เช้าวันต่อมาลูเซียร์ที่นอนหลับมาหลายชั่วโมงเริ่มขยับตัวไปมา เปลือกตาสีขาวค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ทันทีที่รู้สึกตัวความปวดร้าวระบมตามร่างกายก็ถาโถมเข้าใส่คราวเดียวจนไม่อยากขยับตัวไปไหน โดยเฉพาะตรงบริเวณนั้นที่เจ็บมากกว่าส่วนอื่นๆ กลิ่นเหม็นฉุนของควันบุหรี่ทำให้เธอดึงสายตามามองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่นั่งอยู่ปลายเตียงนอน เธอค่อยๆ ดันตัวขึ้นมานั่งอย่างยากลำบาก พลางก้มมองสภาพตัวเองตอนนี้ เธอมีเพียงผ้าห่มผืนเดียวที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้เนื่องจากเธอ...ไม่ได้สวมใส่อะไรเลย"เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ" เงียบสองนาน กว่าจะตัดสินใจเอ่ยถามอังเดรกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าสภาพตัวเองตอนนี้จะตอบคำถามทุกอย่างที่อยากรู้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังเลือกถามอีกฝ่ายอยู่ดี"แล้วคิดว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ"มาเฟียหนุ่มถามกลับ พลางอัดควันของบุหรี่ที่คีบไว้ในมือเข้าปากแล้วพ่นควันสีเทากลิ่นฉุนออกมาอย่างใจเย็น"...." เธอนิ่งเงียบ หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง แสดงว่าทุกอย่างที่คิดไว้คือเรื่องจริง เธอได้มีอะไรกับคู่หมั้นตัวเองไปแล้วเมื่อคืน "เสียใจเหรอที่ได้ขึ้นเตียงกับฉัน""เซียร์...""เมื่อคืนฉันเตือนเธอแล้วแต่เธ
ครืด ครืด~หน้าจอโทรศัพท์ของลูเซียร์ซึ่งกำลังเขี่ยเล่นถูกแทนที่ด้วยเบอร์จากคนเป็นแม่ เธอปัดหน้าจอเพื่อรับสายแล้วแนบเอาลงใบหู"ว่าไงคะแม่"(เป็นยังไงบ้างเซียร์ ไม่เห็นโทรมาหาแม่กับพ่อเลย)"ขอโทษค่ะ พอถึงไทยเซียร์ก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนเลย ขอโทษที่ไม่ได้โทรบอกคุณพ่อคุณแม่นะคะ"(เดี๋ยวนี้ลูกสาวแม่เที่ยวเป็นกับเขาแล้วเหรอ) ปลายสายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ปกติลูเซียร์ไม่ค่อยออกไปเที่ยวหรือสังสรรค์กับเพื่อนเท่าไร ทางบ้านไม่ได้เคร่งเรื่องพวกนี้ ปล่อยให้ใช้ชีวิตได้เต็มที่ แต่ต้องรู้หน้าที่ของตัวเองด้วย"เซียร์ชอบนะคะ สนุกดี"(เห็นลูกมีความสุขพ่อกับแม่ก็ดีใจ แล้วอยู่กับอังเดรลูเซียร์ดื้อไหม พี่เขาดูแลเซียร์ดีรึเปล่า)"เซียร์ไม่ดื้อค่ะ พี่เดย์ดูแลเซียร์ดีมากๆ แถมยัง...ใจดีอีกด้วย" เธอเลือกที่จะไม่พูดความจริงเพราะไม่อยากทำให้คุณแม่พลอยกังวลตามไปด้วย (ได้ยินแบบนี้แม่ก็สบายใจ ถ้าขาดเหลืออะไรโทรมาหาแม่ได้ทุกเมื่อเลยนะ แค่นี้แหละ แม่จะออกไปประชุมแล้ว)"ค่ะ" เธอวางสายลงจากคนเป็นแม่ จากนั้นดันร่างตัวเองขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินไปหายามาทาน เพราะรู้สึกเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัว "จำได้ว่าเอามาด้วยนะทำไมไม่มี" เธ
(นี่แกดูแลเซียร์ยังไงให้น้องเขาไม่สบายแบบนี้!) น้ำเสียงทรงพลังของอนาคินดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์เครื่องหรูหลังรู้เรื่องลูเซียร์ไม่สบายจากปากลูกชาย"ลูเซียร์เป็นคู่หมั้น ไม่ใช่ลูกของผม"(บร๊ะ!ไอ้ลูกคนนี้ ฉันควรทำยังไงกับแกดี ถึงฉันจะเคยพูดไว้ว่า ภายในสามเดือนถ้าแกไม่ได้รักใคร่หนูเซียร์ฉันจะยกเลิกงานแต่งให้ ฉันเป็นคนพูด ฉันก็ยกเลิกคำพูดฉันได้)"ผมนึกไว้แล้วว่าพ่อไม่มีทางทำแบบนั้นได้"(หึ ยิ่งแกไม่อยากแต่งงานกับหนูเซียร์มากเท่าไร ฉันยิ่งจะทำให้แกต้องแต่งงานกับหนูเซียร์)"ผมอยากรู้จริงๆ ว่าลูเซียร์มีอะไรดี พ่อถึงรักและเอ็นดูยัยเด็กแก่แดดคนนั้นเหลือเกิน"(พูดเหมือนครั้งนึงแกไม่เคยเอ็นดูน้องอย่างนั้นแหละ)"...."เขานิ่งเงียบกับประโยคนั้นของคนเป็นพ่อ เอ็นดูอย่างนั้นเหรอ? เขาแค่นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน แค่ลองคิดภาพตอนเอ็นดูลูเซียร์ในหัวเขายังไม่อยากทำเลย(ฉันไม่รู้นะว่าทำไมแกถึงเกลียดน้องนักหนา แต่ระหว่างสามเดือนนี้ แกช่วยทำตัวดีๆ กับน้องหน่อยได้ไหม)"ไม่จำเป็น"(ปากดีแบบแก ระวังจะกลืนน้ำลายตัวเองเข้าสักวัน) "หึ ผมไม่มีวันกลืนน้ำลายตัวเอง"(ฉันจะรอดูคนเก่ง ว่าจะเก่งไปได้สักกี่น้ำ)"อย่าพูดเ
@โกดังเก็บสินค้าตุ้บ! ผัวะ! ผัวะ!อังเดรยืนมองภาพชายสี่คนที่กำลังโดนลูกน้องตัวเองรุมกระทืบด้วยสายตาเย็นชา เขายกบุหรี่ขึ้นมาดูดก่อนจะพ่นควันสีเทาออกมาอย่างใจเย็น มุมปากหยักได้รูปปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ ด้วยความพอใจ คนพวกนั้นคิดผิดที่กล้าลอบวางเพลิงโกดังเก็บสินค้าของเขา เขามองภาพตรงหน้าสองนาน สภาพแต่ละคนแทบแยกไม่ออกว่าเป็นใครเพราะเนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด เขาส่งสัญญาณบางอย่างให้ลูกน้อง ไม่นานนักชายฉกรรจ์ก็ถือถังน้ำผสมเกลือไปสาดใส่ชายทั้งสี่คน บาดแผลเมื่อเจอกับน้ำเกลือมักไม่เป็นมิตรต่อกัน เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเรียกรอยยิ้มจากมาเฟียหนุ่มได้ดีไม่น้อย"ใครจ้างพวกมึงมา" เนิ่นนานกว่าอังเดรจะยอมปริปากเอ่ยถามชายกลุ่มนั้น"ปะ...ปล่อยพวกผมไปเถอะครับ" หนึ่งในสี่คนเอ่ยพูดพลางประนมมือขึ้นขอชีวิตจากอังเดร เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว "กูถามว่าใครจ้างพวกมึงมา" น้ำเสียงอังเดรเริ่มเย็นลงทำเอาคนฟังพานเสียวสันหลังวาบตามไปด้วย"ถ้าพวกเราบอก คุณจะปล่อยพวกเราไปใช่ไหมครับ""อยู่ที่ว่าคำตอบของพวกมึงจะมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน""พวกเราไม่รู้ว่าใครเป็นคนจ้าง ส่วนมากพวกเรารับงานผ่านการโทรเท่านั้น จะไม่เป
ลูเซียร์เม้มริมฝีปากเข้าหากัน พยายามไม่สบสายตากับอังเดรที่กำลังถอดกางเกงขาสั้นของเธอออกตามด้วยชั้นใน หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเมื่อจุดอ่อนไหวไร้สิ่งปกปิด "อื้อ!" หญิงสาวสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจทันทีที่นิ้วของมาเฟียหนุ่มเขี่ยไปมาตรงติ่งเกสร มือเล็กเริ่มกำหมอนใบใหญ่ที่ตนหนุนนอนแน่น ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวเพราะมีสายตาคมเข้มคอยจ้องมองความสวยงามไม่ละไปไหนมาเฟียหนุ่มใช้นิ้วแยกกลีบกุหลาบสีระเรื่อจนสามารถมองเห็นทุกส่วนของความสวยงามนั้นอย่างชัดเจน สิ่งนี้ยังคงบวมช้ำไม่หายดีอย่างที่เธอบอกไว้ คืนนั้นเขาค่อนข้างทำรุนแรงโดยไม่ได้สนใจว่านี่คือครั้งแรกของเธอ"พี่เดย์ ซะ...เซียร์เจ็บ" เธอร้องประท้วงขึ้นมาเมื่ออังเดรดันนิ้วเข้าไปในร่องรักบวมช้ำที่ไร้น้ำหล่อลื่น"ฉันไม่เคยทำแบบนี้กับใคร เพราะฉะนั้นฉันจะลองทำกับเธอ"ลูเซียร์ทำหน้างงงวยหลังจากอังเดรพูดประโยคนั้น ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจทันทีที่เห็นคู่หมั้นหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปยังกายสาว ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดเนินสามเหลี่ยมอวบอูมพลันทำให้หญิงสาวหายใจไม่ทั่วท้อง"อื้อ!" หัวใจเธอกระตุกวาบเมื่อถูกลิ้นร้อนชื้นสัมผัสลงจุดอ่อนไหว เนื้อตัวพลันสั่นเกร็ง
เช้าวันต่อมาหญิงสาวในอ้อมกอดของมาเฟียหนุ่มค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบากท่ามกลางความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ กลิ่นหอมคุ้นเคยที่คลุ้งกระจายออกมาจากร่างกายอีกฝ่ายทำให้ลูเซียร์สูดดมเข้าไปอย่างถือวิสาสะ ลูเซียร์ค่อยๆ จับแขนแกร่งที่วางบนเอวบางแล้วจากนั้นก็ดันออกจากอ้อมแขนของคู่หมั้นหนุ่ม เธอทอดสายตามองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติด้วยรอยยิ้ม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกส่วนบนใบหน้าเขานั้นเพอร์เฟกต์หาที่ติตรงไหนไม่ได้ เวลาเขาหลับช่างดูเหมือนเด็กน้อยไร้พิษภัยคนหนึ่ง หากแต่พอตื่นขึ้นกลับกลายเป็นปีศาจร้ายเสียอย่างนั้น เธอเอื้อมมือไปหมายจะสัมผัสใบหน้าอังเดร ทว่าอีกฝ่ายกลับลืมตาขึ้นมาเสียก่อน"จะทำอะไร" "เปล่านิคะ" "แน่ใจ?""แน่ใจค่ะ เซียร์กลับห้องนอนของตัวเองก่อนนะคะ" เมื่อพูดจบก็ผลุนผลันเตรียมก้าวลงจากเตียงนอนของอังเดร ไม่ทันที่เท้าจะสัมผัสพื้น เสียงเข้มคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาเสียก่อน"ฉันอนุญาตให้เธอกลับห้องตัวเองแล้วเหรอ" ลูเซียร์หันกลับมามองอังเดร"คะ?""เมื่อคืนฉันให้เธอนอนกับฉัน คราวนี้เธอต้องตอบแทนฉันกลับ""ตอบแทนอะไรเหรอคะ?" เธอเอ่ยถามด้วยสีหน้าใสซื่อ"อาบน้ำให้ฉัน""...." คำตอบของอังเดรทำให้
วันต่อมา@Marvel Clubลูเซียร์นั่งเหม่อลอยท่ามกลางเสียงเพลงภายในไนต์คลับชื่อดัง น้ำเสียงผู้หญิงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์อังเดรเมื่อวานยังคงลอยวนเวียนอยู่ในหัวของเธอไม่หายไปไหน คำถามมากมายถูกตั้งขึ้นมาอัตโนมัติผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?เป็นแฟนพี่เดย์จริงอย่างที่หล่อนแอบอ้างไหมเขากับผู้หญิงคนนั้นแอบซุ่มคบกันโดยไม่บอกใครหรือเปล่าเธอคิดเรื่องอังเดรจนพลอยส่งผลให้ตัวเองปวดหัว ภาวนาขอให้เรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นพูดไม่ใช่เรื่องจริง เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นดื่ม"แกเป็นอะไรยัยเซียร์ เห็นนั่งเหม่อลอยมานานแล้ว" ปันปันเอ่ยถาม หลังจากแอบนั่งสังเกตเพื่อนสนิทมาสองนาน"นั่นสิ มีอะไรเล่าให้พวกฉันฟังได้นะ" นิวเยียร์เสริมขึ้นอีกคน ตั้งแต่มาถึงไนต์คลับ ลูเซียร์เอาแต่นั่งเหม่อลอยราวกับคนกำลังมีเรื่องอะไรในใจแต่พูดออกมาไม่ได้ "ฉันถามอะไรพวกแกหน่อยสิ" สุดท้ายลูเซียร์ตัดสินใจปรึกษาเพื่อนสนิทของตัวเอง ไม่อยากเก็บไว้ให้คาราคาซังใจตัวเอง"ถามอะไรเหรอ?" ชมพูพูด"ถ้ามีผู้หญิงโทรมาหาแฟนพวกแกแล้วอ้างว่าเป็นแฟน พวกแกจะเชื่อในสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดไหม""จากประสบการณ์โดยตรงของฉัน เคยมีเคสแบบนี้โทรมา
"ปันกับนิวล่ะ" เมื่อเดินมาถึงโต๊ะแล้วไม่เห็นเพื่อนสนิทอีกสองคน จึงหันไปถามชมพูที่นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่ "นู้นไง กำลังเต้นสนุกกันอยู่หน้าเวที อีกสักหน่อยคงขึ้นไปเต้นกับดีเจบนเวที"เธอพลันสายตาไปมองปันปันและนิวเยียร์ที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนานอยู่หน้าเวที โดยมีดีเจหนุ่มรูปหล่อประจำไนต์คลับกำลังเปิดเพลงสุดมัน"นี่ชมพู เธอจำเรื่องที่ฉันถามไปก่อนหน้านี้ได้ไหม"ชมพูครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับลูเซียร์"จำได้ๆ ทำไมเหรอ?" "ก่อนที่ฉันจะเดินกลับมาโต๊ะ ฉันเห็นผู้หญิงที่แอบอ้างว่าเป็นแฟนพี่เดย์""หือ...จริงเหรอ หน้าตาเป็นยังไง สวยไหม""สวยนะ สวยมากด้วย แต่เหมือนพี่เดย์จะไม่อะไรด้วย เขาเย็นชากับผู้หญิงคนนั้นมากๆ เลย""แสดงว่าเขาไม่ได้มีใจให้ผู้หญิงคนนั้น ทีนี้แกก็สบายใจได้แล้วนะ""แต่ฉันไม่รู้ว่ามีผู้หญิงกี่คนที่อยู่ในสต็อกของเขา คงไม่ได้มีแค่ผู้หญิงคนนั้นคนเดียวอย่างแน่นอน""ตราบใดที่แกยังอยู่ในสถานะเป็นคู่หมั้นเขา เท่ากับว่าแกชนะผู้หญิงในสต็อกของเขาทุกคนแล้ว""....""ถ้าแต่งงานกันแล้วเขายังไม่รักฉัน ฉันควรทำยังไงดี""แกจะถามหาอนาคตทำไม อนาคตมันไม่แน่นอนหรอกนะ การที่แกกลัวว่าในอนาคตเขาจ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหมับลูเซียร์เดินเข้ามากอดคนรักซึ่งกำลังยืนทำอาหารเช้าในห้องครัว "หอมจัง..." "ตื่นแล้วเหรอ" เขาหันไปพูดกับลูเซียร์ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะดึงสายตากลับมามองข้าวต้มกุ้งซึ่งเป็นของโปรดคนข้างหลัง"ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกเซียร์ล่ะคะ""เห็นเซียร์กำลังหลับสบายเลยไม่อยากกวน"เธอไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายกลับ ยืนชะโงกใบหน้ามองข้าวต้มกุ้งที่อังเดรกำลังทำอย่างตั้งใจเงียบๆ ระหว่างนั้นก็แอบลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของคนรักเป็นระยะด้วยความหลงใหลเธออยากเก็บเขาไว้ดูแบบนี้คนเดียว เวลาเห็นผู้หญิงมองเขาอย่างให้ความสนใจ เธอก็อดเกิดอาการหวงขึ้นมาไม่ได้"เซียร์ไปนั่งรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวพี่ยกข้าวต้มไปให้""เซียร์อยากช่วยถือ""ไปนั่งรอ เดี๋ยวพี่ทำเอง" "กลัวเซียร์ซุ่มซ่ามทำถ้วยข้าวต้มหลุดมือเหรอคะ" "หึ...เปล่า แค่ไม่อยากให้ทำเพราะพี่อยากทำให้ ตอนนี้เซียร์กำลังท้องอยู่ อุ้มท้องอย่างเดียวก็พอ เดี๋ยวอย่างอื่นพี่ทำให้เอง""น่ารักจัง" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม อังเดรหมุนตัวกลับมาหาคนตัวเล็ก มองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปหาแล้วประทับริมฝีปากลงหน้าผากบาง สัมผัสอ่อนโยนจากมาเฟียหนุ่มพล
หลายวันต่อมา@บริษัทอังเดรแกร๊กลูเซียร์เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของอังเดรหลังจากที่ขอเขาลงไปซื้อของกิน ริมฝีปากสีระเรื่อเตรียมขยับเพื่อทักทายคนรัก แต่ทว่าต้องชะงักเมื่อสายตามองเห็นเขากำลังนั่งคุยกับอนาคินคนเป็นพ่อ จากที่ต้องทักทายอังเดร กลับกลายเป็นทักทายพ่อคนรักแทน"สวัสดีค่ะคุณละ...เอ่อ..คุณพ่อ" เธอเกือบพลั้งปากเรียกอนาคินว่า 'คุณลุง' อย่างที่เคยเรียกชินปาก ดีที่ดึงสติกลับมาได้ทันจึงไม่ได้เอ่ยคำๆ นั้นออกมา"หนูเซียร์ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ""ค่ะ พอดีว่าเซียร์ลงไปซื้อของกินมาน่ะค่ะ""อืม ได้ยินอังเดรบอกว่าทั้งสองคนคืนดีกันแล้วเหรอ""ใช่ค่ะ พี่เดย์เขาบินไปง้อเซียร์ถึงนิวยอร์กเลย""อะแฮ่ม.." เขากระแอมในลำคอเพื่อปรามไม่ให้ลูเซียร์พูดถึงเรื่องนั้น แต่คงไม่ทันการณ์เสียแล้ว"หนูเซียร์มานั่งเล่าตอนเจ้าเดย์ง้อให้พ่อฟังทีสิ นานๆ ทีจะเห็นลูกชายง้อผู้หญิง""ได้ค่ะ" เธอยิ้มและตอบรับอย่างไม่ปฏิเสธโดยไม่สนใจสีหน้าที่กำลังไม่พอใจของอังเดร ในอดีตเขาทำกับเธอไว้เยอะ คราวนี้ตาเธอเอาคืนแล้ว"ถ้าพ่อหมดธุระกับผมแล้วก็กลับไปได้แล้ว""ฉันยังไม่อยากกลับ นานๆ ทีจะมาบริษัทแก ขออยู่นานๆ ก่อนสิ" อนาคินหันไปมองลู
วันต่อมาลูเซียร์นั่งมองคนเป็นพ่อซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับคนรักใหม่ด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์และรู้สึกเสียดาย การหย่าร้างของพ่อแม่ในครั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองคนจะตกลงว่ายังคงทำหน้าที่พ่อและแม่ให้เธอเหมือนเดิม มาฉลองด้วยกันทุกเทศกาลและวันสำคัญของเธอ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกเสียดายช่วงเวลาดีๆ ที่ครอบครัวเคยทำด้วยกันและเกิดความคิดไม่อยากให้พ่อแต่งงานใหม่ เธอรู้ดีว่าพ่อแม่แต่งงานกันเพราะถูกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจับคลุมถุงชน ทั้งสองคนอาจมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ใช่ว่าจะรักกันเหมือนคู่รักอื่นๆ ใครบอกว่าความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรัก น้อยคนนักที่จะโชคดีดังคำพูดนั้นแต่ก็นะ...ในเมื่อพ่อเจอความสุขของตัวเองแล้ว เธอก็ควรยินดีและยอมรับในการตัดสินใจของพ่อ "คุณแม่ไม่รู้สึกเสียดายคุณพ่อเหรอคะ?" เธอเอ่ยถามคนเป็นแม่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า"แม่เคารพการตัดสินใจของพ่อ อีกอย่าง ต่อให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมก็พลอยแต่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่มีความสุขเปล่าๆ""....""แม่รู้ว่าเซียร์เสียใจ พวกเราสองคนเองก็เสียใจที่ต้องให้ลูกรู้ว่าพวกเราไม่สามารถไปต่อกันได้อีกแล้ว""นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เซียร์เห็นคุณพ
อังเดรและลูเซียร์เดินจูงมือกันเข้ามายังร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งของตัวเมืองนิวยอร์กในช่วงหนึ่งทุ่ม ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องอาหารสำหรับวีไอพีโดยมีชายชุดดำสองคนยืนเฝ้า เมื่อชายชุดดำเห็นอังเดรและลูเซียร์มาถึงจึงเปิดประตูออกให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องอาหารวีไอพีซึ่งมีครอบครัวของลูเซียร์นั่งคอยอยู่ ความจริงเลยเวลานัดมาหลายนาทีแล้ว แต่อังเดรเกิดมีอาการคลื่นไว้อาเจียนขึ้นมากะทันหันทำให้มาเลทจากเวลานัดราวยี่สิบนาที"สวัสดีครับ" เขาเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้พ่อและแม่ของลูเซียร์ เคยเจอครอบครัวลูเซียร์มาก็หลายครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เขากลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย"ขอโทษที่มาช้านะคะ""ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เหมือนกัน" พ่อของลูเซียร์เป็นคนเอ่ยพูด "สั่งอาหารกันแล้วเหรอคะ?""ยังเลย กะจะรอสั่งตอนเซียร์และเดย์มาถึงแล้ว" แม่ของลูเซียร์ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเห็นลูกสาวและอังเดรอยู่ด้วยกันแบบนี้เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาระดับหนึ่ง เพราะก่อนหน้านั้นลูเซียร์บอกว่าอยากถอนหมั้น และหลังจากจบจากงานแต่งคนเป็นพ่อ ลูเซียร์ก็จะบินไปที่ปารีสทันที แต่เหมือนว่าตอนนี้ลูกสาวเธอจะเปลี่ยนใจแล้ว...ทั้งสี่คนเริ
หมับมาเฟียหนุ่มเดินมาสวมกอดลูเซียร์ที่กำลังยืนรับลมชมวิวอยู่ระเบียงที่พักจากข้างหลัง หญิงสาวแอบสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ เพราะอีกฝ่ายมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง "คิดอะไรอยู่เหรอ""ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แค่เห็นว่าตรงนี้วิวสวยดีเลยออกมาดู" ไออุ่นจากอ้อมกอดเขาพลอยทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่อังเดรกอดเธอด้วยความอ่อนโยนแบบนี้"กลับไทยเมื่อไหร่ เดี๋ยวพาไปฝากครรภ์นะ""ค่ะ" เธอตอบรับสั้นๆ ก่อนจะก้มมองมือหนาที่เลื่อนมาสัมผัสหน้าท้องแบนราบของเธอราวกับกำลังทักทายอีกหนึ่งชีวิตในท้อง"คิดไม่ถึงเลยว่าวันนึงจะมีลูกเป็นของตัวเอง จากเคยได้ยินลูกของตินและแม็กซ์เรียกพวกมันสองคนว่าพ่อ ใครจะคิดล่ะว่าวันนึงตัวของฉันเองก็กำลัง...กลายเป็นพ่อคนแล้วเหมือนกัน""พี่เดย์รู้สึกยังไงบ้างคะตอนที่รู้ว่ากำลังกลายเป็นพ่อคน""ทั้งอึ้งและช็อก แต่หลังจากนั้นก็ดีใจและตื่นเต้นที่ตัวเองกำลังมีลูก""ตอนแรกเซียร์คิดว่าพี่เดย์จะรับไม่ได้ที่มีลูกกับเซียร์ซะอีก" เธอพูดออกมาเสียงแผ่ว ก่อนหน้าที่เขาพาเธอไปโรงพยาบาล เธอแอบกลัวว่าถ้าผลออกมาว่าเธอท้อง อังเดรอาจจะรับไม่ได้ คงทิ้งเธอและลูกไป แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่อย
"ความจริงแล้วเธอไม่เคยรักฉันข้างเดียวเลยนะ"กึก...สิ่งที่อังเดรได้เอื้อนเอ่ยออกมาทำให้ลูเซียร์ที่กำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่งชะงักลงไปอัตโนมัติ ใบหน้าสวยหวานเปื้อนเขรอะด้วยน้ำตาเคลื่อนมามองคู่หมั้นหนุ่มพร้อมหัวใจที่เริ่มเต้นแรงเธอไม่อยากคาดหวังอะไรจากคำพูดนั้นของเขาเลย แต่ในขณะที่อีกใจก็เผลอคาดหวังไปแล้ว แววตาที่เขากำลังมองมาต่างไปจากทุกวันโดยสิ้นเชิง จากเคยมีแค่ความว่างเปล่าและเดาอะไรไม่ได้ ตอนนี้กลับมีอีกความรู้สึกจุดประกายออกมาอย่างไม่ปิดบัง"เธอไม่เคยรักฉันแค่ข้างเดียวเลยนะลูเซียร์""มะ...หมายความว่ายังไงคะ" ตอนแรกเธอเผื่อใจเอาไว้ พยายามไม่คาดหวังมากเกินไป แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ออกมา เธอกลับคาดหวังไปมากจนไม่สามารถเผื่อใจเอาไว้ได้"จอดรถก่อน" เขาหันไปสั่งไทจิไทจิเมื่อได้รับคำสั่งก็ตบไฟเลี้ยวเพื่อหาที่จอดรถ ไทจิและโซลเปิดประตูลงไปรอเจ้านายนอกรถ ปล่อยให้อังเดรและลูเซียร์ได้คุยกันตามลำพัง"จำตอนเด็กๆ ที่เธอบอกว่าอยากแต่งงานกับฉันได้ไหม""จำได้ค่ะ""หลังจากเธอกลับบ้านไป ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันไปบอกพ่อกับแม่ ว่าโตขึ้นอยากแต่งงานกับเธอ อยากใช้ชีวิตคู่กับเธอไปจนกว่าจะตายกันไปข้างนึง"เธอนั่
ปัง!"อึก...อ้วก~" ร่างสูงวิ่งตรงไปยังห้องน้ำของห้องพักในโรงแรมที่พักอยู่กับลูเซียร์ อัวเดรเปิดประตูห้องน้ำอย่างแรงจนกระแทกกับผนังหนา ก่อนที่จะเข้าไปโก่งคออาเจียนลงชักโครกอย่างห้ามสิ่งที่ดันขึ้นมากองบนคอหอยไว้ไม่ได้อาหารที่ทานเข้าไปก่อนหน้านี้ถูกขับออกมาจนแทบหมดไส้หมดพุง ลูเซียร์วิ่งตามคู่หมั้นหนุ่มเข้ามาในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง เธอยกมือลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ ก่อนหน้านั้นนั่งทานอาการกันดีๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งขึ้นมาบนที่พัก อังเดรก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างที่เห็น "พี่เดย์ไหวไหมคะ""ไหว..." เขาเอียงใบหน้าไปตอบลูเซียร์ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะหันไปโก่งคออาเจียนอีกรอบแทบไม่ทัน"เซียร์ว่าพี่เดย์ไปหาหมออีกรอบดีไหมคะ ให้หมอเขาตรวจให้ละเอียดว่าพี่เดย์เป็นอะไรกันแน่" เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกมาเป็นการปฏิเสธ บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาป่วยกะทันหันแบบนี้ได้ ปกติเขาออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ แถมร่างกายยังแข็งแรงไม่ใช่คนป่วยง่ายขนาดนี้ ผิดกับคราวนี้ ที่อยู่ดีๆ ก็มีอาการแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากอาเจียนเสร็จ อังเดรดึงตัวเองขึ้นจากพื้นพลางเอื้อมมื
หลายชั่วโมงต่อมาคนตัวเล็กที่นอนหลับใหลบนเตียงนอนหนานุ่มขนาดใหญ่เริ่มขยับตัวไปมา เปลือกตาสีขาวค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ข้างกายที่เคยมีคู่หมั้นหนุ่มซึ่งนอนด้วยกันมาตั้งแต่แรก ตอนนี้กลับว่างเปล่าไร้ซึ่งวี่แววของเขาคนนั้นเธอดึงตัวเองขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงในอาการง่วงซึมพลางยกมือขึ้นมาขยี้ดวงตาตัวเองเบาๆ หลังจากนั้นจึงกวาดสายตามองหาอังเดร แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเช่นเดิม เริ่มคิดแล้วว่าเรื่องราวก่อนหน้านั้นคือความจริงหรือความฝัน ทว่าช่วงล่างที่รู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยมันทำให้เธอได้คำตอบว่า...นี่ไม่ใช่ความฝัน"ถ้าเขาอยู่ที่นี่จริงๆ แล้วเขาหายไปไหนแล้ว...ช่างเถอะ" เธอสะบัดไล่ความคิดที่อยู่ในหัวออก ก่อนจะเหวี่ยงขาทั้งสองข้างลงจากเตียงนอนแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าหลังจากเสร็จจากตรงนั้น เธอเดินออกมาจากห้องน้ำออกมานอกห้องนอน แต่ทว่าต้องชะงัก เมื่อสายตาพลันเห็นคนที่ตัวเองมองหาตอนตื่นนอนใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้เขากำลังยืนกินมะม่วงคนเดียวตรงเคาน์เตอร์ครัวเขาไม่ได้หายไปไหน...แต่แค่ออกมาหาอะไรกินเท่านั้น"ตื่นแล้วเหรอ" เขาเอ่ยทักทายลูเซียร์พลางยกมะม่วงขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย"พี่เดย์เอาม
@นิวยอร์ก ณ โรงแรมระดับห้าดาวเธอก้าวขาลงจากรถหรูที่คุณพ่อส่งมารับถึงสนามบิน โดยมีคนขับรถของคุณพ่อเดินมาเปิดประตูรถให้ เธอยิ้มให้ชายในชุดสูทสีดำอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินตามพนักงานที่มารอต้อนรับเข้าไปข้างใน โรงแรมนี้เป็นของคุณพ่อซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองนิวยอร์ก เธอเป็นคนเลือกเองว่าจะพักที่โรงแรมแทนที่บ้าน เพราะยังทำใจเรื่องที่พ่อแม่หย่ากันไม่ได้อยู่นิดนึง เลยเลือกพักที่โรงแรม เธอเดินตามพนักงานโรงแรมมายังห้องพักระดับวีไอพีแถมยังเป็นห้องสวีทอีกต่างหาก เธอไม่ได้จัดการเรื่องห้องพักเพราะคุณพ่อทำให้เรียบร้อยทุกอย่าง"ขอบคุณนะคะ" เธอพูดกับพนักงานที่ช่วยถือกระเป๋าเดินทางเข้ามาในห้องด้วยภาษาอังกฤษ"ยินดีครับ" พนักงานชายของโรงแรมตอบกลับ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องพักลูเซียร์ เธอวางกระเป๋าสะพายลงโซฟา ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนอนด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาร่วมหลายชั่วโมง เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ ในจังหวะกำลังเคลิ้มหลับ เสียงปลดล็อกประตูจากสักที่ของที่พักก็ดังเข้ามาในหู ทำให้เธอลืมตาขึ้น"มาถึงเหนื่อยๆ อาบน้ำสักหน่อยได้ไหม" เสียงเข้มคุ้นเคยที่ดังเข้ามาในหูทำให้ลูเซียร์มองหาต้นเ