เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ”
ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียว
แต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน
“เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ”
“จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม
“ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ”
“งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม”
“ค่ะ”
เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้
“น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟา
ช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื่อโชกตัว ส่วนเสื้อผ้าเขาพกติดกระเป๋ามาด้วย เขาบอกชอบพกบางครั้งต้องเปลี่ยนงี้ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เรียนวิศวะก็คงเลอะง่ายมั้งนะ
ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
“ดึกขนาดนี้ลงไปคนเดียวได้ไง อันตราย” พี่เซ้นต์ทำหน้าไม่พอใจหลังจากที่กวาดตามองข้าวของบนโต๊ะ ของที่ฉันเพิ่งซื้อมา
“คนยังพลุกพล่านอยู่เลยค่ะ” ปกติเที่ยงคืนยังปั่นจักรยานกลับจากร้านเหล้าอยู่ อันนี้ลงไปใกล้แค่นี้ปลอดภัยหายห่วง
“เดี๋ยวต่อไปพี่ซื้อของมาตุนไว้ให้ ชอบอันไหนลิสต์มาให้พี่ จะได้ไม่ต้องลงไปเวลาแบบนี้”
“…”
“เข้าใจไหมครับ”
“เข้าใจค่ะ”
“พี่พูดเพราะห่วงนะ พี่เป็นห่วงเพ้นท์มากจริง ๆ ความจริงก็น่าจะรอพี่ออกมาจากห้องน้ำแล้วเราค่อยไปด้วยกันก็ได้ ไปก็ไม่บอกพี่”
“ก็น้ำที่ซื้อติดมือมามันหมดแล้ว เพ้นท์เห็นพี่เซ้นต์เหนื่อยก็เลยอยากให้ดื่มน้ำเย็น ๆ จะได้ชื่นใจนี่คะ”
“ขอบคุณนะ”
“เพ้นท์สิที่ต้องขอบคุณพี่เซ้นต์ที่มาช่วยเพ้นท์ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้พี่ช่วยน่าจะหลายวันกว่าจะเสร็จ”
“แล้วไม่ได้ให้เพื่อนมาช่วยเหรอ”
“ไม่อยากรบกวนเพื่อนค่ะ เพื่อนเพ้นท์ไม่เคยมาที่นี่ คนที่เคยมามีแค่แม่กับเพ้นท์และวันนี้เพิ่มพี่เซ้นต์มาอีกคนค่ะ”
“พูดแบบนี้พี่ดีใจแล้วนะ”
“ดีใจอะไรคะ ดีใจที่เหนื่อยเหรอ”
“ครับ” เขายิ้มอีกแล้ว ใบหน้าที่ยามปกติเรียบนิ่งน่าเกรงขาม เวลายิ้มกลับละมุนหัวใจมาก
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเรากินข้าวด้วยกันเรียบร้อย เป็นเมนูอาหารในร้านสะดวกซื้อ ฉันไม่รู้ว่าพี่เซ้นต์ชอบอะไร ก็เลยหยิบมาหลายอย่าง คิดง่าย ๆ แค่ว่าน่าจะมีสักอย่างที่ถูกใจเขา
พี่เซ้นต์เลือกผัดซีอิ๊วหมู ฉันจึงเอาเข้าไมโครเวฟ
ไม่รู้ว่าเขาชอบหรือเขาแค่เลือกมากินให้เหมือนฉัน
“ดึกแล้วพี่กลับก่อนนะ”
“พรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้าใช่ไหมคะ” ระหว่างที่เก็บทำความสะอาดข้าวของเขาบอกฉันน่ะ
“ใช่ครับ”
“นี่เที่ยงคืนแล้ว กว่าจะกลับถึงบ้านพี่น่าจะเกือบตี 2 เลยไหมคะ แล้วก็ต้องตื่นเช้าเพื่อเดินทางแต่เช้าอีก”
“ก็ประมาณนั้น”
“พี่ค้างที่นี่ไหมคะ ชุดพี่เพ้นท์ปั่นแห้งตากไว้แล้ว”
“ให้พี่ค้างด้วยจริงเหรอ”
“…”
“พี่…”
“อีกห้องที่พี่เซ้นต์เก็บทำความสะอาดไว้ พี่นอนห้องนั้นได้เลยนะคะ หรือว่าพี่จะกลับคะ”
“กลับไม่ไหว พี่ง่วงแล้วครับ ไปนอนก่อนนะ” ว่าแล้วพี่เซ้นต์ก็ลุกขึ้นเร็วไว
“โอเคค่ะ ฝันดีนะคะ” เขารีบร้อนคล้ายกลัวฉันจะเปลี่ยนใจ
ฉันเองก็ไม่ได้ใจจืดใจดำขนาดนั้นไหม เขาช่วยทำความสะอาดห้องจนดึกดื่น จะไล่เขากลับทั้งที่เช้าเขาก็ต้องเร่งรีบมาเรียน
ก็แค่ค้างคืน ทั้งยังคนละห้องนอน อีกอย่างเราก็เป็นแฟนกันแล้ว ไม่เสียหายหรอกมั้ง
มหาวิทยาลัย
เที่ยงฉันมานั่งที่โรงอาหารของคณะตามที่เพื่อนนัดเจอกันเพราะวันนี้เรามีเรียนบ่าย เพื่อนฉันอยากกินข้าวด้วยกันก่อนเข้าเรียนจึงนัดเจอกันที่นี่ พี่เซ้นต์ที่พักเที่ยงเวลานี้จึงให้ฉันสั่งข้าวไว้ให้เพราะเขาจะมากินข้าวที่นี่
เมื่อเช้าเขาออกไปตอนเช้าเลยมั้ง ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะว่าไม่ได้ตื่นมาเจอเขา ฉันหลับน่ะ เมื่อคืนกว่าฉันจะเข้านอนก็เกือบตี 2
“พี่เซ้นต์” เห็นว่าเขากำลังมองหาฉันก็เลยเรียกให้เขาเห็นว่าฉันนั่งอยู่ตรงนี้ ฉันแยกออกมานั่งโต๊ะอีกตัวเพราะพี่เซ้นต์บอกว่าเพื่อนเขาจะมาด้วย ซึ่งโต๊ะที่เพื่อนฉันนั่งมันไม่พอและถ้าเขานั่งร่วมวงด้วยก็คงดูไม่ดี
“ขี้โกงนี่หว่ามีคนซื้อไว้ให้แล้ว” พี่เบย์เอ่ย
“หวัดดีน้องเพ้นท์” พี่โจส่งยิ้ม วางสมุดไว้ที่โต๊ะ
“หวัดดีค่ะ”
“เดี๋ยวไปซื้อข้าวก่อนนะ” พี่โจเอ่ยแล้วก็เดินออกจากโต๊ะไป
“เพ้นท์ตื่นกี่โมง”
“สิบโมงครึ่งค่ะ ตอนที่ทักบอกพี่ไง”
“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ”
“น่าจะตีสองเข้าห้องนอน กว่าจะหลับก็เกือบตีสามค่ะ”
“นอนดึกจัง”
“นอนแปลกที่เพ้นท์ก็เลยเกร็ง ๆ แต่อีกเดี๋ยวก็ชินค่ะ”
“ครับ”
“พี่เซ้นต์หลับดีไหม พี่ออกไปกี่โมงคะ” คำถามนี้ฉันกระซิบเบา ๆ กลัวว่าคนอื่นจะได้ยินว่าเรานอนที่เดียวกัน
“หลับดีมากครับ ได้รู้ว่าเพ้นท์นอนอยู่ห้องข้าง ๆ พี่รู้สึกดีมาก” พี่เซ้นต์ก็เหมือนจะรู้ถึงได้กระซิบกลับ
“อ้อ ค่ะ นี่ข้าวค่ะ กินได้ไหม เพ้นท์ไม่รู้ว่าพี่ชอบกินอะไร” ข้าวราดแกงสามอย่างที่ฉันเป็นคนเลือกมาเอง เขาบอกให้ซื้อข้าวให้แต่เขาไม่บอกว่าจะเอาอะไร เขาให้ฉันเลือกเมนูให้
ฉันก็เลยเลือกรวม ๆ กันมา
“เพ้นท์เลือกอะไรมาให้พี่ก็ชอบทั้งนั้น”
“จะชอบหมดไม่ได้นะคะ พี่เซ้นต์ต้องบอกเพ้นท์ด้วยสิว่าพี่เซ้นต์ชอบอะไร คราวหน้าเพ้นท์จะได้เลือกที่พี่ชอบ”
“ถ้าถามหาสิ่งที่พี่ชอบก็...เพ้นท์ไง”
“เพ้นท์หมายถึงของกินค่ะ”
“พี่กินได้ทุกอย่าง ยิ่งได้กินกับเพ้นท์พี่ยิ่งชอบ”
“เฮ้อ” ทำไมทุกอย่างที่พูดไปเขาถึงหยอดกลับมาได้ตลอดเลยนะ เขาเชี่ยวชาญหรือฉันอ่อนประสบการณ์
“แล้วไม่กินข้าวเหรอ”
“กินมาจากที่ห้องค่ะ” เวฟข้าวที่ซื้อมากินไป กลัวมันเหลือฉันก็เลยต้องกิน เสียดายของ
“ที่จริงพี่ไม่ค่อยอยากให้กินอาหารแช่แข็งเท่าไหร่นะ สุดท้ายแล้วก็ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ”
“ซื้อมาแล้วเลยต้องกินให้หมดค่ะ”
“เป็นสิบกล่องเลยนะ”
“ก็เพ้นท์ไม่รู้ว่าพี่ชอบกินอะไร เลยหยิบเผื่อ ๆ มาค่ะ”
“งั้นอยากให้พี่ไปช่วยกินไหม” สายตากรุ้มกริ่มนี่มันอะไรน่ะ
“เอ่อ…”
“มาแล้วก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ แซบ ๆ” พี่เบย์วางถ้วยก๋วยเตี๋ยวลงที่โต๊ะพร้อมกับพี่โจวางข้าวราดแกง ทั้งสองนั่งลงข้างกัน
“หวัดดีค่ะพี่ ๆ หนูฟินฟินเพื่อนเพ้นท์นะคะ” ตรงจังหวะกับที่ฟินฟินย้ายมานั่งที่โต๊ะเดียวกันกับฉัน เพื่อทำความรู้จักกับหนุ่มคณะวิศวะคนดังอย่างพี่เบย์
“หวัดดีครับน้องฟินฟิน พี่ชื่อเบย์ครับ นี่โจ นี่เซ้นต์”
“ฟินฟินรู้จักค่ะ สามหนุ่มหล่อของวิดวะ”
“หนูหว่าหวาค่ะ เพื่อนเพ้นท์ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ ๆ นะคะ” อีกคนตามมาแล้ว เฮ้อ เรื่องผู้ชายนี่ไม่มีใครยอมใครเลยจริง ๆ
“หวัดครับน้องหว่าหวา ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พี่โจเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มหล่อ ขณะเดียวกันแฟนของฉันยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเป็นการรักษามารยาท
“ขอโทษนะคะ พี่เซ้นต์เป็นแฟนกับเพ้นท์แล้วใช่ไหมคะ” ฟินฟินตัวดีไม่ถามฉันล่ะ ไปถามเขาทำไม
“ใช่ครับ”
“ถึงว่ามีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นเดียวกับเพ้นท์เลยค่ะ”
แค่ก แค่ก พี่เซ้นต์ถึงกับสำลักข้าว ส่วนฉันเริ่มเลิ่กลั่ก
“บังเอิญครับ” เขายิ้มบาง
มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ฉันเป็นคนที่ซักผ้าแล้วใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเยอะมาก เยอะแบบกลิ่นติดชนิดที่ว่าเพื่อนหอมจนฉุนอะไรทำนองนั้น แล้วเมื่อคืนนี้ฉันซักชุดช็อปและกางเกงของพี่เซ้นต์ ด้วยความติดนิสัยใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มหนัก ๆ เสื้อผ้าของพี่เซ้นต์ก็เลยติดกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้วก็ติดกลิ่นน้ำยาอัดกลีบ เนื่องจากเมื่อคืนหลังจากที่พี่เซ้นต์เข้าห้องไปแล้วฉันก็เตรียมเสื้อผ้าของฉันและของพี่เซ้นต์มารีด ระหว่างรีดก็เปิดเบียร์กระป๋องกินไปด้วย
เบียร์กระป๋องฉันซื้อมาแช่เย็นตอนที่ลงไปซื้อของด้านล่างน่ะ กินเพื่อให้หลับง่าย นอนแปลกที่คืนแรกกลัวหลับไม่ดีไง เจอเบียร์ไปสามกระป๋องหลับยาวเลย
“ว่าไปแล้ววันนี้กลิ่นเสื้อผ้ามึงก็แปลกไปจากทุกวันจริง ๆ สรุปยังไงวะ” พี่เบย์หันมาให้ความสนใจเรื่องกลิ่นเสื้อผ้าพี่เซ้นต์
“เพ้นท์ใช้กลิ่นนี้แล้วกูชอบกูก็เลยใช้ตามเพ้นท์” คือคำตอบของพี่เซ้นต์ เขาตอบเพื่อนแล้วหันมายิ้มให้ฉัน “ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณอะไรคะ”
“ขอบคุณที่เป็นแฟนที่น่ารักไง”
“ค่ะ” ฉันจะขอเดาแล้วกันว่าคำขอบคุณนี้หมายถึงเรื่องซักผ้ารีดผ้า
“ก๋วยเตี๋ยวกูปรุงรสเปรี้ยว แต่ทำไมมันเลี่ยนจังวะ” พี่เบย์แซวแหละ แซวแรงด้วยนะ แต่พวกเขาคงไม่คิดหรอกมั้งว่าฉันกับพี่เซ้นต์นอนที่เดียวกัน
“เลิกเรียนกี่โมง” พี่เซ้นต์ละสายตาจากเพื่อนหันมาพูดกับฉัน
“ตามตารางก็ห้าโมงครึ่งค่ะ” วันนี้เลิกค่อนข้างเย็น
“กลับด้วยกันไหม”
“พี่เซ้นต์เลิกบ่ายสองไม่ใช่เหรอ รอเพ้นท์นานเลยนะ” เขาบอกฉันไว้ในไลน์ ส่งตารางเรียนของเขามาให้ฉันตั้งแต่เช้าแล้ว
“วันนี้มีแข่งบอลกับสถาปัต”
“อ้อ”
“เรากลับด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ได้ค่ะ แต่เพ้นท์ขับรถมานะคะ”
“เพ้นท์ขับรถเป็นด้วยเหรอ ปกติพี่ไม่เคยเห็นเพ้นท์ขับ”
“ขับเป็นค่ะ แต่ขี้เกียจขับ ตอนนี้ตื่นสายได้ก็เลยไม่ค่อยขี้เกียจค่ะ”
“งั้นให้พี่ติดรถไปส่งเพ้นท์นะ จากนั้นเดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง”
“ได้ค่ะ เอาไว้เพ้นท์เลิกเรียนเราคุยกันอีกทีนะ”
“ครับ”
หกโมงเย็นที่สนามฟุตบอลพี่เซ้นต์เดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ เขาในชุดฟุตบอลเท่จังเลย ใจฉันเต้นรัวแปลก ๆ แล้วสิไม่เพ้นท์ตอนนี้สายตามึงไม่ได้มองหน้าเขา มึงมองเป้าเขา จังหวะที่เขาวิ่งตรงนั้นมันดิ้นดุ๊กดิ๊กน่ารักจนใจฉันสั่น“รอพี่นานไหม” เสียงของพี่เซ้นต์ทำให้ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงของเขา“ไม่นานค่ะ” ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นน้ำเย็นให้เขา คงไม่ได้จับได้นะว่าฉันจ้องตรงนั้นอะพี่เซ้นต์รับน้ำไปดื่ม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระดกน้ำดื่ม จังหวะที่เขากลืนน้ำลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ท่าดื่มน้ำจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้ไหม แล้วนี่อะไร ทำไมต้องเทน้ำที่เหลือใส่หน้า ทำไมต้องทำให้มันเปื้อนเสื้อด้วยล่ะไม่ แล้วทำไมฉันต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเซ็กซี่สักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ไม่ทราบ“ตอนนี้ห้องน้ำใกล้ ๆ นี้น่าจะเต็มไปด้วยคน รออีกแป๊บได้ไหม รอพี่เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“กลับชุดนี้เลยก็ได้นะคะ เพ้นท์ไม่ถือ” ผู้ชายที่อยู่ในชุดกีฬานี่เท่จริง ๆ ข้างบนก็ดูแกร่ง ข้างล่างก็...“เหงื่อพี่เยอะ เดี๋ยวเพ้นท์...”“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เซ้นต์กังวลก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำที่ห้องเพ้นท์ก่อนก็ได้นะคะ นี่เย็
สรุปแล้วทริปวันหยุดยาวฉันตัดสินใจไปกับเพื่อนเพราะหว่าหวารบเร้าหนักมาก เนื่องจากช่วงนี้นางกำลังคุยกับพี่โจ หว่าหวาอยากไปเที่ยวกับพี่โจ แต่ก็ไม่กล้าชวนตรง ๆ จึงใช้ฉันเป็นข้ออ้าง ฉันไปพี่เซ้นต์ก็ไป เมื่อพี่เซ้นต์ไปพี่โจที่รักเพื่อนและว่างไม่ได้เดินทางกลับบ้านก็ไปด้วย ทุกอย่างเข้าแผนที่หว่าหวาวางไว้เพื่อนฉันนี่มันฉลาดจริง ๆฉันเสนอตัวขับรถมารับพี่เซ้นต์ที่บ้านของเขา หว่าหวาหาเรื่องเดินทางกับพี่โจสองคน เพื่อนที่เหลือเจอกันจุดนัดหมาย นั่นก็คือบ้านพักเขาใหญ่ที่พ่อแม่หว่าหวาเป็นเจ้าของ“เพ้นท์อยู่หน้าบ้านพี่แล้วค่ะ”(ครับ เดี๋ยวพี่ออกไป)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ก็เดินออกมาตัวเปล่า กระเป๋าเสื้อผ้าเขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่พกมาด้วย ปกติเห็นชอบพกตลอด ไปเรียนก็พกเสื้อผ้าติดตัวไปเปลี่ยน หลายวันมานี้เสื้อผ้าเขาอยู่ที่ห้องฉันหลายตัวแล้ว คือหลังเลิกเรียนเขาชอบเตะบอลกับเพื่อนน่ะ ก่อนกลับบ้านก็จะแวะมาอาบน้ำที่ห้องแล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นเขาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านของเขา“เสื้อผ้าไม่เอาไปเหรอ”“เข้าบ้านกับพี่ได้ไหมครับ”“ทำไมคะ”“ป้าของพี่อยากเจอเพ้นท์ เข้าไปทำความรู้จักได้ไหมครับ”“ตอนนี้เลยเหรอคะ”“ครับ
“ไหนมันว่าจะไม่มา” เมื่อมาถึงฉันก็เกิดอาการหงุดหงิดเพราะสองคนที่บอกว่าจะไม่มา โผล่มาก่อนฉันซะอีก แล้วก็เป็นเหตุให้ห้องพักที่จองไว้ไม่พอ ซึ่งฉันจะไม่นอนร่วมห้องกับแตงกวาแน่นอน ฉันไม่อยากเสแสร้ง ขี้เกียจจะพูดเหน็บด้วย ฉันไม่ได้เก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น“มันบอกว่าเพื่อนมาทั้งทีจะไม่มาได้ยังไง”“แล้วมาไม่บอก มันจะพักห้องไหน”“แตงกวามันบอกว่าเดินทางเหนื่อย ปวดหัว ไอ้ออยล์ก็เลยเข้าพักห้องที่มึงจะพัก”“อืม”“ไอ้ออยล์มันก็เลยบอกว่าให้มึงพักกับแตงกวาแล้วเดี๋ยวมันพักกับพี่เซ้นต์”“มีสิทธิ์อะไร” มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจเรื่องของฉัน มันอยากให้ฉันตีกับเมียมันหรือไง“ถ้าหากเพ้นท์ไม่โอเคพี่พักกับไอ้โจได้นะ”“ไม่ได้นะคะ” หว่าหวาพูดเสียงดัง ก็ใช่สิ หว่าหวากับพี่โจจะนอนห้องเดียวกัน สองคนนี้เป็นคนคุยที่ใกล้ชิดกันมากกว่าฉันที่เป็นแฟนกับพี่เซ้นต์ซะอีก ไอ้หวามันวางแผนมาซะดิบดีมีเหรอที่มันจะนอนแยกห้องกับพี่โจ ฝันเถอะ“แตงกวามันไม่สบายก็ให้ออยล์ไปนอนด้วยเถอะ กูมาเที่ยวไม่ได้มาดูแลคนป่วย ไม่ใช่หน้าที่กูที่ต้องดูแลแฟนคนอื่นด้วย”“ได้ งั้นมึงนอนไหน” สีหน้าหว่าหวาชัดเจนว่ากลัวฉันจะบอกว่านอนด้วย กลัวฉันจะเอาคืนเร่าร้อ
“มึง”“หืม”“เราเลิกกันนะ” จู่ ๆ คนที่รักเขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉันและพูดประโยคน่าตกใจ เมื่อก่อนทะเลาะกันแค่ไหนเราก็จะไม่พูดคำนี้ออกมา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินจากปากเขา“หมายความว่ายังไง ทำไมจะเลิก” ฉันงงมากอะคือฉันจะไม่งงได้ยังไง เราเพิ่งเอากันเสร็จเมื่อกี้ ให้พูดหยาบ ๆ น้ำยังไม่ทันแห้งก็โดนบอกเลิกงั้นเหรอ“สงสารกวาว่ะ ไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว อยากจริงจังกับกวา กูตั้งใจไว้ว่าจะรักกวามีแค่กวา กูคบกับกวามาสักพักแล้ว ถึงเวลาที่ความสัมพันธ์ต้องเลื่อนขั้น” ผู้ชายที่ฉันรักกำลังพูดถึงผู้หญิงอีกคนที่เขารักความสัมพันธ์ของเราโคตรท็อกซิกเลยเนอะฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “แล้วที่ผ่านมาไม่สงสารกูบ้างเหรอ กูยอมมึงทุกอย่างทำไมถึงเป็นแบบนี้ กูผิดอะไรออยล์ ไหนว่าคบกับมันเฉย ๆ”“ตอนนี้กูรักกวา กูไม่ได้รักมึงเพ้นท์ คือตั้งแต่แรกระหว่างเรามันก็ไม่ใช่รักแล้วไหมวะ มันก็แค่เซ็กซ์ไงมึง เราตกลงมีเซ็กซ์กัน สนุกด้วยกัน มึงฟินกูฟิน น้ำแตกด้วยกันทั้งคู่ก็แค่นั้น”“มันไม่ได้แค่นั้นไงออยล์ กูรักมึง กูรักมึงอะออยล์ กูรักมึงไปแล้ว ไม่ไปได้ไหมไม่เลิกได้ไหม กูยอมอยู่เงียบ ๆ แล้วไง ไม่เลิกนะ อย่าเลิกกับกูเ
ในวันนั้นฉันไม่น่าล้ำเส้นนั้นเลย ไม่น่าเลยจริง ๆ ไม่น่าให้ความร่วมมือ‘มึง’‘ว่า’ ฉันหันไปมองขณะที่พยายามยู่ปากติดกับจมูกเพื่อดันปากกาค้างไว้‘มึงว่าเซ็กซ์เป็นยังไงวะ’‘ไม่รู้ดิ ลองค้นอากู๋ดูดิ กูว่ามี ต้องมีแน่ ๆ’‘กูค้นแล้ว’‘ละเป็นไง’‘ก็ให้ความรู้สึกแปลก ๆ’‘แปลกยังไงวะ’‘อธิบายไม่ถูก’‘เอ้า ไอ้บ้านี่’‘ลองไหม’‘ลองอะไรของมึงไอ้ออยล์’‘ก็...’‘อะไร’‘มีอะไรกันไงมึง’‘ไอ้เหี้ย...’‘หรือมึงไม่อยากรู้ว่ารู้สึกยังไง’‘มันจะดีเหรอมึง’‘เพ้นท์ เราม.6 แล้วมึง นะ นะ ลองทำกัน กูขอจูบหน่อยดิ’‘...’‘มึง มึงเป็นจูบแรกของกูเลยนะจะไม่จูบจริงดิ’‘มันจะดีแน่ใช่ไหมมึง’‘ดีดิ กูเห็นคนทำกันตั้งเยอะ อะ อะถ้าทำแล้วมึงรู้สึกไม่ดีกูหยุดกลางทางเลย’‘มึงแน่ใจนะว่ามึงจะหยุดได้ เท่าที่กูได้ยินมามันไม่มีใครหยุดกลางทางได้นะออยล์’‘กูไง กูหยุดได้เพ้นท์ กูสัญญา นะ เราลองกันนะ’‘ก็ ก็ได้’คำว่า ‘ก็ได้’ วันนั้นพาเราทั้งคู่เดินทางมาถึงสองปีกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก จะเพื่อนก็ไม่เพื่อน จะแฟนยิ่งไม่ใช่ ต่อให้เขาคบคนอื่นแต่ความสัมพันธ์ของเรายังดำเนินต่อไป ที่ฉันยอมก็เพราะรักเขา ฉันคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อ
“ทำไมตาบวม” แตงกวาเพื่อนในกลุ่มถามใช่ค่ะ แตงกวาคนนั้นแหละเราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันและเราใช้ผู้ชายคนเดียวกัน แค่สถานะของเราต่างกัน แตงกวาเป็นแฟนออยล์ แฟนที่ออยล์ถนอม แฟนที่ออยล์ให้ความชัดเจน ขณะที่ฉันเป็นแค่เพื่อนนอน เป็นแค่คนในมุมมืด ใจฉันรู้ดีว่าฉันควรเลิกโง่ได้ตั้งนานแล้ว ทนแบบนี้ไปเพื่ออะไรทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างใจคิด เพราะที่ผ่านมาฉันหมกมุ่นกับออยล์มากเกินไป มากซะจนฉันลืมไปว่าไม่ควรฝากความรู้สึกไว้กับใครมากขนาดนี้“อ่านนิยาย” เพื่อนรู้ดีว่าการอ่านนิยายเป็นสิ่งที่ฉันชอบทำเวลาว่าง อ่านแล้วก็อินคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอยู่เรื่อย ในนิยายพระเอกเถื่อนมันกร้าวใจ แต่ชีวิตจริงขอไม่เจออะไรแบบนั้นนะแค่ที่เจออยู่ชีวิตรักก็รันทดจนไม่รู้จะรันทดยังไงแล้ว ก็รู้นะว่าโทษใครไม่ได้เพราะว่าฉันทำตัวเองล้วน ๆ“คนเก่งนี่ดีจริง ๆ จะสอบอยู่แล้วก็ยังมีเวลาอ่านนิยาย ไม่เหมือนเรา อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว” แตงกวาเอ่ยหึ การทำตัวโง่นี่ได้ใจผู้ชายสินะ“กวามีข้อไหนไม่มั่นใจก็ให้เพ้นท์มันติวให้สิ” ออยล์พูดพลางจับแก้มแตงกวาเล่นคนที่ไม่รักมักจะไม่ถนอมน้ำใจกัน ทั้งที่พูดกับฉันขนาดนั้น ไม่คิดว่าฉันจะเสียใจบ้า
“ยังไงไหนเล่า ทำไมมึงถึงได้ไปกับพี่เซ้นต์” เข้ามานั่งในห้องเรียนก้นยังไม่ถึงเก้าอี้ฟินฟินก็ถามพร้อมสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“ก็ไม่ยังไง เบื่อ ๆ เลยหาคนคุย”“มึงเนี่ยนะหาคนคุย อะไรเข้าสิงมึง” ทรีถาม“กูมันยังไง ทำไมจะมีคนคุยไม่ได้” ฉันหันไปมองหนุ่มหล่อสายเกา เขาเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ไทย ทรีกับทูกับฝาแฝดกัน สองคนนี้หน้าเหมือนกันมาก สิ่งที่ทำให้แยกสองคนนี้ออกคือความสูงที่ห่างกัน 10 เซนติเมตร“ก็ไม่เห็นมึงจะสนใจใคร ขนาดว่ากูหล่อขนาดนี้ ตามจีบมึงมาตั้งหลายเดือนไม่เห็นมึงสนกู” ทรีทำหน้าน้อยใจ จริงอย่างที่ทรีพูด เขาตามจีบฉัน แต่ว่าฉันไม่สนใจเขา“คนที่เปลี่ยนสาวจนกระเจี๊ยวป่วยแบบมึงกูจะกล้าให้ใจได้ไง” ทรีน่ะเจ้าชู้ สาวเยอะ ไม่คบใครจริงจัง“ก็ถ้ามึงยอมรับรักกูกูก็พร้อมจะมีแค่มึง”“คำพูดคนเจ้าชู้เชื่อไม่ได้”“ลองเชื่อกูสักครั้งกูจะไม่ทำให้มึงเสียใจ” ทรีพูดด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุด รอยยิ้มของคนเจ้าชู้แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝาแฝดคู่นี้หล่อจริง ๆ“ไม่ขอลองเสี่ยงดีกว่า เป็นเพื่อนกันแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากเสียเพื่อน” เพราะว่าฉันสูญเสียออยล์ไปแล้ว ฉันกับออยล์กลับไปเป็นเพื่อนที่แปลว่าเพื่อนแบบนั้นไม่ได้อีกแล้
(เป็นอะไรมากไหม หาหมอหรือยัง ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยหรือเปล่า)“เพ้นท์กินยาแล้วค่ะ อีกหน่อยจะนอนพัก”(พี่ผิดเอง เมื่อคืนไม่น่าพาเที่ยวจนดึก ขอโทษนะ)“ไม่ใช่ความผิดของพี่เซ้นต์ค่ะ เพ้นท์ไม่สบายนิดเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ”(เพ้นท์ยังไม่ตอบพี่เลยว่าที่บ้านมีคนอยู่ด้วยไหม ไม่ได้อยู่คนเดียวใช่ไหม)“มีค่ะ วันนี้แม่ของเพ้นท์อยู่บ้าน”(โอเค พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง)“ค่ะ พี่เซ้นต์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นอนพักไม่นานเพ้นท์ก็หายแล้วค่ะ”(ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่จะส่งไปให้)“ขอบคุณนะคะ พี่เซ้นต์ดีกับเพ้นท์มากเลย”(พี่ชอบเพ้นท์ไง)“...”(พักผ่อนนะ ตื่นแล้วทักหาพี่หน่อยนะ)“โอเคค่ะ เพ้นท์วางนะ”(ครับ)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ฉันก็นอนมองเพดานห้อง วันนี้ฉันไม่ได้ไปเรียน สภาพของฉันไม่เหมาะที่จะออกไปเจอคนอื่น ฉันไม่ควรเอาตัวเองออกไปประจานเมื่อคืนนี้ทุกอย่างจบลงที่เรื่องอย่างว่า เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่เต็มใจที่จะมีอะไรกับออยล์ และเป็นครั้งแรกที่ออยล์รุนแรงใส่ฉันและฉันรู้สึกรังเกียจเขาที่ทำเหมือนฉันเป็นของเล่น คิดจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ทำเหมือนฉันไร้ความรู้สึก“เมื่อคืนกูขอโทษ” คนทำก็ไม่ได้หายไปไหน นอนอยู่ข้างฉันนี่แหละ
“ไหนมันว่าจะไม่มา” เมื่อมาถึงฉันก็เกิดอาการหงุดหงิดเพราะสองคนที่บอกว่าจะไม่มา โผล่มาก่อนฉันซะอีก แล้วก็เป็นเหตุให้ห้องพักที่จองไว้ไม่พอ ซึ่งฉันจะไม่นอนร่วมห้องกับแตงกวาแน่นอน ฉันไม่อยากเสแสร้ง ขี้เกียจจะพูดเหน็บด้วย ฉันไม่ได้เก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น“มันบอกว่าเพื่อนมาทั้งทีจะไม่มาได้ยังไง”“แล้วมาไม่บอก มันจะพักห้องไหน”“แตงกวามันบอกว่าเดินทางเหนื่อย ปวดหัว ไอ้ออยล์ก็เลยเข้าพักห้องที่มึงจะพัก”“อืม”“ไอ้ออยล์มันก็เลยบอกว่าให้มึงพักกับแตงกวาแล้วเดี๋ยวมันพักกับพี่เซ้นต์”“มีสิทธิ์อะไร” มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจเรื่องของฉัน มันอยากให้ฉันตีกับเมียมันหรือไง“ถ้าหากเพ้นท์ไม่โอเคพี่พักกับไอ้โจได้นะ”“ไม่ได้นะคะ” หว่าหวาพูดเสียงดัง ก็ใช่สิ หว่าหวากับพี่โจจะนอนห้องเดียวกัน สองคนนี้เป็นคนคุยที่ใกล้ชิดกันมากกว่าฉันที่เป็นแฟนกับพี่เซ้นต์ซะอีก ไอ้หวามันวางแผนมาซะดิบดีมีเหรอที่มันจะนอนแยกห้องกับพี่โจ ฝันเถอะ“แตงกวามันไม่สบายก็ให้ออยล์ไปนอนด้วยเถอะ กูมาเที่ยวไม่ได้มาดูแลคนป่วย ไม่ใช่หน้าที่กูที่ต้องดูแลแฟนคนอื่นด้วย”“ได้ งั้นมึงนอนไหน” สีหน้าหว่าหวาชัดเจนว่ากลัวฉันจะบอกว่านอนด้วย กลัวฉันจะเอาคืนเร่าร้อ
สรุปแล้วทริปวันหยุดยาวฉันตัดสินใจไปกับเพื่อนเพราะหว่าหวารบเร้าหนักมาก เนื่องจากช่วงนี้นางกำลังคุยกับพี่โจ หว่าหวาอยากไปเที่ยวกับพี่โจ แต่ก็ไม่กล้าชวนตรง ๆ จึงใช้ฉันเป็นข้ออ้าง ฉันไปพี่เซ้นต์ก็ไป เมื่อพี่เซ้นต์ไปพี่โจที่รักเพื่อนและว่างไม่ได้เดินทางกลับบ้านก็ไปด้วย ทุกอย่างเข้าแผนที่หว่าหวาวางไว้เพื่อนฉันนี่มันฉลาดจริง ๆฉันเสนอตัวขับรถมารับพี่เซ้นต์ที่บ้านของเขา หว่าหวาหาเรื่องเดินทางกับพี่โจสองคน เพื่อนที่เหลือเจอกันจุดนัดหมาย นั่นก็คือบ้านพักเขาใหญ่ที่พ่อแม่หว่าหวาเป็นเจ้าของ“เพ้นท์อยู่หน้าบ้านพี่แล้วค่ะ”(ครับ เดี๋ยวพี่ออกไป)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ก็เดินออกมาตัวเปล่า กระเป๋าเสื้อผ้าเขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่พกมาด้วย ปกติเห็นชอบพกตลอด ไปเรียนก็พกเสื้อผ้าติดตัวไปเปลี่ยน หลายวันมานี้เสื้อผ้าเขาอยู่ที่ห้องฉันหลายตัวแล้ว คือหลังเลิกเรียนเขาชอบเตะบอลกับเพื่อนน่ะ ก่อนกลับบ้านก็จะแวะมาอาบน้ำที่ห้องแล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นเขาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านของเขา“เสื้อผ้าไม่เอาไปเหรอ”“เข้าบ้านกับพี่ได้ไหมครับ”“ทำไมคะ”“ป้าของพี่อยากเจอเพ้นท์ เข้าไปทำความรู้จักได้ไหมครับ”“ตอนนี้เลยเหรอคะ”“ครับ
หกโมงเย็นที่สนามฟุตบอลพี่เซ้นต์เดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ เขาในชุดฟุตบอลเท่จังเลย ใจฉันเต้นรัวแปลก ๆ แล้วสิไม่เพ้นท์ตอนนี้สายตามึงไม่ได้มองหน้าเขา มึงมองเป้าเขา จังหวะที่เขาวิ่งตรงนั้นมันดิ้นดุ๊กดิ๊กน่ารักจนใจฉันสั่น“รอพี่นานไหม” เสียงของพี่เซ้นต์ทำให้ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงของเขา“ไม่นานค่ะ” ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นน้ำเย็นให้เขา คงไม่ได้จับได้นะว่าฉันจ้องตรงนั้นอะพี่เซ้นต์รับน้ำไปดื่ม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระดกน้ำดื่ม จังหวะที่เขากลืนน้ำลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ท่าดื่มน้ำจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้ไหม แล้วนี่อะไร ทำไมต้องเทน้ำที่เหลือใส่หน้า ทำไมต้องทำให้มันเปื้อนเสื้อด้วยล่ะไม่ แล้วทำไมฉันต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเซ็กซี่สักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ไม่ทราบ“ตอนนี้ห้องน้ำใกล้ ๆ นี้น่าจะเต็มไปด้วยคน รออีกแป๊บได้ไหม รอพี่เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“กลับชุดนี้เลยก็ได้นะคะ เพ้นท์ไม่ถือ” ผู้ชายที่อยู่ในชุดกีฬานี่เท่จริง ๆ ข้างบนก็ดูแกร่ง ข้างล่างก็...“เหงื่อพี่เยอะ เดี๋ยวเพ้นท์...”“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เซ้นต์กังวลก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำที่ห้องเพ้นท์ก่อนก็ได้นะคะ นี่เย็
เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ”ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียวแต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน“เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ”“จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม“ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ”“งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม”“ค่ะ”เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้“น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟาช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื
“พี่โจวิศวะ มาหามึงทำไมวะ” ฟินฟินถามเมื่อฉันกลับเข้าห้องเรียนก่อนอาจารย์เข้าสอน“เขาชื่อโจเหรอ” ฉันถามด้วยความไม่รู้ เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของพี่เซ้นต์ก็ตอนที่พี่เซ้นต์แนะนำให้รู้จัก แนะนำตอนเขาเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วก็ขับรถมาส่งฉันที่หน้าตึกเมื่อกี้นี้เอง แล้วก็ไม่ได้มีแค่พี่โจ มีพี่อีกคนด้วยที่เข้ามานั่งข้างคนขับ เขาชื่อว่าเบย์“มึงไม่รู้จักเขาแล้วไปกับเขาทำไมอีเพ้นท์” ฟินฟินทำหน้าโมโห“ก็เขาบอกมีเรื่องคุยด้วย”“แบบนี้ถ้าใครขอคุยด้วยมึงไม่ไปกับเขาหมดเหรอ”“ก็ไปนะ มีมารยาท”“อี อีเพ้นท์บ้า ทีหลังอย่าไปกับคนแปลกหน้า ดีนะที่วันนี้คนที่มาคือเพื่อนพี่เซ้นต์ ถ้าเป็นคนอื่นจะทำไง มึงไม่กลัวมีปัญหากับพี่เซ้นต์เหรอ หรือว่ามึงเลิกคุยกับพี่เซ้นต์แล้ว”“เปล่า ก็คุยอยู่ เขาเป็นคนให้เพื่อนเขามาตามน่ะ”“อ้อ งั้นกูถามหน่อย”“ถามอะไร”“มึงได้บอกเขาไหมว่ามึงชอบลืมโทรศัพท์แล้วบางทีอารมณ์ผีบ้าเข้าสิงมึงก็ชอบกดปิดเสียง ปิดแจ้งเตือน”“บอกนะ บอกไปนิดหน่อย”“ตอนนี้มึงกับเขาเป็นอะไรกัน คนคุยไหมหรือยังไง” หว่าหวาที่ฟังอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“เขาเพิ่งขอกูเป็นแฟนเมื่อกี้เอง”“ว้าว มึ
“เราจะไปคุยกันที่ไหนคะ” เดินออกมาไกลจากโรงอาหารของคณะบริหารแล้วนะ นี่ต้องไปไกลแค่ไหนกันแต่ทำไมฉันต้องเดินตามเขาล่ะ ฉันไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อย“รู้จักพี่ไหม” หนุ่มคณะวิศวะหยุดเดิน หันมาพูดกับฉัน“เหมือนจะเคยเห็นนะคะ แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน”“แล้วรู้จักไอ้เซ้นต์ไหม”“อ้อ รู้จักค่ะ”“เป็นอะไรกับมัน”“...”“ว่าไง”“ก็คุย ๆ กันอยู่ค่ะ”“คนคุย?”“ทำไมคะ”“ถ้าเป็นคนคุยงั้นก็คุยกับมันหน่อยสิ”“หืม?”“มันนั่งรออยู่ในรถ” หนุ่มวิศวะชี้ไปที่รถเก๋งสีดำเงาที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถ “ไปดิ”“ค่ะ” เพราะท่าทางน่ากลัวของคนพูด ทำให้ฉันต้องเดินมาที่ลานจอดรถ เดินใกล้เข้ามาถึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดอยู่ ฉันเคาะที่กระจกฝั่งคนขับไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ไหม เพราะว่ามันมืด มองไม่เห็นด้านในของรถประตูจากเบาะหลังเปิดออก ฉันชะโงกหน้ามองจึงเห็นว่าพี่เซ้นต์นั่งอยู่เบาะหลัง สีหน้าที่เรียบนิ่งผลักให้ฉันเดินเข้ามานั่งในรถข้างเขา“ผู้ชายคนนั้นเพื่อนพี่เซ้นต์เหรอคะ” ฉันถามพลางมองไปที่หนุ่มวิศวะคนนั้นซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้ใกล้มากพี่เซ้นต์เอื้อมมือปิดประตูโดยการขยับตัวมาใกล้ฉันมาก ๆ ฉันก็เลยพยายามลีบตัวใ
(เป็นอะไรมากไหม หาหมอหรือยัง ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยหรือเปล่า)“เพ้นท์กินยาแล้วค่ะ อีกหน่อยจะนอนพัก”(พี่ผิดเอง เมื่อคืนไม่น่าพาเที่ยวจนดึก ขอโทษนะ)“ไม่ใช่ความผิดของพี่เซ้นต์ค่ะ เพ้นท์ไม่สบายนิดเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ”(เพ้นท์ยังไม่ตอบพี่เลยว่าที่บ้านมีคนอยู่ด้วยไหม ไม่ได้อยู่คนเดียวใช่ไหม)“มีค่ะ วันนี้แม่ของเพ้นท์อยู่บ้าน”(โอเค พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง)“ค่ะ พี่เซ้นต์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นอนพักไม่นานเพ้นท์ก็หายแล้วค่ะ”(ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่จะส่งไปให้)“ขอบคุณนะคะ พี่เซ้นต์ดีกับเพ้นท์มากเลย”(พี่ชอบเพ้นท์ไง)“...”(พักผ่อนนะ ตื่นแล้วทักหาพี่หน่อยนะ)“โอเคค่ะ เพ้นท์วางนะ”(ครับ)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ฉันก็นอนมองเพดานห้อง วันนี้ฉันไม่ได้ไปเรียน สภาพของฉันไม่เหมาะที่จะออกไปเจอคนอื่น ฉันไม่ควรเอาตัวเองออกไปประจานเมื่อคืนนี้ทุกอย่างจบลงที่เรื่องอย่างว่า เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่เต็มใจที่จะมีอะไรกับออยล์ และเป็นครั้งแรกที่ออยล์รุนแรงใส่ฉันและฉันรู้สึกรังเกียจเขาที่ทำเหมือนฉันเป็นของเล่น คิดจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ทำเหมือนฉันไร้ความรู้สึก“เมื่อคืนกูขอโทษ” คนทำก็ไม่ได้หายไปไหน นอนอยู่ข้างฉันนี่แหละ
“ยังไงไหนเล่า ทำไมมึงถึงได้ไปกับพี่เซ้นต์” เข้ามานั่งในห้องเรียนก้นยังไม่ถึงเก้าอี้ฟินฟินก็ถามพร้อมสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“ก็ไม่ยังไง เบื่อ ๆ เลยหาคนคุย”“มึงเนี่ยนะหาคนคุย อะไรเข้าสิงมึง” ทรีถาม“กูมันยังไง ทำไมจะมีคนคุยไม่ได้” ฉันหันไปมองหนุ่มหล่อสายเกา เขาเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ไทย ทรีกับทูกับฝาแฝดกัน สองคนนี้หน้าเหมือนกันมาก สิ่งที่ทำให้แยกสองคนนี้ออกคือความสูงที่ห่างกัน 10 เซนติเมตร“ก็ไม่เห็นมึงจะสนใจใคร ขนาดว่ากูหล่อขนาดนี้ ตามจีบมึงมาตั้งหลายเดือนไม่เห็นมึงสนกู” ทรีทำหน้าน้อยใจ จริงอย่างที่ทรีพูด เขาตามจีบฉัน แต่ว่าฉันไม่สนใจเขา“คนที่เปลี่ยนสาวจนกระเจี๊ยวป่วยแบบมึงกูจะกล้าให้ใจได้ไง” ทรีน่ะเจ้าชู้ สาวเยอะ ไม่คบใครจริงจัง“ก็ถ้ามึงยอมรับรักกูกูก็พร้อมจะมีแค่มึง”“คำพูดคนเจ้าชู้เชื่อไม่ได้”“ลองเชื่อกูสักครั้งกูจะไม่ทำให้มึงเสียใจ” ทรีพูดด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุด รอยยิ้มของคนเจ้าชู้แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝาแฝดคู่นี้หล่อจริง ๆ“ไม่ขอลองเสี่ยงดีกว่า เป็นเพื่อนกันแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากเสียเพื่อน” เพราะว่าฉันสูญเสียออยล์ไปแล้ว ฉันกับออยล์กลับไปเป็นเพื่อนที่แปลว่าเพื่อนแบบนั้นไม่ได้อีกแล้
“ทำไมตาบวม” แตงกวาเพื่อนในกลุ่มถามใช่ค่ะ แตงกวาคนนั้นแหละเราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันและเราใช้ผู้ชายคนเดียวกัน แค่สถานะของเราต่างกัน แตงกวาเป็นแฟนออยล์ แฟนที่ออยล์ถนอม แฟนที่ออยล์ให้ความชัดเจน ขณะที่ฉันเป็นแค่เพื่อนนอน เป็นแค่คนในมุมมืด ใจฉันรู้ดีว่าฉันควรเลิกโง่ได้ตั้งนานแล้ว ทนแบบนี้ไปเพื่ออะไรทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างใจคิด เพราะที่ผ่านมาฉันหมกมุ่นกับออยล์มากเกินไป มากซะจนฉันลืมไปว่าไม่ควรฝากความรู้สึกไว้กับใครมากขนาดนี้“อ่านนิยาย” เพื่อนรู้ดีว่าการอ่านนิยายเป็นสิ่งที่ฉันชอบทำเวลาว่าง อ่านแล้วก็อินคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอยู่เรื่อย ในนิยายพระเอกเถื่อนมันกร้าวใจ แต่ชีวิตจริงขอไม่เจออะไรแบบนั้นนะแค่ที่เจออยู่ชีวิตรักก็รันทดจนไม่รู้จะรันทดยังไงแล้ว ก็รู้นะว่าโทษใครไม่ได้เพราะว่าฉันทำตัวเองล้วน ๆ“คนเก่งนี่ดีจริง ๆ จะสอบอยู่แล้วก็ยังมีเวลาอ่านนิยาย ไม่เหมือนเรา อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว” แตงกวาเอ่ยหึ การทำตัวโง่นี่ได้ใจผู้ชายสินะ“กวามีข้อไหนไม่มั่นใจก็ให้เพ้นท์มันติวให้สิ” ออยล์พูดพลางจับแก้มแตงกวาเล่นคนที่ไม่รักมักจะไม่ถนอมน้ำใจกัน ทั้งที่พูดกับฉันขนาดนั้น ไม่คิดว่าฉันจะเสียใจบ้า