บทที่ 3 นรกขุมใหม่
ร่างเล็กก้มหน้าหลบสายตาดุดันของเขาด้วยความหวาดระแวง มือเรียวยกขึ้นไหว้ด้วยท่าทางวิงวอน ขณะที่หยาดน้ำตาที่ยังไม่ทันเหือดแห้งก็รินไหลลงมาอีกครั้งเช่นกัน “บอกมา วันนั้นเธอเห็นอะไรบ้าง” “ยะ… อย่าทำอะไรผิงเลย ผิงยอมแล้ว” เสียงของเธอสั่นเครือ “ถ้าเธอยอมพูด ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่” “อย่าทำอะไรผิงเลยนะคะ…” “พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ!” “นายครับ ผมว่าเธออยู่ในสภาพที่ยังให้คำตอบไม่ได้” โจฮันปรายตามองลูกน้องครู่หนึ่ง ก่อนจะตวัดสายตากลับไปที่หญิงสาว พลันเล็งปืนไปยังร่างเล็กที่นั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น “เลือกเอา จะตายอยู่ที่นี่… หรือพูดความจริง” เมื่อเห็นปลายกระบอกปืนเล็งมาทางตน รวมถึงแววตาดุดันของชายตรงหน้า ความกลัวก็แล่นพล่านไปทั่วร่าง หญิงสาวตัวสั่นเทา ฟุบลงกับพื้น ใช้แขนที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำกอดตัวเองราวกับเป็นเกราะกำบัง แม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม “ผมว่าเธอ…” “หุบปาก! กูไม่ได้สั่งให้มึงพูด” “…” มีนก้มหน้าลงทันที โจฮันถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “เอาไงต่อครับ” “เอาตัวมันกลับไป” “ขี้ยาแบบนี้จะให้ข้อมูลอะไรเราได้เหรอครับ” มีนปรายตามองเข็มฉีดยาบนพื้นอย่างดูแคลน “ผมกลัวว่าจะเสียเวลาเปล่าๆ” “คิดซะว่าเลี้ยงหมาอีกตัวก็แล้วกัน ถ้ามันเชื่องก็มีประโยชน์” โจฮันกระตุกยิ้มมุมปาก มองหญิงสาวด้วยสายตาไร้ความรู้สึก หากแต่แฝงด้วยความสมเพศเวทนา “แต่ถ้ามันแว้งมากัด… ถึงตอนนั้นค่อยฆ่าทิ้งก็ยังไม่สาย” “ครับนาย” เสียงฝีเท้าหนักๆ กระแทกพื้นดังขึ้นขณะที่ลูกน้องของโจฮันก้าวเข้าไปคว้าตัวหญิงสาวที่ยังคงฟุบตัวอยู่กับพื้น เธอสะดุ้งเฮือก พยายามดิ้นรนสุดกำลัง แต่เรี่ยวแรงของเธอมีไม่มากพอจะต่อต้าน “อย่า… ปล่อยฉันนะ! อย่าพาฉันไป!” เสียงร้องของเธอสั่นเครือ ปนไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด แต่มีนไม่แม้แต่จะสนใจ เขาเพียงออกแรงกระชากแขนเล็กๆ นั่นให้ลุกขึ้น หญิงสาวเซถลาตามแรงดึง ร่างกายอ่อนล้าจนแทบยืนไม่ไหว โจฮันกอดอก มองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย “มัดมือไว้ จะได้ไม่สร้างปัญหา” มีนพยักหน้า ดึงเชือกเส้นหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อออกมา ก่อนจะบังคับให้เธอหันหลัง หญิงสาวสะบัดตัวสุดแรงเมื่อรู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่กลับถูกอีกฝ่ายกดหัวไหล่ลงกับกำแพงอย่างแรง “อยู่เฉยๆ ซะ!” เธอเม้มปากแน่น กลั้นสะอื้นขณะที่มือถูกดึงไพล่หลัง เชือกหยาบรัดรอบข้อมืออย่างไม่ปรานี เส้นใยแหลมคมกรีดผิวจนรู้สึกแสบไปหมด “แค่นี้ก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว” มีนเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปทางเจ้านาย “ให้เอาไปไว้ไหนครับ?” โจฮันหมุนตัวเดินไปยังประตู “โยนขึ้นรถ ขังไว้ก่อน” “แล้วจากนั้นล่ะครับ?” ชายหนุ่มหยุดชั่วครู่ก่อนจะปรายตามองหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ “ถ้าปากแข็งมากนัก ก็แค่ต้องใช้วิธีที่ทำให้มันยอมพูด” รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะค่อยๆ เลือนหายไป พร้อมกับชะตากรรมของหญิงสาวที่กำลังเดินเข้าสู่ห้วงความมืดมนอย่างไร้ทางหลีกหนี… มีนกระชากแขนของผิงให้เดินตามออกจากห้อง มันเป็นห้องเล็กๆ อับชื้น ผนังแตกร้าวและเต็มไปด้วยคราบสกปรก พื้นห้องเย็นเฉียบเพราะความชื้นสะสม หลอดไฟกระพริบถี่ๆ ส่งเสียงแผ่วเบาเหมือนจะดับลงได้ทุกเมื่อ ร่างเล็กถูกลากออกไปตามทางเดินแคบๆ หญิงสาวพยายามขืนตัว แต่แรงของเธอไม่มีทางสู้ชายตัวโตได้เลย ทุกครั้งที่เธอชะงักหรือเดินช้า มีนก็เพียงออกแรงบีบแขนของเธอแรงขึ้น จนรู้สึกได้ถึงกระดูกที่แทบจะลั่น “เดินดีๆ อย่าถ่วงเวลา” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยเตือน หญิงสาวเม้มปากแน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ หัวใจเต้นรัว ความหวาดกลัวแล่นพล่านไปทั่วร่าง เธอรู้ว่าไม่ควรต่อต้าน เพราะผลลัพธ์ที่รออยู่มีแต่ความเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัว เมื่อพ้นจากทางเดินแคบๆ แสงไฟจากด้านนอกก็สาดเข้ามากระทบใบหน้าซีดเผือดของเธอ หญิงสาวหรี่ตาลงเพราะแสงจ้า ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกผลักให้เดินไปยังรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ริมทาง ประตูรถถูกเปิดออกอย่างแรง เผยให้เห็นภายในที่มืดทึบและเย็นยะเยือก “ขึ้นไป” เธอส่ายหน้า ดวงตาสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น “อย่าให้ต้องใช้กำลัง” มีนเอ่ยเสียงเข้ม เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จังหวะนั้นเองที่มีนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าต้นแขนของเธอแล้วออกแรงเหวี่ยงจนร่างเล็กกระเด็นเข้าไปในตัวรถ แผ่นหลังกระแทกเข้ากับผนังด้านในอย่างแรง ความเจ็บแล่นพล่านขึ้นมาตามกระดูกสันหลัง “อย่าคิดหนีล่ะ ถ้ายังอยากรอด” ประตูรถปิดดัง ปัง! ความมืดเข้าปกคลุมเธอทันที เสียงหอบหายใจถี่ ความกลัวกัดกินทุกอณูของร่างกาย เธอพยายามขยับตัวหนีไปให้ไกลจากประตู แต่ข้อมือที่ถูกมัดแน่นทำให้ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างยากลำบาก เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น รถเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ พาเธอมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ไม่อาจคาดเดาได้ หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมา เธอรู้ดี… ว่าสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า อาจเลวร้ายเกินกว่าที่เธอจะรับไหว ภายในรถตู้มืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากถนนลอดผ่านกระจกทึบแสงเป็นช่วงๆ เผยให้เห็นเงาของร่างเล็กที่นั่งตัวสั่นอยู่มุมหนึ่ง เธอพยายามขดตัวให้เล็กที่สุด เท่าที่เชือกที่มัดมือไพล่หลังจะเอื้อให้ทำได้ เสียงเครื่องยนต์ดังสม่ำเสมอ แต่หัวใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ความกลัวแล่นพล่านไปทั่วร่าง คำพูดของโจฮันก่อนหน้านี้ยังดังก้องอยู่ในหู ‘ถ้าปากแข็งมากนัก ก็แค่ต้องใช้วิธีที่ทำให้มันยอมพูด…’ หญิงสาวหลับตาแน่น พยายามไล่ความคิดที่โถมเข้ามา แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ภาพในหัวของเธอกลับเต็มไปด้วยความทรมานทุกรูปแบบที่เธออาจต้องเผชิญ เสียงสนทนาของสองหนุ่มเบาๆ ดังขึ้นจากเบาะหน้า “นายจะเอาตัวมันไปไว้ที่ไหน?” “โกดังเก่าริมท่าเรือ นายสั่งให้เฝ้าไว้ก่อน เดี๋ยวเขาจะจัดการเอง” “หึ น่าสงสารว่ะ ดูก็รู้ว่าคงไม่รอด” เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น พวกมันคงคิดว่าเธอไม่ได้ยิน แต่ทุกคำพูดกระแทกเข้ามาในโสตประสาทของเธออย่างชัดเจน เธอจะไม่รอดอย่างนั้นเหรอ? ร่างเล็กเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้แค่ไหน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะใช้ ‘วิธี’ อะไรกับเธอ… แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจ เธอ ต้องหนี ไม่มีทางที่เธอจะยอมถูกขังไว้แบบนี้รอให้พวกมัน ‘จัดการ’ ตามอำเภอใจแน่ เพราะเป็นเวลาเดียวที่เธอรอคอย หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก รวบรวมสติที่พอมีหลงเหลือแล้วค่อยๆ ขยับมือที่ถูกมัด ลองสำรวจความแน่นของเชือก แม้มันจะรัดแน่นจนข้อมือเธอแดงช้ำ แต่ถ้าเธอหามุมที่ถูกต้อง บางที… เธออาจจะดิ้นหลุดได้ แต่ก่อนที่เธอจะได้ลองมากกว่านั้น รถก็ชะลอความเร็วลง แล้วจู่ๆ ก็หยุดนิ่ง เธอชะงัก ลอบกลั้นหายใจ พยายามเงี่ยหูฟัง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกตัวรถ ตามมาด้วยเสียงเคาะกระจกแผ่วๆ “เปลี่ยนแผน ส่งตัวเธอมาให้ฉัน” น้ำเสียงนั้นคล้ายจะคุ้นเคย แต่หนักแน่นและเฉียบขาด ใคร…? ร่างเล็กเบิกตากว้าง จู่ๆ ความหวังก็แล่นวาบขึ้นในใจ แต่ก่อนที่เธอจะคิดอะไรได้มากกว่านั้น ประตูรถก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นเงาของใครบางคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟสีส้มจากเสาไฟถนน แล้วชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปในพริบตา ———————————— ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ ❤️บทที่ 4 ทาสยานรกโจฮันพยักพเยิดไปทางรถของตัวเอง เป็นสัญญาณให้มีนพาหญิงสาวไปขึ้นรถคันนั้นแทน“นายจะพาเธอไปไหนครับ?” มีนเอ่ยถามด้วยความสงสัยโจฮันเหลือบตามอง ก่อนตอบเสียงเรียบ “บ้านสวน” จากนั้นก็ลดเสียงลงต่ำ “แล้วห้ามบอกใคร ถ้าปู่รู้เรื่องนี้… มึงตาย!”มีนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ก่อนพยักหน้ารับ “ครับ”เขาจับแขนหญิงสาวเพื่อพยุงลงจากรถ แต่เธอกลับสะบัดตัวขัดขืนสุดแรง ร่างเล็กเริ่มดิ้นรนจนเสียหลักล้มลงกับพื้น ใบหน้าหวาดหวั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา“อย่าพาฉันไป! ขอร้องล่ะ…” เธอร้องเสียงสั่น พยายามถอยหนีไปให้ไกลจากพวกเขามีนถอนหายใจ พลางขยับเข้าไปคว้าตัวเธอไว้อีกครั้ง “อย่าดิ้นให้มากนัก เธอคิดว่าตัวเองจะหนีได้รึไง!”แต่แทนที่เธอจะยอม หญิงสาวกลับดิ้นแรงขึ้น ร่างเล็กสั่นเทาไปหมด สายตาตื่นตระหนกเหมือนลูกสัตว์ตัวน้อยที่จนมุมโจฮันมองภาพนั้นด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชา“ถ้ายังดื้อด้าน ฉันจะเปลี่ยนใจฆ่าเธอทิ้งตรงนี้” เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว ก่อนจะบีบแก้มเธอแน่นจนความรู้สึกเจ็บแล่นเข้ามาแทนที่ความกลัว “ตอนนี้เธอมีหน้าที่เดียวคือคิดให้ออก ว่าเรื่องราวในวันนั้นมันเป็นยังไง แต่ถ้าคิดไม่
บทที่ 5 สิ่งที่ต้องการกลางดึกแสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องสะท้อนใบหน้าของโจฮันขณะที่เขาจ้องข้อความบนหน้าจออย่างจดจ่อ นิ้วโป้งเลื่อนขึ้นลงเป็นจังหวะ ชายหนุ่มกำลังรอใครบางคน… คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักมาก่อนส่งข้อความกลับมาก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ผมเองครับนาย ขออนุญาตเข้าไปครับ”สิ้นเสียง ประตูก็ถูกผลักเปิดออกกว้าง มีนก้าวเข้ามา ค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนยื่นไอแพดไปให้เจ้านาย โจฮันรับมันมา เปิดดูคลิปที่บ้านสวนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เย็นชา ราวกับกำลังพิจารณาภาพตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ“ผลตรวจดีเอ็นเอเธอตรงกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุครับ” มีนรายงานเสียงราบเรียบ “เธอชื่อฉัตรฑริกา หรือขนมผิง ลูกสาวคุณนคร… เอ่อ เคยเป็นคู่ค้าเก่าของเราครับ นาย”“แล้วไงต่อ”“ครอบครัวคุณนครถูกฟ้องล้มละลายเมื่อหลายปีก่อน ตัวเขาเองก็… ฆ่าตัวตาย ส่วนภรรยาและลูกหายสาบสูญ”มีนว่าพลางกดเปิดไฟล์รูปภาพจากกล้องวงจรปิด รูปถ่ายของหญิงวัยกลางคนและเด็กสาวถูกขยายขึ้นบนหน้าจอ“นี่ครับ” เขาชี้ไปที่ภาพ “กล้องตัวนี้อยู่ห่างจากโกดังร้างประมาณสิบกิโล เท่าที่ดูจากเทปบันทึก
บทที่ 6 พยายาม“ยิ่งเธอจำทุกอย่างได้เร็ว เธอก็จะเป็นอิสระเร็วขึ้นเท่านั้น”“ผิงจะพยายามจำให้ได้”แม้ไม่รู้ว่าชายหนุ่มหมายถึงเหตุการณ์ใด ขนมผิงก็เอ่ยรับปาก เธอจะพยายามถึงที่สุด เพื่ออิสระที่รออยู่เบื้องหน้า“ผิง…ขะ ขอ…ยาได้ไหม”“ไม่ได้”คำตอบที่เด็ดขาดทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ร่างกายของเธอจะทนรับความทรมานนี้ได้นานแค่ไหนกัน? ไม่มีใครรู้….“หน้าที่ของเธอคือจำทุกอย่างให้ได้เท่านั้น และอย่าลืมว่าเธอไม่มีสิทธิ์ร้องขอสิ่งที่ต้องการ”พูดจบ โจฮันก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมกริบปรายมองร่างเล็กครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องหลายชั่วโมงก่อน ลูกน้องที่เขาส่งไปเฝ้าตึกร้างโทรมารายงานว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากเดินออกมาจากที่นั่น ท่าทางของแต่ละคนเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่ที่แปลกคือ…ทุกคนสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า“นายจะกลับตอนนี้เลยไหมครับ?” มีนรีบสาวเท้าตามหลังเจ้านาย“อืม เฝ้าให้ดี”“ครับ”“แล้วอย่าให้สิ่งที่เธอร้องขอ จำเอาไว้”“ครับ”“พวกมันใช้ยาเพื่อทำให้เด็กนั่นจำอะไรไม่ได้”“นายรู้ได้ยังไงครับ?”โจฮันจ้องหน้าลูกน้องก่อนจะยื่นปืนให้เขา “ถ้าเธอยังจำอะไรไม่ได้ ก็จัดการซะ”“แต่นายครับ…”“ฉันไม่เลี้
บทที่ 7 เศษเสี้ยวความทรงจำช่วงเย็นของวัน โจฮันเพิ่งตื่นจากการพักผ่อน เขาเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์ พลางเปิดดูข้อความจากคนคนหนึ่ง หวังว่าจะมีอะไรเคลื่อนไหวในกล่องข้อความบ้าง ทว่ามีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวก๊อก ก๊อก“นายครับ อาหารเย็นพร้อมแล้วครับ”“อืม”โจฮันขานรับ พร้อมขยับลุกจากเตียง มือหนานวดคลึงขมับเบาๆ ไล่ความมึนงง ก่อนจะก้าวออกจากห้องพัก“แม่บ้านทำข้าวต้มไว้ให้ครับ และนี่ยาลดอาการอักเสบ…” มีนว่าพลางยื่นยาให้ แต่ยังพูดไม่ทันจบ เจ้านายก็เดินเลยผ่านไป ก้าวขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปยังชั้นสองทันที“นายจะไปไหนครับ?”ไม่มีคำตอบ มีนได้แต่ถอนหายใจ ยกมือเกาหัวแกรกๆ ก่อนพึมพำกับตัวเอง “นายนะนาย… ถ้าคุณท่านรู้เข้า ไอ้มีนหัวขาดแน่” ว่าแล้วเขาก็รีบสาวเท้าตามไปยังห้องของขนมผิงปึ่ง!ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เสียงดังจนร่างเล็กที่นั่งเหม่อลอยอยู่สะดุ้งโหยง เธอหันขวับไปมอง ก่อนจะรีบกอดหมอนข้างแน่นขึ้นโจฮันก้าวตรงไปหาเธอ จับไหล่เล็กบีบไว้แน่น ปลายนิ้วโป้งแตะลงบนรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ของหญิงสาว เพราะเขาเพิ่งเห็นมันก็ตอนที่เธอเปลี่ยนชุดใหม่นี้“รอยนี่ ได้มายังไง”“ระ… รอย?” ขนมผิงกะพริบตา
บทที่ 8 หนีไม่พ้นหลายวันต่อมา…ร่างบางในชุดผ้าฝ้ายปักลายสีขาวยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมเดิม สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานเดียวของห้องนอน สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาอย่างแผ่วเบา ทว่าภาพที่อยู่นอกหน้าต่างกลับไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสักวัน และนี่ก็เป็นวันที่เจ็ดแล้วที่เธอไม่เห็นหน้าโจฮัน“ทานผลไม้หน่อยนะคะ เพิ่มวิตามิน”เสียงแม่บ้านสาวดังขึ้นพร้อมกับวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะข้างเตียง“อย่าลืมทานนะคะ”“ผิงอยากออกไปเดินเล่น… ได้ไหมคะ”หญิงสาวเอ่ยถามเสียงแผ่ว ทว่าก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าต่อให้ขอไป ก็อาจไม่มีใครอนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกได้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเองก็ไม่รู้จะไปถามใครเหมือนกัน”“…ค่ะ”ขนมผิงยกจานผลไม้มาวางบนตักก่อนจะหยิบฝรั่งขึ้นมากัดคำเล็กๆ“ขอบคุณนะคะ ที่ดูแลผิง”“คุณเองก็สู้ๆ นะคะ ตอนนี้อาการคุณดีขึ้นมากแล้ว”คำพูดนั้นทำให้เธอเพิ่งสังเกตตัวเอง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่อาการอยากยาเหล่านั้นค่อยๆ ลดลงไป จนแทบไม่หลงเหลือ ที่เหลืออยู่ก็เพียงร่างกายที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ“แต่ผิงยังจำอะไรไม่ได้เลย…” เสียงหวานแผ่วลงจนแทบเป็นกระซิบ ก่อนที่ใบหน้าสวยจะก้มลงต่ำ น้ำตารื้นขึ้นมาคลอหน่วยอ
บทที่ 9 เข็ดหลาบร่างบางถูกพากลับมายังบ้านพักได้สำเร็จ ทันทีที่โจฮันก้าวเข้ามาในห้อง เขาก็คว้าข้อมือของหญิงสาว กระชากเธอให้เดินตามไปยังห้องน้ำ ก่อนจะเปิดน้ำเย็นสาดลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ความเย็นเฉียบของสายน้ำทำให้เธอสะดุ้งเฮือก ถอยหนีตามสัญชาตญาณ“อึก…ปล่อยผิง!”“เลิกบ้าหรือยัง? หรือเธออยากตายจริงๆ ฉันจะได้สนองให้เดี๋ยวนี้”น้ำเย็นที่ไหลซึมผ่านเนื้อตัวทำให้สติของเธอเริ่มกลับคืนมา ดวงตาคู่งามจ้องมองเขานิ่ง ทั้งที่ยังหอบหายใจหนัก“ฉันเตือนแล้ว…หรือว่าเธออยากกลับไปอยู่จุดเดิมอีก?” เสียงเข้มเอ่ยอย่างกดดัน “ถ้าเธอต้องการแบบนั้น ฉันทำให้ได้เดี๋ยวนี้เลย”ข้อมือเรียวถูกบีบแน่นเสียจนเจ็บร้าว เธอต้องย่อตัวลง พยายามแกะมือเขาออกทีละนิ้ว“จะ…เจ็บ ผิงเจ็บ…คุณโจฮัน ปล่อยผิงเถอะ”“เจ็บงั้นเหรอ รู้ด้วยเหรอว่าเจ็บมันเป็นยังไง?” โจฮันแค่นเสียง กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่น ยิ่งเห็นเธอร้องขอ เขายิ่งอยากให้เธอเจ็บปวดมากกว่านี้ จะได้หลาบจำเสียที…ว่าเคยตกอยู่ในสภาพที่แม้แต่ชีวิตยังร้องขอไม่ได้“เจ็บ…” เธอพึมพำเสียงแผ่ว“ออกไป!”เขาสะบัดมืออย่างแรงจนร่างบางเซถลาลงไปกองกับพื้นห้องน้ำ ไม่นานนัก แม่บ้านสาวก็นำผ
บทที่ 10 ข้อเสนอแววตาที่เคยหม่นหมองกลับมาสดใสอีกครั้ง เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจข้อเสนอนั้นมากจนลืมตัวก้าวเข้าไปใกล้เขา ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดลงจนใบหน้าแทบจะแนบชิดกัน“ผิงต้องทำยังไงเหรอคะ”“หึ… รู้งานนี่” โจฮันก้มมองเตียงของหญิงสาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง “ข้อเสนอนั้นง่ายมาก”“ผิงจะทำ…” เธอเอื้อมมือจับแขนเขาหลวมๆ ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ขณะรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ “ข้อเสนอนั้น…” ปลายนิ้วเรียววางลงบนต้นขาของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว“ถ้าเธอพูดอะไรเกี่ยวกับอดีต ฉันจะให้รางวัลหนึ่งอย่าง และถ้าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะให้รางวัลเพิ่มขึ้นเป็นรอบๆ ไป”“ผิง… ขอรางวัลจากคุณโจฮันได้จริงๆ เหรอคะ”“นี่เป็นข้อเสนอที่ฉันให้เธอ สุดแล้วแต่เธอจะทำได้ไหม ถ้าอยากได้ ก็จงแลกมันมาด้วยความทรงจำของเธอ”“ค่ะ” รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าที่เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นจนโจฮันอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “ผิงเคยบอกคุณโจฮัน… ว่า…”เสียงเธอขาดหายไปในอากาศ เมื่อฝ่ามือหนาวางลงบนไหล่บอบบางของเธอ โจฮันค่อยๆ ปลดสายเดรสลงอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องร่องรอยที่พวกคนชั่วได้ฝากไว้บนเรือนร่างของเธอในดวงตาของเขา ราวกับม
บทที่ 11 รางวัลเด็กดีเมื่อรับรู้ได้ว่า การที่เธอทำตัวดีมีประโยชน์กับโจฮันจะได้รางวัลตามที่เขาบอกไว้จริงๆ ขนมผิงก็ไม่อยู่นิ่ง เธอพยายามนึกภาพเหตุการณ์ทุกอย่าง และไหว้วานให้มีนโทรหาโจฮันเพื่อเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง“ไม่โทร โทรไปก็ไม่ได้คุย คุณโจฮันเข้าประชุมอยู่” มีนชักสีหน้าใส่ด้วยความรำคาญใจนิดหน่อย ตั้งแต่เธอรู้ว่ามีเพียงเขาที่ติดต่อโจฮันได้ ก็มารอร้องเขาให้โทรหาเจ้านายให้ แม้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง แต่ขนมผิงก็ไม่ละความพยายาม โซ่ยาวเท่าไรเธอก็เดินมาจนสุดความยาวและนั่งรอมีนอยู่หลังประตูบานนั้น“ผิงมีเรื่องจะเล่าให้คุณโจฟังจริงๆ นะคะ”“เรื่องเดิมๆ เธอขี้โกงนะรู้ตัวไหม จะเอารางวัลอย่างเดียวไม่ได้!”“ขี้โกงเหรอ…” ริมฝีปากเริ่มเบะคว่ำ เธอกะพริบตาปริบๆ มองชายหนุ่มอย่างออดอ้อน“อย่ามาจ้องฉัน ยังไงก็ไม่ได้ เดี๋ยวนี้รู้มากนะเธอน่ะ”“พี่มีน”“พอ ไม่ต้องเรียกฉัน ยังไงก็ไม่ได้ ไม่ได้คือไม่ได้เข้าใจไหม” มีนย้ำคำเด็ดขาด เขาไม่ยอมโอนอ่อนให้เธออย่างแน่นอน ครั้งที่แล้วเขาโดนลงโทษ แผลที่หางคิ้วยังไม่หายดีเลย “กลับไปอยู่ในที่ของเธอ”“ค่ะ” เธอคลานกลับไปนั่งพิงเตียงนอน และมองแผ่นหลังกว้างของมีนซึ่งเขานั่งอย
บทที่ 12 ชีวิตที่มีค่าหลายชั่วโมงต่อมา หลังจากที่หมอเข้ามาตรวจอาการ ขนมผิงก็ยังคงพักรักษาตัวอยู่บนเตียง ส่วนโจฮัน… เขาไม่ได้กลับบ้านเลย ยังคงอยู่ที่นี่ แถมยังสั่งให้ลูกน้องนำงานทั้งหมดมาทำต่อในห้องนอนแขก และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือเขายังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ“คุณโจ…”เสียงแหบพร่าของหญิงสาวที่เพิ่งฟื้นจากฤทธิ์ยาเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบภายในห้อง โจฮันหันไปทางต้นเสียงช้าๆ เห็นเธอพยายามดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับหันไปมองเขาที่นั่งอยู่…ด้านหลังโต๊ะทำงานใช่! เธอมองไม่ผิด และไม่ได้ตาฝาด นั่นมันโต๊ะทำงานจริงๆ!“เธอเห็นอะไร”เสียงเย็นเยียบของเขาถามขึ้นทันทีที่เธอได้สติ ทำเอาขนมผิงยังประมวลคำตอบไม่ทัน ความเจ็บแปลบที่ขมับกลับตอกย้ำขึ้นมาเสียก่อน“ผิง…”“เธอเห็นหน้ามัน?”หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ อย่างกลัวๆ ก่อนจะกระซิบตอบ“เขา… เขาคือหนึ่งในห้าคนนั้น”โจฮันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน เดินตรงเข้ามาหาเธออย่างช้าๆฝ่ามือหนาประคองใบหน้าของเธอเบาๆ แต่แน่นพอจะรู้สึกได้ถึงแรงควบคุม แล้วเขาก็โน้มตัวลงมาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดอยู่เหนือริมฝีปาก“ต่อไป…ฉันจะจับตาดูเธออยู่ที่นี่”“…”!
บทที่ 11 รางวัลเด็กดีเมื่อรับรู้ได้ว่า การที่เธอทำตัวดีมีประโยชน์กับโจฮันจะได้รางวัลตามที่เขาบอกไว้จริงๆ ขนมผิงก็ไม่อยู่นิ่ง เธอพยายามนึกภาพเหตุการณ์ทุกอย่าง และไหว้วานให้มีนโทรหาโจฮันเพื่อเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง“ไม่โทร โทรไปก็ไม่ได้คุย คุณโจฮันเข้าประชุมอยู่” มีนชักสีหน้าใส่ด้วยความรำคาญใจนิดหน่อย ตั้งแต่เธอรู้ว่ามีเพียงเขาที่ติดต่อโจฮันได้ ก็มารอร้องเขาให้โทรหาเจ้านายให้ แม้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง แต่ขนมผิงก็ไม่ละความพยายาม โซ่ยาวเท่าไรเธอก็เดินมาจนสุดความยาวและนั่งรอมีนอยู่หลังประตูบานนั้น“ผิงมีเรื่องจะเล่าให้คุณโจฟังจริงๆ นะคะ”“เรื่องเดิมๆ เธอขี้โกงนะรู้ตัวไหม จะเอารางวัลอย่างเดียวไม่ได้!”“ขี้โกงเหรอ…” ริมฝีปากเริ่มเบะคว่ำ เธอกะพริบตาปริบๆ มองชายหนุ่มอย่างออดอ้อน“อย่ามาจ้องฉัน ยังไงก็ไม่ได้ เดี๋ยวนี้รู้มากนะเธอน่ะ”“พี่มีน”“พอ ไม่ต้องเรียกฉัน ยังไงก็ไม่ได้ ไม่ได้คือไม่ได้เข้าใจไหม” มีนย้ำคำเด็ดขาด เขาไม่ยอมโอนอ่อนให้เธออย่างแน่นอน ครั้งที่แล้วเขาโดนลงโทษ แผลที่หางคิ้วยังไม่หายดีเลย “กลับไปอยู่ในที่ของเธอ”“ค่ะ” เธอคลานกลับไปนั่งพิงเตียงนอน และมองแผ่นหลังกว้างของมีนซึ่งเขานั่งอย
บทที่ 10 ข้อเสนอแววตาที่เคยหม่นหมองกลับมาสดใสอีกครั้ง เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจข้อเสนอนั้นมากจนลืมตัวก้าวเข้าไปใกล้เขา ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดลงจนใบหน้าแทบจะแนบชิดกัน“ผิงต้องทำยังไงเหรอคะ”“หึ… รู้งานนี่” โจฮันก้มมองเตียงของหญิงสาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง “ข้อเสนอนั้นง่ายมาก”“ผิงจะทำ…” เธอเอื้อมมือจับแขนเขาหลวมๆ ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ขณะรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ “ข้อเสนอนั้น…” ปลายนิ้วเรียววางลงบนต้นขาของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว“ถ้าเธอพูดอะไรเกี่ยวกับอดีต ฉันจะให้รางวัลหนึ่งอย่าง และถ้าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะให้รางวัลเพิ่มขึ้นเป็นรอบๆ ไป”“ผิง… ขอรางวัลจากคุณโจฮันได้จริงๆ เหรอคะ”“นี่เป็นข้อเสนอที่ฉันให้เธอ สุดแล้วแต่เธอจะทำได้ไหม ถ้าอยากได้ ก็จงแลกมันมาด้วยความทรงจำของเธอ”“ค่ะ” รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าที่เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นจนโจฮันอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “ผิงเคยบอกคุณโจฮัน… ว่า…”เสียงเธอขาดหายไปในอากาศ เมื่อฝ่ามือหนาวางลงบนไหล่บอบบางของเธอ โจฮันค่อยๆ ปลดสายเดรสลงอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องร่องรอยที่พวกคนชั่วได้ฝากไว้บนเรือนร่างของเธอในดวงตาของเขา ราวกับม
บทที่ 9 เข็ดหลาบร่างบางถูกพากลับมายังบ้านพักได้สำเร็จ ทันทีที่โจฮันก้าวเข้ามาในห้อง เขาก็คว้าข้อมือของหญิงสาว กระชากเธอให้เดินตามไปยังห้องน้ำ ก่อนจะเปิดน้ำเย็นสาดลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ความเย็นเฉียบของสายน้ำทำให้เธอสะดุ้งเฮือก ถอยหนีตามสัญชาตญาณ“อึก…ปล่อยผิง!”“เลิกบ้าหรือยัง? หรือเธออยากตายจริงๆ ฉันจะได้สนองให้เดี๋ยวนี้”น้ำเย็นที่ไหลซึมผ่านเนื้อตัวทำให้สติของเธอเริ่มกลับคืนมา ดวงตาคู่งามจ้องมองเขานิ่ง ทั้งที่ยังหอบหายใจหนัก“ฉันเตือนแล้ว…หรือว่าเธออยากกลับไปอยู่จุดเดิมอีก?” เสียงเข้มเอ่ยอย่างกดดัน “ถ้าเธอต้องการแบบนั้น ฉันทำให้ได้เดี๋ยวนี้เลย”ข้อมือเรียวถูกบีบแน่นเสียจนเจ็บร้าว เธอต้องย่อตัวลง พยายามแกะมือเขาออกทีละนิ้ว“จะ…เจ็บ ผิงเจ็บ…คุณโจฮัน ปล่อยผิงเถอะ”“เจ็บงั้นเหรอ รู้ด้วยเหรอว่าเจ็บมันเป็นยังไง?” โจฮันแค่นเสียง กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่น ยิ่งเห็นเธอร้องขอ เขายิ่งอยากให้เธอเจ็บปวดมากกว่านี้ จะได้หลาบจำเสียที…ว่าเคยตกอยู่ในสภาพที่แม้แต่ชีวิตยังร้องขอไม่ได้“เจ็บ…” เธอพึมพำเสียงแผ่ว“ออกไป!”เขาสะบัดมืออย่างแรงจนร่างบางเซถลาลงไปกองกับพื้นห้องน้ำ ไม่นานนัก แม่บ้านสาวก็นำผ
บทที่ 8 หนีไม่พ้นหลายวันต่อมา…ร่างบางในชุดผ้าฝ้ายปักลายสีขาวยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมเดิม สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานเดียวของห้องนอน สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาอย่างแผ่วเบา ทว่าภาพที่อยู่นอกหน้าต่างกลับไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสักวัน และนี่ก็เป็นวันที่เจ็ดแล้วที่เธอไม่เห็นหน้าโจฮัน“ทานผลไม้หน่อยนะคะ เพิ่มวิตามิน”เสียงแม่บ้านสาวดังขึ้นพร้อมกับวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะข้างเตียง“อย่าลืมทานนะคะ”“ผิงอยากออกไปเดินเล่น… ได้ไหมคะ”หญิงสาวเอ่ยถามเสียงแผ่ว ทว่าก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าต่อให้ขอไป ก็อาจไม่มีใครอนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกได้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเองก็ไม่รู้จะไปถามใครเหมือนกัน”“…ค่ะ”ขนมผิงยกจานผลไม้มาวางบนตักก่อนจะหยิบฝรั่งขึ้นมากัดคำเล็กๆ“ขอบคุณนะคะ ที่ดูแลผิง”“คุณเองก็สู้ๆ นะคะ ตอนนี้อาการคุณดีขึ้นมากแล้ว”คำพูดนั้นทำให้เธอเพิ่งสังเกตตัวเอง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่อาการอยากยาเหล่านั้นค่อยๆ ลดลงไป จนแทบไม่หลงเหลือ ที่เหลืออยู่ก็เพียงร่างกายที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ“แต่ผิงยังจำอะไรไม่ได้เลย…” เสียงหวานแผ่วลงจนแทบเป็นกระซิบ ก่อนที่ใบหน้าสวยจะก้มลงต่ำ น้ำตารื้นขึ้นมาคลอหน่วยอ
บทที่ 7 เศษเสี้ยวความทรงจำช่วงเย็นของวัน โจฮันเพิ่งตื่นจากการพักผ่อน เขาเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์ พลางเปิดดูข้อความจากคนคนหนึ่ง หวังว่าจะมีอะไรเคลื่อนไหวในกล่องข้อความบ้าง ทว่ามีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวก๊อก ก๊อก“นายครับ อาหารเย็นพร้อมแล้วครับ”“อืม”โจฮันขานรับ พร้อมขยับลุกจากเตียง มือหนานวดคลึงขมับเบาๆ ไล่ความมึนงง ก่อนจะก้าวออกจากห้องพัก“แม่บ้านทำข้าวต้มไว้ให้ครับ และนี่ยาลดอาการอักเสบ…” มีนว่าพลางยื่นยาให้ แต่ยังพูดไม่ทันจบ เจ้านายก็เดินเลยผ่านไป ก้าวขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปยังชั้นสองทันที“นายจะไปไหนครับ?”ไม่มีคำตอบ มีนได้แต่ถอนหายใจ ยกมือเกาหัวแกรกๆ ก่อนพึมพำกับตัวเอง “นายนะนาย… ถ้าคุณท่านรู้เข้า ไอ้มีนหัวขาดแน่” ว่าแล้วเขาก็รีบสาวเท้าตามไปยังห้องของขนมผิงปึ่ง!ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เสียงดังจนร่างเล็กที่นั่งเหม่อลอยอยู่สะดุ้งโหยง เธอหันขวับไปมอง ก่อนจะรีบกอดหมอนข้างแน่นขึ้นโจฮันก้าวตรงไปหาเธอ จับไหล่เล็กบีบไว้แน่น ปลายนิ้วโป้งแตะลงบนรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ของหญิงสาว เพราะเขาเพิ่งเห็นมันก็ตอนที่เธอเปลี่ยนชุดใหม่นี้“รอยนี่ ได้มายังไง”“ระ… รอย?” ขนมผิงกะพริบตา
บทที่ 6 พยายาม“ยิ่งเธอจำทุกอย่างได้เร็ว เธอก็จะเป็นอิสระเร็วขึ้นเท่านั้น”“ผิงจะพยายามจำให้ได้”แม้ไม่รู้ว่าชายหนุ่มหมายถึงเหตุการณ์ใด ขนมผิงก็เอ่ยรับปาก เธอจะพยายามถึงที่สุด เพื่ออิสระที่รออยู่เบื้องหน้า“ผิง…ขะ ขอ…ยาได้ไหม”“ไม่ได้”คำตอบที่เด็ดขาดทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ร่างกายของเธอจะทนรับความทรมานนี้ได้นานแค่ไหนกัน? ไม่มีใครรู้….“หน้าที่ของเธอคือจำทุกอย่างให้ได้เท่านั้น และอย่าลืมว่าเธอไม่มีสิทธิ์ร้องขอสิ่งที่ต้องการ”พูดจบ โจฮันก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมกริบปรายมองร่างเล็กครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องหลายชั่วโมงก่อน ลูกน้องที่เขาส่งไปเฝ้าตึกร้างโทรมารายงานว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากเดินออกมาจากที่นั่น ท่าทางของแต่ละคนเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่ที่แปลกคือ…ทุกคนสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า“นายจะกลับตอนนี้เลยไหมครับ?” มีนรีบสาวเท้าตามหลังเจ้านาย“อืม เฝ้าให้ดี”“ครับ”“แล้วอย่าให้สิ่งที่เธอร้องขอ จำเอาไว้”“ครับ”“พวกมันใช้ยาเพื่อทำให้เด็กนั่นจำอะไรไม่ได้”“นายรู้ได้ยังไงครับ?”โจฮันจ้องหน้าลูกน้องก่อนจะยื่นปืนให้เขา “ถ้าเธอยังจำอะไรไม่ได้ ก็จัดการซะ”“แต่นายครับ…”“ฉันไม่เลี้
บทที่ 5 สิ่งที่ต้องการกลางดึกแสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องสะท้อนใบหน้าของโจฮันขณะที่เขาจ้องข้อความบนหน้าจออย่างจดจ่อ นิ้วโป้งเลื่อนขึ้นลงเป็นจังหวะ ชายหนุ่มกำลังรอใครบางคน… คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักมาก่อนส่งข้อความกลับมาก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ผมเองครับนาย ขออนุญาตเข้าไปครับ”สิ้นเสียง ประตูก็ถูกผลักเปิดออกกว้าง มีนก้าวเข้ามา ค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนยื่นไอแพดไปให้เจ้านาย โจฮันรับมันมา เปิดดูคลิปที่บ้านสวนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เย็นชา ราวกับกำลังพิจารณาภาพตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ“ผลตรวจดีเอ็นเอเธอตรงกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุครับ” มีนรายงานเสียงราบเรียบ “เธอชื่อฉัตรฑริกา หรือขนมผิง ลูกสาวคุณนคร… เอ่อ เคยเป็นคู่ค้าเก่าของเราครับ นาย”“แล้วไงต่อ”“ครอบครัวคุณนครถูกฟ้องล้มละลายเมื่อหลายปีก่อน ตัวเขาเองก็… ฆ่าตัวตาย ส่วนภรรยาและลูกหายสาบสูญ”มีนว่าพลางกดเปิดไฟล์รูปภาพจากกล้องวงจรปิด รูปถ่ายของหญิงวัยกลางคนและเด็กสาวถูกขยายขึ้นบนหน้าจอ“นี่ครับ” เขาชี้ไปที่ภาพ “กล้องตัวนี้อยู่ห่างจากโกดังร้างประมาณสิบกิโล เท่าที่ดูจากเทปบันทึก
บทที่ 4 ทาสยานรกโจฮันพยักพเยิดไปทางรถของตัวเอง เป็นสัญญาณให้มีนพาหญิงสาวไปขึ้นรถคันนั้นแทน“นายจะพาเธอไปไหนครับ?” มีนเอ่ยถามด้วยความสงสัยโจฮันเหลือบตามอง ก่อนตอบเสียงเรียบ “บ้านสวน” จากนั้นก็ลดเสียงลงต่ำ “แล้วห้ามบอกใคร ถ้าปู่รู้เรื่องนี้… มึงตาย!”มีนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ก่อนพยักหน้ารับ “ครับ”เขาจับแขนหญิงสาวเพื่อพยุงลงจากรถ แต่เธอกลับสะบัดตัวขัดขืนสุดแรง ร่างเล็กเริ่มดิ้นรนจนเสียหลักล้มลงกับพื้น ใบหน้าหวาดหวั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา“อย่าพาฉันไป! ขอร้องล่ะ…” เธอร้องเสียงสั่น พยายามถอยหนีไปให้ไกลจากพวกเขามีนถอนหายใจ พลางขยับเข้าไปคว้าตัวเธอไว้อีกครั้ง “อย่าดิ้นให้มากนัก เธอคิดว่าตัวเองจะหนีได้รึไง!”แต่แทนที่เธอจะยอม หญิงสาวกลับดิ้นแรงขึ้น ร่างเล็กสั่นเทาไปหมด สายตาตื่นตระหนกเหมือนลูกสัตว์ตัวน้อยที่จนมุมโจฮันมองภาพนั้นด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชา“ถ้ายังดื้อด้าน ฉันจะเปลี่ยนใจฆ่าเธอทิ้งตรงนี้” เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว ก่อนจะบีบแก้มเธอแน่นจนความรู้สึกเจ็บแล่นเข้ามาแทนที่ความกลัว “ตอนนี้เธอมีหน้าที่เดียวคือคิดให้ออก ว่าเรื่องราวในวันนั้นมันเป็นยังไง แต่ถ้าคิดไม่