(เป็นอะไรมากไหม หาหมอหรือยัง ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยหรือเปล่า)
“เพ้นท์กินยาแล้วค่ะ อีกหน่อยจะนอนพัก”
(พี่ผิดเอง เมื่อคืนไม่น่าพาเที่ยวจนดึก ขอโทษนะ)
“ไม่ใช่ความผิดของพี่เซ้นต์ค่ะ เพ้นท์ไม่สบายนิดเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ”
(เพ้นท์ยังไม่ตอบพี่เลยว่าที่บ้านมีคนอยู่ด้วยไหม ไม่ได้อยู่คนเดียวใช่ไหม)
“มีค่ะ วันนี้แม่ของเพ้นท์อยู่บ้าน”
(โอเค พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง)
“ค่ะ พี่เซ้นต์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นอนพักไม่นานเพ้นท์ก็หายแล้วค่ะ”
(ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่จะส่งไปให้)
“ขอบคุณนะคะ พี่เซ้นต์ดีกับเพ้นท์มากเลย”
(พี่ชอบเพ้นท์ไง)
“...”
(พักผ่อนนะ ตื่นแล้วทักหาพี่หน่อยนะ)
“โอเคค่ะ เพ้นท์วางนะ”
(ครับ)
หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ฉันก็นอนมองเพดานห้อง วันนี้ฉันไม่ได้ไปเรียน สภาพของฉันไม่เหมาะที่จะออกไปเจอคนอื่น ฉันไม่ควรเอาตัวเองออกไปประจาน
เมื่อคืนนี้ทุกอย่างจบลงที่เรื่องอย่างว่า เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่เต็มใจที่จะมีอะไรกับออยล์ และเป็นครั้งแรกที่ออยล์รุนแรงใส่ฉัน
และฉันรู้สึกรังเกียจเขาที่ทำเหมือนฉันเป็นของเล่น คิดจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ทำเหมือนฉันไร้ความรู้สึก
“เมื่อคืนกูขอโทษ” คนทำก็ไม่ได้หายไปไหน นอนอยู่ข้างฉันนี่แหละ มันเป็นคนหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันที่แผดเสียงร้องลั่นห้องมาให้ฉัน
คนที่โทรเข้ามาก็คือพี่เซ้นต์ เมื่อตอนตีสี่ฉันส่งข้อความไปบอกเขาว่าไม่ต้องมารับ เพราะรู้สึกไม่สบาย หลังจากที่ส่งข้อความไปฉันก็หลับเพราะความเพลีย ตื่นอีกทีก็ตอนที่โทรศัพท์มันแผดร้อง
“กลับไปได้แล้ว”
“กูโมโหก็เลยทำมึงเจ็บ ขอโทษนะเพ้นท์”
“อืม”
“เพ้นท์”
“ให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเรา ต่อไปอย่าทำแบบนี้กับกูอีก มึงเป็นคนบอกเลิก มึงเป็นคนหยุดความสัมพันธ์ มึงเป็นคนไปเอาคนอื่นก่อนนะออยล์ ตั้งแต่มึงเอาคนอื่น มึงก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวกู เราจะไม่ทำแบบนี้กันอีกแล้ว”
“...”
“...กูก็พอเหมือนกันออยล์”
“มึงชอบเขาแล้วเหรอ”
“กูชอบใครหรือเปล่าไม่ได้เกี่ยวกับมึง มึงเองก็ไม่ได้รักกู จริงอย่างที่มึงว่าเราควรเลิกกัน มึงไปได้แล้วออยล์ กูไม่อยากเห็นหน้ามึง ไม่อยากจะเกลียดมึง”
“...”
“รีบกลับไปหาคนที่มึงรักเถอะ ทางที่ดีอย่าให้มันรู้เรื่องในอดีตของเรา กูไม่อยากมีปัญหา กูไม่ได้ใจเย็นมึงก็รู้ ถ้ามันยังพูดอะไรไม่เข้าท่าก็อย่ามาว่ากูที่นะ”
“...”
“กลับไปได้แล้ว”
“มึงไม่สบายอยู่”
“กูสบายดี เดี๋ยวกูก็ดีขึ้น แค่นี้ไม่ตายหรอก เจ็บกว่านี้ก็เจอมาเยอะแล้ว มึงทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน กูจะได้เลิกอาวรณ์มึง”
“กูขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษ ถือว่าเราหายกัน จบกันที่ตรงนี้ ต่อไปเราจะเป็นแค่เพื่อนกัน เพื่อนกันจริง ๆ ต่อให้มันยาก แต่กูจะพยายามเป็นเพื่อนกับมึง” พูดจบฉันดึงผ้าขึ้นมาห่ม พลิกตัวนอนหันหลัง ไม่อยากพูดกับออยล์อีกแล้ว ต่อให้เสียใจก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ออยล์มันไม่รักฉัน ที่ผ่านมาฉันเคยเฝ้ารอให้มันหันมารักฉัน แต่ดูเหมือนว่าเป็นการรอที่ไร้ค่า
ไม่มีวันที่ฉันจะสมหวัง
ออยล์ลุกใส่เสื้อผ้า เดินออกไปจากห้อง ฉันจึงนอนเงียบ ๆ ปล่อยความคิด ปล่อยน้ำตาให้มันได้ไหล เดี๋ยวมันไหลหมดทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง การร้องไห้คือการระบายที่ดี
ฉันคิดว่าวิธีนี้ได้ผลนะ
นอนร้องไห้จนถึงขั้นหายใจไม่ออกเพราะร้องไห้เยอะ ๆ น้ำมูกก็เริ่มทำงาน จากที่หลอกพี่เซ้นต์ว่าป่วย ดูเหมือนว่าจะป่วยจริง ๆ แล้วสิ...
ร้องไห้จนเผลอหลับ หลับไปหลายชั่วโมงเลยล่ะ ตื่นมาอีกทีก็ตอนฟ้ามืด
คนอกหักอย่างฉันจะนอนซมนอนช้ำอยู่บนเตียงแบบนี้ไม่ได้ ก่อนที่จะทิ้งศักดิ์อันน้อยนิดที่เพิ่งขุดเจอฉันควรเมา ความเมาจะทำให้ฉันไม่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างฉันกับออยล์ ความเมาจะตอกย้ำว่าฉันเคยโง่มากแค่ไหน
ว่าแล้วก็เดินมาหยิบขวดเหล้าที่แอบไว้ในตู้เสื้อผ้า ต่อให้แม่ไม่ค่อยมีเวลา แต่ว่าแม่ฉันก็ไม่อนุญาตให้กินเหล้าโจ่งแจ้ง พร่ำเพรื่อ แม่ชอบบอกว่าการที่มีเหล้าติดบ้านแปลว่าเป็นคนติดเหล้า ต่อให้ไม่กินขอแค่เห็นก็มีความสุข แม่บอกว่าจะเห็นหรือกินก็คือติด ฉะนั้นฉันก็เลยชอบแอบเอาไว้ในห้อง ซ่อนไว้ในส่วนลึกของตู้เสื้อผ้า ฉันคิดว่ามีเหล้าอยู่ที่บ้านมันดีกว่าไม่มี อย่างเช่นเวลานี้ที่ร่างกายของฉันยับเยินจนไม่สามารถออกไปเจอผู้คน เมาอยู่บ้านมันเป็นเรื่องดีเลยล่ะ
หลังจากที่หยุดไปหลายวัน วันนี้ฉันก็โผล่หน้ามาเรียนด้วยสภาพที่ค่อนข้างพร้อม ค่อนข้างเนียนกับการเป็นเพื่อนที่แปลว่าเพื่อนกับออยล์
“วันหยุดยาวเราไปเที่ยวต่างจังหวัดกันดีไหมพวกมึง” หว่าหวาที่ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจเอ่ยชวนเพื่อน ๆ อาทิตย์หน้าเป็นวันหยุดของเทศกาลสำคัญ หยุดยาว 9 วัน
“ก็ดีนะ” ฟินฟินเห็นด้วย
แต่ฉันคิดว่าเทศกาลสำคัญแบบนี้ต้องอยู่กับคนในครอบครัวหรือเปล่า ส่งท้ายปีทั้งทีนะ ว่าไปแล้วปีนี้แม่ฉันก็ไม่อยู่อีกตามเคย โดยปกติแล้วทุกปีใหม่ฉันจะไปฉลองที่บ้านออยล์
ปีนี้ไม่เหมือนเดิม ไปไม่ได้แล้ว
“ไปก็ดีนะ แต่กวานัดกับออยล์ไว้ว่าจะไปบ้านออยล์ พ่อแม่ออยล์อยากเจอแฟนออยล์ ออยล์ก็เลยจะพาไปเปิดตัว” แตงกวาพูดด้วยน้ำเสียงเขินอาย พูดขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องอายแล้วไหม
ฉันเพียงแค่ฟัง ไม่ได้มองหน้าคนพูดหรือแฟนคนพูด รู้สึกเจ็บไหมก็มีนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ฟูมฟาย หลายวันที่ผ่านมาทำใจแล้ว
ฉันต้องเดินไปข้างหน้า จะไม่เดินเป็นวงกลมอีกแล้ว
“นี่จบแล้วแต่งเลยไหม หรือแต่งเร็ว ๆ นี้” ทูพูดแซว หรือไม่ก็อาจจะเป็นเรื่องจริง
ได้ยินก็เจ็บจี๊ดที่ใจนะ แต่ว่าทำใจเพ้นท์ อย่าใส่ใจ ทุกอย่างมันจบแล้ว
“ทูก็พูดไปเรื่อย” อายอีกแล้วแม่คุณ ทำตัวเขินอายแล้วดูน่ารักก็เลยขยันทำบ่อยมั้ง
“พูดไปเรื่อยอะไร จากเพื่อนพอเลื่อนขั้นก็ต้องเลื่อนยาว ยินดีล่วงหน้านะครับเพื่อนทั้งสอง” ทรีแฝดของทูเอ่ยด้วยรอยยิ้มยียวน
“ยินดีอะไร เพิ่งอยู่ปี2 กูยังไม่รีบ” คำพูดของออยล์ทำให้แฟนของเขาที่ก่อนหน้านี้เขินจนตัวบิดต้องหน้าเจื่อนในทันที
“สรุปยังไง ไปกันหรือเปล่าวะ กูจะได้เฟิร์มเรื่องห้อง ไม่งั้นแม่กูปล่อยหมดนะ” หว่าหวากลับมาพูดเรื่องเดิม
“กวากับออยล์น่าจะไม่ได้ไป เพราะไปหาครอบครัวออยล์แล้วก็จะไปหาครอบครัวกวาเหมือนกัน พ่อของกวาอยากเจอออยล์” แตงกวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเขินอายอีกครั้ง
“แล้วพวกมึงอะ” หว่าหวากวาดตามองเพื่อนที่เหลือ รวมถึงฉันด้วย
“ได้หมด” ฟินฟินตอบ
“กูก็ได้ พ่อแม่กูไม่ว่างอยู่แล้ว” ทรีให้คำตอบ
“ไอ้ทรีไปกูก็ไป” ทูพี่ชายฝาแฝดของทรีเอ่ย ไอ้คู่นี้เขาไม่ค่อยแยกจากกัน
“ไม่ไป ขี้เกียจเดินทาง” เฟย์เป็นมนุษย์ที่ขี้เกียจจริง ๆ นั่นแหละ เขามาเรียนก็เพราะแม่อยากให้เรียนเพื่ออนาคตที่ดี เขาชอบพูดว่า ถ้าเลือกได้กูจะนอนโง่ ๆ อยู่บ้าน
“แล้วมึง?” สายตาของหว่าหวาเลื่อนมาหยุดที่ฉัน
“กู...”
“น้องเพ้นท์ว่างไหม” ยังไม่ทันได้พูด เสียงผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหว่าหวาก็ดังขึ้น เขากำลังมองมาที่ฉัน เขาใส่เสื้อชอปวิศวะ ฉันเหมือนจะเคยเห็นเขาอยู่นะ
แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
“ก็ว่างค่ะ” ฉันกินข้าวเสร็จพอดี ก็ถือว่าว่าง
“พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
“อ่า ค่ะ” ส่งยิ้มแล้วหันมาพูดกับเพื่อนก่อนจะเดินออกจากโรงอาหาร “กูไปคุยกับพี่เขาแป๊บนะ”
“เราจะไปคุยกันที่ไหนคะ” เดินออกมาไกลจากโรงอาหารของคณะบริหารแล้วนะ นี่ต้องไปไกลแค่ไหนกันแต่ทำไมฉันต้องเดินตามเขาล่ะ ฉันไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อย“รู้จักพี่ไหม” หนุ่มคณะวิศวะหยุดเดิน หันมาพูดกับฉัน“เหมือนจะเคยเห็นนะคะ แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน”“แล้วรู้จักไอ้เซ้นต์ไหม”“อ้อ รู้จักค่ะ”“เป็นอะไรกับมัน”“...”“ว่าไง”“ก็คุย ๆ กันอยู่ค่ะ”“คนคุย?”“ทำไมคะ”“ถ้าเป็นคนคุยงั้นก็คุยกับมันหน่อยสิ”“หืม?”“มันนั่งรออยู่ในรถ” หนุ่มวิศวะชี้ไปที่รถเก๋งสีดำเงาที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถ “ไปดิ”“ค่ะ” เพราะท่าทางน่ากลัวของคนพูด ทำให้ฉันต้องเดินมาที่ลานจอดรถ เดินใกล้เข้ามาถึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดอยู่ ฉันเคาะที่กระจกฝั่งคนขับไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ไหม เพราะว่ามันมืด มองไม่เห็นด้านในของรถประตูจากเบาะหลังเปิดออก ฉันชะโงกหน้ามองจึงเห็นว่าพี่เซ้นต์นั่งอยู่เบาะหลัง สีหน้าที่เรียบนิ่งผลักให้ฉันเดินเข้ามานั่งในรถข้างเขา“ผู้ชายคนนั้นเพื่อนพี่เซ้นต์เหรอคะ” ฉันถามพลางมองไปที่หนุ่มวิศวะคนนั้นซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้ใกล้มากพี่เซ้นต์เอื้อมมือปิดประตูโดยการขยับตัวมาใกล้ฉันมาก ๆ ฉันก็เลยพยายามลีบตัวใ
“พี่โจวิศวะ มาหามึงทำไมวะ” ฟินฟินถามเมื่อฉันกลับเข้าห้องเรียนก่อนอาจารย์เข้าสอน“เขาชื่อโจเหรอ” ฉันถามด้วยความไม่รู้ เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของพี่เซ้นต์ก็ตอนที่พี่เซ้นต์แนะนำให้รู้จัก แนะนำตอนเขาเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วก็ขับรถมาส่งฉันที่หน้าตึกเมื่อกี้นี้เอง แล้วก็ไม่ได้มีแค่พี่โจ มีพี่อีกคนด้วยที่เข้ามานั่งข้างคนขับ เขาชื่อว่าเบย์“มึงไม่รู้จักเขาแล้วไปกับเขาทำไมอีเพ้นท์” ฟินฟินทำหน้าโมโห“ก็เขาบอกมีเรื่องคุยด้วย”“แบบนี้ถ้าใครขอคุยด้วยมึงไม่ไปกับเขาหมดเหรอ”“ก็ไปนะ มีมารยาท”“อี อีเพ้นท์บ้า ทีหลังอย่าไปกับคนแปลกหน้า ดีนะที่วันนี้คนที่มาคือเพื่อนพี่เซ้นต์ ถ้าเป็นคนอื่นจะทำไง มึงไม่กลัวมีปัญหากับพี่เซ้นต์เหรอ หรือว่ามึงเลิกคุยกับพี่เซ้นต์แล้ว”“เปล่า ก็คุยอยู่ เขาเป็นคนให้เพื่อนเขามาตามน่ะ”“อ้อ งั้นกูถามหน่อย”“ถามอะไร”“มึงได้บอกเขาไหมว่ามึงชอบลืมโทรศัพท์แล้วบางทีอารมณ์ผีบ้าเข้าสิงมึงก็ชอบกดปิดเสียง ปิดแจ้งเตือน”“บอกนะ บอกไปนิดหน่อย”“ตอนนี้มึงกับเขาเป็นอะไรกัน คนคุยไหมหรือยังไง” หว่าหวาที่ฟังอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“เขาเพิ่งขอกูเป็นแฟนเมื่อกี้เอง”“ว้าว มึ
เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ”ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียวแต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน“เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ”“จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม“ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ”“งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม”“ค่ะ”เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้“น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟาช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื
หกโมงเย็นที่สนามฟุตบอลพี่เซ้นต์เดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ เขาในชุดฟุตบอลเท่จังเลย ใจฉันเต้นรัวแปลก ๆ แล้วสิไม่เพ้นท์ตอนนี้สายตามึงไม่ได้มองหน้าเขา มึงมองเป้าเขา จังหวะที่เขาวิ่งตรงนั้นมันดิ้นดุ๊กดิ๊กน่ารักจนใจฉันสั่น“รอพี่นานไหม” เสียงของพี่เซ้นต์ทำให้ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงของเขา“ไม่นานค่ะ” ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นน้ำเย็นให้เขา คงไม่ได้จับได้นะว่าฉันจ้องตรงนั้นอะพี่เซ้นต์รับน้ำไปดื่ม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระดกน้ำดื่ม จังหวะที่เขากลืนน้ำลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ท่าดื่มน้ำจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้ไหม แล้วนี่อะไร ทำไมต้องเทน้ำที่เหลือใส่หน้า ทำไมต้องทำให้มันเปื้อนเสื้อด้วยล่ะไม่ แล้วทำไมฉันต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเซ็กซี่สักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ไม่ทราบ“ตอนนี้ห้องน้ำใกล้ ๆ นี้น่าจะเต็มไปด้วยคน รออีกแป๊บได้ไหม รอพี่เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“กลับชุดนี้เลยก็ได้นะคะ เพ้นท์ไม่ถือ” ผู้ชายที่อยู่ในชุดกีฬานี่เท่จริง ๆ ข้างบนก็ดูแกร่ง ข้างล่างก็...“เหงื่อพี่เยอะ เดี๋ยวเพ้นท์...”“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เซ้นต์กังวลก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำที่ห้องเพ้นท์ก่อนก็ได้นะคะ นี่เย็
สรุปแล้วทริปวันหยุดยาวฉันตัดสินใจไปกับเพื่อนเพราะหว่าหวารบเร้าหนักมาก เนื่องจากช่วงนี้นางกำลังคุยกับพี่โจ หว่าหวาอยากไปเที่ยวกับพี่โจ แต่ก็ไม่กล้าชวนตรง ๆ จึงใช้ฉันเป็นข้ออ้าง ฉันไปพี่เซ้นต์ก็ไป เมื่อพี่เซ้นต์ไปพี่โจที่รักเพื่อนและว่างไม่ได้เดินทางกลับบ้านก็ไปด้วย ทุกอย่างเข้าแผนที่หว่าหวาวางไว้เพื่อนฉันนี่มันฉลาดจริง ๆฉันเสนอตัวขับรถมารับพี่เซ้นต์ที่บ้านของเขา หว่าหวาหาเรื่องเดินทางกับพี่โจสองคน เพื่อนที่เหลือเจอกันจุดนัดหมาย นั่นก็คือบ้านพักเขาใหญ่ที่พ่อแม่หว่าหวาเป็นเจ้าของ“เพ้นท์อยู่หน้าบ้านพี่แล้วค่ะ”(ครับ เดี๋ยวพี่ออกไป)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ก็เดินออกมาตัวเปล่า กระเป๋าเสื้อผ้าเขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่พกมาด้วย ปกติเห็นชอบพกตลอด ไปเรียนก็พกเสื้อผ้าติดตัวไปเปลี่ยน หลายวันมานี้เสื้อผ้าเขาอยู่ที่ห้องฉันหลายตัวแล้ว คือหลังเลิกเรียนเขาชอบเตะบอลกับเพื่อนน่ะ ก่อนกลับบ้านก็จะแวะมาอาบน้ำที่ห้องแล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นเขาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านของเขา“เสื้อผ้าไม่เอาไปเหรอ”“เข้าบ้านกับพี่ได้ไหมครับ”“ทำไมคะ”“ป้าของพี่อยากเจอเพ้นท์ เข้าไปทำความรู้จักได้ไหมครับ”“ตอนนี้เลยเหรอคะ”“ครับ
“ไหนมันว่าจะไม่มา” เมื่อมาถึงฉันก็เกิดอาการหงุดหงิดเพราะสองคนที่บอกว่าจะไม่มา โผล่มาก่อนฉันซะอีก แล้วก็เป็นเหตุให้ห้องพักที่จองไว้ไม่พอ ซึ่งฉันจะไม่นอนร่วมห้องกับแตงกวาแน่นอน ฉันไม่อยากเสแสร้ง ขี้เกียจจะพูดเหน็บด้วย ฉันไม่ได้เก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น“มันบอกว่าเพื่อนมาทั้งทีจะไม่มาได้ยังไง”“แล้วมาไม่บอก มันจะพักห้องไหน”“แตงกวามันบอกว่าเดินทางเหนื่อย ปวดหัว ไอ้ออยล์ก็เลยเข้าพักห้องที่มึงจะพัก”“อืม”“ไอ้ออยล์มันก็เลยบอกว่าให้มึงพักกับแตงกวาแล้วเดี๋ยวมันพักกับพี่เซ้นต์”“มีสิทธิ์อะไร” มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจเรื่องของฉัน มันอยากให้ฉันตีกับเมียมันหรือไง“ถ้าหากเพ้นท์ไม่โอเคพี่พักกับไอ้โจได้นะ”“ไม่ได้นะคะ” หว่าหวาพูดเสียงดัง ก็ใช่สิ หว่าหวากับพี่โจจะนอนห้องเดียวกัน สองคนนี้เป็นคนคุยที่ใกล้ชิดกันมากกว่าฉันที่เป็นแฟนกับพี่เซ้นต์ซะอีก ไอ้หวามันวางแผนมาซะดิบดีมีเหรอที่มันจะนอนแยกห้องกับพี่โจ ฝันเถอะ“แตงกวามันไม่สบายก็ให้ออยล์ไปนอนด้วยเถอะ กูมาเที่ยวไม่ได้มาดูแลคนป่วย ไม่ใช่หน้าที่กูที่ต้องดูแลแฟนคนอื่นด้วย”“ได้ งั้นมึงนอนไหน” สีหน้าหว่าหวาชัดเจนว่ากลัวฉันจะบอกว่านอนด้วย กลัวฉันจะเอาคืนเร่าร้อ
“มึง”“หืม”“เราเลิกกันนะ” จู่ ๆ คนที่รักเขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉันและพูดประโยคน่าตกใจ เมื่อก่อนทะเลาะกันแค่ไหนเราก็จะไม่พูดคำนี้ออกมา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินจากปากเขา“หมายความว่ายังไง ทำไมจะเลิก” ฉันงงมากอะคือฉันจะไม่งงได้ยังไง เราเพิ่งเอากันเสร็จเมื่อกี้ ให้พูดหยาบ ๆ น้ำยังไม่ทันแห้งก็โดนบอกเลิกงั้นเหรอ“สงสารกวาว่ะ ไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว อยากจริงจังกับกวา กูตั้งใจไว้ว่าจะรักกวามีแค่กวา กูคบกับกวามาสักพักแล้ว ถึงเวลาที่ความสัมพันธ์ต้องเลื่อนขั้น” ผู้ชายที่ฉันรักกำลังพูดถึงผู้หญิงอีกคนที่เขารักความสัมพันธ์ของเราโคตรท็อกซิกเลยเนอะฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “แล้วที่ผ่านมาไม่สงสารกูบ้างเหรอ กูยอมมึงทุกอย่างทำไมถึงเป็นแบบนี้ กูผิดอะไรออยล์ ไหนว่าคบกับมันเฉย ๆ”“ตอนนี้กูรักกวา กูไม่ได้รักมึงเพ้นท์ คือตั้งแต่แรกระหว่างเรามันก็ไม่ใช่รักแล้วไหมวะ มันก็แค่เซ็กซ์ไงมึง เราตกลงมีเซ็กซ์กัน สนุกด้วยกัน มึงฟินกูฟิน น้ำแตกด้วยกันทั้งคู่ก็แค่นั้น”“มันไม่ได้แค่นั้นไงออยล์ กูรักมึง กูรักมึงอะออยล์ กูรักมึงไปแล้ว ไม่ไปได้ไหมไม่เลิกได้ไหม กูยอมอยู่เงียบ ๆ แล้วไง ไม่เลิกนะ อย่าเลิกกับกูเ
ในวันนั้นฉันไม่น่าล้ำเส้นนั้นเลย ไม่น่าเลยจริง ๆ ไม่น่าให้ความร่วมมือ‘มึง’‘ว่า’ ฉันหันไปมองขณะที่พยายามยู่ปากติดกับจมูกเพื่อดันปากกาค้างไว้‘มึงว่าเซ็กซ์เป็นยังไงวะ’‘ไม่รู้ดิ ลองค้นอากู๋ดูดิ กูว่ามี ต้องมีแน่ ๆ’‘กูค้นแล้ว’‘ละเป็นไง’‘ก็ให้ความรู้สึกแปลก ๆ’‘แปลกยังไงวะ’‘อธิบายไม่ถูก’‘เอ้า ไอ้บ้านี่’‘ลองไหม’‘ลองอะไรของมึงไอ้ออยล์’‘ก็...’‘อะไร’‘มีอะไรกันไงมึง’‘ไอ้เหี้ย...’‘หรือมึงไม่อยากรู้ว่ารู้สึกยังไง’‘มันจะดีเหรอมึง’‘เพ้นท์ เราม.6 แล้วมึง นะ นะ ลองทำกัน กูขอจูบหน่อยดิ’‘...’‘มึง มึงเป็นจูบแรกของกูเลยนะจะไม่จูบจริงดิ’‘มันจะดีแน่ใช่ไหมมึง’‘ดีดิ กูเห็นคนทำกันตั้งเยอะ อะ อะถ้าทำแล้วมึงรู้สึกไม่ดีกูหยุดกลางทางเลย’‘มึงแน่ใจนะว่ามึงจะหยุดได้ เท่าที่กูได้ยินมามันไม่มีใครหยุดกลางทางได้นะออยล์’‘กูไง กูหยุดได้เพ้นท์ กูสัญญา นะ เราลองกันนะ’‘ก็ ก็ได้’คำว่า ‘ก็ได้’ วันนั้นพาเราทั้งคู่เดินทางมาถึงสองปีกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก จะเพื่อนก็ไม่เพื่อน จะแฟนยิ่งไม่ใช่ ต่อให้เขาคบคนอื่นแต่ความสัมพันธ์ของเรายังดำเนินต่อไป ที่ฉันยอมก็เพราะรักเขา ฉันคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อ
“ไหนมันว่าจะไม่มา” เมื่อมาถึงฉันก็เกิดอาการหงุดหงิดเพราะสองคนที่บอกว่าจะไม่มา โผล่มาก่อนฉันซะอีก แล้วก็เป็นเหตุให้ห้องพักที่จองไว้ไม่พอ ซึ่งฉันจะไม่นอนร่วมห้องกับแตงกวาแน่นอน ฉันไม่อยากเสแสร้ง ขี้เกียจจะพูดเหน็บด้วย ฉันไม่ได้เก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น“มันบอกว่าเพื่อนมาทั้งทีจะไม่มาได้ยังไง”“แล้วมาไม่บอก มันจะพักห้องไหน”“แตงกวามันบอกว่าเดินทางเหนื่อย ปวดหัว ไอ้ออยล์ก็เลยเข้าพักห้องที่มึงจะพัก”“อืม”“ไอ้ออยล์มันก็เลยบอกว่าให้มึงพักกับแตงกวาแล้วเดี๋ยวมันพักกับพี่เซ้นต์”“มีสิทธิ์อะไร” มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจเรื่องของฉัน มันอยากให้ฉันตีกับเมียมันหรือไง“ถ้าหากเพ้นท์ไม่โอเคพี่พักกับไอ้โจได้นะ”“ไม่ได้นะคะ” หว่าหวาพูดเสียงดัง ก็ใช่สิ หว่าหวากับพี่โจจะนอนห้องเดียวกัน สองคนนี้เป็นคนคุยที่ใกล้ชิดกันมากกว่าฉันที่เป็นแฟนกับพี่เซ้นต์ซะอีก ไอ้หวามันวางแผนมาซะดิบดีมีเหรอที่มันจะนอนแยกห้องกับพี่โจ ฝันเถอะ“แตงกวามันไม่สบายก็ให้ออยล์ไปนอนด้วยเถอะ กูมาเที่ยวไม่ได้มาดูแลคนป่วย ไม่ใช่หน้าที่กูที่ต้องดูแลแฟนคนอื่นด้วย”“ได้ งั้นมึงนอนไหน” สีหน้าหว่าหวาชัดเจนว่ากลัวฉันจะบอกว่านอนด้วย กลัวฉันจะเอาคืนเร่าร้อ
สรุปแล้วทริปวันหยุดยาวฉันตัดสินใจไปกับเพื่อนเพราะหว่าหวารบเร้าหนักมาก เนื่องจากช่วงนี้นางกำลังคุยกับพี่โจ หว่าหวาอยากไปเที่ยวกับพี่โจ แต่ก็ไม่กล้าชวนตรง ๆ จึงใช้ฉันเป็นข้ออ้าง ฉันไปพี่เซ้นต์ก็ไป เมื่อพี่เซ้นต์ไปพี่โจที่รักเพื่อนและว่างไม่ได้เดินทางกลับบ้านก็ไปด้วย ทุกอย่างเข้าแผนที่หว่าหวาวางไว้เพื่อนฉันนี่มันฉลาดจริง ๆฉันเสนอตัวขับรถมารับพี่เซ้นต์ที่บ้านของเขา หว่าหวาหาเรื่องเดินทางกับพี่โจสองคน เพื่อนที่เหลือเจอกันจุดนัดหมาย นั่นก็คือบ้านพักเขาใหญ่ที่พ่อแม่หว่าหวาเป็นเจ้าของ“เพ้นท์อยู่หน้าบ้านพี่แล้วค่ะ”(ครับ เดี๋ยวพี่ออกไป)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ก็เดินออกมาตัวเปล่า กระเป๋าเสื้อผ้าเขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่พกมาด้วย ปกติเห็นชอบพกตลอด ไปเรียนก็พกเสื้อผ้าติดตัวไปเปลี่ยน หลายวันมานี้เสื้อผ้าเขาอยู่ที่ห้องฉันหลายตัวแล้ว คือหลังเลิกเรียนเขาชอบเตะบอลกับเพื่อนน่ะ ก่อนกลับบ้านก็จะแวะมาอาบน้ำที่ห้องแล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นเขาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านของเขา“เสื้อผ้าไม่เอาไปเหรอ”“เข้าบ้านกับพี่ได้ไหมครับ”“ทำไมคะ”“ป้าของพี่อยากเจอเพ้นท์ เข้าไปทำความรู้จักได้ไหมครับ”“ตอนนี้เลยเหรอคะ”“ครับ
หกโมงเย็นที่สนามฟุตบอลพี่เซ้นต์เดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ เขาในชุดฟุตบอลเท่จังเลย ใจฉันเต้นรัวแปลก ๆ แล้วสิไม่เพ้นท์ตอนนี้สายตามึงไม่ได้มองหน้าเขา มึงมองเป้าเขา จังหวะที่เขาวิ่งตรงนั้นมันดิ้นดุ๊กดิ๊กน่ารักจนใจฉันสั่น“รอพี่นานไหม” เสียงของพี่เซ้นต์ทำให้ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงของเขา“ไม่นานค่ะ” ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นน้ำเย็นให้เขา คงไม่ได้จับได้นะว่าฉันจ้องตรงนั้นอะพี่เซ้นต์รับน้ำไปดื่ม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระดกน้ำดื่ม จังหวะที่เขากลืนน้ำลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ท่าดื่มน้ำจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้ไหม แล้วนี่อะไร ทำไมต้องเทน้ำที่เหลือใส่หน้า ทำไมต้องทำให้มันเปื้อนเสื้อด้วยล่ะไม่ แล้วทำไมฉันต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเซ็กซี่สักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ไม่ทราบ“ตอนนี้ห้องน้ำใกล้ ๆ นี้น่าจะเต็มไปด้วยคน รออีกแป๊บได้ไหม รอพี่เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“กลับชุดนี้เลยก็ได้นะคะ เพ้นท์ไม่ถือ” ผู้ชายที่อยู่ในชุดกีฬานี่เท่จริง ๆ ข้างบนก็ดูแกร่ง ข้างล่างก็...“เหงื่อพี่เยอะ เดี๋ยวเพ้นท์...”“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เซ้นต์กังวลก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำที่ห้องเพ้นท์ก่อนก็ได้นะคะ นี่เย็
เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ”ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียวแต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน“เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ”“จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม“ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ”“งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม”“ค่ะ”เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้“น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟาช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื
“พี่โจวิศวะ มาหามึงทำไมวะ” ฟินฟินถามเมื่อฉันกลับเข้าห้องเรียนก่อนอาจารย์เข้าสอน“เขาชื่อโจเหรอ” ฉันถามด้วยความไม่รู้ เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของพี่เซ้นต์ก็ตอนที่พี่เซ้นต์แนะนำให้รู้จัก แนะนำตอนเขาเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วก็ขับรถมาส่งฉันที่หน้าตึกเมื่อกี้นี้เอง แล้วก็ไม่ได้มีแค่พี่โจ มีพี่อีกคนด้วยที่เข้ามานั่งข้างคนขับ เขาชื่อว่าเบย์“มึงไม่รู้จักเขาแล้วไปกับเขาทำไมอีเพ้นท์” ฟินฟินทำหน้าโมโห“ก็เขาบอกมีเรื่องคุยด้วย”“แบบนี้ถ้าใครขอคุยด้วยมึงไม่ไปกับเขาหมดเหรอ”“ก็ไปนะ มีมารยาท”“อี อีเพ้นท์บ้า ทีหลังอย่าไปกับคนแปลกหน้า ดีนะที่วันนี้คนที่มาคือเพื่อนพี่เซ้นต์ ถ้าเป็นคนอื่นจะทำไง มึงไม่กลัวมีปัญหากับพี่เซ้นต์เหรอ หรือว่ามึงเลิกคุยกับพี่เซ้นต์แล้ว”“เปล่า ก็คุยอยู่ เขาเป็นคนให้เพื่อนเขามาตามน่ะ”“อ้อ งั้นกูถามหน่อย”“ถามอะไร”“มึงได้บอกเขาไหมว่ามึงชอบลืมโทรศัพท์แล้วบางทีอารมณ์ผีบ้าเข้าสิงมึงก็ชอบกดปิดเสียง ปิดแจ้งเตือน”“บอกนะ บอกไปนิดหน่อย”“ตอนนี้มึงกับเขาเป็นอะไรกัน คนคุยไหมหรือยังไง” หว่าหวาที่ฟังอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“เขาเพิ่งขอกูเป็นแฟนเมื่อกี้เอง”“ว้าว มึ
“เราจะไปคุยกันที่ไหนคะ” เดินออกมาไกลจากโรงอาหารของคณะบริหารแล้วนะ นี่ต้องไปไกลแค่ไหนกันแต่ทำไมฉันต้องเดินตามเขาล่ะ ฉันไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อย“รู้จักพี่ไหม” หนุ่มคณะวิศวะหยุดเดิน หันมาพูดกับฉัน“เหมือนจะเคยเห็นนะคะ แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน”“แล้วรู้จักไอ้เซ้นต์ไหม”“อ้อ รู้จักค่ะ”“เป็นอะไรกับมัน”“...”“ว่าไง”“ก็คุย ๆ กันอยู่ค่ะ”“คนคุย?”“ทำไมคะ”“ถ้าเป็นคนคุยงั้นก็คุยกับมันหน่อยสิ”“หืม?”“มันนั่งรออยู่ในรถ” หนุ่มวิศวะชี้ไปที่รถเก๋งสีดำเงาที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถ “ไปดิ”“ค่ะ” เพราะท่าทางน่ากลัวของคนพูด ทำให้ฉันต้องเดินมาที่ลานจอดรถ เดินใกล้เข้ามาถึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดอยู่ ฉันเคาะที่กระจกฝั่งคนขับไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ไหม เพราะว่ามันมืด มองไม่เห็นด้านในของรถประตูจากเบาะหลังเปิดออก ฉันชะโงกหน้ามองจึงเห็นว่าพี่เซ้นต์นั่งอยู่เบาะหลัง สีหน้าที่เรียบนิ่งผลักให้ฉันเดินเข้ามานั่งในรถข้างเขา“ผู้ชายคนนั้นเพื่อนพี่เซ้นต์เหรอคะ” ฉันถามพลางมองไปที่หนุ่มวิศวะคนนั้นซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้ใกล้มากพี่เซ้นต์เอื้อมมือปิดประตูโดยการขยับตัวมาใกล้ฉันมาก ๆ ฉันก็เลยพยายามลีบตัวใ
(เป็นอะไรมากไหม หาหมอหรือยัง ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยหรือเปล่า)“เพ้นท์กินยาแล้วค่ะ อีกหน่อยจะนอนพัก”(พี่ผิดเอง เมื่อคืนไม่น่าพาเที่ยวจนดึก ขอโทษนะ)“ไม่ใช่ความผิดของพี่เซ้นต์ค่ะ เพ้นท์ไม่สบายนิดเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ”(เพ้นท์ยังไม่ตอบพี่เลยว่าที่บ้านมีคนอยู่ด้วยไหม ไม่ได้อยู่คนเดียวใช่ไหม)“มีค่ะ วันนี้แม่ของเพ้นท์อยู่บ้าน”(โอเค พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง)“ค่ะ พี่เซ้นต์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นอนพักไม่นานเพ้นท์ก็หายแล้วค่ะ”(ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่จะส่งไปให้)“ขอบคุณนะคะ พี่เซ้นต์ดีกับเพ้นท์มากเลย”(พี่ชอบเพ้นท์ไง)“...”(พักผ่อนนะ ตื่นแล้วทักหาพี่หน่อยนะ)“โอเคค่ะ เพ้นท์วางนะ”(ครับ)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ฉันก็นอนมองเพดานห้อง วันนี้ฉันไม่ได้ไปเรียน สภาพของฉันไม่เหมาะที่จะออกไปเจอคนอื่น ฉันไม่ควรเอาตัวเองออกไปประจานเมื่อคืนนี้ทุกอย่างจบลงที่เรื่องอย่างว่า เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่เต็มใจที่จะมีอะไรกับออยล์ และเป็นครั้งแรกที่ออยล์รุนแรงใส่ฉันและฉันรู้สึกรังเกียจเขาที่ทำเหมือนฉันเป็นของเล่น คิดจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ทำเหมือนฉันไร้ความรู้สึก“เมื่อคืนกูขอโทษ” คนทำก็ไม่ได้หายไปไหน นอนอยู่ข้างฉันนี่แหละ
“ยังไงไหนเล่า ทำไมมึงถึงได้ไปกับพี่เซ้นต์” เข้ามานั่งในห้องเรียนก้นยังไม่ถึงเก้าอี้ฟินฟินก็ถามพร้อมสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“ก็ไม่ยังไง เบื่อ ๆ เลยหาคนคุย”“มึงเนี่ยนะหาคนคุย อะไรเข้าสิงมึง” ทรีถาม“กูมันยังไง ทำไมจะมีคนคุยไม่ได้” ฉันหันไปมองหนุ่มหล่อสายเกา เขาเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ไทย ทรีกับทูกับฝาแฝดกัน สองคนนี้หน้าเหมือนกันมาก สิ่งที่ทำให้แยกสองคนนี้ออกคือความสูงที่ห่างกัน 10 เซนติเมตร“ก็ไม่เห็นมึงจะสนใจใคร ขนาดว่ากูหล่อขนาดนี้ ตามจีบมึงมาตั้งหลายเดือนไม่เห็นมึงสนกู” ทรีทำหน้าน้อยใจ จริงอย่างที่ทรีพูด เขาตามจีบฉัน แต่ว่าฉันไม่สนใจเขา“คนที่เปลี่ยนสาวจนกระเจี๊ยวป่วยแบบมึงกูจะกล้าให้ใจได้ไง” ทรีน่ะเจ้าชู้ สาวเยอะ ไม่คบใครจริงจัง“ก็ถ้ามึงยอมรับรักกูกูก็พร้อมจะมีแค่มึง”“คำพูดคนเจ้าชู้เชื่อไม่ได้”“ลองเชื่อกูสักครั้งกูจะไม่ทำให้มึงเสียใจ” ทรีพูดด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุด รอยยิ้มของคนเจ้าชู้แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝาแฝดคู่นี้หล่อจริง ๆ“ไม่ขอลองเสี่ยงดีกว่า เป็นเพื่อนกันแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากเสียเพื่อน” เพราะว่าฉันสูญเสียออยล์ไปแล้ว ฉันกับออยล์กลับไปเป็นเพื่อนที่แปลว่าเพื่อนแบบนั้นไม่ได้อีกแล้
“ทำไมตาบวม” แตงกวาเพื่อนในกลุ่มถามใช่ค่ะ แตงกวาคนนั้นแหละเราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันและเราใช้ผู้ชายคนเดียวกัน แค่สถานะของเราต่างกัน แตงกวาเป็นแฟนออยล์ แฟนที่ออยล์ถนอม แฟนที่ออยล์ให้ความชัดเจน ขณะที่ฉันเป็นแค่เพื่อนนอน เป็นแค่คนในมุมมืด ใจฉันรู้ดีว่าฉันควรเลิกโง่ได้ตั้งนานแล้ว ทนแบบนี้ไปเพื่ออะไรทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างใจคิด เพราะที่ผ่านมาฉันหมกมุ่นกับออยล์มากเกินไป มากซะจนฉันลืมไปว่าไม่ควรฝากความรู้สึกไว้กับใครมากขนาดนี้“อ่านนิยาย” เพื่อนรู้ดีว่าการอ่านนิยายเป็นสิ่งที่ฉันชอบทำเวลาว่าง อ่านแล้วก็อินคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอยู่เรื่อย ในนิยายพระเอกเถื่อนมันกร้าวใจ แต่ชีวิตจริงขอไม่เจออะไรแบบนั้นนะแค่ที่เจออยู่ชีวิตรักก็รันทดจนไม่รู้จะรันทดยังไงแล้ว ก็รู้นะว่าโทษใครไม่ได้เพราะว่าฉันทำตัวเองล้วน ๆ“คนเก่งนี่ดีจริง ๆ จะสอบอยู่แล้วก็ยังมีเวลาอ่านนิยาย ไม่เหมือนเรา อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว” แตงกวาเอ่ยหึ การทำตัวโง่นี่ได้ใจผู้ชายสินะ“กวามีข้อไหนไม่มั่นใจก็ให้เพ้นท์มันติวให้สิ” ออยล์พูดพลางจับแก้มแตงกวาเล่นคนที่ไม่รักมักจะไม่ถนอมน้ำใจกัน ทั้งที่พูดกับฉันขนาดนั้น ไม่คิดว่าฉันจะเสียใจบ้า