เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ”
ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียว
แต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน
“เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ”
“จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม
“ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ”
“งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม”
“ค่ะ”
เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้
“น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟา
ช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื่อโชกตัว ส่วนเสื้อผ้าเขาพกติดกระเป๋ามาด้วย เขาบอกชอบพกบางครั้งต้องเปลี่ยนงี้ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เรียนวิศวะก็คงเลอะง่ายมั้งนะ
ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
“ดึกขนาดนี้ลงไปคนเดียวได้ไง อันตราย” พี่เซ้นต์ทำหน้าไม่พอใจหลังจากที่กวาดตามองข้าวของบนโต๊ะ ของที่ฉันเพิ่งซื้อมา
“คนยังพลุกพล่านอยู่เลยค่ะ” ปกติเที่ยงคืนยังปั่นจักรยานกลับจากร้านเหล้าอยู่ อันนี้ลงไปใกล้แค่นี้ปลอดภัยหายห่วง
“เดี๋ยวต่อไปพี่ซื้อของมาตุนไว้ให้ ชอบอันไหนลิสต์มาให้พี่ จะได้ไม่ต้องลงไปเวลาแบบนี้”
“…”
“เข้าใจไหมครับ”
“เข้าใจค่ะ”
“พี่พูดเพราะห่วงนะ พี่เป็นห่วงเพ้นท์มากจริง ๆ ความจริงก็น่าจะรอพี่ออกมาจากห้องน้ำแล้วเราค่อยไปด้วยกันก็ได้ ไปก็ไม่บอกพี่”
“ก็น้ำที่ซื้อติดมือมามันหมดแล้ว เพ้นท์เห็นพี่เซ้นต์เหนื่อยก็เลยอยากให้ดื่มน้ำเย็น ๆ จะได้ชื่นใจนี่คะ”
“ขอบคุณนะ”
“เพ้นท์สิที่ต้องขอบคุณพี่เซ้นต์ที่มาช่วยเพ้นท์ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้พี่ช่วยน่าจะหลายวันกว่าจะเสร็จ”
“แล้วไม่ได้ให้เพื่อนมาช่วยเหรอ”
“ไม่อยากรบกวนเพื่อนค่ะ เพื่อนเพ้นท์ไม่เคยมาที่นี่ คนที่เคยมามีแค่แม่กับเพ้นท์และวันนี้เพิ่มพี่เซ้นต์มาอีกคนค่ะ”
“พูดแบบนี้พี่ดีใจแล้วนะ”
“ดีใจอะไรคะ ดีใจที่เหนื่อยเหรอ”
“ครับ” เขายิ้มอีกแล้ว ใบหน้าที่ยามปกติเรียบนิ่งน่าเกรงขาม เวลายิ้มกลับละมุนหัวใจมาก
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเรากินข้าวด้วยกันเรียบร้อย เป็นเมนูอาหารในร้านสะดวกซื้อ ฉันไม่รู้ว่าพี่เซ้นต์ชอบอะไร ก็เลยหยิบมาหลายอย่าง คิดง่าย ๆ แค่ว่าน่าจะมีสักอย่างที่ถูกใจเขา
พี่เซ้นต์เลือกผัดซีอิ๊วหมู ฉันจึงเอาเข้าไมโครเวฟ
ไม่รู้ว่าเขาชอบหรือเขาแค่เลือกมากินให้เหมือนฉัน
“ดึกแล้วพี่กลับก่อนนะ”
“พรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้าใช่ไหมคะ” ระหว่างที่เก็บทำความสะอาดข้าวของเขาบอกฉันน่ะ
“ใช่ครับ”
“นี่เที่ยงคืนแล้ว กว่าจะกลับถึงบ้านพี่น่าจะเกือบตี 2 เลยไหมคะ แล้วก็ต้องตื่นเช้าเพื่อเดินทางแต่เช้าอีก”
“ก็ประมาณนั้น”
“พี่ค้างที่นี่ไหมคะ ชุดพี่เพ้นท์ปั่นแห้งตากไว้แล้ว”
“ให้พี่ค้างด้วยจริงเหรอ”
“…”
“พี่…”
“อีกห้องที่พี่เซ้นต์เก็บทำความสะอาดไว้ พี่นอนห้องนั้นได้เลยนะคะ หรือว่าพี่จะกลับคะ”
“กลับไม่ไหว พี่ง่วงแล้วครับ ไปนอนก่อนนะ” ว่าแล้วพี่เซ้นต์ก็ลุกขึ้นเร็วไว
“โอเคค่ะ ฝันดีนะคะ” เขารีบร้อนคล้ายกลัวฉันจะเปลี่ยนใจ
ฉันเองก็ไม่ได้ใจจืดใจดำขนาดนั้นไหม เขาช่วยทำความสะอาดห้องจนดึกดื่น จะไล่เขากลับทั้งที่เช้าเขาก็ต้องเร่งรีบมาเรียน
ก็แค่ค้างคืน ทั้งยังคนละห้องนอน อีกอย่างเราก็เป็นแฟนกันแล้ว ไม่เสียหายหรอกมั้ง
มหาวิทยาลัย
เที่ยงฉันมานั่งที่โรงอาหารของคณะตามที่เพื่อนนัดเจอกันเพราะวันนี้เรามีเรียนบ่าย เพื่อนฉันอยากกินข้าวด้วยกันก่อนเข้าเรียนจึงนัดเจอกันที่นี่ พี่เซ้นต์ที่พักเที่ยงเวลานี้จึงให้ฉันสั่งข้าวไว้ให้เพราะเขาจะมากินข้าวที่นี่
เมื่อเช้าเขาออกไปตอนเช้าเลยมั้ง ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะว่าไม่ได้ตื่นมาเจอเขา ฉันหลับน่ะ เมื่อคืนกว่าฉันจะเข้านอนก็เกือบตี 2
“พี่เซ้นต์” เห็นว่าเขากำลังมองหาฉันก็เลยเรียกให้เขาเห็นว่าฉันนั่งอยู่ตรงนี้ ฉันแยกออกมานั่งโต๊ะอีกตัวเพราะพี่เซ้นต์บอกว่าเพื่อนเขาจะมาด้วย ซึ่งโต๊ะที่เพื่อนฉันนั่งมันไม่พอและถ้าเขานั่งร่วมวงด้วยก็คงดูไม่ดี
“ขี้โกงนี่หว่ามีคนซื้อไว้ให้แล้ว” พี่เบย์เอ่ย
“หวัดดีน้องเพ้นท์” พี่โจส่งยิ้ม วางสมุดไว้ที่โต๊ะ
“หวัดดีค่ะ”
“เดี๋ยวไปซื้อข้าวก่อนนะ” พี่โจเอ่ยแล้วก็เดินออกจากโต๊ะไป
“เพ้นท์ตื่นกี่โมง”
“สิบโมงครึ่งค่ะ ตอนที่ทักบอกพี่ไง”
“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ”
“น่าจะตีสองเข้าห้องนอน กว่าจะหลับก็เกือบตีสามค่ะ”
“นอนดึกจัง”
“นอนแปลกที่เพ้นท์ก็เลยเกร็ง ๆ แต่อีกเดี๋ยวก็ชินค่ะ”
“ครับ”
“พี่เซ้นต์หลับดีไหม พี่ออกไปกี่โมงคะ” คำถามนี้ฉันกระซิบเบา ๆ กลัวว่าคนอื่นจะได้ยินว่าเรานอนที่เดียวกัน
“หลับดีมากครับ ได้รู้ว่าเพ้นท์นอนอยู่ห้องข้าง ๆ พี่รู้สึกดีมาก” พี่เซ้นต์ก็เหมือนจะรู้ถึงได้กระซิบกลับ
“อ้อ ค่ะ นี่ข้าวค่ะ กินได้ไหม เพ้นท์ไม่รู้ว่าพี่ชอบกินอะไร” ข้าวราดแกงสามอย่างที่ฉันเป็นคนเลือกมาเอง เขาบอกให้ซื้อข้าวให้แต่เขาไม่บอกว่าจะเอาอะไร เขาให้ฉันเลือกเมนูให้
ฉันก็เลยเลือกรวม ๆ กันมา
“เพ้นท์เลือกอะไรมาให้พี่ก็ชอบทั้งนั้น”
“จะชอบหมดไม่ได้นะคะ พี่เซ้นต์ต้องบอกเพ้นท์ด้วยสิว่าพี่เซ้นต์ชอบอะไร คราวหน้าเพ้นท์จะได้เลือกที่พี่ชอบ”
“ถ้าถามหาสิ่งที่พี่ชอบก็...เพ้นท์ไง”
“เพ้นท์หมายถึงของกินค่ะ”
“พี่กินได้ทุกอย่าง ยิ่งได้กินกับเพ้นท์พี่ยิ่งชอบ”
“เฮ้อ” ทำไมทุกอย่างที่พูดไปเขาถึงหยอดกลับมาได้ตลอดเลยนะ เขาเชี่ยวชาญหรือฉันอ่อนประสบการณ์
“แล้วไม่กินข้าวเหรอ”
“กินมาจากที่ห้องค่ะ” เวฟข้าวที่ซื้อมากินไป กลัวมันเหลือฉันก็เลยต้องกิน เสียดายของ
“ที่จริงพี่ไม่ค่อยอยากให้กินอาหารแช่แข็งเท่าไหร่นะ สุดท้ายแล้วก็ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ”
“ซื้อมาแล้วเลยต้องกินให้หมดค่ะ”
“เป็นสิบกล่องเลยนะ”
“ก็เพ้นท์ไม่รู้ว่าพี่ชอบกินอะไร เลยหยิบเผื่อ ๆ มาค่ะ”
“งั้นอยากให้พี่ไปช่วยกินไหม” สายตากรุ้มกริ่มนี่มันอะไรน่ะ
“เอ่อ…”
“มาแล้วก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ แซบ ๆ” พี่เบย์วางถ้วยก๋วยเตี๋ยวลงที่โต๊ะพร้อมกับพี่โจวางข้าวราดแกง ทั้งสองนั่งลงข้างกัน
“หวัดดีค่ะพี่ ๆ หนูฟินฟินเพื่อนเพ้นท์นะคะ” ตรงจังหวะกับที่ฟินฟินย้ายมานั่งที่โต๊ะเดียวกันกับฉัน เพื่อทำความรู้จักกับหนุ่มคณะวิศวะคนดังอย่างพี่เบย์
“หวัดดีครับน้องฟินฟิน พี่ชื่อเบย์ครับ นี่โจ นี่เซ้นต์”
“ฟินฟินรู้จักค่ะ สามหนุ่มหล่อของวิดวะ”
“หนูหว่าหวาค่ะ เพื่อนเพ้นท์ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ ๆ นะคะ” อีกคนตามมาแล้ว เฮ้อ เรื่องผู้ชายนี่ไม่มีใครยอมใครเลยจริง ๆ
“หวัดครับน้องหว่าหวา ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พี่โจเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มหล่อ ขณะเดียวกันแฟนของฉันยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเป็นการรักษามารยาท
“ขอโทษนะคะ พี่เซ้นต์เป็นแฟนกับเพ้นท์แล้วใช่ไหมคะ” ฟินฟินตัวดีไม่ถามฉันล่ะ ไปถามเขาทำไม
“ใช่ครับ”
“ถึงว่ามีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นเดียวกับเพ้นท์เลยค่ะ”
แค่ก แค่ก พี่เซ้นต์ถึงกับสำลักข้าว ส่วนฉันเริ่มเลิ่กลั่ก
“บังเอิญครับ” เขายิ้มบาง
มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ฉันเป็นคนที่ซักผ้าแล้วใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเยอะมาก เยอะแบบกลิ่นติดชนิดที่ว่าเพื่อนหอมจนฉุนอะไรทำนองนั้น แล้วเมื่อคืนนี้ฉันซักชุดช็อปและกางเกงของพี่เซ้นต์ ด้วยความติดนิสัยใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มหนัก ๆ เสื้อผ้าของพี่เซ้นต์ก็เลยติดกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้วก็ติดกลิ่นน้ำยาอัดกลีบ เนื่องจากเมื่อคืนหลังจากที่พี่เซ้นต์เข้าห้องไปแล้วฉันก็เตรียมเสื้อผ้าของฉันและของพี่เซ้นต์มารีด ระหว่างรีดก็เปิดเบียร์กระป๋องกินไปด้วย
เบียร์กระป๋องฉันซื้อมาแช่เย็นตอนที่ลงไปซื้อของด้านล่างน่ะ กินเพื่อให้หลับง่าย นอนแปลกที่คืนแรกกลัวหลับไม่ดีไง เจอเบียร์ไปสามกระป๋องหลับยาวเลย
“ว่าไปแล้ววันนี้กลิ่นเสื้อผ้ามึงก็แปลกไปจากทุกวันจริง ๆ สรุปยังไงวะ” พี่เบย์หันมาให้ความสนใจเรื่องกลิ่นเสื้อผ้าพี่เซ้นต์
“เพ้นท์ใช้กลิ่นนี้แล้วกูชอบกูก็เลยใช้ตามเพ้นท์” คือคำตอบของพี่เซ้นต์ เขาตอบเพื่อนแล้วหันมายิ้มให้ฉัน “ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณอะไรคะ”
“ขอบคุณที่เป็นแฟนที่น่ารักไง”
“ค่ะ” ฉันจะขอเดาแล้วกันว่าคำขอบคุณนี้หมายถึงเรื่องซักผ้ารีดผ้า
“ก๋วยเตี๋ยวกูปรุงรสเปรี้ยว แต่ทำไมมันเลี่ยนจังวะ” พี่เบย์แซวแหละ แซวแรงด้วยนะ แต่พวกเขาคงไม่คิดหรอกมั้งว่าฉันกับพี่เซ้นต์นอนที่เดียวกัน
“เลิกเรียนกี่โมง” พี่เซ้นต์ละสายตาจากเพื่อนหันมาพูดกับฉัน
“ตามตารางก็ห้าโมงครึ่งค่ะ” วันนี้เลิกค่อนข้างเย็น
“กลับด้วยกันไหม”
“พี่เซ้นต์เลิกบ่ายสองไม่ใช่เหรอ รอเพ้นท์นานเลยนะ” เขาบอกฉันไว้ในไลน์ ส่งตารางเรียนของเขามาให้ฉันตั้งแต่เช้าแล้ว
“วันนี้มีแข่งบอลกับสถาปัต”
“อ้อ”
“เรากลับด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ได้ค่ะ แต่เพ้นท์ขับรถมานะคะ”
“เพ้นท์ขับรถเป็นด้วยเหรอ ปกติพี่ไม่เคยเห็นเพ้นท์ขับ”
“ขับเป็นค่ะ แต่ขี้เกียจขับ ตอนนี้ตื่นสายได้ก็เลยไม่ค่อยขี้เกียจค่ะ”
“งั้นให้พี่ติดรถไปส่งเพ้นท์นะ จากนั้นเดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง”
“ได้ค่ะ เอาไว้เพ้นท์เลิกเรียนเราคุยกันอีกทีนะ”
“ครับ”
หกโมงเย็นที่สนามฟุตบอลพี่เซ้นต์เดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ เขาในชุดฟุตบอลเท่จังเลย ใจฉันเต้นรัวแปลก ๆ แล้วสิไม่เพ้นท์ตอนนี้สายตามึงไม่ได้มองหน้าเขา มึงมองเป้าเขา จังหวะที่เขาวิ่งตรงนั้นมันดิ้นดุ๊กดิ๊กน่ารักจนใจฉันสั่น“รอพี่นานไหม” เสียงของพี่เซ้นต์ทำให้ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงของเขา“ไม่นานค่ะ” ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นน้ำเย็นให้เขา คงไม่ได้จับได้นะว่าฉันจ้องตรงนั้นอะพี่เซ้นต์รับน้ำไปดื่ม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระดกน้ำดื่ม จังหวะที่เขากลืนน้ำลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ท่าดื่มน้ำจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้ไหม แล้วนี่อะไร ทำไมต้องเทน้ำที่เหลือใส่หน้า ทำไมต้องทำให้มันเปื้อนเสื้อด้วยล่ะไม่ แล้วทำไมฉันต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเซ็กซี่สักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ไม่ทราบ“ตอนนี้ห้องน้ำใกล้ ๆ นี้น่าจะเต็มไปด้วยคน รออีกแป๊บได้ไหม รอพี่เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“กลับชุดนี้เลยก็ได้นะคะ เพ้นท์ไม่ถือ” ผู้ชายที่อยู่ในชุดกีฬานี่เท่จริง ๆ ข้างบนก็ดูแกร่ง ข้างล่างก็...“เหงื่อพี่เยอะ เดี๋ยวเพ้นท์...”“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เซ้นต์กังวลก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำที่ห้องเพ้นท์ก่อนก็ได้นะคะ นี่เย็
สรุปแล้วทริปวันหยุดยาวฉันตัดสินใจไปกับเพื่อนเพราะหว่าหวารบเร้าหนักมาก เนื่องจากช่วงนี้นางกำลังคุยกับพี่โจ หว่าหวาอยากไปเที่ยวกับพี่โจ แต่ก็ไม่กล้าชวนตรง ๆ จึงใช้ฉันเป็นข้ออ้าง ฉันไปพี่เซ้นต์ก็ไป เมื่อพี่เซ้นต์ไปพี่โจที่รักเพื่อนและว่างไม่ได้เดินทางกลับบ้านก็ไปด้วย ทุกอย่างเข้าแผนที่หว่าหวาวางไว้เพื่อนฉันนี่มันฉลาดจริง ๆฉันเสนอตัวขับรถมารับพี่เซ้นต์ที่บ้านของเขา หว่าหวาหาเรื่องเดินทางกับพี่โจสองคน เพื่อนที่เหลือเจอกันจุดนัดหมาย นั่นก็คือบ้านพักเขาใหญ่ที่พ่อแม่หว่าหวาเป็นเจ้าของ“เพ้นท์อยู่หน้าบ้านพี่แล้วค่ะ”(ครับ เดี๋ยวพี่ออกไป)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ก็เดินออกมาตัวเปล่า กระเป๋าเสื้อผ้าเขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่พกมาด้วย ปกติเห็นชอบพกตลอด ไปเรียนก็พกเสื้อผ้าติดตัวไปเปลี่ยน หลายวันมานี้เสื้อผ้าเขาอยู่ที่ห้องฉันหลายตัวแล้ว คือหลังเลิกเรียนเขาชอบเตะบอลกับเพื่อนน่ะ ก่อนกลับบ้านก็จะแวะมาอาบน้ำที่ห้องแล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นเขาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านของเขา“เสื้อผ้าไม่เอาไปเหรอ”“เข้าบ้านกับพี่ได้ไหมครับ”“ทำไมคะ”“ป้าของพี่อยากเจอเพ้นท์ เข้าไปทำความรู้จักได้ไหมครับ”“ตอนนี้เลยเหรอคะ”“ครับ
“ไหนมันว่าจะไม่มา” เมื่อมาถึงฉันก็เกิดอาการหงุดหงิดเพราะสองคนที่บอกว่าจะไม่มา โผล่มาก่อนฉันซะอีก แล้วก็เป็นเหตุให้ห้องพักที่จองไว้ไม่พอ ซึ่งฉันจะไม่นอนร่วมห้องกับแตงกวาแน่นอน ฉันไม่อยากเสแสร้ง ขี้เกียจจะพูดเหน็บด้วย ฉันไม่ได้เก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น“มันบอกว่าเพื่อนมาทั้งทีจะไม่มาได้ยังไง”“แล้วมาไม่บอก มันจะพักห้องไหน”“แตงกวามันบอกว่าเดินทางเหนื่อย ปวดหัว ไอ้ออยล์ก็เลยเข้าพักห้องที่มึงจะพัก”“อืม”“ไอ้ออยล์มันก็เลยบอกว่าให้มึงพักกับแตงกวาแล้วเดี๋ยวมันพักกับพี่เซ้นต์”“มีสิทธิ์อะไร” มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจเรื่องของฉัน มันอยากให้ฉันตีกับเมียมันหรือไง“ถ้าหากเพ้นท์ไม่โอเคพี่พักกับไอ้โจได้นะ”“ไม่ได้นะคะ” หว่าหวาพูดเสียงดัง ก็ใช่สิ หว่าหวากับพี่โจจะนอนห้องเดียวกัน สองคนนี้เป็นคนคุยที่ใกล้ชิดกันมากกว่าฉันที่เป็นแฟนกับพี่เซ้นต์ซะอีก ไอ้หวามันวางแผนมาซะดิบดีมีเหรอที่มันจะนอนแยกห้องกับพี่โจ ฝันเถอะ“แตงกวามันไม่สบายก็ให้ออยล์ไปนอนด้วยเถอะ กูมาเที่ยวไม่ได้มาดูแลคนป่วย ไม่ใช่หน้าที่กูที่ต้องดูแลแฟนคนอื่นด้วย”“ได้ งั้นมึงนอนไหน” สีหน้าหว่าหวาชัดเจนว่ากลัวฉันจะบอกว่านอนด้วย กลัวฉันจะเอาคืนเร่าร้อ
“ชนค่ะชน” ฟินฟินยกแก้วเหล้าขึ้น ทุกคนที่ร่วมวงรวมถึงฉันยกแก้วชน จากนั้นคนของฟินฟินก็กดถ่ายรูป ฟินฟินพาเด็กมาด้วย เพื่อนทุกคนก็พกมาด้วย แต่ก็ไม่ถึงขั้นเรียกแฟนเฟย์ที่ว่าจะไม่มาสุดท้ายก็มาเพราะรำคาญหว่าหวาที่รบเร้าไม่เลิกและแฟย์ก็พกคนคุยมาด้วยเช่นกัน“นึกว่าทริปนี้จะมากันไม่ครบซะแล้ว ดีนะเนี่ยที่มาด้วยกันครบแก๊ง” หว่าหวายิ้มก่อนหันไปหาพี่โจ “มีที่รักมาด้วย”ตกพี่โจได้มีความสุขใหญ่เลยเพื่อนของฉัน กวาดตามองรอบวงเพื่อนต่างพากันหัวเราะ ทางด้านออยล์กับแตงกวาก็นั่งหนุงหนิง ไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลยทว่าออยล์มันจะปรายตามองฉันบ่อย ๆ ทำไมนัก“พอก่อน กินอย่างอื่นบ้าง” พี่เซ้นต์หยิบกุ้งย่างมาแกะ และยื่นมาที่ปากฉัน“ขอบคุณค่ะ” แฟนป้อนมีเหรอจะไม่กิน“อยากได้รางวัลจัง” ลิ้นเขาดุนกระพุ้งแก้ม“ตรงนี้เลยเหรอคะ” ให้หอมตอนนี้เลยงั้นเหรอ เกินไปนะพ่อคุณคนหล่อพี่เซ้นต์โน้มมากระซิบข้างหู “เอาไว้ให้ในห้อง พี่ไปซื้อถุงยางมาแล้ว”“ค่ะ” ยิ้มพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ให้พี่เซ้นต์ เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้บนเตียงมันเริ่มไปจนถึงถอดเสื้อผ้าจนหมด บทจะสอดใส่นึกขึ้นได้ว่าไม่มีถุงยางเราก็เลยต้องใช้ปากและมือช่วยกันและกันจนเสร็จ
“เรามาต่อเรื่องที่ค้างไว้กันตอนนี้เลยดีไหม” พี่เซ้นต์ยกยิ้ม “พี่จะได้รู้จักเพ้นท์มากกว่านี้”“เอาสิคะ มาต่อกันเถอะ เพ้นท์ก็อยากรู้จักพี่เซ้นต์มากกว่านี้เหมือนกัน”ไม่กินแล้วเหล้า ขอเมารักก็แล้วกันเราต่างถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกขณะที่ริมฝีปากของเรายังจูบกันอย่างดูดดื่ม“สวย เพ้นท์สวยมากเลย” มือเขาไล้ที่ใบหน้า ขยับมาที่ลำคอ“พี่เซ้นต์ก็เซ็กซี่มากค่ะ” ฉันยกมือแนบใบหน้าของพี่เซ้นต์ หนุ่มหล่อคมเข้มคนนี้คืนนี้จะเป็นของฉันจริง ๆ แล้วสินะพี่เซ้นต์ยิ้มก่อนจะโน้มตัวลงมาแนบริมฝีปากประกบจูบที่กลีบปากฉันอีกครั้ง ใบลิ้นที่แทรกเข้ามาในโพรงปากทำให้ใจฉันวาบหวามเป็นจูบที่รู้สึกว่าจะขาดใจซะให้ได้ ทั้งที่รู้สึกจะขาดใจ แต่ก็อยากได้สัมผัสนี้เรื่อย ๆพี่เซ้นต์ถอนริมฝีปากออก เขาจูบไซ้ใบหน้า เลื่อนมาที่ลำคอแล้วก็ขยับไปที่หน้าอก ใบลิ้นเขาปาดเลียที่ยอดปทุมถันก่อนจะอ้าปากดูดอย่างเมามัน“พี่เซ้นต์คะ...อื้ม” เสียว เสียวมาก ลิ้นของเขาตวัดไปมาที่ยอดอก เกิดความรู้สึกเสียวเหมือนจะขาดใจ ยิ่งตอนนี้ที่มือเขาสัมผัสที่กลางหว่างขา นิ้วค่อย ๆ สอดเข้ามาในร่องหลืบพี่เซ้นต์ไล่จูบลงไปเรื่อย ๆ จูบและปาดเลียทั่วหน้าท้องแบนราบ เ
วันหยุดหมดไปเป็นที่เรียบร้อย ฉันกลับมาเรียนด้วยสภาพที่พร้อมเรียนมาก ซะที่ไหนล่ะ เพลียจะตายแล้ว กลับมาแทนที่จะได้พัก พี่เซ้นต์เขาก็ให้ฉันอยู่ค้างที่บ้านเขา ฉันที่อยากเป็นแฟนที่ดีก็เลยค้างบ้านพี่เซ้นต์สองวันหนึ่งคืน แล้วอยู่บ้านคนอื่นเราจะนอนตื่นสายไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ฉันจึงต้องตื่นแต่เช้ามาช่วยป้าของพี่เซ้นต์หยิบจับนั่นนี่เพราะไม่อยากถูกมองเป็นผู้หญิงไม่ได้เรื่องป้าเขาก็ยังคงใจดีเหมือนเดิม แล้วก็มักจะกระซิบบอกฉันว่า ‘ชีวิตของเซ้นต์น่าสงสารมาก เพ้นท์อย่าทิ้งเซ้นต์นะลูก’คือป้าเล่าว่าแม่พี่เซ้นต์เสียตั้งแต่พี่เซ้นต์เล็ก ๆ น่ะ“พวกมึงได้ไปคอนโดใหม่เพ้นท์หรือยัง” ระหว่างรออาจารย์เข้าสอนออยล์มันก็เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา“มึงไม่ได้อยู่บ้านแล้วเหรอเพ้นท์” ฟินฟินพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เพราะเรื่องย้ายมาอยู่คอนโดฉันไม่ได้พูดให้เพื่อนฟังจริง ๆ“ก็ว่าอยู่ระยะนี้ไม่เห็นว่ามึงมาเรียนพร้อมไอ้ออยล์” ทูพูดถึงเรื่องเก่าเรื่องที่ฉันมักมาเรียนพร้อมออยล์ นาน ๆ หรือเวลาทะเลาะเท่านั้นที่เราจะต่างคนต่างมา ทุกครั้งที่ทะเลาะส่วนใหญ่ฉันก็เป็นคนหายเองเพราะรักเขาโง่ดีใช่ไหมล่ะความรักทำให้คนโง่งม สามารถหาเหตุผลมารองรับก
“วันนี้ไม่ตามเมีย” ไอ้เจสเพื่อนในกลุ่มเอ่ยด้วยความอยากเสือกเพราะว่าวันนี้ผมมาดื่มกับพวกมันที่ร้านเหล้าได้“ห่างกันบ้าง” ไม่ใช่อะไรวันนี้เธอบอกว่าเพื่อนพากันไปดื่มที่คอนโดเธอ ผมก็เลยปลีกตัวมาอยู่กับเพื่อนบ้าง“เด็ดไหมวะ ท่าทางหยิ่ง ๆ เวลาโดนกระแทกเป็นไงวะ” ไอ้เบย์ที่ท่าทางเหมือนหนุ่มขี้อายเอ่ยถาม หนุ่มขี้อายก็แค่ภาพลักษณ์ที่มันสร้างขึ้นมาตกสาวก็เท่านั้น“งั้น ๆ”“ตามจีบมาตั้งนาน พอได้แล้วบอกว่างั้น ๆ เหรอวะ”“ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด”“ไอ้เฟย์มาถามกูอยู่ว่ามึงเป็นคนยังไงกันแน่ คงกลัวว่ามึงจะทำให้เพื่อนมันเสียใจมั้ง”“มึงว่าไง”“กูบอกมึงเป็นคนดี”“มันคงเชื่อ”“เพ้นท์เชื่อก็พอไม่ใช่เหรอวะ”“อืม”“แล้วจะเลิกเมื่อไหร่อะ” ไอ้เบย์ถามต่อ“เหมือนจะยังไม่ได้รักกูขนาดนั้น ว่าจะคบต่ออีกหน่อย เวลาเลิกจะได้ร้องไห้เสียใจเยอะ ๆ สะใจดี”“พอถึงเวลานั้นขึ้นมาไม่ใช่ว่ามึงนะที่ตกหลุมรักน้องเขาจริง ๆ”“นอกจากตัวเองกูเคยรักใครด้วยเหรอ”“ก็จริง มึงมันรักแค่ตัวเองกับเงิน”“เงินแสนเดียวไอ้เซ้นต์ใช้เวลาเกือบเป็นปีกว่าจะจีบติด”“ก็ท่าทางเด็กมันหยิ่ง แต่สุดท้ายก็งั้น ๆ”เพื่อนผมกำลังพูดถึงผู้หญิงที่ผมจีบมาเป็นแฟน เ
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทักของออยล์ทำให้ฉันที่มึนงงรู้สึกปวดหัวอย่างมากกวาดตามองรอบห้องถึงได้เห็นว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนที่คอนโดและไม่ใช่ห้องนอนที่บ้านฉัน เมื่อคืนนี้หลังจากดื่มจนเมามันเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ“ทำไมกูมาอยู่ที่นี่” ที่นี่ที่ว่าคือบ้านของออยล์ ตอนนี้ฉันอยู่บนเตียงนอนเขา เตียงที่เราเคยมีอะไรกันบ่อยมาก“อีดอกเมื่อคืนมึงเมา เราเมาไงคะ ขับกลับไปไหวเลยนอนบ้านไอ้ออยล์กันหมดค่ะ” ฟินฟินลุกขึ้นมาจากข้างเตียงด้วยสภาพไม่น่ามอง หัวกระเซอะกระเซิงต่างจากเวลาปกติมาก ปกติโคตรจะสวยได้ยินเพื่อนพูดฉันก็มองไปที่พื้นห้อง เพื่อนฉันนอนระเนระนาดเต็มพื้นห้องออยล์“ใครนอนเตียงกับกู” เมื่อคืนฉันเมาแล้วคงไม่ได้พูดอะไรที่มันไม่น่าฟังออกไปใช่ไหม“มึงนอนคนเดียว มึงบอกเตียงนี้เป็นของมึง กูถึงได้นอนพื้นกันนี่ไง ไอ้เหี้ยออยล์ทีหลังก็ซื้อเตียงที่ใหญ่กว่านี้หน่อยอีเพ้นท์อ้าแขนอ้าขากางเต็มที่นอนหมดเลย” หว่าหวาลุกขึ้นมาโวยวายบ้างทางด้านเฟย์ ทู ทรียังคงคลุมโปง“วันนี้ไม่ไปเรียนแล้ว นอนต่อเหอะกูปวดหัว” ฟินฟินเอ่ยก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ“เออดี” ตามด้วยหว่าหวาฉันก็อยากนอน แต่นอนที่ห้องออยล์แบบนี้ไม่ดีแน่“นอนเถอะ เพื
ครืด ครืด ครืดฉันลืมตาตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่มันแผดร้อง ปกติจะปิดเสียงกันรบกวน แต่เพราะคืนนี้พี่เซ้นต์ออกไปหาเพื่อน กลัวเขาจะโทรหาฉันก็เลยเปิดเสียงพร้อมกับเอาโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัว“มีไรมึง” แต่คนที่โทรมาครั้งไม่ใช่พี่เซ้นต์ เป็นเฟย์ น่าแปลกที่เฟย์โทรหาฉันเวลานี้ นี่แทบจะเป็นครั้งแรกที่เพื่อนคนนี้โทรมาเวลานี้(อยู่คอนโดปะ)“อืม”(ลงมาข้างล่างหน่อยดิ)“มีอะไรวะ น้ำเสียงจริงจังจัง”(ลงมาหน่อย มาคนเดียวนะ)“เออ ๆ”เพราะว่าเฟย์คือเพื่อน เขาก็คอยช่วยฉันหลายเรื่อง วันนี้เขาอาจจะมีปัญหาใหญ่ อาจจะต้องการคำปรึกษาหรือคำปลอบใจ ฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจลงมาหาเพื่อน เรื่องของเรื่องวันนี้เขาไม่มาเรียนด้วย บางเรื่องถ้ารับฟังแล้วช่วยเขาได้ฉันก็พร้อมจะช่วยลุกมาเปลี่ยนชุดนอนสายเดี่ยวออกแล้วสวมเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ ตอนนี้เวลาห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืน เป็นเวลาที่ควรนอน แต่เพื่อนมาหาถึงที่นี่ก็แปลว่ามีเรื่องจริง ๆทว่าเมื่อมาถึงฉันก็อยากถอยหลังกลับทันที“อะไรกันวะ”“วันนี้กูไม่ได้มาเรียน ไม่ได้รู้ว่ามึงมีปัญหากับไอ้กวา” เฟย์ตอบ“อืม กูทนมันไม่ได้แล้ว พูดแค่นั้นทำแค่นั้นก็ดีเท่าไหร่แล้ว ทำไมอะ มึงพามันมาหากูด้วยเรื่อ
หนึ่งอาทิตย์ที่คุณนายพัดชาว่างนั้นทุ่มเวลาอยู่กับฉันทั้งหมด อยู่แบบสามคนพ่อแม่ลูกอะ และเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่ายเราไปตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งผลก็ออกมาแล้ว ฉันกับคุณธันวาเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวฉันไม่ได้ประกาศหรือเล่าให้ใครฟังว่าฉันมีพ่อแล้วนะ ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่เอ่ยปากบอกใคร ขณะเดียวกันคุณธันวาก็พาฉันและแม่ไปหาญาติผู้ใหญ่ฝั่งเขา แม่ของคุณธันวาหรือจะเรียกว่าย่าของฉันก็ได้ ย่าต้องการให้พ่อแม่ของฉันจัดงานแต่งงานกัน ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวและให้ฉันย้ายไปใช้นามสกุลของพ่อ ย่าต้องการใส่ชื่อฉันเข้าวงศ์สกุลแม่ของฉันยังไม่อยากแต่ง ผู้ใหญ่จึงหาทางออกด้วยการจดทะเบียนสมรส ฉันจึงกลายเป็นหลานสาวคนโตที่พลัดพรากของตระกูล อิทธิฤทธิ์จากที่ขอเวลาหนึ่งอาทิตย์ ตอนนี้ฉันก็เลยต้องไปมาระหว่างบ้าน คอนโดและบ้านย่า สนุกสนานหรรษามาก“ช่วงนี้ทำไมเปลี่ยนกระเป๋าบ่อยจังวะ” หว่าหวามองมาที่กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงที่ฉันถือมา“แอบไปเป็นเด็กเสี่ยหรือเปล่า” อันนี้คำพูดของแตงกวา ทุกวันนี้นางเป็นตัวเองมากขึ้น ไม่เหนียมอายทำตัวลูกคุณหนูอีกแล้วยิ่งนานวันยิ่งเผยสันดาน“แม่ให้มา” ย่าต่างห
“จำเป็นต้องกินข้าวที่โรงแรมหรูขนาดนี้เหรอคะคุณนาย” วันนี้คุณนายพัดชานัดฉันมากินข้าวในรอบหลายเดือน เป็นหลายเดือนที่แม่ลูกไม่ได้เจอกัน พอว่างหน่อยก็นัดเจอซะหรูหราทั้งที่กินที่บ้านก็ได้รอบนี้คุณนายพัดชามาแปลกมาก“แหม ไม่ได้เจอกันนาน ฉันก็ต้องเลี้ยงอะไรเธอให้ดีหน่อยสิ เดี๋ยวจะหาว่าฉันทิ้งลูกสาว”“ทิ้งอะไร โอนเงินให้ใช้ไม่เคยขาด ของกินก็ส่งมาให้ตลอด”“ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี ฉันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง”“ใช่ที่ไหนกัน เพ้นท์เติบโตมาอย่างดี เพ้นท์เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะมีแม่คอยเลี้ยงดู คุณนายพัดชาเป็นอะไรคะ ป่วยหรือเปล่าเนี่ย พูดจามีพิรุธ”“คนป่วยอะไรจะสวยขนาดนี้ ฉันไม่ได้ป่วยจ้ะเธอ ฉันยังอยู่กับเธอไปอีกนาน”“ใช่ คุณนายพัดชาสวยมากค่ะ วันนี้ยิ่งสวย”“มีเรื่องจะบอกด้วยนะ อยากรู้ไหม” เห็นปะล่ะว่ามีพิรุธ“เรื่องอะไร หรือว่ามีคนรักมาแนะนำ”“ถ้าบอกว่าเขาเป็นพ่อของเธอเธอจะเชื่อฉันไหม”“…”“ถ้าเพ้นท์ไม่อยากเจอเขาแม่ไม่บังคับนะ”“พ่อ?”“คนที่ทำให้เธอเกิดมา”“ไหนตอนนั้นบอกไม่รู้ว่าใคร”“ฉันก็ใช่คนมั่วแบบนั้นที่ไหนล่ะ ว่าแต่เธออยากเจอเขาไหม”“เขามีลูกมีเมียหรือเปล่า ไปเป็นเมียน้อยเมียเก็บเขาหรือเป
“เงินโอนเข้าพร้อมเพย์กูเลยละกัน” ไอ้เบย์พูดกวนประสาท แต่ก็เหมือนเอาความจริงมาพูดครั้งนี้พวกมันทายว่าผมต้องแพ้เดิมพันแน่นอน“ทำไมต้องโอน กูบอกแล้วว่าคบอีกหน่อยค่อยเลิก”“ตั้งแต่วันที่มึงบอกก็ผ่านมาสี่ห้าเดือนแล้ว อีกหน่อยของมึงนี่เท่าไหร่วะเพื่อน” ไอ้เจสรีบพูด มันหันมายิ้มกวนใส่ผมแล้วพูดต่ออีกว่า “คบเล่น ๆ เล่นแบบไหนถึงขั้นย้ายข้าวของไปอยู่ห้องเขาแบบนั้น มึงยอมรับเถอะว่ามึงหลงน้องเพ้นท์เข้าให้แล้ว”“โอนมาก็จบแล้วพวกกูจะไม่ปริปากพูดเรื่องนี้ให้เมียมึงได้ยิน จะปิดเป็นความลับตลอดไป”“แต่จะแซวมึงไปเรื่อย ๆ ว่ามึงมันตกม้าตาย”“กูไม่โอน อย่าได้คิดว่าพวกมึงจะได้แซวกูครับ กูบอกแล้วว่าคบอีกสักพักก็เลิก ยังไงกูก็เลิกแน่ ๆ”“เออเลิก เลิกเป็นคนแล้วกลายเป็นหมาเดินตามเมียต้อย ๆ ติดเขาหนึบหนับ กูถามหน่อยว่าเขาโทรหามึงทักหามึงก่อนบ้างไหม ส่วนใหญ่ก็มึงทั้งนั้นที่ตามเขากลัวเขาหายไปจากชีวิต”“มึงซ่อนอยู่ใต้เตียงกูหรือไง รู้เรื่องของกูดีเหลือเกินไอ้สัด”“แค่ตอนนี้ที่มึงนั่งกดข้อความส่งหาเขามันก็ฟ้องทุกอย่างแล้วไอ้เซ้นต์ มึงอะรักเขา มึงรักเขาครับไอ้หมาเซ้นต์” พูดแล้วไอ้โจมันก็ยิ้มกวนส้นตีน“ไปไหนอะ” ผมละส
“หายหัวไปเลย นี่ถ้าวันนี้มึงไม่มาเรียนกูว่าจะตามละนะ” ก้นยังไม่ทันถึงเก้าอี้ฟินฟินก็เอ่ยปากบ่นทันที“ไม่ค่อยสบายไง” ฉันแค่ไม่มาเรียนสามวันเพราะอยากให้รอยมือพี่เซ้นต์หายและรอยดูดจางลง ซึ่งรอยดูดเนี่ยมันไม่ได้จางง่าย ๆ ก็เลยต้องกลบด้วยเครื่องสำอาง และวันนี้ฉันก็เลยต้องปล่อยผมทั้งที่อากาศอบอ้าว ไม่อยากเป็นจุดสังเกต“นึกว่าทะเลาะกับผัว” หว่าหวามันบอกว่ามันเลิกคุยกับพี่โจแล้ว ได้แล้วจบ แต่ทำไมพูดเหมือนรู้เรื่องที่ฉันกับพี่เซ้นต์ทะเลาะกันล่ะ“นิดนึง”“หือ ทะเลาะกันเหรอ”“อืม ติดต่อกูไม่ได้”“รุนแรงปะ”“ไม่นะ” รุนแรงสิ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาออกมาพูดให้เพื่อนฟัง ในเมื่อฉันยังคบกับพี่เซ้นต์ ไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องเอาแฟนของฉันออกมาประจานให้เขารู้สึกเสียหน้าต่อให้เขาไม่ดีฉันก็ควรพูดคุยกับเขาแค่สองคน“ว่าไปแล้วพี่เซ้นต์ก็ดูนิ่ง ๆ นะ เวลาทะเลาะเขาน่ากลัวไหม”“ไม่ถึงขนาดใช้คำว่าน่ากลัว” ที่ไหนกันล่ะเขาน่ากลัวมาก“ทำตัวไม่ดีแบบนี้ก็แย่หน่อยนะ อย่าลืมสิว่าตัวเองมีแฟนแล้ว” นางกลับมาละ กลับมาก็แขวะฉันทันทีแตงกวาคือเหตุผลหนึ่งที่ฉันยังคบกับพี่เซ้นต์ หากเลิกกับพี่เซ้นต์ก็ไม่พ้นพูดแซะฉัน ซึ่งฉันเป็นคนอ
ลืมตาขึ้นมองเพดานห้องตอนตีห้าครึ่ง จับแขนคนที่นอนข้าง ๆ ออกแล้วลุกเดินออกจากห้องนอน เดินมาเข้าห้องน้ำที่อยู่นอกห้องนอนถอดเสื้อยืดตัวใหญ่ออก ยืนมองสภาพตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ ทั้งตัวฉันมีแต่รอยดูด รอยแดงช้ำเป็นจ้ำ ๆ ที่คอสองจุด ใต้คางหนึ่งจุด หน้าอกนับไม่ถ้วน สภาพทุเรศมาก บริเวณหน้าท้องมีไม่ต่ำกว่าสิบจุด ขาอ่อนทั้งสองข้างเต็มไปด้วยรอยดูดรอยฟันรอยเขี้ยวเกิดมาฉันเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าจะแย่ขนาดนี้ยืนมองตัวเองที่กำลังร้องไห้หน้ากระจกเกือบ 20 นาทีฉันก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินมาที่ตู้เย็น โชคดีที่เบียร์ที่ซื้อไว้ยังเหลือก็เลยหยิบมาเปิดกระดกดื่มก่อนจะมานั่งที่ริมระเบียง นั่งมองผู้คนที่พากันตื่นแต่เช้า และบางคนก็คงยังไม่ได้นอน ผู้คนเดินสวนกันไปมา แม่ค้าขายหมูปิ้งไก่ย่างข้าวเหนียวรีบย่างกลัวจะไม่ทันลูกค้า พระเริ่มออกบิณฑบาต ทุกคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองส่วนตัวฉันนั่งดื่มแต่เช้าเพื่อกลบเรื่องเศร้า ฉันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ อายุฉันเพิ่ง 20 ปีเอง ไม่ควรคิดเบื่อโลกใบนี้แบบนี้ ในโลกใบนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าค้นหาและเรียนรู้ เจอเรื่องแค่นี้จะไม่อยากใช้ชีวิตได้ยังไง“ทำไ
สามทุ่มฉันกลับถึงคอนโด อาการเมาค้างครั้งนี้หนักหนาจริง ๆ จากอาการเมื่อคืนฉันคงเมาแล้วหลุดไปเลยเดินดุ่ม ๆ เข้าลิฟต์ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ขอแค่ที่นอนนุ่ม ๆ ก็พอแล้ว ตอนนี้อยากทิ้งตัวมาก ๆ เลย แทบจะยืนหลับในลิฟต์อยู่แล้วด้วย ยืนพิงตัวในลิฟต์แล้วก็หลับตาด้วยความง่วง เมื่อไหร่จะถึงชั้น 36“โทรหาทำไมไม่รับสาย” เสียงนี้เสียงของพี่เซ้นต์ นี่ เขาเข้ามาอยู่ในลิฟต์ได้ยังไง“มาได้ไงคะ” ลืมตามองจึงเห็นว่าเป็นแฟนของฉันจริง ๆ ด้วย“นี่ไม่เห็นพี่” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ไม่ได้มองอะไรเลยค่ะ” ฉันไม่ได้มองจริง ๆ ไม่ใช่จะเมิน แฟนทั้งคนจะเมินได้ไง“แล้วก็ไม่ได้สนใจพี่ด้วย” นั่นไง หาว่าฉันเมินจริงด้วย“นี่เรากำลังจะทะเลาะกันหรือเปล่าคะ”“ไม่คิดว่าพี่ควรโกรธหน่อยเหรอ หายไปไหนมาทำไมไม่บอกกันบ้าง”“...” อย่ามาทะเลาะกันตอนนี้ได้ไหม ร่างกายและสมองฉันไม่พร้อมทำงานจริง ๆ“ไปไหนมา”“พี่เซ้นต์กลับไปก่อนนะวันนี้เพ้นท์อยากอยู่คนเดียว ถ้าจะทะเลาะเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” ไหน ๆ ก็จะทะเลาะกันสู้ทะเลาะวันที่สมองฉันทำงานไม่ดีกว่าเหรอ มาทะเลาะกันตอนนี้ฉันอาจจะเผลอพูดอะไรไม่ดีก็ได้“อยากอยู่คนเดียวทำไม นี่เป็นอะไรอ
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทักของออยล์ทำให้ฉันที่มึนงงรู้สึกปวดหัวอย่างมากกวาดตามองรอบห้องถึงได้เห็นว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนที่คอนโดและไม่ใช่ห้องนอนที่บ้านฉัน เมื่อคืนนี้หลังจากดื่มจนเมามันเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ“ทำไมกูมาอยู่ที่นี่” ที่นี่ที่ว่าคือบ้านของออยล์ ตอนนี้ฉันอยู่บนเตียงนอนเขา เตียงที่เราเคยมีอะไรกันบ่อยมาก“อีดอกเมื่อคืนมึงเมา เราเมาไงคะ ขับกลับไปไหวเลยนอนบ้านไอ้ออยล์กันหมดค่ะ” ฟินฟินลุกขึ้นมาจากข้างเตียงด้วยสภาพไม่น่ามอง หัวกระเซอะกระเซิงต่างจากเวลาปกติมาก ปกติโคตรจะสวยได้ยินเพื่อนพูดฉันก็มองไปที่พื้นห้อง เพื่อนฉันนอนระเนระนาดเต็มพื้นห้องออยล์“ใครนอนเตียงกับกู” เมื่อคืนฉันเมาแล้วคงไม่ได้พูดอะไรที่มันไม่น่าฟังออกไปใช่ไหม“มึงนอนคนเดียว มึงบอกเตียงนี้เป็นของมึง กูถึงได้นอนพื้นกันนี่ไง ไอ้เหี้ยออยล์ทีหลังก็ซื้อเตียงที่ใหญ่กว่านี้หน่อยอีเพ้นท์อ้าแขนอ้าขากางเต็มที่นอนหมดเลย” หว่าหวาลุกขึ้นมาโวยวายบ้างทางด้านเฟย์ ทู ทรียังคงคลุมโปง“วันนี้ไม่ไปเรียนแล้ว นอนต่อเหอะกูปวดหัว” ฟินฟินเอ่ยก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ“เออดี” ตามด้วยหว่าหวาฉันก็อยากนอน แต่นอนที่ห้องออยล์แบบนี้ไม่ดีแน่“นอนเถอะ เพื
“วันนี้ไม่ตามเมีย” ไอ้เจสเพื่อนในกลุ่มเอ่ยด้วยความอยากเสือกเพราะว่าวันนี้ผมมาดื่มกับพวกมันที่ร้านเหล้าได้“ห่างกันบ้าง” ไม่ใช่อะไรวันนี้เธอบอกว่าเพื่อนพากันไปดื่มที่คอนโดเธอ ผมก็เลยปลีกตัวมาอยู่กับเพื่อนบ้าง“เด็ดไหมวะ ท่าทางหยิ่ง ๆ เวลาโดนกระแทกเป็นไงวะ” ไอ้เบย์ที่ท่าทางเหมือนหนุ่มขี้อายเอ่ยถาม หนุ่มขี้อายก็แค่ภาพลักษณ์ที่มันสร้างขึ้นมาตกสาวก็เท่านั้น“งั้น ๆ”“ตามจีบมาตั้งนาน พอได้แล้วบอกว่างั้น ๆ เหรอวะ”“ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด”“ไอ้เฟย์มาถามกูอยู่ว่ามึงเป็นคนยังไงกันแน่ คงกลัวว่ามึงจะทำให้เพื่อนมันเสียใจมั้ง”“มึงว่าไง”“กูบอกมึงเป็นคนดี”“มันคงเชื่อ”“เพ้นท์เชื่อก็พอไม่ใช่เหรอวะ”“อืม”“แล้วจะเลิกเมื่อไหร่อะ” ไอ้เบย์ถามต่อ“เหมือนจะยังไม่ได้รักกูขนาดนั้น ว่าจะคบต่ออีกหน่อย เวลาเลิกจะได้ร้องไห้เสียใจเยอะ ๆ สะใจดี”“พอถึงเวลานั้นขึ้นมาไม่ใช่ว่ามึงนะที่ตกหลุมรักน้องเขาจริง ๆ”“นอกจากตัวเองกูเคยรักใครด้วยเหรอ”“ก็จริง มึงมันรักแค่ตัวเองกับเงิน”“เงินแสนเดียวไอ้เซ้นต์ใช้เวลาเกือบเป็นปีกว่าจะจีบติด”“ก็ท่าทางเด็กมันหยิ่ง แต่สุดท้ายก็งั้น ๆ”เพื่อนผมกำลังพูดถึงผู้หญิงที่ผมจีบมาเป็นแฟน เ