ลู่ฟางซินตกหลุมรักแม่ทัพหน้าหยก เฉิงลี่หมิงตั้งแต่ครั้งแรกที่เขามาวังหลวงพร้อมกับชัยชนะ แต่ในสายตาเขา มีเพียงพี่สาวนางคนเดียวเท่านั้น ด้วยแผนการร้ายของใครบางคน ทำให้นางต้องตกเป็นของเขาโดยไม่ตั้งใจ
View Moreนอกจากเขาจะไม่ได้สติแล้ว ยังเพิ่มความโกรธให้เขาด้วย เข้ายับยั้งตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาต้องกำราบนาง ต้องให้นางรู้ซะบ้าง ว่าใครกันแน่ที่เป็นใหญ่ในสนามรบนี้ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ประกบริมฝีปากกับปากอวบอิ่มของนาง ช่างหวานนัก นี่หรือรสชาติของหญิงสาว ที่ใช้ปากนี่ด่าเขา เขาบดขยี้อย่างแรง หญิงสาวตกใจ นางไม่สามารถขัดขืนเขาได้เลยแขน 2 ข้างของนาง ถูกเขาตรึงไว้ นางพยายามดิ้นเพื่อให้หลุด นางกัดเขา แต่เหมือนไปกระตุ้นสัญชาตญาณของพยัคฆ์ร้ายในตัวเขาให้ตื่นขึ้นมา ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ สิ่งที่หลุดออกไปได้ มีเพียงเสื้อผ้าของนางเท่านั้น“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ได้โปรด หยุดเถอะ ข้า ข้าขอร้องท่าน ฮือๆๆๆๆ” นางขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย บัดนี้ ไม่มีอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียวที่จะปกปิดร่างของนางไว้ นางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ความอัปยศนี้ ใครกันที่เป็นคนมอบให้นาง จนถึงก่อนที่เขาจะสิ้นสติ เขาก็ยังเรียกหาพี่สาวนาง ทำไมต้องเป็นนางที่มารับเคราะห์กรรมนี้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้“ไม่ร้องนะคนดี ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บ” เขากระซิบ เป็นคำสุดท้ายที่เขาจะพูดคืนนี้ เขาเริ่มจู่โจมหาความหวานจากปากของนางอีกครั้ง ครั้งนี้ หญิงสาวไม่หลบเลี่ยงอีกแล้ว ช่าง
ฟางซินกลับเข้ามายังงานเลี้ยง พร้อมกับของกินอร่อยๆ ในมือ นางเดินไปรอบๆ งานนี้มีแต่ผู้คนที่น่าสนใจ มาจากต่างถิ่น ท่านอ๋องคงอยากเชื่อมสัมพันธ์กับเหล่าพ่อค้า เพื่อให้แคว้นต่างๆ อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสินะ เป็นงานเลี้ยงที่ยอดเยี่ยมมาก“แหมม ฮูหยินลู่ ข้าได้ยินข่าวว่าไม่ช้าก็เร็ว ท่านก็คงจะได้รับสินสอดแล้วรึมิใช่ 555 บุตรสาวของท่าน สตรีอันดับ 1 ของเมืองหลวง กับท่านอ๋องเฉิงเชียวนะ เหมาะสมกันมาก ข้า ยินดีล่วงหน้าๆๆ” ใต้เท้ากรมโยธา กล่าวกับฮูหยินใหญ่ลู่“ที่ไหนกันล่ะ ใต้เท้าจางก็ เรื่องของหนุ่มสาว ข้าไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่ ปล่อยให้เป็นตามลิขิตฟ้าเถอะ” นางแอบลอบยิ้มอย่างอารมณ์ดี“ท่านดูนั่นสิ นั่นน่าจะเป็นคู่หญิงสวย ชายงาม ของเมืองหลวงเป็นแน่ เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก น่าอิจฉาท่านอ๋องเฉิงจริงๆ” พ่อค้าท่านนึงกล่าวกับสหายของเขาฟางซินรู้อยู่แล้ว สักวันคงได้ยินคนพูดเรื่องพวกนี้ งานเลี้ยงคืนนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางใด ผู้คนต่างพูดคุยกันถึงแต่เรื่องท่านอ๋อง กับพี่สาวนาง พวกเขาดูสนิทกันขนาดนั้น สักวันคงมีข่าวการวิวาห์ หญิงงามอันดับ 1 กับแม่ทัพหน้าหยก นี่เป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง หันกลับไป
รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขกแม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา “เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก” แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ” แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไ
รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขกแม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา “เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก” แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ” แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไ
หนิงเซียนร้อนใจ ท่าทีของท่านอ๋องที่มีต่อฟางซินนั้น ทำให้นางอยู่ไม่สุข นางไม่ไว้ใจ นางไม่อาจทนได้ หากท่านอ๋องคิดจะมองหญิงอื่น ต่อให้ไม่ใช่ฟางซิน นางก็ไม่ยอม ผ่านไปหลายวันแล้ว ท่านอ๋องไม่เคยมาเยี่ยมท่านพ่ออีกเลย อ้างแต่ว่ามีราชกิจมาก ต้องเข้าวังตลอด หากข้ามัวแต่นิ่งเฉย ไม่ต้องรอฟางซินแย่งท่านอ๋องไปหรอก คงจะไม่รอดบรรดาสาวงามในวังแน่นอน ยิ่งคิดยิ่งร้อนใจฟางซิน หลังจากงานเลี้ยงครั้งนั้น นางก็เหมือนได้ปลดปล่อยหัวใจตัวเองไปในอีกรูปแบบหนึ่ง รู้สึกสบายใจ และเป็นอิสระ วันนี้มาหอจันทรา เพื่อสำรวจว่าสินค้าที่ส่งมา ใกล้หมดแล้วรึยัง ยอดขายยังดีต่อเนื่อง ยอดสั่งผลิตก็ยังคงมากเท่าเดิม“คุณชายเจีย บังเอิญจัง ท่านมาร้านผ้าไหมซิงหรูหรือเจ้าคะ” ฟางซินเอ่ยทักทายบุรุษตรงหน้า“คุณหนูลู่ วันนี้ข้ามาส่งสินค้าที่ร้านซิงหรูขอรับ ข้าทำการค้ากับร้านนี้ขอรับ” เจียฟู่เฉิงกล่าว พึงนึกในใจ นี่มิใช่เรื่องบังเอิญ แต่เขาไปสอบถามหอจันทรามาแล้ว ทราบว่าทุกวันที่ 1 และ 15 ของทุกเดือน นางจะมายังหอจันทราเพื่อตรวจสอบสินค้าและยอดขาย จึงได้จงใจ เดินมายังถนนเส้นนี้ เพื่อพบกับนาง“ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว ข้าขอเลี้ยงข้าวท่านได้หรือไม่
หลังกลับจากงานเลี้ยงเมื่อคืน ฟางซินแทบจะจำไม่ได้เลยว่ากลับมาที่ห้องได้อย่างไร รู้แต่ว่าเดินอย่างใจลอย มายังห้องของตน ปล่อยสาวใช้จัดการทุกอย่าง และนางก็หลับลง หวังว่าเรื่องในคืนนี้ จะเป็นเพียงฝันไปปวดหัวซะจริง สุราแค่นิดหน่อยเองนะ จากนี้ข้าคงไม่ดื่มอีกแล้ว “คุณหนู ท่านตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ สินค้าตัวใหม่ พร้อมนำไปส่งที่หอจันทราแล้วนะเจ้าคะ”ชุนเอ๋อรายงาน“ไปกัน แต่งตัวให้ข้าที ได้เวลาทำงานแล้ว” ใช่แล้ว นางไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้ นางหวังเก็บเงินได้มากพอที่จะไปจากเมืองนี้ ไปแคว้นจ้าว เพื่อสืบหาเรื่องราวของท่านแม่ ถึงแม้ท่านพ่อจะดีกับนาง แต่ก็ไม่สามารถจะห้ามความอยากรู้ความจริงนี้ได้ นางไม่อาจทนให้ใครมาดูถูกมารดาของตนได้ ถึงจะไม่รู้ที่มาแน่นอน แต่นางก็ยังแอบสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ มาตลอด“ไปหอจันทรา” นางบอกคนขับรถม้าของจวน “ขอรับคุณหนู” เอ๋ มีรถม้าจอดหน้าจวน รถของผู้ใดกัน มาเยือนแต่เช้าเช่นนี้ ม่านรถม้าเปิด จังหวะเดียวกันกับที่ฟางซินเปิดม่านหน้าต่างดู นางไม่มีทางจำผิด ชุดขาว รูปร่างสมส่วน หน้าตาดั่งหยก ท่านอ๋องเฉิง ใจนางเจ็บอีกแล้ว ไม่ต้องเดา คงมาหาท่านพี่สินะ หึ ดีแล้วที่ข้าออกมาก่อน จะไ
เมื่อฟางซินกลับถึงจวน ในเรือนใหญ่นั้นดูแปลกกว่าทุกวัน ทำไมวันนี้ช่างวุ่นวาย บ่าวไพร่ สาวใช้ วิ่งสวนทางกัน ทั้งเข้า-ออก เกิดอะไรขึ้นกัน หรือที่จวนจะมีแขกมางั้นหรือ ชุนเอ๋อรีบเข้าไปสอบถาม“อารุ่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอ ที่จวนจะมีแขกรึ ทำไมช่างดูวุ่นวายกันเยี่ยงนี้”“ฮูหยินใหญ่แจ้งว่า คืนนี้ทุกคนในจวนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวง ท่านเลยสั่งให้เตรียมของขวัญ ของกำนัล และเครื่องแต่งกายให้คุณหนูรอง วุ่นวายไปหมด ข้าต้องไปเตรียมน้ำให้คุณหนูรองอาบก่อน ไปนะ” ว่าแล้ว สาวใช้เรือนใหญ่ก็รีบวิ่งไป งานเลี้ยงเหรอ งั้นก็ได้กินฟรีน่ะสิ เยี่ยมเลย ฟางซินคิดในใจ ทุกครั้งที่มีงานฉลองที่วังหลวง นางมักจะเพลิดเพลินกับอาหารทั้งคาว-หวานที่ในวังจัดสรรมาให้แขกในงานได้ลิ้มลอง “ต้องไปหาท่านแม่รอง ไปกัน ชุนเอ๋อ”“ท่านแม่รองเจ้าคะ” ฟางซินเรียกฮูหยินรอง ลู่ถังซิน “มาแล้วเหรอ ซินเอ๋อแม่นึกว่าเจ้าจะกลับมาไม่ทันซะแล้ว แม่ส่งเครื่องแต่งกายไปให้เจ้าที่ห้องแล้ว เจ้าก็รีบเตรียมตัว ยามอิ๋น(บ่าย 3-4 โมง) มาเจอกันที่โถงรับแขกนะ”“ในวังหลวงมีงานฉลองอะไรหรือเจ้าคะ หรือฉลองที่แม่ทัพเฉิงปราบกบฏ ได้หรือเจ้าคะ” ฮูหยินแปลกใจเล็กน้
ลู่ฟางซิน บุตรีคนรองแม่ทัพ ลู่ต้าตง ผู้ร่วมบุกเบิกแคว้นกับองค์ฮ่องเต้ หงซูลี่ ผู้เป็นทั้งสหายร่วมเรียน ร่วมรบกันมาตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ นางทราบเพียงว่า มารดาของตนคือหญิงรับใช้ในกองทัพของบิดา และถูกข้าศึกฆ่าตายระหว่างสงครามแคว้นฉินกับแคว้นจ้าวเมื่อ 17 ปีก่อน บิดาผู้ซึ่งกลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ได้อุ้มบุตรีกลับมาที่จวน พร้อมกับความสงสัยของฮูหยินทั้ง 2 (ฮูหยินเอก ลู่เหลียน และฮูหยินรอง ลู่ถังซิน) พร้อมกันนั้น ท่านแม่ทัพก็ได้รับรู้ว่า ตนได้มีลูกสาวที่กำเนิดแล้วอีก 1 คน คือ ลู่หนิงเซียน ซึ่งฮูหยินเอกได้กล่าวว่าไม่อยากให้ท่านแม่ทัพเป็นกังวลในการออกศึก เลยไม่แจ้งข่าวการตั้งครรภ์ให้ทราบ เนื่องจากเป็นศึกยืดเยื้อยาวนานกว่า 1 ปี นางจึงคลอดก่อนที่ท่านแม่ทัพจะได้กลับมายังเมืองหลวง ท่านแม่ทัพดีใจยิ่งนัก ที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ในวินาทีนี้ ไม่มีใครมีความสุขมากกว่าแม่ทัพลู่อีกแล้วแม่ทัพลู่ต้าตงยังมีบุตรชายคนโต ที่กำเนิดจากฮูหยินรอง ลู่ถังซินอีก 1 คน ชื่อ ลู่จินเยว่ ซึ่งรู้จักกันในนามรองแม่ทัพลู่นั่นเอง จินเยว่ติดตามบิดาไปออกศึกเสมอ จนได้รับการยอมรับจากทั้งกองทัพว่า ทั้งเก่ง ความสามารถรอบด้าน ฉลาด และมีค
ลู่ฟางซิน บุตรีคนรองแม่ทัพ ลู่ต้าตง ผู้ร่วมบุกเบิกแคว้นกับองค์ฮ่องเต้ หงซูลี่ ผู้เป็นทั้งสหายร่วมเรียน ร่วมรบกันมาตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ นางทราบเพียงว่า มารดาของตนคือหญิงรับใช้ในกองทัพของบิดา และถูกข้าศึกฆ่าตายระหว่างสงครามแคว้นฉินกับแคว้นจ้าวเมื่อ 17 ปีก่อน บิดาผู้ซึ่งกลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ได้อุ้มบุตรีกลับมาที่จวน พร้อมกับความสงสัยของฮูหยินทั้ง 2 (ฮูหยินเอก ลู่เหลียน และฮูหยินรอง ลู่ถังซิน) พร้อมกันนั้น ท่านแม่ทัพก็ได้รับรู้ว่า ตนได้มีลูกสาวที่กำเนิดแล้วอีก 1 คน คือ ลู่หนิงเซียน ซึ่งฮูหยินเอกได้กล่าวว่าไม่อยากให้ท่านแม่ทัพเป็นกังวลในการออกศึก เลยไม่แจ้งข่าวการตั้งครรภ์ให้ทราบ เนื่องจากเป็นศึกยืดเยื้อยาวนานกว่า 1 ปี นางจึงคลอดก่อนที่ท่านแม่ทัพจะได้กลับมายังเมืองหลวง ท่านแม่ทัพดีใจยิ่งนัก ที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ในวินาทีนี้ ไม่มีใครมีความสุขมากกว่าแม่ทัพลู่อีกแล้วแม่ทัพลู่ต้าตงยังมีบุตรชายคนโต ที่กำเนิดจากฮูหยินรอง ลู่ถังซินอีก 1 คน ชื่อ ลู่จินเยว่ ซึ่งรู้จักกันในนามรองแม่ทัพลู่นั่นเอง จินเยว่ติดตามบิดาไปออกศึกเสมอ จนได้รับการยอมรับจากทั้งกองทัพว่า ทั้งเก่ง ความสามารถรอบด้าน ฉลาด และมีค...
Comments