“ทำไมตาบวม” แตงกวาเพื่อนในกลุ่มถาม
ใช่ค่ะ แตงกวาคนนั้นแหละ
เราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันและเราใช้ผู้ชายคนเดียวกัน แค่สถานะของเราต่างกัน แตงกวาเป็นแฟนออยล์ แฟนที่ออยล์ถนอม แฟนที่ออยล์ให้ความชัดเจน ขณะที่ฉันเป็นแค่เพื่อนนอน เป็นแค่คนในมุมมืด ใจฉันรู้ดีว่าฉันควรเลิกโง่ได้ตั้งนานแล้ว ทนแบบนี้ไปเพื่ออะไร
ทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างใจคิด เพราะที่ผ่านมาฉันหมกมุ่นกับออยล์มากเกินไป มากซะจนฉันลืมไปว่าไม่ควรฝากความรู้สึกไว้กับใครมากขนาดนี้
“อ่านนิยาย” เพื่อนรู้ดีว่าการอ่านนิยายเป็นสิ่งที่ฉันชอบทำเวลาว่าง อ่านแล้วก็อินคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอยู่เรื่อย ในนิยายพระเอกเถื่อนมันกร้าวใจ แต่ชีวิตจริงขอไม่เจออะไรแบบนั้นนะ
แค่ที่เจออยู่ชีวิตรักก็รันทดจนไม่รู้จะรันทดยังไงแล้ว ก็รู้นะว่าโทษใครไม่ได้เพราะว่าฉันทำตัวเองล้วน ๆ
“คนเก่งนี่ดีจริง ๆ จะสอบอยู่แล้วก็ยังมีเวลาอ่านนิยาย ไม่เหมือนเรา อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว” แตงกวาเอ่ย
หึ การทำตัวโง่นี่ได้ใจผู้ชายสินะ
“กวามีข้อไหนไม่มั่นใจก็ให้เพ้นท์มันติวให้สิ” ออยล์พูดพลางจับแก้มแตงกวาเล่น
คนที่ไม่รักมักจะไม่ถนอมน้ำใจกัน ทั้งที่พูดกับฉันขนาดนั้น ไม่คิดว่าฉันจะเสียใจบ้างหรือไง ยังจะให้ฉันติวให้คนรักของมันอีก คิดว่าเมื่อก่อนฉันยอมแล้วตอนนี้ฉันต้องยอมงั้นเหรอ
หลังจากที่หมกตัวอยู่บ้านเป็นเวลาสามวัน วันนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเดินออกมาจากความสัมพันธ์เป็นพิษนี้
ต่อหน้าเพื่อนทุกคนเราสองคนเป็นเพียงเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ต่อหน้าเพื่อนออยล์มันแสดงได้ดีมาก เมื่อย้อนคิดดูฉันเองก็เหมือนกันมั้ง ฉันแสดงได้อย่างดีมาตลอด ถึงได้ไม่มีใครรู้ว่าเราสองคนแอบกินกันมานานเป็นปี ๆ
“จริงเหรอ แต่กวาเกรงใจเพ้นท์น่ะสิ” แตงกวาทำหน้ายิ้มก่อนจะหันมองฉันด้วยสีหน้าเกรงอกเกรงใจ
“เพ้นท์มันว่างอยู่แล้ว ยังไงมันก็ติวให้ออยล์ ใช่ไหมเพ้นท์” หึ จะให้กูยกทุกอย่างที่กูมีมอบให้คนรักของมึงหมดเลยหรือไง
ฝันไปเถอะ กูคนนี้ไม่เอาแล้ว ไม่อยากโง่แล้ว
“โทษที ช่วงนี้ไม่ว่าง กูคงไม่ได้ติวให้มึงด้วยนะออยล์”
สามคืนที่ผ่านมาระหว่างที่ปั่นจักรยานจากร้านเหล้าเพื่อกลับบ้านตอนเที่ยงคืนฉันก็ได้คิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ได้คำตอบว่าฉันควรเลิกใช้ชีวิตแบบนี้ เลิกเอาชีวิตที่แม่มอบให้มาให้ผู้ชายย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันควรเลิกโง่ เลิกพาตัวเองมาเจ็บกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางไปต่อ
“เห็นไหม เพ้นท์ไม่ว่าง ไม่เป็นไรนะเพ้นท์เดี๋ยวเราอ่านหนังสือเองได้ เราจะพยายาม” แตงกวายิ้ม
เอาจริงนะเท่าที่รู้จักมาเป็นเวลาหนึ่งปีที่เธอเข้ามาอยู่ในกลุ่มฉัน แตงกวาน่ะดูเป็นคนดี เป็นผู้ดีอะ เธอค่อนข้างถูกเลี้ยงดูมาแบบลูกคุณหนู
เธอไม่ผิดหรอก เพราะว่าเธอไม่รู้ว่าฉันกับออยล์เป็นอะไรกัน ฉันเชื่อว่าถ้าเธอรู้เธอไม่มีทางตอบตกลงเป็นแฟนออยล์
เรื่องบิดเบี้ยวพวกนี้ฉันเองก็มีส่วนผิด จะมีสิทธิ์อะไรมาไม่พอใจแตงกวา
อย่างที่ออยล์มันพูดอะเนอะ ฉันทำตัวทุเรศ ฉันควรเลิกทำแบบนั้นได้แล้ว ฉันไม่ควรปล่อยให้ตัวเองเดินไปไกลกว่านี้
เลิกย่ำอยู่กับที่
“เมื่อคืนมึงกลับบ้านกี่โมง” หว่าหวาเพื่อนที่ฉันค่อนข้างสนิทมาก ๆ กระซิบถาม เมื่อคืนหว่าหวาทักมาถามเรื่องเรียน ฉันจึงถ่ายรูปแก้วเหล้ากับบรรยากาศร้านไปให้เพื่อนดู
“เที่ยงคืน”
“อีนี่ ชอบปั่นจักรยานตอนมืดค่ำ มันอันตรายนะ เตือนกี่ครั้งไม่เคยฟัง” อ่า ใช่ ฉันชอบปั่นจักรยานไปร้านเหล้า ปั่นเพราะมันใกล้บ้าน ไม่เปลืองน้ำมันรถ รณรงค์เมาไม่ขับ ฉะนั้นปั่นจักรยานจ้า แล้วก็ไม่ได้กินให้เมาจนไม่รู้เรื่อง กินเมาพอประมาณจากนั้นปั่นจักรยานกลับบ้านก็เริ่มสร่าง ที่ผ่านมาเจ็บจากออยล์เมื่อไหร่ฉันก็ปั่นจักรยานไปร้านเหล้าตลอด ก็ถือว่าปั่นบ่อยนะ เจ็บบ่อยอะ
“พี่เซ้นต์มาอีกแล้วว่ะเพ้นท์” ฟินฟินมองไปยังผู้ชายสี่คนที่เดินมาทางศาลาจุดประจำกลุ่มพวกฉัน
“อืม” ฉันมองตามฟินฟิน ในนั้นมีเฟย์ ทู ทรีเพื่อนในกลุ่ม
กลุ่มเรามีกันแปดคนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ความที่นิสัยคล้ายกันก็เลยคบกันได้ ส่วนแตงกวาเธอเข้ากลุ่มเราก็เพราะออยล์ชวนเข้า เพราะลูกคุณหนูอย่างเธอมีเหรอจะเข้ากับพวกฉันได้
คนที่ฉันรักเป็นคนแสนดีใช่ไหมล่ะ เหอะ!
พี่เซ้นต์ที่เพื่อนพูดถึงเป็นเพื่อนของรุ่นพี่แถวบ้านของเฟย์ เขาคนนี้พยายามจีบฉันมาปีกว่าแล้ว ชอบทักข้อความมาหาฉันบ่อย ๆ ทว่าฉันไม่เล่นด้วย ถามคำตอบคำพอเป็นมารยาท ไม่เคยคิดสานต่อ
ไม่ใช่พี่เซ้นต์มีข้อเสีย เป็นฉันเองที่รักออยล์จนไม่มองใคร
แน่นอนว่าการเอาตัวเองออกมาจากสัมพันธ์เป็นพิษฉันเลือกดึงพี่เซ้นต์เข้ามาในชีวิต เมื่อคืนเขาทักมาฉันก็เลยชวนเขาคุยหลายอย่าง ชวนคุยเยอะมาก ๆ ต่างจากทุกครั้งที่เขาทักมา
การชวนคุยแปลว่าเราเป็น ‘คนคุย’
สรุปง่าย ๆ ฉันทอดสะพานให้เขาแล้ว
“กินข้าวมาหรือยัง” พี่เซ้นต์หยุดตรงหน้าฉัน คำถามนี้เขาถามฉันแน่ ๆ
ฉันเงยหน้ามองเขาที่ยืนมองฉันอยู่ “ไม่ได้กินค่ะ”
“เข้าเรียนเก้าโมงใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เหลือครึ่งชั่วโมง ไปกินข้าวกัน”
“เพ้นท์ไม่หิว”
“เดี๋ยวปวดท้อง”
“...ค่ะ ไปโรงอาหารนะ” ฉันไม่ได้หิวและไม่ได้สนคำชวนของพี่เซ้นต์ เพียงคิดแค่ว่าไปกับพี่เซ้นต์ก็คงดีกว่าอยู่ตรงนี้ ดีกว่ามองคนสองคนรักกัน
การที่จะเดินออกมาจากความสัมพันธ์เป็นพิษฉันต้องเริ่มจากการเปลี่ยนตัวเอง เริ่มมองคนใหม่ สนใจคนใหม่ การมีคนใหม่จะทำให้เราลืมรักเก่า ฉันอ่านสูตรมูฟออนมา แน่นอนว่ามีหลายสูตร ฉันหยิบอันนี้ขึ้นมาก่อนเพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นทางเลือกที่ได้ผลเร็วที่สุดสำหรับตัวฉันที่หมกมุ่นแต่กับออลย์มาหลายปี
“ครับ” แน่นอนว่าคำตอบของฉันทำให้พี่เซ้นต์ยิ้มพอใจ
“เจอกันที่ห้องนะพวกมึง” ลุกขึ้นพลางบอกกับเพื่อนที่งงกับท่าทีของฉัน ที่มีต่อพี่เซ้นต์
“เค ๆ” ฟินฟินกับหว่าหวาและแตงกวาขานรับ ฉันเดินออกมาพร้อมพี่เซ้นต์โดยไม่ได้มองไปที่ออยล์ ฉันมั่นใจว่ามันไม่ได้สนใจฉันหรอก
และมันดีใจด้วยซ้ำที่ฉันเลิกคลั่งมัน
“ปกติไม่ชอบกินข้าวเช้าเหรอ” พี่เซ้นต์ถามหลังจากที่สั่งข้าวราดแกงมานั่งกินที่โต๊ะของโรงอาหาร เป็นมื้อแรกที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน เขารู้สึกยังไงฉันไม่รู้ แต่ว่าฉันที่ยังไม่รู้สึกอะไรกับเขานั้นเฉย ๆ มื้อนี้ก็ไม่ได้เป็นมื้อที่พิเศษอะไร
“ค่ะ มันยุ่งยาก” อยู่บ้านคนเดียวซะส่วนใหญ่จะกินอะไรนักล่ะ ตื่นมาเรียนได้ก็ถือว่าดีแล้ว
“งั้นต่อไปพี่เอาข้าวเช้ามาให้ได้ไหม”
“ลำบากพี่” อย่าพยายามขนาดนั้นเลย
“กับคนที่พี่ชอบพี่ไม่เคยคิดว่าลำบาก” เขายิ้มละมุน
“...” ฉันยิ้มเจื่อนไปสิ พูดตามตรงฉันน่ะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่เซ้นต์เลยเพราะว่าไม่เคยสนใจเขา ก็เลยไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นตัวตนที่แท้จริงหรือว่ากำลังสร้างภาพเพื่อเอาใจเพราะอยากเอาฉัน
“เลิกเรียนไปไหนไหม รีบกลับบ้านหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ” ไม่ได้ไปไหนแล้ว เมื่อก่อนรอเลิกเรียนเพื่อกลับไปอยู่กับออยล์ที่บ้านเขา แกล้งบอกว่าติว เรื่องติวก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น
“ไปเที่ยวกันไหม”
“ไปไหนคะ”
“ดูหนังไหม”
“ได้นะคะ” ดีกว่ากลับอยู่คนเดียวแล้วใจอ่อนไปขอร้องอ้อนวอนเขาอีก คนอย่างฉันยิ่งชอบทำตัวไร้ค่าอยู่ด้วย ฉันควรทำตัวให้ไม่ว่างเข้าไว้จะได้ไม่ต้องคิดถึงออยล์ ทางที่ดีฉันกับเขาควรเจอกันให้น้อยที่สุดด้วย
ทว่าบ้านเราติดกัน ไม่เจอกันมันเป็นเรื่องยากอยู่นะ
“แปลว่าเพ้นท์ตกลงแล้วนะ”
“ค่ะ ตกลงค่ะ”
ทั้งที่ฉันเฉย ๆ แต่ทำไมพี่เซ้นต์ถึงได้ทำหน้าดีใจขนาดนั้นนะ หรือพี่เซ้นต์จะเหมือนฉันเวลาที่ออยล์มันชอบชวนไปเที่ยวกลางคืนกันสองคน ไม่หรอกน่า พี่เซ้นต์ไม่ได้ชอบฉันขนาดนั้น เขาก็คงแค่เห่อของใหม่ก็เท่านั้น นิสัยผู้ชายก็อย่างนี้ทั้งนั้น
“ยังไงไหนเล่า ทำไมมึงถึงได้ไปกับพี่เซ้นต์” เข้ามานั่งในห้องเรียนก้นยังไม่ถึงเก้าอี้ฟินฟินก็ถามพร้อมสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“ก็ไม่ยังไง เบื่อ ๆ เลยหาคนคุย”“มึงเนี่ยนะหาคนคุย อะไรเข้าสิงมึง” ทรีถาม“กูมันยังไง ทำไมจะมีคนคุยไม่ได้” ฉันหันไปมองหนุ่มหล่อสายเกา เขาเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ไทย ทรีกับทูกับฝาแฝดกัน สองคนนี้หน้าเหมือนกันมาก สิ่งที่ทำให้แยกสองคนนี้ออกคือความสูงที่ห่างกัน 10 เซนติเมตร“ก็ไม่เห็นมึงจะสนใจใคร ขนาดว่ากูหล่อขนาดนี้ ตามจีบมึงมาตั้งหลายเดือนไม่เห็นมึงสนกู” ทรีทำหน้าน้อยใจ จริงอย่างที่ทรีพูด เขาตามจีบฉัน แต่ว่าฉันไม่สนใจเขา“คนที่เปลี่ยนสาวจนกระเจี๊ยวป่วยแบบมึงกูจะกล้าให้ใจได้ไง” ทรีน่ะเจ้าชู้ สาวเยอะ ไม่คบใครจริงจัง“ก็ถ้ามึงยอมรับรักกูกูก็พร้อมจะมีแค่มึง”“คำพูดคนเจ้าชู้เชื่อไม่ได้”“ลองเชื่อกูสักครั้งกูจะไม่ทำให้มึงเสียใจ” ทรีพูดด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุด รอยยิ้มของคนเจ้าชู้แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝาแฝดคู่นี้หล่อจริง ๆ“ไม่ขอลองเสี่ยงดีกว่า เป็นเพื่อนกันแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากเสียเพื่อน” เพราะว่าฉันสูญเสียออยล์ไปแล้ว ฉันกับออยล์กลับไปเป็นเพื่อนที่แปลว่าเพื่อนแบบนั้นไม่ได้อีกแล้
(เป็นอะไรมากไหม หาหมอหรือยัง ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยหรือเปล่า)“เพ้นท์กินยาแล้วค่ะ อีกหน่อยจะนอนพัก”(พี่ผิดเอง เมื่อคืนไม่น่าพาเที่ยวจนดึก ขอโทษนะ)“ไม่ใช่ความผิดของพี่เซ้นต์ค่ะ เพ้นท์ไม่สบายนิดเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ”(เพ้นท์ยังไม่ตอบพี่เลยว่าที่บ้านมีคนอยู่ด้วยไหม ไม่ได้อยู่คนเดียวใช่ไหม)“มีค่ะ วันนี้แม่ของเพ้นท์อยู่บ้าน”(โอเค พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง)“ค่ะ พี่เซ้นต์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นอนพักไม่นานเพ้นท์ก็หายแล้วค่ะ”(ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่จะส่งไปให้)“ขอบคุณนะคะ พี่เซ้นต์ดีกับเพ้นท์มากเลย”(พี่ชอบเพ้นท์ไง)“...”(พักผ่อนนะ ตื่นแล้วทักหาพี่หน่อยนะ)“โอเคค่ะ เพ้นท์วางนะ”(ครับ)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ฉันก็นอนมองเพดานห้อง วันนี้ฉันไม่ได้ไปเรียน สภาพของฉันไม่เหมาะที่จะออกไปเจอคนอื่น ฉันไม่ควรเอาตัวเองออกไปประจานเมื่อคืนนี้ทุกอย่างจบลงที่เรื่องอย่างว่า เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่เต็มใจที่จะมีอะไรกับออยล์ และเป็นครั้งแรกที่ออยล์รุนแรงใส่ฉันและฉันรู้สึกรังเกียจเขาที่ทำเหมือนฉันเป็นของเล่น คิดจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ทำเหมือนฉันไร้ความรู้สึก“เมื่อคืนกูขอโทษ” คนทำก็ไม่ได้หายไปไหน นอนอยู่ข้างฉันนี่แหละ
“เราจะไปคุยกันที่ไหนคะ” เดินออกมาไกลจากโรงอาหารของคณะบริหารแล้วนะ นี่ต้องไปไกลแค่ไหนกันแต่ทำไมฉันต้องเดินตามเขาล่ะ ฉันไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อย“รู้จักพี่ไหม” หนุ่มคณะวิศวะหยุดเดิน หันมาพูดกับฉัน“เหมือนจะเคยเห็นนะคะ แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน”“แล้วรู้จักไอ้เซ้นต์ไหม”“อ้อ รู้จักค่ะ”“เป็นอะไรกับมัน”“...”“ว่าไง”“ก็คุย ๆ กันอยู่ค่ะ”“คนคุย?”“ทำไมคะ”“ถ้าเป็นคนคุยงั้นก็คุยกับมันหน่อยสิ”“หืม?”“มันนั่งรออยู่ในรถ” หนุ่มวิศวะชี้ไปที่รถเก๋งสีดำเงาที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถ “ไปดิ”“ค่ะ” เพราะท่าทางน่ากลัวของคนพูด ทำให้ฉันต้องเดินมาที่ลานจอดรถ เดินใกล้เข้ามาถึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดอยู่ ฉันเคาะที่กระจกฝั่งคนขับไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ไหม เพราะว่ามันมืด มองไม่เห็นด้านในของรถประตูจากเบาะหลังเปิดออก ฉันชะโงกหน้ามองจึงเห็นว่าพี่เซ้นต์นั่งอยู่เบาะหลัง สีหน้าที่เรียบนิ่งผลักให้ฉันเดินเข้ามานั่งในรถข้างเขา“ผู้ชายคนนั้นเพื่อนพี่เซ้นต์เหรอคะ” ฉันถามพลางมองไปที่หนุ่มวิศวะคนนั้นซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้ใกล้มากพี่เซ้นต์เอื้อมมือปิดประตูโดยการขยับตัวมาใกล้ฉันมาก ๆ ฉันก็เลยพยายามลีบตัวใ
“พี่โจวิศวะ มาหามึงทำไมวะ” ฟินฟินถามเมื่อฉันกลับเข้าห้องเรียนก่อนอาจารย์เข้าสอน“เขาชื่อโจเหรอ” ฉันถามด้วยความไม่รู้ เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของพี่เซ้นต์ก็ตอนที่พี่เซ้นต์แนะนำให้รู้จัก แนะนำตอนเขาเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วก็ขับรถมาส่งฉันที่หน้าตึกเมื่อกี้นี้เอง แล้วก็ไม่ได้มีแค่พี่โจ มีพี่อีกคนด้วยที่เข้ามานั่งข้างคนขับ เขาชื่อว่าเบย์“มึงไม่รู้จักเขาแล้วไปกับเขาทำไมอีเพ้นท์” ฟินฟินทำหน้าโมโห“ก็เขาบอกมีเรื่องคุยด้วย”“แบบนี้ถ้าใครขอคุยด้วยมึงไม่ไปกับเขาหมดเหรอ”“ก็ไปนะ มีมารยาท”“อี อีเพ้นท์บ้า ทีหลังอย่าไปกับคนแปลกหน้า ดีนะที่วันนี้คนที่มาคือเพื่อนพี่เซ้นต์ ถ้าเป็นคนอื่นจะทำไง มึงไม่กลัวมีปัญหากับพี่เซ้นต์เหรอ หรือว่ามึงเลิกคุยกับพี่เซ้นต์แล้ว”“เปล่า ก็คุยอยู่ เขาเป็นคนให้เพื่อนเขามาตามน่ะ”“อ้อ งั้นกูถามหน่อย”“ถามอะไร”“มึงได้บอกเขาไหมว่ามึงชอบลืมโทรศัพท์แล้วบางทีอารมณ์ผีบ้าเข้าสิงมึงก็ชอบกดปิดเสียง ปิดแจ้งเตือน”“บอกนะ บอกไปนิดหน่อย”“ตอนนี้มึงกับเขาเป็นอะไรกัน คนคุยไหมหรือยังไง” หว่าหวาที่ฟังอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“เขาเพิ่งขอกูเป็นแฟนเมื่อกี้เอง”“ว้าว มึ
เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ”ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียวแต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน“เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ”“จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม“ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ”“งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม”“ค่ะ”เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้“น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟาช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื
หกโมงเย็นที่สนามฟุตบอลพี่เซ้นต์เดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ เขาในชุดฟุตบอลเท่จังเลย ใจฉันเต้นรัวแปลก ๆ แล้วสิไม่เพ้นท์ตอนนี้สายตามึงไม่ได้มองหน้าเขา มึงมองเป้าเขา จังหวะที่เขาวิ่งตรงนั้นมันดิ้นดุ๊กดิ๊กน่ารักจนใจฉันสั่น“รอพี่นานไหม” เสียงของพี่เซ้นต์ทำให้ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงของเขา“ไม่นานค่ะ” ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นน้ำเย็นให้เขา คงไม่ได้จับได้นะว่าฉันจ้องตรงนั้นอะพี่เซ้นต์รับน้ำไปดื่ม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระดกน้ำดื่ม จังหวะที่เขากลืนน้ำลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ท่าดื่มน้ำจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้ไหม แล้วนี่อะไร ทำไมต้องเทน้ำที่เหลือใส่หน้า ทำไมต้องทำให้มันเปื้อนเสื้อด้วยล่ะไม่ แล้วทำไมฉันต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเซ็กซี่สักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ไม่ทราบ“ตอนนี้ห้องน้ำใกล้ ๆ นี้น่าจะเต็มไปด้วยคน รออีกแป๊บได้ไหม รอพี่เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“กลับชุดนี้เลยก็ได้นะคะ เพ้นท์ไม่ถือ” ผู้ชายที่อยู่ในชุดกีฬานี่เท่จริง ๆ ข้างบนก็ดูแกร่ง ข้างล่างก็...“เหงื่อพี่เยอะ เดี๋ยวเพ้นท์...”“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เซ้นต์กังวลก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำที่ห้องเพ้นท์ก่อนก็ได้นะคะ นี่เย็
สรุปแล้วทริปวันหยุดยาวฉันตัดสินใจไปกับเพื่อนเพราะหว่าหวารบเร้าหนักมาก เนื่องจากช่วงนี้นางกำลังคุยกับพี่โจ หว่าหวาอยากไปเที่ยวกับพี่โจ แต่ก็ไม่กล้าชวนตรง ๆ จึงใช้ฉันเป็นข้ออ้าง ฉันไปพี่เซ้นต์ก็ไป เมื่อพี่เซ้นต์ไปพี่โจที่รักเพื่อนและว่างไม่ได้เดินทางกลับบ้านก็ไปด้วย ทุกอย่างเข้าแผนที่หว่าหวาวางไว้เพื่อนฉันนี่มันฉลาดจริง ๆฉันเสนอตัวขับรถมารับพี่เซ้นต์ที่บ้านของเขา หว่าหวาหาเรื่องเดินทางกับพี่โจสองคน เพื่อนที่เหลือเจอกันจุดนัดหมาย นั่นก็คือบ้านพักเขาใหญ่ที่พ่อแม่หว่าหวาเป็นเจ้าของ“เพ้นท์อยู่หน้าบ้านพี่แล้วค่ะ”(ครับ เดี๋ยวพี่ออกไป)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ก็เดินออกมาตัวเปล่า กระเป๋าเสื้อผ้าเขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่พกมาด้วย ปกติเห็นชอบพกตลอด ไปเรียนก็พกเสื้อผ้าติดตัวไปเปลี่ยน หลายวันมานี้เสื้อผ้าเขาอยู่ที่ห้องฉันหลายตัวแล้ว คือหลังเลิกเรียนเขาชอบเตะบอลกับเพื่อนน่ะ ก่อนกลับบ้านก็จะแวะมาอาบน้ำที่ห้องแล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นเขาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านของเขา“เสื้อผ้าไม่เอาไปเหรอ”“เข้าบ้านกับพี่ได้ไหมครับ”“ทำไมคะ”“ป้าของพี่อยากเจอเพ้นท์ เข้าไปทำความรู้จักได้ไหมครับ”“ตอนนี้เลยเหรอคะ”“ครับ
“ไหนมันว่าจะไม่มา” เมื่อมาถึงฉันก็เกิดอาการหงุดหงิดเพราะสองคนที่บอกว่าจะไม่มา โผล่มาก่อนฉันซะอีก แล้วก็เป็นเหตุให้ห้องพักที่จองไว้ไม่พอ ซึ่งฉันจะไม่นอนร่วมห้องกับแตงกวาแน่นอน ฉันไม่อยากเสแสร้ง ขี้เกียจจะพูดเหน็บด้วย ฉันไม่ได้เก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น“มันบอกว่าเพื่อนมาทั้งทีจะไม่มาได้ยังไง”“แล้วมาไม่บอก มันจะพักห้องไหน”“แตงกวามันบอกว่าเดินทางเหนื่อย ปวดหัว ไอ้ออยล์ก็เลยเข้าพักห้องที่มึงจะพัก”“อืม”“ไอ้ออยล์มันก็เลยบอกว่าให้มึงพักกับแตงกวาแล้วเดี๋ยวมันพักกับพี่เซ้นต์”“มีสิทธิ์อะไร” มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจเรื่องของฉัน มันอยากให้ฉันตีกับเมียมันหรือไง“ถ้าหากเพ้นท์ไม่โอเคพี่พักกับไอ้โจได้นะ”“ไม่ได้นะคะ” หว่าหวาพูดเสียงดัง ก็ใช่สิ หว่าหวากับพี่โจจะนอนห้องเดียวกัน สองคนนี้เป็นคนคุยที่ใกล้ชิดกันมากกว่าฉันที่เป็นแฟนกับพี่เซ้นต์ซะอีก ไอ้หวามันวางแผนมาซะดิบดีมีเหรอที่มันจะนอนแยกห้องกับพี่โจ ฝันเถอะ“แตงกวามันไม่สบายก็ให้ออยล์ไปนอนด้วยเถอะ กูมาเที่ยวไม่ได้มาดูแลคนป่วย ไม่ใช่หน้าที่กูที่ต้องดูแลแฟนคนอื่นด้วย”“ได้ งั้นมึงนอนไหน” สีหน้าหว่าหวาชัดเจนว่ากลัวฉันจะบอกว่านอนด้วย กลัวฉันจะเอาคืนเร่าร้อ
“ไหนมันว่าจะไม่มา” เมื่อมาถึงฉันก็เกิดอาการหงุดหงิดเพราะสองคนที่บอกว่าจะไม่มา โผล่มาก่อนฉันซะอีก แล้วก็เป็นเหตุให้ห้องพักที่จองไว้ไม่พอ ซึ่งฉันจะไม่นอนร่วมห้องกับแตงกวาแน่นอน ฉันไม่อยากเสแสร้ง ขี้เกียจจะพูดเหน็บด้วย ฉันไม่ได้เก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น“มันบอกว่าเพื่อนมาทั้งทีจะไม่มาได้ยังไง”“แล้วมาไม่บอก มันจะพักห้องไหน”“แตงกวามันบอกว่าเดินทางเหนื่อย ปวดหัว ไอ้ออยล์ก็เลยเข้าพักห้องที่มึงจะพัก”“อืม”“ไอ้ออยล์มันก็เลยบอกว่าให้มึงพักกับแตงกวาแล้วเดี๋ยวมันพักกับพี่เซ้นต์”“มีสิทธิ์อะไร” มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจเรื่องของฉัน มันอยากให้ฉันตีกับเมียมันหรือไง“ถ้าหากเพ้นท์ไม่โอเคพี่พักกับไอ้โจได้นะ”“ไม่ได้นะคะ” หว่าหวาพูดเสียงดัง ก็ใช่สิ หว่าหวากับพี่โจจะนอนห้องเดียวกัน สองคนนี้เป็นคนคุยที่ใกล้ชิดกันมากกว่าฉันที่เป็นแฟนกับพี่เซ้นต์ซะอีก ไอ้หวามันวางแผนมาซะดิบดีมีเหรอที่มันจะนอนแยกห้องกับพี่โจ ฝันเถอะ“แตงกวามันไม่สบายก็ให้ออยล์ไปนอนด้วยเถอะ กูมาเที่ยวไม่ได้มาดูแลคนป่วย ไม่ใช่หน้าที่กูที่ต้องดูแลแฟนคนอื่นด้วย”“ได้ งั้นมึงนอนไหน” สีหน้าหว่าหวาชัดเจนว่ากลัวฉันจะบอกว่านอนด้วย กลัวฉันจะเอาคืนเร่าร้อ
สรุปแล้วทริปวันหยุดยาวฉันตัดสินใจไปกับเพื่อนเพราะหว่าหวารบเร้าหนักมาก เนื่องจากช่วงนี้นางกำลังคุยกับพี่โจ หว่าหวาอยากไปเที่ยวกับพี่โจ แต่ก็ไม่กล้าชวนตรง ๆ จึงใช้ฉันเป็นข้ออ้าง ฉันไปพี่เซ้นต์ก็ไป เมื่อพี่เซ้นต์ไปพี่โจที่รักเพื่อนและว่างไม่ได้เดินทางกลับบ้านก็ไปด้วย ทุกอย่างเข้าแผนที่หว่าหวาวางไว้เพื่อนฉันนี่มันฉลาดจริง ๆฉันเสนอตัวขับรถมารับพี่เซ้นต์ที่บ้านของเขา หว่าหวาหาเรื่องเดินทางกับพี่โจสองคน เพื่อนที่เหลือเจอกันจุดนัดหมาย นั่นก็คือบ้านพักเขาใหญ่ที่พ่อแม่หว่าหวาเป็นเจ้าของ“เพ้นท์อยู่หน้าบ้านพี่แล้วค่ะ”(ครับ เดี๋ยวพี่ออกไป)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ก็เดินออกมาตัวเปล่า กระเป๋าเสื้อผ้าเขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่พกมาด้วย ปกติเห็นชอบพกตลอด ไปเรียนก็พกเสื้อผ้าติดตัวไปเปลี่ยน หลายวันมานี้เสื้อผ้าเขาอยู่ที่ห้องฉันหลายตัวแล้ว คือหลังเลิกเรียนเขาชอบเตะบอลกับเพื่อนน่ะ ก่อนกลับบ้านก็จะแวะมาอาบน้ำที่ห้องแล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นเขาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านของเขา“เสื้อผ้าไม่เอาไปเหรอ”“เข้าบ้านกับพี่ได้ไหมครับ”“ทำไมคะ”“ป้าของพี่อยากเจอเพ้นท์ เข้าไปทำความรู้จักได้ไหมครับ”“ตอนนี้เลยเหรอคะ”“ครับ
หกโมงเย็นที่สนามฟุตบอลพี่เซ้นต์เดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ เขาในชุดฟุตบอลเท่จังเลย ใจฉันเต้นรัวแปลก ๆ แล้วสิไม่เพ้นท์ตอนนี้สายตามึงไม่ได้มองหน้าเขา มึงมองเป้าเขา จังหวะที่เขาวิ่งตรงนั้นมันดิ้นดุ๊กดิ๊กน่ารักจนใจฉันสั่น“รอพี่นานไหม” เสียงของพี่เซ้นต์ทำให้ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงของเขา“ไม่นานค่ะ” ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นน้ำเย็นให้เขา คงไม่ได้จับได้นะว่าฉันจ้องตรงนั้นอะพี่เซ้นต์รับน้ำไปดื่ม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระดกน้ำดื่ม จังหวะที่เขากลืนน้ำลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ท่าดื่มน้ำจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้ไหม แล้วนี่อะไร ทำไมต้องเทน้ำที่เหลือใส่หน้า ทำไมต้องทำให้มันเปื้อนเสื้อด้วยล่ะไม่ แล้วทำไมฉันต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเซ็กซี่สักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ไม่ทราบ“ตอนนี้ห้องน้ำใกล้ ๆ นี้น่าจะเต็มไปด้วยคน รออีกแป๊บได้ไหม รอพี่เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“กลับชุดนี้เลยก็ได้นะคะ เพ้นท์ไม่ถือ” ผู้ชายที่อยู่ในชุดกีฬานี่เท่จริง ๆ ข้างบนก็ดูแกร่ง ข้างล่างก็...“เหงื่อพี่เยอะ เดี๋ยวเพ้นท์...”“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เซ้นต์กังวลก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำที่ห้องเพ้นท์ก่อนก็ได้นะคะ นี่เย็
เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ”ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียวแต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน“เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ”“จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม“ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ”“งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม”“ค่ะ”เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้“น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟาช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื
“พี่โจวิศวะ มาหามึงทำไมวะ” ฟินฟินถามเมื่อฉันกลับเข้าห้องเรียนก่อนอาจารย์เข้าสอน“เขาชื่อโจเหรอ” ฉันถามด้วยความไม่รู้ เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของพี่เซ้นต์ก็ตอนที่พี่เซ้นต์แนะนำให้รู้จัก แนะนำตอนเขาเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วก็ขับรถมาส่งฉันที่หน้าตึกเมื่อกี้นี้เอง แล้วก็ไม่ได้มีแค่พี่โจ มีพี่อีกคนด้วยที่เข้ามานั่งข้างคนขับ เขาชื่อว่าเบย์“มึงไม่รู้จักเขาแล้วไปกับเขาทำไมอีเพ้นท์” ฟินฟินทำหน้าโมโห“ก็เขาบอกมีเรื่องคุยด้วย”“แบบนี้ถ้าใครขอคุยด้วยมึงไม่ไปกับเขาหมดเหรอ”“ก็ไปนะ มีมารยาท”“อี อีเพ้นท์บ้า ทีหลังอย่าไปกับคนแปลกหน้า ดีนะที่วันนี้คนที่มาคือเพื่อนพี่เซ้นต์ ถ้าเป็นคนอื่นจะทำไง มึงไม่กลัวมีปัญหากับพี่เซ้นต์เหรอ หรือว่ามึงเลิกคุยกับพี่เซ้นต์แล้ว”“เปล่า ก็คุยอยู่ เขาเป็นคนให้เพื่อนเขามาตามน่ะ”“อ้อ งั้นกูถามหน่อย”“ถามอะไร”“มึงได้บอกเขาไหมว่ามึงชอบลืมโทรศัพท์แล้วบางทีอารมณ์ผีบ้าเข้าสิงมึงก็ชอบกดปิดเสียง ปิดแจ้งเตือน”“บอกนะ บอกไปนิดหน่อย”“ตอนนี้มึงกับเขาเป็นอะไรกัน คนคุยไหมหรือยังไง” หว่าหวาที่ฟังอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“เขาเพิ่งขอกูเป็นแฟนเมื่อกี้เอง”“ว้าว มึ
“เราจะไปคุยกันที่ไหนคะ” เดินออกมาไกลจากโรงอาหารของคณะบริหารแล้วนะ นี่ต้องไปไกลแค่ไหนกันแต่ทำไมฉันต้องเดินตามเขาล่ะ ฉันไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อย“รู้จักพี่ไหม” หนุ่มคณะวิศวะหยุดเดิน หันมาพูดกับฉัน“เหมือนจะเคยเห็นนะคะ แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน”“แล้วรู้จักไอ้เซ้นต์ไหม”“อ้อ รู้จักค่ะ”“เป็นอะไรกับมัน”“...”“ว่าไง”“ก็คุย ๆ กันอยู่ค่ะ”“คนคุย?”“ทำไมคะ”“ถ้าเป็นคนคุยงั้นก็คุยกับมันหน่อยสิ”“หืม?”“มันนั่งรออยู่ในรถ” หนุ่มวิศวะชี้ไปที่รถเก๋งสีดำเงาที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถ “ไปดิ”“ค่ะ” เพราะท่าทางน่ากลัวของคนพูด ทำให้ฉันต้องเดินมาที่ลานจอดรถ เดินใกล้เข้ามาถึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดอยู่ ฉันเคาะที่กระจกฝั่งคนขับไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ไหม เพราะว่ามันมืด มองไม่เห็นด้านในของรถประตูจากเบาะหลังเปิดออก ฉันชะโงกหน้ามองจึงเห็นว่าพี่เซ้นต์นั่งอยู่เบาะหลัง สีหน้าที่เรียบนิ่งผลักให้ฉันเดินเข้ามานั่งในรถข้างเขา“ผู้ชายคนนั้นเพื่อนพี่เซ้นต์เหรอคะ” ฉันถามพลางมองไปที่หนุ่มวิศวะคนนั้นซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้ใกล้มากพี่เซ้นต์เอื้อมมือปิดประตูโดยการขยับตัวมาใกล้ฉันมาก ๆ ฉันก็เลยพยายามลีบตัวใ
(เป็นอะไรมากไหม หาหมอหรือยัง ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยหรือเปล่า)“เพ้นท์กินยาแล้วค่ะ อีกหน่อยจะนอนพัก”(พี่ผิดเอง เมื่อคืนไม่น่าพาเที่ยวจนดึก ขอโทษนะ)“ไม่ใช่ความผิดของพี่เซ้นต์ค่ะ เพ้นท์ไม่สบายนิดเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ”(เพ้นท์ยังไม่ตอบพี่เลยว่าที่บ้านมีคนอยู่ด้วยไหม ไม่ได้อยู่คนเดียวใช่ไหม)“มีค่ะ วันนี้แม่ของเพ้นท์อยู่บ้าน”(โอเค พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง)“ค่ะ พี่เซ้นต์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นอนพักไม่นานเพ้นท์ก็หายแล้วค่ะ”(ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่จะส่งไปให้)“ขอบคุณนะคะ พี่เซ้นต์ดีกับเพ้นท์มากเลย”(พี่ชอบเพ้นท์ไง)“...”(พักผ่อนนะ ตื่นแล้วทักหาพี่หน่อยนะ)“โอเคค่ะ เพ้นท์วางนะ”(ครับ)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ฉันก็นอนมองเพดานห้อง วันนี้ฉันไม่ได้ไปเรียน สภาพของฉันไม่เหมาะที่จะออกไปเจอคนอื่น ฉันไม่ควรเอาตัวเองออกไปประจานเมื่อคืนนี้ทุกอย่างจบลงที่เรื่องอย่างว่า เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่เต็มใจที่จะมีอะไรกับออยล์ และเป็นครั้งแรกที่ออยล์รุนแรงใส่ฉันและฉันรู้สึกรังเกียจเขาที่ทำเหมือนฉันเป็นของเล่น คิดจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ทำเหมือนฉันไร้ความรู้สึก“เมื่อคืนกูขอโทษ” คนทำก็ไม่ได้หายไปไหน นอนอยู่ข้างฉันนี่แหละ
“ยังไงไหนเล่า ทำไมมึงถึงได้ไปกับพี่เซ้นต์” เข้ามานั่งในห้องเรียนก้นยังไม่ถึงเก้าอี้ฟินฟินก็ถามพร้อมสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“ก็ไม่ยังไง เบื่อ ๆ เลยหาคนคุย”“มึงเนี่ยนะหาคนคุย อะไรเข้าสิงมึง” ทรีถาม“กูมันยังไง ทำไมจะมีคนคุยไม่ได้” ฉันหันไปมองหนุ่มหล่อสายเกา เขาเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ไทย ทรีกับทูกับฝาแฝดกัน สองคนนี้หน้าเหมือนกันมาก สิ่งที่ทำให้แยกสองคนนี้ออกคือความสูงที่ห่างกัน 10 เซนติเมตร“ก็ไม่เห็นมึงจะสนใจใคร ขนาดว่ากูหล่อขนาดนี้ ตามจีบมึงมาตั้งหลายเดือนไม่เห็นมึงสนกู” ทรีทำหน้าน้อยใจ จริงอย่างที่ทรีพูด เขาตามจีบฉัน แต่ว่าฉันไม่สนใจเขา“คนที่เปลี่ยนสาวจนกระเจี๊ยวป่วยแบบมึงกูจะกล้าให้ใจได้ไง” ทรีน่ะเจ้าชู้ สาวเยอะ ไม่คบใครจริงจัง“ก็ถ้ามึงยอมรับรักกูกูก็พร้อมจะมีแค่มึง”“คำพูดคนเจ้าชู้เชื่อไม่ได้”“ลองเชื่อกูสักครั้งกูจะไม่ทำให้มึงเสียใจ” ทรีพูดด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุด รอยยิ้มของคนเจ้าชู้แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝาแฝดคู่นี้หล่อจริง ๆ“ไม่ขอลองเสี่ยงดีกว่า เป็นเพื่อนกันแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากเสียเพื่อน” เพราะว่าฉันสูญเสียออยล์ไปแล้ว ฉันกับออยล์กลับไปเป็นเพื่อนที่แปลว่าเพื่อนแบบนั้นไม่ได้อีกแล้
“ทำไมตาบวม” แตงกวาเพื่อนในกลุ่มถามใช่ค่ะ แตงกวาคนนั้นแหละเราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันและเราใช้ผู้ชายคนเดียวกัน แค่สถานะของเราต่างกัน แตงกวาเป็นแฟนออยล์ แฟนที่ออยล์ถนอม แฟนที่ออยล์ให้ความชัดเจน ขณะที่ฉันเป็นแค่เพื่อนนอน เป็นแค่คนในมุมมืด ใจฉันรู้ดีว่าฉันควรเลิกโง่ได้ตั้งนานแล้ว ทนแบบนี้ไปเพื่ออะไรทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างใจคิด เพราะที่ผ่านมาฉันหมกมุ่นกับออยล์มากเกินไป มากซะจนฉันลืมไปว่าไม่ควรฝากความรู้สึกไว้กับใครมากขนาดนี้“อ่านนิยาย” เพื่อนรู้ดีว่าการอ่านนิยายเป็นสิ่งที่ฉันชอบทำเวลาว่าง อ่านแล้วก็อินคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอยู่เรื่อย ในนิยายพระเอกเถื่อนมันกร้าวใจ แต่ชีวิตจริงขอไม่เจออะไรแบบนั้นนะแค่ที่เจออยู่ชีวิตรักก็รันทดจนไม่รู้จะรันทดยังไงแล้ว ก็รู้นะว่าโทษใครไม่ได้เพราะว่าฉันทำตัวเองล้วน ๆ“คนเก่งนี่ดีจริง ๆ จะสอบอยู่แล้วก็ยังมีเวลาอ่านนิยาย ไม่เหมือนเรา อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว” แตงกวาเอ่ยหึ การทำตัวโง่นี่ได้ใจผู้ชายสินะ“กวามีข้อไหนไม่มั่นใจก็ให้เพ้นท์มันติวให้สิ” ออยล์พูดพลางจับแก้มแตงกวาเล่นคนที่ไม่รักมักจะไม่ถนอมน้ำใจกัน ทั้งที่พูดกับฉันขนาดนั้น ไม่คิดว่าฉันจะเสียใจบ้า