หลังกลับจากงานเลี้ยงเมื่อคืน ฟางซินแทบจะจำไม่ได้เลยว่ากลับมาที่ห้องได้อย่างไร รู้แต่ว่าเดินอย่างใจลอย มายังห้องของตน ปล่อยสาวใช้จัดการทุกอย่าง และนางก็หลับลง หวังว่าเรื่องในคืนนี้ จะเป็นเพียงฝันไป
ปวดหัวซะจริง สุราแค่นิดหน่อยเองนะ จากนี้ข้าคงไม่ดื่มอีกแล้ว
“คุณหนู ท่านตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ สินค้าตัวใหม่ พร้อมนำไปส่งที่หอจันทราแล้วนะเจ้าคะ”
ชุนเอ๋อรายงาน
“ไปกัน แต่งตัวให้ข้าที ได้เวลาทำงานแล้ว”
ใช่แล้ว นางไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้ นางหวังเก็บเงินได้มากพอที่จะไปจากเมืองนี้ ไปแคว้นจ้าว เพื่อสืบหาเรื่องราวของท่านแม่ ถึงแม้ท่านพ่อจะดีกับนาง แต่ก็ไม่สามารถจะห้ามความอยากรู้ความจริงนี้ได้ นางไม่อาจทนให้ใครมาดูถูกมารดาของตนได้ ถึงจะไม่รู้ที่มาแน่นอน แต่นางก็ยังแอบสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ มาตลอด
“ไปหอจันทรา”
นางบอกคนขับรถม้าของจวน
“ขอรับคุณหนู”
เอ๋ มีรถม้าจอดหน้าจวน รถของผู้ใดกัน มาเยือนแต่เช้าเช่นนี้ ม่านรถม้าเปิด จังหวะเดียวกันกับที่ฟางซินเปิดม่านหน้าต่างดู นางไม่มีทางจำผิด ชุดขาว รูปร่างสมส่วน หน้าตาดั่งหยก ท่านอ๋องเฉิง ใจนางเจ็บอีกแล้ว ไม่ต้องเดา คงมาหาท่านพี่สินะ หึ ดีแล้วที่ข้าออกมาก่อน จะได้ไม่ต้องเห็นท่านอีก
“ชุนเอ๋อ วันนี้ข้าอยากเที่ยว อยากซื้อเครื่องประดับใหม่ เจ้าอยากได้อะไรบอกข้า วันนี้ข้าเลี้ยงเอง”
ชุนเอ่อถึงกับงุนงงกับคำกล่าวของคุณหนู ปกติคุณหนูประหยัดมาก แม้แต่เครื่องประทินโฉม นางยังทำเอง เครื่องประดับก็ล้วนแต่เป็นฮูหยินรอง ที่จัดหาให้ นางบอกว่าเรื่องพวกนี้ไม่จำเป็น แต่วันนี้ นางว่าไงนะ จะซื้อเครื่องประดับ งั้นเหรอ ว๊าววว คุณหนูข้าโตแล้วสินะ เสร็จธุระจากหอจันทราแล้ว ทั้งคู่เลยออกมาเดินเล่นตลาด วันนี้ก็คึกคักเช่นเดิม เนื่องจากเริ่มเปิดเมืองให้ทำการค้าขายจากแคว้นอื่นๆ กันแล้ว แผ่นดินสงบ การค้ารุ่งเรือง
“ต่างหูหยกคู่นี้งามยิ่งนัก เอ๋ มี 2 คู่เชียว เถ้าแก่ ต่างหูหยกนี่ขายยังไง”
ต่างหูคู่นี้ช่างสะดุดตานัก หยกล้อมรอบเป็นระย้า มีพลอยสีแดงอยู่ตรงกลาง หยกนี้ช่างประณีตยิ่งนัก สะดุดตาเหลือเกิน
“เถ้าแก่ ข้าซื้อคู่นี้”
“ไม่ได้ออกมาเดินเล่นซะนาน ตลาดคึกคักนะเจ้าคะท่าน... เอ่อ พี่เฉิง”
หนิงเซียนคุยอย่างสนิทสนม เนื่องจากอยุ่ข้างนอก ฐานะย่อมต้องปิดบัง
“เจ้าเคยอยากออกมาด้วยเหรอ ปกติเห็นแต่อยากได้อะไรก็เรียกไปที่จวน”
จินเยว่กล่าว หนิงเซียนถึงกับหันมาค้อนพี่ชาย
ต่างหูนี่งามยิ่งนัก เฉิงอ๋องรำพึงในใจ
“เถ้าแก่ ข้าอยากได้ต่างหูคู่นี้”
“ข้าให้เจ้า คุณหนูหนิงเซียน ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้านะ”
“ขอบพระทัย … ขอบคุณท่านพี่เฉิงเจ้าค่ะ”
หญิงสาวเอียงอาย เขาให้เรียกว่าท่านพี่เฉิง ถือว่าให้ความสนิทสนมอีกขั้น
“คุณชายช่างตาแหลมยิ่งนัก ต่างหูนี้ ช่างผู้ทำขึ้น ทำมาแค่ 2 คู่เท่านั้น”
“อ้าว แล้วอีกคู่นึงล่ะเถ้าแก่”
หนิงเซียนถามด้วยความใคร่รู้
“มีแม่นางคนนึงซื้อไปแล้วขอรับ”
แต่ข้าไม่อยากได้ของเลียนแบบใครนี่นา แต่คู่นี้ ท่านอ๋องเป็นคนซื้อให้เชียวนะ ช่างเถอะ คงไม่เจออีกคู่นึงง่ายขนาดมั้ง ราคาขนาดนี้ หญิงในเมืองนี้ มีหรือจะกล้าซื้อ
“คุณหนูเจ้าคะ วันนี้ซื้อหนักไปไหมเจ้าคะ ทั้งเครื่องประดับ เสื้อผ้าชุดใหม่ ไหนจะผ้าไหมเป็นม้วนอีก”
ชุนเอ๋อบ่นอุบอิบ
“นานๆ ทีน่ะ ซื้อให้ท่านแม่รองด้วย ใกล้จะถึงวันเกิดนางแล้ว ข้ายังไม่ได้เตรียมของขวัญให้ท่านแม่รองเลย”
“เอ๊ะ ข้างหน้ามีอะไรกันเหรอ ทำไมคนมุงกันเต็มเลยล่ะ”
พ่อค้า “รถของเจ้าชนข้าวของข้าเสียหาย เจ้าต้องรับผิดชอบสิ”
“รถข้าวิ่งมาเฉยๆ และกำลังจะจอด ท่านตั้งใจมาชนข้าเอง แล้วจะให้ข้ารับผิดชอบสิ่งใด”
เอ๋ หน้าตาพ่อค้านั่นคุ้นๆ นะ อ๋อ นักต้มตุ๋นในเมือง ที่ชอบหลอกคนเมืองอื่นนี่เอง
พ่อค้า “ไม่ได้ เจ้าต้องรับผิดชอบ ของข้าทั้งหมดนี่ 500 ตำลึงทอง”
“แพงขนาดนั้นเชียว นี่แค่กระถางดอกไม้ไม่กี่ต้นเองไม่ใช่เหรอ”
“ดอกไม้พวกนี้ ข้าจะส่งไปขายที่ร้านทำเครื่องหอม มันต้องปลูกด้วยดินและปุ๋ยชนิดพิเศษ เจ้าต้องจ่ายมา”
“เอ๋ เดี๋ยวก่อนๆ เจ้าว่าไงนะ เจ้าจะเอาไปส่งที่่ร้านเครื่องหอมเหรอ ร้านใดหรือ”
พ่อค้า “ข้าจะนำไปส่ง ร้านฟางหลิง เขาผลิตเครื่องหอมส่งที่หอจันทรา เจ้าอย่ามาขวางข้า”
“เจ้าบอกว่า ดอกไม้เหล่านี้ปลูกด้วยดินและปุ๋ยเฉพาะ แต่ข้าจำได้ว่าไม่เคยรับสินค้าจากบุคคลภายนอก แล้วยังไม่เคยใช้ดิน และปุ๋ยแบบพิเศษเพื่อปลูกมัน และที่สำคัญ ดูๆ ไปแล้ว ดอกไม้พวกนี้ เหมือนมาจากร้านขายต้นไม้ที่คัดออก เพราะมันใกล้จะตายแล้ว เจ้า กำลังจะนำมันไปทิ้ง แต่ได้โอกาสหลอกคนต่างเมือง เพื่อเอาเงินใช่หรือไม่”
พ่อค้า “เจ้าเป็นใครกัน อย่ามาทำเป็นรู้ดี ข้าไม่ได้มีเรื่องกับเจ้า ถอยออกไป”
“ก่อนหน้าไม่มี แต่ตอนนี้มีแล้ว เจ้าบอกว่าจะเอาไปส่งร้านฟางหลิง แอบอ้างชื่อร้านข้า แล้วจะไม่เกี่ยวกับข้าได้เช่นไรกันเล่า" ฟางซินกล่าว
“หน้าเจ้าคุ้นตาข้านัก เจ้าใช่นักต้มตุ๋นที่ทางการติดตามเมื่อ 4-5 วันก่อนหรือไม่ ข้าเห็นประกาศอยู่นะ”
ซวยแล้ว ไม่น่าเลย รีบหนีก่อนเถอะ ว่าแล้วนักต้มตุ๋นก็รีบเข็นรถฝ่าวงล้อมออกไปฟางซินไม่ทันระวังเซเกือบล้ม ยังดีที่มีมือหนึ่งดึงนางไว้
“แม่นาง ระวัง”
นางกลับมายืนมั่นคงอีกครั้ง
“ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ฟางซินเอ่ยถาม พร้อมดึงมือกลับมา
มือนางช่างบอบบางนัก
“ข้าน้อยไม่เป็นไร ขอบคุณแม่นางมากที่ช่วยข้าไว้ในครั้งนี้”
“ข้าน้อยชื่อเจียฟู่เฉิง มาจากแคว้นจ้าวเพื่อค้าขายผ้าไหมที่นี่ นึกไม่ถึง พอมาก็เกิดเรื่องเลย น่าขายหน้ายิ่งนัก”
อะไรนะ เมื่อกี้เขาบอกว่า มาจากแคว้นจ้าวใช่มั้ย ข้าฟังไม่ผิด
“ท่านมาจาก แคว้นจ้าวงั้นเหรอ”
“อ้อ ข้า ลู่ฟางซิน ยินดีที่ได้รู้จักนะท่านเจีย”
เจียฟู่เฉิงพึ่งสังเกตุตอนนี้นี่เอง นางช่างงดงามยิ่ง กลิ่นหอมที่ติดตัวนางช่างเป็นเอกลักษณ์ ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน หน้าตางดงาม สตรีแคว้นนี้งดงามราวเทพธิดาจริงๆ
“ท่านบอกว่ามาทำการค้าหรือ แล้วท่านไปลงทะเบียนที่หอการค้ารึยัง ข้านำทางท่านได้นะ ถือว่าเราเป็นสหายกันก็แล้วกันนะ”
รอยยิ้มนั่น ช่างงดงามยิ่งนัก
“ข้าไปมาเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณคุณหนูขอรับ หากท่านไม่รังเกียจ ให้ข้า เลี้ยงชาท่าน แทนคำขอบคุณได้หรือไม่”
ดีเลย ข้าอยากรู้เรื่องแคว้นจ้าวมากกว่านี้ เผื่อจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง
“ได้เลยคุณชายเจีย งั้นข้าไม่เกรงใจนะ ข้ารู้จักร้านน้ำชา และโรงเตี๊ยม เหมาะสำหรับพักแรมระยะยาวพอดี เชิญ”
ที่แท้แคว้นจ้าวก็เป็นเมืองน่าอยู่ ค้าขายผ้าไหม น้ำผึ้ง และเครื่องเรือน อากาศน่าจะดี เพราะอยู่ทางเหนือ เดินเท้าอาจใช้เวลานาน แต่หากเดินทางทางเรือ จะย่นระยะเวลาได้ไวกว่า ออ แบบนี้นี่เอง
“คุณชายเจีย วันนี้ข้าต้องขอตัวกลับก่อน ไว้วันหน้า เจอกันที่หอจันทรานะเจ้าคะ”
เจียฟู่เฉิงแอบเสียดาย แต่ก็มิอาจรั้งสาวน้อยไว้ เนื่องจากพึ่งจะรู้จักกันไม่นาน แต่หากเจอนางอีกครั้ง เขาคงจะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่
“วันนี้เจอกันกระทันหัน แม่นางลู่โปรดรับของขวัญชิ้นนี้ของข้าไว้ด้วย”
ผ้าไหมสีทองอร่าม ฝีมือปักเย็บมือที่ประณีตมาก สวยงามพริ้วไหวราวกับสายน้ำ
“ผ้าไหมนี่งดงามมากๆ คุณชาย ท่านให้ของมีราคากับข้าเช่นนี้ จะดีหรือเจ้าคะ”
“ดีแน่นอน วันนี้ท่านช่วยข้าไว้ ข้าต้องตอบแทน ถือว่าเป็นทั้งของขวัญและของขอบคุณ จากข้าแล้วกันนะ คุณหนูลู่”
“งั้น คุณชายเจีย ข้าไม่เกรงใจนะ ขอบคุณท่านมาก”
เขามองตามร่างเล็กๆ พร้อมขบวนสิ่งของมากมายที่บ่าวรับใช้ถืออยู่
“แล้วเราจะได้เจอกันเร็วๆ นี้ ลู่ฟางซิน”
เขายิ้มและเดินกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน
กลับถึงจวนแล้ว รถม้าคันเดิม ยังจอดอยู่ เขายังไม่กลับเหรอ ช่างเถอะๆ กลับห้องก่อนค่อยว่ากัน
“ฮูหยินรอง คุณหนู 3 กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
แม่นมอู๋แจ้ง
“เจ้าไปเรียกนางมาหาข้าที”
“เจ้าค่ะ” สาวรับใช้รับคำ
“ท่านแม่รองเรียกหาข้าหรือเจ้าคะ”
ฟางซินไม่มาเฉยๆ นางรีบสวมกอดและเริ่มออดอ้อนทันที
“เจ้าแอบหนีเที่ยวทั้งวัน อีกแล้วสินะ”
ฮูหยินรองจำใจ ใจอ่อนทุกทีที่นางมาด้วยท่าทางเช่นนี้
“วันนี้เรามีแขก มาร่วมทานอาหารเย็นด้วย เจ้าก็เตรียมตัว ออกไปรับแขกพร้อมแม่”
นางไม่ต้องเดา นางรู้แล้วว่าแขกผู้นั้นคือใคร และนางก็ไม่อยากไปเจอเขาอีก
“ท่านแม่รอง ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย วันนี้ออกไปข้างนอกแดดแรง ข้าไม่ร่วมโต๊ะด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” นางอ้อน
“ไม่ได้ มันเสียมารยาท ยังไงก็มาสักหน่อย แล้วค่อยกลับ เจ้าไปเตรียมตัวได้แล้ว"
อ้อนไม่ได้ผล เฮ้ออ ช่างเถอะ รีบไปรีบกลับแล้วกัน
โต๊ะอาหาร ตระกูลลู่
“มาๆ ท่านอ๋องเฉิง ไม่ต้องเกรงใจนะ เชิญนั่งๆ”
แม่ทัพลู่พูดอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณท่านลุงขอรับ ท่านลุง เรียกข้าว่าลี่หมิง เหมือนตอนข้ายังเด็กก็ได้ขอรับ”
เฉิงลี่หมิงกล่าวอย่างนอบน้อม
“ได้ๆ ลี่หมิง มาๆ นั่งใกล้ๆ ลุง เอ้า เยว่เอ๋อ มาๆ นั่งข้างๆ พ่อ มาๆๆ”
จินเยว่ทำตามคำสั่งบิดา เขาเองเลื่อมใสทั้งบิดา และตัวอ๋องเฉิงคนนี้ยิ่งนัก
“ฮูหยินใหญ่และคุณหนูรองมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้แจ้ง
“ท่านพ่อ ลูกมาแล้วเจ้าค่ะ”
หนิงเซียนยิ้มอย่างพอใจ และไม่ลืมส่งยิ้มน้อย ๆ ให้อ๋องเฉิงด้วย
วันนี้นางก็ยังงดงามเช่นเดิม ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก
“ฮูหยินรอง กับคุณหนู 3 มาแล้วเจ้าค่ะ”
สาวใช้รายงานอีกรอบ
ฟางซินเข้ามาพร้อมกับฮูหยินรอง ลอบถอนหายใจเบาๆ ผู้เป็นมารดาลอบสังเกตเห็น แต่มิได้ทักอะไร
เขามาถึงก่อนแล้วสินะ เป็นดังคาด นั่งมองตากัน เหมือนกับทั้งโลกมีแค่เขา 2 คน ข้าอยากกลับห้องแล้ว ไม่อยากอยู่แม้แต่วินาทีเดียว ใจเกิดอาการจี๊ดๆ อีกแล้ว อะไรกัน มือสั่นอีกแล้ว อดทนไว้ อีกนิดเดียว ๆๆๆ เดี๋ยวก็กลับแล้ว
เฉิงอ๋องแปลกใจ ทั้งยังไม่เคยเห็นคุณหนู 3 มาก่อน ลืมไปแล้วว่าแม่ทัพลู่มีบุตรสาว 2 คน งานเลี้ยงครั้งก่อนก็มิทันได้เจอกัน เพราะนางแอบออกไป นาง …..
ชุดสีเขียวอ่อนดุจน้ำทะเลในฤดูร้อน เครื่องประดับเรียบง่ายใบหน้าที่แทบจะไม่แต่งแต้มสีสัน ช่างดูงดงามเป็นธรรมชาติใบหน้าเรียวงาม ปากกระจับแต่แลดูอวบอิ่มราวกับได้รับการดูแลมาอย่างดี กลิ่นหอมของนาง ช่างรู้สึกสบายใจยิ่ง มันกลิ่นอะไรนะ ทำไมถึงหอมแบบนี้
“ครั้งที่แล้ว ท่านอ๋องยังไม่ได้เจอ นี่ลูกสาวคนเล็กของข้า ลู่ฟางซิน”
“ฟางซินคารวะท่านอ๋องเพคะ”
เงยหน้ามา สบตากันอีกครั้ง แย่แล้วๆๆ อดทนไว้ๆ นั่งลงๆ
“คุณหนู 3 ไม่ต้องเกรงใจ เชิญนั่งเถิด”
เฉิงอ๋องกล่าว “คารวะฮูหยินรอง”
“ท่านอ๋องมิต้องเกรงใจเจ้าค่ะ เชิญนั่ง”
ฮูหยินรองกล่าว
นาง งดงามราวกับเดินออกมาจากภาพวาด งดงามยิ่งกว่าหญิงใดในที่เคยเจอ แม้แต่ .. หนิงเซียน ที่เรียกได้ว่าเป็นสาวงามอันดับ 1 แล้วยัง… อืมมม น่าสนใจยิ่งนัก
“มาครบกันแล้วนะ เริ่มได้เลยๆ มาๆ ท่านอ๋อง ข้าดื่มให้ท่านก่อนหนึ่งจอก"
“ขอบคุณท่านลุงขอรับ”
ใช่ว่าหนิงเซียนจะไม่สังเกตเห็น กริยาแบบนั้นคืออะไร เหมือนตอนเจอข้าครั้งแรกเลยรึมิใช่ เจ้าอีกแล้วเหรอ ฟางซิน นางขบคิดแค้นอยู่ในใจ
“วันนี้ท่านอ๋อง พาลูกไปเดินตลาดมาเจ้าค่ะท่านพ่อ แถมยังซื้อของขวัญให้ลูกเยอะมากเลยเจ้าค่ะ”
“เรื่องเล็กน้อย คุณหนูมิต้องเกรงใจ” ลี่หมิงกล่าว
“ลุงขอบใจลี่หมิงที่เอ็นดูน้องนะ”
“มิได้ขอรับท่านลุง” เฉิงอ๋องกล่าว
เฉิงลี่หมิงแอบลอบมองฟางซินเล็กน้อย ทำไมนางต้องเอาแต่นั่งก้มหน้า อมทุกข์แบบนั้น การรับประทานอาหารร่วมกับเขา มันน่าอึดอัดขนาดนั้นเลยเหรอ
“ซินเอ๋อ วันนี้เจ้าแอบไปเที่ยวในเมืองทั้งวันอีกแล้วเหรอ แม่เจ้าหาเจ้าทั้งวัน”
แม่ทัพลู่ถามบุตรสาว
“ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกออกไปทำการค้าต่างหากเจ้าค่ะ วันนี้ลูกไปช่วยคนด้วย ลูกน่ะ ไปทำความดีนะเจ้าคะ อย่ามากล่าวหาลูกแบบนี้สิเจ้าคะ ท่านแม่รอง ท่านพ่อว่าข้าอีกแล้ว”
นางหันมาฟ้องฮูหยินรอง ทั้งโต๊ะหัวเราะเบาๆ แบบเอ็นดูกับกริยาขี้อ้อนของสาวน้อย มีเพียงฮูหยินใหญ่และหนิงเซียนเท่านั้น ที่ไม่คล้อยตาม
“เจ้าโตแล้ว เป็นสาวเป็นนาง ยังมิออกเรือน เที่ยวเดินเล่นทั้งเมือง ไม่เหมาะสมกระมัง” ฮูหยินใหญ่กล่าว
“ท่านแม่เจ้าคะ วันนี้พี่รองบอกเองว่าออกไปเที่ยวกับท่านอ๋องมา ท่านจะมาว่าแต่ข้าคนเดียว ไม่ถูกมั้งเจ้าคะ ใช่มั้ยเจ้าคะท่านพ่อ”
ฟางซินจงใจ โยนก้อนหินไปหาพ่อ ท่านพ่อย่อมยุติธรรมที่สุด
“อะแฮ่ม เอาล่ะ พอแล้ว ทานข้าวเถอะ วันนี้เรามีแขก เรื่องอื่น ว่ากันทีหลัง”
ฟางซินแอบยิ้มแบบผู้ชนะ ฮูหยินรองปรามเบาๆ ด้วยสายตา นางหงอยไปนิดนึง แล้วก้มหน้ายิ้มกับชัยชนะเล็กน้อยเหนือ 2 แม่ลูกนี้ได้ ถือว่าคุ้ม เงยหน้าขึ้นมา สบตากับเฉิงอ๋องแบบไม่ทันตั้งตัว เค้ามองมาเมื่อไหร่เนี่ยย ตายแล้วๆๆ หมดกัน พลาดไปแล้ว
ในใจเฉิงอ๋องกลับขำ คำว่า "ท่านอ๋อง" ที่หญิงสาวเอ่ยออกมา มันช่างเพราะยิ่งนัก ห้ามไม่ได้ที่จะแอบลอบมองนาง ท่าทางที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์นั้น อดขำไม่ได้ นางช่างน่ารักเสียจริง น่าสนใจ น่าสนใจมากจริงๆ
อาหารมื้อนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่ ถึงตอนนี้ การได้ระบายความรู้สึกบางอย่างออกไป ก็รู้สึกดีขึ้น มองหน้าเขา ก็ไม่ใจเต้นแรงมากเหมือนครั้งก่อนๆ อีกแล้ว ต่อไปคงสามารถพุดคุยเหมือนปกติได้แล้ว ต้องขอบคุณฮูหยินใหญ่กับพี่รองจริงๆ
เวลาบนโต๊ะอาหาร หมดไปกับการฟังเรื่องราวการปราบกบฏ ที่ผ่านมาของท่านอ๋อง แผนการรบและการโอบล้อมศัตรูถือว่ายอดเยี่ยม ท่านพ่อเองดูเหมือนจะภาคภูมิใจราวกับเป็นบิดาของท่านอ๋องเลยทีเดียว แม้ว่าหนิงเซียนจะพยายามเรียกร้องความสนใจจากท่านอ๋องเป็นบางเวลา ตอนนี้ ฟางซิน กลับรู้สึกขำในใจเล็กน้อย ถึงท่านอ๋องจะสนใจนาง แต่เหมือนในใจฟางซิน ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว……
ถึงเวลาส่งแขก ในที่สุดก็อยู่จนจบงานเลี้ยงมื้ออาหารมื้อนี้
“เดี๋ยวลุงเดินไปส่งเจ้าเอง ลี่หมิง”
“ท่านแม่รอง เดี๋ยวข้าไปส่งท่านนะเจ้าคะ ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ท่านฟังเยอะเลย”
“ทูลลาท่านอ๋องเพคะ”
ฟางซินและฮูหยินรองลาท่านอ๋อง และนางก็พยุงฮูหยินรองเดินกลับไป
สายตาเฉิงอ๋อง มองตามนางไปแบบไม่รู้ตัว จนกระทั่ง
“ข้าไปส่งท่านอ๋องกับท่านพ่อด้วยเพคะ” หนิงเซียนกล่าว
“ไม่ต้องหรอก เจ้ากลับเข้าไปกับท่านแม่เถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านอ๋อง”
แม่ทัพลู่ปรามบุตรสาว เขารู้ดีว่านางรู้สึกอย่างไรกับอ๋องเฉิง แต่เพื่อไม่ให้เกินขอบเขต จึงต้องห้ามปรามไว้บ้าง
“ทูลลาท่านอ๋องเพคะ”
ฮูหยินใหญ่และหนิงเซียน จำใจต้องกล่าวลา แล้วเดินจากไป
เฉิงอ๋องกล่าวลาแม่ทัพลู่ ขึ้นรถม้ากลับจวน ระหว่างทางกลับ นั่งนึกย้อนเหตุการณ์ในวันนี้ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก อยากรู้นักว่านางอยากเล่าอะไรให้ฮูหยินรองฟัง ข้าอยากฟังด้วยเหลือเกิน รอยยิ้มนั่น ลืมได้ยากมากจริงๆ …..
หนิงเซียนร้อนใจ ท่าทีของท่านอ๋องที่มีต่อฟางซินนั้น ทำให้นางอยู่ไม่สุข นางไม่ไว้ใจ นางไม่อาจทนได้ หากท่านอ๋องคิดจะมองหญิงอื่น ต่อให้ไม่ใช่ฟางซิน นางก็ไม่ยอม ผ่านไปหลายวันแล้ว ท่านอ๋องไม่เคยมาเยี่ยมท่านพ่ออีกเลย อ้างแต่ว่ามีราชกิจมาก ต้องเข้าวังตลอด หากข้ามัวแต่นิ่งเฉย ไม่ต้องรอฟางซินแย่งท่านอ๋องไปหรอก คงจะไม่รอดบรรดาสาวงามในวังแน่นอน ยิ่งคิดยิ่งร้อนใจฟางซิน หลังจากงานเลี้ยงครั้งนั้น นางก็เหมือนได้ปลดปล่อยหัวใจตัวเองไปในอีกรูปแบบหนึ่ง รู้สึกสบายใจ และเป็นอิสระ วันนี้มาหอจันทรา เพื่อสำรวจว่าสินค้าที่ส่งมา ใกล้หมดแล้วรึยัง ยอดขายยังดีต่อเนื่อง ยอดสั่งผลิตก็ยังคงมากเท่าเดิม“คุณชายเจีย บังเอิญจัง ท่านมาร้านผ้าไหมซิงหรูหรือเจ้าคะ” ฟางซินเอ่ยทักทายบุรุษตรงหน้า“คุณหนูลู่ วันนี้ข้ามาส่งสินค้าที่ร้านซิงหรูขอรับ ข้าทำการค้ากับร้านนี้ขอรับ” เจียฟู่เฉิงกล่าว พึงนึกในใจ นี่มิใช่เรื่องบังเอิญ แต่เขาไปสอบถามหอจันทรามาแล้ว ทราบว่าทุกวันที่ 1 และ 15 ของทุกเดือน นางจะมายังหอจันทราเพื่อตรวจสอบสินค้าและยอดขาย จึงได้จงใจ เดินมายังถนนเส้นนี้ เพื่อพบกับนาง“ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว ข้าขอเลี้ยงข้าวท่านได้หรือไม่
รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขกแม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา “เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก” แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ” แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไ
รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขกแม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา “เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก” แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ” แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไ
ฟางซินกลับเข้ามายังงานเลี้ยง พร้อมกับของกินอร่อยๆ ในมือ นางเดินไปรอบๆ งานนี้มีแต่ผู้คนที่น่าสนใจ มาจากต่างถิ่น ท่านอ๋องคงอยากเชื่อมสัมพันธ์กับเหล่าพ่อค้า เพื่อให้แคว้นต่างๆ อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสินะ เป็นงานเลี้ยงที่ยอดเยี่ยมมาก“แหมม ฮูหยินลู่ ข้าได้ยินข่าวว่าไม่ช้าก็เร็ว ท่านก็คงจะได้รับสินสอดแล้วรึมิใช่ 555 บุตรสาวของท่าน สตรีอันดับ 1 ของเมืองหลวง กับท่านอ๋องเฉิงเชียวนะ เหมาะสมกันมาก ข้า ยินดีล่วงหน้าๆๆ” ใต้เท้ากรมโยธา กล่าวกับฮูหยินใหญ่ลู่“ที่ไหนกันล่ะ ใต้เท้าจางก็ เรื่องของหนุ่มสาว ข้าไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่ ปล่อยให้เป็นตามลิขิตฟ้าเถอะ” นางแอบลอบยิ้มอย่างอารมณ์ดี“ท่านดูนั่นสิ นั่นน่าจะเป็นคู่หญิงสวย ชายงาม ของเมืองหลวงเป็นแน่ เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก น่าอิจฉาท่านอ๋องเฉิงจริงๆ” พ่อค้าท่านนึงกล่าวกับสหายของเขาฟางซินรู้อยู่แล้ว สักวันคงได้ยินคนพูดเรื่องพวกนี้ งานเลี้ยงคืนนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางใด ผู้คนต่างพูดคุยกันถึงแต่เรื่องท่านอ๋อง กับพี่สาวนาง พวกเขาดูสนิทกันขนาดนั้น สักวันคงมีข่าวการวิวาห์ หญิงงามอันดับ 1 กับแม่ทัพหน้าหยก นี่เป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง หันกลับไป
นอกจากเขาจะไม่ได้สติแล้ว ยังเพิ่มความโกรธให้เขาด้วย เข้ายับยั้งตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาต้องกำราบนาง ต้องให้นางรู้ซะบ้าง ว่าใครกันแน่ที่เป็นใหญ่ในสนามรบนี้ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ประกบริมฝีปากกับปากอวบอิ่มของนาง ช่างหวานนัก นี่หรือรสชาติของหญิงสาว ที่ใช้ปากนี่ด่าเขา เขาบดขยี้อย่างแรง หญิงสาวตกใจ นางไม่สามารถขัดขืนเขาได้เลยแขน 2 ข้างของนาง ถูกเขาตรึงไว้ นางพยายามดิ้นเพื่อให้หลุด นางกัดเขา แต่เหมือนไปกระตุ้นสัญชาตญาณของพยัคฆ์ร้ายในตัวเขาให้ตื่นขึ้นมา ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ สิ่งที่หลุดออกไปได้ มีเพียงเสื้อผ้าของนางเท่านั้น“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ได้โปรด หยุดเถอะ ข้า ข้าขอร้องท่าน ฮือๆๆๆๆ” นางขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย บัดนี้ ไม่มีอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียวที่จะปกปิดร่างของนางไว้ นางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ความอัปยศนี้ ใครกันที่เป็นคนมอบให้นาง จนถึงก่อนที่เขาจะสิ้นสติ เขาก็ยังเรียกหาพี่สาวนาง ทำไมต้องเป็นนางที่มารับเคราะห์กรรมนี้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้“ไม่ร้องนะคนดี ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บ” เขากระซิบ เป็นคำสุดท้ายที่เขาจะพูดคืนนี้ เขาเริ่มจู่โจมหาความหวานจากปากของนางอีกครั้ง ครั้งนี้ หญิงสาวไม่หลบเลี่ยงอีกแล้ว ช่าง
เฉิงอ๋องค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อคืนเขาคงดื่มมากไป ยังมีอาการปวดหัวหลงเหลืออยู่เล็กน้อย เขาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมา นี่เขาถอดเสื้อผ้านอนเหรอเนี่ย เมาขนาดนี้เลย เขาเปิดผ้าห่มออก เพื่อที่จะสามารถลุกจากเตียงได้ และเขาต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น รอยเลือดบนที่นอน เป็นของผู้ใดกัน เขาสะดุด และแล้วความทรงจำทั้งหลายก็หลั่งไหลเข้ามาเขาโดนยาพิษในห้องหนังสือ เขาให้ต้าหรงไปส่งคุณหนูรองสกุลลู่ แล้วตัวเขาก็เดินกลับเขามาในห้องนอนเพื่อใช้ลมปราณสลายพิษในร่างกายและจะไปแช่น้ำเย็น แต่เขากลับเจอพิษจากสุราในห้องนอนอีกรอบ และยังเจอหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในห้อง เขา อาา เขาจำได้หมดแล้ว แต่ นางเป็นใครกันล่ะ ตัวเล็ก ผอมบาง ฝีปากกล้าที่ด่าเขา เขาจำได้เลือนรางจำได้ว่านางมีปานคล้ายรูปกลีบดอกไม้ที่ไหล่ข้างซ้าย ตัวนางหอมยิ่งนัก ร่องรอยบนตัวเขา คงจะเป็นนางที่ฝากเอาไว้สินะ ทั้งรอยเขี้ยวที่ไหล่ของเขา รอบเล็บ ที่หน้าอก และคงจะที่หลังด้วย ตอนนี้เขารู้สึกแสบเล็กน้อย ปากเขาเองก็มีเกล็ดเลือดที่แข็งตัวแล้วติดอยู่ ใช่ นางกัดปากของเขา แล้วเรียกเขา ว่าอะไรซักอย่าง เขาจำไม่ได้เลยทันใดนั้นเอง มีแสงบางอย่างกระทบตาเขา มันอยู่ข้างหมอน เขาหยิบอ
ฟางซินเหลือบไปมองต่างหูที่เหลือเพียงข้างเดียว ข้าจะทำอะไรได้ หาอะไรทำให้สบายใจก่อน แล้วค่อยคิดหาทางต่อก็แล้วกัน ว่าแล้วนางก็เก็บต่างหูนั้น ลงในกล่องเครื่องประดับด้านหน้า และปิดฝาไว้ เหมือนกับว่า จะไม่มีวันเอามันออกมาอีกวันนี้ตลาดก็ยังคึกคักเช่นเดิม 2 ข้างทางมีสินค้า พ่อค้า แม่ค้าหน้าใหม่มากมาย คงเพราะตอนนี้เปิดเมืองมากขึ้น การค้าขายระหว่างแคว้นจึงได้เพิ่มขึ้น แต่จิตใจของนาง กลับไม่เบิกบานดังเช่นเดิม ชุนเอ๋อสังเกตคุณหนูได้สักพักหนึ่งแล้ว วันนี้คุณหนูของนางเดินใจลอยหลายครั้ง ตอนนี้เหมือนหน้านางซีดๆ“คุณหนูเจ้าคะ ไม่สนุกเหรอเจ้าคะ คุณหนูไม่สบายตรงไหนรึเปล่าเจ้าคะ หน้าคุณหนูดูซีดๆ นะเจ้าคะ” นางถามด้วยความเป็นห่วง“ชุนเอ๋อ ข้า รู้สึก ปวดท้อง เรากลับกันก่อนดีกว่า วันนี้ข้า เดินไม่ไหวแล้ว”“ได้เจ้าค่ะคุณหนู รถม้าอยู่ข้างหน้านี่เองเจ้าค่ะ ค่อยๆ เดินนะเจ้าคะคุณหนู” นางเดินกุมท้อง นางรู้สึกปวด นางรู้อาการนี้ดี นางต้องรีบกลับบ้านก่อนจังหวะนั้นมีรถม้าคันหนึ่งวิ่งสวนมา นางไม่ทันได้มอง นางรีบขึ้นรถม้าไปก่อน ชุนเอ๋อบอกคนรถให้รีบออกรถกลับจวนทันที“เรียนท่านอ๋อง ด้านหน้านั่นน่าจะเป็นคุณหนู 3 พ่ะย่
ต้าหรงมาแจ้งอาการป่วยของฟางซินให้ลี่หมิงทราบแล้ว นางไม่ได้เป็นอะไรมากก็ดี ตอนนี้เหลือความจริงอีกอย่างที่เขาอยากรู้ เขาคงต้องเริ่มหาจากร้านทำต่างหูคู่นี้ขึ้นมา เขาสั่งต้าหรงให้ไปตรวจสอบเรื่องนี้ทันทีแต่สิ่งหนึ่งที่เขาจำได้ขณะสติใกล้จะเลือนราง กลิ่นของนาง มันช่างคุ้นเคย เหมือนเคยได้กลิ่นนี้มาตลอด เขาเข้าใกล้ความจริงแล้วสินะ เขาลอบยิ้มเบาๆ หากสิ่งที่เขาคิด มันเป็นจริงขึ้นมาล่ะ เขาจะเริ่มจากตรงไหนวันนี้นางก็ดันป่วย จะสอบถามอะไรก็ไม่ได้ ป่วยเหรอ ถ้าหากว่านาง ไม่ได้ป่วยเป็นไข้ฤดูอย่างที่หมอว่าล่ะ ถ้าหากนางป่วย เพราะเขา เฉิงอ๋องเดินคิดวนไปวนมาในห้องหนังสือ ใช่แล้ว ข้าต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวเอง“เรียนท่านอ๋อง ตามที่เถ้าแก่ร้านต่างหูบอก เขาได้ขายต่างหูนี้ให้แม่นางคนหนึ่ง นางมาพร้อมสาวใช้ขอรับ” เข้าเค้ามาก เหลือแค่พิสูจน์ครั้งสุดท้าย“ข้าจะไปจวนสกุลลู่” เขารีบออกจากจวน ไม่มีเรื่องใดที่เร่งด่วนกว่าเรื่องนี้อีกแล้วฟางซินลืมตาขึ้นมา ทานข้าวต้ม และทานยาที่ท่านหมอจัดให้ โดยมีชุนเอ๋อคอยเตรียมให้ ตอนนี้นางลุกจากเตียงได้แล้ว 3 วันก่อนนางไม่สามารถไปไหนได้เลย ไข้ฤดูค่อนข้างรุนแรงมากเลยทีเดียวสำหรับนาง
“กรุบกรับๆๆๆ”เสียงม้าที่โดนเฆี่ยนเพื่อให้วิ่งเร็วที่สุดของอ๋องเฉิงและจินเยว่ วิ่งออกนอกเมืองมาอย่างสายลม“เร็วเข้าสิ เร็วอีก”“ท่านอ๋อง ท่านอย่าพึ่งรีบร้อน น้องสามไม่เป็นอะไรหรอก นางอยู่กับแม่นมเถา นางจะปลอดภัย ย่าส์....”จินเยว่รีบควบม้าให้ทันว่าที่ท่านพ่อหมาดๆที่ขี่ม้านำเขาไปอีกแล้ว ม้าของท่านอ๋องกลับไปต้องดูแลกันอย่างหนักเลยทีเดียวเหตุการณ์เริ่มจากเมื่อตอนสาย หลังจากที่เฉิงอ๋องออกมาจากจวนเพื่อจะมารับคำสั่งเพื่อจัดส่งเสบียงที่จะไปชายแดนฝั่งตะวันออก เมื่อเขามาถึงไม่นาน และรับจดหมายคำสั่ง จินเยว่ก็ขี่ม้ามาหาเขา เพื่อแจ้งข่าวด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก“ท่านอ๋อง เร็วเข้า ซินเอ๋อนางปวดท้อง จะคลอดแล้ว แม่นมเถาให้ข้ามาส่งข่าว”“ตุบ”หนังสือราชการในมือของเฉิงลี่หมิงตกจากมือ“ท่านอ๋องขอรับ ท่านอ๋อง รีบไปสิขอรับ”“ต้าหรง เจ้า ได้ยินเหมือนข้าใช่หรือไม่ พระชายา จะคลอดแล้ว ข้าจะเป็นพ่อคนแล้ว เร็วเข้า ไปเอาม้ามาให้ข้า เร็วๆ เข้า”จินเยว่ส่งข่าวให้เฉิงอ๋องทราบแล้ว เขากำลังจะวิ่งไปส่งข่าวที่จวนสกุลลู่ต่อ แต่วันนี้ แม่ทัพลู่ก็เข้าวังด้วย เขาเลยส่งข่าวที่ท่านพ่อแทน“เจ้าว่าไงนะเยว่เอ๋อ ซินเอ๋อจะคลอดแล
เรือนตากอากาศสกุลเฉิง“พระชายาเพคะ กลับเข้าไปข้างในจวนเถอะเพคะ เวลานี้ลมแรง เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะเพคะ”“รออีกสักครู่เถอะแม่นมเถา ข้าอยากรอท่านอ๋องกลับมาก่อน นี่ก็จวนจะได้เวลาแล้ว”“ก็ได้เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันเอาผ้าคลุมมาให้เพคะ พระชายาต้องเสวยยาบำรุงครรภ์แล้วนะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันให้เด็กยกมาให้พร้อมกันเลย”“ขอบคุณแม่นมเถา”แม่นมเถา เป็นหมอตำแย และแม่นมให้กับท่านอ๋องเฉิง นางอยู่จวนอ๋องเฉิงมาพร้อมๆกับหมอตู้ ตอนนี้ นางมาประจำการอยู่ที่จวนตากอากาศ เนื่องจากพระชายาใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที เฉิงอ๋องอยากให้พระชายาได้อยู่ในจวนนี้ เนื่องจากอากาศดี และนางก็ชื่นชอบที่นี่มาก ก่อนหน้านั้น เฉิงอ๋องได้ให้คนจัดเตรียมทุกอย่างที่นี่เอาไว้พร้อมสรรพ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการคลอด ของใช้สำหรับเด็ก ยารักษาโรคต่างๆ จวนตากอากาศตอนนี้เหมือนยกทั้งจวนอ๋องเฉิงในเมืองหลวง มาอยู่ที่นี่กันหมด เพราะแต่ละคนก็อยากมาดูแลพระชายาของพวกเขาทุกคนตื่นเต้นกับทายาทที่กำลังจะคลอดออกมา ท้องของฟางซินก็โตมาก หากไม่มีคนคอยพยุงเดิน นางแทบจะไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว ชุนเอ๋อเองก็ไม่เคยห่างนางไปไหนเลย เพราะต้องคอยพยุงนางเวลาเดินไปไหน ช่วง
จวนสกุลลู่ฮูหยินใหญ่ และฮูหยินรอง ต่างเข้มงวดกับการเตรียมตัว ฝึกซ้อมเจ้าสาวในพิธีสมรสพระราชทานครั้งนี้มาก ทั้งขั้นตอนการยกน้ำชา ทั้งมารยาทในพิธีการ ฮองเฮาทรงจัดให้นางข้าหลวงใหญ่ มาช่วยฝึกซ้อมให้องค์หญิงทั้งสองถึงที่จวน พวกนางแทบจะไม่มีเวลาได้พัก จนฟางซินบ่นกับหนิงเซียน“พี่รอง หากรู้ว่าแต่งงานในวังจะพิธีมากขนาดนี้ ข้าเริ่มไม่อยากแต่งแล้วเจ้าค่ะ เหนื่อยจังเลย”“เจ้าอย่าได้บ่นให้ท่านแม่ได้ยินเชียว ข้าขี้เกียจฟังนางบ่นเพิ่มอีก แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ไปเถอะ เรามาหลบดื่มชาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวพวกนางตามมาเจอ เราจะโดนดุกันอีก”“โอยย พี่รอง ข้าเหนื่อยแล้ว อยากนั่งพักอีกหน่อย ฮือออ”“เจ้านะ มาเลย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฝึกอีกรอบเดียวก็จะได้พักแล้ว มาเถอะน่า ข้าก็อยากพักแล้ว เร็วๆ น้องสาม ลุกเลย”หนิงเซียนพยายามทั้งดัน ทั้งลากน้องสาวนางไปฝึกซ้อมพิธีการในวัง ฟางซินรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากแม้แต่จะลุกจากเก้าอี้ จินเยว่เดินมาหาพวกนางที่ทั้งลาก ทั้งดึงกันอยู่“นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่คงนึกว่าพวกเจ้าทะเลาะกันนะเนี่ย”“”พี่ใหญ่””ทั้งคู่หันมาหาจินเยว่“พวกเจ้าแอบหนีมาอยู่ที่นี่เอง ท่านแม่ทั้งสองให้สาวใช้หาพวกเจ้
จวนสกุลลู่“เร็วเข้าๆ ขบวนเจ้าบ่าวจะมาอยู่แล้ว คุณหนูแต่งตัวกันเสร็จหรือยัง ของมงคล 9 อย่างล่ะ แม่นมอู๋ ท่านเตรียมอั่งเปาหรือยัง หน้าประตูล่ะ”“ถังซิน ถังซิน เจ้ามาดูผ้าคลุมให้ซินเอ๋อที ข้าจะไปเอาต่างหูให้เซียนเอ๋อ เร็วเข้า”“เจ้าค่ะๆ ท่านพี่ มาแล้วๆ เจ้าค่ะ นี่ๆ แอปเปิลของเซียนเอ๋อ ให้ลูกถือเอาไว้”“ได้ๆ ตายแล้ว พี่ลืมรองเท้า รองเท้าพวกนางอยู่ไหน”“”ท่านแม่””ฟางซินและหนิงเซียน ร้องเรียกฮูหยินใหญ่พร้อมกัน“พวกเจ้าเรียกข้าทำไม ลืมเลยเนี่ยว่าจะทำอะไร”“ท่านแม่ รองเท้าน่ะ พวกข้าใส่แล้วเจ้าค่ะ ท่านดูสิ”หนิงเซียนบอกฮูหยินใหญ่ นางดูจะตื่นเต้นลนลานมากที่สุด กลัวว่าจะขาดอะไร กังวลว่าจะจัดของไม่ครบหนิงเซียนกับฟางซินมองหน้ากันและหัวเราะความรีบของฮูหยินใหญ่“ท่านพี่ ท่านพักก่อนนะเจ้าคะ เด็กๆพร้อมแล้ว ไม่มีอะไรขาดแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับแม่นมอู๋ตรวจให้ท่านอีกที ดีหรือไม่”“ถังซิน ฝากเจ้าดูอีกทีนะ อย่าให้ขาดเชียวนะ เสียหน้าจวนแม่ทัพเราหมด”“เจ้าค่ะๆ ท่านนั่งพักก่อน เดี๋ยวเป็นลมก่อนส่งตัวเจ้าสาวนะ นี่ เจ้าน่ะ มาเติมหน้าให้ฮูหยินใหญ่ทีสิ ทำไมปากท่านพี่ข้าซีดแบบนี้ล่ะ เร็วเข้าๆ”“ฮูหยินรองร้องสั่งช่างแต
ฟางซินกะพริบตาถี่ๆรับแสงในตอนเช้า นางรู้สึกว่ามีมือหนักๆพาดอยู่ที่เอวนาง นางค่อยๆหันไป ใบหน้าที่คุ้นเคย คิ้วเข้มดั่งหมึก ขนตายาว จมูกเป็นสันเข้ากับรูปหน้า ฟางซินอดไม่ได้ที่จะใช้มือเขี่ยขนตาเขาเล่นเบาๆ“หากเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะลงโทษเจ้าเดี๋ยวนี้เลยนะพระชายา”ฟางซินตกใจเล็กน้อย“ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”“ข้าตื่นได้สักพักแล้ว ทำไม พระชายาอยากจะปลุกข้างั้นหรือ ไม่ต้องหรอก เพราะตอนนี้ ข้าตื่นเต็มที่แล้ว ไม่เชื่อ เจ้าลองจับดูสิ”เขาจับมือนางลงไปใต้ผ้าห่ม ฟางซินสะดุ้งเมื่อจับโดนบางอย่างด้านล่างนั่น“พระองค์ ทะลึ่งเกินไปแล้ว นี่มันเช้าอยู่นะเพคะ”“นี่มันเป็นเรื่องปกติของบุรุษ เจ้าทำใจให้ชินเสียเถอะ”ฟางซินหันหลังหนีเขา แต่ไม่ทันแล้ว เขาพลิกตัวนางนิดเดียว นางก็หันมาหาเขา“การตื่นนอนมา แล้วเห็นหน้าเจ้าเป็นคนแรกแบบนี้ ช่างเหมือนฝันจริงๆ ข้ารู้สึกว่า ตัวเองโชคดีที่สุดในโลกเลย”ฟางซินยิ้มให้เขา นางจุมพิตเขาเบาๆ เฉิงอ๋อง ที่ตื่นตัวอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้า เขาจะทนไหวได้อย่างไร“พระชายา โทษข้าไม่ได้นะ เจ้าเริ่มก่อนเอง”ฟางซินยิ้มให้เขา นางพลิกตัวขึ้นบนตัวเขา เฉิงอ๋องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของนางที่
“เจ้าค่อยๆ กิน เลอะปากแล้ว”เฉิงอ๋องเช็ดปากให้นาง และมองนางกินผัดหมูเปรี้ยวหวานอย่างเอร็ดอร่อย“เพราะใครล่ะเพคะ หม่อมฉันหิวจนจะกินแพะได้ทั้งตัวแล้วเพคะ”ฟางซินมองเขาอย่างงอนๆ นางหิวมากจริงๆ นางกินข้าว ชามนี้เป็นชามที่ 2 แล้ว“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าหิวมากจริงๆ เป็นความผิดข้าเอง ข้าขอโทษเจ้าด้วย”เขามองนางแล้วเผลอยิ้มออกมา ทั้งสองทานข้าวเย็นด้วยกัน เฉิงอ๋องสั่งคนครัวทำอาหารที่ฟางซินชอบไม่ว่าจะเป็นขาหมูน้ำแดง ผัดหมูเปรี้ยวหวาน หรือแม้แต่ปลานึ่งแชบ๊วย เขาสั่งให้คน ยกอาหารมาไว้ให้ในศาลากลางสวน บรรยากาศยามค่ำคืนเย็นสบาย ทำให้ทานอาหารได้อร่อยมากยิ่งขึ้น กว่าฟางซินจะลุกจากเตียงได้ ใช้เวลานาน เขาเลยอุ้มนางมาที่นี่“อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไปว่า ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้องค์หญิงซีเหนียนไปเฝ้าศาลบรรพชน 2 ปี เป็นการทำโทษนาง ที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ขึ้นมา นางจะเดินทางพรุ่งนี้แล้วล่ะ ครั้งนี้ ฝ่าบาทโกรธนางมากจริงๆ” เขาบอกฟางซิน ระหว่างที่นางกำลังจิบชาหลังมื้ออาหารเย็นเสร็จ“ซีเหนียนเองก็ถูกหลอกใช้เหมือนกัน เสด็จพ่อไม่น่าจะลงโทษนางรุนแรงขนาดนั้น” ฟางซินพูด เพราะเรื่องคราวนี้ และเหตุการณ์ที่ซีเหนียนเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ท่านอ๋องเพคะ ท่านจะรีบไปไหนเพคะ” ฟางซินถามขณะที่ท่านอ๋องพานางมาที่จวนอ๋องเขาไม่ตอบนาง เขาแค่พานางเดินมาที่ห้อง และปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะช้อนร่างของสาวน้อย และพาเดินไปที่เตียง นางตกใจ“เดี๋ยวก่อนเพคะ ท่านอ๋อง นี่มันกลางวันแสกๆ พระองค์ไม่ควร...”ฟางซินห้ามเขา ไม่ทันที่นางจะพูดต่อ ท่านอ๋องของนางก็ใช้ปาก ปิดปากนางทันควัน เขาค่อยๆ พาร่างนางวางลงบนเตียงนุ่มและตัวเขาเองก็ค่อยๆ โน้มตัวลงมาตาม รสจูบของนางช่างหวานเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาโหยหาความหวานนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องลักพาตัวขึ้น เขาก็แทบจะไม่ได้ใกล้ชิดกับนางเลย ไม่นับรวมตอนที่ดูแลนางอยู่บนเรือตอนนั้นเขาข่มใจทั้งคืนเนื่องจากนางป่วยเพราะเมาเรือ แต่วันนี้ เขาคงไม่รออีกแล้ว ไหนจะนับที่นางพึ่งจะไปพบกับองค์ชายฟู่เฉิงนั่นมาอีก เขาไม่ยอม และหลังจากนี้ เขาจะไม่ยอมให้ชายใด มาใกล้ชิดกับนางอีก เขาบดขยี้นางแรงขึ้น พร้อมกับกำจัดสิ่งที่กีดขวางเขา เขาดูรีบร้อนนัก เสื้อผ้าแทบจะกระจัดกระจายออกโดยเร็ว“ท่านอ๋อง อย่าสิเพคะ นี่มันรุนแรงเกินไป เดี๋ยวเสื้อขาด ท่านอ๋อง” นางขัดขืน นางไม่เคยเห็นเขาดูร้อนรนขนาดนี้มาก่อน“เจ้าอย่าห้ามข้าเลย เจ้า
ฟางซินส่ายหัวให้เขา ท่านอ๋องของนางเกินเยียวยาแล้ว นางรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่เกินกว่านั้นคือเขาเป็นโรคขี้หึงแบบรุนแรง นางคงแก้นิสัยแบบนี้ของเขาไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยเขาไป“ก็ได้ ตามใจพระองค์เลยเพคะ”“องค์ชายฟู่เฉิง”ฟางซินเรียกฟู่เฉิง ที่รออยู่ในห้องรับรอง ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับไป“องค์หญิง ข้า มีเรื่องที่ต้องพูดกับเจ้า ข้าอยากจะขอโทษเจ้า และขออภัยที่ล่วงเกินเจ้า ด้วยความเข้าใจผิด เรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ข้าคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ชั่วชีวิต”ฟู่เฉิงบอกนาง“ท่านทำไปเพราะโดนหลอก สิ่งที่ท่านทำไป ข้าอภัยท่านหมดแล้ว พี่ฟู่เฉิง ท่านอย่าได้คิดมากเลย พวกเราก็กลับมาอย่างปลอดภัยกันทุกคนนี้ แล้วนี่ ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อ”“ข้าคงกลับไปที่แคว้นเว่ยก่อน คงต้องกลับไปอธิบายให้เสด็จพ่อทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ฟางซิน แผนของท่านลุง เป็นเรื่องที่เขาหลอกให้ข้าทำ แต่ความรู้สึกของข้า ที่มีให้กับเจ้า เป็นเรื่องจริง ข้า จริงใจกับเจ้ามาตลอด ข้าไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ฟู่เฉิงพูดกับฟางซิน เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนแรกที่เขามา เขามาตามแผนการก็จริง แต่พอรู้จักนาง ยิ่งได้คุยกัน และคบหาเป็นสหาย เ
“โชคดีที่เจ้าปลอดภัย เจ้าอย่าพึ่งคิดอะไรมาก ช่วงนี้ดูแลตัวเองให้ดีๆ ตกลงไหม”เขาปลอบนาง เขารู้ว่านางอาจจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หลังจากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นพร้อมๆ กันหลายอย่าง หากเป็นเขาเอง เขาก็คงจะเป็นเหมือนนางเช่นกัน“ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากกลับจวนเพคะ” นางบอกเฉิงอ๋อง“เจ้าควรจะอยู่พบฝ่าบาทก่อน พระองค์คงอยากจะคุยกับเจ้านะ ตอนนี้ท่านลุงอยู่กับฝ่าบาท อีกสักพักคงมาหาเจ้า” เขาบอกนาง เขารู้ว่าฟางซินเองคงไม่รู้จะทำตัวอย่างไร แต่ในเมื่อความจริงอยู่ตรงหน้า จะช้าหรือเร็ว ก็ต้องยอมรับอยู่ดี“แต่ข้า ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับพระองค์อย่างไร”“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้า เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน เจ้าได้รู้ประวัติของแม่เจ้า และยังพบพ่อที่แท้จริง เรื่องนี้ ไม่น่าดีใจหรอกหรือ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ เจ้าก็หนีความจริงว่าพระองค์คือพระบิดาของเจ้าไม่ได้หรอก จริงไหม” เขาพูดปลอบนาง“นั่นก็จริงเพคะ หม่อมฉันไม่ได้กลัว หม่อมฉันแค่รู้สึกว่าทุกอย่าง มันกะทันหันเกินไป จนเหมือนไม่ใช่ความจริง”ฟางซินพูด พร้อมมองหน้าเฉิงอ๋อง เขาเดินมานั่งใกล้ๆนาง นางโน้มตัวเข้ามาให้เขากอด“ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่รู้สึกแบบน