ปัง!
กระสุนปืนวิ่งออกจากปลายกระบอกเฉียดหน้าอังเดรไปฝังลงในผนังปูนซีเมนต์หนาด้านหลังโดยผู้เป็นพ่อ ทว่าอังเดรกลับไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา แววตาเคยมองอนาคินแบบไหน ก็ยังมองแบบนั้นไม่เปลี่ยน "ผมยังยืนยันคำเดิม ผมไม่แต่งงานกับลูเซียร์" "เหตุผลแกมันฟังไม่ขึ้น" แววตาวาวโรจน์ของอนาคินบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจกับคำตอบของลูกชาย "ผมกับลูเซียร์ไม่ได้รักกัน คนไม่รักกันจะให้แต่งงานกันได้ยังไง เหตุผลพ่อนั่นแหละที่ฟังไม่ขึ้น" "อย่ามาเถียงฉัน" "ผมแค่อธิบาย" เขารู้ดีว่าคำพูดของเขาไม่เข้าหูมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่อย่างอนาคิน แต่ถึงอย่างนั้นก็เลือกที่จะพูดเพื่อทำให้พ่อยอมยกเลิกงานแต่งงานที่จะถูกจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า "แกจะอธิบายหรือยกเหตุผลกี่อย่างมาพูด ฉันก็ไม่ยกเลิกงานแต่งของแกกับหนูลูเซียร์" "ดูพ่อจะปลื้มยัยเด็กแก่แดดคนนั้นมากเลยนะครับ" "ให้เกียรติเมียแกในอนาคตแกด้วย พูดอะไรก็ระวังปากไว้บ้าง" "นั่นมันคนของพ่อ ไม่ใช่คนของผม ผมไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเด็กแก่แดดคนนั้น" "แกเกลียดอะไรหนูเซียร์นักหนา" "ผมไม่ได้เกลียดลูเซียร์ ผมแค่ไม่อยากแต่งงานกับเธอ" เขาตอบกลับพ่อเสียงเรียบ ก่อนจะเดินมานั่งลงโซฟา หยิบขวดน้ำสีเหลืองอำพันเทลงแก้วแล้วกระดกดื่มด้วยท่าทางนิ่งเฉย "แก๊งเพื่อนแกก็ทยอยแต่งงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว แกไม่อยากมีครอบครัวบ้างเหรอ" "ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ" "เพราะแกไม่เคยเปิดใจให้ใครต่างหาก" "ถ้าผมต้องแต่งงานกับเซียร์จริงๆ แล้วเธอไม่มีความสุข พ่อต้องโทษตัวเองที่ทำให้เธอเจอกับขุมนรก" อนาคินถอดถอนหายใจด้วยความเอือมระอากับลูกชาย ถึงยังไง อังเดรก็ต้องแต่งงานกับลูเซียร์ เพราะได้หมั้นหมายกันไว้แล้ว อีกอย่างลูเซียร์ก็เหมือนชอบพออังเดรไม่น้อย "แม่ว่าลองดูก็ไม่เสียหายนะเดย์ บางทีเดย์กับหนูเซียร์ไม่รักกันตอนก่อนแต่ง อาจจะไปรักกันหลังแต่งก็ได้" ปรีญาร์ คนเป็นแม่ของอังเดรเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้างกายลูกชาย "ใจคอเดย์จะนั่งเหงาบนคาน ดูเพื่อนตัวเองมีความสุขกับครอบครัวไปจนแก่จริงๆ เหรอ" "ผมยังไม่พร้อมจะมีครอบครัว" "แกจะรอให้หกสิบก่อนรึไงถึงค่อยมี" "ผมยังยืนยันคำเดิม" "ถ้าอย่างนั้นฉันมีข้อเสนอให้แก" "ข้อเสนอ?" "ใช่ ถ้าภายในสามเดือนที่หนูเซียร์อยู่กับแกแล้วแกไม่รู้สึกอะไรกับเขา งานแต่งงานที่วางแพลนเอาไว้ปลายปี ฉันจะยกเลิกให้ ตกลงไหม" "ผมจะเชื่อคำพูดพ่อได้มากน้อยแค่ไหน" "ฉันมีสัจจะมากพอ" "แต่เท่าที่เห็นมา ขนาดแม่พ่อยังโกหกเลยนับประสาอะไรกับลูกกับเต้า" ปรีญาร์ตวัดสายตามองสามี อนาคินแอบมีสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็พยายามคีพลุคมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่เอาไว้ "ถ้าแกไม่รับข้อเสนอนี้ ปลายปีก็เตรียมตัวเดินเข้าพิธีแต่งงานได้เลย" "ก็แค่เกมความรู้สึก" เขาพูดพร้อมแค่นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน "อย่าดูถูกไป บางทีแกอาจจะกลืนน้ำลายตัวเองก็ได้" "ไม่มีวัน" "มีผู้ชายตั้งเยอะตั้งแยะที่ต่อแถวรอเป็นลูกเขยบ้านนั้น บางทีแกควรดีใจนะที่ได้เป็นถูกเลือก" "พอดีว่าผมเสียใจที่โดนเลือก ผมไม่อยากเป็นผู้โชคดีคนนั้น" ประโยคหลังเขาพูดแล้วเงยหน้ามองคนเป็นพ่อ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง ซ้ำครอบครัวฝ่ายนั้นยังเป็นเพื่อนสนิทพ่อ ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงเป็นผู้โชคร้ายที่ถูกจับหมั้นกับลูเซียร์ตั้งแต่เด็กๆ "พอแล้วเดย์ อย่าไปเถียงพ่อ" "ผมแค่ไม่ชอบการถูกบังคับ" "คราวนี้ไม่มีใครบังคับเดย์แล้วนะ เพราะพ่อยื่นข้อเสนอให้แล้ว เหลือแค่เดย์ตอบตกลงเท่านั้น" "มันปอดแหกไง กลัวว่าจะหลงรักหนูเซียร์ เลยไม่กล้ารับข้อเสนอ" "ผมไม่ได้ปอดแหก สามเดือนที่ลูเซียร์ต้องอยู่กับผม ผมมั่นใจว่ามันไม่ทำให้ผมตกหลุมรักยัยเด็กแก่แดดคนนั้น" "หึ ก็ดี ฉันจะรอดูในอีกสามเดือนว่าคนแถวนี้จะกลืนน้ำลายตัวเองรึเปล่า" อังเดรไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยกน้ำสีเหลืองอำพันในแก้วขึ้นดื่ม แค่สามเดือน ไม่ทำให้เขามีความรู้สึกดีๆ ต่อลูเซียร์ได้หรอก ปกติเขาควงผู้หญิงไม่ถึงสามวันก็เบื่อแล้ว นี่ต้องเจอลูเซียร์ทุกวันตลอดสามเดือน ไม่อยากคิดเลยว่าจะเบื่อขนาดไหน "เย็นนี้ไปรับหนูเซียร์ที่สนามบินด้วย" "คนบ้านเขาก็มี ทำไมต้องให้ผมไปรับ" "แกไม่เถียงฉันสักวันจะตายไหมไอ้เดย์" "ผมไม่ใช่คนขับรถของยัยเด็กนั่น" "ฉันให้แกไปรับเขาในฐานะคู่หมั้น ไม่ใช่คนขับรถ ตราบใดที่ยังไม่ถึงสามเดือน แกก็ต้องทำตัวเป็นคู่หมั้นที่ดีให้หนูเซียร์เขา" "เอาหน่าเดย์ ถ้าลูกมั่นใจว่าภายในสามเดือน ลูกไม่รู้สึกอะไรกับหนูเซียร์ ถึงเวลานั้นพ่อกับแม่ก็จะเคารพการตัดสินใจของเดย์ แค่ตอนนี้ทำหน้าที่คู่หมั้นไปก่อน" "ก็ได้ ผมไปรับยัยนั่นก็ได้" "แล้วอีกเรื่องที่แกต้องทำให้ได้ระหว่างสามเดือนนี้" "อะไรครับ" "จัดการผู้หญิงในสต็อกแกซะ" "นี่มันเรื่องส่วนตัวของผม" "แกจะจัดการเองหรือให้ฉันเป็นคนจัดการ มันขึ้นอยู่ที่ตัวแก"ครืด ครืด~อังเดรเดินออกจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วอยู่ในเสื้อคลุมสีดำแหวกให้เห็นแผงอกหนาอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม นัยน์ตาดำขลับปรายมองเบอร์บนหน้าจอของเจ้าของสายเรียกเข้า ก่อนจะคว้ามาปัดหน้าจอรับสายอนาคิน(นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมป่านนี้แกยังไม่ไปรับหนูเซียร์สักที!) ปลายสายเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ อังเดรมองนาฬิกาบนผนังห้องนอน ก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปจะเหยียดโค้งไปด้านข้างพร้อมเสียงในลำคอที่ดังเล็ดลอดออกมาเลทมาหนึ่งชั่วโมงแล้วที่เขาต้องไปรับลูเซียร์"ถ้ารีบมาก พ่อก็ส่งคนไปรับเด็กนั่นแทนผมสิ"(แกไม่ปั่นประสาทฉันสักวันจะตายไหม?) อนาคินพยายามระงับอารมณ์ฉุนเฉียวที่โดนปลุกเร้าโดยลูกชายเอาไว้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูก โดนยิงแสกหน้าไปนานแล้ว"ธุระของผมไม่ได้มีแค่ไปรับเด็กนั่นอย่างเดียว ธุระส่วนตัวของผมก็มี"(ทำหน้าที่คู่หมั้นให้มันดีๆ หน่อย รีบไปรับหนูเซียร์ด้วย แค่นี้แหละ)เขาโยนโทรศัพท์ลงเตียงนอน หลังจากสายถูกตัด เขาเดินเข้าไปยังห้องแต่งตัวเพื่อหาเสื้อผ้าสวมใส่อย่างไม่รีบร้อน ถ้าหากยัยเด็กนั่นรอได้ ก็ได้นั่งรถเขา ถ้ารอไม่ได้เขาก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาเร่งรัดใ
ลูเซียร์เดินตามแรงจูงของเพื่อนสาวคนสนิทเข้ามาในไนต์คลับที่ดังกระหึ่มไปด้วยเสียงเพลงจังหวะสนุก แสงไฟจากสปอร์ตไลท์ที่สาดส่องไปมาทำให้หญิงสาวมองทุกอย่างได้อย่างเลือนราง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้"ที่นี่คือที่ไหนเหรอปันปัน""มาเวลล์คลับ ทำไมแกทำหน้าแบบนั้น อย่าบอกนะว่าไม่เคยเที่ยวผับเลยตอนอยู่เมืองนอก""ไม่เคย""เพื่อนฝรั่งไม่เคยชวนแกไปเที่ยวผับเลยรึยังไง" "ก็มีชวนบ้าง แต่ทุกครั้งที่พวกเขาชวน ฉันชอบไม่ว่าง""คิดซะว่านี่เป็นครั้งแรกที่แกได้ออกมาเปิดโลกก็แล้วกัน"ปันปันพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะจูงมือพาลูเซียร์มายังโต๊ะของโซนวีไอพี ซึ่งมีเพื่อนสนิทอีกสองคนมานั่งรอก่อนหน้านี้อยู่แล้ว"แม่บาร์บี้น้อยของฉันมาแล้ว ยัยเซียร์ มานั่งข้างฉัน" ลูเซียร์อดยิ้มกับท่าทางตื่นเต้นดีใจของชมพูไม่ได้ เธอเข้ามานั่งลงข้างกายเจ้าของประโยคนั้นที่เอ่ยชักชวน"ฉันซื้อของขวัญต้อนรับกลับไทยไว้ให้แกด้วยนะ แต่ดันลืมเอามา""ไว้วันหลังค่อยเอามาให้ก็ได้" เธอตอบกลับนิวเยียร์ เพื่อนสาวคนสนิทอีกคน "แล้วนี่แกกลับไทยคนเดียวหรือมากับครอบครัว""มาคนเดียว" ครอบครัวเธอให้บินกลับไทยล่วงหน้าก่อนถึงพิธีวิวาห์ในอีกไ
"ทำไมไปห้องน้ำนานจังยัยเซียร์"ชมพูที่เริ่มเมากรึ่มเอ่ยถามลูเซียร์ที่เดินกลับมายังโต๊ะ ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที พวกเธอเพิ่งพูดเรื่องเพื่อนคนนี้หยกๆ ว่าทำไมไปห้องน้ำนาน เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า นี่ถ้ายังไม่กลับมา พวกเธอคงเดินไปตามแล้ว"พอดีคนเยอะนิดหน่อย เลยต้องต่อคิวเข้า" เธอตอบเพื่อนกลับ จังหวะกำลังนั่งลงที่เดิม สายตาเหลือบเห็นอังเดรที่เดินเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับชายหนุ่มหน้าตาดีสามคน ซึ่งก่อนหน้าเธอไม่เห็นเขาอยู่ตรงนั้น"เซียร์ ออกไปเต้นเป็นเพื่อนฉันหน่อย""ไม่เอาอะ ฉันไม่ถนัด แกชวนยัยนิวก็ไม่ชมพูไปเลย" เธอตอบกลับปันปันที่เอ่ยชวนออกไปเต้นหน้าเวที ซึ่งนั่นไม่ใช่สายเธอ แอบเต้นคนเดียวในห้องน้ำยังพอโอเค นี่เต้นท่ามกลางคนมากมาย เธอขอบายดีกว่า"ใครจะไปเต้นกับฉันแทนยัยเซียร์?""แกเมาแล้วก็นั่งลงสักทียัยปัน ไปเต้นเหยียบเท้าใครเข้า โดนตบมาไม่ช่วยนะ" นิวเยียร์พูด"นี่ใคร ฉันปันปัน หลานสาวเจ้าพ่อ ใครจะกล้ามีเรื่องด้วย""จ้า แม่คนเก่ง" เธอนั่งฟังปันปันและนิวเยียร์กัดกันแล้วอดขำตามไม่ได้ สายตาเธอหลุดโฟกัสไปยังโซนวีไอพีฝั่งอังเดร เธอแอบรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่มีผู้หญิงนุ้งน้อยห่มน้อยเข้าไปนั่งข้างคู่หมั้
"พี่เดย์ปล่อยเซียร์ลงเดี๋ยวนี้นะคะ~" ลูเซียร์ร้องบอกอังเดรซึ่งกำลังอุ้มตัวเองพาดบ่าออกจากไนต์คลับท่ามกลางสายตาของแขกที่มองมาอย่างให้ความสนใจ มาเฟียหนุ่มไม่ได้สนใจสายตาคนมอง เขาเดินตวัดขามายังลานจอดรถสำหรับวีไอพี โดยมีลูเซียร์ใช้มือตีหลังเพื่อทำให้เขาปล่อยเธอเขายัดลูเซียร์ใส่รถราวกับเธอเป็นกระสอบข้าวสาร การกระทำของลูเซียร์ตอนนั้นทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาพยายามระงับอารมณ์คุกรุ่นที่ก่อตัวขึ้นมาเพื่อไม่ให้เผลอพลั้งมือทำอะไรคู่หมั้นถ้าเป็นคนอื่น เชื่อเถอะว่าไม่ได้มานั่งมองเขาตาหวานเยิ้มแบบนี้หรอก"พี่เดย์ขา~""หุบปากของเธอไปซะ" ลูเซียร์ได้ฟังก็ทำปากยู่ใส่อังเดร มาเฟียหนุ่มพยายามสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อระงับอารมณ์คุกรุ่น ก่อนจะทำการคาดเข็มขัดนิรภัยให้คู่หมั้น ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปฝั่งคนขับแล้วเข้ามานั่งหน้าพวงมาลัยรถ"พี่เดย์~""เลิกเรียกชื่อฉันสักที" เขาพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน พยายามอดทนเป็นอย่างมากกับลูเซียร์ ไม่รู้ว่าเขาจะอดทนกับเธอได้นานแค่ไหน "ทำไมเกรี้ยวกราดจัง""เมาแล้วก็อยู่เฉยๆ อย่าวุ่นวาย""ใครบอกว่าเซียร์เมา ไม่ได้เมาสักหน่อย พี่เดย์นั่นแหละเมา" น้ำเสียงหย่อนยานเถียงก
ลูเซียร์ทำหน้างุนงงกับคำพูดกำกวมของอังเดร ด้วยความที่เมาบวกกับไม่มีสติทำให้เธอเอนตัวนอนหนุนหมอนใบใหญ่ที่คู่หมั้นหนุ่มใช้นอนทุกคืน เพียงแค่เริ่มหลับตาลง ก็รับรู้สึกถึงแรงยุบของเตียงนอน พอเปิดเปลือกตาขึ้นมาก็พบเข้ากับอังเดรซึ่งกำลังคร่อมร่างตัวเองอยู่"พี่เดย์อยากให้เซียร์กล่อมนอนเหรอ มาม๊ะ เดี๋ยวเซียร์จะกล่อมพี่เดย์นอนเองนะ" หญิงสาวพูดจบก็ใช้แขนทั้งสองโอบรัดลำคออังเดรแล้วรั้งลงมาเพื่อให้เขานอนแนบลงอก ทว่าเขากลับจับข้อมือทั้งสองของคู่หมั้นสาวแล้วกดลงเตียงนอน"พี่เดย์ทำอะไรคะเนี่ย ไม่อยากให้เซียร์กล่อมนอนแล้วเหรอ""อยากนอนกับฉันนักไม่ใช่เหรอ นี่ไง ฉันกำลังสงเคราะห์ให้""พี่เดย์ก็ลงมานอนข้างๆ เซียร์ดีๆ สิคะ" เหมือนกับว่าตอนนี้ลูเซียร์จะเข้าใจความหมายของอังเดรผิด รอยยิ้มบนริมฝีปากหยักได้รูปปรากฏขึ้นพร้อมเสียงในลำคอที่ดังลอดออกมาเบาๆคู่หมั้นของเขาช่างไร้เดียงสาจริงๆ นัยน์ตาสีดำมองต่ำมายังหน้าอกอวบอึ๋มของลูเซียร์ ร่องอกที่โผล่พ้นออกมาพลันทำให้อารมณ์ปรารถนาในตัวเขาตื่นขึ้น"หึ ตัวเล็กแต่ว่าซ่อนรูปดีเหมือนกันนิ" เขาพูดพร้อมเลื่อนสายตามามองใบหน้าแดงก่ำของลูเซียร์ ก่อนจะเริ่มเคลื่อนนิ้วมือมา
เช้าวันต่อมาลูเซียร์ที่นอนหลับมาหลายชั่วโมงเริ่มขยับตัวไปมา เปลือกตาสีขาวค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ทันทีที่รู้สึกตัวความปวดร้าวระบมตามร่างกายก็ถาโถมเข้าใส่คราวเดียวจนไม่อยากขยับตัวไปไหน โดยเฉพาะตรงบริเวณนั้นที่เจ็บมากกว่าส่วนอื่นๆ กลิ่นเหม็นฉุนของควันบุหรี่ทำให้เธอดึงสายตามามองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่นั่งอยู่ปลายเตียงนอน เธอค่อยๆ ดันตัวขึ้นมานั่งอย่างยากลำบาก พลางก้มมองสภาพตัวเองตอนนี้ เธอมีเพียงผ้าห่มผืนเดียวที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้เนื่องจากเธอ...ไม่ได้สวมใส่อะไรเลย"เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ" เงียบสองนาน กว่าจะตัดสินใจเอ่ยถามอังเดรกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าสภาพตัวเองตอนนี้จะตอบคำถามทุกอย่างที่อยากรู้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังเลือกถามอีกฝ่ายอยู่ดี"แล้วคิดว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ"มาเฟียหนุ่มถามกลับ พลางอัดควันของบุหรี่ที่คีบไว้ในมือเข้าปากแล้วพ่นควันสีเทากลิ่นฉุนออกมาอย่างใจเย็น"...." เธอนิ่งเงียบ หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง แสดงว่าทุกอย่างที่คิดไว้คือเรื่องจริง เธอได้มีอะไรกับคู่หมั้นตัวเองไปแล้วเมื่อคืน "เสียใจเหรอที่ได้ขึ้นเตียงกับฉัน""เซียร์...""เมื่อคืนฉันเตือนเธอแล้วแต่เธ
ครืด ครืด~หน้าจอโทรศัพท์ของลูเซียร์ซึ่งกำลังเขี่ยเล่นถูกแทนที่ด้วยเบอร์จากคนเป็นแม่ เธอปัดหน้าจอเพื่อรับสายแล้วแนบเอาลงใบหู"ว่าไงคะแม่"(เป็นยังไงบ้างเซียร์ ไม่เห็นโทรมาหาแม่กับพ่อเลย)"ขอโทษค่ะ พอถึงไทยเซียร์ก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนเลย ขอโทษที่ไม่ได้โทรบอกคุณพ่อคุณแม่นะคะ"(เดี๋ยวนี้ลูกสาวแม่เที่ยวเป็นกับเขาแล้วเหรอ) ปลายสายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ปกติลูเซียร์ไม่ค่อยออกไปเที่ยวหรือสังสรรค์กับเพื่อนเท่าไร ทางบ้านไม่ได้เคร่งเรื่องพวกนี้ ปล่อยให้ใช้ชีวิตได้เต็มที่ แต่ต้องรู้หน้าที่ของตัวเองด้วย"เซียร์ชอบนะคะ สนุกดี"(เห็นลูกมีความสุขพ่อกับแม่ก็ดีใจ แล้วอยู่กับอังเดรลูเซียร์ดื้อไหม พี่เขาดูแลเซียร์ดีรึเปล่า)"เซียร์ไม่ดื้อค่ะ พี่เดย์ดูแลเซียร์ดีมากๆ แถมยัง...ใจดีอีกด้วย" เธอเลือกที่จะไม่พูดความจริงเพราะไม่อยากทำให้คุณแม่พลอยกังวลตามไปด้วย (ได้ยินแบบนี้แม่ก็สบายใจ ถ้าขาดเหลืออะไรโทรมาหาแม่ได้ทุกเมื่อเลยนะ แค่นี้แหละ แม่จะออกไปประชุมแล้ว)"ค่ะ" เธอวางสายลงจากคนเป็นแม่ จากนั้นดันร่างตัวเองขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินไปหายามาทาน เพราะรู้สึกเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัว "จำได้ว่าเอามาด้วยนะทำไมไม่มี" เธ
(นี่แกดูแลเซียร์ยังไงให้น้องเขาไม่สบายแบบนี้!) น้ำเสียงทรงพลังของอนาคินดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์เครื่องหรูหลังรู้เรื่องลูเซียร์ไม่สบายจากปากลูกชาย"ลูเซียร์เป็นคู่หมั้น ไม่ใช่ลูกของผม"(บร๊ะ!ไอ้ลูกคนนี้ ฉันควรทำยังไงกับแกดี ถึงฉันจะเคยพูดไว้ว่า ภายในสามเดือนถ้าแกไม่ได้รักใคร่หนูเซียร์ฉันจะยกเลิกงานแต่งให้ ฉันเป็นคนพูด ฉันก็ยกเลิกคำพูดฉันได้)"ผมนึกไว้แล้วว่าพ่อไม่มีทางทำแบบนั้นได้"(หึ ยิ่งแกไม่อยากแต่งงานกับหนูเซียร์มากเท่าไร ฉันยิ่งจะทำให้แกต้องแต่งงานกับหนูเซียร์)"ผมอยากรู้จริงๆ ว่าลูเซียร์มีอะไรดี พ่อถึงรักและเอ็นดูยัยเด็กแก่แดดคนนั้นเหลือเกิน"(พูดเหมือนครั้งนึงแกไม่เคยเอ็นดูน้องอย่างนั้นแหละ)"...."เขานิ่งเงียบกับประโยคนั้นของคนเป็นพ่อ เอ็นดูอย่างนั้นเหรอ? เขาแค่นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน แค่ลองคิดภาพตอนเอ็นดูลูเซียร์ในหัวเขายังไม่อยากทำเลย(ฉันไม่รู้นะว่าทำไมแกถึงเกลียดน้องนักหนา แต่ระหว่างสามเดือนนี้ แกช่วยทำตัวดีๆ กับน้องหน่อยได้ไหม)"ไม่จำเป็น"(ปากดีแบบแก ระวังจะกลืนน้ำลายตัวเองเข้าสักวัน) "หึ ผมไม่มีวันกลืนน้ำลายตัวเอง"(ฉันจะรอดูคนเก่ง ว่าจะเก่งไปได้สักกี่น้ำ)"อย่าพูดเ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหมับลูเซียร์เดินเข้ามากอดคนรักซึ่งกำลังยืนทำอาหารเช้าในห้องครัว "หอมจัง..." "ตื่นแล้วเหรอ" เขาหันไปพูดกับลูเซียร์ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะดึงสายตากลับมามองข้าวต้มกุ้งซึ่งเป็นของโปรดคนข้างหลัง"ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกเซียร์ล่ะคะ""เห็นเซียร์กำลังหลับสบายเลยไม่อยากกวน"เธอไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายกลับ ยืนชะโงกใบหน้ามองข้าวต้มกุ้งที่อังเดรกำลังทำอย่างตั้งใจเงียบๆ ระหว่างนั้นก็แอบลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของคนรักเป็นระยะด้วยความหลงใหลเธออยากเก็บเขาไว้ดูแบบนี้คนเดียว เวลาเห็นผู้หญิงมองเขาอย่างให้ความสนใจ เธอก็อดเกิดอาการหวงขึ้นมาไม่ได้"เซียร์ไปนั่งรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวพี่ยกข้าวต้มไปให้""เซียร์อยากช่วยถือ""ไปนั่งรอ เดี๋ยวพี่ทำเอง" "กลัวเซียร์ซุ่มซ่ามทำถ้วยข้าวต้มหลุดมือเหรอคะ" "หึ...เปล่า แค่ไม่อยากให้ทำเพราะพี่อยากทำให้ ตอนนี้เซียร์กำลังท้องอยู่ อุ้มท้องอย่างเดียวก็พอ เดี๋ยวอย่างอื่นพี่ทำให้เอง""น่ารักจัง" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม อังเดรหมุนตัวกลับมาหาคนตัวเล็ก มองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปหาแล้วประทับริมฝีปากลงหน้าผากบาง สัมผัสอ่อนโยนจากมาเฟียหนุ่มพล
หลายวันต่อมา@บริษัทอังเดรแกร๊กลูเซียร์เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของอังเดรหลังจากที่ขอเขาลงไปซื้อของกิน ริมฝีปากสีระเรื่อเตรียมขยับเพื่อทักทายคนรัก แต่ทว่าต้องชะงักเมื่อสายตามองเห็นเขากำลังนั่งคุยกับอนาคินคนเป็นพ่อ จากที่ต้องทักทายอังเดร กลับกลายเป็นทักทายพ่อคนรักแทน"สวัสดีค่ะคุณละ...เอ่อ..คุณพ่อ" เธอเกือบพลั้งปากเรียกอนาคินว่า 'คุณลุง' อย่างที่เคยเรียกชินปาก ดีที่ดึงสติกลับมาได้ทันจึงไม่ได้เอ่ยคำๆ นั้นออกมา"หนูเซียร์ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ""ค่ะ พอดีว่าเซียร์ลงไปซื้อของกินมาน่ะค่ะ""อืม ได้ยินอังเดรบอกว่าทั้งสองคนคืนดีกันแล้วเหรอ""ใช่ค่ะ พี่เดย์เขาบินไปง้อเซียร์ถึงนิวยอร์กเลย""อะแฮ่ม.." เขากระแอมในลำคอเพื่อปรามไม่ให้ลูเซียร์พูดถึงเรื่องนั้น แต่คงไม่ทันการณ์เสียแล้ว"หนูเซียร์มานั่งเล่าตอนเจ้าเดย์ง้อให้พ่อฟังทีสิ นานๆ ทีจะเห็นลูกชายง้อผู้หญิง""ได้ค่ะ" เธอยิ้มและตอบรับอย่างไม่ปฏิเสธโดยไม่สนใจสีหน้าที่กำลังไม่พอใจของอังเดร ในอดีตเขาทำกับเธอไว้เยอะ คราวนี้ตาเธอเอาคืนแล้ว"ถ้าพ่อหมดธุระกับผมแล้วก็กลับไปได้แล้ว""ฉันยังไม่อยากกลับ นานๆ ทีจะมาบริษัทแก ขออยู่นานๆ ก่อนสิ" อนาคินหันไปมองลู
วันต่อมาลูเซียร์นั่งมองคนเป็นพ่อซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับคนรักใหม่ด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์และรู้สึกเสียดาย การหย่าร้างของพ่อแม่ในครั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองคนจะตกลงว่ายังคงทำหน้าที่พ่อและแม่ให้เธอเหมือนเดิม มาฉลองด้วยกันทุกเทศกาลและวันสำคัญของเธอ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกเสียดายช่วงเวลาดีๆ ที่ครอบครัวเคยทำด้วยกันและเกิดความคิดไม่อยากให้พ่อแต่งงานใหม่ เธอรู้ดีว่าพ่อแม่แต่งงานกันเพราะถูกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจับคลุมถุงชน ทั้งสองคนอาจมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ใช่ว่าจะรักกันเหมือนคู่รักอื่นๆ ใครบอกว่าความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรัก น้อยคนนักที่จะโชคดีดังคำพูดนั้นแต่ก็นะ...ในเมื่อพ่อเจอความสุขของตัวเองแล้ว เธอก็ควรยินดีและยอมรับในการตัดสินใจของพ่อ "คุณแม่ไม่รู้สึกเสียดายคุณพ่อเหรอคะ?" เธอเอ่ยถามคนเป็นแม่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า"แม่เคารพการตัดสินใจของพ่อ อีกอย่าง ต่อให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมก็พลอยแต่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่มีความสุขเปล่าๆ""....""แม่รู้ว่าเซียร์เสียใจ พวกเราสองคนเองก็เสียใจที่ต้องให้ลูกรู้ว่าพวกเราไม่สามารถไปต่อกันได้อีกแล้ว""นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เซียร์เห็นคุณพ
อังเดรและลูเซียร์เดินจูงมือกันเข้ามายังร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งของตัวเมืองนิวยอร์กในช่วงหนึ่งทุ่ม ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องอาหารสำหรับวีไอพีโดยมีชายชุดดำสองคนยืนเฝ้า เมื่อชายชุดดำเห็นอังเดรและลูเซียร์มาถึงจึงเปิดประตูออกให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องอาหารวีไอพีซึ่งมีครอบครัวของลูเซียร์นั่งคอยอยู่ ความจริงเลยเวลานัดมาหลายนาทีแล้ว แต่อังเดรเกิดมีอาการคลื่นไว้อาเจียนขึ้นมากะทันหันทำให้มาเลทจากเวลานัดราวยี่สิบนาที"สวัสดีครับ" เขาเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้พ่อและแม่ของลูเซียร์ เคยเจอครอบครัวลูเซียร์มาก็หลายครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เขากลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย"ขอโทษที่มาช้านะคะ""ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เหมือนกัน" พ่อของลูเซียร์เป็นคนเอ่ยพูด "สั่งอาหารกันแล้วเหรอคะ?""ยังเลย กะจะรอสั่งตอนเซียร์และเดย์มาถึงแล้ว" แม่ของลูเซียร์ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเห็นลูกสาวและอังเดรอยู่ด้วยกันแบบนี้เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาระดับหนึ่ง เพราะก่อนหน้านั้นลูเซียร์บอกว่าอยากถอนหมั้น และหลังจากจบจากงานแต่งคนเป็นพ่อ ลูเซียร์ก็จะบินไปที่ปารีสทันที แต่เหมือนว่าตอนนี้ลูกสาวเธอจะเปลี่ยนใจแล้ว...ทั้งสี่คนเริ
หมับมาเฟียหนุ่มเดินมาสวมกอดลูเซียร์ที่กำลังยืนรับลมชมวิวอยู่ระเบียงที่พักจากข้างหลัง หญิงสาวแอบสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ เพราะอีกฝ่ายมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง "คิดอะไรอยู่เหรอ""ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แค่เห็นว่าตรงนี้วิวสวยดีเลยออกมาดู" ไออุ่นจากอ้อมกอดเขาพลอยทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่อังเดรกอดเธอด้วยความอ่อนโยนแบบนี้"กลับไทยเมื่อไหร่ เดี๋ยวพาไปฝากครรภ์นะ""ค่ะ" เธอตอบรับสั้นๆ ก่อนจะก้มมองมือหนาที่เลื่อนมาสัมผัสหน้าท้องแบนราบของเธอราวกับกำลังทักทายอีกหนึ่งชีวิตในท้อง"คิดไม่ถึงเลยว่าวันนึงจะมีลูกเป็นของตัวเอง จากเคยได้ยินลูกของตินและแม็กซ์เรียกพวกมันสองคนว่าพ่อ ใครจะคิดล่ะว่าวันนึงตัวของฉันเองก็กำลัง...กลายเป็นพ่อคนแล้วเหมือนกัน""พี่เดย์รู้สึกยังไงบ้างคะตอนที่รู้ว่ากำลังกลายเป็นพ่อคน""ทั้งอึ้งและช็อก แต่หลังจากนั้นก็ดีใจและตื่นเต้นที่ตัวเองกำลังมีลูก""ตอนแรกเซียร์คิดว่าพี่เดย์จะรับไม่ได้ที่มีลูกกับเซียร์ซะอีก" เธอพูดออกมาเสียงแผ่ว ก่อนหน้าที่เขาพาเธอไปโรงพยาบาล เธอแอบกลัวว่าถ้าผลออกมาว่าเธอท้อง อังเดรอาจจะรับไม่ได้ คงทิ้งเธอและลูกไป แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่อย
"ความจริงแล้วเธอไม่เคยรักฉันข้างเดียวเลยนะ"กึก...สิ่งที่อังเดรได้เอื้อนเอ่ยออกมาทำให้ลูเซียร์ที่กำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่งชะงักลงไปอัตโนมัติ ใบหน้าสวยหวานเปื้อนเขรอะด้วยน้ำตาเคลื่อนมามองคู่หมั้นหนุ่มพร้อมหัวใจที่เริ่มเต้นแรงเธอไม่อยากคาดหวังอะไรจากคำพูดนั้นของเขาเลย แต่ในขณะที่อีกใจก็เผลอคาดหวังไปแล้ว แววตาที่เขากำลังมองมาต่างไปจากทุกวันโดยสิ้นเชิง จากเคยมีแค่ความว่างเปล่าและเดาอะไรไม่ได้ ตอนนี้กลับมีอีกความรู้สึกจุดประกายออกมาอย่างไม่ปิดบัง"เธอไม่เคยรักฉันแค่ข้างเดียวเลยนะลูเซียร์""มะ...หมายความว่ายังไงคะ" ตอนแรกเธอเผื่อใจเอาไว้ พยายามไม่คาดหวังมากเกินไป แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ออกมา เธอกลับคาดหวังไปมากจนไม่สามารถเผื่อใจเอาไว้ได้"จอดรถก่อน" เขาหันไปสั่งไทจิไทจิเมื่อได้รับคำสั่งก็ตบไฟเลี้ยวเพื่อหาที่จอดรถ ไทจิและโซลเปิดประตูลงไปรอเจ้านายนอกรถ ปล่อยให้อังเดรและลูเซียร์ได้คุยกันตามลำพัง"จำตอนเด็กๆ ที่เธอบอกว่าอยากแต่งงานกับฉันได้ไหม""จำได้ค่ะ""หลังจากเธอกลับบ้านไป ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันไปบอกพ่อกับแม่ ว่าโตขึ้นอยากแต่งงานกับเธอ อยากใช้ชีวิตคู่กับเธอไปจนกว่าจะตายกันไปข้างนึง"เธอนั่
ปัง!"อึก...อ้วก~" ร่างสูงวิ่งตรงไปยังห้องน้ำของห้องพักในโรงแรมที่พักอยู่กับลูเซียร์ อัวเดรเปิดประตูห้องน้ำอย่างแรงจนกระแทกกับผนังหนา ก่อนที่จะเข้าไปโก่งคออาเจียนลงชักโครกอย่างห้ามสิ่งที่ดันขึ้นมากองบนคอหอยไว้ไม่ได้อาหารที่ทานเข้าไปก่อนหน้านี้ถูกขับออกมาจนแทบหมดไส้หมดพุง ลูเซียร์วิ่งตามคู่หมั้นหนุ่มเข้ามาในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง เธอยกมือลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ ก่อนหน้านั้นนั่งทานอาการกันดีๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งขึ้นมาบนที่พัก อังเดรก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างที่เห็น "พี่เดย์ไหวไหมคะ""ไหว..." เขาเอียงใบหน้าไปตอบลูเซียร์ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะหันไปโก่งคออาเจียนอีกรอบแทบไม่ทัน"เซียร์ว่าพี่เดย์ไปหาหมออีกรอบดีไหมคะ ให้หมอเขาตรวจให้ละเอียดว่าพี่เดย์เป็นอะไรกันแน่" เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกมาเป็นการปฏิเสธ บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาป่วยกะทันหันแบบนี้ได้ ปกติเขาออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ แถมร่างกายยังแข็งแรงไม่ใช่คนป่วยง่ายขนาดนี้ ผิดกับคราวนี้ ที่อยู่ดีๆ ก็มีอาการแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากอาเจียนเสร็จ อังเดรดึงตัวเองขึ้นจากพื้นพลางเอื้อมมื
หลายชั่วโมงต่อมาคนตัวเล็กที่นอนหลับใหลบนเตียงนอนหนานุ่มขนาดใหญ่เริ่มขยับตัวไปมา เปลือกตาสีขาวค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ข้างกายที่เคยมีคู่หมั้นหนุ่มซึ่งนอนด้วยกันมาตั้งแต่แรก ตอนนี้กลับว่างเปล่าไร้ซึ่งวี่แววของเขาคนนั้นเธอดึงตัวเองขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงในอาการง่วงซึมพลางยกมือขึ้นมาขยี้ดวงตาตัวเองเบาๆ หลังจากนั้นจึงกวาดสายตามองหาอังเดร แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเช่นเดิม เริ่มคิดแล้วว่าเรื่องราวก่อนหน้านั้นคือความจริงหรือความฝัน ทว่าช่วงล่างที่รู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยมันทำให้เธอได้คำตอบว่า...นี่ไม่ใช่ความฝัน"ถ้าเขาอยู่ที่นี่จริงๆ แล้วเขาหายไปไหนแล้ว...ช่างเถอะ" เธอสะบัดไล่ความคิดที่อยู่ในหัวออก ก่อนจะเหวี่ยงขาทั้งสองข้างลงจากเตียงนอนแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าหลังจากเสร็จจากตรงนั้น เธอเดินออกมาจากห้องน้ำออกมานอกห้องนอน แต่ทว่าต้องชะงัก เมื่อสายตาพลันเห็นคนที่ตัวเองมองหาตอนตื่นนอนใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้เขากำลังยืนกินมะม่วงคนเดียวตรงเคาน์เตอร์ครัวเขาไม่ได้หายไปไหน...แต่แค่ออกมาหาอะไรกินเท่านั้น"ตื่นแล้วเหรอ" เขาเอ่ยทักทายลูเซียร์พลางยกมะม่วงขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย"พี่เดย์เอาม
@นิวยอร์ก ณ โรงแรมระดับห้าดาวเธอก้าวขาลงจากรถหรูที่คุณพ่อส่งมารับถึงสนามบิน โดยมีคนขับรถของคุณพ่อเดินมาเปิดประตูรถให้ เธอยิ้มให้ชายในชุดสูทสีดำอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินตามพนักงานที่มารอต้อนรับเข้าไปข้างใน โรงแรมนี้เป็นของคุณพ่อซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองนิวยอร์ก เธอเป็นคนเลือกเองว่าจะพักที่โรงแรมแทนที่บ้าน เพราะยังทำใจเรื่องที่พ่อแม่หย่ากันไม่ได้อยู่นิดนึง เลยเลือกพักที่โรงแรม เธอเดินตามพนักงานโรงแรมมายังห้องพักระดับวีไอพีแถมยังเป็นห้องสวีทอีกต่างหาก เธอไม่ได้จัดการเรื่องห้องพักเพราะคุณพ่อทำให้เรียบร้อยทุกอย่าง"ขอบคุณนะคะ" เธอพูดกับพนักงานที่ช่วยถือกระเป๋าเดินทางเข้ามาในห้องด้วยภาษาอังกฤษ"ยินดีครับ" พนักงานชายของโรงแรมตอบกลับ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องพักลูเซียร์ เธอวางกระเป๋าสะพายลงโซฟา ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนอนด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาร่วมหลายชั่วโมง เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ ในจังหวะกำลังเคลิ้มหลับ เสียงปลดล็อกประตูจากสักที่ของที่พักก็ดังเข้ามาในหู ทำให้เธอลืมตาขึ้น"มาถึงเหนื่อยๆ อาบน้ำสักหน่อยได้ไหม" เสียงเข้มคุ้นเคยที่ดังเข้ามาในหูทำให้ลูเซียร์มองหาต้นเ