ลู่ฟางซิน บุตรีคนรองแม่ทัพ ลู่ต้าตง ผู้ร่วมบุกเบิกแคว้นกับองค์ฮ่องเต้ หงซูลี่ ผู้เป็นทั้งสหายร่วมเรียน ร่วมรบกันมาตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ นางทราบเพียงว่า มารดาของตนคือหญิงรับใช้ในกองทัพของบิดา และถูกข้าศึกฆ่าตายระหว่างสงครามแคว้นฉินกับแคว้นจ้าว
เมื่อ 17 ปีก่อน บิดาผู้ซึ่งกลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ได้อุ้มบุตรีกลับมาที่จวน พร้อมกับความสงสัยของฮูหยินทั้ง 2 (ฮูหยินเอก ลู่เหลียน และฮูหยินรอง ลู่ถังซิน) พร้อมกันนั้น ท่านแม่ทัพก็ได้รับรู้ว่า ตนได้มีลูกสาวที่กำเนิดแล้วอีก 1 คน คือ ลู่หนิงเซียน ซึ่งฮูหยินเอกได้กล่าวว่าไม่อยากให้ท่านแม่ทัพเป็นกังวลในการออกศึก เลยไม่แจ้งข่าวการตั้งครรภ์ให้ทราบ เนื่องจากเป็นศึกยืดเยื้อยาวนานกว่า 1 ปี นางจึงคลอดก่อนที่ท่านแม่ทัพจะได้กลับมายังเมืองหลวง ท่านแม่ทัพดีใจยิ่งนัก ที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ในวินาทีนี้ ไม่มีใครมีความสุขมากกว่าแม่ทัพลู่อีกแล้ว
แม่ทัพลู่ต้าตงยังมีบุตรชายคนโต ที่กำเนิดจากฮูหยินรอง ลู่ถังซินอีก 1 คน ชื่อ ลู่จินเยว่ ซึ่งรู้จักกันในนามรองแม่ทัพลู่นั่นเอง จินเยว่ติดตามบิดาไปออกศึกเสมอ จนได้รับการยอมรับจากทั้งกองทัพว่า ทั้งเก่ง ความสามารถรอบด้าน ฉลาด และมีความเป็นผู้นำ ถอดแบบบิดามาไม่ผิดเพี้ยน
ผ่านมา 17 ปีแล้ว ที่ลู่ฟางซิน ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในจวนท่านแม่ทัพ ท่านพ่อมีความยุติธรรมกับลูกทุกคนเสมอ แม้ว่าหนิงเซียน จะมีความเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ต่อหน้าบิดา นางก็ยังมีความกลัวและเกรงใจอยู่มาก ถึงแม้ฮูหยินเอก และหนิงเซียน จะไม่ชอบ และรังเกียจฟางซินมากเพียงใด ก็ทำได้เพียงแค่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจเท่านั้น ผิดกับฮูหยินรอง หรือที่ฟางซินเรียกว่าท่านแม่รอง ฮูหยินรักและเอ็นดูฟางซินดั่งบุตรในอุทธรณ์ ฟางซินและ จินเยว่จึงมีความสนิทสนมกัน
ฟางซินเป็นเด็กสาวที่เติบโตมา โดยผ่านการอบรมเหมือนบุตรของขุนนางชั้นสูงโดยทั่ว ๆ ไป แต่สิ่งที่ฟางซินแตกต่างกับเด็กสาวรุ่นเดียวกันคือ นางชอบค้าขาย ชอบการทำเครื่องหอม เครื่องประทินโฉม นางชอบทดลองเพื่อการสร้างสรรค์กลิ่นใหม่ๆ เพื่อสร้างความประหลาดใจ และทุกครั้งที่ได้ผลิตเครื่องหอมใหม่ๆ นางมักจะแอบส่งไปขายที่หอจันทรา ซึ่งเป็นแหล่งขายเครื่องประทินโฉมขึ้นชื่อของเมืองหลวง ซึ่งตอนนี้เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด สาวๆ ในเมือง รวมไปถึงสาวใช้ และพระสนมในวังหลัง ต่างก็ล้วนติดใจในสินค้าเครื่องหอมเหล่านี้ จนยอดการสั่งซื้อมากมาย ซึ่งนางเอง เปรียบได้เป็นเหมือนเศรษฐีนีในเมืองหลวงเงียบๆ คนนึงเช่นกัน
วันนี้ได้เวลาไปสำรวจตลาด และความต้องการใหม่ๆ กันแล้ว ร้านขายของในเมืองวันนี้เหมือนจะคึกคักมากเป็นพิเศษ ทำไมร้านขายดอกไม้ถึงมากมายเช่นนี้ อีกทั้งการประดับตกแต่งหน้าร้าน หน้าบ้าน ยังสวยเป็นพิเศษ มีทั้งโคมไฟที่เขียนคำอวยพร ทั้งซุ้มประตูดอกไม้แบบต่างๆ ที่สวยงามมากพอที่จะสร้างสรรค์กันออกมาได้ เรามีแขกบ้านแขกเมืองมาเยือนหรือ ทำไมทั่ว ทั้งเมืองหลวงแลดูคึกคักเช่นนี้ นี่ข้าตาฝาดไปหรือไม่ ทำไมสาวๆ เยอะมากขนาดนี้ เดินตามถนน เหมือนกับการจัดนิทรรศกาลการหาคู่ก็มิเชิง แต่ละคนแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายเต็มยศ สวยละลานตาไปหมด และทุกคนมีตะกร้าดอกไม้ น่าสนใจยิ่งนัก
“ขออภัยเจ้าค่ะ ทำไมวันนี้ถนนสายนี้ถึงคึกคักยิ่งนักเจ้าคะ”
ชุนเอ๋อ สาวใช้ประจำตัวฟางซินเอ่ยถามกับหญิงสาวที่ถือตะกร้ากลีบดอกไม้ที่มองไปยังประตูเมืองฝั่งตะวันออกอย่างใจลอย และตอบกลับมาว่า
“วันนี้เป็นวันที่ท่านอ๋องเฉิงกลับเข้าเมืองหลวง หลังจากชนะศึกปราบกบฏแคว้นเว่ยไง เจ้าไม่รู้เหรอ ท่านอ๋องเฉิงลี่หมิง แม่ทัพหน้าหยกคนนั้นน่ะ”
ว๊าวววว มิน่าล่ะ สาวๆ ถึงได้เต็มถนนขนาดนี้ ที่แท้
“คุณหนูเจ้าคะ ๆๆ”
ฟางซินกำลังสอบถามคนขายดอกไม้ข้างทางอยู่ ถึงสายพันธ์ดอกไม้ต่างๆ ที่นางมี และกำลังเจรจาขอซื้อจากสวนของนาง ต้องตกใจกับเสียงของชุนเอ๋อ
“เจ้าเป็นอะไร ใครรังแกเจ้างั้นเหรอ เรียกซะเสียงดัง”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะๆ ข้าจะบอกว่า วันนี้ท่านอ๋องเฉิงจะเสด็จกลับเมือง ผู้คนเหล่านี้คือผู้ที่จะมาต้อนรับ และมาชื่นชมความน่าเกรงขามของท่านอ๋องหน้าหยกเจ้าค่ะ”
ฟางซินหันกลับมามอง
“แล้ว….ยังไงล่ะ”
ชุนเอ๋อ “คุณหนู เรารีบไปหาร้านน้ำชา แล้วนั่งรอดูเถิดเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวคงจะมาถึงกันแล้ว คนน่าจะเยอะกว่านี้มากเจ้าค่ะ ไปกันเจ้าค่ะๆๆ”
ว่าแล้วนางก็เดินนำคุณหนูไปร้านน้ำชาแห่งหนึ่งบนถนน และบอกเด็กร้านน้ำชาว่า
“ข้าจองห้องส่วนตัว ระเบียงชั้น 2 ให้คุณหนูข้า 1 ห้อง”
เสี่ยวเอ้อ เห็นกระนั้น จึงตอบว่า
“ขออภัยคุณหนู ห้องชั้น 2 ของเราเต็มหมดทุกห้องเลยขอรับ ตอนนี้ไม่มีที่ว่างเลยขอรับ”
อะไรกัน มาช้าไปเหรอ
“ข้าจ่าย 2 เท่า ขอห้องเรา 1 ห้อง เจ้าหามาสิ”
ฟางซินถึงกับดึงแขนสาวใช้
“ชุนเอ๋อ พอเถอะ ข้าไม่ได้อยากดื่มชา ข้าทำธุระเสร็จก็จะกลับแล้ว เหตุใดต้องมารอดูขบวนนี้ด้วยเล่า”
“ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู โอกาสดี ๆ แบบนี้ จะปล่อยผ่านได้อย่างไรเจ้าคะ ขบวนกองทัพที่ชนะศึก เราไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ นะเจ้าคะ รอซักครู่ ให้เป็นหน้าที่ข้าเองเจ้าค่ะ”
“เสี่ยวเอ้อ ว่าอย่างไร มีมั้ย”
“เรียนคุณหนูทั้ง 2 มีห้องหนึ่งว่างอยู่ ผู้จองได้จองไว้ แต่ไม่มา ท่านสามารถใช้ห้องนั้นได้ขอรับ แต่…”
“แต่อะไรล่ะ”
ชุนเอ๋อถาม
“แต่ท่านต้องจ่าย 3 ตำลึงขอรับเพราะห้องนั้นคือห้องที่จองไว้ก่อนแล้ว และต้องเผื่อที่จะจ่ายคืนผู้จองเดิม หากเขากลับมาขอรับ
” ได้เลยๆ เอาไปๆ ทีนี้ นำทางข้ากับคุณหนูข้าได้หรือยัง”
“ขอรับๆ เชิญทางนี้เลยขอรับ”
ห้องส่วนตัวนี้ดีมาก ๆ เห็นวิวชัดมาก มีห้องกั้นเป็นสัดส่วน ชุนเอ๋อสั่งอาหารมา 2 -3 อย่าง พร้อมชาอย่างดีมาให้คุณหนู และมองผู้คนมากมายด้านล่างอย่างรู้สึกตื่นเต้น ฟางซินกลับมองว่า ผู้คนมากมายเช่นนี้ มาต้อนรับคนผู้เดียว เค้าจะเป็นอย่างไรนะ
“เฉิงลี่หมิง ใช่มั้ย ถ้าฟังไม่ผิด ชื่อที่เสี่ยวเอ้อบอกชุนเอ๋อ ชื่อนี้ข้าคุ้น ท่านพ่อเคยบอกว่า เขาเป็นแม่ทัพและท่านอ๋องที่อายุยังน้อย มิใช่เชื้อพระวงศ์ หากศักดิ์นี้ได้สืบทอดมาจากบิดา ที่ร่วมกันออกศึกเมื่อ 17 ปีก่อน พร้อมกับบิดาของนาง และองค์ฮ่องเต้ แต่บิดาของเขา สิ้นชีพกลางสนามรบ ยศอ๋องนี้เลยตกทอดมายังลูกชาย ซึ่งมีความสามารถไม่ต่างกับบิดา เมื่ออายุ 25 ปี เขาสามารถปราบกบฏที่เกิดขึ้นในแคว้นหานได้สำเร็จ ความชอบมากมาย เป็นที่น่าเกรงขาม เป็นทั้งแม่ทัพ และท่านอ๋องในคราวเดียวกัน”
“น่าสนใจ"
นางลำพึงเบาๆ
เมือถึงยามซื่อ (ประมาณ 10 โมง) เสียงกลองดังขึ้น ประตูฝั่งตะวันออก ได้ค่อยๆ เปิด ทันใดนั้นเอง เสียงผู้คนมากมายได้ดังขึ้น ทั้งตื่นเต้น ดีใจ ถึงเวลาซักที ทุกคนต่างเตรียมตะกร้าดอกไม้โปรยจนทั้งถนนตอนนี้ เหมือนมีใครนำดอกไม้นานาชนิดปูเป็นพรมก็มิปาน ขบวนกองทัพเข้าเมืองมาแล้ว!!
เสียงกีบมา เดินมาเป็นจังหวะ ทหารชุดแรก ถือธง มีป้ายว่า “เฉิง” นำขบวนมา ตามด้วยกองทหารเดินเท้า ทุกคนถือหอกสูงตามทหารม้า ผ่านซุ้มที่โปรยด้วยดอกไม้ทุกทิศทุกทาง เพื่อเป็นการต้อนรับกลับบ้าน บางคนก็ถือดอกไม้ ยื่นให้ทหารที่เดินผ่าน เป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก
“นั่น ใช่เขามั้ย ใช่มั้ยๆ คนที่อยู่ตรงกลางขบวนนั่น”
เสียงเรียกมากมายเรียกให้ดู พร้อมกับเสียงกรี๊ดเบาๆ ของสตรีหลายคน ทำให้ฟางซินมองไปตามเสียงนั้น ทันใดนั้นเอง นางก็ได้เห็นเขาชัดๆ
ชายรูปงาม ขี้ม้าศึกสีดำ สวมเกราะเหล็กสีเงิน มวยผมรวบไว้ด้านหลัง ใบหน้าดั่งหยก จมูกเป็นสันชัดเจน ยิ่งมองด้านข้างยิ่งชวนตะลึง สายตาที่แน่วแน่ หากเพียงยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก คงจะทำให้สตรีรอบๆ เกิดอาการวิงเวียนได้ง่ายโดยแท้ ท่ามกลางผู้คนด้านล่างนั้น สิ่งเดียวที่เป็นจุดเด่นของหญิงสาวตอนนี้คือ ท่านแม่ทัพเฉิงผู้นี้
ฟางซินใจเต้นแรง สายตามองลงไปที่ท่านอ๋องเฉิงผู้นี้ ไม่กล้าละสายตา แม้บุรุษที่เคยเจอมาจะไม่มากก็จริง แต่หากด้วยบุคลิก และท่วงท่า หน้าตาแบบนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน นี่หน้าที่สวรรค์ปั้นมาใช่หรือไม่ นี่ข้า เป็นอะไรไป ทำไม ใจเต้นแรงแบบนี้ อาการแบบนี้ ข้าจะเป็นอันตรายหรือไม่ รู้เพียงว่า ไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย
เฉิงลี่หมิงมองไปรอบๆ ผู้คนมากมายที่ให้การต้อนรับ ผู้คนเหล่านี้ คือคนที่ข้าต้องปกป้อง พลังบริสุทธิ์ ส่งผ่านความห่วงใย ทุกครั้งที่ออกรบ เขามักจะให้กำลังใจทหารทุกคนว่า เขาอยากจะพาทุกคนกลับบ้าน วันนี้คือวันที่ได้เห็น สายตาพลันเหลือบขึ้นไปเห็น สตรีที่อยู่ชั้นบน หลายคนมองลงมา ทั้งดอกไม้ที่โปรยมาจากทุกทิศทุกทาง
“เมืองหลวงนี้มีแต่สาวงามจริงๆ”
“เค้ามองข้าๆๆๆๆ”
ห้องข้างๆ ฟางซินตะโกน
“เจ้าเห็นมั้ย เค้ามองข้า เค้าเห็นข้าจริงๆ ข้าตื่นเต้นจนจะเป็นลมอยู่แล้ว”
ฟางซินและชุนเอ๋อ ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ไม่แปลกเลยที่จะมีอาการเช่นนี้
“แม่ทัพหน้าหยก อืม เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
ขบวนผ่านไปแล้ว บัดนี้น่าจะถึงวังหลวงแล้ว ได้เวลากลับจวนเสียที ก่อนที่ท่านแม่ (ฮูหยินเอก) จะหาเรื่องทำโทษข้า
เมื่อฟางซินกลับถึงจวน ในเรือนใหญ่นั้นดูแปลกกว่าทุกวัน ทำไมวันนี้ช่างวุ่นวาย บ่าวไพร่ สาวใช้ วิ่งสวนทางกัน ทั้งเข้า-ออก เกิดอะไรขึ้นกัน หรือที่จวนจะมีแขกมางั้นหรือ ชุนเอ๋อรีบเข้าไปสอบถาม“อารุ่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอ ที่จวนจะมีแขกรึ ทำไมช่างดูวุ่นวายกันเยี่ยงนี้”“ฮูหยินใหญ่แจ้งว่า คืนนี้ทุกคนในจวนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวง ท่านเลยสั่งให้เตรียมของขวัญ ของกำนัล และเครื่องแต่งกายให้คุณหนูรอง วุ่นวายไปหมด ข้าต้องไปเตรียมน้ำให้คุณหนูรองอาบก่อน ไปนะ” ว่าแล้ว สาวใช้เรือนใหญ่ก็รีบวิ่งไป งานเลี้ยงเหรอ งั้นก็ได้กินฟรีน่ะสิ เยี่ยมเลย ฟางซินคิดในใจ ทุกครั้งที่มีงานฉลองที่วังหลวง นางมักจะเพลิดเพลินกับอาหารทั้งคาว-หวานที่ในวังจัดสรรมาให้แขกในงานได้ลิ้มลอง “ต้องไปหาท่านแม่รอง ไปกัน ชุนเอ๋อ”“ท่านแม่รองเจ้าคะ” ฟางซินเรียกฮูหยินรอง ลู่ถังซิน “มาแล้วเหรอ ซินเอ๋อแม่นึกว่าเจ้าจะกลับมาไม่ทันซะแล้ว แม่ส่งเครื่องแต่งกายไปให้เจ้าที่ห้องแล้ว เจ้าก็รีบเตรียมตัว ยามอิ๋น(บ่าย 3-4 โมง) มาเจอกันที่โถงรับแขกนะ”“ในวังหลวงมีงานฉลองอะไรหรือเจ้าคะ หรือฉลองที่แม่ทัพเฉิงปราบกบฏ ได้หรือเจ้าคะ” ฮูหยินแปลกใจเล็กน้
หลังกลับจากงานเลี้ยงเมื่อคืน ฟางซินแทบจะจำไม่ได้เลยว่ากลับมาที่ห้องได้อย่างไร รู้แต่ว่าเดินอย่างใจลอย มายังห้องของตน ปล่อยสาวใช้จัดการทุกอย่าง และนางก็หลับลง หวังว่าเรื่องในคืนนี้ จะเป็นเพียงฝันไปปวดหัวซะจริง สุราแค่นิดหน่อยเองนะ จากนี้ข้าคงไม่ดื่มอีกแล้ว “คุณหนู ท่านตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ สินค้าตัวใหม่ พร้อมนำไปส่งที่หอจันทราแล้วนะเจ้าคะ”ชุนเอ๋อรายงาน“ไปกัน แต่งตัวให้ข้าที ได้เวลาทำงานแล้ว” ใช่แล้ว นางไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้ นางหวังเก็บเงินได้มากพอที่จะไปจากเมืองนี้ ไปแคว้นจ้าว เพื่อสืบหาเรื่องราวของท่านแม่ ถึงแม้ท่านพ่อจะดีกับนาง แต่ก็ไม่สามารถจะห้ามความอยากรู้ความจริงนี้ได้ นางไม่อาจทนให้ใครมาดูถูกมารดาของตนได้ ถึงจะไม่รู้ที่มาแน่นอน แต่นางก็ยังแอบสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ มาตลอด“ไปหอจันทรา” นางบอกคนขับรถม้าของจวน “ขอรับคุณหนู” เอ๋ มีรถม้าจอดหน้าจวน รถของผู้ใดกัน มาเยือนแต่เช้าเช่นนี้ ม่านรถม้าเปิด จังหวะเดียวกันกับที่ฟางซินเปิดม่านหน้าต่างดู นางไม่มีทางจำผิด ชุดขาว รูปร่างสมส่วน หน้าตาดั่งหยก ท่านอ๋องเฉิง ใจนางเจ็บอีกแล้ว ไม่ต้องเดา คงมาหาท่านพี่สินะ หึ ดีแล้วที่ข้าออกมาก่อน จะไ
หนิงเซียนร้อนใจ ท่าทีของท่านอ๋องที่มีต่อฟางซินนั้น ทำให้นางอยู่ไม่สุข นางไม่ไว้ใจ นางไม่อาจทนได้ หากท่านอ๋องคิดจะมองหญิงอื่น ต่อให้ไม่ใช่ฟางซิน นางก็ไม่ยอม ผ่านไปหลายวันแล้ว ท่านอ๋องไม่เคยมาเยี่ยมท่านพ่ออีกเลย อ้างแต่ว่ามีราชกิจมาก ต้องเข้าวังตลอด หากข้ามัวแต่นิ่งเฉย ไม่ต้องรอฟางซินแย่งท่านอ๋องไปหรอก คงจะไม่รอดบรรดาสาวงามในวังแน่นอน ยิ่งคิดยิ่งร้อนใจฟางซิน หลังจากงานเลี้ยงครั้งนั้น นางก็เหมือนได้ปลดปล่อยหัวใจตัวเองไปในอีกรูปแบบหนึ่ง รู้สึกสบายใจ และเป็นอิสระ วันนี้มาหอจันทรา เพื่อสำรวจว่าสินค้าที่ส่งมา ใกล้หมดแล้วรึยัง ยอดขายยังดีต่อเนื่อง ยอดสั่งผลิตก็ยังคงมากเท่าเดิม“คุณชายเจีย บังเอิญจัง ท่านมาร้านผ้าไหมซิงหรูหรือเจ้าคะ” ฟางซินเอ่ยทักทายบุรุษตรงหน้า“คุณหนูลู่ วันนี้ข้ามาส่งสินค้าที่ร้านซิงหรูขอรับ ข้าทำการค้ากับร้านนี้ขอรับ” เจียฟู่เฉิงกล่าว พึงนึกในใจ นี่มิใช่เรื่องบังเอิญ แต่เขาไปสอบถามหอจันทรามาแล้ว ทราบว่าทุกวันที่ 1 และ 15 ของทุกเดือน นางจะมายังหอจันทราเพื่อตรวจสอบสินค้าและยอดขาย จึงได้จงใจ เดินมายังถนนเส้นนี้ เพื่อพบกับนาง“ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว ข้าขอเลี้ยงข้าวท่านได้หรือไม่
รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขกแม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา “เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก” แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ” แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไ
รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขกแม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา “เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก” แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ” แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไ
ฟางซินกลับเข้ามายังงานเลี้ยง พร้อมกับของกินอร่อยๆ ในมือ นางเดินไปรอบๆ งานนี้มีแต่ผู้คนที่น่าสนใจ มาจากต่างถิ่น ท่านอ๋องคงอยากเชื่อมสัมพันธ์กับเหล่าพ่อค้า เพื่อให้แคว้นต่างๆ อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสินะ เป็นงานเลี้ยงที่ยอดเยี่ยมมาก“แหมม ฮูหยินลู่ ข้าได้ยินข่าวว่าไม่ช้าก็เร็ว ท่านก็คงจะได้รับสินสอดแล้วรึมิใช่ 555 บุตรสาวของท่าน สตรีอันดับ 1 ของเมืองหลวง กับท่านอ๋องเฉิงเชียวนะ เหมาะสมกันมาก ข้า ยินดีล่วงหน้าๆๆ” ใต้เท้ากรมโยธา กล่าวกับฮูหยินใหญ่ลู่“ที่ไหนกันล่ะ ใต้เท้าจางก็ เรื่องของหนุ่มสาว ข้าไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่ ปล่อยให้เป็นตามลิขิตฟ้าเถอะ” นางแอบลอบยิ้มอย่างอารมณ์ดี“ท่านดูนั่นสิ นั่นน่าจะเป็นคู่หญิงสวย ชายงาม ของเมืองหลวงเป็นแน่ เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก น่าอิจฉาท่านอ๋องเฉิงจริงๆ” พ่อค้าท่านนึงกล่าวกับสหายของเขาฟางซินรู้อยู่แล้ว สักวันคงได้ยินคนพูดเรื่องพวกนี้ งานเลี้ยงคืนนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางใด ผู้คนต่างพูดคุยกันถึงแต่เรื่องท่านอ๋อง กับพี่สาวนาง พวกเขาดูสนิทกันขนาดนั้น สักวันคงมีข่าวการวิวาห์ หญิงงามอันดับ 1 กับแม่ทัพหน้าหยก นี่เป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง หันกลับไป
นอกจากเขาจะไม่ได้สติแล้ว ยังเพิ่มความโกรธให้เขาด้วย เข้ายับยั้งตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาต้องกำราบนาง ต้องให้นางรู้ซะบ้าง ว่าใครกันแน่ที่เป็นใหญ่ในสนามรบนี้ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ประกบริมฝีปากกับปากอวบอิ่มของนาง ช่างหวานนัก นี่หรือรสชาติของหญิงสาว ที่ใช้ปากนี่ด่าเขา เขาบดขยี้อย่างแรง หญิงสาวตกใจ นางไม่สามารถขัดขืนเขาได้เลยแขน 2 ข้างของนาง ถูกเขาตรึงไว้ นางพยายามดิ้นเพื่อให้หลุด นางกัดเขา แต่เหมือนไปกระตุ้นสัญชาตญาณของพยัคฆ์ร้ายในตัวเขาให้ตื่นขึ้นมา ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ สิ่งที่หลุดออกไปได้ มีเพียงเสื้อผ้าของนางเท่านั้น“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ได้โปรด หยุดเถอะ ข้า ข้าขอร้องท่าน ฮือๆๆๆๆ” นางขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย บัดนี้ ไม่มีอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียวที่จะปกปิดร่างของนางไว้ นางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ความอัปยศนี้ ใครกันที่เป็นคนมอบให้นาง จนถึงก่อนที่เขาจะสิ้นสติ เขาก็ยังเรียกหาพี่สาวนาง ทำไมต้องเป็นนางที่มารับเคราะห์กรรมนี้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้“ไม่ร้องนะคนดี ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บ” เขากระซิบ เป็นคำสุดท้ายที่เขาจะพูดคืนนี้ เขาเริ่มจู่โจมหาความหวานจากปากของนางอีกครั้ง ครั้งนี้ หญิงสาวไม่หลบเลี่ยงอีกแล้ว ช่าง
เฉิงอ๋องค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อคืนเขาคงดื่มมากไป ยังมีอาการปวดหัวหลงเหลืออยู่เล็กน้อย เขาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมา นี่เขาถอดเสื้อผ้านอนเหรอเนี่ย เมาขนาดนี้เลย เขาเปิดผ้าห่มออก เพื่อที่จะสามารถลุกจากเตียงได้ และเขาต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น รอยเลือดบนที่นอน เป็นของผู้ใดกัน เขาสะดุด และแล้วความทรงจำทั้งหลายก็หลั่งไหลเข้ามาเขาโดนยาพิษในห้องหนังสือ เขาให้ต้าหรงไปส่งคุณหนูรองสกุลลู่ แล้วตัวเขาก็เดินกลับเขามาในห้องนอนเพื่อใช้ลมปราณสลายพิษในร่างกายและจะไปแช่น้ำเย็น แต่เขากลับเจอพิษจากสุราในห้องนอนอีกรอบ และยังเจอหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในห้อง เขา อาา เขาจำได้หมดแล้ว แต่ นางเป็นใครกันล่ะ ตัวเล็ก ผอมบาง ฝีปากกล้าที่ด่าเขา เขาจำได้เลือนรางจำได้ว่านางมีปานคล้ายรูปกลีบดอกไม้ที่ไหล่ข้างซ้าย ตัวนางหอมยิ่งนัก ร่องรอยบนตัวเขา คงจะเป็นนางที่ฝากเอาไว้สินะ ทั้งรอยเขี้ยวที่ไหล่ของเขา รอบเล็บ ที่หน้าอก และคงจะที่หลังด้วย ตอนนี้เขารู้สึกแสบเล็กน้อย ปากเขาเองก็มีเกล็ดเลือดที่แข็งตัวแล้วติดอยู่ ใช่ นางกัดปากของเขา แล้วเรียกเขา ว่าอะไรซักอย่าง เขาจำไม่ได้เลยทันใดนั้นเอง มีแสงบางอย่างกระทบตาเขา มันอยู่ข้างหมอน เขาหยิบอ
“กรุบกรับๆๆๆ”เสียงม้าที่โดนเฆี่ยนเพื่อให้วิ่งเร็วที่สุดของอ๋องเฉิงและจินเยว่ วิ่งออกนอกเมืองมาอย่างสายลม“เร็วเข้าสิ เร็วอีก”“ท่านอ๋อง ท่านอย่าพึ่งรีบร้อน น้องสามไม่เป็นอะไรหรอก นางอยู่กับแม่นมเถา นางจะปลอดภัย ย่าส์....”จินเยว่รีบควบม้าให้ทันว่าที่ท่านพ่อหมาดๆที่ขี่ม้านำเขาไปอีกแล้ว ม้าของท่านอ๋องกลับไปต้องดูแลกันอย่างหนักเลยทีเดียวเหตุการณ์เริ่มจากเมื่อตอนสาย หลังจากที่เฉิงอ๋องออกมาจากจวนเพื่อจะมารับคำสั่งเพื่อจัดส่งเสบียงที่จะไปชายแดนฝั่งตะวันออก เมื่อเขามาถึงไม่นาน และรับจดหมายคำสั่ง จินเยว่ก็ขี่ม้ามาหาเขา เพื่อแจ้งข่าวด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก“ท่านอ๋อง เร็วเข้า ซินเอ๋อนางปวดท้อง จะคลอดแล้ว แม่นมเถาให้ข้ามาส่งข่าว”“ตุบ”หนังสือราชการในมือของเฉิงลี่หมิงตกจากมือ“ท่านอ๋องขอรับ ท่านอ๋อง รีบไปสิขอรับ”“ต้าหรง เจ้า ได้ยินเหมือนข้าใช่หรือไม่ พระชายา จะคลอดแล้ว ข้าจะเป็นพ่อคนแล้ว เร็วเข้า ไปเอาม้ามาให้ข้า เร็วๆ เข้า”จินเยว่ส่งข่าวให้เฉิงอ๋องทราบแล้ว เขากำลังจะวิ่งไปส่งข่าวที่จวนสกุลลู่ต่อ แต่วันนี้ แม่ทัพลู่ก็เข้าวังด้วย เขาเลยส่งข่าวที่ท่านพ่อแทน“เจ้าว่าไงนะเยว่เอ๋อ ซินเอ๋อจะคลอดแล
เรือนตากอากาศสกุลเฉิง“พระชายาเพคะ กลับเข้าไปข้างในจวนเถอะเพคะ เวลานี้ลมแรง เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะเพคะ”“รออีกสักครู่เถอะแม่นมเถา ข้าอยากรอท่านอ๋องกลับมาก่อน นี่ก็จวนจะได้เวลาแล้ว”“ก็ได้เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันเอาผ้าคลุมมาให้เพคะ พระชายาต้องเสวยยาบำรุงครรภ์แล้วนะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันให้เด็กยกมาให้พร้อมกันเลย”“ขอบคุณแม่นมเถา”แม่นมเถา เป็นหมอตำแย และแม่นมให้กับท่านอ๋องเฉิง นางอยู่จวนอ๋องเฉิงมาพร้อมๆกับหมอตู้ ตอนนี้ นางมาประจำการอยู่ที่จวนตากอากาศ เนื่องจากพระชายาใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที เฉิงอ๋องอยากให้พระชายาได้อยู่ในจวนนี้ เนื่องจากอากาศดี และนางก็ชื่นชอบที่นี่มาก ก่อนหน้านั้น เฉิงอ๋องได้ให้คนจัดเตรียมทุกอย่างที่นี่เอาไว้พร้อมสรรพ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการคลอด ของใช้สำหรับเด็ก ยารักษาโรคต่างๆ จวนตากอากาศตอนนี้เหมือนยกทั้งจวนอ๋องเฉิงในเมืองหลวง มาอยู่ที่นี่กันหมด เพราะแต่ละคนก็อยากมาดูแลพระชายาของพวกเขาทุกคนตื่นเต้นกับทายาทที่กำลังจะคลอดออกมา ท้องของฟางซินก็โตมาก หากไม่มีคนคอยพยุงเดิน นางแทบจะไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว ชุนเอ๋อเองก็ไม่เคยห่างนางไปไหนเลย เพราะต้องคอยพยุงนางเวลาเดินไปไหน ช่วง
จวนสกุลลู่ฮูหยินใหญ่ และฮูหยินรอง ต่างเข้มงวดกับการเตรียมตัว ฝึกซ้อมเจ้าสาวในพิธีสมรสพระราชทานครั้งนี้มาก ทั้งขั้นตอนการยกน้ำชา ทั้งมารยาทในพิธีการ ฮองเฮาทรงจัดให้นางข้าหลวงใหญ่ มาช่วยฝึกซ้อมให้องค์หญิงทั้งสองถึงที่จวน พวกนางแทบจะไม่มีเวลาได้พัก จนฟางซินบ่นกับหนิงเซียน“พี่รอง หากรู้ว่าแต่งงานในวังจะพิธีมากขนาดนี้ ข้าเริ่มไม่อยากแต่งแล้วเจ้าค่ะ เหนื่อยจังเลย”“เจ้าอย่าได้บ่นให้ท่านแม่ได้ยินเชียว ข้าขี้เกียจฟังนางบ่นเพิ่มอีก แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ไปเถอะ เรามาหลบดื่มชาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวพวกนางตามมาเจอ เราจะโดนดุกันอีก”“โอยย พี่รอง ข้าเหนื่อยแล้ว อยากนั่งพักอีกหน่อย ฮือออ”“เจ้านะ มาเลย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฝึกอีกรอบเดียวก็จะได้พักแล้ว มาเถอะน่า ข้าก็อยากพักแล้ว เร็วๆ น้องสาม ลุกเลย”หนิงเซียนพยายามทั้งดัน ทั้งลากน้องสาวนางไปฝึกซ้อมพิธีการในวัง ฟางซินรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากแม้แต่จะลุกจากเก้าอี้ จินเยว่เดินมาหาพวกนางที่ทั้งลาก ทั้งดึงกันอยู่“นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่คงนึกว่าพวกเจ้าทะเลาะกันนะเนี่ย”“”พี่ใหญ่””ทั้งคู่หันมาหาจินเยว่“พวกเจ้าแอบหนีมาอยู่ที่นี่เอง ท่านแม่ทั้งสองให้สาวใช้หาพวกเจ้
จวนสกุลลู่“เร็วเข้าๆ ขบวนเจ้าบ่าวจะมาอยู่แล้ว คุณหนูแต่งตัวกันเสร็จหรือยัง ของมงคล 9 อย่างล่ะ แม่นมอู๋ ท่านเตรียมอั่งเปาหรือยัง หน้าประตูล่ะ”“ถังซิน ถังซิน เจ้ามาดูผ้าคลุมให้ซินเอ๋อที ข้าจะไปเอาต่างหูให้เซียนเอ๋อ เร็วเข้า”“เจ้าค่ะๆ ท่านพี่ มาแล้วๆ เจ้าค่ะ นี่ๆ แอปเปิลของเซียนเอ๋อ ให้ลูกถือเอาไว้”“ได้ๆ ตายแล้ว พี่ลืมรองเท้า รองเท้าพวกนางอยู่ไหน”“”ท่านแม่””ฟางซินและหนิงเซียน ร้องเรียกฮูหยินใหญ่พร้อมกัน“พวกเจ้าเรียกข้าทำไม ลืมเลยเนี่ยว่าจะทำอะไร”“ท่านแม่ รองเท้าน่ะ พวกข้าใส่แล้วเจ้าค่ะ ท่านดูสิ”หนิงเซียนบอกฮูหยินใหญ่ นางดูจะตื่นเต้นลนลานมากที่สุด กลัวว่าจะขาดอะไร กังวลว่าจะจัดของไม่ครบหนิงเซียนกับฟางซินมองหน้ากันและหัวเราะความรีบของฮูหยินใหญ่“ท่านพี่ ท่านพักก่อนนะเจ้าคะ เด็กๆพร้อมแล้ว ไม่มีอะไรขาดแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับแม่นมอู๋ตรวจให้ท่านอีกที ดีหรือไม่”“ถังซิน ฝากเจ้าดูอีกทีนะ อย่าให้ขาดเชียวนะ เสียหน้าจวนแม่ทัพเราหมด”“เจ้าค่ะๆ ท่านนั่งพักก่อน เดี๋ยวเป็นลมก่อนส่งตัวเจ้าสาวนะ นี่ เจ้าน่ะ มาเติมหน้าให้ฮูหยินใหญ่ทีสิ ทำไมปากท่านพี่ข้าซีดแบบนี้ล่ะ เร็วเข้าๆ”“ฮูหยินรองร้องสั่งช่างแต
ฟางซินกะพริบตาถี่ๆรับแสงในตอนเช้า นางรู้สึกว่ามีมือหนักๆพาดอยู่ที่เอวนาง นางค่อยๆหันไป ใบหน้าที่คุ้นเคย คิ้วเข้มดั่งหมึก ขนตายาว จมูกเป็นสันเข้ากับรูปหน้า ฟางซินอดไม่ได้ที่จะใช้มือเขี่ยขนตาเขาเล่นเบาๆ“หากเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะลงโทษเจ้าเดี๋ยวนี้เลยนะพระชายา”ฟางซินตกใจเล็กน้อย“ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”“ข้าตื่นได้สักพักแล้ว ทำไม พระชายาอยากจะปลุกข้างั้นหรือ ไม่ต้องหรอก เพราะตอนนี้ ข้าตื่นเต็มที่แล้ว ไม่เชื่อ เจ้าลองจับดูสิ”เขาจับมือนางลงไปใต้ผ้าห่ม ฟางซินสะดุ้งเมื่อจับโดนบางอย่างด้านล่างนั่น“พระองค์ ทะลึ่งเกินไปแล้ว นี่มันเช้าอยู่นะเพคะ”“นี่มันเป็นเรื่องปกติของบุรุษ เจ้าทำใจให้ชินเสียเถอะ”ฟางซินหันหลังหนีเขา แต่ไม่ทันแล้ว เขาพลิกตัวนางนิดเดียว นางก็หันมาหาเขา“การตื่นนอนมา แล้วเห็นหน้าเจ้าเป็นคนแรกแบบนี้ ช่างเหมือนฝันจริงๆ ข้ารู้สึกว่า ตัวเองโชคดีที่สุดในโลกเลย”ฟางซินยิ้มให้เขา นางจุมพิตเขาเบาๆ เฉิงอ๋อง ที่ตื่นตัวอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้า เขาจะทนไหวได้อย่างไร“พระชายา โทษข้าไม่ได้นะ เจ้าเริ่มก่อนเอง”ฟางซินยิ้มให้เขา นางพลิกตัวขึ้นบนตัวเขา เฉิงอ๋องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของนางที่
“เจ้าค่อยๆ กิน เลอะปากแล้ว”เฉิงอ๋องเช็ดปากให้นาง และมองนางกินผัดหมูเปรี้ยวหวานอย่างเอร็ดอร่อย“เพราะใครล่ะเพคะ หม่อมฉันหิวจนจะกินแพะได้ทั้งตัวแล้วเพคะ”ฟางซินมองเขาอย่างงอนๆ นางหิวมากจริงๆ นางกินข้าว ชามนี้เป็นชามที่ 2 แล้ว“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าหิวมากจริงๆ เป็นความผิดข้าเอง ข้าขอโทษเจ้าด้วย”เขามองนางแล้วเผลอยิ้มออกมา ทั้งสองทานข้าวเย็นด้วยกัน เฉิงอ๋องสั่งคนครัวทำอาหารที่ฟางซินชอบไม่ว่าจะเป็นขาหมูน้ำแดง ผัดหมูเปรี้ยวหวาน หรือแม้แต่ปลานึ่งแชบ๊วย เขาสั่งให้คน ยกอาหารมาไว้ให้ในศาลากลางสวน บรรยากาศยามค่ำคืนเย็นสบาย ทำให้ทานอาหารได้อร่อยมากยิ่งขึ้น กว่าฟางซินจะลุกจากเตียงได้ ใช้เวลานาน เขาเลยอุ้มนางมาที่นี่“อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไปว่า ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้องค์หญิงซีเหนียนไปเฝ้าศาลบรรพชน 2 ปี เป็นการทำโทษนาง ที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ขึ้นมา นางจะเดินทางพรุ่งนี้แล้วล่ะ ครั้งนี้ ฝ่าบาทโกรธนางมากจริงๆ” เขาบอกฟางซิน ระหว่างที่นางกำลังจิบชาหลังมื้ออาหารเย็นเสร็จ“ซีเหนียนเองก็ถูกหลอกใช้เหมือนกัน เสด็จพ่อไม่น่าจะลงโทษนางรุนแรงขนาดนั้น” ฟางซินพูด เพราะเรื่องคราวนี้ และเหตุการณ์ที่ซีเหนียนเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ท่านอ๋องเพคะ ท่านจะรีบไปไหนเพคะ” ฟางซินถามขณะที่ท่านอ๋องพานางมาที่จวนอ๋องเขาไม่ตอบนาง เขาแค่พานางเดินมาที่ห้อง และปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะช้อนร่างของสาวน้อย และพาเดินไปที่เตียง นางตกใจ“เดี๋ยวก่อนเพคะ ท่านอ๋อง นี่มันกลางวันแสกๆ พระองค์ไม่ควร...”ฟางซินห้ามเขา ไม่ทันที่นางจะพูดต่อ ท่านอ๋องของนางก็ใช้ปาก ปิดปากนางทันควัน เขาค่อยๆ พาร่างนางวางลงบนเตียงนุ่มและตัวเขาเองก็ค่อยๆ โน้มตัวลงมาตาม รสจูบของนางช่างหวานเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาโหยหาความหวานนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องลักพาตัวขึ้น เขาก็แทบจะไม่ได้ใกล้ชิดกับนางเลย ไม่นับรวมตอนที่ดูแลนางอยู่บนเรือตอนนั้นเขาข่มใจทั้งคืนเนื่องจากนางป่วยเพราะเมาเรือ แต่วันนี้ เขาคงไม่รออีกแล้ว ไหนจะนับที่นางพึ่งจะไปพบกับองค์ชายฟู่เฉิงนั่นมาอีก เขาไม่ยอม และหลังจากนี้ เขาจะไม่ยอมให้ชายใด มาใกล้ชิดกับนางอีก เขาบดขยี้นางแรงขึ้น พร้อมกับกำจัดสิ่งที่กีดขวางเขา เขาดูรีบร้อนนัก เสื้อผ้าแทบจะกระจัดกระจายออกโดยเร็ว“ท่านอ๋อง อย่าสิเพคะ นี่มันรุนแรงเกินไป เดี๋ยวเสื้อขาด ท่านอ๋อง” นางขัดขืน นางไม่เคยเห็นเขาดูร้อนรนขนาดนี้มาก่อน“เจ้าอย่าห้ามข้าเลย เจ้า
ฟางซินส่ายหัวให้เขา ท่านอ๋องของนางเกินเยียวยาแล้ว นางรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่เกินกว่านั้นคือเขาเป็นโรคขี้หึงแบบรุนแรง นางคงแก้นิสัยแบบนี้ของเขาไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยเขาไป“ก็ได้ ตามใจพระองค์เลยเพคะ”“องค์ชายฟู่เฉิง”ฟางซินเรียกฟู่เฉิง ที่รออยู่ในห้องรับรอง ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับไป“องค์หญิง ข้า มีเรื่องที่ต้องพูดกับเจ้า ข้าอยากจะขอโทษเจ้า และขออภัยที่ล่วงเกินเจ้า ด้วยความเข้าใจผิด เรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ข้าคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ชั่วชีวิต”ฟู่เฉิงบอกนาง“ท่านทำไปเพราะโดนหลอก สิ่งที่ท่านทำไป ข้าอภัยท่านหมดแล้ว พี่ฟู่เฉิง ท่านอย่าได้คิดมากเลย พวกเราก็กลับมาอย่างปลอดภัยกันทุกคนนี้ แล้วนี่ ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อ”“ข้าคงกลับไปที่แคว้นเว่ยก่อน คงต้องกลับไปอธิบายให้เสด็จพ่อทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ฟางซิน แผนของท่านลุง เป็นเรื่องที่เขาหลอกให้ข้าทำ แต่ความรู้สึกของข้า ที่มีให้กับเจ้า เป็นเรื่องจริง ข้า จริงใจกับเจ้ามาตลอด ข้าไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ฟู่เฉิงพูดกับฟางซิน เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนแรกที่เขามา เขามาตามแผนการก็จริง แต่พอรู้จักนาง ยิ่งได้คุยกัน และคบหาเป็นสหาย เ
“โชคดีที่เจ้าปลอดภัย เจ้าอย่าพึ่งคิดอะไรมาก ช่วงนี้ดูแลตัวเองให้ดีๆ ตกลงไหม”เขาปลอบนาง เขารู้ว่านางอาจจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หลังจากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นพร้อมๆ กันหลายอย่าง หากเป็นเขาเอง เขาก็คงจะเป็นเหมือนนางเช่นกัน“ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากกลับจวนเพคะ” นางบอกเฉิงอ๋อง“เจ้าควรจะอยู่พบฝ่าบาทก่อน พระองค์คงอยากจะคุยกับเจ้านะ ตอนนี้ท่านลุงอยู่กับฝ่าบาท อีกสักพักคงมาหาเจ้า” เขาบอกนาง เขารู้ว่าฟางซินเองคงไม่รู้จะทำตัวอย่างไร แต่ในเมื่อความจริงอยู่ตรงหน้า จะช้าหรือเร็ว ก็ต้องยอมรับอยู่ดี“แต่ข้า ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับพระองค์อย่างไร”“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้า เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน เจ้าได้รู้ประวัติของแม่เจ้า และยังพบพ่อที่แท้จริง เรื่องนี้ ไม่น่าดีใจหรอกหรือ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ เจ้าก็หนีความจริงว่าพระองค์คือพระบิดาของเจ้าไม่ได้หรอก จริงไหม” เขาพูดปลอบนาง“นั่นก็จริงเพคะ หม่อมฉันไม่ได้กลัว หม่อมฉันแค่รู้สึกว่าทุกอย่าง มันกะทันหันเกินไป จนเหมือนไม่ใช่ความจริง”ฟางซินพูด พร้อมมองหน้าเฉิงอ๋อง เขาเดินมานั่งใกล้ๆนาง นางโน้มตัวเข้ามาให้เขากอด“ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่รู้สึกแบบน