Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2025-03-26 12:50:49

ปลายสายรอฟังอย่างตั้งใจ เพราะทั้งเธอและรติชาก็ต่างรู้จักและสนิทกับอรสามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว พอจบมาทำงานก็ยังไปมาหาสู่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเรื่อยมา งานแต่งงานของอรสาคนที่ได้รับช่อดอกไม้เจ้าสาวก็คือรติชา แต่ผ่านมาสามปีแล้วพื่อนเธอคนนี้ก็ยังโสดสนิท โสดแบบไม่น่าโสดเพราะรติชาเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างออกขนาดนี้ 

“ก็เมื่อเช้าฉันขับรถชน”

“จริงเหรอ แล้วแกเป็นไงบ้าง” น้ำเสียงของโสภิตานั้นฟังดูตกใจ

“สบายดี ชนท้ายนะไม่ได้ร้ายแรงอะไร”

“โล่งอกไป”

“เคลียร์ประกันยังไม่ทันเสร็จดีเจ้าของรถที่ฉันขับไปเสยท้ายก็ต้องรีบไป แถมเขายังกล้าทิ้งกุญแจรถคันเกือบสิบล้านไว้ที่ฉันอีก” 

“นี่ฝ่ายนั้นกล้าทิ้งกุญแจรถให้แกเลยเหรอ” โสภิตาถามหน้าตื่นเพราะไม่เคยเจอเคสอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ 

“ใช่...ฉันเลยต้องรับผิดชอบจนเคลียร์กับประกันเสร็จ พอเสร็จจากตรงนั้นฉันต้องขับรถตัวเองไปบริษัทแล้วย้อนกลับมาขับรถฝ่ายนั้นไปจอดด้วยเพราะไม่รู้ว่าจะไปจอดไว้ที่ไหน ยังไม่จบเพราะทำงานกันอยู่ดีๆ พี่เอมน้ำเดินต้องเรียกรถพยาบาลมารับ”

“ระทึกของจริง”

“ยังไม่หมดแค่นั้นนะสิ”

“ยังมีอีกเหรอ”

“อันนี้เรียกระทึกและพีคขั้นสุด เพราะเจ้าของรถคันที่ฉันขับไปเสยคือคุณปิลันธน์ ซึ่งคุณปิลันธน์เนี่ยเป็นเจ้านายพี่เอม” คนฟังได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆ แล้วจินตนาการตามคำพูดของรติชา ซึ่งแต่ละเหตุการณ์ที่เพื่อนสนิทเจอวันนี้เรียกได้ว่าไต่ความระทึกมาตั้งแต่เช้าเลยก็คงไม่ผิด แถมข้อสุดท้ายสมกับคำว่าพีคอย่างไม่ค้านสายตา 

“อะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนั้น”

“ใช่ไหม”

“แล้วนี่พี่เอมคลอดหรือยัง” โสภิตาเอ่ยถามถึงอรสาขึ้นมาบ้าง เพราะมั่นใจว่ารติชาคงตามข่าวจากสามีเพื่อนรุ่นพี่อยู่เป็นแน่ 

“ยังเลย น่าจะใกล้แล้วละมั้ง”

“คลอดธรรมชาติใช่ไหม”

“อื้อ...เห็นว่าตั้งใจจะคลอดเอง”

“นับถือใจจริงๆ เพราะแค่คิดฉันก็เสียวตรงนั้นบอกไม่ถูก มันต้องกว้างขนาดไหนถึงจะให้เด็กคนหนึ่งคลอดมาได้” พูดไปแล้วโสภิตาก็ออกอาการขนลุกเบาๆ และใช่ว่ามีเพียงเธอเท่านั้นเพราะรติชาก็คล้อยตามเช่นกัน 

“แกก็อย่าบิ้วสิ ฉันก็เสียวๆ อยู่” คนไม่เคยคลอดลูกออกอาการขนลุกตาม

“เออๆ งั้นเปลี่ยนเรื่อง แล้วนี่แกทำอะไรอยู่”

“แทะสลัด” ขณะเอ่ยตอบรติชาก็หยิบผักชิ้นโตเข้าปากจากนั้นก็เคี้ยวแล้วกลืนลงท้อง 

“เป็นกระต่ายหรือไงยะ ถึงชอบกินผักนัก”

“ก็ชอบนี่ อร่อยออก”

“อร่อยตรงไหน” คนไม่ชอบกินผักรีบแย้ง แต่ถึงจะไม่ชอบกินแต่ก็ชอบปลูกให้คนอื่นกิน 

“อร่อยตรงที่มันเป็นผักนี่แหละ คนไม่กินผักแบบแกไม่รู้หรอก”

“ไม่อยากรู้ เออ...เกือบลืมบอกอีกเรื่องไป”

“ทำไมหรือว่าแกจะแต่งงานเหรอ” รติชาแกล้งถามขึ้น ส่วนคนถูกแกล้งก็รีบแย้งทันทีเช่นกัน 

“แต่งกับใครยะ”

“ก็แกพูดเหมือนจะเซอร์ไพรส์”

“ที่ฉันจะพูดคือฉันส่งอะโวคาโดจากสวนไปให้แกน่ะ”

“จริงเหรอ ปีนี้อะโวคาโดไร่แกแก่จนเก็บได้แล้วเหรอ” น้ำเสียงของรติชานั้นบ่งบอกว่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะเธอชอบไปที่ไร่ของโสภิตา

“แก่แล้ว สนใจมาปีนเก็บเหมือนปีก่อนๆ ไหมละ” เจ้าของสวนเอ่ยชวน

“สนใจ” แค่คิดรติชาก็นึกสนุกแล้ว เพราะทุกๆ ปีเธอจะหาเวลาไปช่วยโสภิตาเก็บอะโวคาโดที่ไร่เสมอ โสภิตาเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่สนใจทำเกษตรและพืชที่ศึกษาจนมีความรู้และนำมาปลูกคืออะโวคาโด ผลผลิตแต่ละปีถือว่าทำกำไรให้มากทีเดียว

แต่ในไร่ของโสภิตาไม่ได้มีแค่อะโวคาโดอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีผลไม้ชนิดอื่นๆ รวมถึงผักปลอดสารอีกหลายชนิด เรียกได้ว่าทุกอย่างที่ปลูกสร้างรายได้ให้แก่โสภิตาทั้งปี 

“สนใจก็มา อาทิตย์หน้าหยุดยาวสามวันนี่มาได้ไหม”

“ขอดูอีกทีนะ ถ้าไปได้จะซิ่งน้องเรดไป” น้องแรดที่รติชาเอ่ยถึงคือรถมินิคูเปอร์คู่ใจ แต่อีกฝ่ายกลับแย้งเพราะไม่อยากให้เพื่อนขับรถทางไกลคนเดียว 

“ซิ่งมาเพื่อ ไร่ฉันอยู่เชียงรายนะยะไม่ใช่ฝั่งธนที่แกจะขับรถข้ามสะพานไปกลับวันเดียวถึง นั่งเครื่องมาสิเดี๋ยวไปรับที่สนามบิน”

“นั่งเครื่องก็ดีประหยัดเวลาไปได้เยอะ”

“จะมาก็บอก โอเค้”

“โอเค” รติชาเอ่ยรับ ทั้งสองคนคุยกันต่ออีกนานก่อนที่รติชาจะตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ เมื่อสามีของอรสาส่งรูปมาให้ดูซึ่งมันคือรูปลูกของทั้งคู่ที่ตอนนี้คลอดอย่างปลอดภัยแล้วนั่นเอง โสภิตาพลอยดีใจไปด้วยก่อนจะคุยกับรติชาเรื่องของเยี่ยม โดยเธอฝากให้จัดการแทนเพราะอยู่ใกล้มากกว่าซึ่งอีกฝ่ายก็รับปากทันที 

 

ประมาณสามทุ่มปิลันธน์จึงออกไปจากบริษัท ชายหนุ่มตรงกลับบ้านเช่นกันแต่เพราะเหนื่อยกับงานมาทั้งวันเขาจึงกินอะไรไม่ลง ปิลันธน์ตรงขึ้นห้องนอนเมื่อมาถึงก็วางกระเป๋าทำงานไว้บนเก้าอี้ เดินผ่านโซนแต่งตัวไปยังห้องน้ำจัดการเปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง ระหว่างนั้นก็หันมาจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนตัวออกรวมถึงเครื่องประดับทุกชิ้น

ร่างสมส่วนที่มีความสูงเกือบร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ใบหน้าเรียบเฉยดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะหลายวันมานี้เขาทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับโปรเจกต์ตัวใหม่ ปิลันธน์ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กระจกเอียงซ้ายขวามองตัวเอง 

กระทั่งระดับน้ำอุ่นในอ่างได้ที่จึงก้าวลงไปนอนแช่ในนั้น ปิลันธน์พาดแขนทั้งสองข้างไปกับขอบอ่างเอนหลังพิงพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากนั้นก็หลับตาปล่อยให้กระแสน้ำอุ่นโอบอุ้มร่างกายไว้ ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวันถูกบำบัดด้วยวิธีเรียบง่ายแต่มันก็ช่วยให้ชายหนุ่มสดชื่นได้ไม่น้อย ปิลันธน์ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำราวๆ หนึ่งชั่วโมงก็ออกมาใส่เสื้อผ้า จากนั้นก็ก้าวขึ้นเตียงพร้อมกับคว้าโทรศัพท์มากดดูงานอีกตามเคย แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาคือรูปทารกแรกคลอดลูกสาวของอรสา

ปิลันธน์จัดการสั่งของเยี่ยมและของใช้เด็กอ่อนจากเว็บไซต์พร้อมจัดแจงให้นำไปส่งจนถึงมือของอรสาที่โรงพยาบาล จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนและหลับไปทั้งๆ ที่ในมือมีโทรศัพท์อยู่  

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 5

    เช้าวันที่สองของการไปทำงานแทนอรสา ทุกอย่างดูราบรื่นกว่าวันแรกมากแถมวันนี้รติชายังไปถึงที่ทำงานเร็วอีกด้วย ส่วนปิลันธน์นั้นเสียเวลารอรถคันใหม่เล็กน้อยเพราะคันที่ใช้อยู่ชายหนุ่มต้องส่งไปซ่อมเมื่อมาถึงเขาก็ทักทายเธอเล็กน้อยจากนั้นก็เข้าห้องทำงานไป รติชาถูกเรียกไปพบปิลันธน์อธิบายเรื่องงานที่เธอต้องรับผิดชอบซึ่งงานพวกนี้อยู่นอกเหนือจากที่อรสาได้อธิบายไปเมื่อวาน ซึ่งเธอก็เข้าใจมันได้ในเวลาอันสั้น จากนั้นจึงกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะ กระทั่งพักเที่ยงแม่บ้านก็ยกมื้อเที่ยงเข้าไปเสิร์ฟให้ปิลันธน์ในห้องเพราะชายหนุ่มไม่ค่อยออกไปกินที่ไหน แต่เพราะชายหนุ่มไม่ชอบกลิ่นอาหารในห้องทำงานแม่บ้านจึงต้องเปิดหน้าต่างไว้ด้วย ส่วนรติชาที่ยังไม่รู้จักใครที่นี่ก็สามารถลงไปนั่งกินมื้อเที่ยงคนเดียวได้อย่างไม่รู้สึกเก้อเขินสายตาใคร จากนั้นก็แวะซื้อขนมติดไม้ติดมือมาสองสามอย่างเพื่อกินในช่วงบ่าย “คุณกินข้าวเที่ยงแล้วเหรอ” เพราะเดินออกมาแล้วเจอกับรติชาเข้า ปิลันธน์จึงเอ่ยถามขึ้น “ค่ะ”“มีเพื่อนไปกินด้วยหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ทั้งๆ ที่เขาจะมองผ่านเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ไปก็ได้“ไม่มีค่ะ ฉันไปกินคนเดียว”“คนเดียว” “

    Last Updated : 2025-03-26
  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 6

    บอสหนุ่มถึงกับอุทานออกมาเสียงหลงพลอยทำให้รติชาลนลานตามไปอีกคน ส่วนตัวก่อเรื่องกลับไม่สะทกสะท้าน รติชายื่นมือไปจับตั๊กแตนตำข้าวตัวนั้นอีกครั้งคราวนี้เธอจับมันแน่นกว่าเดิมเพราะกลัวจะกระโดดไปเกาะหน้าของปิลันธน์เข้าอีก“มาได้ยังไง” ปิลันธน์หันมองซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวว่าจะมีตั๊กแตนตำข้าวตัวอื่นๆ อยู่ในห้องทำงานอีก “มันคงบินเข้ามาตอนแม่บ้านเปิดหน้าต่างทิ้งไว้”“อ้อ” หัวใจของบอสหนุ่มเต้นโครมครามเพราะความกลัวที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง แถมยังเผลอแสดงอาการต่อหน้ารติชาเสียอีก “ฉันเอามันออกไปก่อนดีกว่า” เอ่ยบอกเสร็จรติชาก็เอาตั๊กแตนตำข้าวในมือไปวางไว้นอกหน้าต่างเสร็จก็รีบปิดทันที เพราะไม่อยากให้มันเข้ามาป่วนข้างในซ้ำอีก“มันไปแล้วหรือยัง”“กำลังไปค่ะ อีกสักพักคงไม่อยู่แล้ว”“โล่งอกไปที” ท่าทางของปิลันธน์ทำให้รติชานึกขำ เพราะไม่คิดว่าผู้ชายตัวโตอย่างเขาจะกลัวแมลงตัวเล็กๆ แบบนั้นได้ แถมยังดูกลัวมากเสียด้วย“บอสกลัวแมลงหรือคะ”“ไม่ได้กลัวแค่ไม่ชอบ” รติชาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับคำตอบของปิลันธน์ สรุปง่ายๆ คือเขากลัวแมลงนั่นแหละไม่ต้องสืบ “ไม่ได้กลัวก็ไม่ได้กลัวค่ะ” “ขอบคุณมาก ถ้าไม่

    Last Updated : 2025-03-26
  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 7

    “ใช่...หนึ่งเขารักครอบครัวมากยิ่งมีลูกด้วยกันก็ยิ่งตอกย้ำว่าพี่เลือกคนไม่ผิด” อรสายิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะหันไปมองลูกสาวตัวน้อยที่เป็นโซ่ทองคล้องใจเธอและสามี รติชาอยู่กระทั่งสามีของอรสาเข้ามาเธอจึงขอตัวกลับ ระหว่างทางที่ขับรถอยู่นั้นก็เมาท์มอยกับโสภิตาไปด้วย แต่เมื่อมาถึงคอนโดมิเนียมรติชาก็ได้เจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ รติชาอยากแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่าย ทว่าสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะเดินเข้าไปทักทายเขา “คุณรติชา” “บอสมาทำอะไรที่นี่คะ”“หาเพื่อนครับ ว่าแต่คุณล่ะมาทำอะไรที่นี่” ปิลันธน์เอ่ยถามขึ้น เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับรติชาที่นี่เช่นกัน “ฉันพักที่นี่น่ะค่ะ”“อ๋อ” คนฟังถึงบางอ้อ แม้คอนโดมิเนียมที่นี่ราคาต่อยูนิตค่อนข้างสูงแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนซื้อ ดูจากรถที่ขับกระเป๋าที่ถือเครื่องประดับที่ใช้ก็บ่งบอกอยู่ว่ารติชานั้นคงมีฐานะพอสมควร แต่ที่แปลกใจคือทำไมเธอถึงยังเลือกที่จะทำงานเป็นเลขา“บอสพึ่งมาหรือว่ากำลังจะกลับคะ”“พึ่งมาครับ” “เฮ...ปิลันธน์” เสียงเอ่ยเรียกปิลันธน์ดังขึ้น ซึ่งคนที่เรียกก็ไม่ใช่ใครอื่นเพราะคือเพื่อนสนิทของบอสหนุ่มที่ชื่อว่าเมทีนั่นเอง “เพื่อนผมมานั่น

    Last Updated : 2025-03-26
  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 8

    “โอ๊ย...เสร็จสักที” รติชาขยับร่างกายไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งทำรีพอร์ทให้ปิลันธน์ติดต่อกันหลายชั่วโมง ส่วนบอสของเธอนั้นป่านนี้ก็ยังไม่ออกจากห้องประชุมเช่นกัน รติชาจิบชาอุ่นๆ เพิ่มความชุ่มชื่นให้ร่างกาย กระทั่งสายตาหันไปเห็นปิลันธน์เดินออกมาจากห้องประชุม “ประชุมเสร็จแล้วหรือคะบอส”“ยัง...แค่พักเบรก”“ลากยาวขนาดนี้ ไม่ล้ากันแย่แล้วเหรอคะ”“คงมีบ้าง แต่ผมอยากให้งานเสร็จก่อนหยุดยาว”“ค่ะ” รติชาเอ่ยรับเพราะบางอย่างมันก็อยู่เหนือการควบคุมของเธอ ปิลันธน์พักราวๆ ห้านาทีก็กลับเข้าไปประชุมอีกครั้ง ส่วนรติชาหลังจากจิบชาเสร็จแล้วก็กลับมานั่งส่งงานให้ปิลันธน์รวมถึงเคลียร์งานทุกอย่างให้จบ เธอชะเง้อมองเข้าไปในห้องประชุมหลายต่อหลายครั้งเพราะตอนนี้เลยเวลาเลิกงานมานานพอสมควรแต่ทุกคนก็ยังไม่กลับออกมากระทั่งประตูเปิดออกและคนที่ก้าวออกมาคนแรกคือผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ตามด้วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดและคนอื่นๆ เหลือก็เพียงแค่ปิลันธน์ที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงา รติชาเดินไปชะเง้อมองตรงประตูกระจกจึงเห็นว่าเขายังนั่งจดๆ เขียนๆ อะไรบางอย่างใส่ไอแพด พอเห็นเขาลุกรติชาก็รีบกลับมานั่งที่โต๊ะทันที“ยั

    Last Updated : 2025-03-26
  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 9

    เมื่อเห็นว่าทั้งเธอและเขาต่างอิ่มกันแล้ว ปิลันธน์จึงเรียกเช็กบิล โดยชายหนุ่มอาสาเป็นเจ้ามือทั้งๆ ที่รติชาปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีกเพราะเธอไม่อยากให้เขาต้องมาเลี้ยง สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่สำเร็จ“ขอบคุณสำหรับเจ้ามือนะคะ”“ด้วยความยินดีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกจากนั้นปิลันธน์จึงเดินมาส่งรติชาที่รถแล้วเดินย้อนไปยังรถตัวเองที่จอดอยู่ด้านหน้า ทว่ารถเจ้ากรรมที่นานๆ เขาจะเอามาใช้กลับเกเรเพราะสตาร์ทไม่ติด ปิลันธน์เป่าลมออกปากหนักๆ ซึ่งรติชาก็มองเห็นความผิดปกติที่ว่าเช่นกัน ก๊อก ก๊อก ก๊อกเลขาสาวสวยตัดสินใจเดินมาเคาะกระจกรถของบอสหนุ่มเบาๆ พอปิลันธน์ลดกระจกรถลงมาจึงเอ่ยถามขึ้น “รถเป็นอะไรหรือเปล่าคะบอส” “สงสัยจะเกเรนะครับเลยสตาร์ทไม่ติด” ปิลันธน์เอ่ยบอกเพราะรถคันนี้อยู่กับเขามาหลายปีแล้ว ส่วนรติชาก็พยายามคิดว่าจะแก้ปัญหาตอนนี้ยังไงดี ระหว่างจอดรถทิ้งไว้ที่นี่แล้วปล่อยให้ปิลันธน์กลับแท็กซี่หรือเธอไปส่งเขาที่บ้าน รติชาสองจิตสองใจในขณะที่ปิลันธน์ก็ยังคงพยายามสตาร์ทรถอย่างต่อเนื่อง“อืม...ผมว่าเสียเวลาเปล่า” เพราะลองหลายครั้งแล้วรถก็ยังนิ่งสนิท สุดท้ายปิลันธน์ก็ถอดใจหาวิธีอื่นกลับบ้าน“ให้ฉันไปส่งบอสที่บ้านไ

    Last Updated : 2025-03-26
  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 10

    รติชาเดินทางไปสนามบินตั้งแต่เช้าตรู่ เธอเลือกไฟล์ทบินเที่ยวแรกเพื่อไปเชียงรายซึ่งทันทีที่ลงเครื่องก็ได้เจอกับโสภิตาเพราะอีกฝ่ายมารอรับอยู่ก่อนแล้วเช่นกันทั้งสองคนโผเข้ากอดกันอย่างคิดถึงเพราะนานหลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอหน้า แม้ตอนนี้โสภิตาจะมาเป็นชาวไร่วันๆ ตากแดดตากลมมากกว่าตากแอร์แต่เพื่อนสนิทคนนี้ก็ยังสวยไม่เหมือนคนทำไร่เลยแม้แต่น้อย โสภิตาพารติชาไปกินข้าวก่อนจากนั้นก็ตรงเข้าไร่ พอมาถึงคนชอบกินอะโวคาโดก็หายไปในไร่อะโวคาโดทันทีพอได้กินของอร่อยๆ รติชาก็นึกถึงคนรอบๆ ตัว เธอปีนต้นอะโวคาโดเพื่อขึ้นไปเก็บผลของมันเองกับมือ ค่อยๆ ส่งกลับลงมาให้ลูกน้องของโสภิตาใส่ตะกร้า เมื่อได้จำนวนที่มากพอก็มานั่งแพคว่าแต่ละลังแต่ละกล่องเธอจะส่งไปให้ใครบ้าง เรียกได้ว่ารติชาคือลูกค้ารายใหญ่ของโสภิตาก็คงไม่ผิด“กล่องนี้ของแม่ กล่องนี้ของป้าจันทร์ กล่องนี้ของน้องอาย กล่องนี้ของพี่เอม...” รติชาตบกล่องแต่ละใบที่เธอแปะชื่อที่อยู่ผู้รับไว้ครบแล้ว ซึ่งล้วนแต่เป็นญาติพี่น้องเพื่อนสนิทหรือไม่ก็คนรู้จักกันทั้งนั้น กวาดสายตามองตอนนี้น่าจะมีกล่องที่รอส่งไม่ต่ำว่าสิบใบแน่นอน“กล่องไหนของบอสแกอะ” โสภิตาแกล้งแซวถาม “ยั

    Last Updated : 2025-03-26
  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 11

    “ฉันพูดเล่นนี่ก็ดันคิดจริงไปได้”“ขำๆ นะ อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด พี่ชายฉันรักเมียหลงเมียเชื่อฟังเมียออกขนาดนั้นถ้าเจออะไรไม่ดีเดี๋ยวองค์เมียคงปัดเป่าเองแหละ อีกอย่างนอกจากกันซีนฉันเก่งแล้วพี่ฤดียังทำงานเก่งอีกด้วย” เรื่องหน้าที่การงานรติชายอมรับว่าพี่สะใภ้ของเธอเก่ง รวมถึงเก่งเรื่องกันซีนเธอออกจากธุรกิจของครอบครัวด้วยคงกลัวเธอจะไปแย่งส่วนแบ่งมั้งถึงได้พูดว่าเธอยังอ่อนประสบการณ์ต้องให้ออกไปเปิดหูเปิดตาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานกับบริษัทอื่นเสียก่อนแล้วค่อยกลับไปช่วยบริหารงาน เพราะไม่อยากมีปัญหาเธอถึงยอมทำตามมาตลอด แต่ยิ่งยอมเธอก็เหมือนจะถูกขับออกจากนอกจักรวาลไปเรื่อยๆ แรกๆ เธอก็นอยด์แต่ตอนนี้คิดได้มากขึ้นแล้ว เพราะทำงานที่อื่นก็ได้ประสบการณ์มากมายยิ่งยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองได้เร็วเท่าไหร่เธอก็ยิ่งภูมิใจมากเท่านั้น และคิดว่าอาจไม่เหมาะหากอนาคตเธอต้องกลับไปช่วยงานครอบครัว ตรงไหนมันไม่ใช่ที่ของเธอเธอก็แค่ก้าวออกมาก็เท่านั้นเอง “เก่งจริงนั่นแหละไม่อยากนั้นจะขึ้นไปเป็นผู้บริหารคู่กับพี่ชายแกได้ยังไง” “ชายใดเชื่อเมียชายนั้นย่อมเจริญ”“นี่แกแซะพี่ชายตัวเองอยู่เปล่า” โสภิตาเอ่ยถามขำๆ

    Last Updated : 2025-03-26
  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 12

    “คุณโฉมมีธุระอะไรกับผมหรือครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามลูกค้าคนสำคัญออกไปอย่างสุภาพ “คือโฉมจะจองรถรุ่นใหม่น่ะค่ะ คุยกับเซลล์ก็ไม่มีใครรู้เรื่องรถรุ่นนี้เลยสักคน ความหวังเดียวของโฉมคงเป็นคุณปิลันธน์” นอกจากเรื่องรถที่หยิบมาใช้เป็นข้ออ้างแล้วความหวังเดียวของผู้หญิงวัยสี่สิบต้นๆ ที่ชื่อว่าโฉมฉายเจิดจรัสก็คือปิลันธน์นั่นเอง เธอตามตื้อตามขายขนมจีบชายหนุ่มมาตั้งแต่รู้จักกันใหม่ๆ ส่งสินสอดเป็นค่าตัวรถสปอร์ตก็หลายคัน โดยเธอซื้อกับเขาแบบไม่เกี่ยงราคาด้วยซ้ำ ทว่าสุดท้ายก็ยังซื้อใจเขาไม่ได้เสียที“งั้นคุณโฉมรอผมสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมครับ พอดีผมติดประชุม” ปกติปิลันธน์จะไม่ดูแลลูกค้าด้วยตัวเอง ยกเว้นบางเคสที่รีเควสอยากให้เขาลงไปดู นั่นเพราะก่อนหน้านี้ปิลันธน์ควบทั้งตำแหน่งผู้บริหารและพนักงานขายอยู่เป็นปีๆ จึงมีคอนเนคชั่นกับบรรดาลูกค้า“ได้ค่ะได้ โฉมเข้าไปนั่งรอในห้องรับรองเลยนะคะ”“ครับ...เดี๋ยวผมให้เลขานำกาแฟไปเสิร์ฟให้”“ขอบคุณค่ะ” โฉมฉายเจิดจรัสยิ้มกว้างออกมา นี่ถ้าเธอกระโดดกอดปิลันธน์ได้เธอทำไปนานแล้ว แต่ก็ต้องวางฟอร์มความเป็นคนรวยเป็นเศรษฐีเอาไว้แล้วรอให้ชายหนุ่มคุกเข่าเข้ามาหาแทน เพราะเธอทำแบบนั้น

    Last Updated : 2025-03-26

Latest chapter

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 31 (จบ)

    “ก็ยังอยากมาทำงานนี่คะ”“สงสัยผมต้องเรียกรถพยาบาลมาสแตนบายรอคุณแล้วมั่งเนี่ย”“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ น้ำเดินแล้วค่อยไปโรงพยาบาลก็ได้ ว่าแต่เหตุการณ์ตอนนี้มันคุ้นๆ เหมือนกันนะคะบอส ตอนนั้นเอมก็ท้องแก่แบบนี้แล้วก็ให้ปิ่นมาช่วยงาน ทำงานอยู่ดีๆ เอมก็น้ำเดินจนต้องรีบไปโรงพยาบาล พูดแล้วก็คิดถึงปิ่น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง” อรสาคิดถึงรติชามากจริงๆ แต่เพราะยุ่งๆ ระยะนี้จึงไม่ค่อยได้คุยกันเท่าที่ควร“สบายดีครับ วันก่อนพึ่งจะไปเล่นสกีมา”“เอมประทับใจความรักของบอสกับปิ่นจริงๆ นะคะ อยากให้มีคนเอาไปทำละครจัง”“งั้นช่วยตัดช่วงที่ผมกลัวแมลงออกก็ดีนะครับ” ปิลันธน์เอ่ยติดตลก เพราะคงไม่มีพระเอกที่ไหนกลัวแมลง“เอางั้นเหรอคะ”“ครับ”“สรุปบอสจะไม่รับเลขาจริงๆ เหรอคะ” อรสาเอ่ยถามอีกครั้ง“ไม่ครับ ผมจัดการงาน

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 30

    “ทำไมหรือว่าคุณปิลันธน์ไม่อยากให้ปิ่นทำงาน”“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่ปิ่นคิดว่าที่บริษัทไม่เหมาะกับปิ่น ยังไงปิ่นฝากพี่ฤดีดูแลและรักษามันด้วยนะคะ” รติชาส่งยิ้มให้ฤดี ซึ่งอีกคนก็ส่งยิ้มที่ออกมาจากใจให้รติชาเป็นครั้งแรกเช่นกัน“พี่สัญญา” ฤดีเอ่ยรับอย่างหนักแน่น เมื่อหยุดคิดว่าตัวเองนั้นดีหรือวิเศษกว่าใครลงได้ ก็เหมือนเปิดโลกให้ฤดีมองเห็นความดีของคนอื่นและใช้ชีวิตในเส้นทางที่ถูกที่ควรหลังจากนั้นอีกสามวันรติชาก็พาปิลันธน์ไปหาโสภิตาที่เชียงราย ซึ่งครั้งนี้คนที่ถูกแซวจนหน้าแดงก่ำคือเธอบ้าง ส่วนปิลันธน์นั้นก็เหมือนจะชอบการใช้ชีวิตที่ไร่ของโสภิตามากเช่นกัน จนอยากมีบ้านที่นี่สักหลัง“ถามจริงๆ นะ แกยังอยากไปต่างประเทศอยู่อีกหรือเปล่า”“ไป”“คุณปิลันธน์ไปด้วยใช่ไหม”“ไม่รู้” รติชาตอบเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ นั่นเพราะปิลันธน์เองก็มีงานที่ต้องทำที่นี่ คงไปอยู่กับเธออย่างถาวรที่ต่างประเทศไม่ได้ แต่จะใ

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 29

    “ครับผม” ปิลันธน์เอ่ยรับแล้วหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสที่จะเกิดขึ้น รติชาส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวขึ้นไปหอมแก้มคนรักฟอดใหญ่ตามที่เขาร้องขอแต่จังหวะที่เธอกำลังขยับออกก็ถูกคนเมารวบตัวไว้แล้วมอบจูบให้อย่างดูดดื่มซึ่งรติชาเองก็จูบเขากลับไปเช่นกัน รสจูบของทั้งคู่ร้อนแรงเต็มไปด้วยความต้องการ ยิ่งมีกลิ่นแอลกอฮอล์เจืออยู่จางๆ ในรสจูบด้วยแล้วก็ยิ่งกระตุ้นให้เลือดในตัวสูบฉีดจนร้อนรุ่ม“อันที่จริงผมไม่อยากเมาแบบนี้เท่าไหร่ เพราะมันจะทำให้คุณพลอยเดือดร้อนไปด้วย” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยบอกเมื่อถอนจูบออก แววตาของปิลันธน์นั้นแพรวพราวเจ้าเล่ห์นัก“เดือดร้อนยังไงคะ” รติชาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะตอนนี้ปิลันธน์ก็ไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อนอะไรด้วยซ้ำ อีกอย่างการดูแลคนเมาเธอเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร“เพราะถ้าเมาผมยิ่งต้องการคุณ ผมจะกลืนกินจนคุณเข่าอ่อนมากกว่าทุกๆ ครั้ง”“ไม่เชื่อ”“ผมชอบจังที่คุณเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แบบนี้ เพร

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 28

    “ปิ่นรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่ได้รู้จักคุณ” คำพูดของรติชาทำให้ปิลันธน์ยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับยื่นมือมาสัมผัสแก้มของเธออย่างอ่อนโยน“ผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เจอปิ่น” ทั้งคนพูดและคนฟังต่างยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับช่วงเวลาในขณะนี้ แต่ความรักที่ปิลันธน์มอบให้จากใจจริงก็ทำให้รติชารู้สึกผิดกับเขาอย่างบอกไม่ถูก นั่นเพราะแผนที่จะย้ายไปต่างประเทศก็ยังคงอยู่ เธอเหมือนคนโลภที่ไม่อยากเสียอะไรไปแม้แต่อย่างเดียวในที่สุดฤดีก็ยอมออกจากห้องและไปร่วมงานเผาศพของลูกชาย แม้จะทำใจยอมรับได้แต่ถึงอย่างนั้นก็ร้องไห้และเป็นลมล้มพับไปหลายต่อหลายครั้งโดยมีสามีและลูกสาวคอยอยู่ข้างๆ งานวันนี้มีญาติ เพื่อนและคนรู้จักเดินทางมาเพื่อแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและร่วมส่งร่างที่ไร้วิญญาณของน้องเอเป็นครั้งสุดท้ายมากมาย หนึ่งในนั้นคืออรสาและสามี ก่อนจะแปลกใจที่เห็นปิลันธน์อยู่ในงานด้วยอรสากำลังประติดประต่อเรื่องราว ยิ่งเห็นว่าทั้งคู่สนิทกันกว่าที่คิดก็ยิ่งให้จินตนาการไปไกล แต่ไม่ว่าความสัมพันธ์ของปิลันธน์กับรต

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 27

    ฤดีคว้ารูปของลูกชายมากอดอย่างคิดถึงยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกผิดจนไม่กล้าสู้หน้าทุกคน เธอยังคงร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสารจนตัวไหวสะอื้น เสียงร้องไห้ของฤดีดังลงไปถึงชั้นล่างส่งผลให้ทุกคนที่ได้ยินอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกันรติชาเข้าไปสวมกอดพี่สะใภ้เป็นครั้งแรก แม้จะดูขัดๆ ไปบ้างแต่เธอก็อยากกอดเพื่อให้ฤดีรับรู้ว่าไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้เพียงแค่คนเดียว อ้อมกอดของรติชายิ่งกระตุ้นให้ฤดีร้องออกมาหนักกว่าเดิมเสียอีก นั่นเพราะความรู้สึกผิดที่เคยทำไว้ต่อรติชามันผุดขึ้นมาเช่นกันและคนที่ตรงเข้ามากอดฤดีต่อจากนั้นคือสามีและลูกสาวคนเล็ก สามคนพ่อแม่ลูกนั่งร้องไห้และกอดกันกลมราวกับต้องการให้น้ำตาช่วยชะล้างความเสียใจครั้งนี้ออกไป รติชายืนปาดน้ำตาตัวเองเช่นกัน หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เธอหวังแบบนั้นจริงๆ เมื่อเสร็จเรื่องเธอจึงขอตัวกลับ“นี่ก็ค่ำมากแล้วไม่นอนด้วยกันที่บ้านหรือปิ่น” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามขึ้น เพราะหลังจากกลับจากวัดรติชาก็ตรงมาบ้านเพื่อเข้าไปคุยกับฤดี“ไม่ดีกว่าค่ะแม่”“

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 26

    เมื่อมาถึงโรงพยาบาลสิ่งที่รติชาเห็นคือภาพการร้องห่มร้องไห้ของพี่สะใภ้พร้อมกับเอ่ยโทษทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่พรากลมหายใจของลูกชายสุดที่รักไป ฤดีกอดร่างที่ไร้วิญญาณของลูกชายไม่ยอมปล่อย ร้องไห้ปานจะขาดใจตายตาม ไม่สนใจใครทั้งนั้นแม้กระทั่งสามีและลูกสาวอีกคนการเสียชีวิตของน้องเอทำให้ชีวิตของฤดีเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือก็ว่าได้ อาจเพราะความเสียใจอย่างกะทันหันเธอจึงตั้งสติรับไม่ทันจนกลายเป็นคนซึมเศร้าและไม่เอาอะไรทั้งนั้น วันๆ หมกตัวอยู่แต่ในห้องลูกชายไม่ยอมออกไปไหนแม้กระทั่งงานศพก็ไม่ไปร่วมงานแม้แต่วันเดียว“ออกไป ฉันบอกให้ออกไป” ฤดีขว้างปาข้าวของใส่สามีที่พยายามเข้าไปคุยเรื่องลูกชาย แจกันดอกไม้ลอยมากระแทกเข้ากับใบหน้าจนเลือดอาบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่นึกโกรธเคืองแต่อย่างใดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้รติชาต้องยื่นมือเข้าไปช่วยจัดการงานศพของหลานชาย เธอแทบไม่ได้พักด้วยซ้ำยังดีที่มีปิลันธน์คอยดูแลไม่งั้นกว่าจะเสร็จงานก็คงล้มพับไม่สบายไปอีกคน แม้ใครในงานจะสงสัยว่าปิลันธน์นั้นเป็นอะไรกับรติชา แต่บรรดาญาติๆ ก็ไม่กล้าถาม

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 25

    “คุณมีพี่น้องไหมคะ”“ไม่มีครับ ผมเป็นลูกคนเดียว”“อืม...ส่วนฉันพ่อกับแม่ท่านยังมีชีวิตอยู่ค่ะ สุขสบายตามอัตภาพ ฉันมีพี่ชายคนหนึ่งแต่ตอนนี้แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ด้วยความที่ฉันเป็นลูกผู้หญิงงานบริหารพ่อเลยยกให้พี่ชายดูแล คนจีนอะเนอะอะไรๆ ก็ลูกผู้ชายไว้ก่อนพี่ชายกับพี่สะใภ้สองคนนั้นช่วยกันบริหารธุรกิจของพ่อจนตอนนี้มั่นคงและใหญ่โต จะว่าไปเราสองคนก็มีเรื่องที่เหมือนกันอยู่นะคะ”“เรื่องไหนครับ”“เรื่องที่เราต่างก็ถูกที่บ้านส่งไปเรียนต่อที่เมืองนอกน่ะค่ะ พอเรียนจบฉันก็ตั้งใจกลับไปช่วยบริหารงานแต่สุดท้ายก็เข้ากับพี่สะใภ้ไม่ได้ เลยถอนตัวออกมาแล้วหางานทำดูแลตัวเอง ยังดีหน่อยที่พอจะมีหุ้นเลยได้เงินปันผลบ้าง เอาง่ายๆ ฉันกับพี่สะใภ้ไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่อะไรที่พี่สะใภ้สร้างไว้ฉันก็ไม่อยากเข้าไปแตะ” ทุกอย่างมันค่อยๆ สะสม ความอัดอั้นค่อยๆ ก่อตัวเพราะฤดีมักจะทำเหมือนเธอนั้นไม่มีตัวตนเสมอ พูดจากระทบกระเทียบไม่เว้นแต่ละวัน สุดท้ายรติชาจึงเลือกที่จะเดินออกมา“แต่อะไรที่เป็นของผม คุณสามารถแ

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 24

    “ถึงอย่างนั้นผมก็คงต้องขยันทำงานเก็บเงินให้มากกว่านี้ เดี๋ยวเลี้ยงคุณไม่ไหว” คนเจ้าเล่ห์เอ่ยบอก ทั้งๆ ที่ตอนนี้เงินในบัญชีเขาสามารถเลี้ยงดูรติชาได้อย่างสุขสบายเป็นร้อยๆ ปีก็ตาม“ใครบอกว่าฉันจะให้คุณเลี้ยง”“คุณพ่อมักจะสอนผมเสมอว่า สามีที่ดีต้องเลี้ยงดูภรรยาให้มีความสุขทั้งกายและใจ”“งั้นเอามาเลยสามแสน โทษฐานที่คุณทำให้ฉันแพ้เมื่อวาน” รติชาแกล้งแบมือขอเงิน ส่วนปิลันธน์กลับเอาจริง เพราะชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาถือไว้ ทำการสแกนนิ้วมือเพื่อปลดล็อคหน้าจอจากนั้นก็กดเข้าไปยังแอปธนาคารแล้วส่งโทรศัพท์ให้รติชา“คุณโอนเงินจากโทรศัพท์ผมเข้าบัญชีคุณได้เลย”“ไม่กลัวฉันโอนออกทั้งหมดหรือไง”“ไม่กลัว กลัวคุณไม่โอนออกสักบาทมากกว่า”“รู้อีก เอาคืนไปค่ะ” รติชาส่งโทรศัพท์คืนให้ปิลันธน์ ทว่าบอสหนุ่มกลับไม่ยอมรับมันคืนมาแต่อย่างใด สิ่งที่เขาทำต่อจากนั้นคือการดึงตัวรติชามาจูบ เธอตกใจจึงนั่งนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะรับจูบจากเขาด้วยความเต็มใจพร้อมกับมอบจูบใ

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 23

    นั่นคือประโยคที่รติชาแย้งปิลันธน์ขึ้นมาในใจ“คุณคิดยังไงกับฉันหรือคะ” ทั้งๆ ที่นี่เป็นประโยคที่รติชาไม่ควรเอ่ยออกมา เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับปิลันธน์นั้นก้าวไปไกลแล้วก็ตาม แต่เธออยากรู้จริงๆ ว่าเขาคิดยังไง“คุณดูอ๊องๆ ตลกๆ ดี”“ตอบไม่ตรงคำถาม” คนในอ้อมกอดหน้างอ“ผมชอบคุณ”“แล้วทำไมถึงชอบคะ ทั้งๆ ที่ผู้หญิงที่เหมาะกับคุณก็น่าจะมียาวเป็นหางว่าว”“เหมาะแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องรักเธอเหล่านั้นนี่ เวลางานคุณจริงจังทุ่มเท นอกเวลางานคุณดูเพี้ยนๆ แต่เป็นความเพี้ยนที่ทำให้ผมมีความสุข คุณเติมเต็มบางอย่างที่ผมไม่มี ที่สำคัญคุณคือผู้หญิงคนเดียวที่กล้าจับแมลงให้ผม” ทุกคำพูดปิลันธน์เอ่ยออกมาจากหัวใจและอยากสื่อให้รติชารู้ว่าเขานั้นจริงจังกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่อารมณ์ฉาบฉวยมาแล้วจบไป“ข้อสุดท้ายนี่ฉันควรจะดีใจใช่ไหม”“ครับ...แต่รวมๆ แล้วคือผมชอบ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status