บทที่ 2 กุญแจสำคัญที่ตามหา
ผู้เป็นปู่ถอนหายใจ ทั้งเป็นห่วงและสงสารหลานชาย เขายังจำได้ดีถึงวันที่โจฮันนั่งตากฝน และในเมื่อโจฮันเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของลูกชายคนโต หากต้องสูญเสียหลานไปอีกคน คงเป็นเรื่องที่เขาทนไม่ได้ “แต่ปู่อยากให้แกระวังตัวหน่อย พวกมันก็น่าจะจับตามองเราอยู่เหมือนกัน” “ครับ” “แล้วเรื่องประชุมจะเอายังไง?” “ให้ผมเข้าประชุมแทนโจก็ได้ พรุ่งนี้ผมต้องเข้าไปที่บริษัทอยู่แล้ว” “งั้นก็ตามที่อาว่าก็แล้วกัน ผมเองก็มีธุระหลายอย่างต้องจัดการ” “ไม่ได้ ยังไงแกก็ต้องเข้าประชุม” “อาก็ประชุมแทนผมได้” “นี่แกจะขัดคำสั่งปู่เหรอโจฮัน” โจฮันถอนหายใจยาว มองหน้าอาของตัวเอง ทั้งสองสบตากันก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย เป็นสัญญาณที่รู้กันเฉพาะพวกเขา “โอเคครับปู่” เขาตอบรับ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เตรียมตัวจะออกไป “เดี๋ยวก่อน” เสียงของปู่ทำให้เขาชะงักเล็กน้อย โจฮันหันกลับมา “ครับ?” “ระวังตัวให้ดี ปู่มีแกแค่คนเดียว ไม่อยากเสียแกไปเหมือนพ่อแก” โจฮันยิ้มบางๆ แม้แววตาจะดูอ่อนลงเพียงเสี้ยววินาที “ผมเป็นหลานปู่ ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกครับ” “อืม” ปู่พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปทางมีน ลูกน้องคนสนิทของโจฮันที่เพิ่งตามเจ้านายเข้ามา เขาชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่ม พลางเอ่ยเสียงเข้ม “ส่วนมึง ไอ้มีน” มีนรีบยืนตัวตรงทันที “ครับ นายใหญ่” “อย่าไปตามใจมันมาก มึงก็รู้ว่าเจ้านายมึงเลือดร้อนแค่ไหน กูไม่อยากได้ยินข่าวร้าย ไม่งั้นเดี๋ยวกูได้หัวใจวายตายก่อนวัยอันควรแน่” “ครับ นาย” มีนรับคำหนักแน่น ก่อนจะเหลือบตามองเจ้านายตัวเองที่ไม่แสดงอาการใดๆ นอกจากหัวเราะในลำคอเบาๆ โจฮันเดินออกจากบ้านของปู่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อปรับอารมณ์ แต่ก่อนที่เขาจะก้าวไปได้ไกล เสียงของมีนก็ดังขึ้นพร้อมมือที่แตะเบาๆ ที่แขน “นายจะไปไหนครับ ผมว่าเราควรกลับไปพัก” โจฮันหันกลับมามองลูกน้อง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ไปทำธุระ ไม่ต้องตาม” “แต่นายครับ” “มีน” น้ำเสียงกดต่ำของเขาทำให้มีนกลืนคำพูดลงคอ แม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งเจ้านายได้ และแล้วโจฮันก็ก้าวเดินต่อไป โดยไม่หันกลับมาอีก มีนทำได้แค่ถอนหายใจอย่างปลงตก ครึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างสูงก้าวเข้ามาในตึกร้างใกล้สถานบันเทิงแห่งหนึ่งเพียงลำพัง เขาหยิบไฟฉายและปืนออกมา ก่อนขึ้นลำกล้องแล้วเล็งไปข้างหน้า ความมืดรอบตัวทำให้โจฮันต้องก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง พรึบ! “นะ… นาย ผมเอง!” “ไอ้สัดมีน! มึงอยากตายรึไง!” “ขอโทษครับที่ผมขัดคำสั่งนาย แต่ผมปล่อยให้นายมาคนเดียวไม่ได้จริงๆ” โจฮันจ้องลูกน้องเขม็ง สายตาฉายแววขุ่นเคือง “นอกจากมึงจะรายงานเรื่องกูให้ปู่รู้แล้ว มึงยัง…” เขาง้างฝ่ามือเตรียมลงโทษ ทว่าเสียงบางอย่างตกกระทบพื้นภายในห้องก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งสองชะงักทันที ทั้งคู่หันไปมองบานประตูพร้อมกัน ก่อนที่โจฮันจะสั่งเสียงต่ำ “เปิดประตู” “ครับ นาย” มีนหยิบปืนออกมาแล้วขึ้นลำกล้อง ขณะที่บานประตูห้องตรงหน้าถูกล่ามด้วยโซ่เส้นใหญ่และล็อกอย่างแน่นหนา โจฮันจึงยิงใส่แม่กุญแจ กระสุนเจาะทะลุโลหะจนมันหลุดร่วงลงกับพื้น เสียงปืนจางหายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของหญิงสาวที่อยู่ด้านใน “นายครับ! มีผู้หญิงถูกล่ามโซ่ไว้!” “ไฟฉาย” โจฮันแบมือขอจากลูกน้อง มีนรีบส่งให้ เขาค่อยๆ ส่องไฟไล่ตั้งแต่ปลายเท้าของเธอขึ้นไป ก่อนจะเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน “ขี้ยา?” สภาพของเธอไม่ต่างจากคนไร้บ้านที่ติดยา กลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วห้อง ซากไซริงค์ใช้แล้วกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ผิวหนังเธอดูแทบไม่ออกว่าสีอะไร เพราะเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ โดยเฉพาะบริเวณข้อพับแขนที่มีรอยแผลจากการถูกเข็มฉีดยาทิ่มแทง “นาย… ยาพวกนี้มันมีแต่ยาเสพติดทั้งนั้นครับ” “อืม” โจฮันใช้ปลายเท้าเขี่ยซากเข็มฉีดยาออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าหญิงสาว “ยะ อย่าเข้ามานะ! ขอร้องล่ะ… อย่าทำอะไรฉันเลย!” ร่างเล็กพยายามถอยหนี แต่แผ่นหลังชนเข้ากับกำแพง ทำให้เธอไม่มีที่ไปอีกแล้ว นัยน์ตาหม่นแสงหรี่แคบลงมองโจฮันอย่างตื่นกลัว เนื้อตัวสั่นเทาราวกับลูกนก “เธอสินะ…” โจฮันเอื้อมมือไปแตะปลายคางเธอเบาๆ หญิงสาวสะบัดหน้าหนีทันที ราวกับไม่ต้องการให้ใครแตะต้อง นัยน์ตาแข็งกร้าวเต็มไปด้วยความหวาดระแวงคนตรงหน้า “…คนที่อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้น” ———————————— ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ ❤️บทที่ 3 นรกขุมใหม่ร่างเล็กก้มหน้าหลบสายตาดุดันของเขาด้วยความหวาดระแวง มือเรียวยกขึ้นไหว้ด้วยท่าทางวิงวอน ขณะที่หยาดน้ำตาที่ยังไม่ทันเหือดแห้งก็รินไหลลงมาอีกครั้งเช่นกัน“บอกมา วันนั้นเธอเห็นอะไรบ้าง”“ยะ… อย่าทำอะไรผิงเลย ผิงยอมแล้ว” เสียงของเธอสั่นเครือ “ถ้าเธอยอมพูด ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่”“อย่าทำอะไรผิงเลยนะคะ…”“พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ!”“นายครับ ผมว่าเธออยู่ในสภาพที่ยังให้คำตอบไม่ได้”โจฮันปรายตามองลูกน้องครู่หนึ่ง ก่อนจะตวัดสายตากลับไปที่หญิงสาว พลันเล็งปืนไปยังร่างเล็กที่นั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น“เลือกเอา จะตายอยู่ที่นี่… หรือพูดความจริง”เมื่อเห็นปลายกระบอกปืนเล็งมาทางตน รวมถึงแววตาดุดันของชายตรงหน้า ความกลัวก็แล่นพล่านไปทั่วร่าง หญิงสาวตัวสั่นเทา ฟุบลงกับพื้น ใช้แขนที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำกอดตัวเองราวกับเป็นเกราะกำบัง แม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม“ผมว่าเธอ…”“หุบปาก! กูไม่ได้สั่งให้มึงพูด”“…” มีนก้มหน้าลงทันทีโจฮันถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“เอาไงต่อครับ”“เอาตัวมันกลับไป”“ขี้ยาแบบนี้จะให้ข้อมูลอะไรเราได้เหรอครับ” มีนปรายตามองเข็มฉีดยาบนพื้นอย่างดูแคลน “ผมกลัว
บทที่ 4 ทาสยานรกโจฮันพยักพเยิดไปทางรถของตัวเอง เป็นสัญญาณให้มีนพาหญิงสาวไปขึ้นรถคันนั้นแทน“นายจะพาเธอไปไหนครับ?” มีนเอ่ยถามด้วยความสงสัยโจฮันเหลือบตามอง ก่อนตอบเสียงเรียบ “บ้านสวน” จากนั้นก็ลดเสียงลงต่ำ “แล้วห้ามบอกใคร ถ้าปู่รู้เรื่องนี้… มึงตาย!”มีนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ก่อนพยักหน้ารับ “ครับ”เขาจับแขนหญิงสาวเพื่อพยุงลงจากรถ แต่เธอกลับสะบัดตัวขัดขืนสุดแรง ร่างเล็กเริ่มดิ้นรนจนเสียหลักล้มลงกับพื้น ใบหน้าหวาดหวั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา“อย่าพาฉันไป! ขอร้องล่ะ…” เธอร้องเสียงสั่น พยายามถอยหนีไปให้ไกลจากพวกเขามีนถอนหายใจ พลางขยับเข้าไปคว้าตัวเธอไว้อีกครั้ง “อย่าดิ้นให้มากนัก เธอคิดว่าตัวเองจะหนีได้รึไง!”แต่แทนที่เธอจะยอม หญิงสาวกลับดิ้นแรงขึ้น ร่างเล็กสั่นเทาไปหมด สายตาตื่นตระหนกเหมือนลูกสัตว์ตัวน้อยที่จนมุมโจฮันมองภาพนั้นด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชา“ถ้ายังดื้อด้าน ฉันจะเปลี่ยนใจฆ่าเธอทิ้งตรงนี้” เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว ก่อนจะบีบแก้มเธอแน่นจนความรู้สึกเจ็บแล่นเข้ามาแทนที่ความกลัว “ตอนนี้เธอมีหน้าที่เดียวคือคิดให้ออก ว่าเรื่องราวในวันนั้นมันเป็นยังไง แต่ถ้าคิดไม่
บทที่ 5 สิ่งที่ต้องการกลางดึกแสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องสะท้อนใบหน้าของโจฮันขณะที่เขาจ้องข้อความบนหน้าจออย่างจดจ่อ นิ้วโป้งเลื่อนขึ้นลงเป็นจังหวะ ชายหนุ่มกำลังรอใครบางคน… คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักมาก่อนส่งข้อความกลับมาก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ผมเองครับนาย ขออนุญาตเข้าไปครับ”สิ้นเสียง ประตูก็ถูกผลักเปิดออกกว้าง มีนก้าวเข้ามา ค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนยื่นไอแพดไปให้เจ้านาย โจฮันรับมันมา เปิดดูคลิปที่บ้านสวนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เย็นชา ราวกับกำลังพิจารณาภาพตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ“ผลตรวจดีเอ็นเอเธอตรงกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุครับ” มีนรายงานเสียงราบเรียบ “เธอชื่อฉัตรฑริกา หรือขนมผิง ลูกสาวคุณนคร… เอ่อ เคยเป็นคู่ค้าเก่าของเราครับ นาย”“แล้วไงต่อ”“ครอบครัวคุณนครถูกฟ้องล้มละลายเมื่อหลายปีก่อน ตัวเขาเองก็… ฆ่าตัวตาย ส่วนภรรยาและลูกหายสาบสูญ”มีนว่าพลางกดเปิดไฟล์รูปภาพจากกล้องวงจรปิด รูปถ่ายของหญิงวัยกลางคนและเด็กสาวถูกขยายขึ้นบนหน้าจอ“นี่ครับ” เขาชี้ไปที่ภาพ “กล้องตัวนี้อยู่ห่างจากโกดังร้างประมาณสิบกิโล เท่าที่ดูจากเทปบันทึก
บทที่ 6 พยายาม“ยิ่งเธอจำทุกอย่างได้เร็ว เธอก็จะเป็นอิสระเร็วขึ้นเท่านั้น”“ผิงจะพยายามจำให้ได้”แม้ไม่รู้ว่าชายหนุ่มหมายถึงเหตุการณ์ใด ขนมผิงก็เอ่ยรับปาก เธอจะพยายามถึงที่สุด เพื่ออิสระที่รออยู่เบื้องหน้า“ผิง…ขะ ขอ…ยาได้ไหม”“ไม่ได้”คำตอบที่เด็ดขาดทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ร่างกายของเธอจะทนรับความทรมานนี้ได้นานแค่ไหนกัน? ไม่มีใครรู้….“หน้าที่ของเธอคือจำทุกอย่างให้ได้เท่านั้น และอย่าลืมว่าเธอไม่มีสิทธิ์ร้องขอสิ่งที่ต้องการ”พูดจบ โจฮันก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมกริบปรายมองร่างเล็กครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องหลายชั่วโมงก่อน ลูกน้องที่เขาส่งไปเฝ้าตึกร้างโทรมารายงานว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากเดินออกมาจากที่นั่น ท่าทางของแต่ละคนเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่ที่แปลกคือ…ทุกคนสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า“นายจะกลับตอนนี้เลยไหมครับ?” มีนรีบสาวเท้าตามหลังเจ้านาย“อืม เฝ้าให้ดี”“ครับ”“แล้วอย่าให้สิ่งที่เธอร้องขอ จำเอาไว้”“ครับ”“พวกมันใช้ยาเพื่อทำให้เด็กนั่นจำอะไรไม่ได้”“นายรู้ได้ยังไงครับ?”โจฮันจ้องหน้าลูกน้องก่อนจะยื่นปืนให้เขา “ถ้าเธอยังจำอะไรไม่ได้ ก็จัดการซะ”“แต่นายครับ…”“ฉันไม่เลี้
บทที่ 7 เศษเสี้ยวความทรงจำช่วงเย็นของวัน โจฮันเพิ่งตื่นจากการพักผ่อน เขาเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์ พลางเปิดดูข้อความจากคนคนหนึ่ง หวังว่าจะมีอะไรเคลื่อนไหวในกล่องข้อความบ้าง ทว่ามีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวก๊อก ก๊อก“นายครับ อาหารเย็นพร้อมแล้วครับ”“อืม”โจฮันขานรับ พร้อมขยับลุกจากเตียง มือหนานวดคลึงขมับเบาๆ ไล่ความมึนงง ก่อนจะก้าวออกจากห้องพัก“แม่บ้านทำข้าวต้มไว้ให้ครับ และนี่ยาลดอาการอักเสบ…” มีนว่าพลางยื่นยาให้ แต่ยังพูดไม่ทันจบ เจ้านายก็เดินเลยผ่านไป ก้าวขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปยังชั้นสองทันที“นายจะไปไหนครับ?”ไม่มีคำตอบ มีนได้แต่ถอนหายใจ ยกมือเกาหัวแกรกๆ ก่อนพึมพำกับตัวเอง “นายนะนาย… ถ้าคุณท่านรู้เข้า ไอ้มีนหัวขาดแน่” ว่าแล้วเขาก็รีบสาวเท้าตามไปยังห้องของขนมผิงปึ่ง!ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เสียงดังจนร่างเล็กที่นั่งเหม่อลอยอยู่สะดุ้งโหยง เธอหันขวับไปมอง ก่อนจะรีบกอดหมอนข้างแน่นขึ้นโจฮันก้าวตรงไปหาเธอ จับไหล่เล็กบีบไว้แน่น ปลายนิ้วโป้งแตะลงบนรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ของหญิงสาว เพราะเขาเพิ่งเห็นมันก็ตอนที่เธอเปลี่ยนชุดใหม่นี้“รอยนี่ ได้มายังไง”“ระ… รอย?” ขนมผิงกะพริบตา
บทที่ 8 หนีไม่พ้นหลายวันต่อมา…ร่างบางในชุดผ้าฝ้ายปักลายสีขาวยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมเดิม สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานเดียวของห้องนอน สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาอย่างแผ่วเบา ทว่าภาพที่อยู่นอกหน้าต่างกลับไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสักวัน และนี่ก็เป็นวันที่เจ็ดแล้วที่เธอไม่เห็นหน้าโจฮัน“ทานผลไม้หน่อยนะคะ เพิ่มวิตามิน”เสียงแม่บ้านสาวดังขึ้นพร้อมกับวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะข้างเตียง“อย่าลืมทานนะคะ”“ผิงอยากออกไปเดินเล่น… ได้ไหมคะ”หญิงสาวเอ่ยถามเสียงแผ่ว ทว่าก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าต่อให้ขอไป ก็อาจไม่มีใครอนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกได้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเองก็ไม่รู้จะไปถามใครเหมือนกัน”“…ค่ะ”ขนมผิงยกจานผลไม้มาวางบนตักก่อนจะหยิบฝรั่งขึ้นมากัดคำเล็กๆ“ขอบคุณนะคะ ที่ดูแลผิง”“คุณเองก็สู้ๆ นะคะ ตอนนี้อาการคุณดีขึ้นมากแล้ว”คำพูดนั้นทำให้เธอเพิ่งสังเกตตัวเอง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่อาการอยากยาเหล่านั้นค่อยๆ ลดลงไป จนแทบไม่หลงเหลือ ที่เหลืออยู่ก็เพียงร่างกายที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ“แต่ผิงยังจำอะไรไม่ได้เลย…” เสียงหวานแผ่วลงจนแทบเป็นกระซิบ ก่อนที่ใบหน้าสวยจะก้มลงต่ำ น้ำตารื้นขึ้นมาคลอหน่วยอ
บทที่ 9 เข็ดหลาบร่างบางถูกพากลับมายังบ้านพักได้สำเร็จ ทันทีที่โจฮันก้าวเข้ามาในห้อง เขาก็คว้าข้อมือของหญิงสาว กระชากเธอให้เดินตามไปยังห้องน้ำ ก่อนจะเปิดน้ำเย็นสาดลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ความเย็นเฉียบของสายน้ำทำให้เธอสะดุ้งเฮือก ถอยหนีตามสัญชาตญาณ“อึก…ปล่อยผิง!”“เลิกบ้าหรือยัง? หรือเธออยากตายจริงๆ ฉันจะได้สนองให้เดี๋ยวนี้”น้ำเย็นที่ไหลซึมผ่านเนื้อตัวทำให้สติของเธอเริ่มกลับคืนมา ดวงตาคู่งามจ้องมองเขานิ่ง ทั้งที่ยังหอบหายใจหนัก“ฉันเตือนแล้ว…หรือว่าเธออยากกลับไปอยู่จุดเดิมอีก?” เสียงเข้มเอ่ยอย่างกดดัน “ถ้าเธอต้องการแบบนั้น ฉันทำให้ได้เดี๋ยวนี้เลย”ข้อมือเรียวถูกบีบแน่นเสียจนเจ็บร้าว เธอต้องย่อตัวลง พยายามแกะมือเขาออกทีละนิ้ว“จะ…เจ็บ ผิงเจ็บ…คุณโจฮัน ปล่อยผิงเถอะ”“เจ็บงั้นเหรอ รู้ด้วยเหรอว่าเจ็บมันเป็นยังไง?” โจฮันแค่นเสียง กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่น ยิ่งเห็นเธอร้องขอ เขายิ่งอยากให้เธอเจ็บปวดมากกว่านี้ จะได้หลาบจำเสียที…ว่าเคยตกอยู่ในสภาพที่แม้แต่ชีวิตยังร้องขอไม่ได้“เจ็บ…” เธอพึมพำเสียงแผ่ว“ออกไป!”เขาสะบัดมืออย่างแรงจนร่างบางเซถลาลงไปกองกับพื้นห้องน้ำ ไม่นานนัก แม่บ้านสาวก็นำผ
บทที่ 10 ข้อเสนอแววตาที่เคยหม่นหมองกลับมาสดใสอีกครั้ง เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจข้อเสนอนั้นมากจนลืมตัวก้าวเข้าไปใกล้เขา ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดลงจนใบหน้าแทบจะแนบชิดกัน“ผิงต้องทำยังไงเหรอคะ”“หึ… รู้งานนี่” โจฮันก้มมองเตียงของหญิงสาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง “ข้อเสนอนั้นง่ายมาก”“ผิงจะทำ…” เธอเอื้อมมือจับแขนเขาหลวมๆ ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ขณะรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ “ข้อเสนอนั้น…” ปลายนิ้วเรียววางลงบนต้นขาของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว“ถ้าเธอพูดอะไรเกี่ยวกับอดีต ฉันจะให้รางวัลหนึ่งอย่าง และถ้าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะให้รางวัลเพิ่มขึ้นเป็นรอบๆ ไป”“ผิง… ขอรางวัลจากคุณโจฮันได้จริงๆ เหรอคะ”“นี่เป็นข้อเสนอที่ฉันให้เธอ สุดแล้วแต่เธอจะทำได้ไหม ถ้าอยากได้ ก็จงแลกมันมาด้วยความทรงจำของเธอ”“ค่ะ” รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าที่เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นจนโจฮันอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “ผิงเคยบอกคุณโจฮัน… ว่า…”เสียงเธอขาดหายไปในอากาศ เมื่อฝ่ามือหนาวางลงบนไหล่บอบบางของเธอ โจฮันค่อยๆ ปลดสายเดรสลงอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องร่องรอยที่พวกคนชั่วได้ฝากไว้บนเรือนร่างของเธอในดวงตาของเขา ราวกับม
บทที่ 12 ชีวิตที่มีค่าหลายชั่วโมงต่อมา หลังจากที่หมอเข้ามาตรวจอาการ ขนมผิงก็ยังคงพักรักษาตัวอยู่บนเตียง ส่วนโจฮัน… เขาไม่ได้กลับบ้านเลย ยังคงอยู่ที่นี่ แถมยังสั่งให้ลูกน้องนำงานทั้งหมดมาทำต่อในห้องนอนแขก และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือเขายังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ“คุณโจ…”เสียงแหบพร่าของหญิงสาวที่เพิ่งฟื้นจากฤทธิ์ยาเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบภายในห้อง โจฮันหันไปทางต้นเสียงช้าๆ เห็นเธอพยายามดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับหันไปมองเขาที่นั่งอยู่…ด้านหลังโต๊ะทำงานใช่! เธอมองไม่ผิด และไม่ได้ตาฝาด นั่นมันโต๊ะทำงานจริงๆ!“เธอเห็นอะไร”เสียงเย็นเยียบของเขาถามขึ้นทันทีที่เธอได้สติ ทำเอาขนมผิงยังประมวลคำตอบไม่ทัน ความเจ็บแปลบที่ขมับกลับตอกย้ำขึ้นมาเสียก่อน“ผิง…”“เธอเห็นหน้ามัน?”หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ อย่างกลัวๆ ก่อนจะกระซิบตอบ“เขา… เขาคือหนึ่งในห้าคนนั้น”โจฮันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน เดินตรงเข้ามาหาเธออย่างช้าๆฝ่ามือหนาประคองใบหน้าของเธอเบาๆ แต่แน่นพอจะรู้สึกได้ถึงแรงควบคุม แล้วเขาก็โน้มตัวลงมาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดอยู่เหนือริมฝีปาก“ต่อไป…ฉันจะจับตาดูเธออยู่ที่นี่”“…”!
บทที่ 11 รางวัลเด็กดีเมื่อรับรู้ได้ว่า การที่เธอทำตัวดีมีประโยชน์กับโจฮันจะได้รางวัลตามที่เขาบอกไว้จริงๆ ขนมผิงก็ไม่อยู่นิ่ง เธอพยายามนึกภาพเหตุการณ์ทุกอย่าง และไหว้วานให้มีนโทรหาโจฮันเพื่อเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง“ไม่โทร โทรไปก็ไม่ได้คุย คุณโจฮันเข้าประชุมอยู่” มีนชักสีหน้าใส่ด้วยความรำคาญใจนิดหน่อย ตั้งแต่เธอรู้ว่ามีเพียงเขาที่ติดต่อโจฮันได้ ก็มารอร้องเขาให้โทรหาเจ้านายให้ แม้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง แต่ขนมผิงก็ไม่ละความพยายาม โซ่ยาวเท่าไรเธอก็เดินมาจนสุดความยาวและนั่งรอมีนอยู่หลังประตูบานนั้น“ผิงมีเรื่องจะเล่าให้คุณโจฟังจริงๆ นะคะ”“เรื่องเดิมๆ เธอขี้โกงนะรู้ตัวไหม จะเอารางวัลอย่างเดียวไม่ได้!”“ขี้โกงเหรอ…” ริมฝีปากเริ่มเบะคว่ำ เธอกะพริบตาปริบๆ มองชายหนุ่มอย่างออดอ้อน“อย่ามาจ้องฉัน ยังไงก็ไม่ได้ เดี๋ยวนี้รู้มากนะเธอน่ะ”“พี่มีน”“พอ ไม่ต้องเรียกฉัน ยังไงก็ไม่ได้ ไม่ได้คือไม่ได้เข้าใจไหม” มีนย้ำคำเด็ดขาด เขาไม่ยอมโอนอ่อนให้เธออย่างแน่นอน ครั้งที่แล้วเขาโดนลงโทษ แผลที่หางคิ้วยังไม่หายดีเลย “กลับไปอยู่ในที่ของเธอ”“ค่ะ” เธอคลานกลับไปนั่งพิงเตียงนอน และมองแผ่นหลังกว้างของมีนซึ่งเขานั่งอย
บทที่ 10 ข้อเสนอแววตาที่เคยหม่นหมองกลับมาสดใสอีกครั้ง เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจข้อเสนอนั้นมากจนลืมตัวก้าวเข้าไปใกล้เขา ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดลงจนใบหน้าแทบจะแนบชิดกัน“ผิงต้องทำยังไงเหรอคะ”“หึ… รู้งานนี่” โจฮันก้มมองเตียงของหญิงสาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง “ข้อเสนอนั้นง่ายมาก”“ผิงจะทำ…” เธอเอื้อมมือจับแขนเขาหลวมๆ ดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ขณะรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ “ข้อเสนอนั้น…” ปลายนิ้วเรียววางลงบนต้นขาของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว“ถ้าเธอพูดอะไรเกี่ยวกับอดีต ฉันจะให้รางวัลหนึ่งอย่าง และถ้าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ฉันก็จะให้รางวัลเพิ่มขึ้นเป็นรอบๆ ไป”“ผิง… ขอรางวัลจากคุณโจฮันได้จริงๆ เหรอคะ”“นี่เป็นข้อเสนอที่ฉันให้เธอ สุดแล้วแต่เธอจะทำได้ไหม ถ้าอยากได้ ก็จงแลกมันมาด้วยความทรงจำของเธอ”“ค่ะ” รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าที่เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นจนโจฮันอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “ผิงเคยบอกคุณโจฮัน… ว่า…”เสียงเธอขาดหายไปในอากาศ เมื่อฝ่ามือหนาวางลงบนไหล่บอบบางของเธอ โจฮันค่อยๆ ปลดสายเดรสลงอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องร่องรอยที่พวกคนชั่วได้ฝากไว้บนเรือนร่างของเธอในดวงตาของเขา ราวกับม
บทที่ 9 เข็ดหลาบร่างบางถูกพากลับมายังบ้านพักได้สำเร็จ ทันทีที่โจฮันก้าวเข้ามาในห้อง เขาก็คว้าข้อมือของหญิงสาว กระชากเธอให้เดินตามไปยังห้องน้ำ ก่อนจะเปิดน้ำเย็นสาดลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ความเย็นเฉียบของสายน้ำทำให้เธอสะดุ้งเฮือก ถอยหนีตามสัญชาตญาณ“อึก…ปล่อยผิง!”“เลิกบ้าหรือยัง? หรือเธออยากตายจริงๆ ฉันจะได้สนองให้เดี๋ยวนี้”น้ำเย็นที่ไหลซึมผ่านเนื้อตัวทำให้สติของเธอเริ่มกลับคืนมา ดวงตาคู่งามจ้องมองเขานิ่ง ทั้งที่ยังหอบหายใจหนัก“ฉันเตือนแล้ว…หรือว่าเธออยากกลับไปอยู่จุดเดิมอีก?” เสียงเข้มเอ่ยอย่างกดดัน “ถ้าเธอต้องการแบบนั้น ฉันทำให้ได้เดี๋ยวนี้เลย”ข้อมือเรียวถูกบีบแน่นเสียจนเจ็บร้าว เธอต้องย่อตัวลง พยายามแกะมือเขาออกทีละนิ้ว“จะ…เจ็บ ผิงเจ็บ…คุณโจฮัน ปล่อยผิงเถอะ”“เจ็บงั้นเหรอ รู้ด้วยเหรอว่าเจ็บมันเป็นยังไง?” โจฮันแค่นเสียง กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่น ยิ่งเห็นเธอร้องขอ เขายิ่งอยากให้เธอเจ็บปวดมากกว่านี้ จะได้หลาบจำเสียที…ว่าเคยตกอยู่ในสภาพที่แม้แต่ชีวิตยังร้องขอไม่ได้“เจ็บ…” เธอพึมพำเสียงแผ่ว“ออกไป!”เขาสะบัดมืออย่างแรงจนร่างบางเซถลาลงไปกองกับพื้นห้องน้ำ ไม่นานนัก แม่บ้านสาวก็นำผ
บทที่ 8 หนีไม่พ้นหลายวันต่อมา…ร่างบางในชุดผ้าฝ้ายปักลายสีขาวยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมเดิม สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานเดียวของห้องนอน สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาอย่างแผ่วเบา ทว่าภาพที่อยู่นอกหน้าต่างกลับไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสักวัน และนี่ก็เป็นวันที่เจ็ดแล้วที่เธอไม่เห็นหน้าโจฮัน“ทานผลไม้หน่อยนะคะ เพิ่มวิตามิน”เสียงแม่บ้านสาวดังขึ้นพร้อมกับวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะข้างเตียง“อย่าลืมทานนะคะ”“ผิงอยากออกไปเดินเล่น… ได้ไหมคะ”หญิงสาวเอ่ยถามเสียงแผ่ว ทว่าก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าต่อให้ขอไป ก็อาจไม่มีใครอนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกได้“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเองก็ไม่รู้จะไปถามใครเหมือนกัน”“…ค่ะ”ขนมผิงยกจานผลไม้มาวางบนตักก่อนจะหยิบฝรั่งขึ้นมากัดคำเล็กๆ“ขอบคุณนะคะ ที่ดูแลผิง”“คุณเองก็สู้ๆ นะคะ ตอนนี้อาการคุณดีขึ้นมากแล้ว”คำพูดนั้นทำให้เธอเพิ่งสังเกตตัวเอง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่อาการอยากยาเหล่านั้นค่อยๆ ลดลงไป จนแทบไม่หลงเหลือ ที่เหลืออยู่ก็เพียงร่างกายที่กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ“แต่ผิงยังจำอะไรไม่ได้เลย…” เสียงหวานแผ่วลงจนแทบเป็นกระซิบ ก่อนที่ใบหน้าสวยจะก้มลงต่ำ น้ำตารื้นขึ้นมาคลอหน่วยอ
บทที่ 7 เศษเสี้ยวความทรงจำช่วงเย็นของวัน โจฮันเพิ่งตื่นจากการพักผ่อน เขาเอื้อมมือควานหาโทรศัพท์ พลางเปิดดูข้อความจากคนคนหนึ่ง หวังว่าจะมีอะไรเคลื่อนไหวในกล่องข้อความบ้าง ทว่ามีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวก๊อก ก๊อก“นายครับ อาหารเย็นพร้อมแล้วครับ”“อืม”โจฮันขานรับ พร้อมขยับลุกจากเตียง มือหนานวดคลึงขมับเบาๆ ไล่ความมึนงง ก่อนจะก้าวออกจากห้องพัก“แม่บ้านทำข้าวต้มไว้ให้ครับ และนี่ยาลดอาการอักเสบ…” มีนว่าพลางยื่นยาให้ แต่ยังพูดไม่ทันจบ เจ้านายก็เดินเลยผ่านไป ก้าวขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปยังชั้นสองทันที“นายจะไปไหนครับ?”ไม่มีคำตอบ มีนได้แต่ถอนหายใจ ยกมือเกาหัวแกรกๆ ก่อนพึมพำกับตัวเอง “นายนะนาย… ถ้าคุณท่านรู้เข้า ไอ้มีนหัวขาดแน่” ว่าแล้วเขาก็รีบสาวเท้าตามไปยังห้องของขนมผิงปึ่ง!ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เสียงดังจนร่างเล็กที่นั่งเหม่อลอยอยู่สะดุ้งโหยง เธอหันขวับไปมอง ก่อนจะรีบกอดหมอนข้างแน่นขึ้นโจฮันก้าวตรงไปหาเธอ จับไหล่เล็กบีบไว้แน่น ปลายนิ้วโป้งแตะลงบนรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ของหญิงสาว เพราะเขาเพิ่งเห็นมันก็ตอนที่เธอเปลี่ยนชุดใหม่นี้“รอยนี่ ได้มายังไง”“ระ… รอย?” ขนมผิงกะพริบตา
บทที่ 6 พยายาม“ยิ่งเธอจำทุกอย่างได้เร็ว เธอก็จะเป็นอิสระเร็วขึ้นเท่านั้น”“ผิงจะพยายามจำให้ได้”แม้ไม่รู้ว่าชายหนุ่มหมายถึงเหตุการณ์ใด ขนมผิงก็เอ่ยรับปาก เธอจะพยายามถึงที่สุด เพื่ออิสระที่รออยู่เบื้องหน้า“ผิง…ขะ ขอ…ยาได้ไหม”“ไม่ได้”คำตอบที่เด็ดขาดทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง ร่างกายของเธอจะทนรับความทรมานนี้ได้นานแค่ไหนกัน? ไม่มีใครรู้….“หน้าที่ของเธอคือจำทุกอย่างให้ได้เท่านั้น และอย่าลืมว่าเธอไม่มีสิทธิ์ร้องขอสิ่งที่ต้องการ”พูดจบ โจฮันก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมกริบปรายมองร่างเล็กครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องหลายชั่วโมงก่อน ลูกน้องที่เขาส่งไปเฝ้าตึกร้างโทรมารายงานว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากเดินออกมาจากที่นั่น ท่าทางของแต่ละคนเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ แต่ที่แปลกคือ…ทุกคนสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า“นายจะกลับตอนนี้เลยไหมครับ?” มีนรีบสาวเท้าตามหลังเจ้านาย“อืม เฝ้าให้ดี”“ครับ”“แล้วอย่าให้สิ่งที่เธอร้องขอ จำเอาไว้”“ครับ”“พวกมันใช้ยาเพื่อทำให้เด็กนั่นจำอะไรไม่ได้”“นายรู้ได้ยังไงครับ?”โจฮันจ้องหน้าลูกน้องก่อนจะยื่นปืนให้เขา “ถ้าเธอยังจำอะไรไม่ได้ ก็จัดการซะ”“แต่นายครับ…”“ฉันไม่เลี้
บทที่ 5 สิ่งที่ต้องการกลางดึกแสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องสะท้อนใบหน้าของโจฮันขณะที่เขาจ้องข้อความบนหน้าจออย่างจดจ่อ นิ้วโป้งเลื่อนขึ้นลงเป็นจังหวะ ชายหนุ่มกำลังรอใครบางคน… คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักมาก่อนส่งข้อความกลับมาก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์“ผมเองครับนาย ขออนุญาตเข้าไปครับ”สิ้นเสียง ประตูก็ถูกผลักเปิดออกกว้าง มีนก้าวเข้ามา ค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนยื่นไอแพดไปให้เจ้านาย โจฮันรับมันมา เปิดดูคลิปที่บ้านสวนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เย็นชา ราวกับกำลังพิจารณาภาพตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ“ผลตรวจดีเอ็นเอเธอตรงกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุครับ” มีนรายงานเสียงราบเรียบ “เธอชื่อฉัตรฑริกา หรือขนมผิง ลูกสาวคุณนคร… เอ่อ เคยเป็นคู่ค้าเก่าของเราครับ นาย”“แล้วไงต่อ”“ครอบครัวคุณนครถูกฟ้องล้มละลายเมื่อหลายปีก่อน ตัวเขาเองก็… ฆ่าตัวตาย ส่วนภรรยาและลูกหายสาบสูญ”มีนว่าพลางกดเปิดไฟล์รูปภาพจากกล้องวงจรปิด รูปถ่ายของหญิงวัยกลางคนและเด็กสาวถูกขยายขึ้นบนหน้าจอ“นี่ครับ” เขาชี้ไปที่ภาพ “กล้องตัวนี้อยู่ห่างจากโกดังร้างประมาณสิบกิโล เท่าที่ดูจากเทปบันทึก
บทที่ 4 ทาสยานรกโจฮันพยักพเยิดไปทางรถของตัวเอง เป็นสัญญาณให้มีนพาหญิงสาวไปขึ้นรถคันนั้นแทน“นายจะพาเธอไปไหนครับ?” มีนเอ่ยถามด้วยความสงสัยโจฮันเหลือบตามอง ก่อนตอบเสียงเรียบ “บ้านสวน” จากนั้นก็ลดเสียงลงต่ำ “แล้วห้ามบอกใคร ถ้าปู่รู้เรื่องนี้… มึงตาย!”มีนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ก่อนพยักหน้ารับ “ครับ”เขาจับแขนหญิงสาวเพื่อพยุงลงจากรถ แต่เธอกลับสะบัดตัวขัดขืนสุดแรง ร่างเล็กเริ่มดิ้นรนจนเสียหลักล้มลงกับพื้น ใบหน้าหวาดหวั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา“อย่าพาฉันไป! ขอร้องล่ะ…” เธอร้องเสียงสั่น พยายามถอยหนีไปให้ไกลจากพวกเขามีนถอนหายใจ พลางขยับเข้าไปคว้าตัวเธอไว้อีกครั้ง “อย่าดิ้นให้มากนัก เธอคิดว่าตัวเองจะหนีได้รึไง!”แต่แทนที่เธอจะยอม หญิงสาวกลับดิ้นแรงขึ้น ร่างเล็กสั่นเทาไปหมด สายตาตื่นตระหนกเหมือนลูกสัตว์ตัวน้อยที่จนมุมโจฮันมองภาพนั้นด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชา“ถ้ายังดื้อด้าน ฉันจะเปลี่ยนใจฆ่าเธอทิ้งตรงนี้” เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว ก่อนจะบีบแก้มเธอแน่นจนความรู้สึกเจ็บแล่นเข้ามาแทนที่ความกลัว “ตอนนี้เธอมีหน้าที่เดียวคือคิดให้ออก ว่าเรื่องราวในวันนั้นมันเป็นยังไง แต่ถ้าคิดไม่