เขาเถาซาน เป็นภูเขาที่ค่อนข้างโล่ง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว จึงทำให้ต้นไม้ต่าง ๆ ดูไม่สดใสเท่าที่ควร บนพื้นแทบจะไม่มีหญ้าขึ้น
หิมะปรอยลงมาบ้างเล็กน้อย ทำให้ถนนที่เป็นเพียงแค่ร่องทางเดินน้อยนิดนั้นออกจะลื่นและเฉอะแฉะ ผู้ที่จะสัญจรทางนี้ก็ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง
ในเวลานี้อากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นทำให้บรรยากาศบนเขาลูกนี้ออกจะน่าขนลุกอยู่บ้าง สายลมฤดูหนาวพัดมาเอื่อย ๆ คนเจ็ดคนบนไหล่เขาเถาซาน กำลังเดินขึ้นเขาไปชมวิว ต่างพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนาน
จุดหมายของพวกเขานั้น คือจะไปให้ถึงจุดชมวิวก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศสวยงามของดวงอาทิตย์กลมโตสีสวยก่อนที่จะลาลับขอบฟ้าบนที่นั่น
ฟู่หลินหลิน ลูกสาวคนกลางของตระกูล เธอมัวแต่ชมธรรมชาติอยู่ จึงเดินรั้งท้ายทุกคน ทุกครั้งที่ออกนอกบ้านมา นางจะเป็นอย่างนี้เสมอ ก็คือเล่นซนและมัวแต่สนใจสิ่งรอบข้าง จนตามคนอื่นเขาไม่ทัน
ฟู่จั๋วเฉิง ลูกชายคนสุดท้องที่ชอบทำตัวมั่งคั่ง เพิ่งจะได้กล้องถ่ายรูปมาใหม่ เป็นกล้องถ่ายรูปฟิล์มขาวดำขนาดใหญ่พอสมควร แต่เขาก็ยังแบกมาด้วย เพื่อที่จะไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินให้ได้
ฟู่เหว่ยกวงและฟู่หวั่นอิ๋น พี่ชายของเขากำลังเดินนำหน้า ส่วนน้องสาวคนเล็กฟู่จื่ออี้ ก็เดินไปร้องเพลงไปอย่างมีความสุข ตรงกลางขบวนเป็นท่านฟู่กับหลินฮวา ผู้ซึ่งเป็นปู่กับแม่ของพวกเขา
“พี่หลินหลินเจ้าเดินให้เร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม เดี๋ยวจะไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินเอาน่ะ” ฟู่จั๋วเฉิงที่คิดว่าจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินนั้นใจร้อนเป็นอย่างยิ่ง
ฟู่หลินหลินหันหน้ามาแล้วตะโกนตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้ารีบนักก็ไปคนเดียวก่อนเลย แหมจะอะไรกันนักหนาเล่า มาเที่ยวนะ ไม่ได้มาแข่งกันเดินเร็ว”
“แม่ ดูพี่หลินหลินสิชักช้าแล้วยังจะไม่สนใจคนอื่นอีก” ผู้เป็นน้องชายหันไปฟ้องแม่ตามเคย หลินฮวาเมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองเริ่มจะทะเลาะกัน ก็รีบห้ามไว้
“หลินหลิน ลูกก็เดินให้เร็วขึ้นหน่อยเถอะน่า ทุกคนจะได้ไปถึงพร้อมกัน ส่วนลูก... จั๋วเฉิงก็ช่วยใจเย็น ๆ ลงสักนิด อย่างไรพวกเราก็ไปทันอยู่แล้ว”
หลังจากที่หลินฮวาพูดจบ ฟู่หลินหลินก็รีบวิ่งมาเพื่อที่จะให้ทันผู้อื่น แต่ทันใดนั้นเองขาข้างหนึ่งของนางก็เหยียบพลาดลื่นไถล ทำให้เธอตกลงไปในเหวเบื้องล่าง
“กรี๊ด...” ฟู่หลินหลินกรีดร้องเสียงดังลั่น
ฟู่เหว่ยกวงและฟู่หวั่นอิ๋น พี่ชายทั้งสองของเธอรีบยื่นมือออกไป เพื่อจะคว้าฟู่หลินหลินเอาไว้ แต่ว่าก็ไม่ทัน
ฟู่หลินหลินตกลงไปเสียแล้ว...
บรรยากาศรอบตัวที่สดใสเมื่อสักครู่ ตอนนี้เหมือนจะค่อย ๆ ดับมืดจนแทบไม่เห็นอะไร ตัวของฟู่หลินหลินหล่นกระแทกอะไรบางอย่างดังตุบแล้วกระเด้งออก
ก่อนที่ร่างของเธอจะตกลงไปเบื้องล่าง ฟู่หลินหลินก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย ทุกอย่างเหมือนถูกกลืนด้วยสีดำหม่นหมองไปหมด ราวกับว่านางฟู่หลินหลินตกอยู่ในห้วงของความฝัน
ความฝัน… ความฝัน… ความฝัน…
ฉันกำลังฝันไป...
‘สีดำ มืด ดำจริง ๆ มองไม่เห็นอะไรเลย ฉันอยู่ที่ไหน’
พรึบ... ทุกอย่างสงบนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ยินเสียงใคร หรือสรรพสัตว์ต่าง ๆ ที่เคยได้ยินก่อนหน้า ไม่มีอะไรเลย…
ขวับ...
ในที่สุดฟู่หลินหลินก็ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ดวงตาทั้งสองข้างยังไม่เปิดออกกว้างดี จึงทำให้นางมองเห็นอะไรไม่ชัด ทุกอย่างมันดูมัวหมองและหม่น ๆ
แต่ทว่า... ‘เหตุใดร่างกายส่วนล่างของฉัน’
“อื้อ อื้อ อื้อ...” เสียงที่เผลอคราง ฟู่หลินหลินรู้สึกว่ามีอะไรขยับเข้า ๆ ออก ๆ อยู่ตรงกลางลำตัว
และกำลังมีใครสักคนแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างปลีน่องทั้งสองข้าง เริ่มมีความรู้สึกว่าพื้นผิวบริเวณนั้นก็ชุ่มแฉะไปหมด ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่มันก็ให้ความรู้สึกสุขสมอย่างบอกไม่ถูก
‘เอ๊ะ... อย่างนี้ไม่ถูกต้องสิ’ ฟู่หลินหลินกำลังคิดทบทวน และนึกว่า... มันเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ และฉันอยู่ที่ไหน
‘ฟู่หลินหลินควรจะอยู่ที่เขาเถาซานกับครอบครัวมิใช่หรือ เหตุใดจึงได้จึง...’ ฟู่หลินหลินเปิดตาเบิกกว้าง นางลืมตาโพลงมองบุคคลที่กำลังขยับเขยื้อนอยู่บนร่างกายของตนเอง
และเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า... ภาพที่ปรากฏอยู่...
‘ผู้ชาย? เขา? เขาเป็นใคร?’ คำถามวนเวียนอยู่เต็มหัว มึนงง และไม่รู้จักเขาคนนี้
ที่น่าตกใจที่สุด ก็คือร่างกายของตนเองกำลังอยู่ในสภาพที่เปล่าเปลือย และมีบุรุษผู้หนึ่งกำลังโยกแกนกายเข้า ๆ ออก ๆ อยู่
ฟู่หลินหลินตกใจแทบสิ้นสติลงไปอีกครั้ง
“กรี๊ด...” ฟู่หลินหลินอ้าปากร้องส่งเสียงดังออกมา แต่ว่าบุรุษผู้นั้นกลับใช้กลีบปากของเขาก้มลงมาปิดปากนางเอาไว้อย่างหยาบคาย ทั้งบดบี้ และดูดดุนปลายลิ้นของฟู่หลินหลิน
ร่างเล็ก ๆ สั่นส่ายสะท้านสะเทือน
‘นี่มันอะไร ฉันงงไปหมดแล้ว’
“อึก อื้อ อ้า...” คำที่เปล่งออกมาหลังจากที่เขาผละกลีบปากออก แล้วยังการกระทำการตอกโยกยกท่อนแข็งที่ขยับยัดเหยียดความเป็นสามี และสร้างความสำราญให้กับตนเอง
เขาอ้ากลีบปากของตนเอง และส่งเสียงครางขรมกระเส่าลั่นดังอยู่ในลำคอ และบางคราวเสียงทุ้มอย่างสุขใจก็เล็ดลอดออกจากริมฝีปาก
แล้วชายผู้นั้นยังเคลื่อนใบหน้าลงไปใช้กลีบปากร้อน ๆ ครอบครองยอดอิ่มของฟู่หลินหลินด้วย การดูดที่รุนแรงราวกับการดูดดื่มกินน้ำนมจากอกเหมือนกับเด็กน้อยทารกที่กระหายนมมารดา
“อึก อ้า... ซี้ด...” การกระทำดังกล่าวทำให้นางส่งเสียงน่ารังเกียจออกมาแบบควบคุมตัวเองไม่ได้
ฟู่หลินหลินยังแอ่นหน้าอกรับปลายลิ้นของเขา ที่ละเลงและดูดอยู่บนยอดสีหวานอย่างวาบหวามในหัวใจ น้ำตาของนางถึงกับซึมเอ่อท่วมทั้งสองนัยน์ตา
‘ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไม? ฉันยังไม่เคยนี่นา นี่มันครั้งแรก ช่วยเบา ๆ หน่อยได้ไหม’
ฟู่หลินหลินยังไม่เคยนอนกับใคร นางเป็นสาวบริสุทธิ์ นางไม่เคยเสียตัวให้ใคร แต่ตอนนี้ร่างหนายกสะโพกสอบและเบียดกายกำยำยวบยาบ แล้วท่อนรักแข็งแรงยังกระแทกกระทบสอดเสือกอัดเข้าไปใหญ่ดังปับๆ
ฟู่หลินหลินเริ่มตาลอย ๆ และปั่นป่วนชวนซ่านไปหมด ไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองอีกแล้ว รู้แต่ว่าตนเองเริ่มเสียการควบคุม ฟู่หลินหลินเผลอไผลยกโหนกนูนขึ้นรับกับแกนแกร่งของเขา เหมือนว่าไม่อยากให้แกนรักของผู้ชายคนนี้หลุดออกจากช่องทางสุขสันต์
ฟู่หลินหลินขยับตามแรงโยก และสั่นส่ายดิ้นพล่านเหมือนจะขาดใจ เขาคนนั้นยังส่งเสียงคำรามดังออกมาจากลำคอเพื่อบ่งบอกถึงความสุขสมใจ ทั้งยังคลุกใบหน้าของเขาระรานรุกหนัก ลิ้นเรียวร้อนวนเวียนละเลงป้ายไปตามผิวกายของฟู่หลินหลินเหมือนกำลังกินขนมอร่อย ๆฟู่หลินหลินไม่อาจฝืนแรงปรารถนาที่ปะทุขึ้นมา ยิ่งแท่งใหญ่ยัดกระแทกสุดลึกมาก ส่วนจุดซ่อนเร้นและอ่อนไหวก็เหมือนกับกำลังเต้นระบำนางรับรู้ได้ถึงการตอดแน่นและขมิบอัดท่อนใหญ่ที่ขยับเร่งเร็วระยิบ ใบหน้าสาวร้อนแดงออกผ่าว ๆ ลมหายใจขาดช่วง เหมือนจะขาดลมหายใจตายไปอีกครา“พอเถอะท่าน อ้า ข้าจะไม่ไหวแล้ว อะ อะ อ้าย...” ฟู่หลินหลินหวีดร้องเสียงดัง หลังจากนั้นเหมือนวิญญาณหลุดออกไปจากตัวความรู้สึกเหมือนกับตัวเองถูกเขาจับตัวโยนขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อส่งให้นางขึ้นสวรรค์ จากนั้นก็ร่วงหล่นลงมายังพื้นพสุธาด้านล่างหัวสมองของฟู่หลินหลินโล่งโปร่งเหมือนไม่มีอะไรอยู่ข้างในนั้น แล้วรู้สึกผ่อนคลายเป็นที่สุดชายหนุ่มร่างหนาใหญ่ แผ่นกล้ามเนื้อตรงแผงอกเป็นมัด ๆ ทว่าตอนนี้เขาเองก็สุดจะทานทน เขาได้แต่ขบเม้มกัดฟันกรามแน่น ยกสะบัดสะโพกสอบกระชั้นท่อนใหญ่กระแทกถี่ราวจะให้นางแหลกลาญและแดด
ฟู่หลินหลินจึงได้หยิบตะเกียง แล้วเดินไปที่ชั้นนั้น นางหยิบยาออกมาสองเม็ดอย่างที่เขาบอก เม็ดยาปั้นแบบง่าย ๆ สีดำ ๆฟู่หลินหลินพิจารณาดูเม็ดยานั้นอย่างถี่ถ้วน นางไม่เคยเห็นเม็ดยาเช่นนี้มาก่อน เนื่องจากโลกที่บ้านในตอนนี้ต่างนิยมกินยาฝรั่งกันหมดแล้ว ยาเม็ดแบบนี้คงมีตั้งแต่สมัยพ่อกับแม่ของนางกระมังนางหันไปหันมาว่าจะถามเขาว่ายานี้ต้องกินอย่างไร แต่พอมาคิดดูแล้ว ก็คงไม่ต่างมั้ง แค่ใส่ปาก แล้วดื่มน้ำตามอีกอย่างฟู่หลินหลินไม่อยากยั่วโทสะเขา ดูแล้วเขาเสียงแข็งมาก จนหัวใจนางสะท้าน หญิงสาวจึงได้ตัดสินใจกินยานั้นเข้าไปสองเม็ดดั่งที่เขาเอ่ยบอก และได้แต่ภาวนาให้กินแล้วหายปวดหัวด้วยเถิดหลังจากนั้นฟู่หลินหลินจึงเดินกลับไปที่เตียง นางจึงปีนขึ้นที่นอนแล้วมุดเข้าใต้ผ้าห่มไป นอนข้างเขาคนนั้น คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีตั้งแต่ลืมตามาแล้วรู้สึกตัวฟู่หลินหลินไม่สามารถหยุดคิดได้ว่าสาเหตุที่ทำให้นางมาที่นี่คืออะไร ตายแล้วเกิดใหม่หรือ แต่ไยไม่เป็นทารก กลับมาเกิดในร่างของคนที่โตแล้ว แถมยัง...ความวิงเวียนทำให้ฟู่หลินหลินต้องหยุดความคิด นางหลับตาลงเนื่องจากง่วงเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์ อีกทั้งยังมึนตื้อขึ้นมาดื้อ ๆท
เขาได้เร่งกระหน่ำกระแทกอัดท่อนบุรุษไปข้างหน้า“อ้าย...” ฟู่หลินหลินหวีดร้องออกมาอีก นางจิกเล็บไปกับที่นอนจนเจ็บนิ้ว เขาอัดโยกกระแทกชนหัวมนแรงสุดแล้วหยุดนิ่งนางรับรู้ได้ถึงความร้อนที่พ่นจากปลายลำใหญ่ฉีดพ่นความสุขของเขาเข้าไปในช่องท้องของนาง ซึ่งมากจนมันเอ่อท่วมล้นออกมาตามร่องรูน้อย ๆ ไหลอาบสองขาเขาก็ทาบทับลงมาฝังแกนหยกในร่องสวาทของนางไม่ผละออก ฟู่หลินหลินได้แต่หายใจหอบระรวยอยู่ใต้ร่างของเขานางผล็อยหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลีย อีกทั้งยังมีฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปด้วย เขาขยับร่างกายออกรู้สึกสุขจนเต็มอิ่ม และกอดรัดร่างนาง ต่อมาชายหนุ่มได้จัดท่าให้นอนสบายและก่ายกอดนางจนถึงรุ่งเช้าวันต่อมาฟู่หลินหลินขยับกายอย่างปวดร้าวอยู่บนเตียง นางรู้สึกปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์ ตอนที่ขยับเปลือกตาเปิดออก จึงรับรู้ได้ถึงแสงที่เจิดจ้าที่ลอดเข้ามาในห้องนั้น‘ฉันอยู่ที่ไหน ที่ไหน’ สถานที่ไม่คุ้นตา‘โอ้... แล้วทำไมปวดเมื่อยไปหมดอย่างนี้นะ’ ขยับตัวอย่างเมื่อยขบ พยายามยันยกศีรษะของตัวเองย้อนไปที่ปัจจุบัน พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าลงไปทุกที จากที่วางแผนกันไว้ว่าจะเดินไปให้ถึงยอดเขาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน กลับกลายเป็นว่า ต้อง
ฟู่หลินหลินที่มาเข้าร่างใหม่นั้น ก็ตื่นขึ้นมาในอีกวัน ตอนนี้ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าจนแทบจะอยู่กลางศีรษะอยู่รำมะร่อก็จะให้ทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อบุรุษผู้นั้นเคี่ยวกรำนางอย่างหนักมาตลอดทั้งคืน สามสี่ยกเลยก็ว่าได้ แต่ละยกนั้นเขาก็ใช้เวลานานแสนนาน จนนางแทบไม่ได้นอนขอบตาดำคล้ำไปหมดแล้ว ฟู่หลินหลินปวดเนื้อปวดตัวจนแทบจะขยับร่างกายไปไหนไม่ได้ ‘บุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน เป็นสามีของข้าในชาตินี้อย่างนั้นหรือ’ ฟู่หลินหลินพูดคุยกับตนเองพอตั้งสติได้แล้ว ฟู่หลินหลินก็ลุกขึ้นนั่ง ปรากฏว่าบนเรือนร่างของนางไม่มีอาภรณ์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว‘นี่เขากระทำอย่างนั้นกับข้าเสร็จแล้ว ก็ไม่คิดที่จะใส่เสื้อผ้าหรือว่าหาอะไรมาคลุมให้ข้าหน่อยหรืออย่างไร เหตุใดจึงได้ปล่อยให้ข้าล่อนจ้อนเพียงนี้ หากมีใครมาเห็นเข้าจะว่าอย่างไรเล่า’ นางคิดก็เกิดความอายฟู่หลินหลินมองสังเกตไปรอบห้อง เมื่อคืนที่นางลุกไปเอายานั้น แสงไฟไม่ค่อยสว่างเท่าใดนัก จึงไม่ได้ดูว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างใดพอได้เห็นเต็มตา การประดับตกแต่งโบร่ำโบราณ แต่ทุกอย่างก็ดูโอ่อ่า‘ที่นี่ก็น่าจะเป็นจวนหรือไม่ก็บ้านของคนมีฐานะกระมัง ห้องนี้มีขนาดใหญ่มาก’ ฟู่หลินหลิ
“อืม... ถ้าเช่นนั้นข้าคิดว่า ข้าก็เหมาะที่จะเป็นชาวจ้าวมากกว่าชาวฉินนะสิ จริงไหม? เพราะข้าไม่อยากจะอยู่ในพิธีรีตอง เอาแบบนี้เจียงอ่าว เราสองคนกลับไปเป็นชาวจ้าว และก็จะได้ทำอะไร ๆ แบบชาวจ้าว”“พูดอย่างนั้นได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ นายหญิงเหมือนลืมอะไรไป ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนท่านถูกท่านแม่ทัพจัดการจนสมองจะเพี้ยนไป ในเมื่อนายหญิงแต่งมาอยู่ในครอบครัวของท่านแม่ทัพแล้ว นายหญิงก็นับเป็นชาวฉินไปแล้วเจ้าค่ะ แล้วสถานะตอนนี้ไม่ได้เป็นภรรยาเฉย ๆ แต่ยังถือว่าเป็นเชลยของท่านแม่ทัพด้วย” เจียงอ่าวเล่าความจริง ทำให้ฟู่หลินหลินกระจ่างในหัวใจ‘เชลย’‘โอ้! เหมือนเป็นทาสเป็นเชลยที่จะถูกจับมาทรมาน แล้วเมื่อคืนเขาก็ทรมานข้า’ ฟู่หลินหลินทำตาโตเท่าไข่หงส์เจียงอ่าวที่ไม่ได้สนใจนายหญิง พูดจบแล้วก็เดินไปหยิบอาภรณ์ชุดสีชมพูอ่อนมา แล้วกางออกให้นายหญิงของตนดู“ใส่อาภรณ์ชุดนี้นะเจ้าคะ มันทำมาจากผ้าไหมทออย่างละเอียด และมีปักลายดอกโบตั๋นที่สาบเสื้อตรงนี้ด้วย นายหญิงเคยโปรดปราน”“ชุดนี้น่ะเหรอ” ถามกลับ เพราะดูโดยรวมแล้วเป็นชุดที่เรียบร้อยและอ่อนหวานหยดยิ่งนัก ฟู่หลินหลินรีบส่ายหัว ความชอบของนางคือสีมืดและทึม ๆ“เอ๊ะ! ต้องใส่สิ
“ผู้หญิงแคว้นจ้าวก็เป็นอย่างนี้แหละเจ้าค่ะ หาคนกิริยามารยาทงามได้ยากยิ่ง ยิ่งพวกที่ทรยศบ้านเมืองตัวเองด้วยแล้ว ยิ่งไร้คุณสมบัติของผู้ดีไปอีกนะเจ้าคะ” ปลายเสียงหัวเราะฮึ ๆ ปู้เป่ยเอ่ย‘ทรยศบ้านเมืองตัวเองอย่างนั้นหรือ เหตุใดกันล่ะ’ ฟู่หลินหลินคิดในใจ สับสนงงงวย กว่านางจะเข้าใจทุกเรื่องจะต้องใช้เวลาในการซักถามกับเจียงอ่าวเป็นวัน ๆ แน่นอน“นี่เจ้า... ยังไม่รู้กาลเทศะเหมือนเดิมนะ”เสียงรวบพัดตบเข้าหากันดังพรึบ ก่อนจะชี้มาที่ใบหน้าของฟู่หลินหลินอีก เมื่อฟู่หลินหลินได้ยินเช่นนั้นรีบตั้งสติ แล้วรีบลุกขึ้นยืน“ฟู่หลินหลินคารวะท่านแม่” พร้อมทำท่าทางเหมือนที่เจียงอ่าวสอน และที่เห็นในจอโทรทัศน์ของที่บ้านรั่วฮูหยินไม่ตอบคำ เพียงแต่เบือนหน้าหนีราวกับจะไม่รับการคารวะจากนาง ฟู่หลินหลินเห็นดังนั้น ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า รั่วฮูหยินคงไม่ชอบนางมากจริง ๆ ตอนที่ได้ยินเจียงอ่าวเล่า ยังไม่เห็นภาพ แต่ตอนนี้ชัดเจนยิ่งแล้วเกิดมายังไม่เคยมีใครทำอะไรให้ฟู่หลินหลินรู้สึกขุ่นเคืองได้เพียงนี้‘แต่ที่นี่... ไม่ใ
ฟู่หลินหลินใจสั่นสะท้าน ก็ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเอง ความมั่นใจในสมัยที่ยังไม่มาที่นี่หายไปไหนนางใช้มือทั้งสองถูหน้าขาของตนเองไปมา เพื่อสะกดความกลัวกับความตื่นเต้นเอาไว้แม่ทัพรั่วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับนางแล้วเปิดฉากการสนทนา“ที่ข้าต้องคุยกับเจ้า เพราะว่าข้าต้องมอบหมายงานให้เจ้าทำในฐานะภรรยา” ซึ่งรั่วเฉินก็รู้ เขาทิ้งนางในตอนนี้ไม่ได้ ต้องหอบหิ้วนางไปทุกที่ หากไม่อยากได้ยินคำครหาก็ต้องเคี่ยวกรำและฝึกฝนนาง“งานอะไรหรือเจ้าคะ” ฟู่หลินหลินถาม แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาที่มีสีหน้าจริงจังมากกว่าเดิมอีก“ปกติแล้ว งานดูแลเรื่องการควบคุมจวน และแบ่งหน้าที่ คอยติดตามทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนทำงานในทุกตำแหน่งในจวนนี้เป็นของท่านแม่ แต่นับตั้งแต่ต่อไปนี้ ข้าจะให้ท่านแม่ได้พักผ่อนบ้าง ในเมื่อเจ้าแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลรั่วแล้ว หน้าที่นี้ย่อมต้องเป็นของเจ้า ในทุก ๆ วันเจ้าจะต้องควบคุมดูแลให้พวกบ่าวไพร่ทำงานในจวน ไม่ว่าจะเป็นงานทำความสะอาด งานในครัว งานในสวนดอกไม้ ต้องให้เรียบร้อย อย่าได้ขาดตกบ
ฟู่หลินหลินคิดผิดที่ต่อปากต่อคำกับเขา และขัดใจท่านแม่ทัพ เขากระแทกร่างของนางชนกับขอบโต๊ะ แล้วกดดันหลังของนางให้โน้มชิดเอาตัวติดกับพื้นไม้“อะ” นางเกือบจะร้องลั่นดังออกมา แต่ก็ต้องงับขบริมฝีปากให้แน่นสนิท ฟู่หลินหลินรู้ตัวตลอด เขารื้อร่นจนชายชุดที่ใส่อยู่ขึ้นมากองอยู่เหนือเอวจากนั้นแม่ทัพนั่งลงไปที่ด้านล่าง แล้วได้ชิดใบหน้าฝั่งลงไปที่ด้านหลัง เขาฝังจมูกโด่งคมสันลงไปกลางร่อง สองขาของฟู่หลินหลินที่ถูกเขาจับให้แยกออกกว้าง ปลายลิ้นเร่าร้อนของแม่ทัพหนุ่มจ้วงแทงพ้นริมฝีปากและเริ่มละเลงไปกับกลีบดอกไม้แสนงามของนาง ฟู่หลินหลินครางครวญ และสะดุ้งตัว ‘เรื่องเซ็กซ์กับผู้ชายช่างเป็นของคู่กัน ที่ขาดไม่ได้ นี่เขาเป็นถึงท่านแม่ทัพ แต่ทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างถึงรสชาติ’“อื้อ... อย่า... ท่าน... อ้า... ซี้ด...” ความระร้ายของปลายชิวหาทำให้ฟู่หลินหลินน้ำตาไหลซึมเอ่อ นางอ้าขยับร้องครวญคราง หัวสมองและร่างกายของฟู่หลินหลินเริ่มปั่นป่วนเขาดูดดุนน้ำหวานที่ไหลบ่าออกมาจากร่องรูรักของฟู่หลินหลินอย่างไม่คิดรังเกียจ และทำเหมื
“โอ๊ย! ไม่ต้องแล้วเจียงอ่าว เจ้าแกล้งข้าใช่ไหม ที่ข้าทำให้เจ้าถูกดุ และปรามาสคาดโทษ ฮึ... ข้าไม่อาบล่ะ เลิก ๆ หยุด ๆ พอกันที” ทำเสียงหงุดหงิด และจะออกจากอ่างอาบน้ำ“แต่ว่า... ยังไม่ทันเสร็จเลยนะเจ้าคะ”เจียงอ่าวผงะห่าง ฟู่หลินหลินก็ก้าวขาพรวดออกมาจากอ่างน้ำ“พอแล้ว ไม่อาบแล้ว ที่จริงข้าก็ไม่ได้สกปรกจนต้องให้เจ้าขัดผิวข้าอย่างนี้ เจ้ารู้ตัวไหมเจ้าขัดน่ะนะเหมือนหนังจะหลุด ขัดแรงชะมัดเลย เจ็บ ๆ พอ ๆ อีกอย่างข้าก็หนาวแล้วด้วย” ปากของนางสั่นกระทบกันจริง ๆ“ก็เถลไถลไปเล่นเรื่อยเปื่อย นี่หากท่านไม่สบายเจ็บป่วยขึ้นมา ต้องถูกท่านแม่ทัพเยาะเย้ยแน่ ๆ เจ้าค่ะ”เมื่อเจ้านายพูดอย่างนั้น เจียงอ่าวจึงเอาผ้ามาให้นายหญิงห่อพันตัว“ตอนที่อยู่ที่ลำธาร ข้าก็แช่อยู่ในน้ำตั้งนานสองนานแล้ว ขี้ไคลของข้าหลุดหมดแหละ และไม่ต้องห่วงว่าข้าจะเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะข้าได้ชื่อว่า เจ้าหญิงแห่งความแข็งแรง และสุขภาพดี ข้าไม่เคยป่วยให้ท่านแม่ต้องเป็นห่วงแม้แต่สักครั้ง” ฟู่หลินหลินอดที่จะค
ท่านแม่ทัพพาฟู่หลินหลินกลับมาถึงจวนด้วยสภาพที่เปียกปอน เขาแบกร่างนางกลับเข้าไปในจวน ตรงไปที่ห้องพักของฟู่หลินหลินฟู่หลินหลินดีดดิ้นขัดขืนแต่ทว่าแม่ทัพรั่วก็ยังไม่ยอมปล่อยนางลงสักที จนกระทั่งถึงห้องของนาง แล้วชายหนุ่มก็จับให้นางนั่งตรงหน้า โดยมีตัวของเขาเองคร่อมร่างของนางเอาไว้ โดยกันเอาไว้ให้นางลุกหนีไปไหนได้“ตอนนี้ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ ท่านก็ปล่อยข้าได้แล้วสิ” ฟู่หลินหลินยังกล้าต่อรอง“เจียงอ่าว” แม่ทัพรั่วตะโกนเรียกเสียงดัง“มาแล้วเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวรีบวิ่งมา จนแทบจะสะดุดขาตนเองล้มท่านแม่ทัพเอื้อมมือไปจับที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของฟู่หลินหลิน และบีบลงน้ำหนัก เหมือนว่าคุณชายจะระงับอารมณ์ที่โกรธขึ้งเอาไว้เต็มที่เขาหันไปกำชับกับเจียงอ่าวว่า “เจ้าดูแลนางให้ดี อย่าให้ออกจากจวนไปแม้แต่ก้าวเดียว มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้าให้ถึงตายแน่ก็คราวนี้” เขาไม่ได้จะเอาโทษกับตัวนาง แต่จะเอาโทษกับเจียงอ่าวแทน รั่วเฉินผละห่าง“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ข้าจะดูแลนายหญิงอย่างดีเจ้าค่ะ” เจียงอ่
“แม่นาง โยนห่วงหรือไม่” พ่อค้าถามฟู่หลินหลินมองไปที่พื้น บนพื้นมีสิ่งของให้เลือกคล้องมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาทำมือ ถุงหอม เครื่องเคลือบ พู่ห้อยเอว ถังหูลู่ และอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วก็ครุ่นคิดว่าจะคล้องเอาอันไหนเมื่อเลือกไว้ในใจได้แล้ว ก็หันไปถามพ่อค้าว่า“ห่วงละเท่าไหร่”“หนึ่งอี้ได้สามห่วงขอรับ โยนคล้องได้ชิ้นไหน ก็เอาชิ้นนั้นไปเลย” พ่อค้าตอบ ฟู่หลินหลินทำทีเอามือคลำไปมาที่เอวราวกับว่ากำลังคลำหาถุงเงินอยู่จากนั้นก็ทำสีหน้าเหลอหลาขึ้นมาประหนึ่งว่าตนทำถุงผ้าสำหรับใส่เงินของนางได้หล่นหายไป “ข้าคงไม่ได้เล่นแล้วล่ะ หือ... ถุงเงินของข้าหายไปไหนก็ไม่รู้ สงสัยข้าจะทำตกไปแล้ว”นางพูดพร้อมทำสีหน้าเศร้า ส่งสายตาปริบ ๆ ให้กับพ่อค้าพ่อค้าได้แต่ยืนยิ้มเจื่อน แต่ก็อดสงสารฟู่หลินหลินไม่ได้ จึงบอกกับนาง“เอาอย่างนี้ ข้าจะให้เจ้าโยนหนึ่งห่วง แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องช่วยข้าเรียกลูกค้า”ฟู่หลินหลินตกลงทันที“ได้สิ เรื่องนี้ขี้ปะติ๋ว” พูดจบก็ยกมือขึ้
“ทำความสะอาดอย่างนั้นหรือ ข้าไม่ทำหรอก เจียงอ่าว พวกเรามีเงินหรือไม่” ฟู่หลินหลินถามเจียงอ่าวเหลียวหน้าเหลียวหลัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้วก็กระซิบกระซาบตอบนายหญิงของตน“มีเจ้าค่ะ ท่านเจ้าเมืองให้มาสองพันกว่าตำลึง”“แล้วตอนนี้อยู่ที่ใดฮึ?” ฟู่หลินหลินเบิ่งตาโตเจียงอ่าวนิ่วหน้าอย่างเสียมิได้ มือทั้งสองยกขึ้นมาบอกปัด “ไม่ได้นะเจ้าคะนายหญิง ท่านเจ้าเมืองให้เอาไว้เพื่อให้นายหญิงใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้นเจ้าค่ะ จะเอาออกมาใช้ในเรื่องมิใช่เรื่องไม่ได้”ฟู่หลินหลินทำหน้าตาบูดบึ้ง“ทำไมจะไม่ได้ฮึ?” ทำหน้าตาไม่พอใจอยู่“ไม่ได้ก็ไม่ได้สิเจ้าคะ เอาเหตุผลอันใดในตอนนี้ ไม่ ไม่...” เจียงอ่าวส่ายหน้า และไม่ยอมมองหน้าของเจ้านายอีกเลย“เฮ้อ...” ฟู่หลินหลินลอบถอนหายใจ จะทำอะไรก็ไม่ได้มากนัก ไม่เหมือนตอนอยู่กับท่านแม่‘ช่างก่อน พักเอาไว้ก่อน’ เริ่มครุ่นคิดอย่างอื่นในที่สุดก็ตัดใจจากเงินก้อนนั้น ในเมื่อท่านพ่อมอบไว้ให้ใช้ยามฉุกเฉิน
เนื่องจากฟู่หลินหลินตื่นสาย นางจึงไม่ได้รับประทานอาหารเช้าร่วมกับสามี แต่ว่าเวลานี้ใกล้จะเที่ยงอีกแล้ว ถึงเวลาต้องปรนนิบัติสามีให้กินอาหารกลางวัน แต่ด้วยความที่มาจากต่างยุคต่างสมัย จึงไม่รู้ว่าคนในยุคนี้ เขาปรนนิบัติกันอย่างไร“พูดเรื่องปรนนิบัติเขา ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง” นางจึงถามเจียงอ่าวอีก เจียงอ่าวรีบถ่ายทอดความรู้ให้กับนายหญิงของตนยกใหญ่เป็นขั้นเป็นตอนเสร็จสรรพ“เจียงอ่าว เจ้าทำไมรู้เรื่องพวกนี้ละเอียดยิ่ง เจ้าเคยมีสามีหรือไม่” ฟู่หลินหลินถาม“ไม่เคยเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวตอบ“อ้าว ยังไม่มีสามีเหรอ” ฟู่หลินหลินงึมงำอีก นางได้ยินคำตอบอย่างนี้ก็แปลกใจ ผู้หญิงที่ไม่เคยมีสามี เหตุใดจึงรู้เรื่องของการปรนนิบัติสามีได้ดีเพียงนี้“แล้วเจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน” ฟู่หลินหลินเบิ่งตาโตใส่เจียงอ่าว แต่สักครู่ก็ทำสายตาล้อเลียนเจียงอ่าวสบตานายหญิงของตน นางตอบกลับ “เรื่องพวกนี้ฟู่ฮูหยินสอนเจียงอ่าวมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้เจียงอ่าวมาดูแลนายหญิงโ
ฟู่หลินหลินเดินไปมาพร้อมกับใช้ความคิด ใบหน้าสวย ๆ ของนางตอนนี้บูดบึ้ง นางไม่คิดว่าเขาจะกลั่นแกล้งนางถึงขั้นนั้น จับกดแล้วขึ้นขี่ตรงไหนก็ได้แล้วยังจะมาออกคำสั่งใช้ให้นางทำงานที่ลำบากด้วย ฟู่หลินหลินเกิดความกังวลเพราะว่าไม่เคยทำมาก่อน อีกอย่างแม่สามีที่ร้ายกาจคอยจับผิดอีกนางได้แต่ถอนหายใจออกมา นั่งห้อยขาแกว่งไปแกว่งมาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เจียงอ่าวก็มองอย่างสงสัย ฟู่หลินหลินบ่นกระปอดกระแปดให้เจียงอ่าวได้ยิน“ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงหน้าที่ควบคุมดูแลก็เถอะ แต่เรื่องแค่นี้ทำไมจะต้องให้ข้าทำด้วย ถ้าข้าโดนฝุ่นจนโรคภูมิแพ้กำเริบผู้ใดจะรับผิดชอบ”“มีเรื่องอันใดกันหรือเจ้าคะนายหญิง เหตุใดจึงไม่สบอารมณ์ถึงเพียงนี้” เจียงอ่าวเมื่อเห็นนายของตนดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดีจึงถามฟู่หลินหลินพ่นลมออกจากจมูกคราหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับเจียงอ่าวอย่างจริงจัง“นี่ฟังนะเจียงอ่าว ผู้ชายคนนั้นเขาให้ข้าดูแลงานเรื่องทำความสะอาด เขาไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้าเป็นถึงคุณหนูตระกูลฟู่เชียวนะ ข้า...” เจียงอ่าวรีบแต่ท
ฟู่หลินหลินคิดผิดที่ต่อปากต่อคำกับเขา และขัดใจท่านแม่ทัพ เขากระแทกร่างของนางชนกับขอบโต๊ะ แล้วกดดันหลังของนางให้โน้มชิดเอาตัวติดกับพื้นไม้“อะ” นางเกือบจะร้องลั่นดังออกมา แต่ก็ต้องงับขบริมฝีปากให้แน่นสนิท ฟู่หลินหลินรู้ตัวตลอด เขารื้อร่นจนชายชุดที่ใส่อยู่ขึ้นมากองอยู่เหนือเอวจากนั้นแม่ทัพนั่งลงไปที่ด้านล่าง แล้วได้ชิดใบหน้าฝั่งลงไปที่ด้านหลัง เขาฝังจมูกโด่งคมสันลงไปกลางร่อง สองขาของฟู่หลินหลินที่ถูกเขาจับให้แยกออกกว้าง ปลายลิ้นเร่าร้อนของแม่ทัพหนุ่มจ้วงแทงพ้นริมฝีปากและเริ่มละเลงไปกับกลีบดอกไม้แสนงามของนาง ฟู่หลินหลินครางครวญ และสะดุ้งตัว ‘เรื่องเซ็กซ์กับผู้ชายช่างเป็นของคู่กัน ที่ขาดไม่ได้ นี่เขาเป็นถึงท่านแม่ทัพ แต่ทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างถึงรสชาติ’“อื้อ... อย่า... ท่าน... อ้า... ซี้ด...” ความระร้ายของปลายชิวหาทำให้ฟู่หลินหลินน้ำตาไหลซึมเอ่อ นางอ้าขยับร้องครวญคราง หัวสมองและร่างกายของฟู่หลินหลินเริ่มปั่นป่วนเขาดูดดุนน้ำหวานที่ไหลบ่าออกมาจากร่องรูรักของฟู่หลินหลินอย่างไม่คิดรังเกียจ และทำเหมื
ฟู่หลินหลินใจสั่นสะท้าน ก็ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเอง ความมั่นใจในสมัยที่ยังไม่มาที่นี่หายไปไหนนางใช้มือทั้งสองถูหน้าขาของตนเองไปมา เพื่อสะกดความกลัวกับความตื่นเต้นเอาไว้แม่ทัพรั่วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับนางแล้วเปิดฉากการสนทนา“ที่ข้าต้องคุยกับเจ้า เพราะว่าข้าต้องมอบหมายงานให้เจ้าทำในฐานะภรรยา” ซึ่งรั่วเฉินก็รู้ เขาทิ้งนางในตอนนี้ไม่ได้ ต้องหอบหิ้วนางไปทุกที่ หากไม่อยากได้ยินคำครหาก็ต้องเคี่ยวกรำและฝึกฝนนาง“งานอะไรหรือเจ้าคะ” ฟู่หลินหลินถาม แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาที่มีสีหน้าจริงจังมากกว่าเดิมอีก“ปกติแล้ว งานดูแลเรื่องการควบคุมจวน และแบ่งหน้าที่ คอยติดตามทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนทำงานในทุกตำแหน่งในจวนนี้เป็นของท่านแม่ แต่นับตั้งแต่ต่อไปนี้ ข้าจะให้ท่านแม่ได้พักผ่อนบ้าง ในเมื่อเจ้าแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลรั่วแล้ว หน้าที่นี้ย่อมต้องเป็นของเจ้า ในทุก ๆ วันเจ้าจะต้องควบคุมดูแลให้พวกบ่าวไพร่ทำงานในจวน ไม่ว่าจะเป็นงานทำความสะอาด งานในครัว งานในสวนดอกไม้ ต้องให้เรียบร้อย อย่าได้ขาดตกบ
“ผู้หญิงแคว้นจ้าวก็เป็นอย่างนี้แหละเจ้าค่ะ หาคนกิริยามารยาทงามได้ยากยิ่ง ยิ่งพวกที่ทรยศบ้านเมืองตัวเองด้วยแล้ว ยิ่งไร้คุณสมบัติของผู้ดีไปอีกนะเจ้าคะ” ปลายเสียงหัวเราะฮึ ๆ ปู้เป่ยเอ่ย‘ทรยศบ้านเมืองตัวเองอย่างนั้นหรือ เหตุใดกันล่ะ’ ฟู่หลินหลินคิดในใจ สับสนงงงวย กว่านางจะเข้าใจทุกเรื่องจะต้องใช้เวลาในการซักถามกับเจียงอ่าวเป็นวัน ๆ แน่นอน“นี่เจ้า... ยังไม่รู้กาลเทศะเหมือนเดิมนะ”เสียงรวบพัดตบเข้าหากันดังพรึบ ก่อนจะชี้มาที่ใบหน้าของฟู่หลินหลินอีก เมื่อฟู่หลินหลินได้ยินเช่นนั้นรีบตั้งสติ แล้วรีบลุกขึ้นยืน“ฟู่หลินหลินคารวะท่านแม่” พร้อมทำท่าทางเหมือนที่เจียงอ่าวสอน และที่เห็นในจอโทรทัศน์ของที่บ้านรั่วฮูหยินไม่ตอบคำ เพียงแต่เบือนหน้าหนีราวกับจะไม่รับการคารวะจากนาง ฟู่หลินหลินเห็นดังนั้น ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า รั่วฮูหยินคงไม่ชอบนางมากจริง ๆ ตอนที่ได้ยินเจียงอ่าวเล่า ยังไม่เห็นภาพ แต่ตอนนี้ชัดเจนยิ่งแล้วเกิดมายังไม่เคยมีใครทำอะไรให้ฟู่หลินหลินรู้สึกขุ่นเคืองได้เพียงนี้‘แต่ที่นี่... ไม่ใ