกลงว่ายังคงทำหน้าที่พ่อและแม่ให้เธอเหมือนเดิม มาฉลองด้วยกันทุกเทศกาลและวันสำคัญของเธอ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกเสียดายช่วงเวลาดีๆ ที่ครอบครัวเคยทำด้วยกันและเกิดความคิดไม่อยากให้พ่อแต่งงานใหม่ เธอรู้ดีว่าพ่อแม่แต่งงานกันเพราะถูกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจับคลุมถุงชน ทั้งสองคนอาจมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ใช่ว่าจะรักกันเหมือนคู่รักอื่นๆ ใครบอกว่าความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรัก น้อยคนนักที่จะโชคดีดังคำพูดนั้นแต่ก็นะ...ในเมื่อพ่อเจอความสุขของตัวเองแล้ว เธอก็ควรยินดีและยอมรับในการตัดสินใจของพ่อ "คุณแม่ไม่รู้สึกเสียดายคุณพ่อเหรอคะ?" เธอเอ่ยถามคนเป็นแม่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า"แม่เคารพการตัดสินใจของพ่อ อีกอย่าง ต่อให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมก็พลอยแต่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่มีความสุขเปล่าๆ""....""แม่รู้ว่าเซียร์เสียใจ พวกเราสองคนเองก็เสียใจที่ต้องให้ลูกรู้ว่าพวกเราไม่สามารถไปต่อกันได้อีกแล้ว""นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เซียร์เห็นคุณพ
อังเดรและลูเซียร์เดินจูงมือกันเข้ามายังร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งของตัวเมืองนิวยอร์กในช่วงหนึ่งทุ่ม ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องอาหารสำหรับวีไอพีโดยมีชายชุดดำสองคนยืนเฝ้า เมื่อชายชุดดำเห็นอังเดรและลูเซียร์มาถึงจึงเปิดประตูออกให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องอาหารวีไอพีซึ่งมีครอบครัวของลูเซียร์นั่งคอยอยู่ ความจริงเลยเวลานัดมาหลายนาทีแล้ว แต่อังเดรเกิดมีอาการคลื่นไว้อาเจียนขึ้นมากะทันหันทำให้มาเลทจากเวลานัดราวยี่สิบนาที"สวัสดีครับ" เขาเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้พ่อและแม่ของลูเซียร์ เคยเจอครอบครัวลูเซียร์มาก็หลายครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เขากลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย"ขอโทษที่มาช้านะคะ""ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เหมือนกัน" พ่อของลูเซียร์เป็นคนเอ่ยพูด "สั่งอาหารกันแล้วเหรอคะ?""ยังเลย กะจะรอสั่งตอนเซียร์และเดย์มาถึงแล้ว" แม่ของลูเซียร์ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเห็นลูกสาวและอังเดรอยู่ด้วยกันแบบนี้เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาระดับหนึ่ง เพราะก่อนหน้านั้นลูเซียร์บอกว่าอยากถอนหมั้น และหลังจากจบจากงานแต่งคนเป็นพ่อ ลูเซียร์ก็จะบินไปที่ปารีสทันที แต่เหมือนว่าตอนนี้ลูกสาวเธอจะเปลี่ยนใจแล้ว...ทั้งสี่คนเริ
หมับมาเฟียหนุ่มเดินมาสวมกอดลูเซียร์ที่กำลังยืนรับลมชมวิวอยู่ระเบียงที่พักจากข้างหลัง หญิงสาวแอบสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ เพราะอีกฝ่ายมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง "คิดอะไรอยู่เหรอ""ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แค่เห็นว่าตรงนี้วิวสวยดีเลยออกมาดู" ไออุ่นจากอ้อมกอดเขาพลอยทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่อังเดรกอดเธอด้วยความอ่อนโยนแบบนี้"กลับไทยเมื่อไหร่ เดี๋ยวพาไปฝากครรภ์นะ""ค่ะ" เธอตอบรับสั้นๆ ก่อนจะก้มมองมือหนาที่เลื่อนมาสัมผัสหน้าท้องแบนราบของเธอราวกับกำลังทักทายอีกหนึ่งชีวิตในท้อง"คิดไม่ถึงเลยว่าวันนึงจะมีลูกเป็นของตัวเอง จากเคยได้ยินลูกของตินและแม็กซ์เรียกพวกมันสองคนว่าพ่อ ใครจะคิดล่ะว่าวันนึงตัวของฉันเองก็กำลัง...กลายเป็นพ่อคนแล้วเหมือนกัน""พี่เดย์รู้สึกยังไงบ้างคะตอนที่รู้ว่ากำลังกลายเป็นพ่อคน""ทั้งอึ้งและช็อก แต่หลังจากนั้นก็ดีใจและตื่นเต้นที่ตัวเองกำลังมีลูก""ตอนแรกเซียร์คิดว่าพี่เดย์จะรับไม่ได้ที่มีลูกกับเซียร์ซะอีก" เธอพูดออกมาเสียงแผ่ว ก่อนหน้าที่เขาพาเธอไปโรงพยาบาล เธอแอบกลัวว่าถ้าผลออกมาว่าเธอท้อง อังเดรอาจจะรับไม่ได้ คงทิ้งเธอและลูกไป แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่อย
"ความจริงแล้วเธอไม่เคยรักฉันข้างเดียวเลยนะ"กึก...สิ่งที่อังเดรได้เอื้อนเอ่ยออกมาทำให้ลูเซียร์ที่กำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่งชะงักลงไปอัตโนมัติ ใบหน้าสวยหวานเปื้อนเขรอะด้วยน้ำตาเคลื่อนมามองคู่หมั้นหนุ่มพร้อมหัวใจที่เริ่มเต้นแรงเธอไม่อยากคาดหวังอะไรจากคำพูดนั้นของเขาเลย แต่ในขณะที่อีกใจก็เผลอคาดหวังไปแล้ว แววตาที่เขากำลังมองมาต่างไปจากทุกวันโดยสิ้นเชิง จากเคยมีแค่ความว่างเปล่าและเดาอะไรไม่ได้ ตอนนี้กลับมีอีกความรู้สึกจุดประกายออกมาอย่างไม่ปิดบัง"เธอไม่เคยรักฉันแค่ข้างเดียวเลยนะลูเซียร์""มะ...หมายความว่ายังไงคะ" ตอนแรกเธอเผื่อใจเอาไว้ พยายามไม่คาดหวังมากเกินไป แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ออกมา เธอกลับคาดหวังไปมากจนไม่สามารถเผื่อใจเอาไว้ได้"จอดรถก่อน" เขาหันไปสั่งไทจิไทจิเมื่อได้รับคำสั่งก็ตบไฟเลี้ยวเพื่อหาที่จอดรถ ไทจิและโซลเปิดประตูลงไปรอเจ้านายนอกรถ ปล่อยให้อังเดรและลูเซียร์ได้คุยกันตามลำพัง"จำตอนเด็กๆ ที่เธอบอกว่าอยากแต่งงานกับฉันได้ไหม""จำได้ค่ะ""หลังจากเธอกลับบ้านไป ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันไปบอกพ่อกับแม่ ว่าโตขึ้นอยากแต่งงานกับเธอ อยากใช้ชีวิตคู่กับเธอไปจนกว่าจะตายกันไปข้างนึง"เธอนั่
ปัง!"อึก...อ้วก~" ร่างสูงวิ่งตรงไปยังห้องน้ำของห้องพักในโรงแรมที่พักอยู่กับลูเซียร์ อัวเดรเปิดประตูห้องน้ำอย่างแรงจนกระแทกกับผนังหนา ก่อนที่จะเข้าไปโก่งคออาเจียนลงชักโครกอย่างห้ามสิ่งที่ดันขึ้นมากองบนคอหอยไว้ไม่ได้อาหารที่ทานเข้าไปก่อนหน้านี้ถูกขับออกมาจนแทบหมดไส้หมดพุง ลูเซียร์วิ่งตามคู่หมั้นหนุ่มเข้ามาในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง เธอยกมือลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ ก่อนหน้านั้นนั่งทานอาการกันดีๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งขึ้นมาบนที่พัก อังเดรก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างที่เห็น "พี่เดย์ไหวไหมคะ""ไหว..." เขาเอียงใบหน้าไปตอบลูเซียร์ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะหันไปโก่งคออาเจียนอีกรอบแทบไม่ทัน"เซียร์ว่าพี่เดย์ไปหาหมออีกรอบดีไหมคะ ให้หมอเขาตรวจให้ละเอียดว่าพี่เดย์เป็นอะไรกันแน่" เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกมาเป็นการปฏิเสธ บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาป่วยกะทันหันแบบนี้ได้ ปกติเขาออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ แถมร่างกายยังแข็งแรงไม่ใช่คนป่วยง่ายขนาดนี้ ผิดกับคราวนี้ ที่อยู่ดีๆ ก็มีอาการแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากอาเจียนเสร็จ อังเดรดึงตัวเองขึ้นจากพื้นพลางเอื้อมมื
หลายชั่วโมงต่อมาคนตัวเล็กที่นอนหลับใหลบนเตียงนอนหนานุ่มขนาดใหญ่เริ่มขยับตัวไปมา เปลือกตาสีขาวค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ข้างกายที่เคยมีคู่หมั้นหนุ่มซึ่งนอนด้วยกันมาตั้งแต่แรก ตอนนี้กลับว่างเปล่าไร้ซึ่งวี่แววของเขาคนนั้นเธอดึงตัวเองขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงในอาการง่วงซึมพลางยกมือขึ้นมาขยี้ดวงตาตัวเองเบาๆ หลังจากนั้นจึงกวาดสายตามองหาอังเดร แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเช่นเดิม เริ่มคิดแล้วว่าเรื่องราวก่อนหน้านั้นคือความจริงหรือความฝัน ทว่าช่วงล่างที่รู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยมันทำให้เธอได้คำตอบว่า...นี่ไม่ใช่ความฝัน"ถ้าเขาอยู่ที่นี่จริงๆ แล้วเขาหายไปไหนแล้ว...ช่างเถอะ" เธอสะบัดไล่ความคิดที่อยู่ในหัวออก ก่อนจะเหวี่ยงขาทั้งสองข้างลงจากเตียงนอนแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าหลังจากเสร็จจากตรงนั้น เธอเดินออกมาจากห้องน้ำออกมานอกห้องนอน แต่ทว่าต้องชะงัก เมื่อสายตาพลันเห็นคนที่ตัวเองมองหาตอนตื่นนอนใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้เขากำลังยืนกินมะม่วงคนเดียวตรงเคาน์เตอร์ครัวเขาไม่ได้หายไปไหน...แต่แค่ออกมาหาอะไรกินเท่านั้น"ตื่นแล้วเหรอ" เขาเอ่ยทักทายลูเซียร์พลางยกมะม่วงขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย"พี่เดย์เอาม
@นิวยอร์ก ณ โรงแรมระดับห้าดาวเธอก้าวขาลงจากรถหรูที่คุณพ่อส่งมารับถึงสนามบิน โดยมีคนขับรถของคุณพ่อเดินมาเปิดประตูรถให้ เธอยิ้มให้ชายในชุดสูทสีดำอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินตามพนักงานที่มารอต้อนรับเข้าไปข้างใน โรงแรมนี้เป็นของคุณพ่อซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองนิวยอร์ก เธอเป็นคนเลือกเองว่าจะพักที่โรงแรมแทนที่บ้าน เพราะยังทำใจเรื่องที่พ่อแม่หย่ากันไม่ได้อยู่นิดนึง เลยเลือกพักที่โรงแรม เธอเดินตามพนักงานโรงแรมมายังห้องพักระดับวีไอพีแถมยังเป็นห้องสวีทอีกต่างหาก เธอไม่ได้จัดการเรื่องห้องพักเพราะคุณพ่อทำให้เรียบร้อยทุกอย่าง"ขอบคุณนะคะ" เธอพูดกับพนักงานที่ช่วยถือกระเป๋าเดินทางเข้ามาในห้องด้วยภาษาอังกฤษ"ยินดีครับ" พนักงานชายของโรงแรมตอบกลับ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องพักลูเซียร์ เธอวางกระเป๋าสะพายลงโซฟา ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนอนด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาร่วมหลายชั่วโมง เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ ในจังหวะกำลังเคลิ้มหลับ เสียงปลดล็อกประตูจากสักที่ของที่พักก็ดังเข้ามาในหู ทำให้เธอลืมตาขึ้น"มาถึงเหนื่อยๆ อาบน้ำสักหน่อยได้ไหม" เสียงเข้มคุ้นเคยที่ดังเข้ามาในหูทำให้ลูเซียร์มองหาต้นเ
ปัง!กระสุนปืนวิ่งออกจากปลายกระบอกเฉียดหน้าอังเดรไปฝังลงในผนังปูนซีเมนต์หนาด้านหลังโดยผู้เป็นพ่อ ทว่าอังเดรกลับไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา แววตาเคยมองอนาคินแบบไหน ก็ยังมองแบบนั้นไม่เปลี่ยน"ผมยังยืนยันคำเดิม ผมไม่แต่งงานกับลูเซียร์""เหตุผลแกมันฟังไม่ขึ้น" แววตาวาวโรจน์ของอนาคินบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจกับคำตอบของลูกชาย"ผมกับลูเซียร์ไม่ได้รักกัน คนไม่รักกันจะให้แต่งงานกันได้ยังไง เหตุผลพ่อนั่นแหละที่ฟังไม่ขึ้น""อย่ามาเถียงฉัน""ผมแค่อธิบาย" เขารู้ดีว่าคำพูดของเขาไม่เข้าหูมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่อย่างอนาคิน แต่ถึงอย่างนั้นก็เลือกที่จะพูดเพื่อทำให้พ่อยอมยกเลิกงานแต่งงานที่จะถูกจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า"แกจะอธิบายหรือยกเหตุผลกี่อย่างมาพูด ฉันก็ไม่ยกเลิกงานแต่งของแกกับหนูลูเซียร์""ดูพ่อจะปลื้มยัยเด็กแก่แดดคนนั้นมากเลยนะครับ""ให้เกียรติเมียแกในอนาคตแกด้วย พูดอะไรก็ระวังปากไว้บ้าง""นั่นมันคนของพ่อ ไม่ใช่คนของผม ผมไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเด็กแก่แดดคนนั้น""แกเกลียดอะไรหนูเซียร์นักหนา""ผมไม่ได้เกลียดลูเซียร์ ผมแค่ไม่อยากแต่งงานกับเธอ" เขาตอบกลับพ่อเสียงเรียบ ก่อนจะเดินมานั่งลงโซฟา หยิบขวดน้...
Komen