เขาได้เร่งกระหน่ำกระแทกอัดท่อนบุรุษไปข้างหน้า
“อ้าย...” ฟู่หลินหลินหวีดร้องออกมาอีก นางจิกเล็บไปกับที่นอนจนเจ็บนิ้ว เขาอัดโยกกระแทกชนหัวมนแรงสุดแล้วหยุดนิ่ง
นางรับรู้ได้ถึงความร้อนที่พ่นจากปลายลำใหญ่ฉีดพ่นความสุขของเขาเข้าไปในช่องท้องของนาง ซึ่งมากจนมันเอ่อท่วมล้นออกมาตามร่องรูน้อย ๆ ไหลอาบสองขา
เขาก็ทาบทับลงมาฝังแกนหยกในร่องสวาทของนางไม่ผละออก ฟู่หลินหลินได้แต่หายใจหอบระรวยอยู่ใต้ร่างของเขา
นางผล็อยหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลีย อีกทั้งยังมีฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปด้วย เขาขยับร่างกายออกรู้สึกสุขจนเต็มอิ่ม และกอดรัดร่างนาง ต่อมาชายหนุ่มได้จัดท่าให้นอนสบายและก่ายกอดนางจนถึงรุ่งเช้า
วันต่อมา
ฟู่หลินหลินขยับกายอย่างปวดร้าวอยู่บนเตียง นางรู้สึกปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์ ตอนที่ขยับเปลือกตาเปิดออก จึงรับรู้ได้ถึงแสงที่เจิดจ้าที่ลอดเข้ามาในห้องนั้น
‘ฉันอยู่ที่ไหน ที่ไหน’ สถานที่ไม่คุ้นตา
‘โอ้... แล้วทำไมปวดเมื่อยไปหมดอย่างนี้นะ’ ขยับตัวอย่างเมื่อยขบ พยายามยันยกศีรษะของตัวเอง
ย้อนไปที่ปัจจุบัน พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าลงไปทุกที จากที่วางแผนกันไว้ว่าจะเดินไปให้ถึงยอดเขาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน กลับกลายเป็นว่า ต้องพากันรีบวิ่งลงเขามาที่หุบเหวเบื้องล่าง เพื่อค้นหาร่างของฟู่หลินหลิน
นางที่ตกลงมาจากหน้าผา ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ทุกคนได้แต่ตื่นตระหนกตกใจจนแทบจะบ้าคลั่ง
ท่านฟู่กับฟู่หวั่นอิ๋นกำลังใช้ปลายเชือกด้านหนึ่งมัดเข้ากับต้นไม้ ส่วนปลายเชือกอีกด้านมัดเข้ากับตัวเองเพื่อที่จะโรยตัวลงจากหน้าผา ตั้งใจลงไปค้นหาฟู่หลินหลินที่ด้านล่าง
ส่วนฟู่เหว่ยกวงทำหน้าที่ลงเขาไปเพื่อแจ้งตำรวจ
“ลูกจะรีบไปรีบมานะครับ ทางนี้ก็ขอฝากท่านปู่ด้วย” พูดจบฟู่เหว่ยกวงก็รีบลงจากเขา
สถานีตำรวจห่างจากเขาเถาซานแห่งนี้ค่อนข้างไกล น่าจะราว ๆ สิบกิโลเมตรได้ ด้วยฝีเท้าของชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าที่แข็งแรงและว่องไว ก็น่าจะใช้เวลาวิ่งไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ว่าเวลาทุกนาทีมีค่า ฟู่เหว่ยกวงจึงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งให้เร็วที่สุด
“หวังว่าเชือกนี่มันคงจะยาวถึงข้างล่างเหวนะครับ” ฟู่หวั่นอิ๋นพูดขึ้น
ท่านฟู่มองเขาที่ดูจะกล้า ๆ กลัว ๆ การจะลงไปเบื้องล่างเหวในครั้งนี้มันก็อันตราย “หากเจ้าไม่มั่นใจ ปู่ลงไปคนเดียวก็ได้ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนแม่กับน้องของเจ้าเถอะนะ” ท่านยังเป็นห่วงหลินฮวาด้วย
“ลงไปค้นหากันสองคน น่าจะไวกว่าคนเดียวนะครับ ยังไงหลานก็จะลงไปกับท่านปู่” ฟู่หวั่นอิ๋นว่า
จากนั้นทั้งสองก็ค่อย ๆ โรยตัวลงมาช้า ๆ หน้าผาที่เป็นหินค่อนข้างเรียบและลื่น จึงทำให้การโรยตัวเป็นไปอย่างยากลำบาก คิดที่จะเหยียบพักเท้าตรงไหน ก็ทำได้ยากยิ่ง กว่าจะลงมาถึงข้างล่างก็เล่นเอาเหนื่อยพอสมควร
เมื่อปลดเชือกออกจากตัวแล้ว ท่านฟู่กับฟู่หวั่นอิ๋นก็ทำการค้นหาฟู่หลินหลินทันที “เจ้าไปทางด้านนั้น ส่วนด้านนี้ เดี๋ยวปู่ไปหาเอง ระวังตัวด้วย” ท่านฟู่บอก
“ขอรับ ท่านปู่เองก็ระวังตัวด้วย” ฟู่หวั่นอิ๋นตอบรับ
บทที่ 4 ชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง
ท่านฟู่กับฟู่หวั่นอิ๋นก็หาฟู่หลินหลินไม่พบ ทั้งจุดที่พวกเขาหานั้นก็ไม่ได้ไกลจากจุดที่นางตกลงไปเลย ท่านฟู่จึงมานั่งพักกันตรงที่เชือกโรยตัวของพวกเขาที่ห้อยอยู่
“ด้านนี้ไม่พบเลยขอรับท่านปู่” ฟู่หวั่นอิ๋นวิ่งกลับมา ทั้งหายใจหอบ ทั้งรายงานว่าตนเองไม่พบร่างของน้องสาว
“ทางด้านนี้ก็ไม่มีเช่นกัน” ท่านฟู่ว่า
ท่านฟู่คิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวิเคราะห์ว่า
“แปลกเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่หลินหลินตกลงมาบริเวณนี้แท้ ๆ แต่ทำไมถึงหาไม่เจอ”
“หรือว่านางไม่ได้เป็นอะไร และเดินไปที่อื่นแล้ว”
“ท่านปู่ หลานเองก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรที่ไม่ดีออกมานะครับ แต่ว่าหุบเหวก็ลึกถึงปานนั้น ผู้ที่ตกลงมาจะสามารถเดินไปต่อได้เชียวหรือครับ” ฟู่หวั่นอิ๋นตอบ
“ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า” ท่านฟู่เห็นด้วย
ฟู่หวั่นอิ๋นพาเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งกลับมาด้วย มีสี่ห้าคนที่ตามพวกท่านลงมาเพื่อช่วยค้นหาฟู่หลินหลินอีกแรงหนึ่ง
ตอนนี้ก็เป็นเวลาค่ำมืดแล้ว แสงสว่างแทบจะไม่มีนอกจากแสงจากไฟฉายของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น จากนั้นไม่นานก็เหมือนปาฏิหาริย์ พวกเขาก็หาเจอร่างของฟู่หลินหลิน ร่างของเธอตกอยู่ที่พุ่มไม้ไม่ไกลจากที่พวกเขาตามหามากนัก บริเวณนี้ฟู่หวั่นอิ๋นเดินมาหารอบหนึ่งแล้ว
แต่น่าจะเป็นเพราะว่ามืดเกินไป จึงไม่เห็นว่าร่างของฟู่หลินหลินนอนอยู่ที่ใต้พุ่มไม้ อาจเป็นเพราะว่าตรงนั้นเป็นเนิน จึงทำให้ร่างของนางกลิ้งมาไกลกว่าปกติ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเจอฟู่หลินหลิน ก็ต้องแสดงความเสียใจกับท่านฟู่ เนื่องจากร่างนั้นไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว ท่านฟู่เองก็ทำใจเผื่อเอาไว้แล้ว เนื่องจากคาดเดาได้ว่าหน้าผาสูงถึงเพียงนี้คงจะยากที่จะมีชีวิตรอดกลับไป
ส่วนฟู่หวั่นอิ๋นผู้เป็นพี่ชายนั้นได้แต่ร้องไห้โฮออกมา ทุกคนรับรู้และต่างเศร้าเสียใจ การมาพักผ่อนกลับสูญเสียคนที่รัก พวกเขาได้ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจลำเลียงร่างไร้วิญญาณของฟู่หลินหลินออกมาจากหุบเหวนั้น
หลินฮวาเห็นร่างของลูกสาวก็ถึงกับร้องไห้จนเป็นลมล้มพับไป ฟู่เหว่ยกวงต้องพยุงแม่ของตนเองเดินมาขึ้นรถอย่างทุลักทุเล
หลินฮวารู้สึกเสียใจมาก ได้แต่โทษตัวเองที่ชวนท่านฟู่กับลูก ๆ มาเที่ยวที่นี่ และเป็นสาเหตุให้ฟู่หลินหลินต้องตาย
“เป็นเพราะแม่คนเดียว แม่ไม่น่าพาทุกคนมาที่นี่” หลินฮวาพูดไปร้องไห้ไป ท่านฟู่เห็นหลินฮวาโศกเศร้าเสียใจ ก็รีบพูดปลอบใจทั้ง ๆ ที่ตนเองก็เศร้าเช่นกัน
“อย่าคิดว่าเป็นความผิดของเจ้าเลย คนเราย่อมมีเกิด มีตายเป็นธรรมดา ถึงเวลาของหลินหลิน” ท่านฟู่ก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา
งานศพของฟู่หลินหลินจัดอย่างยิ่งใหญ่ที่สุสานตระกูลฟู่แถบชานเมืองเซี่ยงไฮ้
มีแขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย ทุกคนต่างก็พากันแสดงความเสียใจกับเทียนหยูและหลินฮวาที่ต้องสูญเสียลูกสาว ท่ามกลางความเสียใจของทุกคน
อยู่ ๆ ก็มีนกสีขาวบินมาเกาะรอบ ๆ โลงศพของฟู่หลินหลิน ตามความเชื่อของคนสมัยนั้น เมื่อมีนกมาเกาะที่โลงศพก็หมายความว่า นกนั้นมานำพาวิญญาณของผู้เสียชีวิตไปขึ้นสวรรค์
หลินฮวาเมื่อเห็นนกนั้นก็ร้องไห้ออกมาโฮใหญ่ รู้แน่แก่ใจว่าลูกสาวของตนจะไม่มีทางได้กลับมาบ้านแล้ว
ฟู่หลินหลินที่มาเข้าร่างใหม่นั้น ก็ตื่นขึ้นมาในอีกวัน ตอนนี้ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าจนแทบจะอยู่กลางศีรษะอยู่รำมะร่อก็จะให้ทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อบุรุษผู้นั้นเคี่ยวกรำนางอย่างหนักมาตลอดทั้งคืน สามสี่ยกเลยก็ว่าได้ แต่ละยกนั้นเขาก็ใช้เวลานานแสนนาน จนนางแทบไม่ได้นอนขอบตาดำคล้ำไปหมดแล้ว ฟู่หลินหลินปวดเนื้อปวดตัวจนแทบจะขยับร่างกายไปไหนไม่ได้ ‘บุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน เป็นสามีของข้าในชาตินี้อย่างนั้นหรือ’ ฟู่หลินหลินพูดคุยกับตนเองพอตั้งสติได้แล้ว ฟู่หลินหลินก็ลุกขึ้นนั่ง ปรากฏว่าบนเรือนร่างของนางไม่มีอาภรณ์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว‘นี่เขากระทำอย่างนั้นกับข้าเสร็จแล้ว ก็ไม่คิดที่จะใส่เสื้อผ้าหรือว่าหาอะไรมาคลุมให้ข้าหน่อยหรืออย่างไร เหตุใดจึงได้ปล่อยให้ข้าล่อนจ้อนเพียงนี้ หากมีใครมาเห็นเข้าจะว่าอย่างไรเล่า’ นางคิดก็เกิดความอายฟู่หลินหลินมองสังเกตไปรอบห้อง เมื่อคืนที่นางลุกไปเอายานั้น แสงไฟไม่ค่อยสว่างเท่าใดนัก จึงไม่ได้ดูว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างใดพอได้เห็นเต็มตา การประดับตกแต่งโบร่ำโบราณ แต่ทุกอย่างก็ดูโอ่อ่า‘ที่นี่ก็น่าจะเป็นจวนหรือไม่ก็บ้านของคนมีฐานะกระมัง ห้องนี้มีขนาดใหญ่มาก’ ฟู่หลินหลิ
“อืม... ถ้าเช่นนั้นข้าคิดว่า ข้าก็เหมาะที่จะเป็นชาวจ้าวมากกว่าชาวฉินนะสิ จริงไหม? เพราะข้าไม่อยากจะอยู่ในพิธีรีตอง เอาแบบนี้เจียงอ่าว เราสองคนกลับไปเป็นชาวจ้าว และก็จะได้ทำอะไร ๆ แบบชาวจ้าว”“พูดอย่างนั้นได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ นายหญิงเหมือนลืมอะไรไป ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนท่านถูกท่านแม่ทัพจัดการจนสมองจะเพี้ยนไป ในเมื่อนายหญิงแต่งมาอยู่ในครอบครัวของท่านแม่ทัพแล้ว นายหญิงก็นับเป็นชาวฉินไปแล้วเจ้าค่ะ แล้วสถานะตอนนี้ไม่ได้เป็นภรรยาเฉย ๆ แต่ยังถือว่าเป็นเชลยของท่านแม่ทัพด้วย” เจียงอ่าวเล่าความจริง ทำให้ฟู่หลินหลินกระจ่างในหัวใจ‘เชลย’‘โอ้! เหมือนเป็นทาสเป็นเชลยที่จะถูกจับมาทรมาน แล้วเมื่อคืนเขาก็ทรมานข้า’ ฟู่หลินหลินทำตาโตเท่าไข่หงส์เจียงอ่าวที่ไม่ได้สนใจนายหญิง พูดจบแล้วก็เดินไปหยิบอาภรณ์ชุดสีชมพูอ่อนมา แล้วกางออกให้นายหญิงของตนดู“ใส่อาภรณ์ชุดนี้นะเจ้าคะ มันทำมาจากผ้าไหมทออย่างละเอียด และมีปักลายดอกโบตั๋นที่สาบเสื้อตรงนี้ด้วย นายหญิงเคยโปรดปราน”“ชุดนี้น่ะเหรอ” ถามกลับ เพราะดูโดยรวมแล้วเป็นชุดที่เรียบร้อยและอ่อนหวานหยดยิ่งนัก ฟู่หลินหลินรีบส่ายหัว ความชอบของนางคือสีมืดและทึม ๆ“เอ๊ะ! ต้องใส่สิ
“ผู้หญิงแคว้นจ้าวก็เป็นอย่างนี้แหละเจ้าค่ะ หาคนกิริยามารยาทงามได้ยากยิ่ง ยิ่งพวกที่ทรยศบ้านเมืองตัวเองด้วยแล้ว ยิ่งไร้คุณสมบัติของผู้ดีไปอีกนะเจ้าคะ” ปลายเสียงหัวเราะฮึ ๆ ปู้เป่ยเอ่ย‘ทรยศบ้านเมืองตัวเองอย่างนั้นหรือ เหตุใดกันล่ะ’ ฟู่หลินหลินคิดในใจ สับสนงงงวย กว่านางจะเข้าใจทุกเรื่องจะต้องใช้เวลาในการซักถามกับเจียงอ่าวเป็นวัน ๆ แน่นอน“นี่เจ้า... ยังไม่รู้กาลเทศะเหมือนเดิมนะ”เสียงรวบพัดตบเข้าหากันดังพรึบ ก่อนจะชี้มาที่ใบหน้าของฟู่หลินหลินอีก เมื่อฟู่หลินหลินได้ยินเช่นนั้นรีบตั้งสติ แล้วรีบลุกขึ้นยืน“ฟู่หลินหลินคารวะท่านแม่” พร้อมทำท่าทางเหมือนที่เจียงอ่าวสอน และที่เห็นในจอโทรทัศน์ของที่บ้านรั่วฮูหยินไม่ตอบคำ เพียงแต่เบือนหน้าหนีราวกับจะไม่รับการคารวะจากนาง ฟู่หลินหลินเห็นดังนั้น ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า รั่วฮูหยินคงไม่ชอบนางมากจริง ๆ ตอนที่ได้ยินเจียงอ่าวเล่า ยังไม่เห็นภาพ แต่ตอนนี้ชัดเจนยิ่งแล้วเกิดมายังไม่เคยมีใครทำอะไรให้ฟู่หลินหลินรู้สึกขุ่นเคืองได้เพียงนี้‘แต่ที่นี่... ไม่ใ
ฟู่หลินหลินใจสั่นสะท้าน ก็ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเอง ความมั่นใจในสมัยที่ยังไม่มาที่นี่หายไปไหนนางใช้มือทั้งสองถูหน้าขาของตนเองไปมา เพื่อสะกดความกลัวกับความตื่นเต้นเอาไว้แม่ทัพรั่วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับนางแล้วเปิดฉากการสนทนา“ที่ข้าต้องคุยกับเจ้า เพราะว่าข้าต้องมอบหมายงานให้เจ้าทำในฐานะภรรยา” ซึ่งรั่วเฉินก็รู้ เขาทิ้งนางในตอนนี้ไม่ได้ ต้องหอบหิ้วนางไปทุกที่ หากไม่อยากได้ยินคำครหาก็ต้องเคี่ยวกรำและฝึกฝนนาง“งานอะไรหรือเจ้าคะ” ฟู่หลินหลินถาม แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาที่มีสีหน้าจริงจังมากกว่าเดิมอีก“ปกติแล้ว งานดูแลเรื่องการควบคุมจวน และแบ่งหน้าที่ คอยติดตามทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนทำงานในทุกตำแหน่งในจวนนี้เป็นของท่านแม่ แต่นับตั้งแต่ต่อไปนี้ ข้าจะให้ท่านแม่ได้พักผ่อนบ้าง ในเมื่อเจ้าแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลรั่วแล้ว หน้าที่นี้ย่อมต้องเป็นของเจ้า ในทุก ๆ วันเจ้าจะต้องควบคุมดูแลให้พวกบ่าวไพร่ทำงานในจวน ไม่ว่าจะเป็นงานทำความสะอาด งานในครัว งานในสวนดอกไม้ ต้องให้เรียบร้อย อย่าได้ขาดตกบ
ฟู่หลินหลินคิดผิดที่ต่อปากต่อคำกับเขา และขัดใจท่านแม่ทัพ เขากระแทกร่างของนางชนกับขอบโต๊ะ แล้วกดดันหลังของนางให้โน้มชิดเอาตัวติดกับพื้นไม้“อะ” นางเกือบจะร้องลั่นดังออกมา แต่ก็ต้องงับขบริมฝีปากให้แน่นสนิท ฟู่หลินหลินรู้ตัวตลอด เขารื้อร่นจนชายชุดที่ใส่อยู่ขึ้นมากองอยู่เหนือเอวจากนั้นแม่ทัพนั่งลงไปที่ด้านล่าง แล้วได้ชิดใบหน้าฝั่งลงไปที่ด้านหลัง เขาฝังจมูกโด่งคมสันลงไปกลางร่อง สองขาของฟู่หลินหลินที่ถูกเขาจับให้แยกออกกว้าง ปลายลิ้นเร่าร้อนของแม่ทัพหนุ่มจ้วงแทงพ้นริมฝีปากและเริ่มละเลงไปกับกลีบดอกไม้แสนงามของนาง ฟู่หลินหลินครางครวญ และสะดุ้งตัว ‘เรื่องเซ็กซ์กับผู้ชายช่างเป็นของคู่กัน ที่ขาดไม่ได้ นี่เขาเป็นถึงท่านแม่ทัพ แต่ทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างถึงรสชาติ’“อื้อ... อย่า... ท่าน... อ้า... ซี้ด...” ความระร้ายของปลายชิวหาทำให้ฟู่หลินหลินน้ำตาไหลซึมเอ่อ นางอ้าขยับร้องครวญคราง หัวสมองและร่างกายของฟู่หลินหลินเริ่มปั่นป่วนเขาดูดดุนน้ำหวานที่ไหลบ่าออกมาจากร่องรูรักของฟู่หลินหลินอย่างไม่คิดรังเกียจ และทำเหมื
ฟู่หลินหลินเดินไปมาพร้อมกับใช้ความคิด ใบหน้าสวย ๆ ของนางตอนนี้บูดบึ้ง นางไม่คิดว่าเขาจะกลั่นแกล้งนางถึงขั้นนั้น จับกดแล้วขึ้นขี่ตรงไหนก็ได้แล้วยังจะมาออกคำสั่งใช้ให้นางทำงานที่ลำบากด้วย ฟู่หลินหลินเกิดความกังวลเพราะว่าไม่เคยทำมาก่อน อีกอย่างแม่สามีที่ร้ายกาจคอยจับผิดอีกนางได้แต่ถอนหายใจออกมา นั่งห้อยขาแกว่งไปแกว่งมาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เจียงอ่าวก็มองอย่างสงสัย ฟู่หลินหลินบ่นกระปอดกระแปดให้เจียงอ่าวได้ยิน“ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงหน้าที่ควบคุมดูแลก็เถอะ แต่เรื่องแค่นี้ทำไมจะต้องให้ข้าทำด้วย ถ้าข้าโดนฝุ่นจนโรคภูมิแพ้กำเริบผู้ใดจะรับผิดชอบ”“มีเรื่องอันใดกันหรือเจ้าคะนายหญิง เหตุใดจึงไม่สบอารมณ์ถึงเพียงนี้” เจียงอ่าวเมื่อเห็นนายของตนดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดีจึงถามฟู่หลินหลินพ่นลมออกจากจมูกคราหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับเจียงอ่าวอย่างจริงจัง“นี่ฟังนะเจียงอ่าว ผู้ชายคนนั้นเขาให้ข้าดูแลงานเรื่องทำความสะอาด เขาไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้าเป็นถึงคุณหนูตระกูลฟู่เชียวนะ ข้า...” เจียงอ่าวรีบแต่ท
เนื่องจากฟู่หลินหลินตื่นสาย นางจึงไม่ได้รับประทานอาหารเช้าร่วมกับสามี แต่ว่าเวลานี้ใกล้จะเที่ยงอีกแล้ว ถึงเวลาต้องปรนนิบัติสามีให้กินอาหารกลางวัน แต่ด้วยความที่มาจากต่างยุคต่างสมัย จึงไม่รู้ว่าคนในยุคนี้ เขาปรนนิบัติกันอย่างไร“พูดเรื่องปรนนิบัติเขา ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง” นางจึงถามเจียงอ่าวอีก เจียงอ่าวรีบถ่ายทอดความรู้ให้กับนายหญิงของตนยกใหญ่เป็นขั้นเป็นตอนเสร็จสรรพ“เจียงอ่าว เจ้าทำไมรู้เรื่องพวกนี้ละเอียดยิ่ง เจ้าเคยมีสามีหรือไม่” ฟู่หลินหลินถาม“ไม่เคยเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวตอบ“อ้าว ยังไม่มีสามีเหรอ” ฟู่หลินหลินงึมงำอีก นางได้ยินคำตอบอย่างนี้ก็แปลกใจ ผู้หญิงที่ไม่เคยมีสามี เหตุใดจึงรู้เรื่องของการปรนนิบัติสามีได้ดีเพียงนี้“แล้วเจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน” ฟู่หลินหลินเบิ่งตาโตใส่เจียงอ่าว แต่สักครู่ก็ทำสายตาล้อเลียนเจียงอ่าวสบตานายหญิงของตน นางตอบกลับ “เรื่องพวกนี้ฟู่ฮูหยินสอนเจียงอ่าวมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้เจียงอ่าวมาดูแลนายหญิงโ
“ทำความสะอาดอย่างนั้นหรือ ข้าไม่ทำหรอก เจียงอ่าว พวกเรามีเงินหรือไม่” ฟู่หลินหลินถามเจียงอ่าวเหลียวหน้าเหลียวหลัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้วก็กระซิบกระซาบตอบนายหญิงของตน“มีเจ้าค่ะ ท่านเจ้าเมืองให้มาสองพันกว่าตำลึง”“แล้วตอนนี้อยู่ที่ใดฮึ?” ฟู่หลินหลินเบิ่งตาโตเจียงอ่าวนิ่วหน้าอย่างเสียมิได้ มือทั้งสองยกขึ้นมาบอกปัด “ไม่ได้นะเจ้าคะนายหญิง ท่านเจ้าเมืองให้เอาไว้เพื่อให้นายหญิงใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้นเจ้าค่ะ จะเอาออกมาใช้ในเรื่องมิใช่เรื่องไม่ได้”ฟู่หลินหลินทำหน้าตาบูดบึ้ง“ทำไมจะไม่ได้ฮึ?” ทำหน้าตาไม่พอใจอยู่“ไม่ได้ก็ไม่ได้สิเจ้าคะ เอาเหตุผลอันใดในตอนนี้ ไม่ ไม่...” เจียงอ่าวส่ายหน้า และไม่ยอมมองหน้าของเจ้านายอีกเลย“เฮ้อ...” ฟู่หลินหลินลอบถอนหายใจ จะทำอะไรก็ไม่ได้มากนัก ไม่เหมือนตอนอยู่กับท่านแม่‘ช่างก่อน พักเอาไว้ก่อน’ เริ่มครุ่นคิดอย่างอื่นในที่สุดก็ตัดใจจากเงินก้อนนั้น ในเมื่อท่านพ่อมอบไว้ให้ใช้ยามฉุกเฉิน
“โอ๊ย! ไม่ต้องแล้วเจียงอ่าว เจ้าแกล้งข้าใช่ไหม ที่ข้าทำให้เจ้าถูกดุ และปรามาสคาดโทษ ฮึ... ข้าไม่อาบล่ะ เลิก ๆ หยุด ๆ พอกันที” ทำเสียงหงุดหงิด และจะออกจากอ่างอาบน้ำ“แต่ว่า... ยังไม่ทันเสร็จเลยนะเจ้าคะ”เจียงอ่าวผงะห่าง ฟู่หลินหลินก็ก้าวขาพรวดออกมาจากอ่างน้ำ“พอแล้ว ไม่อาบแล้ว ที่จริงข้าก็ไม่ได้สกปรกจนต้องให้เจ้าขัดผิวข้าอย่างนี้ เจ้ารู้ตัวไหมเจ้าขัดน่ะนะเหมือนหนังจะหลุด ขัดแรงชะมัดเลย เจ็บ ๆ พอ ๆ อีกอย่างข้าก็หนาวแล้วด้วย” ปากของนางสั่นกระทบกันจริง ๆ“ก็เถลไถลไปเล่นเรื่อยเปื่อย นี่หากท่านไม่สบายเจ็บป่วยขึ้นมา ต้องถูกท่านแม่ทัพเยาะเย้ยแน่ ๆ เจ้าค่ะ”เมื่อเจ้านายพูดอย่างนั้น เจียงอ่าวจึงเอาผ้ามาให้นายหญิงห่อพันตัว“ตอนที่อยู่ที่ลำธาร ข้าก็แช่อยู่ในน้ำตั้งนานสองนานแล้ว ขี้ไคลของข้าหลุดหมดแหละ และไม่ต้องห่วงว่าข้าจะเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะข้าได้ชื่อว่า เจ้าหญิงแห่งความแข็งแรง และสุขภาพดี ข้าไม่เคยป่วยให้ท่านแม่ต้องเป็นห่วงแม้แต่สักครั้ง” ฟู่หลินหลินอดที่จะค
ท่านแม่ทัพพาฟู่หลินหลินกลับมาถึงจวนด้วยสภาพที่เปียกปอน เขาแบกร่างนางกลับเข้าไปในจวน ตรงไปที่ห้องพักของฟู่หลินหลินฟู่หลินหลินดีดดิ้นขัดขืนแต่ทว่าแม่ทัพรั่วก็ยังไม่ยอมปล่อยนางลงสักที จนกระทั่งถึงห้องของนาง แล้วชายหนุ่มก็จับให้นางนั่งตรงหน้า โดยมีตัวของเขาเองคร่อมร่างของนางเอาไว้ โดยกันเอาไว้ให้นางลุกหนีไปไหนได้“ตอนนี้ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ ท่านก็ปล่อยข้าได้แล้วสิ” ฟู่หลินหลินยังกล้าต่อรอง“เจียงอ่าว” แม่ทัพรั่วตะโกนเรียกเสียงดัง“มาแล้วเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวรีบวิ่งมา จนแทบจะสะดุดขาตนเองล้มท่านแม่ทัพเอื้อมมือไปจับที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของฟู่หลินหลิน และบีบลงน้ำหนัก เหมือนว่าคุณชายจะระงับอารมณ์ที่โกรธขึ้งเอาไว้เต็มที่เขาหันไปกำชับกับเจียงอ่าวว่า “เจ้าดูแลนางให้ดี อย่าให้ออกจากจวนไปแม้แต่ก้าวเดียว มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้าให้ถึงตายแน่ก็คราวนี้” เขาไม่ได้จะเอาโทษกับตัวนาง แต่จะเอาโทษกับเจียงอ่าวแทน รั่วเฉินผละห่าง“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ข้าจะดูแลนายหญิงอย่างดีเจ้าค่ะ” เจียงอ่
“แม่นาง โยนห่วงหรือไม่” พ่อค้าถามฟู่หลินหลินมองไปที่พื้น บนพื้นมีสิ่งของให้เลือกคล้องมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาทำมือ ถุงหอม เครื่องเคลือบ พู่ห้อยเอว ถังหูลู่ และอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วก็ครุ่นคิดว่าจะคล้องเอาอันไหนเมื่อเลือกไว้ในใจได้แล้ว ก็หันไปถามพ่อค้าว่า“ห่วงละเท่าไหร่”“หนึ่งอี้ได้สามห่วงขอรับ โยนคล้องได้ชิ้นไหน ก็เอาชิ้นนั้นไปเลย” พ่อค้าตอบ ฟู่หลินหลินทำทีเอามือคลำไปมาที่เอวราวกับว่ากำลังคลำหาถุงเงินอยู่จากนั้นก็ทำสีหน้าเหลอหลาขึ้นมาประหนึ่งว่าตนทำถุงผ้าสำหรับใส่เงินของนางได้หล่นหายไป “ข้าคงไม่ได้เล่นแล้วล่ะ หือ... ถุงเงินของข้าหายไปไหนก็ไม่รู้ สงสัยข้าจะทำตกไปแล้ว”นางพูดพร้อมทำสีหน้าเศร้า ส่งสายตาปริบ ๆ ให้กับพ่อค้าพ่อค้าได้แต่ยืนยิ้มเจื่อน แต่ก็อดสงสารฟู่หลินหลินไม่ได้ จึงบอกกับนาง“เอาอย่างนี้ ข้าจะให้เจ้าโยนหนึ่งห่วง แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องช่วยข้าเรียกลูกค้า”ฟู่หลินหลินตกลงทันที“ได้สิ เรื่องนี้ขี้ปะติ๋ว” พูดจบก็ยกมือขึ้
“ทำความสะอาดอย่างนั้นหรือ ข้าไม่ทำหรอก เจียงอ่าว พวกเรามีเงินหรือไม่” ฟู่หลินหลินถามเจียงอ่าวเหลียวหน้าเหลียวหลัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้วก็กระซิบกระซาบตอบนายหญิงของตน“มีเจ้าค่ะ ท่านเจ้าเมืองให้มาสองพันกว่าตำลึง”“แล้วตอนนี้อยู่ที่ใดฮึ?” ฟู่หลินหลินเบิ่งตาโตเจียงอ่าวนิ่วหน้าอย่างเสียมิได้ มือทั้งสองยกขึ้นมาบอกปัด “ไม่ได้นะเจ้าคะนายหญิง ท่านเจ้าเมืองให้เอาไว้เพื่อให้นายหญิงใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้นเจ้าค่ะ จะเอาออกมาใช้ในเรื่องมิใช่เรื่องไม่ได้”ฟู่หลินหลินทำหน้าตาบูดบึ้ง“ทำไมจะไม่ได้ฮึ?” ทำหน้าตาไม่พอใจอยู่“ไม่ได้ก็ไม่ได้สิเจ้าคะ เอาเหตุผลอันใดในตอนนี้ ไม่ ไม่...” เจียงอ่าวส่ายหน้า และไม่ยอมมองหน้าของเจ้านายอีกเลย“เฮ้อ...” ฟู่หลินหลินลอบถอนหายใจ จะทำอะไรก็ไม่ได้มากนัก ไม่เหมือนตอนอยู่กับท่านแม่‘ช่างก่อน พักเอาไว้ก่อน’ เริ่มครุ่นคิดอย่างอื่นในที่สุดก็ตัดใจจากเงินก้อนนั้น ในเมื่อท่านพ่อมอบไว้ให้ใช้ยามฉุกเฉิน
เนื่องจากฟู่หลินหลินตื่นสาย นางจึงไม่ได้รับประทานอาหารเช้าร่วมกับสามี แต่ว่าเวลานี้ใกล้จะเที่ยงอีกแล้ว ถึงเวลาต้องปรนนิบัติสามีให้กินอาหารกลางวัน แต่ด้วยความที่มาจากต่างยุคต่างสมัย จึงไม่รู้ว่าคนในยุคนี้ เขาปรนนิบัติกันอย่างไร“พูดเรื่องปรนนิบัติเขา ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง” นางจึงถามเจียงอ่าวอีก เจียงอ่าวรีบถ่ายทอดความรู้ให้กับนายหญิงของตนยกใหญ่เป็นขั้นเป็นตอนเสร็จสรรพ“เจียงอ่าว เจ้าทำไมรู้เรื่องพวกนี้ละเอียดยิ่ง เจ้าเคยมีสามีหรือไม่” ฟู่หลินหลินถาม“ไม่เคยเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวตอบ“อ้าว ยังไม่มีสามีเหรอ” ฟู่หลินหลินงึมงำอีก นางได้ยินคำตอบอย่างนี้ก็แปลกใจ ผู้หญิงที่ไม่เคยมีสามี เหตุใดจึงรู้เรื่องของการปรนนิบัติสามีได้ดีเพียงนี้“แล้วเจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน” ฟู่หลินหลินเบิ่งตาโตใส่เจียงอ่าว แต่สักครู่ก็ทำสายตาล้อเลียนเจียงอ่าวสบตานายหญิงของตน นางตอบกลับ “เรื่องพวกนี้ฟู่ฮูหยินสอนเจียงอ่าวมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้เจียงอ่าวมาดูแลนายหญิงโ
ฟู่หลินหลินเดินไปมาพร้อมกับใช้ความคิด ใบหน้าสวย ๆ ของนางตอนนี้บูดบึ้ง นางไม่คิดว่าเขาจะกลั่นแกล้งนางถึงขั้นนั้น จับกดแล้วขึ้นขี่ตรงไหนก็ได้แล้วยังจะมาออกคำสั่งใช้ให้นางทำงานที่ลำบากด้วย ฟู่หลินหลินเกิดความกังวลเพราะว่าไม่เคยทำมาก่อน อีกอย่างแม่สามีที่ร้ายกาจคอยจับผิดอีกนางได้แต่ถอนหายใจออกมา นั่งห้อยขาแกว่งไปแกว่งมาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เจียงอ่าวก็มองอย่างสงสัย ฟู่หลินหลินบ่นกระปอดกระแปดให้เจียงอ่าวได้ยิน“ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงหน้าที่ควบคุมดูแลก็เถอะ แต่เรื่องแค่นี้ทำไมจะต้องให้ข้าทำด้วย ถ้าข้าโดนฝุ่นจนโรคภูมิแพ้กำเริบผู้ใดจะรับผิดชอบ”“มีเรื่องอันใดกันหรือเจ้าคะนายหญิง เหตุใดจึงไม่สบอารมณ์ถึงเพียงนี้” เจียงอ่าวเมื่อเห็นนายของตนดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดีจึงถามฟู่หลินหลินพ่นลมออกจากจมูกคราหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับเจียงอ่าวอย่างจริงจัง“นี่ฟังนะเจียงอ่าว ผู้ชายคนนั้นเขาให้ข้าดูแลงานเรื่องทำความสะอาด เขาไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้าเป็นถึงคุณหนูตระกูลฟู่เชียวนะ ข้า...” เจียงอ่าวรีบแต่ท
ฟู่หลินหลินคิดผิดที่ต่อปากต่อคำกับเขา และขัดใจท่านแม่ทัพ เขากระแทกร่างของนางชนกับขอบโต๊ะ แล้วกดดันหลังของนางให้โน้มชิดเอาตัวติดกับพื้นไม้“อะ” นางเกือบจะร้องลั่นดังออกมา แต่ก็ต้องงับขบริมฝีปากให้แน่นสนิท ฟู่หลินหลินรู้ตัวตลอด เขารื้อร่นจนชายชุดที่ใส่อยู่ขึ้นมากองอยู่เหนือเอวจากนั้นแม่ทัพนั่งลงไปที่ด้านล่าง แล้วได้ชิดใบหน้าฝั่งลงไปที่ด้านหลัง เขาฝังจมูกโด่งคมสันลงไปกลางร่อง สองขาของฟู่หลินหลินที่ถูกเขาจับให้แยกออกกว้าง ปลายลิ้นเร่าร้อนของแม่ทัพหนุ่มจ้วงแทงพ้นริมฝีปากและเริ่มละเลงไปกับกลีบดอกไม้แสนงามของนาง ฟู่หลินหลินครางครวญ และสะดุ้งตัว ‘เรื่องเซ็กซ์กับผู้ชายช่างเป็นของคู่กัน ที่ขาดไม่ได้ นี่เขาเป็นถึงท่านแม่ทัพ แต่ทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างถึงรสชาติ’“อื้อ... อย่า... ท่าน... อ้า... ซี้ด...” ความระร้ายของปลายชิวหาทำให้ฟู่หลินหลินน้ำตาไหลซึมเอ่อ นางอ้าขยับร้องครวญคราง หัวสมองและร่างกายของฟู่หลินหลินเริ่มปั่นป่วนเขาดูดดุนน้ำหวานที่ไหลบ่าออกมาจากร่องรูรักของฟู่หลินหลินอย่างไม่คิดรังเกียจ และทำเหมื
ฟู่หลินหลินใจสั่นสะท้าน ก็ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเอง ความมั่นใจในสมัยที่ยังไม่มาที่นี่หายไปไหนนางใช้มือทั้งสองถูหน้าขาของตนเองไปมา เพื่อสะกดความกลัวกับความตื่นเต้นเอาไว้แม่ทัพรั่วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับนางแล้วเปิดฉากการสนทนา“ที่ข้าต้องคุยกับเจ้า เพราะว่าข้าต้องมอบหมายงานให้เจ้าทำในฐานะภรรยา” ซึ่งรั่วเฉินก็รู้ เขาทิ้งนางในตอนนี้ไม่ได้ ต้องหอบหิ้วนางไปทุกที่ หากไม่อยากได้ยินคำครหาก็ต้องเคี่ยวกรำและฝึกฝนนาง“งานอะไรหรือเจ้าคะ” ฟู่หลินหลินถาม แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาที่มีสีหน้าจริงจังมากกว่าเดิมอีก“ปกติแล้ว งานดูแลเรื่องการควบคุมจวน และแบ่งหน้าที่ คอยติดตามทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนทำงานในทุกตำแหน่งในจวนนี้เป็นของท่านแม่ แต่นับตั้งแต่ต่อไปนี้ ข้าจะให้ท่านแม่ได้พักผ่อนบ้าง ในเมื่อเจ้าแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลรั่วแล้ว หน้าที่นี้ย่อมต้องเป็นของเจ้า ในทุก ๆ วันเจ้าจะต้องควบคุมดูแลให้พวกบ่าวไพร่ทำงานในจวน ไม่ว่าจะเป็นงานทำความสะอาด งานในครัว งานในสวนดอกไม้ ต้องให้เรียบร้อย อย่าได้ขาดตกบ
“ผู้หญิงแคว้นจ้าวก็เป็นอย่างนี้แหละเจ้าค่ะ หาคนกิริยามารยาทงามได้ยากยิ่ง ยิ่งพวกที่ทรยศบ้านเมืองตัวเองด้วยแล้ว ยิ่งไร้คุณสมบัติของผู้ดีไปอีกนะเจ้าคะ” ปลายเสียงหัวเราะฮึ ๆ ปู้เป่ยเอ่ย‘ทรยศบ้านเมืองตัวเองอย่างนั้นหรือ เหตุใดกันล่ะ’ ฟู่หลินหลินคิดในใจ สับสนงงงวย กว่านางจะเข้าใจทุกเรื่องจะต้องใช้เวลาในการซักถามกับเจียงอ่าวเป็นวัน ๆ แน่นอน“นี่เจ้า... ยังไม่รู้กาลเทศะเหมือนเดิมนะ”เสียงรวบพัดตบเข้าหากันดังพรึบ ก่อนจะชี้มาที่ใบหน้าของฟู่หลินหลินอีก เมื่อฟู่หลินหลินได้ยินเช่นนั้นรีบตั้งสติ แล้วรีบลุกขึ้นยืน“ฟู่หลินหลินคารวะท่านแม่” พร้อมทำท่าทางเหมือนที่เจียงอ่าวสอน และที่เห็นในจอโทรทัศน์ของที่บ้านรั่วฮูหยินไม่ตอบคำ เพียงแต่เบือนหน้าหนีราวกับจะไม่รับการคารวะจากนาง ฟู่หลินหลินเห็นดังนั้น ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า รั่วฮูหยินคงไม่ชอบนางมากจริง ๆ ตอนที่ได้ยินเจียงอ่าวเล่า ยังไม่เห็นภาพ แต่ตอนนี้ชัดเจนยิ่งแล้วเกิดมายังไม่เคยมีใครทำอะไรให้ฟู่หลินหลินรู้สึกขุ่นเคืองได้เพียงนี้‘แต่ที่นี่... ไม่ใ