ในวันนั้นฉันไม่น่าล้ำเส้นนั้นเลย ไม่น่าเลยจริง ๆ ไม่น่าให้ความร่วมมือ
‘มึง’
‘ว่า’ ฉันหันไปมองขณะที่พยายามยู่ปากติดกับจมูกเพื่อดันปากกาค้างไว้
‘มึงว่าเซ็กซ์เป็นยังไงวะ’
‘ไม่รู้ดิ ลองค้นอากู๋ดูดิ กูว่ามี ต้องมีแน่ ๆ’
‘กูค้นแล้ว’
‘ละเป็นไง’
‘ก็ให้ความรู้สึกแปลก ๆ’
‘แปลกยังไงวะ’
‘อธิบายไม่ถูก’
‘เอ้า ไอ้บ้านี่’
‘ลองไหม’
‘ลองอะไรของมึงไอ้ออยล์’
‘ก็...’
‘อะไร’
‘มีอะไรกันไงมึง’
‘ไอ้เหี้ย...’
‘หรือมึงไม่อยากรู้ว่ารู้สึกยังไง’
‘มันจะดีเหรอมึง’
‘เพ้นท์ เราม.6 แล้วมึง นะ นะ ลองทำกัน กูขอจูบหน่อยดิ’
‘...’
‘มึง มึงเป็นจูบแรกของกูเลยนะจะไม่จูบจริงดิ’
‘มันจะดีแน่ใช่ไหมมึง’
‘ดีดิ กูเห็นคนทำกันตั้งเยอะ อะ อะถ้าทำแล้วมึงรู้สึกไม่ดีกูหยุดกลางทางเลย’
‘มึงแน่ใจนะว่ามึงจะหยุดได้ เท่าที่กูได้ยินมามันไม่มีใครหยุดกลางทางได้นะออยล์’
‘กูไง กูหยุดได้เพ้นท์ กูสัญญา นะ เราลองกันนะ’
‘ก็ ก็ได้’
คำว่า ‘ก็ได้’ วันนั้นพาเราทั้งคู่เดินทางมาถึงสองปีกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก จะเพื่อนก็ไม่เพื่อน จะแฟนยิ่งไม่ใช่ ต่อให้เขาคบคนอื่นแต่ความสัมพันธ์ของเรายังดำเนินต่อไป ที่ฉันยอมก็เพราะรักเขา ฉันคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเขาก็หยุดที่ฉัน
แต่แล้วมันไม่ใช่แบบนั้น
วันนี้ออยล์ตัดความสัมพันธ์กับฉันอย่างไร้เยื่อใย
“ไหนว่าจะติวไงลูก ออยล์ไปไหนซะล่ะ ทะเลาะอะไรกัน” เสียงแม่ของออยล์เอ่ยถามเมื่อฉันเดินออกมาจากห้องนอนของออยล์
“วันนี้ไม่ติวแล้วค่ะ เพ้นท์กลับก่อนนะคะสวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้แม่ของออยล์แล้วรีบเดินออกทางหลังบ้าน
เราสองคนโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พ่อแม่เป็นเพื่อนบ้านกัน พ่อแม่ออยล์ทำเต็นท์รถมือสองส่วนใหญ่ท่านทั้งสองจะอยู่บ้านขณะที่แม่ของฉันเป็นเลขาของนักธุรกิจต้องเดินทางไปคุยงานตามต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้างแทบไม่มีเวลาให้ฉัน แม่ฉันเป็นซิงเกิลมัม ส่วนพ่อไม่รู้ว่าใคร แม่บอกว่าจำไม่ได้ ฉันก็ไม่ถามต่อ ไม่อยากจะซักไซ้ เพราะยังไงแม่ก็เลี้ยงฉันมาโดยที่ไม่ให้ฉันลำบากอะไรเลย ฉันก็ไม่ได้รู้สึกขาดพ่อ ไม่มีก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
“ไหนว่าไปติวให้ออยล์ กลับเร็วจัง” วันนี้แม่เลิกงานเร็ว ต้องมาเก็บของพรุ่งนี้จะบินไปมาเลเซียแต่เช้า กว่าจะกลับก็เป็นอาทิตย์ เผลอ ๆ ไปที่อื่นต่ออีก เป็นแบบนี้บ่อยจนฉันชิน
ตอนนี้แม่กำลังเลือกเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง หนึ่งเดือนแม่ฉันอยู่บ้านไม่ถึงห้าวัน เคยมีหายหน้าไปหลายเดือนด้วย เราสองแม่ลูกเจอหน้ากันนับครั้งได้
“ก็อยากมีเวลาอยู่กับคุณนายพัดชาไง คนอะไรไม่มีเวลาให้ลูกสาวแสนสวยเล้ย” เดินเข้ามากอดแม่จากทางด้านหลัง ตอนนี้ใจฉันมันช้ำ อยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์มันไม่ชัดเจนตั้งแต่แรก ฉันจึงเจ็บปวดบ่อย ๆ เพียงแต่ครั้งนี้มันหนักเพราะเขาบอกเลิกจริงจัง และเขามีอะไรกับคนอื่น นั่นเป็นการผิดกฎที่เราตั้งกันไว้
“ขอโทษนะที่ให้แต่เงิน แต่ถ้าแม่ไม่ทำงานเพ้นท์ก็ต้องลำบากน่ะสิ แม่อยากให้เพ้นท์มีความสุขนะลูก”
“เพ้นท์ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
“จ้า ๆ ฉันร้อนตัวเอง”
“คุณนาย”
“ว่าไง มีเรื่องกลุ้มอะไรจ๊ะเธอ”
“เพ้นท์สวยไหม”
“สวยสิ ลูกสาวฉันไม่สวยใครจะสวย”
“สวยเหมือนแม่ใช่ไหม”
“ใช่สิ ลูกสาวแม่ก็ต้องสวยเหมือนแม่สิ”
“ชมกันเองอีกละ”
“แน่นอน นี่เพ้นท์แม่จะบอกให้ฟังนะลูก ก่อนที่เราจะอยากได้กำลังใจจากคนอื่นเราต้องรู้จักให้กำลังใจตัวเองก่อน ถ้าเราทำไม่ได้กำลังใจจากคนอื่นก็ไม่ช่วยอะไรหรอกลูก ต่อให้เราได้กำลังใจมากเท่าไหร่มันก็จะเหมือนคำพูดธรรมดาเท่านั้นเอง”
“ยังไงอะแม่”
“ก็ถ้าอยากให้คนอื่นรักเราเราต้องรักตัวเองให้เป็นก่อน ลองคิดดูนะขนาดตัวเราเองยังไม่รักตัวเองแล้วใครมันจะมารักเรา ความรักน่ะถ้าเราให้คนอื่นได้เราก็สามารถให้ตัวเองได้ รักตัวเองนะเพ้นท์ เพ้นท์ของแม่มีค่าที่สุด ไม่ว่าจะเจออะไรมา ผ่านมันไปให้ได้ แม่รักเพ้นท์นะ”
“…คุณนายพัดชาไปแอบดูละครเรื่องไหนมาเนี่ย บ่นอะไรไม่รู้ ไม่คุยด้วยแล้ว” ปล่อยกอดแล้วเดินออกจากห้องนอนของแม่ แม่ที่เหมือนทำแต่งานไม่สนใจลูก บางทีอาจจะรู้เรื่องของฉันดีทุกอย่างโดยที่ฉันไม่จำเป็นต้องเล่าให้ฟัง
“จ้า ไม่คุยก็ไม่คุย อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันด้านล่างนะ กินข้าวกันฉันสั่งข้าวมาแล้ว อยากกินข้าวกับเธอ”
“ค่าคุณนาย” แม่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันแต่ว่ารู้ใจฉันที่สุด รู้ด้วยว่าตอนนี้ฉันรู้สึกแย่และแม่ก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยชอบให้โอ๋ นี่เป็นวิธีปลอบสไตล์คุณนายพัดชา
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ลงมาหาแม่ที่ชั้นล่าง ไม่อยากกินก็ต้องกินเพราะว่านาน ๆ จะได้กินข้าวกับแม่สักครั้ง หลังจากแม่ไปฉันจะเปิดเพลงเศร้า ๆ ร้องไห้ให้หนัก เสียใจให้พอจะได้กลับมารักตัวเองสักที
ในเมื่อออยล์มันชัดเจนขนาดนี้ ฉันก็ควรหยุดทำตัวน่าสมเพช
เวลาห้าทุ่มฉันนั่งดื่มที่ร้านเหล้าใกล้บ้าน แม่น่ะออกจากบ้านไปนอนโรงแรมตั้งแต่สองทุ่ม จากนั้นฉันก็ออกจากบ้านบ้าง ตอนแรกว่าจะนอนร้องไห้ แต่ที่ผ่านมาฉันร้องมามากจนหัวใจมันเริ่มด้านชา ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่าเดี๋ยวออยล์ก็กลับมาหาฉัน เดี๋ยวเขาก็หันกลับมา เมื่อไหร่ที่เขาพอเขาจะกลับมาหาฉันเอง
ฉันคิดว่าฉันรอได้
‘ก่อนจะรักคนอื่น เพ้นท์ต้องรักตัวเองให้เป็นก่อนนะลูก’
แต่แล้วพอดื่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ คำพูดของแม่ก็ก้องอยู่ในหัว สิ่งที่ฉันทำและเคยทำในอดีตคือการไม่รักตัวเอง ฉันในอดีตยอมเป็นของออยล์ง่าย ๆ ง่ายจนเขาคิดว่าตอนนี้เขี่ยฉันทิ้งไว้ตรงไหนก็ได้
ขณะที่ฉันเสียใจจะเป็นจะตาย แต่ออยล์มันไปเริงรักกับคนที่มันรัก ในเมื่อมันพูดชัดเจนว่าไม่รัก ฉันก็ควรจะหยุด
และหาวิธีลืมคนอย่างมันให้เร็วที่สุด
“ทำไมตาบวม” แตงกวาเพื่อนในกลุ่มถามใช่ค่ะ แตงกวาคนนั้นแหละเราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันและเราใช้ผู้ชายคนเดียวกัน แค่สถานะของเราต่างกัน แตงกวาเป็นแฟนออยล์ แฟนที่ออยล์ถนอม แฟนที่ออยล์ให้ความชัดเจน ขณะที่ฉันเป็นแค่เพื่อนนอน เป็นแค่คนในมุมมืด ใจฉันรู้ดีว่าฉันควรเลิกโง่ได้ตั้งนานแล้ว ทนแบบนี้ไปเพื่ออะไรทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างใจคิด เพราะที่ผ่านมาฉันหมกมุ่นกับออยล์มากเกินไป มากซะจนฉันลืมไปว่าไม่ควรฝากความรู้สึกไว้กับใครมากขนาดนี้“อ่านนิยาย” เพื่อนรู้ดีว่าการอ่านนิยายเป็นสิ่งที่ฉันชอบทำเวลาว่าง อ่านแล้วก็อินคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอยู่เรื่อย ในนิยายพระเอกเถื่อนมันกร้าวใจ แต่ชีวิตจริงขอไม่เจออะไรแบบนั้นนะแค่ที่เจออยู่ชีวิตรักก็รันทดจนไม่รู้จะรันทดยังไงแล้ว ก็รู้นะว่าโทษใครไม่ได้เพราะว่าฉันทำตัวเองล้วน ๆ“คนเก่งนี่ดีจริง ๆ จะสอบอยู่แล้วก็ยังมีเวลาอ่านนิยาย ไม่เหมือนเรา อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว” แตงกวาเอ่ยหึ การทำตัวโง่นี่ได้ใจผู้ชายสินะ“กวามีข้อไหนไม่มั่นใจก็ให้เพ้นท์มันติวให้สิ” ออยล์พูดพลางจับแก้มแตงกวาเล่นคนที่ไม่รักมักจะไม่ถนอมน้ำใจกัน ทั้งที่พูดกับฉันขนาดนั้น ไม่คิดว่าฉันจะเสียใจบ้า
“ยังไงไหนเล่า ทำไมมึงถึงได้ไปกับพี่เซ้นต์” เข้ามานั่งในห้องเรียนก้นยังไม่ถึงเก้าอี้ฟินฟินก็ถามพร้อมสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“ก็ไม่ยังไง เบื่อ ๆ เลยหาคนคุย”“มึงเนี่ยนะหาคนคุย อะไรเข้าสิงมึง” ทรีถาม“กูมันยังไง ทำไมจะมีคนคุยไม่ได้” ฉันหันไปมองหนุ่มหล่อสายเกา เขาเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ไทย ทรีกับทูกับฝาแฝดกัน สองคนนี้หน้าเหมือนกันมาก สิ่งที่ทำให้แยกสองคนนี้ออกคือความสูงที่ห่างกัน 10 เซนติเมตร“ก็ไม่เห็นมึงจะสนใจใคร ขนาดว่ากูหล่อขนาดนี้ ตามจีบมึงมาตั้งหลายเดือนไม่เห็นมึงสนกู” ทรีทำหน้าน้อยใจ จริงอย่างที่ทรีพูด เขาตามจีบฉัน แต่ว่าฉันไม่สนใจเขา“คนที่เปลี่ยนสาวจนกระเจี๊ยวป่วยแบบมึงกูจะกล้าให้ใจได้ไง” ทรีน่ะเจ้าชู้ สาวเยอะ ไม่คบใครจริงจัง“ก็ถ้ามึงยอมรับรักกูกูก็พร้อมจะมีแค่มึง”“คำพูดคนเจ้าชู้เชื่อไม่ได้”“ลองเชื่อกูสักครั้งกูจะไม่ทำให้มึงเสียใจ” ทรีพูดด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุด รอยยิ้มของคนเจ้าชู้แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝาแฝดคู่นี้หล่อจริง ๆ“ไม่ขอลองเสี่ยงดีกว่า เป็นเพื่อนกันแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากเสียเพื่อน” เพราะว่าฉันสูญเสียออยล์ไปแล้ว ฉันกับออยล์กลับไปเป็นเพื่อนที่แปลว่าเพื่อนแบบนั้นไม่ได้อีกแล้
(เป็นอะไรมากไหม หาหมอหรือยัง ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยหรือเปล่า)“เพ้นท์กินยาแล้วค่ะ อีกหน่อยจะนอนพัก”(พี่ผิดเอง เมื่อคืนไม่น่าพาเที่ยวจนดึก ขอโทษนะ)“ไม่ใช่ความผิดของพี่เซ้นต์ค่ะ เพ้นท์ไม่สบายนิดเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ”(เพ้นท์ยังไม่ตอบพี่เลยว่าที่บ้านมีคนอยู่ด้วยไหม ไม่ได้อยู่คนเดียวใช่ไหม)“มีค่ะ วันนี้แม่ของเพ้นท์อยู่บ้าน”(โอเค พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง)“ค่ะ พี่เซ้นต์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นอนพักไม่นานเพ้นท์ก็หายแล้วค่ะ”(ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่จะส่งไปให้)“ขอบคุณนะคะ พี่เซ้นต์ดีกับเพ้นท์มากเลย”(พี่ชอบเพ้นท์ไง)“...”(พักผ่อนนะ ตื่นแล้วทักหาพี่หน่อยนะ)“โอเคค่ะ เพ้นท์วางนะ”(ครับ)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ฉันก็นอนมองเพดานห้อง วันนี้ฉันไม่ได้ไปเรียน สภาพของฉันไม่เหมาะที่จะออกไปเจอคนอื่น ฉันไม่ควรเอาตัวเองออกไปประจานเมื่อคืนนี้ทุกอย่างจบลงที่เรื่องอย่างว่า เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่เต็มใจที่จะมีอะไรกับออยล์ และเป็นครั้งแรกที่ออยล์รุนแรงใส่ฉันและฉันรู้สึกรังเกียจเขาที่ทำเหมือนฉันเป็นของเล่น คิดจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ทำเหมือนฉันไร้ความรู้สึก“เมื่อคืนกูขอโทษ” คนทำก็ไม่ได้หายไปไหน นอนอยู่ข้างฉันนี่แหละ
“เราจะไปคุยกันที่ไหนคะ” เดินออกมาไกลจากโรงอาหารของคณะบริหารแล้วนะ นี่ต้องไปไกลแค่ไหนกันแต่ทำไมฉันต้องเดินตามเขาล่ะ ฉันไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อย“รู้จักพี่ไหม” หนุ่มคณะวิศวะหยุดเดิน หันมาพูดกับฉัน“เหมือนจะเคยเห็นนะคะ แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน”“แล้วรู้จักไอ้เซ้นต์ไหม”“อ้อ รู้จักค่ะ”“เป็นอะไรกับมัน”“...”“ว่าไง”“ก็คุย ๆ กันอยู่ค่ะ”“คนคุย?”“ทำไมคะ”“ถ้าเป็นคนคุยงั้นก็คุยกับมันหน่อยสิ”“หืม?”“มันนั่งรออยู่ในรถ” หนุ่มวิศวะชี้ไปที่รถเก๋งสีดำเงาที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถ “ไปดิ”“ค่ะ” เพราะท่าทางน่ากลัวของคนพูด ทำให้ฉันต้องเดินมาที่ลานจอดรถ เดินใกล้เข้ามาถึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดอยู่ ฉันเคาะที่กระจกฝั่งคนขับไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ไหม เพราะว่ามันมืด มองไม่เห็นด้านในของรถประตูจากเบาะหลังเปิดออก ฉันชะโงกหน้ามองจึงเห็นว่าพี่เซ้นต์นั่งอยู่เบาะหลัง สีหน้าที่เรียบนิ่งผลักให้ฉันเดินเข้ามานั่งในรถข้างเขา“ผู้ชายคนนั้นเพื่อนพี่เซ้นต์เหรอคะ” ฉันถามพลางมองไปที่หนุ่มวิศวะคนนั้นซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้ใกล้มากพี่เซ้นต์เอื้อมมือปิดประตูโดยการขยับตัวมาใกล้ฉันมาก ๆ ฉันก็เลยพยายามลีบตัวใ
“พี่โจวิศวะ มาหามึงทำไมวะ” ฟินฟินถามเมื่อฉันกลับเข้าห้องเรียนก่อนอาจารย์เข้าสอน“เขาชื่อโจเหรอ” ฉันถามด้วยความไม่รู้ เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของพี่เซ้นต์ก็ตอนที่พี่เซ้นต์แนะนำให้รู้จัก แนะนำตอนเขาเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วก็ขับรถมาส่งฉันที่หน้าตึกเมื่อกี้นี้เอง แล้วก็ไม่ได้มีแค่พี่โจ มีพี่อีกคนด้วยที่เข้ามานั่งข้างคนขับ เขาชื่อว่าเบย์“มึงไม่รู้จักเขาแล้วไปกับเขาทำไมอีเพ้นท์” ฟินฟินทำหน้าโมโห“ก็เขาบอกมีเรื่องคุยด้วย”“แบบนี้ถ้าใครขอคุยด้วยมึงไม่ไปกับเขาหมดเหรอ”“ก็ไปนะ มีมารยาท”“อี อีเพ้นท์บ้า ทีหลังอย่าไปกับคนแปลกหน้า ดีนะที่วันนี้คนที่มาคือเพื่อนพี่เซ้นต์ ถ้าเป็นคนอื่นจะทำไง มึงไม่กลัวมีปัญหากับพี่เซ้นต์เหรอ หรือว่ามึงเลิกคุยกับพี่เซ้นต์แล้ว”“เปล่า ก็คุยอยู่ เขาเป็นคนให้เพื่อนเขามาตามน่ะ”“อ้อ งั้นกูถามหน่อย”“ถามอะไร”“มึงได้บอกเขาไหมว่ามึงชอบลืมโทรศัพท์แล้วบางทีอารมณ์ผีบ้าเข้าสิงมึงก็ชอบกดปิดเสียง ปิดแจ้งเตือน”“บอกนะ บอกไปนิดหน่อย”“ตอนนี้มึงกับเขาเป็นอะไรกัน คนคุยไหมหรือยังไง” หว่าหวาที่ฟังอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“เขาเพิ่งขอกูเป็นแฟนเมื่อกี้เอง”“ว้าว มึ
เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ”ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียวแต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน“เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ”“จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม“ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ”“งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม”“ค่ะ”เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้“น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟาช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื
หกโมงเย็นที่สนามฟุตบอลพี่เซ้นต์เดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ เขาในชุดฟุตบอลเท่จังเลย ใจฉันเต้นรัวแปลก ๆ แล้วสิไม่เพ้นท์ตอนนี้สายตามึงไม่ได้มองหน้าเขา มึงมองเป้าเขา จังหวะที่เขาวิ่งตรงนั้นมันดิ้นดุ๊กดิ๊กน่ารักจนใจฉันสั่น“รอพี่นานไหม” เสียงของพี่เซ้นต์ทำให้ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงของเขา“ไม่นานค่ะ” ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นน้ำเย็นให้เขา คงไม่ได้จับได้นะว่าฉันจ้องตรงนั้นอะพี่เซ้นต์รับน้ำไปดื่ม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระดกน้ำดื่ม จังหวะที่เขากลืนน้ำลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ท่าดื่มน้ำจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้ไหม แล้วนี่อะไร ทำไมต้องเทน้ำที่เหลือใส่หน้า ทำไมต้องทำให้มันเปื้อนเสื้อด้วยล่ะไม่ แล้วทำไมฉันต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเซ็กซี่สักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ไม่ทราบ“ตอนนี้ห้องน้ำใกล้ ๆ นี้น่าจะเต็มไปด้วยคน รออีกแป๊บได้ไหม รอพี่เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“กลับชุดนี้เลยก็ได้นะคะ เพ้นท์ไม่ถือ” ผู้ชายที่อยู่ในชุดกีฬานี่เท่จริง ๆ ข้างบนก็ดูแกร่ง ข้างล่างก็...“เหงื่อพี่เยอะ เดี๋ยวเพ้นท์...”“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เซ้นต์กังวลก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำที่ห้องเพ้นท์ก่อนก็ได้นะคะ นี่เย็
สรุปแล้วทริปวันหยุดยาวฉันตัดสินใจไปกับเพื่อนเพราะหว่าหวารบเร้าหนักมาก เนื่องจากช่วงนี้นางกำลังคุยกับพี่โจ หว่าหวาอยากไปเที่ยวกับพี่โจ แต่ก็ไม่กล้าชวนตรง ๆ จึงใช้ฉันเป็นข้ออ้าง ฉันไปพี่เซ้นต์ก็ไป เมื่อพี่เซ้นต์ไปพี่โจที่รักเพื่อนและว่างไม่ได้เดินทางกลับบ้านก็ไปด้วย ทุกอย่างเข้าแผนที่หว่าหวาวางไว้เพื่อนฉันนี่มันฉลาดจริง ๆฉันเสนอตัวขับรถมารับพี่เซ้นต์ที่บ้านของเขา หว่าหวาหาเรื่องเดินทางกับพี่โจสองคน เพื่อนที่เหลือเจอกันจุดนัดหมาย นั่นก็คือบ้านพักเขาใหญ่ที่พ่อแม่หว่าหวาเป็นเจ้าของ“เพ้นท์อยู่หน้าบ้านพี่แล้วค่ะ”(ครับ เดี๋ยวพี่ออกไป)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ก็เดินออกมาตัวเปล่า กระเป๋าเสื้อผ้าเขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่พกมาด้วย ปกติเห็นชอบพกตลอด ไปเรียนก็พกเสื้อผ้าติดตัวไปเปลี่ยน หลายวันมานี้เสื้อผ้าเขาอยู่ที่ห้องฉันหลายตัวแล้ว คือหลังเลิกเรียนเขาชอบเตะบอลกับเพื่อนน่ะ ก่อนกลับบ้านก็จะแวะมาอาบน้ำที่ห้องแล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นเขาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านของเขา“เสื้อผ้าไม่เอาไปเหรอ”“เข้าบ้านกับพี่ได้ไหมครับ”“ทำไมคะ”“ป้าของพี่อยากเจอเพ้นท์ เข้าไปทำความรู้จักได้ไหมครับ”“ตอนนี้เลยเหรอคะ”“ครับ
ครืด ครืด ครืดฉันลืมตาตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่มันแผดร้อง ปกติจะปิดเสียงกันรบกวน แต่เพราะคืนนี้พี่เซ้นต์ออกไปหาเพื่อน กลัวเขาจะโทรหาฉันก็เลยเปิดเสียงพร้อมกับเอาโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัว“มีไรมึง” แต่คนที่โทรมาครั้งไม่ใช่พี่เซ้นต์ เป็นเฟย์ น่าแปลกที่เฟย์โทรหาฉันเวลานี้ นี่แทบจะเป็นครั้งแรกที่เพื่อนคนนี้โทรมาเวลานี้(อยู่คอนโดปะ)“อืม”(ลงมาข้างล่างหน่อยดิ)“มีอะไรวะ น้ำเสียงจริงจังจัง”(ลงมาหน่อย มาคนเดียวนะ)“เออ ๆ”เพราะว่าเฟย์คือเพื่อน เขาก็คอยช่วยฉันหลายเรื่อง วันนี้เขาอาจจะมีปัญหาใหญ่ อาจจะต้องการคำปรึกษาหรือคำปลอบใจ ฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจลงมาหาเพื่อน เรื่องของเรื่องวันนี้เขาไม่มาเรียนด้วย บางเรื่องถ้ารับฟังแล้วช่วยเขาได้ฉันก็พร้อมจะช่วยลุกมาเปลี่ยนชุดนอนสายเดี่ยวออกแล้วสวมเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ ตอนนี้เวลาห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืน เป็นเวลาที่ควรนอน แต่เพื่อนมาหาถึงที่นี่ก็แปลว่ามีเรื่องจริง ๆทว่าเมื่อมาถึงฉันก็อยากถอยหลังกลับทันที“อะไรกันวะ”“วันนี้กูไม่ได้มาเรียน ไม่ได้รู้ว่ามึงมีปัญหากับไอ้กวา” เฟย์ตอบ“อืม กูทนมันไม่ได้แล้ว พูดแค่นั้นทำแค่นั้นก็ดีเท่าไหร่แล้ว ทำไมอะ มึงพามันมาหากูด้วยเรื่อ
หนึ่งอาทิตย์ที่คุณนายพัดชาว่างนั้นทุ่มเวลาอยู่กับฉันทั้งหมด อยู่แบบสามคนพ่อแม่ลูกอะ และเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่ายเราไปตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งผลก็ออกมาแล้ว ฉันกับคุณธันวาเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวฉันไม่ได้ประกาศหรือเล่าให้ใครฟังว่าฉันมีพ่อแล้วนะ ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่เอ่ยปากบอกใคร ขณะเดียวกันคุณธันวาก็พาฉันและแม่ไปหาญาติผู้ใหญ่ฝั่งเขา แม่ของคุณธันวาหรือจะเรียกว่าย่าของฉันก็ได้ ย่าต้องการให้พ่อแม่ของฉันจัดงานแต่งงานกัน ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวและให้ฉันย้ายไปใช้นามสกุลของพ่อ ย่าต้องการใส่ชื่อฉันเข้าวงศ์สกุลแม่ของฉันยังไม่อยากแต่ง ผู้ใหญ่จึงหาทางออกด้วยการจดทะเบียนสมรส ฉันจึงกลายเป็นหลานสาวคนโตที่พลัดพรากของตระกูล อิทธิฤทธิ์จากที่ขอเวลาหนึ่งอาทิตย์ ตอนนี้ฉันก็เลยต้องไปมาระหว่างบ้าน คอนโดและบ้านย่า สนุกสนานหรรษามาก“ช่วงนี้ทำไมเปลี่ยนกระเป๋าบ่อยจังวะ” หว่าหวามองมาที่กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงที่ฉันถือมา“แอบไปเป็นเด็กเสี่ยหรือเปล่า” อันนี้คำพูดของแตงกวา ทุกวันนี้นางเป็นตัวเองมากขึ้น ไม่เหนียมอายทำตัวลูกคุณหนูอีกแล้วยิ่งนานวันยิ่งเผยสันดาน“แม่ให้มา” ย่าต่างห
“จำเป็นต้องกินข้าวที่โรงแรมหรูขนาดนี้เหรอคะคุณนาย” วันนี้คุณนายพัดชานัดฉันมากินข้าวในรอบหลายเดือน เป็นหลายเดือนที่แม่ลูกไม่ได้เจอกัน พอว่างหน่อยก็นัดเจอซะหรูหราทั้งที่กินที่บ้านก็ได้รอบนี้คุณนายพัดชามาแปลกมาก“แหม ไม่ได้เจอกันนาน ฉันก็ต้องเลี้ยงอะไรเธอให้ดีหน่อยสิ เดี๋ยวจะหาว่าฉันทิ้งลูกสาว”“ทิ้งอะไร โอนเงินให้ใช้ไม่เคยขาด ของกินก็ส่งมาให้ตลอด”“ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี ฉันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง”“ใช่ที่ไหนกัน เพ้นท์เติบโตมาอย่างดี เพ้นท์เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะมีแม่คอยเลี้ยงดู คุณนายพัดชาเป็นอะไรคะ ป่วยหรือเปล่าเนี่ย พูดจามีพิรุธ”“คนป่วยอะไรจะสวยขนาดนี้ ฉันไม่ได้ป่วยจ้ะเธอ ฉันยังอยู่กับเธอไปอีกนาน”“ใช่ คุณนายพัดชาสวยมากค่ะ วันนี้ยิ่งสวย”“มีเรื่องจะบอกด้วยนะ อยากรู้ไหม” เห็นปะล่ะว่ามีพิรุธ“เรื่องอะไร หรือว่ามีคนรักมาแนะนำ”“ถ้าบอกว่าเขาเป็นพ่อของเธอเธอจะเชื่อฉันไหม”“…”“ถ้าเพ้นท์ไม่อยากเจอเขาแม่ไม่บังคับนะ”“พ่อ?”“คนที่ทำให้เธอเกิดมา”“ไหนตอนนั้นบอกไม่รู้ว่าใคร”“ฉันก็ใช่คนมั่วแบบนั้นที่ไหนล่ะ ว่าแต่เธออยากเจอเขาไหม”“เขามีลูกมีเมียหรือเปล่า ไปเป็นเมียน้อยเมียเก็บเขาหรือเป
“เงินโอนเข้าพร้อมเพย์กูเลยละกัน” ไอ้เบย์พูดกวนประสาท แต่ก็เหมือนเอาความจริงมาพูดครั้งนี้พวกมันทายว่าผมต้องแพ้เดิมพันแน่นอน“ทำไมต้องโอน กูบอกแล้วว่าคบอีกหน่อยค่อยเลิก”“ตั้งแต่วันที่มึงบอกก็ผ่านมาสี่ห้าเดือนแล้ว อีกหน่อยของมึงนี่เท่าไหร่วะเพื่อน” ไอ้เจสรีบพูด มันหันมายิ้มกวนใส่ผมแล้วพูดต่ออีกว่า “คบเล่น ๆ เล่นแบบไหนถึงขั้นย้ายข้าวของไปอยู่ห้องเขาแบบนั้น มึงยอมรับเถอะว่ามึงหลงน้องเพ้นท์เข้าให้แล้ว”“โอนมาก็จบแล้วพวกกูจะไม่ปริปากพูดเรื่องนี้ให้เมียมึงได้ยิน จะปิดเป็นความลับตลอดไป”“แต่จะแซวมึงไปเรื่อย ๆ ว่ามึงมันตกม้าตาย”“กูไม่โอน อย่าได้คิดว่าพวกมึงจะได้แซวกูครับ กูบอกแล้วว่าคบอีกสักพักก็เลิก ยังไงกูก็เลิกแน่ ๆ”“เออเลิก เลิกเป็นคนแล้วกลายเป็นหมาเดินตามเมียต้อย ๆ ติดเขาหนึบหนับ กูถามหน่อยว่าเขาโทรหามึงทักหามึงก่อนบ้างไหม ส่วนใหญ่ก็มึงทั้งนั้นที่ตามเขากลัวเขาหายไปจากชีวิต”“มึงซ่อนอยู่ใต้เตียงกูหรือไง รู้เรื่องของกูดีเหลือเกินไอ้สัด”“แค่ตอนนี้ที่มึงนั่งกดข้อความส่งหาเขามันก็ฟ้องทุกอย่างแล้วไอ้เซ้นต์ มึงอะรักเขา มึงรักเขาครับไอ้หมาเซ้นต์” พูดแล้วไอ้โจมันก็ยิ้มกวนส้นตีน“ไปไหนอะ” ผมละส
“หายหัวไปเลย นี่ถ้าวันนี้มึงไม่มาเรียนกูว่าจะตามละนะ” ก้นยังไม่ทันถึงเก้าอี้ฟินฟินก็เอ่ยปากบ่นทันที“ไม่ค่อยสบายไง” ฉันแค่ไม่มาเรียนสามวันเพราะอยากให้รอยมือพี่เซ้นต์หายและรอยดูดจางลง ซึ่งรอยดูดเนี่ยมันไม่ได้จางง่าย ๆ ก็เลยต้องกลบด้วยเครื่องสำอาง และวันนี้ฉันก็เลยต้องปล่อยผมทั้งที่อากาศอบอ้าว ไม่อยากเป็นจุดสังเกต“นึกว่าทะเลาะกับผัว” หว่าหวามันบอกว่ามันเลิกคุยกับพี่โจแล้ว ได้แล้วจบ แต่ทำไมพูดเหมือนรู้เรื่องที่ฉันกับพี่เซ้นต์ทะเลาะกันล่ะ“นิดนึง”“หือ ทะเลาะกันเหรอ”“อืม ติดต่อกูไม่ได้”“รุนแรงปะ”“ไม่นะ” รุนแรงสิ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาออกมาพูดให้เพื่อนฟัง ในเมื่อฉันยังคบกับพี่เซ้นต์ ไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องเอาแฟนของฉันออกมาประจานให้เขารู้สึกเสียหน้าต่อให้เขาไม่ดีฉันก็ควรพูดคุยกับเขาแค่สองคน“ว่าไปแล้วพี่เซ้นต์ก็ดูนิ่ง ๆ นะ เวลาทะเลาะเขาน่ากลัวไหม”“ไม่ถึงขนาดใช้คำว่าน่ากลัว” ที่ไหนกันล่ะเขาน่ากลัวมาก“ทำตัวไม่ดีแบบนี้ก็แย่หน่อยนะ อย่าลืมสิว่าตัวเองมีแฟนแล้ว” นางกลับมาละ กลับมาก็แขวะฉันทันทีแตงกวาคือเหตุผลหนึ่งที่ฉันยังคบกับพี่เซ้นต์ หากเลิกกับพี่เซ้นต์ก็ไม่พ้นพูดแซะฉัน ซึ่งฉันเป็นคนอ
ลืมตาขึ้นมองเพดานห้องตอนตีห้าครึ่ง จับแขนคนที่นอนข้าง ๆ ออกแล้วลุกเดินออกจากห้องนอน เดินมาเข้าห้องน้ำที่อยู่นอกห้องนอนถอดเสื้อยืดตัวใหญ่ออก ยืนมองสภาพตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ ทั้งตัวฉันมีแต่รอยดูด รอยแดงช้ำเป็นจ้ำ ๆ ที่คอสองจุด ใต้คางหนึ่งจุด หน้าอกนับไม่ถ้วน สภาพทุเรศมาก บริเวณหน้าท้องมีไม่ต่ำกว่าสิบจุด ขาอ่อนทั้งสองข้างเต็มไปด้วยรอยดูดรอยฟันรอยเขี้ยวเกิดมาฉันเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าจะแย่ขนาดนี้ยืนมองตัวเองที่กำลังร้องไห้หน้ากระจกเกือบ 20 นาทีฉันก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินมาที่ตู้เย็น โชคดีที่เบียร์ที่ซื้อไว้ยังเหลือก็เลยหยิบมาเปิดกระดกดื่มก่อนจะมานั่งที่ริมระเบียง นั่งมองผู้คนที่พากันตื่นแต่เช้า และบางคนก็คงยังไม่ได้นอน ผู้คนเดินสวนกันไปมา แม่ค้าขายหมูปิ้งไก่ย่างข้าวเหนียวรีบย่างกลัวจะไม่ทันลูกค้า พระเริ่มออกบิณฑบาต ทุกคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองส่วนตัวฉันนั่งดื่มแต่เช้าเพื่อกลบเรื่องเศร้า ฉันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ อายุฉันเพิ่ง 20 ปีเอง ไม่ควรคิดเบื่อโลกใบนี้แบบนี้ ในโลกใบนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าค้นหาและเรียนรู้ เจอเรื่องแค่นี้จะไม่อยากใช้ชีวิตได้ยังไง“ทำไ
สามทุ่มฉันกลับถึงคอนโด อาการเมาค้างครั้งนี้หนักหนาจริง ๆ จากอาการเมื่อคืนฉันคงเมาแล้วหลุดไปเลยเดินดุ่ม ๆ เข้าลิฟต์ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ขอแค่ที่นอนนุ่ม ๆ ก็พอแล้ว ตอนนี้อยากทิ้งตัวมาก ๆ เลย แทบจะยืนหลับในลิฟต์อยู่แล้วด้วย ยืนพิงตัวในลิฟต์แล้วก็หลับตาด้วยความง่วง เมื่อไหร่จะถึงชั้น 36“โทรหาทำไมไม่รับสาย” เสียงนี้เสียงของพี่เซ้นต์ นี่ เขาเข้ามาอยู่ในลิฟต์ได้ยังไง“มาได้ไงคะ” ลืมตามองจึงเห็นว่าเป็นแฟนของฉันจริง ๆ ด้วย“นี่ไม่เห็นพี่” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ไม่ได้มองอะไรเลยค่ะ” ฉันไม่ได้มองจริง ๆ ไม่ใช่จะเมิน แฟนทั้งคนจะเมินได้ไง“แล้วก็ไม่ได้สนใจพี่ด้วย” นั่นไง หาว่าฉันเมินจริงด้วย“นี่เรากำลังจะทะเลาะกันหรือเปล่าคะ”“ไม่คิดว่าพี่ควรโกรธหน่อยเหรอ หายไปไหนมาทำไมไม่บอกกันบ้าง”“...” อย่ามาทะเลาะกันตอนนี้ได้ไหม ร่างกายและสมองฉันไม่พร้อมทำงานจริง ๆ“ไปไหนมา”“พี่เซ้นต์กลับไปก่อนนะวันนี้เพ้นท์อยากอยู่คนเดียว ถ้าจะทะเลาะเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” ไหน ๆ ก็จะทะเลาะกันสู้ทะเลาะวันที่สมองฉันทำงานไม่ดีกว่าเหรอ มาทะเลาะกันตอนนี้ฉันอาจจะเผลอพูดอะไรไม่ดีก็ได้“อยากอยู่คนเดียวทำไม นี่เป็นอะไรอ
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทักของออยล์ทำให้ฉันที่มึนงงรู้สึกปวดหัวอย่างมากกวาดตามองรอบห้องถึงได้เห็นว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนที่คอนโดและไม่ใช่ห้องนอนที่บ้านฉัน เมื่อคืนนี้หลังจากดื่มจนเมามันเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ“ทำไมกูมาอยู่ที่นี่” ที่นี่ที่ว่าคือบ้านของออยล์ ตอนนี้ฉันอยู่บนเตียงนอนเขา เตียงที่เราเคยมีอะไรกันบ่อยมาก“อีดอกเมื่อคืนมึงเมา เราเมาไงคะ ขับกลับไปไหวเลยนอนบ้านไอ้ออยล์กันหมดค่ะ” ฟินฟินลุกขึ้นมาจากข้างเตียงด้วยสภาพไม่น่ามอง หัวกระเซอะกระเซิงต่างจากเวลาปกติมาก ปกติโคตรจะสวยได้ยินเพื่อนพูดฉันก็มองไปที่พื้นห้อง เพื่อนฉันนอนระเนระนาดเต็มพื้นห้องออยล์“ใครนอนเตียงกับกู” เมื่อคืนฉันเมาแล้วคงไม่ได้พูดอะไรที่มันไม่น่าฟังออกไปใช่ไหม“มึงนอนคนเดียว มึงบอกเตียงนี้เป็นของมึง กูถึงได้นอนพื้นกันนี่ไง ไอ้เหี้ยออยล์ทีหลังก็ซื้อเตียงที่ใหญ่กว่านี้หน่อยอีเพ้นท์อ้าแขนอ้าขากางเต็มที่นอนหมดเลย” หว่าหวาลุกขึ้นมาโวยวายบ้างทางด้านเฟย์ ทู ทรียังคงคลุมโปง“วันนี้ไม่ไปเรียนแล้ว นอนต่อเหอะกูปวดหัว” ฟินฟินเอ่ยก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ“เออดี” ตามด้วยหว่าหวาฉันก็อยากนอน แต่นอนที่ห้องออยล์แบบนี้ไม่ดีแน่“นอนเถอะ เพื
“วันนี้ไม่ตามเมีย” ไอ้เจสเพื่อนในกลุ่มเอ่ยด้วยความอยากเสือกเพราะว่าวันนี้ผมมาดื่มกับพวกมันที่ร้านเหล้าได้“ห่างกันบ้าง” ไม่ใช่อะไรวันนี้เธอบอกว่าเพื่อนพากันไปดื่มที่คอนโดเธอ ผมก็เลยปลีกตัวมาอยู่กับเพื่อนบ้าง“เด็ดไหมวะ ท่าทางหยิ่ง ๆ เวลาโดนกระแทกเป็นไงวะ” ไอ้เบย์ที่ท่าทางเหมือนหนุ่มขี้อายเอ่ยถาม หนุ่มขี้อายก็แค่ภาพลักษณ์ที่มันสร้างขึ้นมาตกสาวก็เท่านั้น“งั้น ๆ”“ตามจีบมาตั้งนาน พอได้แล้วบอกว่างั้น ๆ เหรอวะ”“ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด”“ไอ้เฟย์มาถามกูอยู่ว่ามึงเป็นคนยังไงกันแน่ คงกลัวว่ามึงจะทำให้เพื่อนมันเสียใจมั้ง”“มึงว่าไง”“กูบอกมึงเป็นคนดี”“มันคงเชื่อ”“เพ้นท์เชื่อก็พอไม่ใช่เหรอวะ”“อืม”“แล้วจะเลิกเมื่อไหร่อะ” ไอ้เบย์ถามต่อ“เหมือนจะยังไม่ได้รักกูขนาดนั้น ว่าจะคบต่ออีกหน่อย เวลาเลิกจะได้ร้องไห้เสียใจเยอะ ๆ สะใจดี”“พอถึงเวลานั้นขึ้นมาไม่ใช่ว่ามึงนะที่ตกหลุมรักน้องเขาจริง ๆ”“นอกจากตัวเองกูเคยรักใครด้วยเหรอ”“ก็จริง มึงมันรักแค่ตัวเองกับเงิน”“เงินแสนเดียวไอ้เซ้นต์ใช้เวลาเกือบเป็นปีกว่าจะจีบติด”“ก็ท่าทางเด็กมันหยิ่ง แต่สุดท้ายก็งั้น ๆ”เพื่อนผมกำลังพูดถึงผู้หญิงที่ผมจีบมาเป็นแฟน เ