รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขก
แม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา
“เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”
“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”
“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก”
แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว
“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ”
แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้
“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”
“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไหนได้เจ้าคะ นอกจากลูกจะมีปีกงอกออกมาแล้วบินไป”
นางยังมีอารมณ์แหย่บิดา
“เจ้านี่ ขนาดขาเดินไม่ได้ แต่ปากยังใช้ได้นะ เจ้า พาคุณหนูของเจ้าไปพักในห้อง ข้ามีเรื่องจะหารือกับท่านอ๋อง”
“ขอบพระทัยสำหรับเรื่องวันนี้ด้วยเพคะท่านอ๋อง ฟางซินทูลลา”
นางค่อยๆ ใช้ไม้ค้ำ เดินออกไป โดยมีชุนเอ๋อประคองอยู่
หนิงเซียนรอจังหวะจะออกไปอยู่แล้วเลยแกล้งเดินชน จนทำให้ไม้ค้ำตกพื้น และฟางซินกับชุนเอ๋อ ก็ล้มลงไป
“ทำไมเจ้าเดินไม่ระวังเลย นั่นขาเจ้าไปโดนอะไรมาอีกล่ะ ไปทะเลาะกับนักเลงที่ไหนรึ ถึงได้เป๋มาขนาดนี้”
“ข้าเดินของข้าอยู่ดีๆ ท่านพี่เดินอย่างไรเจ้าคะ จะรีบไปไหน ถึงได้ไม่ระวังมาชนข้า ท่านต่างหากที่ควรขอโทษน่ะ ช่างเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว ไปกันเถอะชุนเอ๋อ”
เฉิงอ๋องได้ยินเสียงล้ม จึงรีบวิ่งเข้าไปตามเสียง พบฟางซินกำลังจะลุกขึ้นมา ชุนเอ๋อกำลังพยุงนางอยู่
“ท่านอ๋อง”
หนิงเซียนตกใจ เมื่อเห็นว่าผู้ที่วิ่งมาคือใคร นางไม่ทราบเลยว่าท่านพ่อรับแขกอยู่
ท่านอ๋องไม่ได้ยินที่นางเรียก แต่รีบวิ่งเข้าไปเพื่อพยุงฟางซินลุกขึ้น
“ข้าบอกเจ้าแล้วไง ว่าให้เดินระวังๆ”
“ห้องเจ้าอยู่ไหน”
ท่านอ๋องเอ่ยถาม
ชุนเอ๋อ
“ทางนี้เพคะท่านอ๋อง”
“นำทางข้าไป”
ไม่พูดเปล่า ท่านอ๋องช้อนตัวฟางซินขึ้นมาอุ้ม และเดินตามชุนเอ๋อไป
ทำไมท่านอ๋องต้องอุ้มนางไป นางไปสนิทสนมกับท่านอ๋องตอนไหน ถึงขั้นอุ้มกันไปขนาดนั้น ข้าต้องรู้ให้ได้ เจ้ามันบังอาจนักฟางซิน นางคิดแค้นอยู่ในใจ มองตามร่างของท่านอ๋อง ที่รีบร้อนอุ้มน้องสาวไปยังห้องของนาง
“ท่านอ๋องเพคะ ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะเพคะ มันจะไม่งามเอานะเพคะ ต่อหน้าผู้คนมากมาย”
ฟางซินรีบบอก นางอับอายมากพอแล้วสำหรับวันนี้ และนางไม่อยากจะมีเรื่องกับพี่สาวของนางเพิ่มอีก แต่คงไม่ทันแล้ว หนิงเซียนเห็นทุกอย่าง จากนี้ นางอย่าหวังจะได้อยู่อย่างสงบอีกเลย เฮ้อออ คิดแล้วช่างน่าปวดหัวเสียจริง
“เจ้าบาดเจ็บอยู่ ข้าแค่ช่วยคน เจ้าอย่าคิดมาก ไม่มีใครคิดมากหรอก ถึงแล้ว”
เฉิงอ๋องค่อยๆ วางนางลงหน้าห้องของนางให้เท้ายืนกับพื้นได้ถนัดแล้วจึงคลายมือออก
“เจ้ารีบเข้าห้องไปพักผ่อน ทานยาตามที่หมอตู้สั่ง ข้าจะไปพบท่านลุงก่อน”
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันทูลลา”
เฉิงอ๋องเดินกลับมาเส้นทางเดิมเพื่อไปยังห้องโถงกลาง เจอกับหนิงเซียนเข้า ไม่สิ นางคงรอเขาอยู่
“คารวะท่านอ๋องเพคะ”
“คุณหนูรอง ไม่ต้องมากพิธี ตามสบายเถอะ”
“น้องข้าทำท่านอ๋องลำบาก ต้องขออภัยแทนนางจริงๆ เพคะ น้องข้าแต่ไหนแต่ไร ชอบหาแต่เรื่องเข้าบ้าน สร้างความวุ่นวายตลอด นางยังเด็ก เลยไม่ค่อยรู้กาลเทศะ หวังว่าท่านอ๋องคงไม่ถือสานางนะเพคะ”
“อ่อ อย่างนั้นเองหรอกเหรอ”
ยังเด็ก สร้างความวุ่นวาย ไม่รู้กาลเทศะ งั้นรึ หึ เฉิงอ๋องอดแสยะยิ้มไม่ได้ กับคำกล่าวพวกนี้ ช่างเถอะ เขาไม่มีเวลามาใส่ใจ
“ว่าแต่ท่านอ๋อง กับน้องสาม มันเกิดอะไรขึ้นเพคะ”
“ข้าบังเอิญเจอนางระหว่างทางน่ะ เห็นนางได้รับบาดเจ็บ เลยช่วยพามาส่ง”
เขาตอบแบบรวบรัด
“คุณหนูรอง ข้ามีเรื่องจะหารือกับท่านลุง ข้าต้องขอตัวก่อน”
“เดือดร้อนท่านอ๋องแล้ว ข้าต้องขอโทษแทนน้องสาวข้าด้วยเพคะ หนิงเซียนทูลลาเพคะ”
ที่แท้เป็นเพราะนางซุ่มซ่ามนี่เอง ทำเรื่องน่าอายได้ไม่เว้นแต่ละวัน หึ นางไม่จำเป็นต้องรีบ เพราะอีกไม่นาน ท่านจะหนีข้าไม่ได้อีกแล้ว แค่นี้ก็สร้างความไม่พอใจให้เขาไม่พึงใจฟางซินพอแล้ว นางคิดในใจ
“เตรียมการเรียบร้อยแล้วหรือไม่”
หนิงเซียนเอ่ยถามสาวใช้
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ คุณหนู รอแค่คุณหนูสั่งการเท่านั้นเจ้าค่ะ”
รุ่ยเอ๋อ สาวใช้ตอบ
“ดี อีกไม่กี่วัน ข้าคงต้องเปลี่ยนสถานะ เป็นพระชายาท่านอ๋องสักที”
“คุณหนูเจ้าคะ ท่าน… คิดดูอีกทีดีหรือไม่เจ้าคะ วิธีนี้ มันออกจะเสี่ยงมากเกินไปนะเจ้าคะ”
“เจ้าไม่ต้องพูดมาก เรื่องนี้ ข้าตัดสินใจเอง ของบางอย่าง มัวแต่รอ คงมิได้ครอบครอง”
นางตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหญิงงามอันดับ 1 ในใต้หล้า หรือสตรีที่น่าอิจฉาที่สุดในเมืองหลวง ล้วนต้องเป็นของนางทั้งสิ้น
ในที่สุดก็ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำอีกต่อไป ฟางซินบอกลาไม้ค้ำ หลังจากวันที่ 6 นางเริ่มเดินได้ตามปกติ แผลหายเกือบสนิทแล้ว ใกล้จะถึงวันงานเลี้ยงของจวนอ๋องเฉิงแล้ว ที่จวนของสกุลลู่ก็ได้รับการเชื้อเชิญสำหรับงานเลี้ยงนี้เช่นกัน แม่ทัพลู่กำชับทุกคนในบ้าน ให้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ทุกคน เพื่อเป็นเกียรติกับท่านอ๋องเฉิง เอาล่ะ ข้าก็คงต้องเตรียมของขวัญสักหน่อย อย่างน้อยก็แทนคำขอบคุณที่เขาเคยช่วยไว้ครั้งก่อน ที่หอการค้า ช่วงนี้ของทุกปีจะมีการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างแคว้นต่างๆ คาดว่าคงมีสินค้าที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ลองไปสำรวจดูดีกว่า
วันนี้ฟางซินอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ เพราะนานแล้วที่นางไม่ได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าตลาดจะน่าเดินขนาดนี้นะเนี่ย สินค้าใหม่ๆ มากมายเริ่มออกมาวางขาย ข้างทางมีร้านขายร่มมากเป็นพิเศษ คงเพราะช่วงนี้ใกล้เข้าฤดูฝนแล้ว ร่มสีต่างๆ ทำจากวัสดุหลากหลายชนิด วางเรียงรายอย่างสวยงาม แต่วันนี้ฟางซินตั้งใจ ที่จะไปที่หอการค้า ที่นั่นคือจุดหมายที่มาของวันนี้ นางจึงไม่ได้แวะดูร้านค้าข้างทางมากนัก
หอการค้า ไท่สง
ข้างในหอการค้าแห่งนี้ เป็นทั้งแหล่งรวมสินค้าแปลกๆ มากมาย มาจากหลายๆ ที่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งประมูลสินค้า สำหรับพ่อค้า นายทุนที่มีความชอบ สะสมสินค้าแปลกๆ หายาก และยังเป็นสมาคมพ่อค้า และดูแลในส่วนของการค้าย่านเมืองหลวงทั้งหมด เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบในการค้าขายในเมืองหลวง
“ว่าแล้วว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังจริงๆ”
สินค้าแปลกตามากมาย วางเรียงรายกันอยู่ ราคาย่อมเยาหน่อยก็จะวางกับโต๊ะ และมีผู้ขายดูแล สินค้าที่แพงหน่อยจะจัดวางอยู่ชั้น 2 และ 3 ของหอการค้า ชั้น 4 คือชั้นประมูลสินค้าแปลกใหม่ ซึ่งจะมีการจัดประมูลขึ้นทุกๆ วันที่ 1 ,10 และ 20 ของทุกๆ เดือน ซึ่ง ไม่ใช่วันนี้
ฟางซินจึงทำได้เพียงมองหาสินค้าแปลกๆ แค่นี้ก็คงใช้เวลาเกือบทั้งวันแล้วกระมัง ไหนดูซิ มีอะไรบ้าง เครื่องเรือนไม้ ผ้าไหมทอมือ มังกรไม้สลัก สิงโตหินอ่อน ไม่ไหวเลย นี่มันสินค้าทั่วไป
ว๊าววว สิงโตหยกคาบแก้วตัวนี้ น่าสนใจ
“ข้าชอบสิงโตหยกตัวนี้”
“สวัสดีขอรับคุณหนู สิงโตหยกขาวคาบแก้วตัวนี้ทำจากหยกน้ำงามขอรับ แก้วที่คาบอยู่ก็เจียระไนด้วยมือ ยามที่แก้วได้รับแสงจันทร์ แก้วก็จะเปลี่ยนสีขอรับ สีก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลและอากาศ หยกนี้เป็นหินลาวาจากภูเขาไฟ ทับถมกันมาเกิน 200 ปีขอรับ ถึงจะได้เจอหยกขาวน้ำดีแบบนี้ซักก้อนหนึ่ง อ้อ แล้วก็สิงโตหยกขาวคาบแก้วตัวนี้มาคู่กับหยกคู่นี้ขอรับ ซึ่งทำมาจากหยกก้อนเดียวกัน ผู้ทำ ทำขึ้นมาเพื่อให้อยู่คู่กันกับสิงโตตัวนี้ขอรับ ยามร้อนทำให้เย็น ยามหนาวทำให้อุ่น ถือเป็นของมงคลอย่างยิ่งขอรับ”
น่าสนใจ สิงโตตัวนี้ ขนาดกำลังดี เหมาะกับวางบนโต๊ะหนังสือ
“ข้าเอาสิงโตตัวนี้แหละ ข้าไปจ่ายเงินก่อน ท่านช่วยห่อ และส่งไปยังจวนสกุลลู่ทีนะ ชุนเอ๋อ เจ้าช่วยดูความเรียบร้อยด้วย”
ฟางซินสั่งสาวใช้เสร็จก็เดินไปที่โต๊ะจ่ายเงิน
เสียเวลาไปมากกับการเดินอยู่ในหอการค้านี้ เกือบจะเย็นแล้ว คงต้องรีบกลับจวนก่อน อีก 3 วันจะถึงงานเลี้ยงแล้ว ข้าคงต้องเตรียมตัว ออ แวะร้านสมุนไพรก่อน ข้าสั่งสมุนไพรหายากไว้เพื่อไปมอบให้ท่านหมอตู้ เพื่อขอบคุณที่ครั้งก่อนช่วยข้าไว้
3 วันถัดมา : งานเลี้ยงจวนอ๋องเฉิง
"แม่ทัพลู่มาถึงแล้ว"
เสียงทหารหน้าประตู ประกาศแจ้ง ทั้งหมดเดินเข้ามาในงานเลี้ยง ไม่นาน ท่านอ๋องเฉิงก็เดินมาต้อนรับด้วยตนเอง
“คารวะท่านแม่ทัพลู่และฮูหยินทั้ง 2 ขอรับ”
รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขกแม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา “เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก” แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ” แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไ
ฟางซินกลับเข้ามายังงานเลี้ยง พร้อมกับของกินอร่อยๆ ในมือ นางเดินไปรอบๆ งานนี้มีแต่ผู้คนที่น่าสนใจ มาจากต่างถิ่น ท่านอ๋องคงอยากเชื่อมสัมพันธ์กับเหล่าพ่อค้า เพื่อให้แคว้นต่างๆ อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสินะ เป็นงานเลี้ยงที่ยอดเยี่ยมมาก“แหมม ฮูหยินลู่ ข้าได้ยินข่าวว่าไม่ช้าก็เร็ว ท่านก็คงจะได้รับสินสอดแล้วรึมิใช่ 555 บุตรสาวของท่าน สตรีอันดับ 1 ของเมืองหลวง กับท่านอ๋องเฉิงเชียวนะ เหมาะสมกันมาก ข้า ยินดีล่วงหน้าๆๆ” ใต้เท้ากรมโยธา กล่าวกับฮูหยินใหญ่ลู่“ที่ไหนกันล่ะ ใต้เท้าจางก็ เรื่องของหนุ่มสาว ข้าไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่ ปล่อยให้เป็นตามลิขิตฟ้าเถอะ” นางแอบลอบยิ้มอย่างอารมณ์ดี“ท่านดูนั่นสิ นั่นน่าจะเป็นคู่หญิงสวย ชายงาม ของเมืองหลวงเป็นแน่ เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก น่าอิจฉาท่านอ๋องเฉิงจริงๆ” พ่อค้าท่านนึงกล่าวกับสหายของเขาฟางซินรู้อยู่แล้ว สักวันคงได้ยินคนพูดเรื่องพวกนี้ งานเลี้ยงคืนนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางใด ผู้คนต่างพูดคุยกันถึงแต่เรื่องท่านอ๋อง กับพี่สาวนาง พวกเขาดูสนิทกันขนาดนั้น สักวันคงมีข่าวการวิวาห์ หญิงงามอันดับ 1 กับแม่ทัพหน้าหยก นี่เป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง หันกลับไป
นอกจากเขาจะไม่ได้สติแล้ว ยังเพิ่มความโกรธให้เขาด้วย เข้ายับยั้งตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาต้องกำราบนาง ต้องให้นางรู้ซะบ้าง ว่าใครกันแน่ที่เป็นใหญ่ในสนามรบนี้ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ประกบริมฝีปากกับปากอวบอิ่มของนาง ช่างหวานนัก นี่หรือรสชาติของหญิงสาว ที่ใช้ปากนี่ด่าเขา เขาบดขยี้อย่างแรง หญิงสาวตกใจ นางไม่สามารถขัดขืนเขาได้เลยแขน 2 ข้างของนาง ถูกเขาตรึงไว้ นางพยายามดิ้นเพื่อให้หลุด นางกัดเขา แต่เหมือนไปกระตุ้นสัญชาตญาณของพยัคฆ์ร้ายในตัวเขาให้ตื่นขึ้นมา ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ สิ่งที่หลุดออกไปได้ มีเพียงเสื้อผ้าของนางเท่านั้น“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ได้โปรด หยุดเถอะ ข้า ข้าขอร้องท่าน ฮือๆๆๆๆ” นางขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย บัดนี้ ไม่มีอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียวที่จะปกปิดร่างของนางไว้ นางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ความอัปยศนี้ ใครกันที่เป็นคนมอบให้นาง จนถึงก่อนที่เขาจะสิ้นสติ เขาก็ยังเรียกหาพี่สาวนาง ทำไมต้องเป็นนางที่มารับเคราะห์กรรมนี้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้“ไม่ร้องนะคนดี ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บ” เขากระซิบ เป็นคำสุดท้ายที่เขาจะพูดคืนนี้ เขาเริ่มจู่โจมหาความหวานจากปากของนางอีกครั้ง ครั้งนี้ หญิงสาวไม่หลบเลี่ยงอีกแล้ว ช่าง
เฉิงอ๋องค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อคืนเขาคงดื่มมากไป ยังมีอาการปวดหัวหลงเหลืออยู่เล็กน้อย เขาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมา นี่เขาถอดเสื้อผ้านอนเหรอเนี่ย เมาขนาดนี้เลย เขาเปิดผ้าห่มออก เพื่อที่จะสามารถลุกจากเตียงได้ และเขาต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น รอยเลือดบนที่นอน เป็นของผู้ใดกัน เขาสะดุด และแล้วความทรงจำทั้งหลายก็หลั่งไหลเข้ามาเขาโดนยาพิษในห้องหนังสือ เขาให้ต้าหรงไปส่งคุณหนูรองสกุลลู่ แล้วตัวเขาก็เดินกลับเขามาในห้องนอนเพื่อใช้ลมปราณสลายพิษในร่างกายและจะไปแช่น้ำเย็น แต่เขากลับเจอพิษจากสุราในห้องนอนอีกรอบ และยังเจอหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในห้อง เขา อาา เขาจำได้หมดแล้ว แต่ นางเป็นใครกันล่ะ ตัวเล็ก ผอมบาง ฝีปากกล้าที่ด่าเขา เขาจำได้เลือนรางจำได้ว่านางมีปานคล้ายรูปกลีบดอกไม้ที่ไหล่ข้างซ้าย ตัวนางหอมยิ่งนัก ร่องรอยบนตัวเขา คงจะเป็นนางที่ฝากเอาไว้สินะ ทั้งรอยเขี้ยวที่ไหล่ของเขา รอบเล็บ ที่หน้าอก และคงจะที่หลังด้วย ตอนนี้เขารู้สึกแสบเล็กน้อย ปากเขาเองก็มีเกล็ดเลือดที่แข็งตัวแล้วติดอยู่ ใช่ นางกัดปากของเขา แล้วเรียกเขา ว่าอะไรซักอย่าง เขาจำไม่ได้เลยทันใดนั้นเอง มีแสงบางอย่างกระทบตาเขา มันอยู่ข้างหมอน เขาหยิบอ
ฟางซินเหลือบไปมองต่างหูที่เหลือเพียงข้างเดียว ข้าจะทำอะไรได้ หาอะไรทำให้สบายใจก่อน แล้วค่อยคิดหาทางต่อก็แล้วกัน ว่าแล้วนางก็เก็บต่างหูนั้น ลงในกล่องเครื่องประดับด้านหน้า และปิดฝาไว้ เหมือนกับว่า จะไม่มีวันเอามันออกมาอีกวันนี้ตลาดก็ยังคึกคักเช่นเดิม 2 ข้างทางมีสินค้า พ่อค้า แม่ค้าหน้าใหม่มากมาย คงเพราะตอนนี้เปิดเมืองมากขึ้น การค้าขายระหว่างแคว้นจึงได้เพิ่มขึ้น แต่จิตใจของนาง กลับไม่เบิกบานดังเช่นเดิม ชุนเอ๋อสังเกตคุณหนูได้สักพักหนึ่งแล้ว วันนี้คุณหนูของนางเดินใจลอยหลายครั้ง ตอนนี้เหมือนหน้านางซีดๆ“คุณหนูเจ้าคะ ไม่สนุกเหรอเจ้าคะ คุณหนูไม่สบายตรงไหนรึเปล่าเจ้าคะ หน้าคุณหนูดูซีดๆ นะเจ้าคะ” นางถามด้วยความเป็นห่วง“ชุนเอ๋อ ข้า รู้สึก ปวดท้อง เรากลับกันก่อนดีกว่า วันนี้ข้า เดินไม่ไหวแล้ว”“ได้เจ้าค่ะคุณหนู รถม้าอยู่ข้างหน้านี่เองเจ้าค่ะ ค่อยๆ เดินนะเจ้าคะคุณหนู” นางเดินกุมท้อง นางรู้สึกปวด นางรู้อาการนี้ดี นางต้องรีบกลับบ้านก่อนจังหวะนั้นมีรถม้าคันหนึ่งวิ่งสวนมา นางไม่ทันได้มอง นางรีบขึ้นรถม้าไปก่อน ชุนเอ๋อบอกคนรถให้รีบออกรถกลับจวนทันที“เรียนท่านอ๋อง ด้านหน้านั่นน่าจะเป็นคุณหนู 3 พ่ะย่
ลู่ฟางซิน บุตรีคนรองแม่ทัพ ลู่ต้าตง ผู้ร่วมบุกเบิกแคว้นกับองค์ฮ่องเต้ หงซูลี่ ผู้เป็นทั้งสหายร่วมเรียน ร่วมรบกันมาตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ นางทราบเพียงว่า มารดาของตนคือหญิงรับใช้ในกองทัพของบิดา และถูกข้าศึกฆ่าตายระหว่างสงครามแคว้นฉินกับแคว้นจ้าวเมื่อ 17 ปีก่อน บิดาผู้ซึ่งกลับเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ได้อุ้มบุตรีกลับมาที่จวน พร้อมกับความสงสัยของฮูหยินทั้ง 2 (ฮูหยินเอก ลู่เหลียน และฮูหยินรอง ลู่ถังซิน) พร้อมกันนั้น ท่านแม่ทัพก็ได้รับรู้ว่า ตนได้มีลูกสาวที่กำเนิดแล้วอีก 1 คน คือ ลู่หนิงเซียน ซึ่งฮูหยินเอกได้กล่าวว่าไม่อยากให้ท่านแม่ทัพเป็นกังวลในการออกศึก เลยไม่แจ้งข่าวการตั้งครรภ์ให้ทราบ เนื่องจากเป็นศึกยืดเยื้อยาวนานกว่า 1 ปี นางจึงคลอดก่อนที่ท่านแม่ทัพจะได้กลับมายังเมืองหลวง ท่านแม่ทัพดีใจยิ่งนัก ที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ในวินาทีนี้ ไม่มีใครมีความสุขมากกว่าแม่ทัพลู่อีกแล้วแม่ทัพลู่ต้าตงยังมีบุตรชายคนโต ที่กำเนิดจากฮูหยินรอง ลู่ถังซินอีก 1 คน ชื่อ ลู่จินเยว่ ซึ่งรู้จักกันในนามรองแม่ทัพลู่นั่นเอง จินเยว่ติดตามบิดาไปออกศึกเสมอ จนได้รับการยอมรับจากทั้งกองทัพว่า ทั้งเก่ง ความสามารถรอบด้าน ฉลาด และมีค
เมื่อฟางซินกลับถึงจวน ในเรือนใหญ่นั้นดูแปลกกว่าทุกวัน ทำไมวันนี้ช่างวุ่นวาย บ่าวไพร่ สาวใช้ วิ่งสวนทางกัน ทั้งเข้า-ออก เกิดอะไรขึ้นกัน หรือที่จวนจะมีแขกมางั้นหรือ ชุนเอ๋อรีบเข้าไปสอบถาม“อารุ่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอ ที่จวนจะมีแขกรึ ทำไมช่างดูวุ่นวายกันเยี่ยงนี้”“ฮูหยินใหญ่แจ้งว่า คืนนี้ทุกคนในจวนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวง ท่านเลยสั่งให้เตรียมของขวัญ ของกำนัล และเครื่องแต่งกายให้คุณหนูรอง วุ่นวายไปหมด ข้าต้องไปเตรียมน้ำให้คุณหนูรองอาบก่อน ไปนะ” ว่าแล้ว สาวใช้เรือนใหญ่ก็รีบวิ่งไป งานเลี้ยงเหรอ งั้นก็ได้กินฟรีน่ะสิ เยี่ยมเลย ฟางซินคิดในใจ ทุกครั้งที่มีงานฉลองที่วังหลวง นางมักจะเพลิดเพลินกับอาหารทั้งคาว-หวานที่ในวังจัดสรรมาให้แขกในงานได้ลิ้มลอง “ต้องไปหาท่านแม่รอง ไปกัน ชุนเอ๋อ”“ท่านแม่รองเจ้าคะ” ฟางซินเรียกฮูหยินรอง ลู่ถังซิน “มาแล้วเหรอ ซินเอ๋อแม่นึกว่าเจ้าจะกลับมาไม่ทันซะแล้ว แม่ส่งเครื่องแต่งกายไปให้เจ้าที่ห้องแล้ว เจ้าก็รีบเตรียมตัว ยามอิ๋น(บ่าย 3-4 โมง) มาเจอกันที่โถงรับแขกนะ”“ในวังหลวงมีงานฉลองอะไรหรือเจ้าคะ หรือฉลองที่แม่ทัพเฉิงปราบกบฏ ได้หรือเจ้าคะ” ฮูหยินแปลกใจเล็กน้
หลังกลับจากงานเลี้ยงเมื่อคืน ฟางซินแทบจะจำไม่ได้เลยว่ากลับมาที่ห้องได้อย่างไร รู้แต่ว่าเดินอย่างใจลอย มายังห้องของตน ปล่อยสาวใช้จัดการทุกอย่าง และนางก็หลับลง หวังว่าเรื่องในคืนนี้ จะเป็นเพียงฝันไปปวดหัวซะจริง สุราแค่นิดหน่อยเองนะ จากนี้ข้าคงไม่ดื่มอีกแล้ว “คุณหนู ท่านตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ สินค้าตัวใหม่ พร้อมนำไปส่งที่หอจันทราแล้วนะเจ้าคะ”ชุนเอ๋อรายงาน“ไปกัน แต่งตัวให้ข้าที ได้เวลาทำงานแล้ว” ใช่แล้ว นางไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้ นางหวังเก็บเงินได้มากพอที่จะไปจากเมืองนี้ ไปแคว้นจ้าว เพื่อสืบหาเรื่องราวของท่านแม่ ถึงแม้ท่านพ่อจะดีกับนาง แต่ก็ไม่สามารถจะห้ามความอยากรู้ความจริงนี้ได้ นางไม่อาจทนให้ใครมาดูถูกมารดาของตนได้ ถึงจะไม่รู้ที่มาแน่นอน แต่นางก็ยังแอบสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ มาตลอด“ไปหอจันทรา” นางบอกคนขับรถม้าของจวน “ขอรับคุณหนู” เอ๋ มีรถม้าจอดหน้าจวน รถของผู้ใดกัน มาเยือนแต่เช้าเช่นนี้ ม่านรถม้าเปิด จังหวะเดียวกันกับที่ฟางซินเปิดม่านหน้าต่างดู นางไม่มีทางจำผิด ชุดขาว รูปร่างสมส่วน หน้าตาดั่งหยก ท่านอ๋องเฉิง ใจนางเจ็บอีกแล้ว ไม่ต้องเดา คงมาหาท่านพี่สินะ หึ ดีแล้วที่ข้าออกมาก่อน จะไ
ฟางซินเหลือบไปมองต่างหูที่เหลือเพียงข้างเดียว ข้าจะทำอะไรได้ หาอะไรทำให้สบายใจก่อน แล้วค่อยคิดหาทางต่อก็แล้วกัน ว่าแล้วนางก็เก็บต่างหูนั้น ลงในกล่องเครื่องประดับด้านหน้า และปิดฝาไว้ เหมือนกับว่า จะไม่มีวันเอามันออกมาอีกวันนี้ตลาดก็ยังคึกคักเช่นเดิม 2 ข้างทางมีสินค้า พ่อค้า แม่ค้าหน้าใหม่มากมาย คงเพราะตอนนี้เปิดเมืองมากขึ้น การค้าขายระหว่างแคว้นจึงได้เพิ่มขึ้น แต่จิตใจของนาง กลับไม่เบิกบานดังเช่นเดิม ชุนเอ๋อสังเกตคุณหนูได้สักพักหนึ่งแล้ว วันนี้คุณหนูของนางเดินใจลอยหลายครั้ง ตอนนี้เหมือนหน้านางซีดๆ“คุณหนูเจ้าคะ ไม่สนุกเหรอเจ้าคะ คุณหนูไม่สบายตรงไหนรึเปล่าเจ้าคะ หน้าคุณหนูดูซีดๆ นะเจ้าคะ” นางถามด้วยความเป็นห่วง“ชุนเอ๋อ ข้า รู้สึก ปวดท้อง เรากลับกันก่อนดีกว่า วันนี้ข้า เดินไม่ไหวแล้ว”“ได้เจ้าค่ะคุณหนู รถม้าอยู่ข้างหน้านี่เองเจ้าค่ะ ค่อยๆ เดินนะเจ้าคะคุณหนู” นางเดินกุมท้อง นางรู้สึกปวด นางรู้อาการนี้ดี นางต้องรีบกลับบ้านก่อนจังหวะนั้นมีรถม้าคันหนึ่งวิ่งสวนมา นางไม่ทันได้มอง นางรีบขึ้นรถม้าไปก่อน ชุนเอ๋อบอกคนรถให้รีบออกรถกลับจวนทันที“เรียนท่านอ๋อง ด้านหน้านั่นน่าจะเป็นคุณหนู 3 พ่ะย่
เฉิงอ๋องค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อคืนเขาคงดื่มมากไป ยังมีอาการปวดหัวหลงเหลืออยู่เล็กน้อย เขาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมา นี่เขาถอดเสื้อผ้านอนเหรอเนี่ย เมาขนาดนี้เลย เขาเปิดผ้าห่มออก เพื่อที่จะสามารถลุกจากเตียงได้ และเขาต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น รอยเลือดบนที่นอน เป็นของผู้ใดกัน เขาสะดุด และแล้วความทรงจำทั้งหลายก็หลั่งไหลเข้ามาเขาโดนยาพิษในห้องหนังสือ เขาให้ต้าหรงไปส่งคุณหนูรองสกุลลู่ แล้วตัวเขาก็เดินกลับเขามาในห้องนอนเพื่อใช้ลมปราณสลายพิษในร่างกายและจะไปแช่น้ำเย็น แต่เขากลับเจอพิษจากสุราในห้องนอนอีกรอบ และยังเจอหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในห้อง เขา อาา เขาจำได้หมดแล้ว แต่ นางเป็นใครกันล่ะ ตัวเล็ก ผอมบาง ฝีปากกล้าที่ด่าเขา เขาจำได้เลือนรางจำได้ว่านางมีปานคล้ายรูปกลีบดอกไม้ที่ไหล่ข้างซ้าย ตัวนางหอมยิ่งนัก ร่องรอยบนตัวเขา คงจะเป็นนางที่ฝากเอาไว้สินะ ทั้งรอยเขี้ยวที่ไหล่ของเขา รอบเล็บ ที่หน้าอก และคงจะที่หลังด้วย ตอนนี้เขารู้สึกแสบเล็กน้อย ปากเขาเองก็มีเกล็ดเลือดที่แข็งตัวแล้วติดอยู่ ใช่ นางกัดปากของเขา แล้วเรียกเขา ว่าอะไรซักอย่าง เขาจำไม่ได้เลยทันใดนั้นเอง มีแสงบางอย่างกระทบตาเขา มันอยู่ข้างหมอน เขาหยิบอ
นอกจากเขาจะไม่ได้สติแล้ว ยังเพิ่มความโกรธให้เขาด้วย เข้ายับยั้งตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาต้องกำราบนาง ต้องให้นางรู้ซะบ้าง ว่าใครกันแน่ที่เป็นใหญ่ในสนามรบนี้ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ประกบริมฝีปากกับปากอวบอิ่มของนาง ช่างหวานนัก นี่หรือรสชาติของหญิงสาว ที่ใช้ปากนี่ด่าเขา เขาบดขยี้อย่างแรง หญิงสาวตกใจ นางไม่สามารถขัดขืนเขาได้เลยแขน 2 ข้างของนาง ถูกเขาตรึงไว้ นางพยายามดิ้นเพื่อให้หลุด นางกัดเขา แต่เหมือนไปกระตุ้นสัญชาตญาณของพยัคฆ์ร้ายในตัวเขาให้ตื่นขึ้นมา ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ สิ่งที่หลุดออกไปได้ มีเพียงเสื้อผ้าของนางเท่านั้น“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ได้โปรด หยุดเถอะ ข้า ข้าขอร้องท่าน ฮือๆๆๆๆ” นางขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย บัดนี้ ไม่มีอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียวที่จะปกปิดร่างของนางไว้ นางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ความอัปยศนี้ ใครกันที่เป็นคนมอบให้นาง จนถึงก่อนที่เขาจะสิ้นสติ เขาก็ยังเรียกหาพี่สาวนาง ทำไมต้องเป็นนางที่มารับเคราะห์กรรมนี้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้“ไม่ร้องนะคนดี ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บ” เขากระซิบ เป็นคำสุดท้ายที่เขาจะพูดคืนนี้ เขาเริ่มจู่โจมหาความหวานจากปากของนางอีกครั้ง ครั้งนี้ หญิงสาวไม่หลบเลี่ยงอีกแล้ว ช่าง
ฟางซินกลับเข้ามายังงานเลี้ยง พร้อมกับของกินอร่อยๆ ในมือ นางเดินไปรอบๆ งานนี้มีแต่ผู้คนที่น่าสนใจ มาจากต่างถิ่น ท่านอ๋องคงอยากเชื่อมสัมพันธ์กับเหล่าพ่อค้า เพื่อให้แคว้นต่างๆ อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสินะ เป็นงานเลี้ยงที่ยอดเยี่ยมมาก“แหมม ฮูหยินลู่ ข้าได้ยินข่าวว่าไม่ช้าก็เร็ว ท่านก็คงจะได้รับสินสอดแล้วรึมิใช่ 555 บุตรสาวของท่าน สตรีอันดับ 1 ของเมืองหลวง กับท่านอ๋องเฉิงเชียวนะ เหมาะสมกันมาก ข้า ยินดีล่วงหน้าๆๆ” ใต้เท้ากรมโยธา กล่าวกับฮูหยินใหญ่ลู่“ที่ไหนกันล่ะ ใต้เท้าจางก็ เรื่องของหนุ่มสาว ข้าไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเท่าไหร่ ปล่อยให้เป็นตามลิขิตฟ้าเถอะ” นางแอบลอบยิ้มอย่างอารมณ์ดี“ท่านดูนั่นสิ นั่นน่าจะเป็นคู่หญิงสวย ชายงาม ของเมืองหลวงเป็นแน่ เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก น่าอิจฉาท่านอ๋องเฉิงจริงๆ” พ่อค้าท่านนึงกล่าวกับสหายของเขาฟางซินรู้อยู่แล้ว สักวันคงได้ยินคนพูดเรื่องพวกนี้ งานเลี้ยงคืนนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางใด ผู้คนต่างพูดคุยกันถึงแต่เรื่องท่านอ๋อง กับพี่สาวนาง พวกเขาดูสนิทกันขนาดนั้น สักวันคงมีข่าวการวิวาห์ หญิงงามอันดับ 1 กับแม่ทัพหน้าหยก นี่เป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง หันกลับไป
รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขกแม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา “เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก” แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ” แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไ
รถม้าของเฉิงอ๋อง จอดอยู่หน้าจวนสกุลลู่ อ๋องเฉิงลงมาก่อน ฟางซินค่อยๆ ขยับตัวลงมา เพื่อจะลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกท่านอ๋อง อุ้มลงจากรถได้อย่างง่ายดาย ตรงไปยังห้องโถงกลางสำหรับรับแขกแม่ทัพลู่ตกใจ เมื่อเห็นเฉิงอ๋องอุ้มบุตรสาวเขามา “เกิดอะไรขึ้น ลี่หมิง ซินเอ๋อเป็นอะไรไป ทำไมขาเป็นแบบนี้ล่ะ”“เรียนท่านลุง คุณหนู 3 เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยขอรับ ชนเข้ากับกระถางหน้าหอจันทรา เลยทำให้ข้อเท้าพลิกขอรับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เดินไม่ค่อยสะดวก ข้าเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เลยช่วยไว้ได้ทัน เลยพาไปรับการรักษาที่จวนกับท่านหมอก่อน แล้วจึงพาคุณหนู 3 มาส่งขอรับ ต้องขออภัยท่านลุงที่ทำให้เป็นห่วงขอรับ”“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี เจ้านี่นะ ซนจนได้เรื่อง แล้วยังต้องเดือดร้อนท่านอ๋องอีก” แม่ทัพลู่ตำหนิบุตรสาว“ข้าขอโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ” แม่ทัพลู่นึกสงสัย เหตุใดวันนี้นางถึงได้เงียบนัก มันผิดปกติของลูกสาวคนเล็ก ปกตินางจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด หรือไม่ก็ออดอ้อนจนต้องยอมละโทษให้“เจ้าสำนึกผิดรึยัง พ่อจะกักบริเวณเจ้า ห้ามออกไปไหนนะช่วงนี้ อยู่แต่ในจวนนี่แหละ”“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงลูกอยากจะไป แต่เดินแทบไม่ได้แบบนี้ จะไปไ
หนิงเซียนร้อนใจ ท่าทีของท่านอ๋องที่มีต่อฟางซินนั้น ทำให้นางอยู่ไม่สุข นางไม่ไว้ใจ นางไม่อาจทนได้ หากท่านอ๋องคิดจะมองหญิงอื่น ต่อให้ไม่ใช่ฟางซิน นางก็ไม่ยอม ผ่านไปหลายวันแล้ว ท่านอ๋องไม่เคยมาเยี่ยมท่านพ่ออีกเลย อ้างแต่ว่ามีราชกิจมาก ต้องเข้าวังตลอด หากข้ามัวแต่นิ่งเฉย ไม่ต้องรอฟางซินแย่งท่านอ๋องไปหรอก คงจะไม่รอดบรรดาสาวงามในวังแน่นอน ยิ่งคิดยิ่งร้อนใจฟางซิน หลังจากงานเลี้ยงครั้งนั้น นางก็เหมือนได้ปลดปล่อยหัวใจตัวเองไปในอีกรูปแบบหนึ่ง รู้สึกสบายใจ และเป็นอิสระ วันนี้มาหอจันทรา เพื่อสำรวจว่าสินค้าที่ส่งมา ใกล้หมดแล้วรึยัง ยอดขายยังดีต่อเนื่อง ยอดสั่งผลิตก็ยังคงมากเท่าเดิม“คุณชายเจีย บังเอิญจัง ท่านมาร้านผ้าไหมซิงหรูหรือเจ้าคะ” ฟางซินเอ่ยทักทายบุรุษตรงหน้า“คุณหนูลู่ วันนี้ข้ามาส่งสินค้าที่ร้านซิงหรูขอรับ ข้าทำการค้ากับร้านนี้ขอรับ” เจียฟู่เฉิงกล่าว พึงนึกในใจ นี่มิใช่เรื่องบังเอิญ แต่เขาไปสอบถามหอจันทรามาแล้ว ทราบว่าทุกวันที่ 1 และ 15 ของทุกเดือน นางจะมายังหอจันทราเพื่อตรวจสอบสินค้าและยอดขาย จึงได้จงใจ เดินมายังถนนเส้นนี้ เพื่อพบกับนาง“ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว ข้าขอเลี้ยงข้าวท่านได้หรือไม่
หลังกลับจากงานเลี้ยงเมื่อคืน ฟางซินแทบจะจำไม่ได้เลยว่ากลับมาที่ห้องได้อย่างไร รู้แต่ว่าเดินอย่างใจลอย มายังห้องของตน ปล่อยสาวใช้จัดการทุกอย่าง และนางก็หลับลง หวังว่าเรื่องในคืนนี้ จะเป็นเพียงฝันไปปวดหัวซะจริง สุราแค่นิดหน่อยเองนะ จากนี้ข้าคงไม่ดื่มอีกแล้ว “คุณหนู ท่านตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ สินค้าตัวใหม่ พร้อมนำไปส่งที่หอจันทราแล้วนะเจ้าคะ”ชุนเอ๋อรายงาน“ไปกัน แต่งตัวให้ข้าที ได้เวลาทำงานแล้ว” ใช่แล้ว นางไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนี้ นางหวังเก็บเงินได้มากพอที่จะไปจากเมืองนี้ ไปแคว้นจ้าว เพื่อสืบหาเรื่องราวของท่านแม่ ถึงแม้ท่านพ่อจะดีกับนาง แต่ก็ไม่สามารถจะห้ามความอยากรู้ความจริงนี้ได้ นางไม่อาจทนให้ใครมาดูถูกมารดาของตนได้ ถึงจะไม่รู้ที่มาแน่นอน แต่นางก็ยังแอบสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ มาตลอด“ไปหอจันทรา” นางบอกคนขับรถม้าของจวน “ขอรับคุณหนู” เอ๋ มีรถม้าจอดหน้าจวน รถของผู้ใดกัน มาเยือนแต่เช้าเช่นนี้ ม่านรถม้าเปิด จังหวะเดียวกันกับที่ฟางซินเปิดม่านหน้าต่างดู นางไม่มีทางจำผิด ชุดขาว รูปร่างสมส่วน หน้าตาดั่งหยก ท่านอ๋องเฉิง ใจนางเจ็บอีกแล้ว ไม่ต้องเดา คงมาหาท่านพี่สินะ หึ ดีแล้วที่ข้าออกมาก่อน จะไ
เมื่อฟางซินกลับถึงจวน ในเรือนใหญ่นั้นดูแปลกกว่าทุกวัน ทำไมวันนี้ช่างวุ่นวาย บ่าวไพร่ สาวใช้ วิ่งสวนทางกัน ทั้งเข้า-ออก เกิดอะไรขึ้นกัน หรือที่จวนจะมีแขกมางั้นหรือ ชุนเอ๋อรีบเข้าไปสอบถาม“อารุ่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอ ที่จวนจะมีแขกรึ ทำไมช่างดูวุ่นวายกันเยี่ยงนี้”“ฮูหยินใหญ่แจ้งว่า คืนนี้ทุกคนในจวนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในวังหลวง ท่านเลยสั่งให้เตรียมของขวัญ ของกำนัล และเครื่องแต่งกายให้คุณหนูรอง วุ่นวายไปหมด ข้าต้องไปเตรียมน้ำให้คุณหนูรองอาบก่อน ไปนะ” ว่าแล้ว สาวใช้เรือนใหญ่ก็รีบวิ่งไป งานเลี้ยงเหรอ งั้นก็ได้กินฟรีน่ะสิ เยี่ยมเลย ฟางซินคิดในใจ ทุกครั้งที่มีงานฉลองที่วังหลวง นางมักจะเพลิดเพลินกับอาหารทั้งคาว-หวานที่ในวังจัดสรรมาให้แขกในงานได้ลิ้มลอง “ต้องไปหาท่านแม่รอง ไปกัน ชุนเอ๋อ”“ท่านแม่รองเจ้าคะ” ฟางซินเรียกฮูหยินรอง ลู่ถังซิน “มาแล้วเหรอ ซินเอ๋อแม่นึกว่าเจ้าจะกลับมาไม่ทันซะแล้ว แม่ส่งเครื่องแต่งกายไปให้เจ้าที่ห้องแล้ว เจ้าก็รีบเตรียมตัว ยามอิ๋น(บ่าย 3-4 โมง) มาเจอกันที่โถงรับแขกนะ”“ในวังหลวงมีงานฉลองอะไรหรือเจ้าคะ หรือฉลองที่แม่ทัพเฉิงปราบกบฏ ได้หรือเจ้าคะ” ฮูหยินแปลกใจเล็กน้